หัวข้อ: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ เมษายน 29, 2012, 09:52:15 AM จิตผ่องใส
ธรรมะวันหยุด พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร /www.watdevaraj.com พุทธภาษิตว่า จิตนี้เป็นธรรมชาติประภัสสร คือ ผ่องใส แต่จิตนี้เศร้าหมองไปเพราะกิเลสทั้งหลายที่จรมา คำว่า จิตประภัสสร หรือผุดผ่อง หมายถึง จิตที่ปราศจากนิวรณ์ 5 นิวรณ์ แปลว่า เครื่องกั้น หรือขัดขวางไม่ให้ประสบความสำเร็จคือความเจริญ ทำให้ไม่มีความสุข ทำให้ได้รับความทุกข์ยากลำบาก ได้แก่ ความรักใคร่ในทางกาม พอใจในกามคุณทั้ง 5 บางทีเรียกว่า ติดในกามคุณ คือ ติดในรูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัสทางกาย อันน่าใคร่น่าพอใจ ความใคร่เมื่อเกิดขึ้นแก่บุคคลใดก็เผาใจของบุคคลนั้นให้เดือดร้อนกระวนกระวาย เรียกกิเลสชนิดนี้ว่า ไฟคือราคะ ซึ่งแผดเผาจิตใจให้เร่าร้อนและทำใจให้มืดมน ไม่เห็นอรรถ ไม่เห็นธรรม พยาบาท ความผูกใจเจ็บซึ่งเกิดขึ้นเผาจิตใจให้เดือดร้อนกระวนกระวาย เรียกไฟกองนี้ว่า ไฟคือโทสะ กิเลสนี้มีการก่อตัวขึ้นตามลำดับ คือ ครั้งแรก ถ้าเกิดความไม่พอใจในบุคคลหรือสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่งจิตก็จะเกิดการกระทบกระทั่งทางจิต ถ้าห้ามจิตไว้ไม่อยู่ก็จะพุ่งตัวขึ้นเป็นความโกรธ ถ้ายับยั้งความโกรธไว้ไม่อยู่ก็จะกลายเป็นพยาบาท คือ ความผูกใจเจ็บ ถ้าความผูกใจและอาฆาตมากขึ้นก็จะกลายเป็นการจองเวรไป ความท้อแท้ใจ หรือความหดหู่ใจและความเกียจคร้านหรือความง่วงซึม กิเลส 2 ตัวนี้ เปรียบเหมือนเชื้อราที่จับต้นไม้หรือพืชแล้ว ทำให้ต้นไม้หรือพืชเหี่ยวแห้งเฉาตาย แต่ถ้าเกิดกับบุคคลก็ทำให้จิตใจหมดกำลังที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีให้กับตนและสังคม ความฟุ้งซ่าน และความรำคาญ คือ เมื่อเกิดความฟุ้งซ่านรำคาญแล้ว คนทั่วไปมักจะรำคาญหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าใครมาพูดให้กระทบกระเทือนใจนิดๆ หน่อยๆ ก็รำคาญ ได้ยินเสียงดังก็รำคาญ หรือฟังเสียงเบาๆ ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง ก็รำคาญ หรือแม้บางครั้งเขาพูดดีฟังแล้วไม่ถูกใจก็รำคาญ นี้ก็เพราะปล่อยให้กิเลสทั้ง 2 ตัวนี้เข้าไปครอบงำจิตใจตนนั่นเอง ความลังเลสงสัย ในใจจัดเป็นอุปสรรคขัดขวางในการที่จะบำเพ็ญคุณงามความดี สงสัยในข้อปฏิบัติ เช่น เมื่อให้ทานแล้วจะได้บุญจริงหรือไม่ หรือสงสัยในเรื่องนรกและสวรรค์ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หรือลังเลในครูบาอาจารย์ที่กำลังฝึกฝนอบรมในการสอนธรรมและปฏิบัติธรรมว่า มีความรู้จริงหรือการปฏิบัติจะถูกต้องหรือไม่ เมื่อปฏิบัติแล้วจะได้ผลจริงตามที่ปฏิบัติหรือไม่ เป็นต้น เมื่อลังเลสงสัยอยู่อย่างนี้ก็จะทำให้เป็นคนใจลอยและไม่ยอมทำอะไร กลัวจะขาดทุน สุดท้ายทำให้หมดโอกาสในการฝึกฝนตน หรือพัฒนาจิตของตน คนที่มีความลังเลสงสัยอยู่ในใจแล้วก็หมดหนทางที่จะเจริญก้าวหน้าในชีวิต นิวรณ์ทั้ง 5 นี้ เป็นกิเลสที่บั่นทอนหรือทำลายความสงบสุขของมนุษย์ การทำจิตให้ปลอดนิวรณ์ได้นับได้ว่าเป็นคนมีบุญ เป็นคนโชคดี พ้นจากความเป็นหนี้ เป็นผู้ไม่มีโรค เหมือนพ้นจากการถูกจองจำ เป็นไทแก่ตัว หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: vvv_v ที่ เมษายน 29, 2012, 09:57:13 AM สาธุครับ ::014::
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ เมษายน 29, 2012, 10:35:02 AM + ให้อีก ๑ ในความเพียร นำเรื่องบวก มาให้กับ คนคอปืน นะครับ. ::002:: ;)
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ เมษายน 29, 2012, 11:07:53 AM ::002:: ::002:: ::002::
::014:: หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ เมษายน 29, 2012, 11:13:08 AM ::014:: สาธุๆๆ ::014:: มีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ::002::
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ เมษายน 29, 2012, 11:27:37 AM ขอบคุณครับน้าอรรถ ::014::
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ เมษายน 29, 2012, 11:18:57 PM ::014:: ::014:: ::014::+1094ครับน้าอรรถ ::014::
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ เมษายน 30, 2012, 08:35:03 AM +1 ทุกคน ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: chatphisit ที่ เมษายน 30, 2012, 11:38:37 AM ::014:: +1 ::014::
หัวข้อ: Re: จิตผ่องใส เริ่มหัวข้อโดย: pranburi ที่ พฤษภาคม 01, 2012, 10:00:26 AM มีครบทุกข้อเลย แสดงว่าจิตยังมัวหมอง :D
|