เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 11:53:36 AM



หัวข้อ: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 11:53:36 AM
จู่ๆก็นึกถึงซุนเซ็ก เขามั่นใจตัวเองมากเกินไป นิสัยคล้ายๆโจโฉ เอามาฝากครับ สำหรับท่านที่ชอบสามก๊ก หลายตอนก็ยังคล้ายๆสังคมในปัจจุบัน นักบวชมีทั้งดีและไม่ดี แต่เราก็สอนกันว่าอย่าไปว่า เดี๋ยวบาป นักบวชไม่ดีก็อาศัยศรัทธาแบบนี้มาหลอกลวงหากินอยู่ร่ำไป เพราะไม่มีใครกล้าลงโทษ ;D



 (http://image.ohozaa.com/i/2bc/QiKbH.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/es1L)

ในยุคสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ 1800 ปีก่อน นักรบที่ก่อร่างสร้างตัวได้รวดเร็วเป็นปึกแผ่น ต้องยกให้ซุนเซ็ก ผู้ประกาศศักดาโวหารท่ามกลางขุนทหารของตนด้วยเสียงอันดังว่า เมื่อคิดการใหญ่ ต้องเริ่มที่คน การใช้คนนั้น ต้องไม่สงสงสัย ถ้าระแวงสงสัย ใครจะไว้ใจเรา ยิ่งได้จิวยี่ขุนศึกเก่าของซุนเกี๋ยนผู้พ่อกับทหารเอกของเล่าอิ้ว คือไทสูจู้ มาเป็นกำลัง ด้วยกองทหารเพียง 3000 คนกับม้าอีก 500 ตัว ที่ซุนเซ็กใช้ตราหยกแผ่นดินไปแลกมาจากผู้นำโฉดโลภอย่างอ้วนสุด ทำให้ซุนเซ็กเปิดโอกาสบุกขยายอาณาเขตยึดได้ 9 หัวเมือง ปักหลักเป็นใหญ่อยู่แคว้นกังตั๋ง กลายเป็นขุมกำลังที่แม้แต่โจโฉยังมิอาจมองข้ามได้

จากความสำเร็จของซุนเซ็กที่เกิดขึ้นในชั่วเวลาอันสั้นทำให้ซุกเซ็กกลายเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง สูงเกินกว่าที่จะเป็นสิ่งดีสำหรับตนเอง ด้วยวัยเพียงยี่สิบต้น ๆ ซุนเซ็กทำงานใหญ่สร้างอาณาจักรตังหงอเป็นปึกแผ่น จึงยังมิรู้จักพิษแห่งรสชาติของความเป็นใหญ่ หาได้ตระหนักถึงปรัชญาชีวิตที่ว่า ยิ่งขึ้นไปอยู่ในที่สูงมากเท่าใด ตีนเริ่มห่างดิน ก็ยิ่งหนาวว้าเหว่มากขึ้นเท่านั้น ผู้คนรอบข้างมิกล้าขัด มีแต่คนคอยเอาใจพะเน้าพะนอ ข่าวการตั้งกองกำลังที่เข้มแข็งกระจายไปมากเท่าใด ผู้คนก็เริ่มจับตามองด้วยความอิจฉา คอยหาเหตุจับผิด เข้าทำนอง อันที่จริงเขาก็อยากให้เราดี แต่เมื่อเด่นขึ้นทุกทีเขาหมั่นไส้ จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน

ในจำนวนนี้มีเค้าก๋อง เจ้าเมืองง่อกุ๋นซึ่งตกเป็นเมืองขึ้นของกังตั๋งรวมอยู่ด้วย เค้าก๋องไม่พอใจที่เห็นซุนเซ็ก เด็กเมื่อวานซืนทำการใหญ่กำแหงหาญ ในสายตากับความคิดของเค้าก๋อง จึงเห็นซุนเซ็กเป็นคนที่ทำการหยาบช้า กำเริบเสิบสานทะนงตน พอได้โอกาสเค้าก๋องลอบทำหนังสือให้คนถือสารไปฟ้องโจโฉ แนะนำโจโฉให้มีรับสั่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ เรียกตัวซุนเซ็กไปทำราชการในเมืองหลวง ขืนปล่อยละไว้ซุนเซ็กจะต้องเป็นขบถต่อแผ่นดิน มิควรปล่อยให้กลายเป็นเสี้ยนหนามของราชบัลลังก์

บังเอิญทหารลาดตระเวนเมืองกังตั๋งจับตัวคนถือสารได้ซุนเซ็กเห็นหนังสือก็โกรธ ฆ่าผู้ถือหนังสือเสีย แล้วใช้อุบายไปเชิญเค้าก๋องมากินโต๊ะ พอได้จังหวะซุนเซ็กควักหนังสือมาให้เค้าก๋องดู เค้าก๋องจนต่อหลักฐานพูดไม่ออก ซุนเซ็กจึงสั่งให้ทหารจับเค้าก๋องมัดแล้วนำไปฆ่าเสีย ครอบครัวบ่าวไพร่กับพรรคพวกที่ง่อกุ๋นพอรู้ข่าว ต่างแตกตื่นหนีภัยกันกระจัดกระจาย ในจำนวนนั้นมีทหารสนิทของเค้าก๋อง 3 นายแค้นคิดพยาบาทซุนเซ็ก ได้ชวนกันไปซุ่มอยู่ในป่าใกล้เมืองกังตั๋ง คอยทีลอบทำร้ายซุนเซ็กด้วยใจอาฆาต

ซุนเซ็กเป็นผู้นำที่ไม่เชื่อถือในเรื่องของไสยศาสตร์เครื่องลางของขลัง เป็นผู้นำหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนสมัยนั้นที่ไม่มีความเชื่อในเรื่องของเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซุนเซ็กเป็นคนยึดหลักอเทวนิยม วันหนึ่งใน ขณะที่ซุนเซ็กกำลังต้อนรับตันจิ๋นนายทหารอ้วนเสี้ยว ที่ถูกส่งมาเจรจาหาทางร่วมมือบุกตีเมืองหลวงฮูโต๋เพื่อกำจัดโจโฉศัตรูของราชบัลลังก์ เห็นนายทหารทั้งปวงที่ร่วมกินโต๊ะพูดจาซุบซิบแล้วจูงมือพากันลงไปจากหอรบ

ซุนเซ็กแปลกใจจึงถามคนใช้ได้ความว่า ผู้คนแตกตื่นลงไปต้อนรับอิเกียดเซียนผู้วิเศษ ซุนเซ็กเห็นผู้คนต่างพากันนั่งกราบไหว้เต้าหยินนักพรตผู้นี้อย่างล้มหลาม แปลกใจจึงเข้าไปชะโงกดูใกล้ ๆ นายทหารทั้งปวงชวนซุนเซ็กให้เข้าไปกราบไหว้ด้วย ซุนเซ็กเดือดดาลอย่างหนัก ตวาดด้วยเสียงอันดัง กูเป็นผู้ครองเมืองกังตั๋ง เป็นเจ้าชีวิตของพวกมึง ไฉนกูจะต้องไปกราบมัน ยิ่งรู้ว่าอิเกียดแต่งตัวงดงามราวเทพยดามือถือไม้เท้านั่งบนเกี้ยวแลดูสง่า ชาวเมืองทั้งปวงถือดอกไม้ธูปเทียนมาคำนับอิเกียด

ซุนเซ็กก็ยิ่งโกรธหนัก ด่าอิเกียดว่า เป็นนักตุ๋นหลอกลวงชาวบ้าน เร่งให้ทหารเลวทั้งปวงไปจับตัวอิเกียดมาฆ่าเสีย แต่ไม่มีทหารคนใดยอมทำตาม แก้ต่างว่า อิเกียดเป็นคนดี ไม่มีพิษภัย อยู่นอกเมือง ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เป็นคนใจบุญ รักเผื่อแผ่ราษฎร ช่วยรักษาคนให้หายจากโรคร้ายต่าง ๆ ด้วยน้ำมนตร์โดยไม่เรียกเงิน ชาวบ้านทั้งปวงจึงนับถืออิเกียด หากไปจับอิเกียดมาฆ่าเสียนั้นจึงเป็นการมิควร รังแต่จะสร้างความหมองใจให้แก่ราษฏรส่วนใหญ่ที่มีศรัทธาในตัวเซียนอิเกียด ซุนเซ็กได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งโกรธ เร่งทหารให้ไปเอาตัวมาให้จงได้ ใครขวางคัดค้านจะตัดศีรษะเสีย แม้แต่เตียวเจียวกุนซือใหญ่ติงเอาไว้ซุนเซ็กก็มิฟัง

พอซุนเซ็กกลับเข้ามาถึงในที่พักยังมิทันหายหงุดหงิดเรื่องของอิเกียดผู้วิเศษ เห็นมีผ้ายันต์ปิดไว้ตามผนัง ตามขอบประตู ก็ได้ความว่า นางงอฮูหยินผู้เป็นมารดามีศรัทธานับถืออิเกียดอย่างแรงอีกคนหนึ่ง นำวัตถุมงคลของเซียนอิเกียดมาปิดไว้เต็มบ้าน ซุนเซ็กก็ยิ่งเดือดดาลหนักแต่ก็ไม่กล้าดุด่าแม่ตัวเอง สภาพการณ์ของซุนเซ็กตอนนี้จึงไม่ต่างอะไรกับบรรดาพระยิว กับพวกปุโรหิตในกรุงเยรูซาเล็มสองร้อยปีก่อนยุคสามก๊ก เมื่อมีนักบุญจากเมืองนาซาเรธ สอนแนวคิดปรัชญาธรรมใหม่ จนได้กลายเป็นที่ศรัทธาของชาวบ้าน ผู้คนขนานนามว่าเป็นราชาแห่งราชันย์ ผู้มีอำนาจทางสังฆจักรยุคนั้นจึงทนไม่ได้ ต้องหาทางกำจัดนักบุญผู้นั้นด้วยการจับไปไต่สวน ตั้งข้อหาหนักให้ตายด้วยการตรึงไว้บนไม้กางเขน ซุนเซ็กก็ตกเป็นทาสความคิดในแนวเดียวกัน

ด้วยความกลัดกลุ้ม ซุนเซ็กจึงจัดกระบวนออกไปล่าสัตว์นอกเมืองให้คลายใจ ระหว่างที่ล่าสัตว์อยู่นั้น ซุนเซ็กไม่มีอาวุธ มีแต่คันกับลูกเกาทัณฑ์ ถูก 3 ทหารของเค้าก๋องรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ คนหนึ่งเอาทวนแทงถูกเท้าซ้ายซุนเซ็ก คนหนึ่งยิงด้วยเกาทัณฑ์ถูกที่หน้าผาก ซุนเซ็กตกใจดึงลูกเกาทัณฑ์ออก แล้วยิงสวนกลับไปโดนทหารคนหนึ่งตาย อีกสองคนเอาทวนไล่แทงซุนเซ็กปากก็ร้องว่า กูเป็นทหารเค้าก๋อง ที่ทำการครั้งนี้หวังแก้แค้นแทนนาย ซุนเซ็กไม่มีอาวุธ ใช้แต่คันเกาทัณฑ์ปัดป้องเป็นสามารถ แต่ก็ถูกทวนแทงบาดเจ็บเลือดโทรมกายหลายแห่ง

เทียเภานายทหารซุนเซ็กขี่ม้าคุมทหาร 9-10 คนตามมาทัน ขับม้าไล่ฆ่าฟันทั้งสองคนเป็นชิ้น ๆจนตาย ช่วยซุกเซ็กไว้ได้อย่างหวุดหวิด ซุนเซ็กจึงให้คนไปตามหาหมอฮัวโต๋มารักษาบาดแผล แต่หมอฮัวโต๋ไม่อยู่ไปตระเวนรักษาคนที่เมืองหลวง ได้แต่ลูกศิษย์หมอฮัวโต๋มารักษา หมอบอกว่าแผลที่โดนทวนรักษาให้หายได้ แต่แผลเกาทัณฑ์นั้นมีพิษเข้าถึงกระดูก การรักษาต้องไปอยู่ในที่สงบ ภายในร้อยวันอย่า ได้มีอารมณ์โกรธ ถ้าระงับความโกรธไม่ได้พิษยาก็จะกำเริบกระจายไปทั่วร่างเป็นอันตรายได้ ซุกเซ็กก็ทำตามที่หมอสั่ง พักอยู่ในความสงบได้เพียงยี่สิบกว่าวัน แต่ความที่เป็นคนใจร้อน อยากหายเร็ว ๆ จึงมิอาจจะระงับใจได้ ยิ่งได้ข่าวจากเมืองหลวงว่า โจโฉมีความเกรงกลัวซุนเซ็กอยู่ แต่กุยแกบอกโจโฉว่า เหตุใดจะต้องไปเกรงกลัวซุนเซ็ก คนอย่างซุนเซ็กเป็นคนใจเร็วหาปัญญามิได้ คิดสิ่งใดก็โอหังทำใหญ่ นานไปจะต้องตายด้วยฝีมือทหารเลว

ซุนเซ็กได้ฟังดังนี้ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ปักใจจะร่วมกับอ้วนเสี้ยวยกทัพไปยึดเมืองหลวงฮูโต๋ กำจัดโจโฉ แล้วจับกุยแกฆ่าเสียให้หายแค้น พอดีมีเรื่องของอิเกียดเกิดขึ้นอีก กังตั๋งฝนแล้ง ซุนเซ็กจึงคิดลองดีกับอิเกียด ถ้าเรียกฝนมาได้ก็จะปล่อยตัวไป อิเกียดตกลงทำพิธีเรียกฝน แต่ก็ประกาศพยากรณ์ชะตาตัวเองกับชาวเมืองที่มาเฝ้าดูว่า บัดนี้ความตายได้มาถึงตัวเราแล้ว ไม่มีผู้ใดมาช่วยให้รอดชีวิตได้ ซุนเซ็กให้ทหารขนเอาฟืนกับฟางมาสุมไว้ใต้โรงพิธี ถ้าพ้นเที่ยงวันหากฝนยังไม่ตก ก็ให้จุดเพลิงเผาอิเกียดให้ตาย

ครั้นเวลาเที่ยงวันฝนไม่ตก ซุนเซ็กจึงร้องด่าอิเกียดว่าเป็นคนลวงโลก ให้ทหารจับตัวอิเกียดมัดไว้บนกองฟืนแล้วจุดไฟเผา พอเพลิงเริ่มลุกโหม ฟ้าพยับร้องสนั่น ฝนตกห่าใหญ่ดับเพลิงที่เผาอยู่จนดับสิ้น อิเกียดร้องให้ฝนหยุดตก ฝนก็หายไปทันที ขุนนางกับราษฎรเห็นกับตาว่าอีเกียดทำการอัศจรรย์ ต่างพากันลุยโคลนเข้าไปแก้มัดอิเกียด คำนับกราบไหว้แล้วอุ้มตัวออกมา ซุนเซ็กก็ยิ่งโกรธรุ่มร้อนด้วยริษยาจิต ร้องว่าที่ฝนตกก็ด้วยอำนาจของเทพยดา หาใช่ความเก่งกาจของอิเกียดไม่ อิเกียดเป็นคนโกหก ซุนเซ็กจึงสั่งให้จับอิเกียดฆ่าเสีย นำศพไปประจานไว้ที่ทางสามแพร่ง มิให้ผู้ใดทำตัวเป็นเยี่ยงอย่างสืบไป

ตามเนื้อเรื่องซุนเซ็กหลังจากฆ่าอิเกียดตายแล้ว เกิดสติคลุ้มคลั่งเห็นภาพอิเกียดมาหลอนหลอกตลอดเวลา ขุนนางกับราษฎร รวมทั้งมารดาและนางไต้เกี้ยวภรรยา ต่างเชื่อว่าที่ซุนเซ็กต้องถึงแก่ความตายเพราะไปดูหมิ่นทำร้ายเซียนอิเกียด แต่ซุนเซ็กก็ยืนกรานจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายว่าที่เขาตายสาเหตุ มิใช่มาจากสั่งฆ่าอิเกียด แต่ตายเพราะดวงชะตาของเขามีบุญสร้างมาเพียงเท่านี้


http://7meditation.blogspot.com/2011/03/36_28.html


หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 07:23:54 PM
ซุนเซ็ก ผู้เอาอารมณ์อยู่เหนือเหตุผล


หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: abandej_รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 10:16:58 PM
+ 2182 ครับ ::014::


หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 10:28:22 PM
ผู้ที่ขึ้นครองแค้วนกังตั๋ง  แทนซุนเซ็ก  คือ  ซุนกวน

ซุนกวน ครองอำนาจ อยู่นาน  จนแผ่นดินแบ่งออกเป็นสามส่วน



หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: ป้อมทอง พรานชุมไพร ที่ พฤษภาคม 16, 2012, 10:33:02 PM
ซุนกวน   เป็นน้องชายของ  ซุนเซ็ก   ปกครองแผ่นดินตั้งแต่อายุน้อย

ครองแผ่นดินอายุได้  18  ปี   


หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ พฤษภาคม 17, 2012, 08:53:56 AM
ขอบคุณครับ 

เพราะอายุน้อยกับความทะเยอทะยานสูง ซุนเซ็กจึงมีจุดจบเร็ว
ต่างกับโจโฉ ใช้คนเป็นแต่น้อยที่ไว้ใจคน เก็บอารมณ์อำมหิต์ได้ดีกว่า
อ่านสามก๊กตอนไหนก็ได้ข้อคิดเรื่องคน และ กลยุทธทุกครั้งครับ


หัวข้อ: Re: สามก๊ก ฉบับนักบริหาร:บทที่ 36 จุดจบของผู้นำอย่างซุนเซ็ก
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ พฤษภาคม 17, 2012, 11:06:09 AM
 ::014::


คำคมสามก๊ก เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิต


*เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต *

*ถ้าคุณหัวเสีย คุณจะเสียหัว *

*อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม *

*อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย *

*ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น *



*เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" *

*นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ *

*ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น *

*จริงคือลวง ลวงคือจริง ถ้าคุณคิดว่าข้าศึกมีทางเลือกเพียง 2 ทาง จงแน่ใจได้ว่าเขาจะเลือกทางที่ 3 *

*ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี *

*มังกรถ้าไร้หัว หางก็ตีกันเอง ถ้าคานบนเอน คานล่างก็เบี้ยว ถ้าเสาเอกเฉียง เสาโทก็เฉียง*
 
*คนมองไม่เห็นการณ์ไกล ภัยก็จะมาถึงตัว คนไม่รู้จักตัดไฟ ภัยก็จะน่ากลัว*

*ยามเรืองรุ่งพุ่งเปรี้ยงดุจเสียงฟ้า แม้เทวายังสยบหลบทางให้ จะหยิบดาวเดือนชมก็สมใจ คงร้องให้วันหนึ่งแน่ คราวแพ้มี*
 
*ไม้คดใช้ทำขอเหล็กงอใช้ทำเคียว แต่ คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย *

*เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร *

*เมื่อเสียหลักก็ต้องหลบอย่างฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้องรู้หลึกใส่ปลีกหาง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆทำ ค่อยคลำทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ *

*ปลาใหญ่มักตายน้ำตื้น*

*เกียรติยศย่อมเกิดจากการกระทำที่สุจริต *

*เมื่อใครสักคนหนึ่ง ทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา ท่านอาจจะตัดสิน          ใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้ *

*การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น*

*ผู้ปกครองระดับธรรมดา ใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของ        คนอื่นอย่างเต็มที่ *

*อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น *

*เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่" เมื่อนักการฑูตพูดว่า        "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร *

*เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้" เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า     "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี *

*คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย*
*ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไป               ยังอนาคต*
 
*อำนาจที่ปราศจากเหตุผล คือ อำนาจของคนพาล อำนาจที่ปราศจากความเมตตา คือ อำนาจที่นำมาซึ่งความปราชัย*



*ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจคอต้องเหี้ยมหาญ *

*ข้าพเจ้ายอมทรยศต่อคนทั้งโลก ดีกว่าให้คนในโลกทรยศต่อข้าพเจ้า *

*เป็นแม่ทัพแล้วไม่กล้าตัดหัวคน เป็นแม่ทัพที่ดีไม่ได้*
 
*คนฉลาดปราดเปรื่อง เขานั่งนิ่งสงวนคม *

*ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน *

*ศัตรูที่ร้ายเหลือ ไม่เท่าเกลือเป็นหนอน *

*ความรู้ คือ อำนาจ *

*นั่งภูดูเสือ กัดกัน*
 
*เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมียอดคน ฉะนั้นจึงอย่าประมาท *

*ถ้าเป็นกษัตริย์ แล้ว ไม่โลภ ก็ เป็นกษัตริย์ ที่ดีไม่ได้ ถ้าเป็นนักบวชแล้วโลภ ก็ เป็นนักบวช ที่ดีไม่ได้ *

*ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถ มองเห็นคิ้วของตน*

*น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด เราก็กลายเป็นคนฉลาดในช่วงเวลาลำบากฉันนั้น*

*ดวงอาทิตย์ทำให้ทุกสิ่งกระจ่างชัด แต่ เรายังต้องทำความเข้าใจในส่วนที่มืด ซึ่งยังคงดำรงอยู่ *