หัวข้อ: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 19, 2012, 03:36:24 AM ที่มา www.tamdee.net
ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เธอครองชีวิตร่วมกับเขามานานกว่า ๑๐ ปี แล้ววันหนึ่งก็พบว่าเขาปันใจให้หญิงอื่น เธอจึงแยกทางจากเขา แต่เขาหาได้ไปจากจิตใจของเธอไม่ ทุกครั้งที่นึกถึงเขา เพลิงแค้นก็ลุกท่วมหัวใจ เธอแค้นที่ถูกเขาทรยศ แค้นที่เขาทำลายชีวิตที่ดี ๆ ของเธอ ยิ่งนึกก็ยิ่งรุ่มร้อน จนอยากตบ อยากทำร้าย อยากทำลาย มัน เธอหันหน้าเข้ากรรมฐาน แต่ความแค้นยังตามมารังควานเธอ แม้เรื่องจะจบไปนานแล้ว แต่เธอไม่ยอมจบด้วย ใจยังหวนกลับไปขุดเรื่องราวในอดีตให้มาทิ่มแทงเธอไม่หยุดหย่อน เสียงด่าดังก้องอยู่ในใจทั้ง ๆ ที่รอบตัวมีแต่ความเงียบสงบ แต่ไม่มีอะไรที่ยั่งยืน มีเกิดก็มีดับ ตอนนั้นเธอกำลังเดินจงกรม มือประสานกันที่ท้อง เธอรู้สึกว่าเมื่อยเหลือเกินเพราะกุมมือในท่านั้นนานเป็นชั่วโมงแล้ว จึงปล่อยมือลง ทันทีที่ปล่อยความเมื่อยก็หายไป ความรู้สึกสบายกายสบายใจเกิดขึ้นตามมา ชั่วขณะนั้นเองเธอได้ประจักษ์แก่ใจว่า แค่ปล่อย เราก็ไม่ทุกข์อีกต่อไป แล้วน้ำตาก็ไหลรินออกมา วินาทีนั้นเองที่เธอระลึกขึ้นได้ว่าสาเหตุที่เธอคับแค้นไม่เลิกราก็เพราะไปยึดติดกับเรื่องราวในอดีตอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะเธอไม่ยอมปล่อยมันไปนั่นเอง เธอจึงทุกข์แล้วทุกข์เล่า เมื่อคิดได้เช่นนี้เธอจึงปล่อยมันออกไปจากใจทันที เธอเล่าว่าในการปล่อยมือครั้งนั้น เธอได้ปล่อยความแค้นและเรื่องราวในอดีตระหว่างเธอกับเขาไปด้วย จิตใจบังเกิดความเบาสบายสงบเย็นขึ้นมาทันที มือที่กุมไว้นาน ๆ ย่อมเมื่อยฉันใด ใจที่ยึดไว้ไม่เลิกรา ย่อมเป็นทุกข์ฉันนั้น ไม่มีอะไรที่จริงยิ่งไปกว่านี้ แต่ความจริงง่าย ๆ อย่างนี้น้อยคนจะตระหนัก ทั้งนี้ก็เพราะเราคุ้นชินกับการยึดจนเป็นนิสัย อะไรก็ตามที่ติดเป็นนิสัยแล้ว เรามักจะทำไปโดยไม่รู้ตัว คนที่เคร่งเครียดจนเป็นนิสัย ก็เอาแต่เคร่งเครียด หน้านิ่วคิ้วขมวด เกร็งมือเกร็งคอ ไปโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้สึกเมื่อยล้า ก็หารู้ไม่ว่าเป็นเพราะนิสัยดังกล่าวนั่นเอง แต่ทันทีที่รู้ตัวและผ่อนคลายลง เขาก็จะรู้สึกสบายทันที อะไรก็ตามถ้าเราไปยึดติดแบกถือแล้ว ล้วนทำให้เป็นทุกข์ทั้งนั้น แม้ว่าสิ่งนั้นดูเหมือนเล็กน้อยไม่สลักสำคัญ แต่ก็ประมาทไม่ได้ สิวเพียงไม่กี่เม็ด ถ้าไปหมกมุ่นครุ่นกังวลกับมันทั้งวันทั้งคืน ก็สามารถทำให้เด็กสาวฆ่าตัวตายเพราะความอับอายได้ ดังเคยเป็นข่าวมาแล้ว มีเรื่องเล่าว่าชายผู้หนึ่งเข้าไปกราบทูลระบายความทุกข์กับสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์หนึ่ง เขาเอาแต่บ่นว่า หนักครับ.....ช่วงนี้แย่มากเลยครับ เมื่อสมเด็จ ฯ ถามว่าหนักเรื่องอะไร เขาก็ทูลเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้าชีวิต สุดท้ายก็ทูลว่า ตอนนี้ผมจวนจะแบกไม่ไหวแล้วครับ สมเด็จ ฯ ฟังสักพัก ก็รับสั่งให้เขานั่งคุกเข่าและยื่นมือทั้งสองออกมาข้างหน้า แล้วพระองค์ก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาวางบนฝ่ามือทั้งสองของเขา แล้วรับสั่งว่า นั่งอยู่นี่แหละ อย่าขยับหรือไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา จะเข้าไปข้างในสักประเดี๋ยว เขานั่งอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานาน แต่สมเด็จ ฯ ก็ยังไม่เสด็จออกมาเสียที จนเขาเริ่มเมื่อยล้า กระดาษดูจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนเหงื่อเริ่มออก ในที่สุดสมเด็จ ฯ ก็เสด็จเข้ามาประทับที่เดิม แล้วทรงถามชายผู้นั้นว่าเป็นอย่างไร หนักครับ พระเดชพระคุณ เมื่อยจนจะทนไม่ไหว อ้าว ทำไมไม่วางมันลงเสียละ ? สมเด็จ ฯ รับสั่ง ก็ไปยอมให้มันอยู่อย่างนั้น มันก็หนักอยู่ยังงั้นนะซี มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง กระดาษแม้จะบางเบา แต่ถ้าไปยึดถือมันนาน ๆ ก็จะกลายเป็นของหนักจนสู้ไม่ไหว อารมณ์โกรธเกลียด ท้อแท้ กลัดกลุ้ม แม้จะจับต้องไม่ได้ แต่ถ้าไปแบกไว้ทั้งวันทั้งคืน ใจเรานั่นแหละที่จะแย่ ตรงกันข้ามกับหินก้อนใหญ่ ตราบใดที่ไม่ไปอุ้มไปแบก ก็ไม่มีวันหนัก เป็นเพราะไม่รู้ตัวใช่ไหมเราจึงเผลอไปแบกหรือยึดความทุกข์เอาไว้ ทั้ง ๆ ที่ยิ่งแบกยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์ แต่ก็ยังไปแบกไปยึดอยู่นั่นเองเพราะทำจนเป็นนิสัยเสียแล้ว ความรู้ตัวจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่หนทางแห่งความไม่ทุกข์ เพราะเมื่อรู้ตัวแจ่มชัดเราก็ประจักษ์แก่ใจว่าได้เผลอแบกยึดอะไรต่ออะไรไว้มากมาย ถึงตอนนั้นการปล่อยวางก็เกิดขึ้นได้ไม่ยาก ฉะนั้นไม่ว่าทำอะไรอยู่ก็ตาม ควรหมั่นมองตนสำรวจจิตเพื่อให้รู้เท่าทันความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ ความรู้ตัวนี้แหละจะช่วยปลดเปลื้องสิ่งหมักหมมที่ค้างคาในจิตใจจนทำให้ชีวิตเบาสบาย เทศกาลปีใหม่มาถึงแล้ว ใคร ๆ ก็อยากได้ของขวัญ แต่ถ้าอยากให้ชีวิตเบาสบาย ไม่มีอะไรดีกว่าการปล่อยวางสิ่งที่ทำความหนักอึ้งแก่จิตใจ อย่าแบกข้ามปีให้เหนื่อยใจอีกต่อไปเลย วันนี้สิ่งสำคัญจึงมิใช่คำถามว่าเราได้อะไรมาบ้าง ? แต่ได้แก่คำถามว่าเรา ปล่อยไปมากแค่ไหนแล้ว? หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: แสนสุข ที่ มกราคม 19, 2012, 07:54:44 AM ขอบคุณครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: telekbook - รักในหลวง ที่ มกราคม 19, 2012, 07:58:07 AM เป็นเรื่องจริง ที่หลายๆคนยังทำไม่ได้ครับ รวมทั้งผมด้วย
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ มกราคม 19, 2012, 09:25:26 AM ขอบคุณมากครับ ::014::
เคยมีความรู้สึกแบบโล่งและปลอดโปร่งคล้ายๆ กับข้อเตือนใจนี้อยู่หนึ่งครั้งตอนที่ตัดสินใจเลิกกับแฟนครับ แต่ไม่ได้เป็นกรณีนอกใจนะครับ เป็นเรื่องของความไม่เข้าใจกัน ตอนที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจของทางบ้าน (ก่อนปี 38) ก็ได้ใช้แนวคิดข้อเตือนแบบนี้ที่สามารถทำให้ผ่านวิกฤตไปได้ครับ โล่งๆ สบายตัวและสบายใจ ไม่ต้องมีพะวังและกังวล ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: swallow ที่ มกราคม 19, 2012, 11:18:11 AM ขอบคุณครับ สำหรับสิ่งดีดีที่แบ่งปัน ::014::ที่985 ครับ
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มกราคม 19, 2012, 01:35:05 PM พยายามครับ ;D ;D ;D 986
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 19, 2012, 02:10:20 PM ;D ;D ;D ::014:: + 108 + 1014 + 108 + 13 + 927 ::002:: ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ มกราคม 19, 2012, 11:30:34 PM +988 ถืงจะทำยาก ถ้าตั้งใจ น่าจะผ่านมันไปใด้ ::014::
หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ มกราคม 20, 2012, 07:24:22 AM +988 ถืงจะทำยาก ถ้าตั้งใจ น่าจะผ่านมันไปใด้ ::014:: ;D ::014:: + 186 ::002:: ::002:: ::002:: หัวข้อ: Re: ปล่อยเมื่อไร สบายเมื่อนั้น เริ่มหัวข้อโดย: SaSa ที่ มกราคม 22, 2012, 08:21:16 PM ...ขอบคุณครับ..
|