เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 09:20:39 AM



หัวข้อ: ปิดทองหลังพระ....พระราชดำรัส.
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 09:20:39 AM
(http://img59.imageshack.us/img59/5972/img3038th.jpg) (http://imageshack.us/photo/my-images/59/img3038th.jpg/)

Uploaded with ImageShack.us (http://imageshack.us)

บางส่วนจาก "บันทึกความทรงจำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร".........สนพ.มติชน

ในคืนวันหนึ่งของปี พ.ศ. ๒๕๑๐(ยศในขณะนั้นพันตำรวจโท)

......หลังจากได้รับพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำแล้ว

ในวังไกลกังวล...............ผมจำได้ว่า คืนนั้นผู้ที่โชคดีได้เข้าเฝ้าฯ

รับพระราชทานพระจิตรลดา เป็นนายตำรวจ 8 นาย และนายทหารเรือ 1 นาย

.........พระเจ้าอยู่หัว เสด็จลงมาพร้อมด้วยกล่องใส่พระเครื่องในพระหัตถ์

ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ชุดลำลอง.....

.....ขณะที่ทรงวางพระลงบนฝ่ามือที่ผมแบรับอยู่นั้น

ผมมีความรู้สึกว่าองค์พระร้อนเหมือนเพิ่งออกจากเตา.....

.....ภายหลัง เมื่อมีโอกาสกราบบังคมทูลถาม จึงได้ทราบว่า

พระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระเครื่ององค์นั้น

ด้วยการนำเอาวัตถุมงคลหลายชนิดผสมกัน เช่น ดินจากปูชนียสถานต่างๆ

ทั่วประเทศ

ดอกไม้ที่ประชาชนทูลเกล้าถวายในโอกาสต่างๆ และเส้นพระเจ้า(เส้นผม)

ของพระองค์เอง เมื่อผสมกันโดยใช้กาวลาเท็กซ์เป็นตัวยึดแล้ว

จึงทรงกดลงในพิมพ์ (อ.ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ซึ่งต่อมาเป็นศิลปินแห่งชาติ

เป็นผู้แกะถวาย)

โดยไม่ได้เอาเข้าเตาเผา..............หลังจากที่ได้รับพระราชทานแล้ว

ทรงพระกรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทมีความว่า.....…“ พระที่ให้ไปน่ะ

ก่อนจะเอาไปบูชา ให้ปิดทองเสียก่อน แต่ให้ปิดเฉพาะข้างหลังพระเท่านั้น ”

........พระราชทานพระบรมราชาธิบายด้วยว่า

ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อเตือนตัวเองว่าการทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร

หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่

และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว.....

.....ผมเอาพระเครื่องพระราชทานไปปิดทองที่หลังพระแล้ว ก็ซื้อกรอบใส่

หลังจากนั้นมา สมเด็จจิตรลดาหรือพระกำลังแผ่นดินองค์นั้น

ก็เป็นพระเครื่องเพียงองค์เดียวที่ห้อยคอผม........

.....หลังจากที่ไปเร่ร่อนปฏิบัติหน้าที่อยู่ไกลห่างพระยุคลบาท

ผมได้มีโอกาสกลับไปเฝ้าฯที่วังไกลกังวลอีก.....ความรู้สึกเมื่อได้เฝ้าฯ

นอกจากจะเป็นความปีติยินดีที่ได้พระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งแล้ว

ก็มีความน้อยใจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ลำบาก

และเผชิญอันตรายนานาชนิด บางครั้งจนแทบเป็นอันตรายถึงชีวิต

แต่ปรากฎว่ากรมตำรวจมิได้ตอบแทนด้วยบำเหน็จใดๆ ทั้งสิ้น........

......ก่อนเสด็จขึ้นคืนนั้น ผมจึงก้มลงกราบบนโต๊ะเสวย

แล้วกราบบังคมทูลว่า

ใคร่ขอพระราชทานอะไรสักอย่างหนึ่ง..........

........พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามว่า “จะเอาอะไร?”

และผมก็กราบบังคมทูลอย่างกล้าหาญชาญชัยว่า จะขอพระบรมราชานุญาต

ปิดทองบนหน้าพระ ที่ได้รับพระราชทานไป

พระเจ้าอยู่หัวตรัสถามเหตุผลที่ผมขอปิดทองหน้าพระ.....

........ผมกราบบังคมทูลอย่างตรงไปตรงมาว่า....พระสมเด็จจิตรลดาหรือ

พระกำลังแผ่นดินนั้น นับตั้งแต่ได้รับพระราชทานไปห้อยคอแล้ว
ต้องทำงานหนักและเหนื่อยเป็นที่สุดเกือบได้รับอันตรายร้ายแรงก็หลายครั้ง

มิหนำซ้ำกรมตำรวจยังไม่ให้เงินเดือนขึ้นแม้แต่บาทเดียวอีกด้วย......

......พระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระสรวล (ยิ้ม)

ก่อนที่จะมีพระราชดำรัสตอบด้วยพระสุรเสียงที่ส่อพระเมตตาและพระกรุณาว่า

ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง.......

 ::014:: ::014:: ::014:: ::014::

แล้วคุณละวันนี้ปิดทองกันไปถึงไหนแล้ว


หัวข้อ: Re: ปิดทองหลังพระ....พระราชดำรัส.
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 09:21:47 AM
“…การทำงานด้วยน้ำใจรักต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ใครเห็น
ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้นจะเป็นประจักพยานที่มั่นคง ที่พูดเช่นนี้ เหมือนกับ
สอนให้ปิดทองหลังพระ การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด
ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่า
ไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย
พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้…”





พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของจุฬาลงกรณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 กรกฎาคม 2506
ทรงเตือนสติทุกคนให้ทำงานด้วยความตั้งใจ ด้วยความรู้ ความสามารถ
และความสุจริต แม้งานที่ทำนั้นอาจไม่มีผู้ใดทราบ แต่เมื่อเป็นงานที่ก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศชาติแล้ว ควรที่จะทำแม้จะเป็นการทำในลักษณะ
ปิดทองหลังพระก็ตาม เพราะถ้าทุกคนคิดแต่จะปิดทองหน้าพระ ทำงานเอาหน้า
ทำอะไรต้องให้มีผู้รู้ผู้เห็นก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องนัก รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์
แก่ประเทศชาติได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน




นอกจากนี้แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท
เป็นการเตือนสติข้าราชการทุกคน เนื่องในโอกาสวันข้าราชการพลเรือน
1 เมษายน 2533 ให้ทำงานโดยคำนึงถึงผลงานที่ปฏิบัติ มากกว่าผลประโยชน์
อย่างอื่น เหมือนดังเช่นการปิดทองหลังพระ




“…ในการปฏิบัติราชการนั้น ขอให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ อย่านึกถึงบำเหน็จรางวัล
หรือผลประโยชน์ให้มาก ขอให้ถือว่าการทำหน้าที่ได้สมบูรณ์เป็นทั้งรางวัลและ
ประโยชน์อย่างประเสริฐ จะทำให้บ้านเมืองของเราอยู่เย็นเป็นสุขและมั่นคง…”





พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทาน
ปริญญาบัตรของ วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วันที่ 8 กรกฎาคม 2530
เกี่ยวกับการทำงานว่า เมื่อมีโอกาสและมีงานทำ ควรเต็มใจทำโดยไม่จำต้อง
ตั้งข้อแม้หรือเงื่อนไขอันใดไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง.





โอภาส เสวิกุล…..เรียบเรียง
16 กพ. 44



หัวข้อ: Re: ปิดทองหลังพระ....พระราชดำรัส.
เริ่มหัวข้อโดย: winthai ยาวแค่ไหน ก็ต้องมีปลายสุดเสมอ ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 11:47:14 AM
ผมชอบประโยคที่ในหลวงท่านทรงกล่าวไว้มากเลยครับ "ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง......."

ขอบคุณครับ พี่ช้าง ::002::

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ ::014::
+1


หัวข้อ: Re: ปิดทองหลังพระ....พระราชดำรัส.
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 01:02:54 PM
"ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง......."


 ::014:: ::014:: ::014::



หัวข้อ: Re: ปิดทองหลังพระ....พระราชดำรัส.
เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ พฤศจิกายน 18, 2011, 01:10:47 PM
เป็นพระ....เขาว่าอวดอุตริ

เป็นคนปกติ...เขาว่าโม้

เก็บใว้เป็นความดีงามในห้วงหัวใจ.......
 ::014::

พระราชดำรัส
ปิดทองไปข้างหลังพระเรื่อยๆ แล้วทองจะล้นออกมาที่หน้าพระเอง.......
 ::014:: ::014:: ::014::