เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ประวัติศาสตร์กาแฟโลก


- 1000 ปีก่อนคริสต์กาล พ่อค้าชาวอาหรับนำกาแฟกลับบ้านเกิด และเริ่มการปลูกกาแฟและต้มเมล็ดเป็นครั้งแรก คนอาหรับเรียกกาแฟที่ได้นี้ว่า qahwa ซึ่งหมายถึงสิ่งที่ป้องกันการง่วงเหงาหาวนอน

- ต้นศตวรรษที่ 14 ชาวอาหรับเริ่มปลูกกาแฟเพื่อการค้ากาแฟครั้งแรก บริเวณคาบสมุทรอาระเบียน ใกล้เมืองท่าชื่อ Mocha

- ค.ศ.1453 ออตโตมันเติร์กนำกาแฟเข้าสู่กรุงคอนสแตนติโนเปิล

- ค.ศ. 1475 กฎหมายตุรกีมีว่าหญิงใดก็ตามที่สามีมิอาจเลี้ยงดูเธอด้วยกาแฟในปริมาณที่เพียงพอแต่ละวัน สามารถขอหย่าได้โดยถูกกฎหมาย

- ค.ศ. 1554 ร้านกาแฟร้านแรกของโลกเกิดขึ้นที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล ถือเป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักนิยมศิลปะและวรรณกรรม ร้านกาแฟจึงเคยถูกเรียกว่า qahweh khaneh (แหล่งปัญญา หรือ school of wisdom)

- ค.ศ. 1607 กัปตันจอห์น สมิท ก่อตั้งอาณานิคม Virginia ที่ Jamestown ในทวีปอเมริกา เป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์กาแฟในอเมริกาเหนือ
ุ
- ค.ศ. 1615 กาแฟยุโรปประเดิมขายครั้งแรกที่ร้านขายยาในฐานะตัวยาชนิดหนึ่ง โดยพ่อค้าชาวเวนิสเป็นผู้นำมาเผยแพร่

- ค.ศ. 1616 กาแฟถูกลักลอบนำออกจากอาหรับโดยชาวดัตช์ เป็นชนชาติแรกและนำไปเพาะปลูกเพื่อการค้าขายใน Ceylon (ศรีลังกา) ในปี ค.ศ. 1658

- ค.ศ. 1645 เกิดร้านกาแฟร้านแรกในอิตาลี

- ค.ศ. 1650 ร้านกาแฟแรกในอังกฤษเปิดตัวครั้งแรกที่เมือง Oxford หลังจากนั้นอีก 2 ปี จึงมีร้านกาแฟในลอนดอน ซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวกรีกและอังกฤษ จากนั้นมีการขยายจนมีเต็มเมือง เรียกกันว่า penny universities เพราะค่าเข้าและค่ากาแฟถ้วยละ 1 เพนนี ภายในร้านมีกล่องทองเหลืองสลักคำว่า To Insure Promptness (เพื่อความทันใจ) เป็นการกระตุ้นให้ลูกค้ายอมจ่ายเงินแลกกับการบริการที่ดีเยี่ยม วลีนี้ถูกย่อสั้นๆ ให้เหลือแค่ตัวอักษรแรกของแต่ละคำคือ TIP และคำนี้เองเป็นที่มาของคำว่า ทิป (tip) ที่ใช้กันทั่วทุกหัวระแหง

- ค.ศ. 1651 มีการโฆษณากาแฟในใบปิดครั้งแรกของโลก ปัจจุบัน ใบปิดนี้เก็บรักษาไว้ที่ British Museum

- ค.ศ. 1674 ผู้หญิงอังกฤษต่อต้านการดื่มกาแฟเนื่องจากพวกผู้ชายพากันไปชุมนุมกันที่ร้านกาแฟมากกว่าจะยอมอยู่ดิดบ้าน

- ค.ศ. 1683 ชาวตุรกีนำกาแฟติดตัวมาด้วยขณะปิดล้อมออสเตรียไว้ และเผยแพร่ออกไปในที่สุด

- ค.ศ. 1683 กองทัพตุรกีล้อมกรุงเวียนนา ภายหลังไม่สามารถตีกรุงแตกได้ ต้องยกทัพกลับไป ทิ้งไว้แต่กาแฟที่กลายเป็นที่มาของร้าน Blue Bottle ร้านกาแฟแห่งแรกในเวียนนาที่มีเจ้าของชื่อ Kolchitzky ผู้คิดค้นการกรองกาแฟบด การดื่มกาแฟแบบหวานๆ และแบบใส่นม

- ค.ศ. 1689 ร้านกาแฟแรกในปารีส

- ค.ศ. 1690 ชาวดัตช์ตั้งบริษัท East India Coffee หลังจากนำกาแฟมาสู่เกาะชวา อินโดนีเซีย

- ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 ชาวยุโรปเริ่มผสมช็อกโกแลตลงในกาแฟ

- ค.ศ. 1715 ชาวดัตช์ถวายต้นกาแฟแด่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เชื่อกันว่ามีการใส่น้ำตาลในกาแฟเป็นครั้งแรกในราชสำนักของพระองค์

- ค.ศ. 1721 ร้านกาแฟแรกในเบอร์ลิน

- ค.ศ. 1727 Johann Sebastian Bach ประพันธ์เพลง Kaffee-Kantate ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโคลงสรรเสริญกาแฟ และเป็นการเสียดสีความเคลื่อนไหวที่จะห้ามมิให้สตรีเพศได้บริโภคกาแฟ (เพราะเชื่อว่าจะทำให้พวกเธอเป็นหมันและแท้งลูก) และในปีเดียวกันนั้นเอง มีการนำเอาเมล็ดกาแฟเข้าสู่ประเทศบราซิล และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บราซิลเป็นประเทศที่ผลิตกาแฟมากที่สุดในโลก

- ค.ศ. 1763 มีร้านกาแฟกว่า 200 ร้านในเวนิสและปัจจุบันมีมากถึง 200,000 ร้านทั่วอิตาลี และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

- ค.ศ. 1773 เกิดเหตุการณ์ “Boston Tea Party” หรือการเรียกเก็บภาษีชาอย่างไม่ปราณี จนชาวอเมริกันต้องหันมาดื่บกาแฟแทนซึ่งเสียภาษีน้อยกว่า

- ค.ศ. 1779 นักเดินทางชาวสเปนเป็นผู้นำกาแฟจากคิวบาไปเผยแพร่ในคอสตาริกา

- ค.ศ. 1809 Meslitta Bentz ใช้กระดาษจากสมุดบันทึกของลูก กรองกากกาแฟ อันเป็นต้นกำเหนิดของกระดาษกรองในปัจจุบัน

- ค.ศ. 1893 มิชชันนารีโรมันคาธอลิก เป็นผู้นำกาแฟไปเผยแพร่ในเคนยา
ุ
- ต้นศตวรรษที่ 19 การดื่มกาแฟยามบ่ายเป็นประเพณีนิยมในเยอรมนี เกิดคำว่า Kaffee Klatsch ที่เอาไว้พูดถึงการซุบซิบนินทาของพวกผู้หญิงในเวลาดื่มกาแฟ ต่อมาหมายถึงการพูดคุยสัพเพเหระทั่วๆ ไป

- ค.ศ. 1901 กาแฟสำเร็จรูปถูกคิดค้นเป็นครั้งแรกโดยนักเคมีลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน Satori Kato

- ค.ศ. 1906 มีการปรับปรุงเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซเพื่อการค้าขึ้นขายในอิตาลี

- ค.ศ. 1938 เนสท์เล่คิดค้นกาแฟ freeze-dried เพื่อช่วยบราซิลแก้ปัญหาผลผลิตกาแฟล้นตลาด ต่อมาจึงพัฒนาเป็นเนสกาแฟในสวิตเซอร์แลนด์

- ค.ศ. 1946 Achilles Gaggia ชาวอิตาลี พัฒนาเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซสำเร็จ และคำว่า คาปูชิโน มาจากสีกาแฟที่เหมือนสีจีวรพระในนิกายคาปูชิน

- ค.ศ. 1990 อเมริกาใช้เงินกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในการนำเข้ากาแฟจากต่างประเทศ

แหล่งข้อมูล http://www.roytawan.com

ในนี้มีคอกาแฟอยู่เยอะทีเดียวเจ้าคะ :D

 :)..ด้วยความขอบคุณครับ นายโอ๊ค.. ;D ;D..อาจหงุดหงิด..นอนไม่หลับเพราะ..ต้องงดกาแฟ.ด้วยเหตุอันไม่สมควร..๕๕๕๕๕   ;D

เพิ่มเติมครับ

สำหรับเวปลิงค์ ที่ผมให้ไว้ มีข้อมูลดีๆอยู่มาก
มีเวลาว่าง ค่อยๆอ่านไปครับ ข้อมูลดี รูปสวย
จนอุปาทานได้กลิ่นกาแฟ    :D :D

http://www.roytawan.com

ได้ความรู้ครับ   ขอบคุณมากครับ ;D :D ;D

(ผมก็ติดกาแฟงอมแงมเหมือนกันครับ..)

กาแฟแถวบราซิล กาแฟชั้นดีเนาะครับ :P :P :P

เค้าว่า กินกาแฟก่อนออกกำลังจะช่วยเพิ่มเมทตาโบลิซึมนะครับ

ประหวัติดีครับ คุณโกปี้  ;D ;D ;D

 ;D  ยังหาคน  ไปนั่งดื่มกาแฟ....ถ้วยแบบนี้ กับผมไม่ได้เลยล่ะครับ...



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

เอ....คุ้น ๆ แฮะ...เหมือนเคยได้เห็นที่ไหน....





[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

 8)ถามผู้รู้หน่อยครับ..แล้วกาแฟเนี้ย.น่ะ.มัน เจ หรือ ชอว์ ?????

ถ้ามีโอกาสก็ ทำmeeting เล็กๆแบบเจอกันร้านกาแฟก็เข้าท่านะครับ ผมก็ติดกาแฟเหมือนกัน อิอิแต่แปลกกาแฟร้านแขก แ_ก ไม่ลง

เอ้อ....เมทตาโบลิซึ่มคืออะไรครับ อาจารย์กะหล่ำ  ;D ;D(ผมความรู้น้อยครับ)
กาแฟผมดื่มทุกวัน แต่ไม่เคยติดกาแฟ จ่ายสดทุกครั้ง ;D ;D


สำหรับกาแฟร้าน..ต้องไปพร้อมพี่มะขิ่น ได้กินทุกครั้ง
ดื่มไป กลั้นหัวเราะไป .... (อยากรู้ต้องให้ท่านมะขิ่นมาเฉลย)

ปล....ท่านโอ๊คครับ ไม่มีเรื่องของโกโก้มั่งเหรอ ::)

 ขอบคุณมากครับ ผมกินวันละ3ถ้วย เช้า-กาแฟผงข้นๆ,บ่าย+ค่ำนี่ฟาดคาปุชชิโน่ไม่เกรงใจพุงเลยแหละ  ;D

ปล....ท่านโอ๊คครับ ไม่มีเรื่องของโกโก้มั่งเหรอ  


เฮ้ย....แหม๋...ที่ตอนนี้  จะฟาด  โกโก้...ร้อน....

เดี๋ยวเฮอะ...โดน...ราด...ด้วยโกโก้...ร้อน ๆ หร๊อก...อิ อิ

ซื้อ....ลิปสติค...ไปฝาก...สาว ๆ ดีกว่า.....น่า...ตาซับใน...อิ อิ



[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

เหอะ ๆ
ผมก็จำเค้ามา
..

เมตาโบลึซึม  ท่านว่าคือ อัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายหนะครับ
ตอนเป็นทหาร ผมดื่มกาแฟแก่ ๆ ใส่แต่น้ำร้อนอย่างเดียว
วิ่งไม่รู้เหนื่อยเลยครับ

แหมน่ากันจัง ทำไมไม่ชวนสาวๆในนี้กันล่ะครับ มีตั้งหลายท่าน

 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D

ตี-ปลา -หน้า-ไซ

 ::) ;D  ขนาด กับ ครูฝึก  แกยังทำ....ตาขวาง...เลยครับ

แล้วยังผม....จะเหลืออะไร....ล่ะคร้าบ.....อิ อิ

ไม่เชื่อดูภาพประกอบได้ครับ.....อิ อิ


[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

 ;) ขอบคุณกับความรู้ดีๆ...ผมเองก็ไม่เคยติดกาแฟ  จำได้ว่าเริ่มกินกาแฟตั้งแต่อายุ 12-13 ขวบมั๊ง เมื่อก่อนก็เป็นแบบกาแฟ ชาร้อนชงใส่ถุง...กินต่อเนื่องมาเรื่อยจนถึงปัจจุบันเป็นกาแฟสำเร็จรูป...ก็แค่สามสิบกว่าปีเอง ก็ยังไม่ติดมันเลย ทุกวันนี้ปกติกินวันละ 2 เหยือก (แก้วหู)...วันไหนไม่ได้กินเป็นต้องปวดหัว... เพื่อไม่ให้ปวดหัว เลยต้องกินกาแฟแทนกินพาราฯ..เท่านั้นเอง...;)

  :o   ตลกลึก    ตลกร้าย 

สำหรับ...คอกาแฟ...อย่างผมครับ....

ท่านใด...มีรูปเดิม ๆ ของภาพนี้...ช่วย post เปรียบเทียบด้วย

แล้วจะ...ตา...หลก...ม่ายออก....ครับ อิ อิ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ขอบคุณครับพี่ visith ดึงกระทู้กลับเข้าที่จนได้ เกือบจะเป็นกระทู้ตีงูไปซะแล้ว อิอิอิ   ;)

Coffee Teste 
 
การเข้าถึงรสชาติกาแฟควรต้องรู้ว่า กาแฟไม่ว่าจะเป็นจิบหนึ่ง หรือหนึ่งถ้วยบรรจุไปด้วยสิ่งเหล่านี้

Acidity : รสเปรี้ยวของกาแฟที่หลายคนมักสับสนกับรสขมเบ็นรสชาติที่เพิ่มสีสันให้กาแฟไม่ทื่อหรือแบนไร้มิติ ปลายลิ้นหลังเพดานปาก เป็นส่วนที่รับรสชาตินี้ได้ดี Acidity เป็นคุณสมบัติสามัญของกาแฟ ที่ปลูกบนที่สูง เช่น กาแฟจากกัวเตมาลา คอสตาริกา และเคนยา

Aroma : กลิ่นหอมที่จูงมือมากับรสชาติกาแฟ กลิ่นหอมนี้ทำให้การรับรสกาแฟไม่จำกัดอยู่เพียงหวาน เปรี้ยว หรือรสขม พูดง่ายๆ คือกลิ่นหอมช่วยทำให้กาแฟมีรสชาติหวือหวา โลดโผนมากขึ้น

Body : น้ำหนักหรือความเข้มข้นของกาแฟ เมื่อจิบกาแฟเราสามารถรู้ถึงความมีเนื้อหนังของกาแฟละม้ายความรู้สึกเวลากินนม บอดี้กาแฟมีตั้งแต่ บอดี้เบา กลางๆ และหนัก กาแฟที่มีบอดี้หนัก มักมาจากอินโดนีเซีย

Flavour : รสชาติ จะว่าไปก็คือผลลัพธ์จากการรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกันของ Acidity, Aroma และ Body

 (http://www.roytawan.com/art/97.jpg)
 
 



http://www.roytawan.com/topic/index.php

รูปที่อีตา51โพสต์เป็นรูปถ่ายมาจากเวียตนาม
ทหารกำลังจับฝ่ายตรงข้ามมาเข้าแถว...ยิงทิ้ง แบบเอา1911จ่อขมับแล้วลั่นไก
(ภาพเดิมเปลี่ยนจาก แก้วกาแฟเป็น1911 ก็แค่นั้น)

ภาพนี้ถ่ายในจังหวะลั่นไกพอดี

ปัจจุบัน คนยืนด้านขวา ที่ทำหน้าเบ้ หนีถ้วยกาแฟ เสียชีวิตแล้วครับ ;D

อ้อ...ภาพนี้ ถ่ายจากข้างถนนครับ

เคยเห็นบางภาพ แบบเอา1911 จ่อปากแล้วลั่นไก เห็น ท้ายทอยระเบิดกระจายเลย

กึ๋ย.ย..ย......

สุดท้ายนี้..อยากบอกว่า
ดีใจที่เกิดบนแผ่นดินไทย ..... และไม่อยากให้มีการเปลี่ยนเนื้อร้องเพลงชาติไทย

บ้านเมืองเป็นยังไง... ขึ้นอยู่กะพลเมือง....ในบ้านเมืองนั้น

ไม่เกี่ยวกะเพลงชาติเนื้อร้องแบบไหน
และไม่เกี่ยวกะหันปากกระบอกปืนใหญ่
อย่าให้คนอื่นว่าเอาได้ว่า

เมืองไทยมีดีทุกย่าง .. เสียอยู่อย่างเดียว มีคนไทย

เผาผลาญมากหรือน้อยครับ ;D ;D

ถ้วยแบบคุณ 51 ลงเป็น Late' ผมไม่ชอบ  ...เพราะเลี่ยนครับ  เอาแบบนี้ดีกว่าครับ น้ำตาลก็ไม่ต้องใส่

(http://www.roytawan.com/images/roy003-1.jpg)

ขอขอบคุณท่าน จขกท. ครับ ผมละติดกาแฟมาก หาเครื่องต้มมาที่ทำงานจนมีแฟนกาแฟจากห้องอื่นลอยตามกลิ่นมาทุกวัน สนุกสนานมาก ไม่เหงาครับ

ภาพนี้ถ่ายในเหตุการณ์ Tet offensive หรือเวียดกงรุกใหญ่ในเทศการตรุษญวนในปี 1968 ตอนนั้นมีการหยุดยิงกัน แต่ตอนตรุษญวน (ช่วงตรุษจีนนั่นแหละ) เวียดกงลุกฮือบุกทั้งที่ชายแดน ยกพวกเวียดนามเหนือด้วยมาล้อมค่ายนาวิกฯ เมกันที่เคซาน ที่ไซ่ง่อนก็ลุกขึ้นมาจากใต้ดินโจมตีทั้งเมือง หน่วยยอมตายเข้าไปยิงกันในสถานทูตเมกันตั้งหลายชั่วโมง…

ภาพนี้เป็นภาพ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลกรุงไซ่ง่อน ใช้ .38 บอดี้การ์ดยิงสายลับเวียดกงในช่วงเหตุการณ์นี้ครับ เป็นการยิงเวียดกงคนเดียวช่างภาพเมกันถ่ายหนังไว้ได้ด้วย ภาพนี้ปลุกกระแสการต่อต้านสงครามมาก แต่ที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้คือ ในเหตุการณ์ตอนนั้นเวียดกงเพิ่งเข้าไปในบ้านของนายตำรวจคนนี้ฆ่าเมียกับลูกอีก 4 คนตายหมด นายตำรวจคนนี้ต่อมาลี้ภัยไปเมกาและเพิ่งเป็นมะเร็งตายไปเมื่อประมาณปีที่แล้ว

ปกติไม่ค่อยดื่มกาแฟ เพราะทานแล้วท้องผูก ทรม๊าน...ทรมาณ :'(

เลี่ยนหนักเข้าไปใหญ่

ตำรากาแฟ บอกว่าช่วยระบาย   แต่ผมก็ได้ยินมาบ่อย ๆ ว่ากินแล้วท้องผูก 
สับสนอยู่เหมือนกัน  :)

ถึงบอกไม่ต้องใส่น้ำตาลก็หวานได้ไง .....น้องโบว์  :D

ถามแบบโง่ๆ ย่อมาจากอะไร  ??? ???

"เจ้า่ของกระทู้" ครับคุณ จขกท. :D

ตาต๊อกสำบัดสำนวนจริงๆ อิอิอิ ;D ;D

If you want peace, prepare for war.

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

กำลังคิดว่ามือที่กันอยู่เป็นมือของผู้ชาย กับผู้ชาย (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/sm12.gif) ถึงต้องแอบจับกันใต้โต๊ะอะ (http://www.thpsa.com/PHP-Nuke/html/modules/Forums/images/smiles/icon_lol.gif) (โปรโมท smilie เว็บ thpsa อิอิ)

ขอคารวะเลยครับ ท่าน จนท. 

มิเสียแรงสำหรับ หนึ่งในทีมงานซึมเศร้าเหงา..เพราะร๊ากกก....

ยอดเยี่ยมมาก....ผมจำได้...แต่หาภาพไม่พบ....

ตลกร้าย...ครับ  ตลกร้าย....อิ อิ

คารวะหนึ่งจอกของ vodka เมื่อไหร่ดีหนอ...อิ อิ

พึ่บพั่บ พึ่บพั่บ…… กระต๊าก กระต๊าก……

ท่านซับฯ ครับ “ไข้หวัดนกไม่น่ากลัวอย่างที่ท่านคิด”

จบข่าว ;D

 ;D ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกาแฟ แต่ที่ดื่มอยู่บ่อย ๆ ก็ร้านกาแฟริมทางแถวต่างจังหวัด หากเป็นในบางกอกไม่ไหวครับริมทาง ฝุ่นเยอะเกินไป ไม่ได้อนามัย แต่ไม่ไหวจริง ๆ สงสารคนบางกอกจังเลย อิ อิ อิ นอกจากนั้นก็เป็นกาแฟกระป๋องครับ  ;D

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เป็นชอบดื่มกาแฟมาก ไม่ค่อยมีความรู้ด้านนี้เท่าไหร่นัก  กินตามใจที่ชอบ ถ้ามีโอกาสก็ทดลองกินไปเรื่อยๆหลายๆแบบ

ผมก็ใช้กาแฟ เป็นยาระงับปวดเหมื่อนกันครับ  บางครั้งก็ใช้กาแฟดำ + แอสไพริน ระงับปวดได้ได้กว่าใช้ยาพาราเซตามอล  อีกแหนะ  ระวังกระเพาะหน่อยละกัน

เช่นกัน ผมอิจฉาคนอยู่ต่างจังหวัดครับ   ดื่มกาแฟพร้อมสูดโอโซนจากใบไม้   น่าอิจฉา......

แง.....
งานนี้ผมวืดอีกแย้วง่ะ......
สงสัยต้องไปทำบุญซะหน่อย
โดนทั้งใส่สีรูป .............ฝีมืออีตานายใหม่
ถามท่าน ไอแอมชูตติ้ง กะเป็นน้องสาว ดั๊น...จุดไต้ตำตอ
มาตอนนี้วืดอีกแล้วครับท่าน

ขอบคุณ ท่าน law enforcement ที่แก้ไขความผิดพลาดของผมให้
ขอบคุณท่าน51 ที่เข้ามาโพสต์ภาพแห่งประวติศาสตร์ให้ระลึกถึง
(นึกผิด/นึกถูก มั่วไปหมดวุ้ย)



************************
ส่วนน้องโบว์ผู้น่ารัก
ทานกาแฟแบบนั้น ไม่เลี่ยนหนักเข้าไปใหญ่หรอก
อืม..ม..ม....
ไม่เชื่อลองหาโอกาสทานแบบนี้ดูซักครั้งสิ
แล้วจะรู้ กาแฟลืมใส่น้ำตาล อาจเป็นถ้วยที่หวานที่สุดในโลก...ก็ได้
(นี่ถ้าอีตาพลายแก้วอยู่ ป่านนี้คงชวน...ไปดื่มแล้วแหละ ;D ;D ;D
พูดถึงไปก็คิดถึงเค้าเนาะ...... ;D.....ยังเฉือนคมกันอยู่เมื่อไม่กี่วัน....) :D :D

ดื่มกาแฟแก้ปวดหัว 
 
ใครที่เคยคิดว่าชาและกาแฟไร้ประโยชน์คงต้องคิดซะใหม่ เพราะล่าสุดนักวิจัยมีรายงานว่า ชาหรือกาแฟสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้

ชนิดของสารคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเพราะความเครียดให้กับคนจำนวนมากได้ ปกติแล้วสารคาเฟอีนถูกใช้ในการรักษาทางการแพทย์อยู่แล้ว รวมทั้งใช้เป็นสารประกอบทางเคมีด้วย และล่าสุดมีรายงานการวิจัยที่ยืนยันแล้วว่า คาเฟอีนมีคุณค่าเพราะช่วยต่อต้านอาการปวดหัวได้

แต่นักวิจัยแห่งคลีนิคปวดศีรษะไดมอนด์ในชิคาโกพบว่า การรับประทานสารคาเฟอีนเพียวๆออกฤทธิ์พอๆกับการทานแบบผสม ทั้งนี้ 58% ของผู้ที่ทุกข์ทรมานเพราะปวดหัวกล่าวว่า การทานคาเฟอีนเป็นเม็ดแคปซูลให้ผลแก้โรคได้ดีมาก แต่ถ้าทานคาเฟอีนในสัดส่วนเดียวกันโดยทานแบบผสมในยา หลายคนบอกว่าพวกเขารู้สึกหายเร็วกว่า

ความเจ็บปวดมักมาจากความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ และต้อคอ ซึ่งมีอาการปวดเมื่อยนานหลายวัน ทีมนักวิจัยของไดมอนด์พบว่า เมื่อเพิ่มสารคาเฟอีนในตัวยามาตรฐาน ผู้ป่วยประมาณ 70% รายงานว่า อาการปวดหัวบรรเทาลงจนหายแต่อีก 58% ไม่หาย


โดยเฉลี่ยแล้ว คนอังกฤษจะดื่มชากาแฟกัน 3.5 ถ้วยต่อวัน ทั้งนี้มีงานวิจัยอื่นอีกหลายชิ้นแนะนำว่า สารเคมีในเครื่องดื่มชนิดอื่นอาจจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพก็ได้ อย่างไรก็ตามประโยชน์ของคาเฟอีนที่มีต่อร่างกายในด้านอื่นๆยังไม่เป็นที่แน่ชัด

ส่วนงานวิจัยบางชิ้นแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคคาเฟอีนจำนวนมากกับปริมาณการปวดศรีษะมากขึ้น เพราะคาเฟอีนก็สามารถเป็นเหตุให้ปวดหัวได้หากบริโภคเข้าไปมากๆ ซึ่งจะทำให้ความดันเลือดสูงชั่วคราว แพทย์บางคนแนะนำว่า คนที่มีปัญหาเรื่องการเต้นของหัวใจควรหลีกเลี่ยงสารคาเฟอีนไว้ก่อน

ปริมาณสารคาเฟอีนที่ควรมีในชากาแฟต่อ 1 ถ้วยกาแฟ
กาแฟที่ผ่านการสกัด 80-115 มิลลิกรัม
กาแฟสด 65 มิลลิกรัม
ชาดำ 40-60 มิลลิกรัม
โกโก้ 4 มิลลิกรัม
กาแฟกระป๋อง 35-60 มิลลิกรัม

 
 

ม่ายชอบกินกาแฟหง่ะ 
เค้าบอกว่า กินกาแฟแล้วหน้าแก่ ... จิงป่าว ?!?

อ่านประโยคนี้แล้วทำให้นึกถึง ดร.ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์ ในสามเกลอ
เป็นอะไร ที่เป็นตลอดเวลา เป็นมึน เป็นงง เป็น ..........
บุคคลิกท่าทางคุณโทนก็พอได้ ใส่แว่นเหมือนกันอีก  ;) ;)

ขอบคุณนะเจ้าค่ะที่ชม...
ข้าน้อยไม่ค่อยทานกาแฟ ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ ที่จริงชอบทั้งกลิ่น และรสชาติของกาแฟ แต่ข้าน้อยดื่มทีไรเป็นง่วงทุกทีเจ้าคะ

ไม่เหมือนด๊อก ตรงที่ไม่ได้พูด"ไอ" กับ "ยู"  :D

งั้นมีตติ้งคราวหน้าหลังจากที่พี่ๆเค้าแยกย้ายกันไปแล้ว เราไปหาทีจิบกาแฟคุยกันนะครับผมเลี้ยงเองน่า ฟ่อ...........แผล็บๆๆ  ;D  ;D  ;D

ผมกินแต่โอวัลตินครับ ;D ;D ;D

เอาไว้ถึง meeting คราวหน้า แล้วคุณ E_mail มาร่วมงานก่อนนะเจ้าค่ะ ค่อยว่ากัน ;)

  :'(  :'(  :'( ความรันทดของผู้ด้อยโอกาส  :'(

Tet 1968 ... ผมมีโอกาสอัดเทปไว้ คนยิงเดินไปเดินมา จู่ๆก็ยกปืนลั่นไกตูม เวียตกงล้ม เลือดพุ่งเป็นน้ำพุ แล้วค่อยๆลดลง รายละเอียดเป็นไปตามคุณ Law Enforcement ว่า

ที่บอกคือ ขอให้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่ไม่เห็นมากันหน่ะเจ้าคะ...ถ้าอย่างไร วันอาทิตย์นี้ข้าน้อยก็อยู่สนามศรภ. ทั้งวัน ตั้งแต่เช้า เชิญมาร่วมแข่ง ร่วมชมการแข่งกัน steel challenge ก็ได้นะเจ้าค่ะ...ชวนคุณพลอยมาเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ เห็นว่าอยากออกเดทกับข้าน้อยอยู่เหมือนกัน อยากมีเพื่อนผู้หญิงมายิงปืนด้วยบ้างหน่ะเจ้าคะ :D

ขอเสริมสักนิดนะครับ ;Dเวลาที่เหมาะแก่การดืมกาแฟคือ ตอนบ่ายโมง เหตุผมก็เพราะว่า จะทำไห้เรากระปรีกระเปร่าในช่วงเวลาทำงานที่เหลือ ครับ แล้วก็ไม่ควรดืมกาแฟหลังอาหารทันทีควรจะดื่มหลังจากนั้นประมาณ 1 ชัวโมง เพราะกาแฟมีสารบางตัวที่ไปขัดขวางในการดูดซึม สารอาหารบางชนิดข้อมูลข้างต้นอันนี่ผมได้ข้อมูลมาจาก การวิจัยของ มก. ครับ อันต่อไปนี่ไม่เกี่ยว
ประเภท     ขนาด      ชนิดของกาแฟ      การชง      คาเฟอีน
กาแฟดำ    1ถ(6 Oz)    โรบัสต้า             แบบกรอง  100-250 มก
กาแฟดำ    1ถ(6 Oz)    แบบผสม            แบบกรอง  50-170   มก
กาแฟดำ    1ถ(6 Oz)    อาราบิก้า           แบบกรอง   50-100   มก
กาแฟดำ    1ถ              สำเร็จรูป            ผสมน้ำร้อน 40-120 มก
เอสเปรสโซ 1ถ(1.5 Oz)แบบผสม   กรองกากอัตโนมัติ 30-70 มก
เอสเปรสโซ 1ถ(1.5 Oz)อาราบิก้า   กรองกากอัตโนมัติ  10-20 มก
น้าชา           1ถ             ใบชา                น้ำเดือด        45-70มก
โค้ก            1กระป๋อง       -                          -            40-50 มก
ช็อกโกแลตดำ 100 กรัม    -                          -             40-200มก
ช็อกโกแลตนม 100 กรัม    -                          -             10-50 มก
กาแฟสกัดคาแฟอีน 1ถ     แบบผสม           ผสมน้ำร้อน    1-6   มก
ได้แฟน สามเกลอ มาอีกสองคน อิอิ นึกว่าผมบ้าอ่านอยู่คนเดียว
อันนี่พี่ก็เคยได้ยินมาเหมือนกันนะพลอยแต่ หาข้อยืนยันไม่ได้ อาจเป็นเพราะว่าคนที่ดืมกาแฟนี่ส่วนมากจะไม่นอนดึกก็เครียดกับการทำงาน อันนี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักมากกว่านะครับ

เขาบอกว่ากินโกปี้แล้วผิวเสีย เลยทำให้น่าแก่ปะ  ;D

ช่างมันเถาะ ผมกินกาแฟเย็นซะส่วนใหญ่

  ;) ดื่มกาแฟเหมือนกันค่ะ แต่ไม่ติดงอมแงม  ;D

ว่าแต่ที่เค้าพูดกันว่า คนที่เป็นมายเกรน แล้วดื่มกาแฟวันละแก้วจะทำให้ไม่ปวดหัวจริงอะป่าว  ;)

ดร.ดิเรก  ณรงค์ฤทธิ์  หรือ ดำรงค์ฤทธิ์ครับ ?
จำไม่ได้จริง ๆ   วางหนังสือพวกนี้ไป ๒๒ ปีแล้ว 

สมัยนั้นเป็นข่าวผ่านดาวเทียมแล้วหรือยังครับพี่ Sundance หรือต้องส่งสัญญาณมาตามเคเบิลใต้น้ำ หรืออย่างอื่น?

2-3 เดือนมานี้ผมเคยอ่านเจอว่าคนฟินแลนด์ดื่มกาแฟมากที่สุดในโลกเฉลี่ยวันละ 9 ถ้วย ในข่าวนี้บอกว่ากาแฟช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจครับ ถึงวิธีการชงกาแฟแบบมีศิลปมาจากประเทศยุโรปใต้แต่ทั่วๆ รู้สึกว่าคนยุโรปเหนือดื่มกาแฟหักโหมมากครับ คนสวีเดนหลายคนแล้วที่บอกว่าเขาดื่มวันหนึ่งอย่างน้อย 5 ถ้วย

คำสั่ง สำนักงาน อย. กำหนดให้เครื่องดื่มต่างๆ 1 หน่วยบรรจุมีกาเฟอีนได้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม (ภาษากฎหมายเขาใช้ ก. กาเฟอีนครับ)

ดร. ดิเรก ณรงค์ฤทธิ์ครับ พี่อ๋อง
(แต่ไงๆ ผมก็ชอบเจ้าคุณปัจจนึกมากที่ซู้ด) ;D ;D

ข่าวดาวเทียมนั้นมีแล้ว  แต่จำได้ว่าสถานีไทยยังไม่ได้รับทางดาวเทียมในช่วงสงครามเวียดนาม



ผมไม่เชื่อถือข้อมูลนี้ครับ  มีแบบสำรวจของฝรั่งทั้งทางอเมริกาและยุโรปหลายเรื่องที่จับได้ว่าเขาไม่ได้สำรวจทั่วโลกแน่ ๆ
ในแบบสำรวจ นอกจากกาแฟแล้ว  ใครดื่มชามากที่สุดในโลกครับ ?   ผมก็เคยอ่านเจอว่าเป็นคนอังกฤษ ???
ประชากรที่ดื่มกาแฟไม่น้อยกว่าวันละ 5 ถ้วย  ผมเชื่อว่าคนมาเลเซีย , บราซิล และอเมริกัน ไม่เป็นรองแน่ครับ

ไม่น่าจะจริงนา เพราะผมหน้าแก่ตั้งแต่ก่อนเริ่มกินกาแฟเสียอีก  :P

เวลากินกาแฟบางที่หน้าอาจจะแก่ลงถนัดใจครับ แก่โดยเปรียบเทียบกับคนอื่นในร้าน......

คนกินกาแฟ
หน้ามัก....เกรียมกาแฟ
ดูหน้าผมก็รู้ว่ากินกาแฟเยอะ
คนดูเป็นเขาบอก ดูง่าย...ดูหน้าคนกินกาแฟ
แต่หน้าเกรียมกาแฟ นี่ มันเป็นยังไง
ใครรู้ อธิบายที

(อ้อ...ไม่ว่ากาแฟหรือของทุกอย่างในโลกนี้ มีดีอยู่ ถ้าเรากินแค่พอเหมาะ พอดี
ถ้ามากไป คงไม่ดี อ่านในเวบแล้ว เพื่อนบางคน ทานเยอะจัง
ลดลงนี้ดนึงก็ดีครับ เอาแค่พอเหมาะๆ รักษาสุขภาพด้วยครับ จะได้ไล่ตีงูนานๆ)

เดี๋ยวนี้คนจีนไม่นิยมดื่มชาแล้วหรอเจ้าค่ะ ??? ตำแหน่งถึงตกไปอยู่กับคนอังกฤษ ???

อังกฤษซิครับชอบมาแต่ไหนแต่ไร ถึงขนาดไปยึดเกาะมาจากจีนเชียว  :D

  :o ถ้างั้นผมคงต้องลดกาแฟลงโดยด่วน :o ดื่มเฉพาะตอนเช้าก่อนไปเรียน ถ้าง่วงจริงๆครับ ;D ไม่ง่วงก็พยายามไม่ดื่ม ;D พี่พลอยพูดงี้ ผมคงต้องลดกาแฟลงมั่งละ แค่นี้หน้าก็ล้ำอายุพอแล้ว  หันไปดื่มเบียร์แทนกาแฟดีก่า ;D ;D ;D

อือม์ ข่าวกาแฟไม่ได้บอกครับว่าสอบถาม หรือเอาข้อมูลมายังไง ความมั่วอาจเกิดได้แยะครับ บางครั้งอาจดูแค่ตัวเลขการค้าเทียบกับประชากรก็ได้ เรื่องชาผมก็ว่าคนอังกฤษไม่น่าดื่มมากที่สุดในโลก เพราะการดื่มชาของคนอังกฤษเป็นการดื่มครั้งคราวหลังอาหาร หรือเวลาเบรกพักงาน และไม่ได้ดื่มแบบเติมเอาๆ อย่างคนจีน

แต่ตอนนี้คาย เอ๊ยคืนให้จีนไปแล้ว แต่คนที่นั่นกลับอยากตกเป็นของอังกฤษต่อไป :D

แล้วพริกไทย (pepper)ล่ะครับ ท่าน ไอแอมชู้ตติ้ง
อาหารอังกฤษหลายอย่าง มีพริกไทยเป็นเครื่องปรุง
ใช่ยึดพริกไทยไปจาก อินตระเดียรึป่าว
(ผมไม่แน่ใจ แต่ทราบว่า อังกฤษ ที่บ้านเขา ไม่ค่อยมีอะไรกินนัก เลยหารับประทานด้วยการออกล่าอาณานิคม )
 ;D ;D

ครับผมว่าอังกฤษยึดเขาไปทั่วเพราะบ้านเขาไม่มีนี่แหล่ะ  ;D

แต่ก่อนอังกฤษเป็นประเทษที่ล่ำรวยมาก กษัตริย์มีอำนาจมากประเทศหนึ่งในโลก

ล่าเมืองขึ้นจนล่ำรวยมาก สมบัติที่เก็บอยู่คือโคตรสมบัติของประเทษอื่นมากมาย

กั๊ก กั๊ก จิงครับท่านซับฯ ;D

เราถึงเห็นร้านอาหารอิตาเลียน ร้านอาหารอินเดีย ร้านอาหารฝรั่งเศส ร้านอาหารเยอรมัน ฯลฯ ทั่วไปหมด แต่ไม่เห็นร้านอาหารอังกฤษเลย เพราะอาหารอังกฤษคุณภาพแค่อาหารฟาสฟู้ดตามผับ คือเป็นอาหารในลักษณะพื้นฐานที่สุดที่ฝรั่งกิน พาย พุดดิ้ง ธรรมดาๆ อาหารประจำชาติก็ปลาทอดกะโพเทโทชิบ:P

fish & chip เขายังไม่มีซอสให้กินเลย ในอังกฤษที่ร้านอาหารยังให้จิ้มน้ำส้มสายชูแทน ไม่มีซอสปรุงรสอย่างอื่นให้

Fish&Chip ที่อังกฤษเค้าไม่มีซอสเหรอครับ ??? แต่ในนิวซีแลนด์ เค้ากินกะซอสมะเขือเทศครับ :-* แต่ถ้าซื้อจากร้าน เค้าจะไม่ใส่ซอสให้  ต้องเพิ่มเงินค่าซอสอีกนิดหน่อย(40-60เซนต์)  ทอดเสร็จก็โรยเกลือ อยากได้ซอสต้องเพิ่มตังค์ ;D

อืม..ม....
อยู่เมืองไทยดีที่สุด
ในน้ำมีปลาในนามีข้าว
 ;D ;D

จริงๆ  อันนี้ยอมรับเลย ;D เมืองไทยมีสารพัดอย่าง ครบสมบูรณ์ ;)  ว่าๆไปก็คิดถึงอาหารไทยจังวุ้ย ;D

Fish&Chip ที่อังกฤษเค้าไม่มีซอสเหรอครับ ??? แต่ในนิวซีแลนด์ เค้ากินกะซอสมะเขือเทศครับ :-* แต่ถ้าซื้อจากร้าน เค้าจะไม่ใส่ซอสให้  ต้องเพิ่มเงินค่าซอสอีกนิดหน่อย(40-60เซนต์)  ทอดเสร็จก็โรยเกลือ อยากได้ซอสต้องเพิ่มตังค์ ;D
ที่ยุโรปซอสมะเขือเทศต้องจ่ายตังซื้อเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วครับ ในแมกโดนัลที่ ฮอลแลนด์และที่อื่นๆหลายที่ก็ยังเป็นเช่นนี้อยู่ มีแต่อเมริกากับบ้านเราเท่านั้นแหละครับ กดเอาเท่าไรก็กดไป กดทิ้งกดขว้าง

Fish&Chip ที่เข้าใจที่อังกฤษเป็นอาหารของคนทั่วไป ที่ขายเป็นซุ้มหรือรถเข็นลองไปดูสิครับ มีขวด Vinegar (น้ำส้มสายชู) กับ ขวดเลือให้เติม ไม่มีซอสมะเขือเทศ ถ้าจะเอาต้องเสียตังครับ

ผมว่าเขาปลูกเครื่องเทศไม่ได้เลยไม่ค่อยมีใช้ไม่เหมือนโซนประเทศอากาศร้อนอย่างเรา

ที่ออสเตเรียก็ไม่มีซอสครับ แต่ผมชอบกินแบบโรยเกลืออยู่แล้น
เค้าว่า fish&chips ที่ aust เขาใช้เนื้อปลาฉลามน่ะครับ

ฮ่า ฮ่า เย็นนี้ชักอยากไปจิบเบียร์กะกินชิบที่ผับอังกฤษ......... ::)

  :o :o :o ฟิชแอนด์ชิพใช้เนื้อฉลาม :o  แล้วขายกันชิ้นละกี่ดอลครับ ดอลละกี่บาทด้วย ;D

  :o :o :o ฟิชแอนด์ชิพใช้เนื้อฉลาม :o  แล้วขายกันชิ้นละกี่ดอลครับ ดอลละกี่บาทด้วย ;D

ที่ออสเตรเรีย ฉลามเยอะ ไม่แพงหรอกครับ ถูก ราคาอาจถูกเหมือนปลาทูเราก็ได้น้า  ;D ;D ;D ว่าแต่ว่าคุณบาร์ท นี่อยู่ไหนเนี่ย กี่โมงแล้วที่นั้น

ข้าพเจ้า ตอนนี้กบดานอยู่นิวซีแลนด์ครับ :( ของแพงกว่าไทยเยอะเลย ค่าครองชีพสูงครับ :-\  ที่นี่ ของนำเข้าทั้งน้านนน แพงด้วยครับ ::)  ที่นี่ ราคาถูกๆสงสัยจะเป็นเนื้อแกะ :P  เวลาตอนนี้ ที่กำลังโพสท์อยู่ก็20:06 ครับ  เร็วกว่าไทย6ชั่วโมง(จะมีการเปลี่ยนเป็น5ชั่วในบางเดือนครับ) ;)

จะเอาซอสต้องเสียเงิน อย่างนี้ข้าน้อยไปอยู่ไม่ได้แน่ๆ ติดน้ำจิ้มอะ :P

ใช่ครับที่เค้าใช้เนื้อฉลามเพราะมันถูกครับ
นอกจากนี้เนื้อแกะ จิงโจ้ และกระต่ายก็ถูกด้วยครับ

 ;Dเรื่องจริงกุ๊กไทยกับครอบครัวมิชชันนารีที่เข้ามาทำงานในเมืองทยครับ แต่มันนานนนนนนนนนนนนนนมากแล้วครัว  เรื่อมีอยู่ว่า....
ท่านมิชชันนารีท่านชอบดื่มกาแฟมากในยุคนั้นยังไม่มีกาแฟสำเร็จรูปแบบปัจจุบัน  ต้องชงแบบอาโกครับ  วันนึงท่านมิชชันนารีท่านนี้สงสัยว่าทำไมกุ๊กไทยที่จ้างมาทำอาหารที่บ้านถึงชงกาแฟได้อร่อยกว่าแหม่มหรือตัวท่านเอง  จึงเข้าได้เข้าไปในห้องครัวโดยไม่ได้แจ้งให้ล่วงหน้า (คงอยากไปแอบดูเคล็ดลับครับ)  แล้วท่านก็เห็นวิธีการชงกาแฟของกุ๊ก  แล้วเผอิญเห็นเครื่องมือหรือถุงชงเข้าก็  ก็ตาลีตาเหลือกโวยวายออกมา
มิชชันนารี "นายกุ๊ก  คุณเอาถุงเท้าของผมมาทำถุงกาแฟทำไม?"
กุ๊ก "ท่านครับ  มิเป็นไรนะครับ  ผมเอาถุงเก่า ๆ ที่ท่านใช้แล้วเท่านั้นครับ!"

ข้าพเจ้า ตอนนี้กบดานอยู่นิวซีแลนด์ครับ :( ของแพงกว่าไทยเยอะเลย ค่าครองชีพสูงครับ :-\  ที่นี่ ของนำเข้าทั้งน้านนน แพงด้วยครับ ::)  ที่นี่ ราคาถูกๆสงสัยจะเป็นเนื้อแกะ :P  เวลาตอนนี้ ที่กำลังโพสท์อยู่ก็20:06 ครับ  เร็วกว่าไทย6ชั่วโมง(จะมีการเปลี่ยนเป็น5ชั่วในบางเดือนครับ) ;)
เรียนอยู่ใช่ไหม อย่าลืมเรียนให้หนัก แต่เที่ยวสนุกให้หนักกว่านะ มันนนนนนนส์

ท่านบาร์ทอยู่ที่เกาะเหนือรึเกาะใต้ในนิวซีแลนด์ครับ

จริงๆที่นั่น ผลิตภัณฑ์จากสวนครัวไม่น่าจะแพง
เพราะเขาเน้นภาคเกษตรกรรมกะปศุสัตว์มาก
เพิ่งมาขาย "การศึกษา" เมื่อประมาณสิบปีนี่เอง

ประเทศธรรมชาติสวยงาม น่าเที่ยว พี่ผมก็จบจากที่นั่น ป่านี้เปลี่ยนไปเยอะ

 :D พิมพ์ตกไปครับ จะพิมพ์ว่า "เป็นคนชอบดื่มกาแฟ"  :D

เรื่องเหมือน ตัวละคร ,บุคคลในประวัติศาสตร์ ,คล้ายคนรู้จัก  ผมถูกทักบ่อยครับ 
สมัยเรียน เพื่อน ล้อว่า หน้าตา คล้าย จิตร ภูมิศักดิ์    ;D ;D ;D

ที่นี่ fish&chips เค้าทานกับเลมอนครับ โรยเกลือด้วยนิดหน่อย ฝรั่งบอกว่าควรทานโดยไม่ใส่อะไรเลย เพราะเราจะได้ชิมรสเนื้อปลาไม่ใช่ซอส ลองทานแล้วน้ำตาไหล ไม่มีรสชาดเลยครับ :P

Fish and Chips นี่สมัยพ่อที่อังกฤษ (ประมาณ 1923 กระมัง) เขาขายข้างถนน เอากระดาษหนังสือพิมพ์ม้วนเป็นกรวยใส่ให้ เดินกิน กลับถึงบ้าน โดนพ่อบ้านดุ อย่าทำตัวเป็นคนชั้นต่ำ (ห่อกระดาษ นสพ. นี่ใส่ Sauce ไม่ได้แน่) ผมเจอะ Fish and Chips ที่ New York เป็นร้าน Fast Foods ชื่อ Arthur Treacher's Fish and Chips จำปีไม่ได้ ตอนนี้เข้าใจว่าปิดไปแล้ว (เขาใส่จานให้) Chips นี่ก็ French Fries ซึ่งเปลี่ยนชื่อ เป็น Freedom Fries ไปแล้ว เพราะโกรธฝรั่งเศษที่ไม่เห็นด้วยกรณีการเข้าตีอิรัค

เรียนคุณ Law Enforcement ... แล้วที่อังกฤษ Chips เหมือน French Fries ไหม อเมริกามี Home Fries ซึ่งหั่นเป็นแว่นๆ ไม่พิถีพิถัน ไม่ Deep Fried

ที่นี่ fish&chips เค้าทานกับเลมอนครับ โรยเกลือด้วยนิดหน่อย ฝรั่งบอกว่าควรทานโดยไม่ใส่อะไรเลย เพราะเราจะได้ชิมรสเนื้อปลาไม่ใช่ซอส ลองทานแล้วน้ำตาไหล ไม่มีรสชาดเลยครับ :P
โถ นึกว่าซึ้งในความอร่อย  ;D

;D ;D ;D หุหุ ติดอารัยขนาดน๊านนน ;D ฟิชแอนด์ชิพนี่ โรยเกลือเปล่าๆก็อร่อยแล้วครับ มีซอสด้วยก็จะอร่อยไปอีก ;D

เรียนอยู่ครับ เรียนก็หนัก เที่ยวก็หนุกครับ ;D อยู่ในโรงเรียนไม่เคยเห็นคนไทยเลย วันนี้มีโอกาสออกไปเจอครูที่มาจากไทย และมาจากโรงเรียนที่ผมเคยเรียน ผมรู้จักอาจารย์ที่มานี่พอดี โชคดีครับ ;D บางทีมีโอกาสเที่ยวอะไรแปลกๆใหม่ๆก็ไปครับ มันส์ครับ มาทั้งทีต้องใช้ชีวิตให้มันคุ้มค่า ;)
ผมอยู่เกาะใต้ เมืองไคร้สท์เชิร์ช(Christchurch) ที่นี่ของแพงทุกอย่างแหละครับ แพงกว่าไทยทุกอย่างเลย :( ราคาถูกๆสงสัยว่าจะมีแค่เนื้อแกะ เพราะเยอะมากคับ ;D
ปลาไม่มีรสชาด แต่ก็อร่อยนะครับ พอทน โรยเกลือนิดหน่อยอร่อยดี ;D แต่แพงนี่สิ  ยังไงก็เหอะ คนมันหิวมันก็ต้องกิน จะมัวอดได้ไง ;D คือว่าอยากกินก็กิน จำเป็นต้องใช้อะไรก็คือต้องจำใจซื้อ ไม่งั้นก็อยู่อย่างอดๆครับ แพงทุกอย่างครับ :'(

อืม.....อ่านแล้ว สงสารนักเรียนนอกจังเยย

เอ......บ้านเราเรียกมันฝรั่งทอดว่า french fries
แต่ที่ franceกลับเรียกว่า potato chips
เพิ่งรู้ว่าที่อังกฤษเขาเรียก chipsเหมือนกัน

แล้วมีประเทศไหนอีกที่เรียก chips
และมีประเทศไหน บ้างที่เรียก french fries
 ;D ;D ;D ;D

ผมว่า เขาเรียกมันฝรั่งทอดทั้งสองชื่อครับ แต่ผมว่า chip นี่จะออกเป็นมันทอดแบบแผ่นบางซะส่วนใหญ่

ไม่มีคำว่า  french บางครั้งแค่ fries เฉยๆก็แปลว่ามันทอดเหมือนกัน

การเรียกชื่อที่แตกต่างกันไป มันก็น่าจะเป็นเพราะ British English กับ American English นะครับ ;)

เรียนพี่ Sundance

ที่อังกฤษ ชิบ ดุ้นใหญ่เท่านิ้วโป้ง ยาวเท่านิ้วชี้/นิ้วกลางครับ กินเป็นอาหารแป้งหลักเลย ร้าน ชิบ ก็เหมือนร้านข้าวแกงเมืองไทย เล็กๆ ตามซอยเปิดจนดึกให้พวกออกจากผับมากินได้ เดี๋ยวนี้เสียตลาดไปให้ เคบับ แยะ หลายร้านเลยขายหมดครับ ทั้งฟิชแอนด์ชิบ ทั้งเคบับ ร้านแบบนี้ไม่เห็นทำมันเป็นแผ่นครับเป็นดุ้นอย่างดียว

ไม่ได้อ่านสองวันกระทู้วิ่งซะ



ผมเคยไปอยู่ฟินแลนด์พักใหญ่ๆ 9 แก้วนี่เป็นไปได้ครับ พี่แกพักคอฟฟี่เบรกกันบ่อยมาก
แล้วพักเพื่อกินกาแฟจริงๆ ชงใหม่ๆ หอมกรุ่น แต่ใสแจ๋วครับ เหมือนน้ำล้างแก้วเลย
กาแฟแบบที่คนฟินน์ทาน จะอ่อนมากๆ นิยมชงแบบไอน้ำผ่านกระดาษกรอง

แล้วอีกอย่างที่แปลกสำหรับที่นี่ คือจะทานนมสดระหว่างมื้ออาหาร
เช่นมีเมนคอร์ส มีสลัด ขนมปัง แล้วก็นมหนึ่งแก้วใหญ่ๆ คู่กับน้ำผลไม้หนึ่งแก้วใหญ่ๆ
กลับมาทีน้ำหนักขึ้นมา 7 โล