เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

วันนีดูข่าวเห็นรวมตัวกันจะให้แก้กฏหมายป่าไม้ กม.อุทยาน กม.ปฏิรูปที่ดิน เพื่อ....พวกพ้องส่วนน้อยของตนเองจะได้ประดยชน์ ถ้ารัฐบาลใหม่นี้มันกล้าให้ก็ด้านด้วย

 ::001::ถ้าข้าราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่มีการปลูกสิ่งปลูกสร้างแล้ว

คงไม่่เกิดปัญหาขึ้นในปัจจุบันหรอก จำเลยแรก ก็คือ เจ้าหน้าที่ บ้านเมืองนั่นเอง ข้อหาละเว้น ปฏิบัติหน้าที่

ทั้งที่รู้ และเห็น มาตั้งแต่ปัญหายังไม่เกิด ถนนหนทางที่ใช้ปฏิบัตหน้าที่อยู่ทุกวัน ทั้งอดีต ยันปัจจุบัน ก็เห็นสิ่งปลูกสร้าง

เหล่านี้ อยู่ทุกวัน ตั้งแต่ ปรับพื้นที่ ยันเสร็จเป็นรีสอร์ท ตามๆกัน นับสิบ นับร้อยที่ ทำไมไม่ไปสั่งใช้กฎหมายตั้งแต่แรก

ปล่อยให้มีมาก จนจะมีการรวมกลุ่มเจ้าของรีสอร์ท ว่าจะให้มีการแก้กฎหมายเพื่อให้นายทุนไม่ผิด  ::009::

เพราะนโยบายผู้ใหญ่สมัยนั้น ค้ำ จ่อคออยู่ พวกที่ทำงานในพื้นที่ต้องปฏิบัติงานทำหน้าที่อย่างกล้ำกลืน จะว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็คงไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ตั้งใจจะกระทำ/ปฎิบัติตามกรอบของระเบียบและกฏหมายอย่างตั้งใจก็มีนะครับ แต่ทำอะไรมากไม่ได้ มันถึงได้บานปลายมาจนถึงวันนี้  การพัฒนา การนำความเจริญให้แก่ชุมชนมักจะสวนทางกับการอนุรักษ์ทรัพยากรจริงๆ คนทำงานเหนื่อยครับ เอาใจช่วยข้าราชการกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯทุกท่านครับ

เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายนั่นแหละครับ ตัวดีเลย, อย่ามาอ้างนโยบายผู้ใหญ่เลย นโยบายผู้หย่งผู้ใหญ่ที่ไหนใครจะประกาศนโยบายออกมาบ้าง... มีแต่นักการเมืองมั่ง ชาวบ้านมั่งทำไก๋ลองเชิง หยั่งเชิงพวกผู้รักษากฎหมาย เมื่อเห็นว่าอ่อนข้อให้ ก็ได้คืบเอาศอกลามปามเหมือนขี้กลากกินภูเขาจนหัวโล้นทั้งนั้นแหละ เป็นทุกที่ ที่เจ้าหน้าที่ไม่แข็ง...

+  1  ครับ  พี่สมชาย  พี่ชายที่แสนดี

ข้อความพี่  ได้ใจผมจรีงๆ

กรมป่าไม้ตั้งมาตั้งแต่สมัยโบราณป่ายังแยะอยู่ เมื่อคนรุ่นอายุ 40 - 50 ปียังเป็นเด็กนักเรียน ตอนเช้าหลังเพลงชาติแล้วยังได้ออกกายบริหารประกอบเพลง"ป่าดงพงพี"... มีเนื้อว่า "ป่าดงพงพีของไทยเรานี้อุดมครัน อยู่ในไพรวัลย์รักดินถิ่นไทยใจหรรษาฯ"...

มาวันนี้ห่างจากสมัยโน้นไม่กี่สิบกว่าปีนี้เอง, เราไม่กล้าร้องเพลงนี้ออกกำลังกายบริหารประกอบเพลงกันแล้ว เพราะร้องแล้วต่างก็รู้ว่ามันไม่เป็นไปตามเนื้อเพลง... แต่ที่ยังมีกรมป่าไม้เอาไว้ก็หวังว่าจะปลูกป่าขึ้นมาทดแทนความล้มเหลวของตนเองมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาที่รักษาป่าเอาไว้ไม่ได้ครับ...

ที่ว่าอ้างความเจริญมันสวนทางกับการอนุรักษ์ป่านะ อ้างแล้วก็รู้ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมด... สาเหตุหลักคือเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายใจฝ่อครับ, เพราะบางทีก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรมากมาย แต่ใจฝ่อกลัวชาวบ้านเกลียด, ในที่สุดปล่อยปละละเลยหนักเข้าก็เลยทำอะไรไม่ได้...

ขอบคุณครับ... ทอนแล้วครับ... เย้...

ถึงแก้กฏหมายแล้วจะออกแบบไหนครับ

ชาวบ้านทำกินได้  ตกทอดได้  ห้ามขาย
ชาวบ้านทำกินได้  ตกทอดได้  ขายได้  นายทุนทำประโยชน์ได้
หรือ  เรียกคืนนับ 1 ใหม่  ห้ามทุกคนเข้าทำประโยชน์

แล้วจังหวัดอื่น ๆ  เอายังไง  ที่เอกสาร  ภบท. 5  สวนยาง  ไร่สัปปะรด  ปาล์ม
ขายกันไร่ล่ะ 2 หมื่น 3 หมื่น  มีคนซื้อมันก็มีคนขาย  เจ้าหน้าที่ก็รับเสียภาษีปกติ

 ::002::ขอบคุณนายสมชาย (ฮา) ครับ ที่ช่วยขยายความ ให้ท่านสมาชิกทั่วไปได้รับทราบ ::014::

 + 1 ครับ

เกือบจะซื้อกับเขาเหมือนกัน   คิดไปคิดมาหากินหาเที่ยวดีกว่า  มีไร่มีสวนจำเจครับไม่ค่อยได้ไปไหน  แล้วสุดท้ายเอาไปด้วยก็ไม่ได้ซักอย่าง ::005::

จะเชื่อไหม ถ้าผมบอกว่า จนท.เป็นเองเสียเยอะ
ตอนนี้วังน้ำเขียวดัง เลยไม่มองเขาเรดาห์ พิษณุโลก
ปัญหาเรื้อรังของเขาเรดาห์  แถวพันชาลีเปลี่ยนหัวหน้าราวๆ4คน ยังแก้ปัญหาไม่ได้
สุดท้าย ป่าไม้ ต้องไปเอาเสือข้ามห้วยมาจากกรมที่ดิน มาทำงานแทน
ไม่งั้นก็ลูบหน้าปะจมูกกันไม่เลิก


ตอนนี้กำลังระอุเลยครับ ถามคนแถววังทอง พิษณุโลกดู

ทอนแล้วครับ ขอบคุณครับ...

ขอบคุณครับ อดีตคนถือปืนเดินท่อมๆ รักษาป่ามาตอบเองเลยครับ... เย้...

...รีสอร์ทบางแห่งในย่านนั้น มี "ป้ายเขตอุทยานแห่งชาติ ...ห้ามครอบครอง ห้ามๆๆๆ บลาๆๆ" ปักอยู่บริเวณที่จอดรถในรีสอร์ท รถจอดแน่น แขกตรึม

...ใครจะทำไม  ::012::

+1 พี่สมชายกับพี่ซับครับ... ::002::

บางครั้งก็สับสนว่า

ทั้งชาวบ้าน ทั้งนายทุน อยู่กันมา เกิน 10 ปีทั้งนั้น

แล้ว กรมอุทยาน กรมป่าไม่ ไปอยู่ไหน ถึงไม่เห็น

มีอะไรบังตาหรือไง

ผมว่าต้องแก้กฏหมายครับ ผมไม่เห็นด้วยกับการครอบครองปรปักเลยครับ ดูเหมือนคนขี้โกงยังไงก็ไม่รู้ที่ใครไม่รู้เข้ามาทำประโยชน์โกงกันชัด ๆ  ที่ ดิน ทุกแปลง ถ้าไม่เป็นของชาวบ้าน ก็เป็นของรัฐบาล ถ้าทุกคนยอมรับกันตรงนี้ก็คงจะไม่มีการไปลุกป่า ถางป่า ยึดมาเป็นของตัวเองหรอกครับ  ไปบุก ไปยึดกัน หลาย ๆ คนเข้า พอมีปัญหาจะไปขับไล่ ก็รวมตัวมาประท้วง   คนรู้จักหลาย ๆ คนมีปัญหากันมากเลยครับเรื่องโดนบุกรุกที่ครับ

ขออนุญาตแซวครับ

คนนี้ถือปืน เดินเคี้ยวใบกระท่อมครับ ไม่งั้นตัวคงไม่คล้ำอย่างนี้ครับ

คนที่เข้าไปอยู่ มีสี มีเงินทั้งนั้น เจ้าหน้าที่ ก็น้ำท่วมปาก ทำอะไรไม่ได้ มันต้องมีคนออกมาทำจริงๆจัวสักที ถ้าไม่งั้นอีหน่อยคงต้องเห็นเมืองใหม่ เกิดกลางทุ่งใหญ่นเรควรแน่ครับ มันจะเหมือนวังน้ำเขียวปัจจุบัน

 ::002:: ::002:: ::002::

เห็นใจจนท.ดีๆครับ เจอทั้งนายทุนระดับชาติ นักการเมืองใหญ่โต ข้าราชการยศสูงๆ ชั้นผู้น้อยจะทำอะไรได้ แค่มองหน้ามันก็สั่งย้ายแล้ว มันก็เลยเอาหมดไงครับ ไม่อยากพูดเลย ไหนว่าที่ตรงไหนสูงเท่าไหร่ห้ามครอบครอง มันสร้างโรงแรมกันโครมๆ จะหมดแล้วครับ นานๆขับรถผ่าน ตกใจครับ  ::012::

ปล.ไม่ใช่ที่นั่นนะครับ แถวบ้าน  ::010::

ข้าราชการ นักการเมืองปากบอกรักชาติ กินชาติกันพุงกาง กฎหมายแก้เพื่อตัวเองไม่ต้องติดคุกเสียประโยชน์..... รักชาติกันจริงๆหน้าไม่อาย

ข้าราชการตัวเล็กก็อ้างข้าราชการตัวใหญ่ แล้วก็ตามน้ำ, ข้าราชการตัวใหญ่ก็อ้างนักการเมือง แล้วก็ตามน้ำ, นักการเมืองก็อ้างข้าราชการตัวใหญ่ไม่มาจับ หากมาไล่ฉันก็ออกก็ได้ แล้วก็ตามน้ำ, ชาวบ้านก็ตามน้ำแบบไม่อ้างใครแหละ... แต่กาบัตรเลือกตั้งนักการเมืองที่ขี้โกง เพราะแค่มาเยี่ยมบ่อย เห็นหน้าทุกครั้งที่มีงานบวชงานแต่ง+เคลียร์ใบขับขี่ให้เวลาโดนตำรวจจับฝ่าไฟแดง

ทั้งหมดโยนไปโยนมาเหมือนงูกินหาง... ทั้งหมดที่โยนกันมีผู้มีอำนาจที่เป็นตัวยืนอยู่คนเดียว คือข้าราชการครับ ไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ หากจะรักษากฎหมายเสียอย่างใครจะกล้าหืออือ, นักการเมืองไม่ว่าตัวเล็กตัวใหญ่ถ้าเจอข้าราชการแท็กทีมกันเอาจริงเอาจัง มีนักการเมืองที่ไหนรอดมั่ง เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป สมัยหน้าก็อาจกลับมาไม่ได้ หากโดนจับติดคุกด้วยหลักฐานจะๆ(ถ้าจะทำจริงทำไมจะหาหลักฐานไม่ได้)...

ข้าราชการนี่แหละที่ยืนเป็นโครงร่างเหล็กค้ำจุนสังคมไทยมาช้านาน เพราะข้าราชการเข้ามาตั้งแต่บรรจุใหม่จนเกษียณอายุ... ยืนหยัดตลอดเวลาไม่ว่านักการเมืองหมุนเวียนเข้ามากี่คน ข้าราชการก็ยังเป็นคนเดิมเสมอ...

สตช. ที่ชาวบ้านส่ายหัวกันนักกันหนา แต่ก็ยังรักษาขื่อแปของสังคม"ส่วนใหญ่"เอาไว้ได้ไม่ให้ล้มครืน, แต่ลองดูกรมป่าไม้ครับ รักษาป่า"ส่วนใหญ่"ของประเทศได้หรือไม่... เวลาผ่านไปไม่กี่ปีเหลือป่าสมบูรณ์เอาไว้ให้ลูกหลานได้กี่ผืนเล่าครับ...

ที่อุทยานเค้าก็ต้องจำกัดพื้นที่ท่องเที่ยวเหมือนกัน......
เห็นแก่ตัวกันมากเกินไป........

นสพ.เดลินิวส์เมื่อประมาณสอง สามอาทิตย์ที่แล้ว คอลัมภ์หน้า 5 ออกมาเตือนไว้ล่วงหน้าไว้แล้ว ว่าจะจับหรือจะไล่ก็ให้เอาจริง และทำให้รวดเร็ว  ::002::ไม่งั้นพวกนายทุนจะขนชาวบ้านออกมาเดินขบวน ::004::เป็นไง ::004::มันก็จริงอย่างที่เขาเตือนไว้เลยครับ :OO :OO

เป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ ;D ;D ;D  ถ้ามันง่ายเขาก็ยึดคืนกันมาได้ตั้งนานแล้ว

แต่ทำให้ได้ที่คืนมาเร็วๆหน่อยก็ดีครับ

ปัญหาเกิดอย่างนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร อยากทราบจังช่วยเสนอกันหน่อยนะครับ

งานนี้เห็นด้วยกะหมวด... ;D

เขาต้องการให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วครับ
ปัญหายืดเยื้อก็ดี จะได้มีงบมาลงเพื่อแก้ปัญหา
แต่แก้ได้หรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง
คนเราก็ซื้อกันไปได้ ที่ดินไม่มีเอกสารอะไรเลย ไร่้เป็นล้าน ซื้อกันไปเป็น10ไร่
ถึงเวลาลงทุนก่อสร้างอาคารก็ลงกันไป
ถึงเวลาก็ถอยกันไม่ได้ เวลาทำก็ไม่คิด ความโลภบังตาอย่างเดียว

แล้วพวกเอ็นจีโอ พวกนักอนุรักษ์ ทั้งหลายไปอยู่ไหนหมด ไม่เห็นออกมาเย้วๆ
เหมือนต่อต้านเขื่อน ต่อต้านโรงไฟฟ้า ต่อต้านๆๆๆ ...เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่นะครับ...

มีเงินให้เขาไหมล่ะครับ...

บอกเขามาเอาที่ผมยี่สิบบาท... ;D ;D ;D


...ขอ + แต้มแรกจากผมให้หมวดต๊อดครับ...

         โลกาภิวัติ ทุนนิยม ผู้บังคับใช้กฎหมาย กลัวอิทธิพลผู้ใหญ่ + นักการเมืองระดับท้องถิ่น + ประเทศ

     NGO ถ้าคู่กรณี ไม่ใช่รัฐแล้ว ก็กลัวโดนยิงกบาลเหมือนกัน ได้มาก็ไม่คุ้มเหมือนประท้วงโครงการของรัฐ(โครงการ
       
     เพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก)  ::012:: 

จนท.ปล่อยปละละเลยกันมานาน  พอจะเข้าไปจัดระเบียบก็มักจะเป็นอย่างนี้ละครับ :OO :OO

จนท. ว่างๆลองลงไปดูแถวๆเทือกเขาบรรทัด ดูบ้างนะครับ
จะกลายเป็นสวนยางกันหมดแล้ว

แถบนั้น มีตัดกันจนเข้าไปในเขตพม่าครึ่งลูกเขา
ทหารแถวนั้นฉุนขาดอยู่

Ha Ha Ha  ฮา  "ของหลวง"  ยกเรื่อง "อายุความ"  มาต่อสู้คดีไม่ได้คร๊า

แต่ถ้า  "เมียหลวง"  สามารถยกมาเป็นเหตุ  "หย่า"  ได้คร๊า  ฮา
เช่น  ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์  หรือกิน อยู่หลับนอน  ด้วยกัน
หรือ  ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมี  "กิ๊กกกกกกกก"  แล้วโดนจับได้  ฮา

ขอแก้ไขน๊ะคร๊า  ฮา  จาก "อายุความ"  แก้ไขเป็น  "ระยะเวลาครอบครอง"  ฮา

ขอเป็นอีกหนึ่งเสียงให้กำลังใจ กรมป่าไม้ สู้สู้...เพื่อป่าไม้ของเราทุกคนครับ ::002:: ::002::

  ::002::ขอสนับสนุน ท่านซับครับ ทำให้สมาชิกในนี้ ได้รับรู้สถานะของป่าในประเทศไทย โดนบุกรุกที่ใดบ้าง

ช่วยเล่ามาให้เยอะๆครับ จะได้รู้กันว่าพวก นายทุน ขุนศึก พวกนี้เองที่ทำให้ป่าวอด ปีละนับแสน นับล้านไร่ ::004::

อ.วังน้ำเขียว เมื่อประมาณ ปี 2526-2538 เป็นที่เที่ยวป่าของผม ทริปเบาๆหน่อยก็ขับรถส่องไฟ ยิงกระต่ายบ้าง ชะมดบ้าง บางครั้งนั่งห้าง ยิงหมูที่เข้ามาขุดกินหัวมัน ในไร่บ้าง สภาพในสมัยนั้นก็เป็นป่าโปร่ง สลับไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพด ถนนหลัก สาย304เท่านั้นที่ราดยางนอกนั้น ก็จะเป็นลูกรัง เป็นทางเกวียน เขาแผงม้าที่มีกระทิง เยอะๆ เมื่อก่อนก็เป็นเขาที่มีแต่ป่าหญ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยเพิ่งมาปลูกป่ากัน และป่ามันฟื้นตัวของมันเองประมาณ10กว่าปีมานี้เอง . สมัยเมื่อ20กว่าปี ชาวบ้านบอกขายกัน ไร่ละ900-1000บาท ติดทาง ถ้าเลยเข้าไปติดตีนเขาไร่ละ 4-500บาทเดี๋ยวนี้ก่อนมีเรื่องราคา ว่ากันไร่เป็นแสนเป็นล้าน!!  เมื่อก่อน เป็นกิ่งอำเภอวังน้ำเขียว หัวหน้ากิ่ง แกเล่นจัดสรร ที่ขาย ไร่ละ1-20000บาท แปลงละ 50ไร่ พวกพ่อค้า ข้าราชการ หมอ ซื้อกันใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของการปั่นราคาที่ดิน.ต่อมานายตำรวจระดับผู้กำกับ ในท้องที่ ทั้งที่กิ่งอำเภอวังน้ำเขียว อำเภอปักธงชัย กำนัน จงกล กำนันนอม สจ.ชุน ก็เลยเอาบ้าง ซื้อที่ภบท.5 เอามาปั่นราคาขายกันจนร่ำรวย คนซื้อขายกันมาเป็นทอดๆใครจะเป็นไม้สุดท้าย ในราคาสูงสุดก็คือผู้รับกรรม.

ขอบคุึณTOTO*รักในหลวง ที่ให้ข้อมูล
+1ครับ  ::014:: ::014:: ::014:: ::014::

ว่าไปถึง จนท.แล้ว คราวนี้เรามามองตัวเราบ้าง

ลองดูสิว่าเราให้การสนับสนุนพวกเขาหรือเปล่า การที่นายทุนบุกรุกป่ามาสร้างรีสอร์ต
ถ้าเราไม่ไปเป็นลูกค้า เขาจะสร้างรีัสอร์ตให้ใครพัก แล้วเขาจะบุกรุกป่าทำไม

ผมไม่เคยอยากไปเที่ยวนะ ที่วังน้ำเขียวหรือที่สวนผึ้ง ราชบุรี
เห็นแล้วรู้ว่าบุกรุกป่า จะไปทำไม ไปจ่ายเงินค่าห้องพักให้เขาก็เหมือนสนับสนุนให้เขาบุกรุกกันต่อไป


อย่าได้ไปโทษ นายทุน ไปโทษ ขรก.แต่ฝ่ายเดียว เรื่องแบบนี้ หากประชาชนเราไม่สนับสนุน
เขาอยู่ไม่ได้ เขาก็ไม่รู้จะบุกรุกป่าไปทำไม

เราสนับสนุนเขาอยู่ อาจไม่ใช่เงินแสน เงินล้าน แค่เงินพัน เงินหมื่นที่ไปจ่ายค่าอาหาร ค่าห้องพัก
ที่เราเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยนั่นแหละ เห็นเป็นการให้รางวัลแก่ชีวิตนั่นแหละครับ คือการสนับสนุนการบุกรุกป่า


หลายคนบอกว่าชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ไม่เก็บอะไรมา นอกจากภาพถ่าย ไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากความทรงจำ
แต่จ่ายเงินให้รีสอร์ตที่บุกรุกป่าอยู่


แล้วคุณท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ หรือท่องเที่ยวเชิงทำลายชาติ

น้าซับ แนะนำให้เที่ยวกรุงเทพ แถวๆรัชดา ::007::

ที่ภูเก็ต นายทุนร่วมกับชาวบ้าน(มาจากไหนไม่รู้) เข้าไปบุกรุกป่าชายเลน สร้างบ้าน สร้างร้านอาหาร
พอนานเข้าก็ขายที่ (ขายได้ไงไม่รู้) ให้นายทุน จนตอนนี้แทบจะไม่เหลือป่าชายเลนแล้ว....
(ผมคิดว่าถ้ารัฐจะเอาที่ดินคืนก็ต้องมีชาวบ้านออกมาประท้วงอีก)

อันที่จริง เมื่อประมาณ30 กว่าปี อำเภอปักธงชัย ครบุรี เสิงสาง ปากช่อง มันก็เป็นพื้นที่สีแดง เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าไปหรอก . รัฐบาลในสมัยนั้น ให้สัมปทาน ตัดไม้ กันจนเหี้ยน. ลูกชายบริษัททำไม้ทุกวันนี้ก็เป็น สส.พรรคเพื่อไทย เจ้าของโครงการ ผักสวนครัวรั้วกินได้ที่ โกงกันสนั่น เมือง พอป่าหมดชาวบ้านก็เข้าไปจับจอง ทำไร่กัน ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด ไม่มีป่าไม้ให้เห็นหรอกครับ.จนเสธ.หนั่นประกาศปิดป่าไม่มีการทำไม้ทั่วประเทศ นั่นแหละถึงได้หยุด ชาวบ้านก็เข้าจับจองทำไร่กัน จะว่านายทุนไปรุกที่ป่าไม้ก็ไม่ใช่เพราะมันไม่มีป่าไม้ให้เห็นกันแล้ว ชาวบ้านก็ขายที่ได้เงินก้อนใหญ่กว่าการทำเกษตร แล้วยังได้กินเงินเดือนดูแลที่ให้พวกนายทุน มันสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย นั่นแหละ ที่เล่าให้ฟัง นี่ น่ะ ผมไม่ได้ เป็นนายทุนที่เสียผลประโยชน์หรอกน่ะ ไม่มีที่ ภบท.5 หรือสปก.กับเขาหรอก. เพียงแต่เห็นความเปลี่ยนแปลง เสน่ห์ของ วังน้ำเขียวในอดีตมันหายไปหมด มีแต่ตึก มีแต่รีสอท อยากให้มันกลับไปเหมือนในอดีตอย่างที่มันเคยเป็น.

 ::005:: ::005:: ::005::   

เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ทุกท่านครับอย่ายอมกับพวกที่ทำผิดจริงๆ
หากยอมที่อื่นก็จะมีตามกันมาอีกทั่วประเทศ  ::004:: ::004:: ::004::

เอาข่าวมาให้อ่านครับ นายสมชายเอามาจากนี่... http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000098806 (http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9540000098806)

ตามตัวแดงครับ...


(http://pics.manager.co.th/Images/554000010511501.JPEG)
ป้ายชื่อสารพัดบ้านพัก รีสอร์ต บริเวณปากทางเข้าถนนหมายเลข 3052 สายวังน้ำเขียว-เขาใหญ่ มุ่งสู่ "เขาแผงม้า" อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา
      
       การบุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าเขา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คาบเกี่ยว อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นปัญหาซับซ้อนสั่งสมมานานกว่า 10 ปี โดยเฉพาะช่วง 3-5 ปี หลังนี้บรรดาเศรษฐี กลุ่มนายทุน นักการเมืองใหญ่น้อย บิ๊กข้าราชการ ตำรวจ ทหาร และผู้มีอิทธิพล ต่างพาเหรดเข้าไปซื้อขายที่ดินและทุ่มทุนก่อสร้างผุดรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศหรู โฮมสเตย์ และไร่สวนฟาร์มเกษตรรูปแบบต่างๆ กันเป็นดอกเห็ดกว่า 500 แห่ง รวมกว่า 10,000 ห้อง ท่ามกลางการโหมโปรโมต “วังน้ำเขียว” ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักแห่งใหม่ของโคราชกันขนานใหญ่
      
       ปฏิบัติการภาครัฐประโคมข่าวรุกเชือดกลุ่มนายทุนบุกรุกป่าวังน้ำเขียวและถูกตอบโต้จากกลุ่มผู้เสียประโยชน์อย่างดุเดือดอยู่ในขณะนี้ น่าจับตาอย่างยิ่งว่า “วังน้ำเขียว โมเดล” จะเป็นต้นแบบของการแก้ปัญหา หรือ เป็นเพียงมวยล้มต้มคนดูนำไปสู่การสร้างความชอบธรรมให้นายทุนยึดครองป่าครั้งใหญ่อย่างถูกกฎหมาย
      
       ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า อ.วังน้ำเขียว ทั้ง 5 ตำบล 83 หมู่บ้าน ประชากร 41,636 คน (ปี 2552) นั้น มีพื้นที่ทั้งอำเภอประมาณ 7 แสนไร่ สภาพทั่วไปส่วนใหญ่เป็นภูเขา ป่าต้นน้ำ เนินเขาสูงและที่ลาดชัน โดยแบ่งเป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ของ ส.ป.ก. มากที่สุด 241,018 ไร่ รองลงมาคือเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พ.ศ. 2524 จำนวน 220,625 ไร่ ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พ.ศ. 2516 จำนวน 193,050 ไร่ รวมทั้งเขตป่าสงวนฯ โซน C มอบให้ ส.ป.ก.เพื่ออนุรักษ์ 7,000 ไร่ - แนวเขตห้ามล่าสัตว์เขาแผงม้า 5,000 ไร่ และ พื้นที่หนังสือสำคัญของกรมที่ดิน 9, 318 ไร่
      
       เห็นได้ว่า อ.วังน้ำเขียว เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. , อุทยานแห่งชาติ และ ป่าสงวนแห่งชาติ ส่วนที่ดินที่มีเอกสารสิทธิของกรมที่ดิน มีเพียง 9,000 กว่าไร่ หรือ ประมาณ 5 % เท่านั้น และ ล้วนอยู่ในเขต ต.อุดมทรัพย์ ซึ่งเป็นตำบลเดียวที่ตั้งอยู่พื้นที่ด้านล่างภูเขา ส่วนอีก 4 ตำบลตั้งอยู่พื้นที่บนเขา ข้อมูลเจ้าหน้าที่ป่าไม้ระบุว่า มีเพียงรายเดียวที่มีเอกสารสิทธิเป็นโฉนดและไม่ทราบว่าโผล่มาได้อย่างไร คือ รีสอร์ต “วังน้ำเขียววิว”
      
       ฉะนั้นปัญหาการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ที่เป็นข่าวอื้อฉาวสับสนวุ่นวายกันอยู่ในเวลานี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มปัญหาหลัก คือ การบุกรุกป่าเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน พ.ศ. 2524 , การบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง พ.ศ. 2516 และ การเปลี่ยนมือหรือใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อเกษตรกรรม
      
       เดือดลงขันฆ่า หน.อุทยานฯ ทับลาน      
       ทั้ง 3 กลุ่มปัญหาดังกล่าว “อุทยานแห่งชาติทับลาน” ถือเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเป็นรูปธรรมมากที่สุดภายใต้โครงการ “คืนผืนป่าให้แผ่นดิน” ด้วยการนำบัญชีการบุกรุก ยึดถือครอบครองเขตพื้นที่เขตอุทยานฯ เดิม ที่จับกุมดำเนินคดี ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา รวม 105 ราย แบ่งเป็นมีสิ่งปลูกสร้าง 50 ราย ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง 55 ราย รวมเนื้อที่ 4,274 ไร่ มาลงมือปฏิบัติการเชือด ล็อตใหญ่

 
(http://pics.manager.co.th/Images/554000010511502.JPEG)  
“โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว” รีสอร์ตหรูบนเขา พื้นที่ ส.ป.ก. กว่า 500-600 ไร่ ของลูกสาว นายประนอม โพธิ์คำ ส.ส. นครราชสีมา พรรค ภูมิใจไทย  
 
 
       นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นำ ชุดเจ้าหน้าที่ลุยติดป้ายคำสั่งอุทยานแห่งชาติ ให้เจ้าของรีสอร์ต บ้านพักหรู รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามอำนาจ มาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ออกจากเขตอุทยานฯ ชนิดไม่ไว้หน้าใคร แม้จะถูกกลุ่มผู้เสียประโยชน์ดิ้นรนตอบโต้ทั้งการโทรศัพท์ข่มขู่ และ มีกระแสข่าวกลุ่มนายทุนรีสอร์ต ลงขันวางแผนปองร้ายถึงขั้นเอาชีวิตหัวหน้าอุทยานฯทับลาน ลือสะพัดไปทั่วตลาดวังน้ำเขียว
      
       ล่าสุดไล่ติดป้ายสั่งรื้อถอนไปแล้ว 2 ชุด รวม 25 ราย โดยเฉพาะชุดแรก 15 แห่ง ล้วนเป็นรายใหญ่บุกรุกยึดครองพื้นที่และมีสิ่งปลูกสร้างรีสอร์ตที่พักและบ้านพักตากอากาศหรูอยู่จำนวนมาก เช่น บ้านไร่กฤษวรรณ รีสอร์ต ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 18 ไร่ จำนวน 17 หลัง , ไร่ทองทับลาน ต.ห้วยใหญ่ อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 345 ไร่ จำนวน 3 หลัง , ไร่ทะเยอทะยาน ต.อุดทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว พื้นที่ 208 ไร่ จำนวน 2 หลัง ,กระทิงคันทรีวิว ต.อุดมทรัพย์ พื้นที่ 174 ไร่ จำนวน 87 หลัง ,บ้านกุลละวณิชย์ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว 79 ไร่ จำนวน 19 หลัง และ บ้านผางามรีสอร์ท ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี พื้นที่ 38 ไร่ จำนวน 21 หลัง เป็นต้น
      
       นักการเมือง-นายทุนปลุกม็อบต้าน        
       ขณะที่ปัญหาการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ซึ่งมีพื้นที่ใน เขต อ.วังน้ำเขียว ประมาณ 1.9 แสนไร่ กรมป่าไม้ ประเดิมตั้งเป้าเชือดรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ ฮุบป่าสงวนฯ บริเวณ “เขาแผงม้า” จำนวน 22 แห่ง เป็นล็อตแรก จากทั้งหมดข้อมูลการสำรวจในปี 2547-2548 พบ มีการบุกรุก 428 ราย จำนวน 590 แปลง รวมเนื้อที่ 6,051 ไร่
      
       สำหรับล็อต แรก 22 ราย มีรีสอร์ตของนายทุนรายใหญ่ชื่อดังอยู่หลายแห่ง เช่น บ้านภูน้ำรินอิงเขาใหญ่ ,บ้านระเบียงดาว , บ้านบุหงาส่าหรี , รีสอร์ตภูภพดาว ,รีสอร์ตอิงกมล ,ครัวอิ่มสุข ,บ้านภูหลวง และ ภูธาราฟ้ารีสอร์ต เป็นต้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนยื่นขอหมายศาลเพื่อเข้าตรวจค้นและแจ้งความดำเนินคดี ให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ
      
       วันที่ 9 ส.ค. ชุดเฉพาะกิจปราบปรามการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่มี “นายเริงชัย ประยูรเวช” รองอธิบดีกรมป่าไม้เป็นประธาน จะลงพื้นที่ตั้งกองบัญชาการ อยู่ที่ สถานีวนวัฒนวิจัยสะแกราช ทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-นครราชสีมา เพื่อดำเนินการบ้านพักและรีสอร์ต ทั้ง 22 ราย ท่ามกลางการปลุกระดมมวลชนประชาชนในพื้นที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านต่อต้านอย่างต่อเนื่อง
      
       แม้แต่ “นายระพี ผ่องบุพกิจ” ผู้ว่าฯ นครราชสีมา เองต้องออกมาแฉว่า กลุ่มเหล่านี้มีกลุ่มนายทุน นักการเมือง และผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือ จ้องเล่นแรงถึงขั้นปิดล้อมทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ และยกแรก ได้ระดมนำมวลชนปิดถนนสายยุทธศาสตร์ 304 ราชสีมา - กบินทร์บุรี ไปแล้ว เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา

 
(http://pics.manager.co.th/Images/554000010511503.JPEG)
ม็อบชาว อ.วังน้ำเขียว เดือด ปิดถนนสายยุทธศาสตร์หมายเลข 304 พร้อมล่าชื่อแก้กม. 3 ฉบับ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา  
  
 
       รีสอร์ต ส.ส.ดัง ผุดในที่ ส.ป.ก. ชัดเจน      
       ทางด้าน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานที่ขยับตัวช้ากว่าใครเพื่อนและมีท่าทีปรองดองกับผู้บุกรุกเป็นพิเศษ จากข้อมูล ส.ป.ก.นครราชสีมา ระบุว่า ได้รับมอบพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจากกรมป่าไม้เพื่อนำมาจัดสรรให้เกษตรกรในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว ทั้งสิ้น 241,018 ไร่ ปัจจุบันดำเนินการปฏิรูปที่ดินและออกเอกสารที่ทำกิน ส.ป.ก. 4-01 มอบให้แก่เกษตรกรแล้ว 6,412 ราย รวม 139,300 ไร่
      
       จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการใช้ประโยชน์ที่ดิน ส.ป.ก. ผิดวัตถุประสงค์ โดยนายทุนบุกรุกสร้างรีสอร์ต บ้านพักจำนวน 25 แห่ง เช่น รีสอร์ต ภูธารฟ้า , ไร่มิตรแท้ ,ภูน้ำอิงฟ้า & รีสอร์ท ,วังน้ำเขียวลอร์ด , กระท่อมหินรีสอร์ท ,บ้านไร่ปลายตะวัน รวมทั้ง “โพธิ์คำดรากอนฮิลล์” รีสอร์ต หรู ตั้งอยู่บนยอดเขากว่า 500-600 ไร่ ของ “ปราณี เนียมสูงเนิน” ลูกสาว นายประนอม โพธิ์คำ ส.ส. นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และเป็นภรรยา รองนายก อบจ.นครราชสีมา ที่ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น “โกลด์เมาท์เทน วังน้ำเขียว” เป็นต้น
      
       ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตรวจพบหลักฐานชัดเจนว่ามีรีสอร์ตเข้ามาผุดอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. แล้วจำนวน 17 แห่ง และได้ทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของรีสอร์ตทั้ง 17 ราย มาชี้แจงข้อมูล เกี่ยวกับการถือครองที่ดินภายใน 15 วัน พร้อมแจ้งไปยังเกษตรกรที่ได้รับสิทธิการถือครองที่ดิน แต่มีรีสอร์ตเข้าไปตั้งอยู่ ให้แก้ไขปรับปรุงพื้นที่ให้กลับมาใช้ประโยชน์ด้านการเกษตร ภายใน 60 วัน หากไม่ดำเนินการจะเข้าสู่การเพิกถอนสิทธิ
      
       นักการเมือง ตัวการซื้อขายป่าวังน้ำเขียว      
       สาเหตุการบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว และอุปสรรคในการแก้ปัญหา หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างได้ข้อสรุปตรงกันว่า ผู้บุกรุกยึดครองพื้นที่ป่าส่วนใหญ่เป็นนายทุน นักการเมืองและผู้มีอิทธิพลในสังคม ทำให้ยากต่อการป้องกันและแก้ปัญหา , ปัญหาความไม่ชัดเจนและทับซ้อนของแนวเขตระหว่างป่าสงวนแห่งชาติฯ , ส.ป.ก. , อุทยานฯ ทับลาน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คือ อบต. ยังออกเอกสารจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ , อุทยานแห่งชาติ และ ส.ป.ก. ทำให้ เกิดการยึดถือเป็นเอกสารในการซื้อ-ขาย ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ ตาม ม. 6 แห่ง พ.ร.บ.ภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508
      
       “ภบท. 5” กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปั่นราคาและซื้อ-ขายที่ดินวังน้ำเขียว กันอย่างมโหฬาร ของกลุ่มนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นในพื้นที่ ทั้ง ส.ส. ชื่อย่อ “ป.” , ส.อบจ. ชื่อย่อ “ช.” และ บรรดาฝ่ายบริหาร อบต. ใน อ.วังน้ำเขียว ที่มีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายกัน ประกอบกับความหวังจะได้รับการยกระดับเป็นพื้นที่พิเศษด้านการท่องเที่ยว ยิ่งทำให้บุกรุกซื้อขายที่ดิน อ.วังน้ำเขียว รุนแรงมากขึ้น
      
       จับตา“เผาไทย”ปล่อยผีนายทุนฮุบป่า      
       อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญ หลายฝ่ายต่างเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การแก้ปัญหาบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว ที่ภาครัฐคาดหวังให้เป็น “วังน้ำเขียว โมเดล” เพื่อเป็นต้นแบบแก้ปัญหาทั่วประเทศ นั้น สุดท้ายจะกลายเป็น “โมเดล ปล่อยผี” เปิดทางให้บรรดาเศรษฐีนายทุน และผู้มีอิทธิพล เข้ายึดครอบครองป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายครั้งใหญ่หรือไม่
       ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบการเช่า หรือ อาศัยช่อง พ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาตรา 30 วรรค 5 และ ประกาศกระทรวงเกษตรฯ ข้อที่ 1.5 เกี่ยวกับกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเกษตรกรรม รวมถึงการแก้กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
      
       อันสอดคล้องกับข้อเสนอของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว , นายทุนรีสอร์ต และกลุ่มม็อบวังน้ำเขียว ที่มุ่งมั่นเรียกร้องนโยบาย กำหนด อำเภอวังน้ำเขียวเป็นพื้นที่พิเศษด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังล่ารายชื่อแก้กฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 , พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2518 เตรียมผลักดันให้รัฐบาลใหม่ “เผาไทย” เสกฝันให้เป็นจริง ซึ่งถือเป็นความหวังยิ่งของกลุ่มทุนฮุบป่าอยู่ในขณะนี้ !

++ ครับ คุณsubmachine -รักในหลวง

ผมเห็นเป็นการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ที่คนไทยส่วนใหญ่ไร้สำนึกตรงนี้
สิ่งที่เราเห็นเป็นสิ่งเล็กๆอย่ทุกเมื่อเชื่อวัน คือการสมประโยชน์กันในการหาประโยชน์จากทรัพย์สินสาธารณะ
พื้นที่ถนน พื้นที่ทางเท้า เอามาเป็นพื้นที่ซื้อขายเห็นชินตา ไปวังไชยาเห็นการค้ากล้วยทอดบนถนนนครสวรรค์
รัฐไร้ปัญญาที่จะจัดการ ประชาชนก็สุดจะมักง่ายเอาประโยชน์ตนเป็นที่ตั้ง .... ทั้งที่ถ้าไม่มีคนซื้อ ที่สุดก็จะไม่มีคนขาย

เราจึงช่วยกันสนับสนุนโดยอ้อม ต่อการบุกรุกป่า ยึดครองที่สาธารณะ ทรัพย์ของแผ่นดิน ......อนาถแท้  ::004::

บริสุทธิ์ ไม่ใช่อากาศแล้ว ;D ;D ;D เป็นเด็ก 55555

ไม่เห็นเกี่ยวกับหัวหน้าอุทยานเลย ซวยจริง เขาทำตามหน้าที่ก็โดน

คิดว่าหลายคนคงไม่รู้ ;D ;D ;D ยิ่งพวกสุดท้ายยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ ซวยเลย

ครับผมจะช่วยสนับสนุน  ไม่อุดหนุน  ไม่ซื้อ  หรือส่งเสริม

เดือนที่แล้ว ผมไปปาย ระหว่างทาง ผมเห็นสองข้างทางทั้ง ๆ ที่เป็นภูเขาชัน ทำไปไปสร้างรีสอร์ทอยู่ได้ข้างทาง ไม่เข้าใจเลยทั้ง ๆ ที่เป็นทางหลวงจังหวัด เชียงใหม่ - แม่ฮ่องสอน ไม่น่าจะมีเอกสารสิทธิ์ แต่คนก็สร้างกันไป เจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่กล้าจับเพราะกลัวถูกย้าย นี่แหละครับ ปัญหาของประเทศไทย

หัวหน้า จนท.ตำรวจที่ออกข่าวไล่จับ รีสอร์ท ที่รุกพื้นที่ป่าสงวนใน อ.วังน้ำเขียว อยู่ตอนนี้ เจ้าตัวก็มีที่ ใน อ.วังน้ำเขียว รวมทั้งมีร้านอาหาร สเต็ก..น้ำ อยู่(อาจจะไม่ใช้ชื่อตัวเอง) แต่ไปไล่จับคนอื่น . รวมทั้งข้าราชการ   ทหาร  ป่าไม้ อำเภอ ก็มีที่ ภบท 5. ใน อ.วังน้ำเขียว ไม่เห็นมีชื่อถูกจับ บ้าง (บางรายก็กำลังสร้างรีสอร์ท บ้านพัก)  เฮ้อ..เหนื่อยว่ะ   ประเทศไทย.

 ::002::   ::014::