เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

หนุ่มเคลียร์แฟนไม่ลงตัว ตีเข่า-รัดคอ สาวสู้ยิบตาคว้ามีดแทงเลือดทะลัก

 ผู้สื่อข่าวข่าวสดรายงานว่า วันที่ 12 ต.ค. ร.ต.อ.วิเชียร ประมูลสิน ร้อยเวร สภ.เมืองลำปาง รับแจ้งว่า เกิดเหตุทะเลาะวิวาทในรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน  ผฉ  6540 เชียงใหม่ จอดอยู่ในซอยร้านเดอะสตาร์คาราโอเกะ ซอยที่ 2 หลังโรงแรมคิมซิตี้ ลำปาง ผู้ก่อเหตุมีอาวุธ จึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบชายสวมเสื้อสีเทาเข้ม กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน สภาพกึ่งนั่งกึ่งนอน พิงกระจกร้านสะดวกซื้อจอยมาร์ท ปากทางเข้าร้านเดอะสตาร์คาราโอเกะ โดยมีเลือดไหลทะลักจำนวนมากบริเวณหัวไหล่ซ้าย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พบมีรอยถูกแทงด้วยของมีคม 3 แผล คือ ที่หัวไหล่ซ้าย และสะบักหลังซ้าย อีก 2 แผล จากนั้นจึงนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ลำปางทันที ทราบชื่อผู้บาดเจ็บ คือ นายอรรถกฤษณ์ จันทะดุก อายุ 39 ปี ส่วนผู้ก่อเหตุทำร้ายนายอรรถกิจ ทราบว่า คือ น.ส.ญานิดา แซ่ตัน อายุ 26 ปี หลังก่อเหตุได้ขับรถกระบะดังกล่าวหลบหนีไป

 

 สอบสวนทราบว่า นายอรรถกฤษณ์ เป็นเซลล์แมนขายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วภาคเหนือ โดยจะประจำจังหวัดละ 3 เดือน ล่าสุดได้ย้ายมาประจำอยู่ที่บริษัทชั้นนำใน จ.ลำปาง ได้รู้จักคบหากับ น.ส.ญานิดา ช่วงหลังๆ เริ่มทะเลาะกันหนักขึ้น เหตุจากความหึงหวงที่แฟนสาวเปลี่ยนรหัสเฟซบุ๊ก ทำให้ฝ่ายชายไม่สามารถเข้าไปดูได้ และก่อนเกิดเหตุ นายอรรถกฤษณ์ ขับรถมารอ น.ส.ญานิดา หน้าร้านสะดวกซื้อจอยมาร์ทดังกล่าว เนื่องจากแฟนสาวพักอยู่หอพักบริเวณนั้น และต้องใช้เส้นทางนี้เดินทางไปทำงาน เมื่อ น.ส.ญานิดา มาถึงจึงได้เรียกขึ้นรถ แล้วขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยร้านเดอะสตาร์ และทะเลาะวิวาท มีการใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายกัน จากนั้นน.ส.ญานิดา ได้ขับรถหลบหนีไปดังกล่าว แต่ได้ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุบริเวณสี่แยกบุญถึง(แยกมดยิ้ม) ถ.ท่าคราวน้อย ต.สบตุ๋ย เจ้าหน้าที่จึงตามไปควบคุมตัวมาทำการสอบสวน

 

 น.ส.ญานิดา ให้การว่า หลังจากคบหากันมักทะเลาะบ่อยขึ้น โดยนายอรรถกฤษณ์ชอบใช้กำลังกับตนเสมอ เมื่อเดือนที่แล้วตนได้เข้าแจ้งความที่สภ.เมืองลำปาง ว่าถูกนายอรรถกฤษณ์ทำร้ายร่างกายมาแล้ว ล่าสุดวันนี้หลังจากขึ้นรถ จึงได้พูดคุยและมีปากเสียงกัน ตนจึงลงจากรถ แต่นายอรรถกฤษณ์ได้กระชากแขน พร้อมกับใช้เข่ากระแทกเข้าที่หน้าท้องตน 1 ครั้ง พร้อมใช้กำลัง ผลักตนเข้าไปภายในรถ ตนจึงได้ต่อสู้ตบตีกันอย่างรุนแรง และร้องให้คนช่วย จากนั้นนายอรรถกฤษณ์ได้หยิบเนคไท ที่เตรียมมาในรถรัดคอตน ตนจึงใช้มือคว้าหาสิ่งของรอบรอบตัวอย่างทุลักทุเลเพื่อเอาตัวรอด และมือไปหยิบได้มีดที่อยู่ในรถ จึงกระหน่ำแทงนายอรรถกฤษณ์เข้าไปหลายครั้ง ตนจึงหลุดจากมือนายอรรถฤษณ์และวิ่งมาขึ้นรถฝั่งคนขับ รีบขับรถหนีออกมา แต่นายอรรถกฤษณ์ได้วิ่งมาใช้ก้อนหินทุบกระจกรถ ตนตกใจมากจึงได้รีบขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

ผู้หญิง จะโดนไรไหมหรือ ปล่อยตัวครับ

อยู่ที่ตำรวจเขียนสำนวนครับ แต่ถ้ามองตามข่าว ผมมองว่าเข้าข่ายป้องกันตัวครับ

ถ้ามาทำแบบนี้กับน้องกับญาติผม....

ผมยอมเสียค่าปรับ จัดน้ำข้าวต้มให้สักชุด... >:( >:(

ส่วนเรื่องที่่ว่าจะโดนอะไรมั่งนั้น  กระผมไม่รู้อะครับ ::014::

เมื่อก่อนแค่น้องสาวถูกคนข้างบ้านแฟนเขาเตะผมก็ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน    แฟนน้องไม่กล้าทำอะไร  ผมรู้ผมไปหาคู่กรณีที่บ้านตี 2 เคาะประตูเรียกหน้าบ้าน   พอเปิดออกมาจัดออกไปสามดอก  สลบทั้งยืนแล้วบอกคนที่บ้านไว้ว่า  ถ้ามึงยังกล้าทำร้ายผู้หญิงอีก   เที่ยวหน้ามึงได้เข้าโรงพยาบาลแน่....แค่นั้นแหละครับ  ก็ไม่มีใครมารังแกอีกเลย   เจอพวกเถื่อนเราต้องเถื่อนกว่ามันครับมันจะได้ไม่กล้า...

กระทู้น่าสนใจมากค่ะ... ::002::

กรณีที่ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายทะเลาะมีปากเสียงกันนั้น ไม่เข้าลักณะเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท เพราะการสมัครใจต่อสู้หรือวิวาทกัน ต้องกระทำด้วยกำลังกายหรือมีการท้าทายให้มีการต่อสู้ด้วยกำลังกาย ถ้าเพียงแต่โต้เถียงกันเท่านั้นไม่ถือว่าเป็นการสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กัน ดังนี้ เมื่อโต้เถียงกันแล้วฝ่ายหนึ่งจะเข้าทำร้าย อีกฝ่ายมีสิทธิอ้างป้องกันได้ (คำพิพากษาฎีกาที่ 1407/2537) ซึ่งตามข้อเท็จจริงเมื่อฝ่ายหญิงโต้เถียงกับฝ่ายชายแล้ว  จึงลงจากรถ แต่ฝ่ายชายได้กระชากแขนพร้อมกับใช้เข่ากระแทกเข้าที่หน้าท้อง  1 ครั้ง พร้อมใช้กำลัง ผลักฝ่ายหญิงเข้าไปภายในรถ ฝ่ายหญิงจึงได้ต่อสู้ตบตีกันอย่างรุนแรง และร้องให้คนช่วย จากนั้นฝ่ายชายได้หยิบเนคไท ที่เตรียมมาในรถรัดคอฝ่ายหญิง  กรณีเช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของฝ่ายชายเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแล้ว การที่ฝ่ายหญิงพยามดินรนและคว้าไปหยิบมีดที่อยู่ในรถแล้วกระหน่ำแทงไปหลายครั้ง (มีบาดแผล 3 แห่ง) แม้ว่าบาดแผลดังกล่าวจะอยู่ใกล้จุดสำคัญของร่างการคือ บริเวณหัวไหล่ซ้าย 1 แผล และสะบักหลังซ้าย อีก 2 แผล แต่เนื่องจากการกระทำของฝ่ายหญิงเกิดขึ้นในรถซึ่งเป็นที่คับแคบประกอบกับฝ่ายชายยังทำร้ายโดยใช้เนคไทรัดคออยู่โอกาสที่จะเลือกแทงจึงไม่น่าจะกระทำได้ นอกจากนี้ภายหลังจากหลุดจากมือฝ่ายชายแล้ว

แหมนึกว่าจะตกใจกลัวจนขาดสติ เข้าเกียร์ผิดถอยทับตายซะอีก  :DD

(ต่อครับ)
ฝ่ายหญิงก็น่าจะมีโอกาสทำร้ายฝ่ายชายได้อีก แต่ไม่ทำ แล้วหลบหนีไป กรณีย่อมเห็นเจตนาของฝ่ายหญิงได้ว่ามีเพียงเจตนาทำร้ายร่ายกายฝ่ายชายเท่านั้น ฝ่ายหญิงจึงอ้างป้องกันได้ ตาม ป.อาญา มาตรา 68

พี่ครับ....

กรณีที่ฝ่ายชายใช้เทคไทรัดคอฝ่ายหญิงนี่  เข้าข่ายพยายามฆ่าไหมครับ?  ::014::

เป็นผมก็คงทำแบบพี่ณัฐพลครับ  ::002::  ::014::

เรืองจริง นานมาแล้วที่บลุคลิน ไอ้มือกระชากกระเป๋าเด็กเสริฟสาว แล้ววิ่งหนี อีสาวชักปืนลูกโม่ของพ่อที่ให้ไว้ป้องกันตัว วิ่งไล่ตามแล้วซัดไปหมดโม่ ไอ้มืดเป็นผีเฝ้าถนน  ศาลตัดสินเด็กสาวไม่ผิด ปล่อยตัว ถ้าเป็นเมืองไทยผมไม่รู้ครับ

ตามรูปการณ์ ถ้ามีพยานเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และฝ่ายหญิงมีร่องรอยโดนทำร้าย  สามรถอ้างป้องกันตัวได้ โดยไม่มีความผิด

โดยปกติศาลท่านจะเห็นใจฝ่ายหญิงเป็นปกติอยู่แล้วถ้ามีหลักฐานร่องรอยให้น่าเชื่อว่าโดนทำร้าย

ในทางกลับกัน หากจำเลยเป็นชายนี่ คงต้องมีหลักฐานมาหักล้างกันเหนื่อยกว่าแน่นอนครับ เพราะ ผู้ชาย ย่อม ดูแลตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ได้ดีกว่าผู้หญิง

ทดลองดูสิครับลุงทิดมา  ชอบทดลองไม่ใช่หรือครับ ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ::005::

มิกล้าอะครับท่านลุง...

ถ้ากอดคอหอมแก้ม แบบนี้พอไหว.... ::007:: ::007:: ::007::

ความเห็นส่วนตัว  ป้องกันตัวครับ ::002::

[/color]>> ตามนี้เลย และ การใช้ เนคไท รัดคอ นี่ จะผิดฐานพยามฆ่า หรือไม่ ต้องดูที่ เจตนาด้วยครับ ซึ่ง อาจเป็น เจตนาประสงค์ต่อผล  หรือ เจตนาย่อมเล็งเห็นผลก็ได้. <<<

มีประจักษ์พยานคนกลางที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไหมครับ ,วินิจฉัยลำบาก ไปหาพยานคนกลางที่ไม่ใช่ผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหา(ผู้ต้องหา)มาอีกหน่อยได้ไหมครับ จะได้รู้ว่าจะเชื่อใครดี อิอิ