เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ตอนนี้หลายธนาคารเขาออกกลเม็ดมากมายหลายแบบ โครงการบ้านหลังแรกน่าจะมาแรงที่สุดเป็นของธอส.เค้าครับ แต่ของผมมันเป็นบ้านที่ซื้อต่อจากเจ้าของเดิม ก็เลยไม่เข้าข่ายข้างต้น และดอกเบี้ยยังแพงกว่าธนาคารเดิมที่รับบ้านหลังนั้นอยู่ครับ(เพราะไม่ตรงกับโครงการบ้านหลังแรก) ผมหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจนได้ความว่าให้ติดต่อกับธนาคารที่รับโครงการนั้นๆจะดีที่สุด ผมก็เลยไปติดต่อกับ scb เลยครับ ให้เมียเป็นผู้กู้หลักเพราะรายได้มากกว่าผม ก็ได้ยื่นหลักฐานเช่น statement ใบรับรองเงินเดือน บัตรประชาชน ทรัพย์สินบางประการ เงินฝากบัญชีอื่นๆ บ้านหลังนั้นเจ้าของเดิมขาย 1400000 บาท เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าถ้าประเมินผ่านเขาจะให้ได้เต็มที่ 90 เปอเซ็นของราคาขาย :~) :~) เขาบอกว่าได้ประมาณ 1200000 กว่า ที่เหลือต้องหามาเอง :OO ให้ครบ ล้านสี่(ไม่รวมเงินโอนและอื่นๆ) ผ่อนสามเดือนแรกดอกเบี้ยเป็นศูนย์ และบลาๆๆๆผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่มาตกใจตรงที่ว่า ผ่อนเดือน 12000 กว่าๆ เป็นเวลา 25 ปี (300 งวด) มันเหมือนจะน้อยนะครับ แต่พอลองคูณกลับ 12000*300 = 3600000 :~) :~) จาก 1200000 เป็น 3600000 ดอกเบี้ยหลายเท่าตัว นี่ช่วยคนเงินเดือนน้อยจริงๆหรือเชือดให้ตายทีละนิดกันแน่เนี่ย เค้าคิดเงินกันแบบไหนเนี่ย มันถึงได้กระโดดไปขนาดนี้  ผมบอกตรงๆนะครับ ผมไม่มีประสบการณ์ไอเรื่องเงินล้านนี้เลยครับ(ตอนเรียนตกวิชาเลขจนเบื่อเลยครับ) แล้วทำไมต้องคงที่ตลอดเลยครับ(ไม่รู้ว่ามีค่าเสื่อมตามกาลเวลาไหม ) ทำไมไม่มีแบบลดดอกเบี้ยให้ได้ถ้าคุณส่งมากกว่าขั้นต่ำที่ได้กำหนดไว้ ยิ่งส่งมากยิ่งลดให้มาก (เหมือนบัตร speedy cash หนะครับ) ถ้าผมเอาบ้านหลังนี้ ผมแทบจะไม่ต้องมีรถใหม่ ปืนใหม่ ภายใน 25 ปีข้างหน้านี้แน่ๆครับ ::012:: ::012::


      จะมีวิธีไหนบ้างครับที่จะให้เขาประเมินให้เท่ากับราคาขาย ผมคิดว่าราคาผ่อนต่อเดือนก็คงไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ผมก็ไม่ต้องหาที่ไหนมาโป๊ะตรงแสนกว่าๆนี้ครับ เพราะไอตรงแสนกว่าๆนี่แหละจะเป็นปัญหาตามมาแน่นอน(เพราะต้องกู้เงินสถาบันอื่นๆ)
     
      ตอนนี้ยังอยู่บ้านเช่าราคาครึ่งหมื่นต่อเดือนอยู่ครับ ยังดีที่รวมค่าน้ำค่าไฟแล้ว แต่ก็งั้นแหละครับ จ่ายไปเท่าไหร่ ก็ยังเป็นของผู้ให้เช่าอยู่ดีครับ ::014:: ::014:: ::014::

บ้านโปะเร็ว หมดเร็วครับ ส่วนใหญ่เค้าจะมีค่าปรับบ้าง ถ้าโปะหมดก่อน3ปี(บางแห่งก็ไม่ปรับ ถ้าเราไม่เอาไปรีไฟแนนซ์ที่อื่น) ถ้าอยากให้หมดไวๆก็โปะต้นเรื่อยๆครับ ไม่มีใครอยากผ่าน20-30ปีหรอกครับ ถ้ามีกำลังเมื่อไหร่เค้าก็โปะเลย ขยันๆล้านกว่า เดี๋ยวก็หมดครับ  ::002::

โปะได้ด้วยเหรอครับ (สงสัยเจ้าหน้าที่อม ไม่บอกผมคุยกันตั้งนาน) มันก็จริงครับ ตั้ง 25 ปี พอดีบ้านพังก่อนผ่อนยังไม่เสร็จเลย ดอกเบี้ยก็บานเบอะ ถ้าโปะต้นต้องรีไฟแนนซ์ใช่ไหมครับ(ถ้าธนาคารเดิมไม่รีให้ก็ให้ธนาคารอื่นรีไฟแนนซ์ให้แทน) อันนี้ผมไม่รู้จริงๆครับ ถามพรรคพวกก็ไม่ค่อยจะรู้จริงกันเท่าไหร่ ยิ่งญาติๆยิ่งไปกันใหญ่ ขอบคุณพี่เบิ้มมากครับ มาถามในเว็ปนี้ ตาเริ่มสว่างขึ้นอีกนิดครับ ::014:: ::014:: ::014::

                 ผ่อนบ้านเดือนละ 12000  เป็นเงินต้นสัก 2000 (มั้ง) อีกหมื่นนึงคือดอกเบี้ยกินหมด  ในช่วงสัก 10 ปีแรก ถัดจากนั้น ต้นค่อยมากกว่าดอก

ถ้ารู้จักกับ จนท.ประเมินของ ธ.นั้นๆ เขาพอช่วยประเมินราคาทรัพย์สินให้สูงขึ้นได้ครับ....เขามีช่วงอยู่ครับ
ราคาที่ดิน...ต้องว่าตามกรมที่ดิน.  แต่ราคาบ้าน ก็ว่าตามสายตาของคนไปประเมินได้
พรรคพวกผมหลายคนก็ทำงานประเมินของ ธ. ครับ...เลยพอรู้
ถ้าไมรู้จัก ก็ลองคุยกันนอกรอบดู เขาพอช่วยได้อยู่หรอก เพิ่มแค่แสนกว่าเอง

ขออีเมลทาง PM ด้วยครับ เดี่ยวจะให้น้องที่ทำงานธนาคารส่งตารางคำนวณเปรียบเทียบไปให้ครับ

อย่างแรกที่ถามเรื่องการกู้เงินจากธนาคารทำไมกู้ได้ไม่เต็มร้อย  -- ต้องใช้ทฤษฎีใจเขาใจเรา ถ้ามีคนมากู้เราแล้วเอาโฉนดที่บ้านมาวาง ราคาซื้อขาย 1 ล้าน ขอกู้ไป 1 ล้าน ถ้าเกิดไม่จ่าย อะไรจะเกิดขึ้น (เหมือนกับเอาบ้านไปขายธนาคาร) ธนาคารเอาไปขายต่อก็ไม่ได้เพราะราคาขายมันแค่ล้านเดียว ต้องเสียเวลาดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายสารพัด    เขาจึงให้กู้ไม่เต็มมูลค่า ยกเว้น หน่วยงานที่มีข้อตกลงพิเศษ

การคิดดอกเบี้ยธนาคารคิดจากเงินต้นคงเหลือ เพราะฉะนั้นถ้าท่านจ่ายมากกว่าเงินงวดที่เขากำหนด หรือดอกเบี้ยลดลง โอกาสปิดบัญชีต่ำกว่า 25 ปีแน่นอนครับ

สูตรในการคิดเงินงวด เข้าไปใช้ที่ Excel ใช้สูตร PMT ง่ายที่สุดครับ

ถ้ามีเงินก้่อนเหลือๆ ก็ค่อยๆโปะ เพื่อตัดต้นได้ครับ ดอกจะได้ลดลง
หรือถ้ามีไม่มาก เดือนไหนมีมากก็จ่ายเพิ่มไปจากค่างวดปกติก็ได้ เช่น ผ่อนจริงเดือนละ 12000 เราจ่ายเพิ่มเป็น 15000 ก็ได้ อีก 3000 ก็จะเป็นต้นอย่างเดียว

คำนวณดูแล้ว 25 ปี 300 งวด ไม่น่าจะใช่เงินงวดนี้ครับ เงินงวดที่ผมคำนวณได้แปดพันกว่าครับ  รับรองชัวส์  ในฐานะ สามีพนักงานธนาคารครับ

เล่าสู่กันฟังนะครับ


ปี 53 มีเงินเก็บอยู่ 450,000฿ ทอง 21.5฿   
 ;D ;D ;D อาศัยอยู่บ้านญาติ เนื้อที่เดียวกันแยกหลัง

ห้องนอนเดียว นอนรวม 3 คนพ่อแม่ลูก ส่วนมากผมจะนอนห้องโถงเพราะต้องดูโกดังเก็บของ

พ่อแม่จะยกที่ให้ 280 ตรว. 1,000,000฿ ถมเสร็จมา 20 กว่าปี อยากให้ลูกมาปลูกบ้านอยู่ใกล้ๆ

พอดีผมมาเห็นบ้านเก่าหลังนี้ชอบมาก 54 ตรว. ชั้นเดียวเล่นระดับ  การคมนาคม อาหาร ราชการ ฯลฯ ไม่เหนื่อยหลายอย่างที่ต้องปลูกบ้านใหม่

1,200,000฿ ผ่อน 30 ปี ตัดต้น 2,000฿ + / เดือน  ::013:: ต่อเติมเสริมแต่งไปซื้อเพิ่ม หมดไปราว 250,000฿ +   

  ปีหน้าจะเริ่มอัดแล้วครับ  ::005:: ::005:: ::005::  

ดอกเบี้ยบ้านมันก็โหดแบบนี้ละครับ  แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีใครผ่อนจนครบระยะเวลาที่ขอไว้ครับ (ตามที่พี่เบิ้มบอก)

(http://image.free.in.th/z/ia/0dsc05221.jpg) (http://pic.free.in.th/id/91a3fc5c8f1b9c68693802d6af3eec22)

Ha Ha Ha  ฮา "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา

ยายคิดว่า "อัตราดอกเบี้ย MLR หรือ MRR"  ตอนนี้มันเท่ากับประมาณปี  20 -21 อ่ะ  ฮา
ไอ้ที่มันเปลี่ยน  แล้วส่งผลให้ต้องผ่อนยาว  คือ เรื่อง  "ราคา"  ที่ขายอ่ะ ฮา

ราคามันเพิ่มเป็น 1000 เปอร์เซ็นต์ เลยอ่ะ ฮา
ไอ้ราคาที่เพิ่มขึ้น  มันทำให้เรามีภาระ การจ่าย "หนัก" อ่ะ ฮา

ขอบคุณทุกท่านมากเลยครับ ที่ชี้ทางให้ผม เมื่อไหร่เขามาประเมิน ผมก็จะลองคุยกับเขาดูครับว่าจะได้ไหม และผมก็จะส่งงวดให้มากกว่าเดิมสักนิดเพื่อลดต้นไปเรื่อยๆครับ เรื่องประวัติผมไม่เคยเสีย เป็นลูกหนี้ที่ดีมาตลอดครับ :~) :~)

12,000.-บาท ระยะเวลา 25 ปี ค่าเงินจะลดลงมาเลื่อยๆ ยกตัวอย่าง 12,000*1%=11,880*1% แบบนี้ไปเลื่อยๆ จนครบ 25 ครั้งก็ 25 ปี จะเหลือเป็นมูลค่าเงินไม่กี่บาทเอง

Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา

ยายคุยประเด็นเรื่อง "ดอกเบี้ย"  ก่อนอ่ะ ฮา
"ประเทศไทย"  ระบบธนาคารพาณิชย์  ทั้งเอกชนหรือของรัฐ 
มันเป็นของ "ชนชั้นสูง"  พวกชนชั้นกระฎุมพี  อ่ะ ฮา
ไอ้พวกนี้คือ  นายทุน ขุนศึก เจ้าศักดินา ทั้งหลาย  อ่ะ ฮา

ส่วนต่างหรือที่เรียกว่า "Gap" มันห่าง  5-6 เปอร์เซ็นต์  อ่ะ ฮา
ในต่างประเทศ  สินเชื่อ "ที่อยู่อาศัย"  เขาหาประโยชน์  กันแค่ 3-4 เปอร์เซ็นต์ อ่ะ ฮา

วิธีการ หรือกระบวนการ  การปล่อยสินเชื่อ สถาบันการเงิน เขามีวิธีปล่อย อ่ะ ฮา
การปล่อยสินเชื่อ  เขาเอาราคา "ที่ดิน + ราคาอาคาร - ค่าเสื่อมจำนวนปี" อ่ะ ฮา
ราคาที่ประเมินได้  เขาจะรับแค่ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์  เขาให้แค่นั้นจริงๆ อ่ะ ฮา

ราคาข้างบนยังไม่รวม  ค่าโอน 2 เปอร์เซ็นต์  , ค่าจดจำนอง 1 เปอร์เซ็นต์ , รวมถึงจำนวนส่วนต่างของราคาซื้อขาย
หากราคาซื้อขาย  สูงกว่าราคาประเมิน  ก็ต้องหาเงินจำนวนนั้นมาปิด ให้กับคนขายอีก อ่ะ ฮา

ถ้าจะซื้อบ้านราคา ล้านสี่ ยายคิดว่า  ต้อง "กำ" เงินสดไว้ในมือ สองสามแสน อ่ะ ฮา

ผมคิดเหมือนพี่จอยครับ อีก 10 ปีข้างหน้าเงินหมื่นอาจมีค่าเท่ากับ 4,000 ของปัจจุบัน อีก 20 ปี เงินมีค่าเหลือ 2 พัน...จิ๊บๆ... ดังนั้นเลยยังไม่โปะครับ.... ;D

ดอกเบี๊ยบ้านกับรถต่างกันเยอะเลยนะครับ  :-\

ซื้อบ้านคิดดอกเเบบซื้อรถ มีมั๊ยนี่ ;D

คิดเหมือนกันครับ ตอนนี้โลกจะแตกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่เก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งฉุกเฉินในยามแก่บ้างก็ดีครับ เวลาไปยื่นกู้ธนาคารเขาดูประวัติการเก็บเงินด้วยครับ ว่าปกติเงินเดือนออกมาเหลือเก็บเดือนละเท่าไหร่ครับ ใครไม่ค่อยเหลือเก็บเวลาไปยื่นกู้ เขาจะดูว่าถ้ากู้ไปแล้วจะเอาเงินไหนไปจ่ายชำระหนี้ ยิ่งรายการหนี้สินในเครดิตบูโรเยอะอีก มีประวัติผิดนัดอีก ไปกันใหญ่ครับ

เมื่อก่อนผมก็เคยพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกันครับ บ้านราคา 4 ล้าน กู้ 3 ล้าน ดาวน์ 1 ล้าน... ผ่อนเดือนละ 22,800 x 12 x 30 กลายเป็็นยอดรวม 8 ล้านกว่า... :OO

แล้วก็บ่นพาลไปถึงสถาบันการเงินซึ่งขายไปเป็นของต่างชาติเกือบหมดแล้ว เท่ากับเราทำงานทั้งชีวิตเพื่ิอไปจ่ายดอกเบี้ยให้ต่างชาติหมด เราไม่เป็น"ไท" เหมือนเดิมแล้ว แต่เป็น "ทาส" ทางเศรษฐกืจ เป็นเมืองขึ้นโดยไม่รู้ตัวครับ...

แต่เดี๋ยวนี้เริ่มคิดบวกมากขึ้น ก็เลยมองอีกมุม ซึ่งก็หลอกตัวเองอยู่ดีครับ... ;D

กู้เขา...ก็ต้องมีดอกเบี้ย

ไม่อยากเสียดอกเบี้ยก็ไม่ต้องกู้...

อันนี้มิใช่จะอำพรางอะไร น๊ะครับ มันเป็นความจริง ส่วนจะมากจะน้อยอย่างไร อันนั้นแล้วแต่ จำนวนเงินที่เราจะกู้ครับ

มันแก้ไม่ได้ ต่อรองราคาดอกเบี้ยไม่ได้ อิๆๆ มีทางเดียวคือ หาเงินดาส์วเยอะๆ เราไม่ต้องกู้เต็มราคา เราก็จะเสียดอกน้อยลงครับ

เรื่องจะกู้เต็มราคา คงไม่มีแน่นอน ยกเว้นราชการ ซึ่งอาจจะได้........

กู้บ้าน ส่วนมากแบงค์จะบังคับให้มีระยะปลอดการปิดระยะหนึ่ง คือห้ามเราเอาเงินไปปิด หากเราไปปิดก่อนระยะกำหนด มันว่าเราผิดสัญญา มันให้ปิด แต่เราต้องเสียค่าผิดสัญญาให้มัน อิๆๆ

เพราะแรกๆ มันจะได้ดอกเยอะ.....

ส่วนใครจะว่าชนชั้นบ้าบอคอแตกอย่างไร หากเราจะเอา เราก็ต้องไปกู้เขา ซึ่งต้องจ่ายดอกเบี้ย

หากไม่อยากเสียดอก ก็ไม่ต้องกู้ครับ อิๆๆ

อ้อ..การที่จะไปโป๊ะ เพื่อให้ลดต้น ลดดอก ก็ต้องแจ้งให้ธนาคารทราบด้วยน๊ะครับ มิฉะนั้น สมมุติว่า เราจ่ายเดือนละสองหมื่น แต่เดือนนี้หาเงินได้เยอะ โป๊ะไปแสนหนึ่ง หากไม่แจ้งทราบ ระบบก็จะตัดแค่สองหมื่น อิๆๆ แต่ที่เหลือแปดหมื่นมิได้หายไปใหนหรอก แค่มันไม่รับเข้าระบบ ยังเหลืออยู่ในบัญชีนั่นแหละ


ผิดถูกยังไงไม่รู้ แค่ฟังๆมาครับ ให้แน่สอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร(ที่ใว้ใจได้)จะดีที่สุด จะทำธุรกรรมใดๆ จะต้องมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนน๊ะครับ อย่าให้เงินใครไปโดยที่เราไม่มีหลักฐานการรับจ่ายเงิน โดยเด็ดขาด มิต้องเกรงใจใครทั้งสิ้น ป้องกันใว้ก่อนดีที่สุด เงินเรา หากแต่ไปอยู่ในมือคนอื่น ก็เท่ากับเงินคนอื่น อิๆๆ

พี่มามุกไม่ต้องกู้ จะได้ไม่ต้องเสียดอก... ไปต่อกันไม่เป็นเลยครับ... :<<

ถ้าพูดถึงเรื่องผ่อน ผมจะชอบตอนซื้อรถท้ายๆก่อนเปลี่ยนโฉม ที่มีดอกเบี้ย 0%

แต่เรื่องบ้านนี่จนปัญญาจริงๆครับ... เพียงแต่ถ้าคิดดอกเบี้ย ณ. ตอนที่ยังไม่มีเงินตอนนี้ ก็ต้องยอมรับครับว่าแพงเกินไป แต่ก็สร้างความหวังว่าวันข้างหน้าจะมีเพื่อนำไปปิดยอด...

ผมเคยสร้างหมู่บ้านของเสี่ย เจ้าของเบียร์ ช. ราคาขายเริ่มต้นที่ 14 ล้าน ก็ได้แต่คิดว่าต้องมีรายได้เท่าไหร่ถึงจะกู้ผ่าน(ขายหมดซะด้วย).. เงยหน้าขึ้นมาก็เพราะเสียงโทรศัพท์ดัง "ค่างวดบ้านพี่เดือนที่แล้ว จะจ่ายวันไหนคะ..." ::007:: ::007::

::014:: มิได้มีเจตนาแอบแฝงอื่น ใดๆ น๊ะครับ

หากจะกู้ ถ้ามั่นใจว่า ไม่ติดขัดอะไร ก็กู้เถิดครับ นานไป ก็ไม่ได้กู้ อิๆๆ ดอกเบี้ยขณะนี้ ก็ถือว่าไม่สูงมาก สิบกว่าปีที่แล้ว ดอกเงินฝาก สิบกว่าบาท อิๆๆ

 ;D ;D เดี๋ยวนี้ผมอยากจะขายบ้านนั้นทิ้งด้วยครับเพราะไม่ได้ไปอยู่ ผ่อนบ้านเปล่าๆ... แต่มีกุนซือแนะนำให้ผ่อนๆไปเถอะเผื่อลูกโตจะกลับไปเรียนที่กรุงเทพ...

ถ้าปีนี้น้ำท่วมอีก ว่าจะปล่อยให้โดนยึดไปครับ... ;D ::014::

คงคำนวนผิด .....มันไม่โหดขนาดนั้นหรอก ลองติดต่อดูใหม่นะครับ....

ถ้าคิดจะปล่อยยึดสู้ขายดาว์ดีกว่าครับ  ::014::

ปล่อยยึดเรื่องเยอะ / โดยยึดแล้วไม่จบ ถ้าถูกฟ้องต้องไปสู้คดี
เสียค่าปรับส่วนต่างของกำไรธนาคาร ที่สำคัญ ธนาคารไม่อยากยึดสู้เก็บไว้กินดอกเบี้ยดีกว่า
เพราะถ้า ฟ้องดอกเบี้ยก็คิดไม่ได้ ถ้าบ้านทำเลไม่ดีขายไม่ออกก็ NPA

ลองเปรียบเทีบดูครับ บ้านผม 2.2 ล้าน กูได้ 1.85 ล้าน (ที่เหลือผมจ่ายตอนดาวน์บ้าน 6 งวดครับ) ผ่อน 14,000 (30 ปี)

ปล. ธ.กรุงเทพ

อืมม์... งั้นไม่ปล่อยแล้วครับ ผ่อนต่อ อีก 10 ปีข้างหน้าคงมีความรู้สึกว่าผ่อนถูกไปเองครับ.. :D ::014::

ส่วนใหญ่คนคิดกันแบบนี้ทำให้เกิดหนี้ค้าง แล้วมาเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อน ๆ ที่รู้จริงก่อนครับ ปรึกษาแต่ทะแนะ สัญญาที่ทำกับธนาคารเป็นสัญญากู้เงิน ใช้สัญญาจำนองค้ำประกันเงินกู้ ธนาคารเขาทำไว้สองชั้น  ถ้าขายทรัพย์ตามสัญญาจำนองแล้ว ไม่พอ ก็ต้องยึดทรัพย์อื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดอีก ตรงนี้แหละครับ ส่วนใหญ่หลายคนคิดว่ากู้บ้านเหมือนกู้รถยนต์ ผ่อนไม่หมดปล่อยให้ยึดไป เจ็บใจกันมาหลายคนแล้วครับ รู้งี้ขายต่อถูก ๆ ไปดีกว่า