เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 06, 2012, 08:28:59 PM



หัวข้อ: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 06, 2012, 08:28:59 PM
20  อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"

1. ธนินท์ เจียรวนนท์ (เครือเจริญโภคภัณฑ์)  ทรัพย์สิน 279,000 ล้านบาท

2. ตระกูลจิราธิวัฒน์ (เครือเซ็นทรัล) ทรัพย์สิน 213,900 ล้านบาท

3. เจริญ ศิริวัฒนภักดี (เบียร์ช้าง) ทรัพย์สิน 192,200 ล้านบาท

4. ตระกูลอยู่วิทยา (กระทิงแดง)  ทรัพย์สิน 167,400 ล้านบาท

5. กฤษณ์ รัตนารักษ์ (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปูนซีเมนต์นครหลวง ฯลฯ)  ทรัพย์สิน 96,100 ล้านบาท

6. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี และครอบครัว (บุญรอดบริเวอรี่)  ทรัพย์สิน  74,400 ล้านบาท

7. วิชัย มาลีนนท์ (ผู้จัดการช่อง 3 และ BEC Tero)  ทรัพย์สิน  55,800 ล้านบาท

8. Aloke Lohia (CEO กลุ่มบริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ส)  ทรัพย์สิน  49,600 ล้านบาท

9. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (บางกอกแอร์เวย์)  ทรัพย์สิน 37,200 ล้านบาท

10. วาณิช ไชยวรรณ (ไทยประกันชีวิต)  ทรัพย์สิน 35,960 ล้านบาท

11. ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ (บ้านพฤกษา)  ทรัพย์สิน 34,100 ล้านบาท

12. อิสระ ว่องกุศลกิจ และครอบครัว (น้ำตาลมิตรผล) ทรัพย์สิน 31,000 ล้านบาท

13. บุญชัย เบญจรงค์กุล (ดีแทค) ทรัพย์สิน 30,690 ล้านบาท

14. ประณีตศิลป์ วัชรพล และครอบครัว (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)  ทรัพย์สิน 29,450 ล้านบาท

15. สุรางค์ เปรมปรีด์ (ผู้บริหารช่อง 7)  ทรัพย์สิน 28,830 ล้านบาท

16. ประยุทธ มหากิจศิริ (PM Group, ไทยน็อกซ์สแตนเลส, ไทยคอปเปอร์, ผู้ถือหุ้นเนสกาแฟ)  ทรัพย์สิน 28,365 ล้านบาท

17. พรเทพ พรประภา (สยามกลการ)  ทรัพย์สิน 27,900 ล้านบาท

18. อนันต์ อัศวโภคิน (แลนด์แอนด์เฮ้าส์)  ทรัพย์สิน 26,040 ล้านบาท

19. คีรี กาญจนพาสน์ (BTS)  ทรัพย์สิน 25,110 ล้านบาท

20. วิชัย ทองแตง  (กรุงเทพดุสิตเวชการ) ทรัพย์สิน 20,770 ล้านบาท


ส่วนอันดับที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ .. อันดับที่ 23 นายทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สิน 18,600 ล้านบาท

อันดับที่ 30 วิชา พูลวรลักษณ์ (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ทรัพย์สิน 9,455 ล้านบาท

อันดับที่ 33 เฉลิม อยู่วิทยา (กระทิงแดง) ทรัพย์สิน 7,750 ล้านบาท

อันดับที่ 34 นิติ โอสถานุเคราะห์ (โอสถสภา) ทรัพย์สิน 8,680 ล้านบาท

อันดับที่ 37 วิชัย รักศรีอักษร (คิง เพาเวอร์) ทรัพย์สิน 7,440 ล้านบาท

ส่วนอันดับสุดท้ายที่ติดโผ คือ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋ แห่งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ด้วยจำนวนทรัพย์สิน 6,200 ล้านบาท

เครดิต .. Kapook.com .. http://hilight.kapook.com/view/75890


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: PHAPHOOM ที่ กันยายน 06, 2012, 11:47:54 PM
 ::014:: ::002:: ::014::


+++ฟอร์บส์ จัดอันดับ 40  มหาเศรษฐีของไทย เจ้าสัวซีพีรั้งอันดับ 1+++

นิตยสารฟอร์บส์ฉบับเดือนกันยายน 2555 ได้เปิดรายชื่อ 40 อันดับมหาเศรษฐีของไทย ในการจัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2555 (Thailand′s top 40 Richest 2012) โดยมีเจ้าสัวซีพีรั้งอันดับ 1

1.นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ กว่า 217,000 ล้านบาท
2. นายเฉลียว อยู่วิทยา หรือ “โกเหลียว” เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง หรือ เรดบูล มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 130,000 ล้านบาท
3. นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ผู้ก่อตั้งบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เจ้าของธุรกิจวิสกี้ และเบียร์ (เหล้าแม่โขง , เบียร์ช้างฯลฯ ) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 4,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
4. ครอบครัว “จิราธิวัฒน์” เจ้าของกิจการหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจค้าปลีก เครือข่าย เซ็นทรัล กรุ๊ป มูลค่ารวมทรัพย์สิน 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
5. นายกฤตย์ รัตนรักษ์ ประธาน และ ซีอีโอ ของ บริษัท บางกอก บรอดคาสติ้ง แอนด์ ทีวี (บีบีทีวี) โดยมีทรัพย์สินรวมถึงหุ้นในธนาคารกรุงศรีอยุธยา และปูนซิเมนต์นครหลวง มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
6. นายอาลก โลเฮีย กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอินโดรามา โพลีเมอร์ส จำกัด (มหาชน) และอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานกว่า 20 ปี มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
7. นายจำนงค์ ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ (เบียร์สิงห์ , ลีโอเบียร์) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
8. นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธ์ เจ้าของกิจการพฤกษาเรียลเอสเตท บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อันดับ 2 ของประเทศ มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
9. นายวิชัย มาลีนนท์ เจ้าของกิจการ บีอีซีเวิลด์ และไทยทีวีสี ช่อง 3 มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
10. นายอิสระ วงศ์กุศลกิจ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตรผล (น้ำตาลมิตรผล) มูลค่ารวมทรัพย์สิน 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
11. คุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล ภรรยา นายกำพล วัชรพล เจ้าของหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ หนังสือพิมพ์หัวสีใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ร่วมมูลค่าทรัพย์สิน 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
12. นายวาณิช ไชยวรรณ และครอบครัว เจ้าของกิจการไทยประกันชีวิต
13. นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS)
14. นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเครือบริษัท ไทยซัมมิต ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ถือหุ้นส่วนหนึ่งอยู่ใน เนชั่น มัลติมีเดีย
15. นางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ กรรมการผู้จัดการบีบีทีวี (ช่อง7)
16. นายประยุทธ มหากิจศิริ เจ้าของกิจการเหล็กกล้า ไทยน็อกซ์ สแตนเลส
17. นายอนันต์ อัศวโภคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮาส์
18. นายไกรสร ชาญสิริ ประธานและผู้ก่อตั้ง ไทย ยูเนียน ฟรอซเซน กิจการทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
19. วิลเลียม อี. ไฮเนคกี้ (Mr.William E Heinecke) หรือ รู้จักทั่วไปว่า บิล เฮนเนกี้ นักธุรกิจสัญชาติไทย เชื้อสายอเมริกัน และครอบครัว เจ้าของกิจการ ไมเนอร์ คอร์ป., ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ทำธุรกิจ อาทิ เอสปรี และธุรกิจภัตตาคาร , สปา , โรงแรม มากกว่า 800 แห่งในหลายประเทศ
20. นายสรรเสริญ จุฬางกูร ผู้ก่อตั้งบริษัท สามมิตรมอเตอร์ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
21. นายบุญชัย เบญจรงคกุล และครอบครัวผู้ก่อตั้ง บริษัทโทรคมนาคม ดีแทค
22. คุณหญิงประภา และนายวิทย์ วิริยะประไพกิจ ผู้บริหาร สหวิริยา สตีล อินดัสตรี้
23. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี Thaksin Shinawatra ทรัพย์สิน 390 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
24. นิชิต้า ชาห์ สาวโสด เจ้าของกิจการพรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่สืบทอดจากบิดา
25. นายวรวิทย์ วีรบวรพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด(มหาชน)
26. นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน)
27. น.พ.ประเสริฐ ปราสาททองโอสถ ผู้ก่อตั้งสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส
28. นางนิจพร จารนะจิตต์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในอิตาเลียน-ไทย พี่สาวของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานโรงแรมโอเรียนเต็ล และมีหุ้นส่วนตัวอยู่ในเครือโรงแรมอมารี
29. นายเปรมชัย กรรณสูต ผู้บริหารสูงสุดของ บริษัทรับเหมาก่อสร้าง อิตาเลียน-ไทย
30. นายนิธิ โอสถานุเคราะห์ ได้รับตกทอดหุ้น บริษัท โอสถสภามา 25% มีเงินลงทุนอยู่ใน ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
31. นายรุ่งโรจน์ แสงศาสตรา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไดนาสตี้ เซรามิค จำกัด (มหาชน)
32. นายเฉลิม อยู่วิทยา (ลูกชาย นายเฉียว อยู่วิทยา) เป็นผู้บริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด
33. นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
34. นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้า โดยเฉพาะ ชุดชั้นใน ซาบีน่า
35. นายวิชัย รักศรีอักษร ผู้ก่อตั้งบริษัท คิง เพาเวอร์ ดำเนินกิจการร้านค้าปลอดภาษี
36. นางพรดี ลี้อิสระนุกูล สืบทอดกิจการในเครือกลุ่มบริษัทสิทธิผล จาก นายวิทยา ผู้เป็นสามี มีหุ้นอยู่ในสิทธิผลมอเตอร์,ไทย สแตนเลย์ อีเลคทริค และบริษัทร่วมทุน อินูเอะ รับเบอร์
37. นายวิชา พูลวรลักษ์ เจ้าของกิจการ เมเจอร์ ซีนีเพลกซ์ เครือข่ายธุรกิจโรงภาพยนตร์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
38. นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ เจ้าของกิจการบริษัทก่อสร้าง ช.การช่าง
39. นายเพชร โอสถานุเคราะห์ (นักร้อง และนักดนตรี เจ้าของผลงานเพลง “เพียงชายคนนี้..ไม่ใช่ผู้วิเศษ” ที่โด่งดังเมื่อปี พ.ศ. 2530) และนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ซึ่งทั้งสองเข้ารับช่วงการบริหารบริษัทในเครือโอสถสภา และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
40. นายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร ผู้ก่อตั้ง โรงพยาบาลกรุงเทพ
ฟอร์บส์จัดอันดับ เจ้าสัวธนินท์มหาเศรษฐีไทย

Mthai News


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 06, 2012, 11:53:20 PM
+ครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 07, 2012, 07:06:02 AM
 :<<มีเพื่อนนักเรียนผมด้วย รู้งี้สมัครเป็นลูกน้องท่านตั้งแต่เด็กดีกว่า ::005::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ กันยายน 07, 2012, 07:06:54 AM
+ 2550 ครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กันยายน 07, 2012, 07:13:57 AM
ผมติดอยู่ที่ลำดับ 59,999,999 ของประเทศไทย... ขอไปทำงานก่อน เผื่อชาติหน้าอันดับจะกระเตื้องขึ้นครับ... ::006::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 07, 2012, 07:40:26 AM
สมน้ำหน้า ;D ;D ;D ปล่อยให้เขารวยเสียให้เข็ดพวกนี้


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กันยายน 07, 2012, 07:47:36 AM
สมน้ำหน้า ;D ;D ;D ปล่อยให้เขารวยเสียให้เข็ดพวกนี้

ฮา... ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Twitter 125 ที่ กันยายน 07, 2012, 07:50:07 AM
แค่กินดอกเบี้ยเงินฝากก็แทบไม่หมดแล้วในแต่ละเดือน


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 07, 2012, 08:47:26 AM
สมน้ำหน้า ;D ;D ;D ปล่อยให้เขารวยเสียให้เข็ดพวกนี้

ฮา... ;D ;D ;D

ฮา... ตามน้ำด้วยคนครับ...

โดนเอาชื่อมาโขว์หรา... คนที่เคยมีชื่ออยู่แล้วคงไม่แย่กว่าเดิมเท่าไหร่, แต่คนที่ไม่เคยมีชื่อในรายการมาก่อน ชีวิตคงลำบากกว่าเดิมแยะหน่อย เพราะผู้คนรอบข้างจะเปลี่ยนไป และต้องระวังกว่าเดิม... ฮา(อีกที)...

สมมติว่าจะขี่รถเก๋งคนเดียวไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว+เดินดูของแถวคลองถม... ก็แค่หาของเล่นเพราะเวลาว่างแยะ(ก็มีเงินแยะแล้วนี่นา) ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อของเอาจริงเอาจัง, แต่ชีวิตไม่เหมือนเดิมแล้วครับ เผลอเมื่อไหร่เป็นโดนจับตัวเรียกค่าไถ่... กึ๋ยส์...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: telekbook - รักในหลวง ที่ กันยายน 07, 2012, 08:52:55 AM
ตั่วเฮียผมอันดับ 23.มีแค่หมื่นกว่าล้านเอง ..... สงสัยที่ผ่านมาโดนใส่ร้ายป้ายสีแน่เลย


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 07, 2012, 08:56:17 AM
ตั่วเฮียผมอันดับ 23.มีแค่หมื่นกว่าล้านเอง ..... สงสัยที่ผ่านมาโดนใส่ร้ายป้ายสีแน่เลย

แสนกว่าไม่ได้แจ้งครับ ;D ;D ;D ซ่อนอยู่


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 07, 2012, 08:57:18 AM
สมมติว่าจะขี่รถเก๋งคนเดียวไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว+เดินดูของแถวคลองถม... ก็แค่หาของเล่นเพราะเวลาว่างแยะ(ก็มีเงินแยะแล้วนี่นา) ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อของเอาจริงเอาจัง, แต่ชีวิตไม่เหมือนเดิมแล้วครับ เผลอเมื่อไหร่เป็นโดนจับตัวเรียกค่าไถ่... กึ๋ยส์...

เรามีความสุขดีครับ ;D ;D ;D แค่นี้พอแล้ว


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 07, 2012, 09:00:08 AM
ตั่วเฮียผมอันดับ 23.มีแค่หมื่นกว่าล้านเอง ..... สงสัยที่ผ่านมาโดนใส่ร้ายป้ายสีแน่เลย

ลองดูให้ดีว่าส่วนที่ถือโดนนอมินี่ในรูปนิติบุคคลที่ไปอยู่ในบางรัฐเช่นสวิส, เคย์แมน, บริชติชเวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ ฯลฯ ... พวกนี้ฟอร์บได้แต่"เดา"จาก"ร่องรอย"ธุรกรรมทางการเงินครับ, ไม่ได้ตัวเลขเป๊ะๆ ดังนั้นเราจึงไม่ได้เห็นบางตระกูลใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ(เช่นร็อคกี้เฟลเลอร์ โนเบล หรือตระกูเก่าแก่ในประเทศไทย ฯลฯ)...

สมมติว่าใครอยากให้หลุด List เพราะไม่ต้อการเด่น ก็ให้อยู่นิ่งๆ อย่าให้มีธุรกรรมการเงินเด่นๆ... Forbs ก็มองข้ามไปได้ครับ...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 07, 2012, 09:01:17 AM
คนรวยอย่างไรก็สู้นักการเมืองไม่ได้ครับ  ;D
มาร์เคิส ทัลลิเอิส ซิซีโร  Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมันโบราณ สมัย 50กว่าปี ก่อนคริสตกาล
กล่าวเกียวกับบุคคลและชนชนอาชีพไว้ น่าสนใจดังนี้
1. คนจน          ทำงาน และ ทำงาน
2. คนรวย         ใช้และหาผลประโยชน์จาก คนจน
3. ทหาร           ปกป้องทั้งสอง (สมัยโน้นยังไม่มี ตำรวจ ไม่งันก็อาจจะมีแค่คนเดียว)
4. คนจ่ายภาษี   จ่ายเพื่อทั้งสาม
5. คนพเนจร      พึ่งพาทั้งสี่
6. คนเมา          ดื่มเพื่อทั้งห้า
7. นายธนาคาร   ปล้นจากทั้งหก
8. ทนาย           ให้คำแนะนำผิดๆแก่ทั้งเจ็ด
9. หมอ             ฆ่ามากกว่ารักษา ทั้งแปด (อาจจะการแพทย์ไม่ดีในสมัยก่อน)
10. สัปเหร่อ       ฝั้งหมดทั้ง 9 (จริงๆก็น่าจะอยู่สุดท้าย)
11. นักการเมือง  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยเงินของทั้งสิบ

คำกล่าวทั้งหมดล้วนแล้วไม่แตกต่างกับปัจจุบันเท่าไร จริงมัยครับ  ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 07, 2012, 09:05:27 AM
คนรวยอย่างไรก็สู้นักการเมืองไม่ได้ครับ  ;D
มาร์เคิส ทัลลิเอิส ซิซีโร  Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมันโบราณ สมัย 50กว่าปี ก่อนคริสตกาล
กล่าวเกียวกับบุคคลและชนชนอาชีพไว้ น่าสนใจดังนี้
1. คนจน          ทำงาน และ ทำงาน
2. คนรวย         ใช้และหาผลประโยชน์จาก คนจน
3. ทหาร           ปกป้องทั้งสอง (สมัยโน้นยังไม่มี ตำรวจ ไม่งันก็อาจจะมีแค่คนเดียว)
4. คนจ่ายภาษี   จ่ายเพื่อทั้งสาม
5. คนพเนจร      พึ่งพาทั้งสี่
6. คนเมา          ดื่มเพื่อทั้งห้า
7. นายธนาคาร   ปล้นจากทั้งหก
8. ทนาย           ให้คำแนะนำผิดๆแก่ทั้งเจ็ด
9. หมอ             ฆ่ามากกว่ารักษา ทั้งแปด (อาจจะการแพทย์ไม่ดีในสมัยก่อน)
10. สัปเหร่อ       ฝั้งหมดทั้ง 9 (จริงๆก็น่าจะอยู่สุดท้าย)
11. นักการเมือง  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยเงินของทั้งสิบ

คำกล่าวทั้งหมดล้วนแล้วไม่แตกต่างกับปัจจุบันเท่าไร จริงมัยครับ  ;D

จริงครับ ;D ;D ;D  อาจลำดับความสำคัญด้วยนะครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 07, 2012, 09:06:01 AM
สมมติว่าจะขี่รถเก๋งคนเดียวไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว+เดินดูของแถวคลองถม... ก็แค่หาของเล่นเพราะเวลาว่างแยะ(ก็มีเงินแยะแล้วนี่นา) ไม่ได้ตั้งใจไปซื้อของเอาจริงเอาจัง, แต่ชีวิตไม่เหมือนเดิมแล้วครับ เผลอเมื่อไหร่เป็นโดนจับตัวเรียกค่าไถ่... กึ๋ยส์...

เรามีความสุขดีครับ ;D ;D ;D แค่นี้พอแล้ว

ครับ... เย้...

ตอนนี้กำลังสนุกกับ Nuvi 40 ครับ(ราคาถูกมากแค่ 3990 เอง)... รุ่นใหม่มันทำงานได้ดีมาก เมื่อวานเล่นเอานายสมชายตะลอนๆ ทั้งวันเลย... ฮา...

หลังจากเคยมีทัศนคติไม่ดีกับ GPS รุ่นเก่าที่เคยพานายสมชายมุดซอกซอยแถวรัชดาฯ ที่เป็นรังปลวกแถวเสือใหญ่ฯ เล่นเอามึนเลย กว่าจะโผล่รัชดาหน้าศาลได้ แถมโดนเมียดุอีกต่างหาก... ฮา...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: PHAPHOOM ที่ กันยายน 07, 2012, 09:06:07 AM
คนรวยอย่างไรก็สู้นักการเมืองไม่ได้ครับ  ;D
มาร์เคิส ทัลลิเอิส ซิซีโร  Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมันโบราณ สมัย 50กว่าปี ก่อนคริสตกาล
กล่าวเกียวกับบุคคลและชนชนอาชีพไว้ น่าสนใจดังนี้
1. คนจน          ทำงาน และ ทำงาน
2. คนรวย         ใช้และหาผลประโยชน์จาก คนจน
3. ทหาร           ปกป้องทั้งสอง (สมัยโน้นยังไม่มี ตำรวจ ไม่งันก็อาจจะมีแค่คนเดียว)
4. คนจ่ายภาษี   จ่ายเพื่อทั้งสาม
5. คนพเนจร      พึ่งพาทั้งสี่
6. คนเมา          ดื่มเพื่อทั้งห้า
7. นายธนาคาร   ปล้นจากทั้งหก
8. ทนาย           ให้คำแนะนำผิดๆแก่ทั้งเจ็ด
9. หมอ             ฆ่ามากกว่ารักษา ทั้งแปด (อาจจะการแพทย์ไม่ดีในสมัยก่อน)
10. สัปเหร่อ       ฝั้งหมดทั้ง 9 (จริงๆก็น่าจะอยู่สุดท้าย)
11. นักการเมือง  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยเงินของทั้งสิบ

คำกล่าวทั้งหมดล้วนแล้วไม่แตกต่างกับปัจจุบันเท่าไร จริงมัยครับ  ;D
+ 1 ครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: unknow13 ที่ กันยายน 07, 2012, 09:11:37 AM
รวยกันซะให้เข็ด ::001::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 07, 2012, 09:44:32 AM
ตอนนี้กำลังสนุกกับ Nuvi 40 ครับ(ราคาถูกมากแค่ 3990 เอง)...

แต่ก่อนเครื่องเกือบหมื่น เดี๋ยวนี้เหลือครึ่งเดียว ;D ;D ;D อีกหน่อย 2000 ตามเทคโนโลยี่ เพราะมันคงฟรีอีกไม่นาน


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 07, 2012, 10:13:52 AM
ขอบคุณ และ+1 คืน คุณ PHAPHOOM ครับ



หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 07, 2012, 10:22:32 AM
ตั่วเฮียผมอันดับ 23.มีแค่หมื่นกว่าล้านเอง ..... สงสัยที่ผ่านมาโดนใส่ร้ายป้ายสีแน่เลย

ลองดูให้ดีว่าส่วนที่ถือโดนนอมินี่ในรูปนิติบุคคลที่ไปอยู่ในบางรัฐเช่นสวิส, เคย์แมน, บริชติชเวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ ฯลฯ ... พวกนี้ฟอร์บได้แต่"เดา"จาก"ร่องรอย"ธุรกรรมทางการเงินครับ, ไม่ได้ตัวเลขเป๊ะๆ ดังนั้นเราจึงไม่ได้เห็นบางตระกูลใหญ่ทั้งในไทยและต่างประเทศ(เช่นร็อคกี้เฟลเลอร์ โนเบล หรือตระกูเก่าแก่ในประเทศไทย ฯลฯ)...

สมมติว่าใครอยากให้หลุด List เพราะไม่ต้อการเด่น ก็ให้อยู่นิ่งๆ อย่าให้มีธุรกรรมการเงินเด่นๆ... Forbs ก็มองข้ามไปได้ครับ...




จริงครับ แปลกทำไมพวกสำนักจัดอันดับถึงต้องแกล้งไม่รู้ ทำข้ามๆไปตลอด

อีกข้อหนึ่งคือที่ดิน คนรวยเหล่านี้สะสมไว้มากมายมหาศาลตระกูลนึงๆหมื่นไร่ แสนไร่ บางส่วนประเมินมูลค่าไม่ได้กันเลยทีเดียว  ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 07, 2012, 10:31:30 AM
ของแบบนี้ต้องมีหลักฐานยืนยันด้วยครับ พวกจัดอันดับเขาต้องยืนหลังพิงกำแพงไว้มั่ง
เกิดเอาแค่การคาดการณ์คาดคะเน โดนโห่เอาได้ง่ายๆ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 07, 2012, 10:47:06 AM
[quojavascript:void(0);te author=submachine -รักในหลวง- link=topic=123768.msg3795860#msg3795860 date=1346988690]
ของแบบนี้ต้องมีหลักฐานยืนยันด้วยครับ พวกจัดอันดับเขาต้องยืนหลังพิงกำแพงไว้มั่ง
เกิดเอาแค่การคาดการณ์คาดคะเน โดนโห่เอาได้ง่ายๆ

[/quote]

ส่วนมากเค้าดูหุ้นที่ถือครับพี่ซับ ส่วนทรัพย์สินอื่นเค้าไม่ลงลึก อภิมหาเศรษฐีเค้าสาระพัดจะเก็บ ทอง ที่ดิน หุ้น นอมินีทั้งในและตปท.

แต่ที่ต่างคือพวกประเทศพัฒนาแล้วเสียภาษีอ่วมถ้ามรดกเยอะเกินไป เค้าเลยนิยมบริจากการกุศลไปซะเยอะ ต่างจากบ้านเรา สบายๆ ไม่มีใครกล้าเก็บคนรวย


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 07, 2012, 10:51:32 AM
บ้านเราถือหุ้น ถือที่ดินไว้ในชื่อคนอื่นเยอะครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ กันยายน 09, 2012, 09:16:33 AM
อยากให้เปลี่ยนเป็น 10 อันดับผู้เสียภาษีบุคคลมากที่สุดประจำปี


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ กันยายน 09, 2012, 09:43:55 AM
บ้านเราถือหุ้น ถือที่ดินไว้ในชื่อคนอื่นเยอะครับ

ถูกต้อง อย่าลืมระบบเงิน ฝาก แบบไม่มีดอกเบี้ย 

อย่าว่าแต่คนรวยเลย คนจนอย่างผม ก็ทำ ผมมีที่ดินที่เป็นชื่อผมแค่ 1.3 ไร่เท่านั้น

กิกิ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: nine รักในหลวง ที่ กันยายน 11, 2012, 11:31:27 AM
คนรวยอย่างไรก็สู้นักการเมืองไม่ได้ครับ  ;D
มาร์เคิส ทัลลิเอิส ซิซีโร  Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมันโบราณ สมัย 50กว่าปี ก่อนคริสตกาล
กล่าวเกียวกับบุคคลและชนชนอาชีพไว้ น่าสนใจดังนี้
1. คนจน          ทำงาน และ ทำงาน
2. คนรวย         ใช้และหาผลประโยชน์จาก คนจน
3. ทหาร           ปกป้องทั้งสอง (สมัยโน้นยังไม่มี ตำรวจ ไม่งันก็อาจจะมีแค่คนเดียว)
4. คนจ่ายภาษี   จ่ายเพื่อทั้งสาม
5. คนพเนจร      พึ่งพาทั้งสี่
6. คนเมา          ดื่มเพื่อทั้งห้า
7. นายธนาคาร   ปล้นจากทั้งหก
8. ทนาย           ให้คำแนะนำผิดๆแก่ทั้งเจ็ด
9. หมอ             ฆ่ามากกว่ารักษา ทั้งแปด (อาจจะการแพทย์ไม่ดีในสมัยก่อน)
10. สัปเหร่อ       ฝั้งหมดทั้ง 9 (จริงๆก็น่าจะอยู่สุดท้าย)
11. นักการเมือง  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยเงินของทั้งสิบ

คำกล่าวทั้งหมดล้วนแล้วไม่แตกต่างกับปัจจุบันเท่าไร จริงมัยครับ  ;D
+ 1 ชอบมากครับ ขออนุญาตคัดลอกไปแชร์ในเฟสบุ๊ค  ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กันยายน 11, 2012, 05:02:19 PM
อยากให้เปลี่ยนเป็น 10 อันดับผู้เสียภาษีบุคคลมากที่สุดประจำปี


 ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Nero Angel01 ที่ กันยายน 12, 2012, 04:19:19 PM
คนรวยอย่างไรก็สู้นักการเมืองไม่ได้ครับ  ;D
มาร์เคิส ทัลลิเอิส ซิซีโร  Marcus Tullius Cicero นักปรัชญา ชาวโรมันโบราณ สมัย 50กว่าปี ก่อนคริสตกาล
กล่าวเกียวกับบุคคลและชนชนอาชีพไว้ น่าสนใจดังนี้
1. คนจน          ทำงาน และ ทำงาน
2. คนรวย         ใช้และหาผลประโยชน์จาก คนจน
3. ทหาร           ปกป้องทั้งสอง (สมัยโน้นยังไม่มี ตำรวจ ไม่งันก็อาจจะมีแค่คนเดียว)
4. คนจ่ายภาษี   จ่ายเพื่อทั้งสาม
5. คนพเนจร      พึ่งพาทั้งสี่
6. คนเมา          ดื่มเพื่อทั้งห้า
7. นายธนาคาร   ปล้นจากทั้งหก
8. ทนาย           ให้คำแนะนำผิดๆแก่ทั้งเจ็ด
9. หมอ             ฆ่ามากกว่ารักษา ทั้งแปด (อาจจะการแพทย์ไม่ดีในสมัยก่อน)
10. สัปเหร่อ       ฝั้งหมดทั้ง 9 (จริงๆก็น่าจะอยู่สุดท้าย)
11. นักการเมือง  ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยเงินของทั้งสิบ

คำกล่าวทั้งหมดล้วนแล้วไม่แตกต่างกับปัจจุบันเท่าไร จริงมัยครับ  ;D
9.น่าจะหมายถึง ฆ่าทั้งเป็นด้วย ค่ารักษาพยาบาลกับการเลี้ยงไข้มั้งครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 12, 2012, 05:17:20 PM
ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Tiger wut ที่ กันยายน 12, 2012, 05:18:20 PM
ข้อมูลไม่ครบครับ.....รู้สึกว่าขาดชื่อผมไปอีกคน....กร๊ากกกกกกกกกกกก ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 12, 2012, 06:38:17 PM
ข้อมูลไม่ครบครับ.....รู้สึกว่าขาดชื่อผมไปอีกคน....กร๊ากกกกกกกกกกกก ;D

ผมเติมให้เลยมั้ยครับพี่เสือ  ::007::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 12, 2012, 07:34:26 PM
อยากให้เปลี่ยนเป็น 10 อันดับผู้เสียภาษีบุคคลมากที่สุดประจำปี


เยี่ยมเลย  ::002::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 12, 2012, 07:37:11 PM
ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 12, 2012, 08:24:02 PM
ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น

 ::014::
สิ่งแวดล้อมที่เป็น สัปปายะ และ อสัปปายะ สำหรับผู้ประพฤติวัตรและปฏิบัติกรรมฐาน ดังนี้
 
  อาวาโส  โคจโร  ภสฺสํ             ปุคฺคโล  โภชนํ  อุตุ
 อิริยาปโถติ สตฺเตเต                 อสปฺปาเย  วิวชฺชเย
 สปฺปาเย  สตฺต  เสเวถ               เอวณฺหิ  ปฏิปชฺชโต
 น จิเรเนว  กาเลน  โหติ           กสฺสจิ  อปฺปนา
 
“พระโยคาวจร พึงเว้นสิ่งที่เป็นอสัปปายะ  ๗  สิ่ง  นี้ คือ
 
๑.  ที่อยู่ (อาวาส)  
๒.  โคจรคาม
๓.  การพูดคุย
๔.  ปุคคล
๕.  โภชนะ
๖.   ฤดู
๗.  อิริยาบถ

สัปปายะ  ๗  คือ

 ๑.   อาวาสสัปปายะ
 ๒.   โคจรสัปปายะ
 ๓.   ภัสสสัปปายะ
 ๔.   ปุคคลสัปปายะ
 ๕.   โภชนสัปปายะ
 ๖.   อุตุสัปปายะ
 ๗.   อิริยาปถสัปปายะ
 
๐  อาวาสสัปปายะ

ได้แก่ที่อยู่อาศัย หรือ วัด ราวป่า โคนต้นไม้ สำนักปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ อาราม เรือนว่างอันเป็นที่สบาย
สงบ ปราศจากผู้คนสัญจรไปมา ไม่ใกล้หนองน้ำ บ่อน้ำ หรือแหล่งชุมชนจนเกินไป อันอาจจะเกิดความ
รำคาญจากการไปมาของผู้คน มีรั้วรอบขอบชิด ปลอดภัยต่อความเป็นอยู่ สถานที่นั่นมีที่เหมาะสำหรับ
การปฏิบัติธรรม การเดินจงกรมเปลี่ยนอิริยาบถ
 
๐  โคจรสัปปายะ
 
คือ สถานที่แห่งนั้นต้องมีทางโคจร หรือ ทางเดิน ถนนหนทางไปมาได้สะดวก ไม่ใกล้นัก ไม่ไกลนัก
หนทางในการบิณฑบาตไม่ลำบากนัก เหมาะแก่การจาริก อีกทั้งภายในสถานที่ก็ควรมีทางเดินจงกรม
ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม
 
๐  ภัสสสัปปายะ
 
ได้แก่ การสนทนา พูดคุย  การฟัง คือ การสนทนา พูดคุยกันแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ
ได้ฟังสิ่งที่จะทำให้จิตใจเกิดสัทธา วิริยะ อุสาหะ ความสงบระงับในการที่จะทำความเพียร หรือมีผู้รู้
พหูสูต ครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนกรรมฐานให้ได้รับความรู้ และเป็นอุปการคุณแก่การเจริญกรรมฐาน
ให้ก้าวหน้า ให้เว้นการสนทนา พูดคุยในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นสัปปายะนั้นเสีย

 
๐  ปุคคลสัปปายะ
 
คือ บุคคลที่อยู่ร่วมกัน บุคคลที่ติดต่อคบหา ควรเป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความสันโดษ มักน้อย
ชักจูงแนะนำไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเพียร ความสงบ และถ้าเป็นครูบาอาจารย์
หรือบุคคลที่เคยเจริญกรรมฐานมาแล้ว ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มาก  ให้พึงเว้นการคบหาสมาคมกับบุคคล
ที่มีจิตฟุ้งซ่าน บุคคลที่มากไปด้วยกามารมณ์ในทางโลกีย
 
๐  โภชนสัปปายะ
 
ได้แก่อาหารที่บริโภค ควรเป็นอาหารที่สบายต่อความเป็นอยู่ในอัตภาพแห่งตน เมื่อบริโภคเข้าไปแล้ว
ไม่ทำให้เกิดทุกขเวทนา เช่น ท้องอืด ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นอาหารที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกาย
โดยประมาณ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรสของอาหารแม้รสจะดีแต่เมื่อทำให้ร่างกายเกิดทุกขเวทนาก็ควรงดเสีย
 
๐  อุตุสัปปายะ
 
ได้แก่ฤดูอันเป็นที่สบาย หมายถึงอากาศตามฤดูกาล ความร้อน ความเย็น ของอากาศ ซึ่งบางสถาน
บางฤดูอาจจะร้อนจัดเกินไป บางฤดูก็หนาวจัดเกินไป หรือกลางวันร้อนจัดกลางคืนหนาวจัด
ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยแก่ร่างกาย จึงต้องเลือกให้เหมาะสมแก่
สภาพร่างกายของตน
 
๐  อิริยาปถสัปปายะ
 
ได้แก่อิริยาบถอันเป็นที่สบาย หมายถึงอิริยาบถทั้ง ๔ หรือ การเคลื่อนไหว  ยืน เดิน นั่ง นอน
อิริยาบถใดทีทำให้จิตไม่สงบระงับ ก็แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่สบายไม่เหมาะสม จึงเว้นเสียจากการใช้อิริยาบถนั้น
หากเมื่อจำเป็นก็ใช้แต่น้อย
 
ทั้งหมดนี้เรียกว่า สัปปายะ เป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ กันยายน 12, 2012, 08:26:05 PM
ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น

 ::014::
สิ่งแวดล้อมที่เป็น สัปปายะ และ อสัปปายะ สำหรับผู้ประพฤติวัตรและปฏิบัติกรรมฐาน ดังนี้
 
  อาวาโส  โคจโร  ภสฺสํ             ปุคฺคโล  โภชนํ  อุตุ
 อิริยาปโถติ สตฺเตเต                 อสปฺปาเย  วิวชฺชเย
 สปฺปาเย  สตฺต  เสเวถ               เอวณฺหิ  ปฏิปชฺชโต
 น จิเรเนว  กาเลน  โหติ           กสฺสจิ  อปฺปนา
 
“พระโยคาวจร พึงเว้นสิ่งที่เป็นอสัปปายะ  ๗  สิ่ง  นี้ คือ
 
๑.  ที่อยู่ (อาวาส)   
๒.  โคจรคาม
๓.  การพูดคุย
๔.  ปุคคล
๕.  โภชนะ
๖.   ฤดู
๗.  อิริยาบถ

สัปปายะ  ๗  คือ

 ๑.   อาวาสสัปปายะ
 ๒.   โคจรสัปปายะ
 ๓.   ภัสสสัปปายะ
 ๔.   ปุคคลสัปปายะ
 ๕.   โภชนสัปปายะ
 ๖.   อุตุสัปปายะ
 ๗.   อิริยาปถสัปปายะ
 
๐  อาวาสสัปปายะ

ได้แก่ที่อยู่อาศัย หรือ วัด ราวป่า โคนต้นไม้ สำนักปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ อาราม เรือนว่างอันเป็นที่สบาย
สงบ ปราศจากผู้คนสัญจรไปมา ไม่ใกล้หนองน้ำ บ่อน้ำ หรือแหล่งชุมชนจนเกินไป อันอาจจะเกิดความ
รำคาญจากการไปมาของผู้คน มีรั้วรอบขอบชิด ปลอดภัยต่อความเป็นอยู่ สถานที่นั่นมีที่เหมาะสำหรับ
การปฏิบัติธรรม การเดินจงกรมเปลี่ยนอิริยาบถ
 
๐  โคจรสัปปายะ
 
คือ สถานที่แห่งนั้นต้องมีทางโคจร หรือ ทางเดิน ถนนหนทางไปมาได้สะดวก ไม่ใกล้นัก ไม่ไกลนัก
หนทางในการบิณฑบาตไม่ลำบากนัก เหมาะแก่การจาริก อีกทั้งภายในสถานที่ก็ควรมีทางเดินจงกรม
ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม
 
๐  ภัสสสัปปายะ
 
ได้แก่ การสนทนา พูดคุย  การฟัง คือ การสนทนา พูดคุยกันแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ
ได้ฟังสิ่งที่จะทำให้จิตใจเกิดสัทธา วิริยะ อุสาหะ ความสงบระงับในการที่จะทำความเพียร หรือมีผู้รู้
พหูสูต ครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนกรรมฐานให้ได้รับความรู้ และเป็นอุปการคุณแก่การเจริญกรรมฐาน
ให้ก้าวหน้า ให้เว้นการสนทนา พูดคุยในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นสัปปายะนั้นเสีย
 
๐  ปุคคลสัปปายะ
 
คือ บุคคลที่อยู่ร่วมกัน บุคคลที่ติดต่อคบหา ควรเป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความสันโดษ มักน้อย
ชักจูงแนะนำไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเพียร ความสงบ และถ้าเป็นครูบาอาจารย์
หรือบุคคลที่เคยเจริญกรรมฐานมาแล้ว ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มาก  ให้พึงเว้นการคบหาสมาคมกับบุคคล
ที่มีจิตฟุ้งซ่าน บุคคลที่มากไปด้วยกามารมณ์ในทางโลกีย
 
๐  โภชนสัปปายะ
 
ได้แก่อาหารที่บริโภค ควรเป็นอาหารที่สบายต่อความเป็นอยู่ในอัตภาพแห่งตน เมื่อบริโภคเข้าไปแล้ว
ไม่ทำให้เกิดทุกขเวทนา เช่น ท้องอืด ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นอาหารที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกาย
โดยประมาณ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรสของอาหารแม้รสจะดีแต่เมื่อทำให้ร่างกายเกิดทุกขเวทนาก็ควรงดเสีย
 
๐  อุตุสัปปายะ
 
ได้แก่ฤดูอันเป็นที่สบาย หมายถึงอากาศตามฤดูกาล ความร้อน ความเย็น ของอากาศ ซึ่งบางสถาน
บางฤดูอาจจะร้อนจัดเกินไป บางฤดูก็หนาวจัดเกินไป หรือกลางวันร้อนจัดกลางคืนหนาวจัด
ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยแก่ร่างกาย จึงต้องเลือกให้เหมาะสมแก่
สภาพร่างกายของตน
 
๐  อิริยาปถสัปปายะ
 
ได้แก่อิริยาบถอันเป็นที่สบาย หมายถึงอิริยาบถทั้ง ๔ หรือ การเคลื่อนไหว  ยืน เดิน นั่ง นอน
อิริยาบถใดทีทำให้จิตไม่สงบระงับ ก็แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่สบายไม่เหมาะสม จึงเว้นเสียจากการใช้อิริยาบถนั้น
หากเมื่อจำเป็นก็ใช้แต่น้อย
 
ทั้งหมดนี้เรียกว่า สัปปายะ เป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม


เห็นด้วยอย่างแรง


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 12, 2012, 10:04:44 PM
สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ

นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา
ในข้อนี้ อาตมามิได้ดูมิได้เล่นอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศล

มาดูในพระปาติโมกข์ ตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา
อาบัติว่าโดยมีชื่อ 7 อย่าง คือ
1 ปาราชิก
2 สังฆาทิเสส
3ถุลลัจจัย
4ปาจิตีย์
5ปาฏิเทสนียะ
6 ทุกกฏ
7ทุพภาสิต

      ปาจิตีย์ มี 30 ข้อ
แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคละ 10 ข้อ
วรรคที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง จีวร
วรรคที่สองเกี่ยวกับเรื่อง หนังสัตว์ และการรับเงินทอง
วรรคที่สาม เกี่ยวกับเรื่อง บาตร การรับประเคน ผ้าอาบน้ำฝน การให้จีวรแก่ภิกษุอื่น
ซึ่งอาตมาศึกษาโดยละเอียดแล้ว มิได้มีข้อไหนในพระวินัย ในพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ห้ามมิให้สงฆ์เผยแผ่ศาสนาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

อาตมาไม่ทราบนะว่ามีใคร กำหนดพระวินัยขึ้นมาเองบ้าง แต่อาตมามีพระพุทธเจ้าเป็น สรณะ และไม่มีสรณะอื่นอีก

คำถามที่ถามอาตมาว่า  ยังถือเพศบรรชิตอยู่หรือไม่นั้น อาตมาตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นบรรชิตตามหลักของพระพุทธเจ้า อาตมายังปฏิบัติตามพระวินัยอยู่ เพราะฉนั้นอาตมาก็ยังถือเพศบรรชิตโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาอยู่ แต่อาตมาไม่ได้ถือเพศบรรชิตตามหลักคำสอนอื่นนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า

เช่น สีจีวร อาตมาก็มิได้นุ่งห่มจีวรสีส้มซึ่งพระพุทธเจ้าห้าม  แต่อาตมานุ่งห่มสี กลัก ซึ่งเป็นสีที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
อาตมามิได้โกนคิ้ว เพราะการโกนคิ้ว พระพุทธเจ้ามิได้บรรญัติไว้ พระรูปใดที่โกนก็ถือว่ากระทำนอกเหนือพระวินัย
อาตมามิได้สะสมเงินทอง ซึ่งพระปาติโมกข์กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามภิกษุสะสมเงินทอง รับไว้ หรือใช้ให้ผู้อื่นรับไว้

ด้วยที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นพระปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า 
ส่วนพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทา นั้นอาตมามิได้ถือเป็นสรณะ จึงมิได้ปฏิบัติตาม

สาธุ.......


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 13, 2012, 12:52:45 AM
อืมม...

ป่วยการเปล่า


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ กันยายน 13, 2012, 01:11:00 AM
หลวงพี่ครับ ถ้าหลวงพี่ เอา คอมพิวเตอร์ไปใช้ศึกษา บาลี หรืออะไรที่เป็นความรู้ทาง ศาสนา ผมไม่ว่า


แต่ที่นี้ไม่ใช่ ที่นี้เป็นแหล่งชุมนุมของผู้ที่อยู่  ใน โลภ โกรธ หลง อยู่ครับ

หลวงพี่น่าจะ อยู่ ในเวปมากกว่านะครับ


http://www.palidict.com/


สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ

นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา
ในข้อนี้ อาตมามิได้ดูมิได้เล่นอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศล

มาดูในพระปาติโมกข์ ตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา
อาบัติว่าโดยมีชื่อ 7 อย่าง คือ
1 ปาราชิก
2 สังฆาทิเสส
3ถุลลัจจัย
4ปาจิตีย์
5ปาฏิเทสนียะ
6 ทุกกฏ
7ทุพภาสิต

      ปาจิตีย์ มี 30 ข้อ
แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคละ 10 ข้อ
วรรคที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง จีวร
วรรคที่สองเกี่ยวกับเรื่อง หนังสัตว์ และการรับเงินทอง
วรรคที่สาม เกี่ยวกับเรื่อง บาตร การรับประเคน ผ้าอาบน้ำฝน การให้จีวรแก่ภิกษุอื่น
ซึ่งอาตมาศึกษาโดยละเอียดแล้ว มิได้มีข้อไหนในพระวินัย ในพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ห้ามมิให้สงฆ์เผยแผ่ศาสนาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

อาตมาไม่ทราบนะว่ามีใคร กำหนดพระวินัยขึ้นมาเองบ้าง แต่อาตมามีพระพุทธเจ้าเป็น สรณะ และไม่มีสรณะอื่นอีก

คำถามที่ถามอาตมาว่า  ยังถือเพศบรรชิตอยู่หรือไม่นั้น อาตมาตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นบรรชิตตามหลักของพระพุทธเจ้า อาตมายังปฏิบัติตามพระวินัยอยู่ เพราะฉนั้นอาตมาก็ยังถือเพศบรรชิตโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาอยู่ แต่อาตมาไม่ได้ถือเพศบรรชิตตามหลักคำสอนอื่นนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า

เช่น สีจีวร อาตมาก็มิได้นุ่งห่มจีวรสีส้มซึ่งพระพุทธเจ้าห้าม  แต่อาตมานุ่งห่มสี กลัก ซึ่งเป็นสีที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
อาตมามิได้โกนคิ้ว เพราะการโกนคิ้ว พระพุทธเจ้ามิได้บรรญัติไว้ พระรูปใดที่โกนก็ถือว่ากระทำนอกเหนือพระวินัย
อาตมามิได้สะสมเงินทอง ซึ่งพระปาติโมกข์กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามภิกษุสะสมเงินทอง รับไว้ หรือใช้ให้ผู้อื่นรับไว้

ด้วยที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นพระปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า 
ส่วนพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทา นั้นอาตมามิได้ถือเป็นสรณะ จึงมิได้ปฏิบัติตาม

สาธุ.......



หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กันยายน 13, 2012, 07:41:35 AM
อืมม...

ป่วยการเปล่า

 :D  ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ กันยายน 13, 2012, 09:22:57 AM
รวยไปทำไมก็ไม่รู้แบ่งปันให้คนอื่นมั่งยังจะดีกว่า  คนรวยๆกินข้าวได้ถึง2จานไหมแต่ละคน  หนักไปทางกินยาล่ะมากกว่า


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 13, 2012, 11:26:42 AM
โรจน์ คนพิจิตร--รักในหลวงหลวงพี่ครับ ถ้าหลวงพี่ เอา คอมพิวเตอร์ไปใช้ศึกษา บาลี หรืออะไรที่เป็นความรู้ทาง ศาสนา ผมไม่ว่า


แต่ที่นี้ไม่ใช่ ที่นี้เป็นแหล่งชุมนุมของผู้ที่อยู่  ใน โลภ โกรธ หลง อยู่ครับ

หลวงพี่น่าจะ อยู่ ในเวปมากกว่านะครับ


http://www.palidict.com/
...

สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บัวมีสี่เหล่า การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้านั้น จำเป็นอย่างยิ่งในการแสดงให้ปุถุชน ให้รู้ถึงโทษของบาปบุญคุณโทษ
รัก โลภ โกรธ หลง อย่างที่ท่านได้กล่าวมานั้น เป็นหนทางแห่งความทุกข์ทั้งสิ้น  
ในเมื่อท่านพึ่งพอใจที่จะอยู่กับสิ่งนั้น อาตมาก็ไม่สามารถห้ามอะไรท่านได้ อาตมาเพียงแต่ใช้ธรรมมะเป็นแนวทางชี้ให้เห็นถึงความสุขที่แท้จริงเท่านั้น ก็สุดแล้วแต่ ท่านจะมีดวงตาเห็นธรรมหรือไม่

อาตมามีนิทาน 1 เรื่องจะเล่าให้ฟัง
มีชายสองคนเป็นเพื่อนสนิดกัน อีกคนทำแต่ความดี รักษาศีลห้า  แต่อีกคนทำแต่ความชั่วไม่รักษาศีล
พอตาย ทั้งสองคนก็ไปเกิดใหม่  คนที่ทำความดีไปเกิดเป็นเทวดาเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ อีกคนไปเกิดเป็นหนอนในบ่อขี้  
ผู้ที่เป็นเทวดาก็คิดถึงเพื่อน จึงใช้ตาทิพย์ดูว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน  พอเห็นเพื่อนไปเกิดเป็นหนอนก็รู้สึกสงสาร เลยไปหาเพื่อนแล้วบอกว่า ให้มาอยู่ด้วยกัน บนสวรรค์สบายมาก จะกินอะไรก็นึกเอา อาหารทิพย์ก็มาเอง
หนอนเมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกสงสารเทวดา แม้เวลาหิวก็ต้องนึกถึงจะได้กิน เป็นหนอนที่นี่เวลาหิวก็แค่อ้าปากก็ได้กินแล้ว แล้วบอกกับเทวดาว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเถิด

จากนิทานเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า  ต่างคนต่างมีความสุขในแบบของตน คนชั่วก็จะมีความสุขในแบบชั่วๆ คนดีก็จะมีความสุขในแบบดีๆ
ในเมื่อแนะนำสิ่งที่ดีไปแล้ว ไม่รับก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้  วิบากกรรมคนเราไม่เหมือนกัน
ก็ป่วยการที่จะพูด  เช่นดังคำพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า  บัวมีสี่เหล่า  พระพุทธเจ้าจะไม่พร่ำสอนคนไม่รับรู้ ไม่รับฟัง เพราะป่วยการ

การแสดงความคิดเห็นก็เป็นสิทธิ์ของท่าน อาตมาไม่ก้าวล่วง อาตมาจะสนทนาเฉพาะผู้ที่สนใจในธรรมเท่านั้น ซึ่งอาตมาเชื่อว่ามีอยู่ในสถานที่แห่งนี้

ขออนุโมทนาสาธุ สำหรับผู้ที่ ใฝธรรม รักษาศีลเป็นคนดีต่อสังคม  ขอให้พ้นจากคนพาล อายุ วันโน สุขขัง พลัง จงมีแก่ท่าน ทุกผู้ ทุกคนเทอญ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ กันยายน 13, 2012, 11:38:25 AM
พระมามุกนี้ เล่นเอาญาติโยมอึ้งเลยครับ... ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 13, 2012, 11:53:11 AM
นายสมชาย OK นะครับ... เป็นพระแล้วเข้ามาสนทนาเว็บบอร์ดทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่ธรรมะฯ...

หากพระไม่อ่านหนังสือ ไม่ดูทีวี ไม่เล่นเน็ต ก็เหมือนกับพระไม่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร สนทนาด้วยก็เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ไม่ได้รับใช้สังคมครับ...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 13, 2012, 12:00:07 PM
 ::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 13, 2012, 12:02:21 PM
::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::
เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: indojeen@รักในหลวง ที่ กันยายน 13, 2012, 12:06:47 PM
::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::
เจริญพร

สนใจคุยเรื่องธรรมเชิญ www.facebook.com/#!/profile.php?id=100001818524287 (http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100001818524287)

จะเข้าไปคุยเรื่องการเมืองได้มั้ยครับหลวงพี่   ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ กันยายน 13, 2012, 12:21:18 PM
+1 ครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: sig_surath7171 ที่ กันยายน 13, 2012, 12:25:35 PM
ไม่เข้าเวบหลายเดือน น้องไข่อยู่ในเพศบรรพชิต ขออนุโมทนาบุญที่ท่านได้อุทิศตน เพื่อพทุธศาสนา
:))


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 13, 2012, 12:33:50 PM
::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::

+1ครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 13, 2012, 12:47:39 PM
 ::014::1 ดอกเช่นกันครับ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 13, 2012, 03:28:25 PM
::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::
เจริญพร

สนใจคุยเรื่องธรรมเชิญ www.facebook.com/#!/profile.php?id=100001818524287 (http://www.facebook.com/#!/profile.php?id=100001818524287)

จะเข้าไปคุยเรื่องการเมืองได้มั้ยครับหลวงพี่   ::014::
สาธุ
คุยได้ทุกเรื่อง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรม คือ ธรรมชาติ
เพราะฉนั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องเป็นเรื่องของธรรมชาติทั้งสิ้น เกิดขึ้น ตั้งอยุ่ และดับไป
ไม่ว่าจะเป็นการเมือง การศึก หรือเรื่องใดๆ ล้วนแต่เป็นธรรมทั้งสิ้นถ้ามีดวงตาเห็นธรรมแล้ว จะมองทุกอย่างเป็นธรรมชาติ
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้า ก็เคยแสดงธรรมห้ามทัพที่จะไปรบกันมาแล้ว  หรือแม้แต่ในซ่องโจร พระพุทธเจ้าก็เคยแสดงธรรม

การที่พระสงฆ์หาข้ออ้างต่างๆนาๆเพื่อจะไม่กระทำกิจของสงฆ์นั้นถือว่าไม่ควร
จริงอยู่ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในบางที่อาจจะเจอมาร หรือสิ่งยั่วยุต่างๆ  แต่ทั้งหมดจะทำอะไรเรามิได้เลยหากเรายึดหลักพระวินัยของพระพุทธเจ้า
สิ่งยั่วยุต่างๆที่สมาชิกกล่าวมานั้น ถือเป็นเครื่องฝึกใจ เป็นมาร ที่จะทำให้เกิดกิเลส หากหลักพระวินัยที่เรารักษาไว้นั้นยังมั่นคงอยู่ สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เพราะฉนั้น สิ่งต่างๆที่เป็นสิ่งยั่วยุที่กล่าวมา หากอาตมาหนี ก็คงจะต้องหนีไปตลอดชีวิต ต้องเข้าป่าหาที่สงบ ถึงแม้จะเข้าป่าไปสิบปีจะมีประโยชน์อะไร หากออกมาแล้วยังไม่สามารถทนกับสิ่งยั่วยุได้
แต่ถ้าอาตมาฝึกใจไม่หลงไปกับสิ่งเหล่านั้น อาตมาก็สามารถอยู่ที่ไหนบนโลกก็ได้

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 13, 2012, 05:05:39 PM
กิจของสงฆ์ คือการเผยแผ่พระธรรมครับ... ศีลทั้งหลายที่บัญญัติเอาไว้นั้นตัวแก่นคือศีล แต่บางสำนัก บางสายฯ ต้องการป้องกันไม่ให้พระเสียสมาธิ หรือไม่สามารถครองสติให้นิ่ง  และกลัวพระในสายนั้นจะปลิวไปตามอารมณ์ซึ่งเป็นอันตรายแก่การเกิดปัญญาฯ ดังนั้นจึงกำหนด"สิ่งที่ไม่สมควรทำ" หลายประการออกมาเพื่อป้องกัน และหลีกให้ห่างจากสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ ฯลฯ...

เฉพาะตัวนายสมชายว่าประเด็นคือครองสติ ไม่ให้ปลิวไปตามอารมณ์, นั่นคือแก่นครับ... นายสมชายก็ว่าเหมือนเดิมคือ ศีล สมาธิ แล้วเกิดปัญญา เรียงตามลำดับ ไม่สลับและไม่มีทางลัด...

สาธุ...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 13, 2012, 05:18:22 PM
พระไข่ได้ชี้แจงเหตุและผลแล้ว...

แต่อย่าเผลอลงมา"ถกเถียง"เสียเล่าครับ... แฮ่ๆ...

สาธุ...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 13, 2012, 05:38:25 PM
กิจของสงฆ์ คือการเผยแผ่พระธรรมครับ... ศีลทั้งหลายที่บัญญัติเอาไว้นั้นตัวแก่นคือศีล แต่บางสำนัก บางสายฯ ต้องการป้องกันไม่ให้พระเสียสมาธิ หรือไม่สามารถครองสติให้นิ่ง  และกลัวพระในสายนั้นจะปลิวไปตามอารมณ์ซึ่งเป็นอันตรายแก่การเกิดปัญญาฯ ดังนั้นจึงกำหนด"สิ่งที่ไม่สมควรทำ" หลายประการออกมาเพื่อป้องกัน และหลีกให้ห่างจากสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ ฯลฯ...

เฉพาะตัวนายสมชายว่าประเด็นคือครองสติ ไม่ให้ปลิวไปตามอารมณ์, นั่นคือแก่นครับ... นายสมชายก็ว่าเหมือนเดิมคือ ศีล สมาธิ แล้วเกิดปัญญา เรียงตามลำดับ ไม่สลับและไม่มีทางลัด...

สาธุ...
พระไข่ได้ชี้แจงเหตุและผลแล้ว...

แต่อย่าเผลอลงมา"ถกเถียง"เสียเล่าครับ... แฮ่ๆ...

สาธุ...

สาธุ

สติไม่มา ปัญญาไม่เกิด สติเตลิด จึงไม่เกิดปัญญา

อุปสรรคไม่มี บารมีไม่เกิด อุปสรรคเตลิด จึงเกิดบารมี

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กันยายน 13, 2012, 06:00:10 PM
สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ

นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา
ในข้อนี้ อาตมามิได้ดูมิได้เล่นอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศล

มาดูในพระปาติโมกข์ ตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา
อาบัติว่าโดยมีชื่อ 7 อย่าง คือ
1 ปาราชิก
2 สังฆาทิเสส
3ถุลลัจจัย
4ปาจิตีย์
5ปาฏิเทสนียะ
6 ทุกกฏ
7ทุพภาสิต

      ปาจิตีย์ มี 30 ข้อ
แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคละ 10 ข้อ
วรรคที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง จีวร
วรรคที่สองเกี่ยวกับเรื่อง หนังสัตว์ และการรับเงินทอง
วรรคที่สาม เกี่ยวกับเรื่อง บาตร การรับประเคน ผ้าอาบน้ำฝน การให้จีวรแก่ภิกษุอื่น
ซึ่งอาตมาศึกษาโดยละเอียดแล้ว มิได้มีข้อไหนในพระวินัย ในพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ห้ามมิให้สงฆ์เผยแผ่ศาสนาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

อาตมาไม่ทราบนะว่ามีใคร กำหนดพระวินัยขึ้นมาเองบ้าง แต่อาตมามีพระพุทธเจ้าเป็น สรณะ และไม่มีสรณะอื่นอีก

คำถามที่ถามอาตมาว่า  ยังถือเพศบรรชิตอยู่หรือไม่นั้น อาตมาตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นบรรชิตตามหลักของพระพุทธเจ้า อาตมายังปฏิบัติตามพระวินัยอยู่ เพราะฉนั้นอาตมาก็ยังถือเพศบรรชิตโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาอยู่ แต่อาตมาไม่ได้ถือเพศบรรชิตตามหลักคำสอนอื่นนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า

เช่น สีจีวร อาตมาก็มิได้นุ่งห่มจีวรสีส้มซึ่งพระพุทธเจ้าห้าม  แต่อาตมานุ่งห่มสี กลัก ซึ่งเป็นสีที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
อาตมามิได้โกนคิ้ว เพราะการโกนคิ้ว พระพุทธเจ้ามิได้บรรญัติไว้ พระรูปใดที่โกนก็ถือว่ากระทำนอกเหนือพระวินัย
อาตมามิได้สะสมเงินทอง ซึ่งพระปาติโมกข์กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามภิกษุสะสมเงินทอง รับไว้ หรือใช้ให้ผู้อื่นรับไว้

ด้วยที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นพระปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า 
ส่วนพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทา นั้นอาตมามิได้ถือเป็นสรณะ จึงมิได้ปฏิบัติตาม

สาธุ.......
        ผมถามตรง ๆ
อุปสมบทในสายสันติอโศกใช่ไหมครับ ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 13, 2012, 06:04:27 PM
 ::005::ไม่ได้โกนครับครู  ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 13, 2012, 06:10:30 PM
แอบมาดูเศรษฐีเขาสนทนาธรรมกัน   ::008::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ กันยายน 13, 2012, 07:07:09 PM
        หึ หึ
ขอให้สมพรปาก ครับลุงปู ::014::
ตอนนี้ก็มีหลายล้านแล้วภายในปีเดียว
แต่เป็นหนี้สิน ครับ.................. ::012:: ::012:: ::012::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 13, 2012, 08:55:37 PM
อืมม...

ป่วยการเปล่า

 :D  ::014::
::014::นมัสการพระคุณเจ้า

     ณ สถานที่แห่งนี้ ในกระทู้ต่างๆมีการพูดคุยในเรื่องการเอาชีวิต ปาณาติบาต  เรื่องเพศตรงข้าม มีรูปโป๊ ที่ท่านอาจจะเปิดดูโดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นการไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต ซึ่งส่งผลให้ผู้โพสเป็นบาปโดยไม่รู้ตัว สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ไม่เหมาะที่จะแสดงธรรม เผยแพร่ธรรม อันเป็นเจนาบริสุทธ์ของท่าน


     หากท่านประสงค์จะเผยแพร่ธรรมะที่เวปปืนแห่งนี้ ท่านควรจะตั้งกระทู้ธรรมมะขึ้น ให้ผู้ที่สนใจได้อ่าน ไต่ถาม  สนทนา ให้ถูกที่ถูกทาง สมากชิกในเวปแห่งนี้หลายท่านปฏิบัติธรรม ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว หลายท่านบวชเรียนในสายหลวงปู่มั่น หลายท่านบวชเรียนจนได้เป็นมหา ผมเชื่อว่าต้องได้รับความสนใจพอสมควร

 ::014::

พระห่มสี"กรัก"ครับพี่

ในเรื่องของพระวินัยและทุดงค์วัตรหากเป็นพระกรรมฐานลูกศิษย์หลานศิษย์พระอาจารย์มั่น จะถือเคร่งเรื่องนี้นัก ไม่มีการเลี่ยง ไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น

แม้แต่เณรที่ไม่แตกฉานพระวินัย ไม่ได้อ่านพระไตรปิฎกปรุโปร่งจนเอามาดริฟท์ได้ตามใจชอบ หากมาขอนิสสัยห่มสี"กรัก"ฝากตัวเล่าเรียนในสายพระอาจารย์มั่นก็จะไม่ละเมิด....ไม่แม้แต่จะคิด

ถือบริสุทธิ์จนถึงมิติของใจ ให้ท่านอยู่อย่างสงสัยในความบริสุทธิ์ของตัวเอง การภาวนาจะไม่เป็นไป ฉันอาหารก็รู้สึกผิดทุกคำกลืน...ให้อยู่อย่างนั้นท่านยอมตายทิ้งเสียยังจะดีกว่า



หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 13, 2012, 09:06:03 PM
ในเรื่องของการบิดเบือนพระธรรมวินัยกันตามใจชอบ พระลูกศิษย์-หลานศิษย์พระอาจารย์มั่นท่านบอกกันง่ายๆ

ว่าพระวินัย/พุทธบัญญัติทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ตราไว้......ทรงลงละเอียดไปถึงขั้น ใช้น้ำเสร็จแล้ว ภาชนะที่รองน้ำต้องคว่ำ ไม่คว่ำถือเป็นอาบัติ



ใครข้องใจว่าทรงเป็นผู้บัญญัติไว้จริงหรือ? , บางข้อเชย ไม่สมกับกาลสมัย , ของบางอย่างในสมัยพุทธกาลยังไม่มี ไม่น่าจะครอบคลุมถึงฯลฯ

ท่านว่า....อยากเปลี่ยน อยากเลี่ยงนัก ก็ให้ไปถามพระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของของศาสนามาก่อน ไม่งั้นตราบใดที่ยังอาศัยศาสนาของพระองค์เลี้ยงชีพอยู่ก็จงก้มหน้าถือปฏิบัติให้จงดี....

เท่าที่ได้สัมผัสมา พระที่ได้เริ่มฝึกกรรมฐานมาบ้าง ท่านจะไม่เดือดร้อนกันกับเรื่องพวกนี้


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 13, 2012, 10:39:43 PM
เมื่อมีคำถามที่ว่า อาตมาบวชในสายใดนั้น
อาตมาจะตอบให้หายสงสัย

วันที่อาตมาบวช บวชที่วัด พระบรมธาตุอารามหลวง จังหวัดกำแพงเพชร พระอุปัชฌาย์เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดนุ่งห่มจีวรสีส้ม
หลังจากบวชแล้ว อาตมาเลือกที่จะมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ธุดงคสถานอยู่สุขเจริญ ซึ่งเป็นสายธุดงค์
สิ่งที่จะต้องทำเพื่อให้อยู่ในสำนักนี้ได้ก็คือ
การนุ่งห่มจีวรสีกรัก
การไม่สะสมเงินทอง จับเงินและทอง
การไม่สวมใส่รองเท้า
การทำวัตร เช้า 04.30น. เย็น 6.30น. 
การทำกรรมฐาน นั้งสมาธิ เดินจงกรม อย่างน้อยวันละ 2ชั่วโมง
การบิณฑบาตร
การไม่สูบบุหรี่ และอบายมุขอื่นๆ
การฉันอาหารมังสวิรัส (เว้นจากเนื้อสัตว์) ซึ่งเคร่งคัดมาก
การถือเคร่งคัดในพระปาติโมกข์

อาตมาไม่รู้นะว่าข้อปฏิบัติเหล่านี้ จะคล้ายสำนักใด หรือ สายใด
แต่เท่าที่ทราบ ก็มีพระจากอโศกแวะเวียนมาบ่อยๆ

คงจะเป็นที่หายสงสัยกันนะ  เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ กันยายน 13, 2012, 11:11:05 PM
นมัสการหลวงพี่ไข่ครับ   ::014::

อ่านอยู่หลายกระทู้  ร่มผ้ากาสาวภัสตร์ ทำให้หลวงพี่ดูสุขุมขึ้นเล็กน้อย (แต่ก็ยังไม่ยอมลงให้โยมอยู่ดี)

ผ้าสีใด ไม่สำคัญดอกครับท่าน  สำคัญก็คือเนื้อแท้ของความเป็นพระของท่านนั่นเอง

ผมว่าท่านเก่ง หรือไม่ก็กล้ามาก บวชเพียงไม่กี่วันท่านสามารถเทศน์โปรดญาติโยมได้ไปทั่ว จนเด็ก ๆ ร้องไห้กันเป็นทิวแถว (ทำให้ผมนึกถึงนพ.อะไร ที่เป็น

ทหาร ผมน้อย ๆ ที่เป็นสาวกเปรตกู้น่ะ รายนั้นหลอกเด็กร้องไห้เป็นสรณะ)

ปล.  ท่านไม่ต้องตอบผมก็ได้นะขอรับ จะกลายเป็นทะเลาะกับพระ ขี้กลากจะรับทานผมเปล่า ๆ  แค่นี้ผมก็ว่าโยมในเวปนี้บาปกันหลายคนแล้ว ที่ทำให้

ท่านต้องพะวงว่า ใครจะตอบมาว่าไงบ้าง ไม่เป็นอันทำกิจของสงฆ์กันล่ะ วันนี้เห็นตอบทั้งวันเลย

 ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 14, 2012, 11:25:15 AM
นมัสการหลวงพี่ไข่ครับ   ::014::

อ่านอยู่หลายกระทู้  ร่มผ้ากาสาวภัสตร์ ทำให้หลวงพี่ดูสุขุมขึ้นเล็กน้อย (แต่ก็ยังไม่ยอมลงให้โยมอยู่ดี)

ผ้าสีใด ไม่สำคัญดอกครับท่าน  สำคัญก็คือเนื้อแท้ของความเป็นพระของท่านนั่นเอง

ผมว่าท่านเก่ง หรือไม่ก็กล้ามาก บวชเพียงไม่กี่วันท่านสามารถเทศน์โปรดญาติโยมได้ไปทั่ว จนเด็ก ๆ ร้องไห้กันเป็นทิวแถว (ทำให้ผมนึกถึงนพ.อะไร ที่เป็น

ทหาร ผมน้อย ๆ ที่เป็นสาวกเปรตกู้น่ะ รายนั้นหลอกเด็กร้องไห้เป็นสรณะ)

ปล.  ท่านไม่ต้องตอบผมก็ได้นะขอรับ จะกลายเป็นทะเลาะกับพระ ขี้กลากจะรับทานผมเปล่า ๆ  แค่นี้ผมก็ว่าโยมในเวปนี้บาปกันหลายคนแล้ว ที่ทำให้

ท่านต้องพะวงว่า ใครจะตอบมาว่าไงบ้าง ไม่เป็นอันทำกิจของสงฆ์กันล่ะ วันนี้เห็นตอบทั้งวันเลย

 ::014::

อนุโมทนา บุญด้วยนะ ที่รู้จักนบน้อมต่อพระสงฆ์ที่ดี
อาตมาไม่ได้ทะเลาะกับใครนะ เพราะเป็นภิกษุ จะถือโทษโกรธใครมิได้หรอก ถ้าไม่โกรธจะทะเลาะกับใครได้อย่างไร
แต่ที่ถกเถียงกันนั้น ส่วนมากเป็นการสนทนาธรรม ซึ่งเกิดประโยชน์ ทำให้ปุถุชนทั่วไปรู้ถึงหน้าที่ของภิกษุอย่างแท้จริง
การทำให้ประชาชน รู้จักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มากขึ้นนั้น เป็นหน้าที่ของภิกษุอยู่แล้ว ทำให้คนที่เข้าใจผิดได้กลับมาเข้าใจถูก

เพราะฉนั้น เมื่อวานนี้ที่อาตมาตอบทั้งวันนั้น ก็คือการทำให้ประชาชนเข้าใจศาสนาพุทธมากขึ้น ซึ่งนั้นคือกิจของสงฆ์นั่นเอง จึงไม่ได้เป็นการเสียกิจของสงฆ์อย่างที่โยมเข้าใจหรอก

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 14, 2012, 11:28:02 AM
กะทู้ชักร้อน  ::005::

เห็นพระแล้วร้อนครับ  ::005::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2012, 07:51:26 AM
เห็นในนี้ร้อนกว่าครับพี่เบิ้ม

http://www.youtube.com/watch?v=4GTooA2RSpU&feature=player_embedded


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 16, 2012, 08:23:47 AM
เห็นในนี้ร้อนกว่าครับพี่เบิ้ม

http://www.youtube.com/watch?v=4GTooA2RSpU&feature=player_embedded

ขออนุโมทนาด้วยนะ
อย่างที่อาตมาบอก พระภิกษุมาจากหลายฐานะ หลายการการศึกษา
สาเหตุการบวชก็ต่างกัน บางรูปบวชตามประเพณี บวชแต่ตัวแต่จิตรใจยังเป็นปุถุชนอยู่
แต่บางรูปบวชด้วยใจสัททรา ต้องการเผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง
เพราะฉนั้นการกระทำจึงต่างกัน
เทคโนโลยีอาจจะเป็นเทคโนโลยีเดียวกัน แต่จะเป็นคุณหรือโทษนั้นก็อยู่ที่ผู้ใช้ ว่าจะใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือให้เกิดโทษ

พุทธสาสนิกชนเองก็ดี ท่านมีเทคโนโลยีอยู่ในมือ ท่านสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ก็ได้หรือใช้ให้เกิดโทษก็ได้
ใช้บำรุงพระศาสนาที่ท่านนับถืออยู่ก็ได้  หรือจะใช้ทำลายพระศาสนาที่ท่านนับถืออยู่ก็ได้เช่นกัน
ทุกสิ่งทุกอย่าง มีทั้งคุณและโทษ
แม้แต่ยาเสพติด  หากใช้เสพก็จะเกิดโทษ  แต่หากใช้เป็นสือการสอน นำมาเป็นตัวอย่างว่าเป็นแบบนี้นะ เพื่อให้เยาวชนเห็นว่าสิ่งแบบนี้เป็นสิ่งผิดกฏหมายนะ มีสีมีกลิ่นอย่างนี้นะ หากเจอที่ไหนก็ให้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่  ถ้าใช้แบบนี้ก็จะเกิดประโยชน์
เห็นไหมว่า สิ่งเสพติด ชนิดเดียวกัน แต่นำไปใช้ต่างกัน  ผลออกมาก็จะต่างกัน

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2012, 12:45:45 PM
อยากให้ เศรษฐี ได้อ่าน ;)

๑.   ธรรมเหมือนแพที่ข้ามฟาก   เมื่อถึงฝั่งแล้วไม่ต้องแบกไปด้วย
          ครั้งหนึ่ง   พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาเปรียบเทียบธรรมะเหมือนแพพาข้ามฝั่ง
มิใช่เพื่อให้ยึดติด  ดังนี้
          "บุรุษคนหนึ่งเดินทางไปพบแม่น้ำกว้างใหญ่สายหนึ่ง      ไม่มีแพพา
ข้ามฟากไปฝั่งโน้น   และไม่มีสะพานที่จะข้ามได้  เขาจึงรวบรวมหญ้าบ้าง
ไม้บ้าง     กิ่งไม้บ้าง      มาผูกเป็นแพแล้วอาศัยแพนั้นข้ามไป    เมื่อถึงฝั่ง
โดยสวัสดิภาพแล้ว  เขาจึงจอดแพไว้ริมฝั่งแล้วเดินทางต่อไป
          ในทำนองเดียวกัน      เราตถาคตแสดงธรรมะเปรียบเทียบเหมือนแพ
สำหรับพาข้ามสังสารวัฏ    มิใช่เพื่อให้ยึดมั่นถือมั่น     ผู้ที่เข้าใจความข้อนี้
ควรละแม้กระทั่งสิ่งที่ดี (ธรรมะ)   ไม่จำต้องพูดถึงสิ่งที่ไม่ดี   (อธรรมะ)
ว่าควรละหรือไม่"
ม.๑๒/๒๘๐/๒๗๐

๒.   พึงพิจารณาสอบสวนแล้วจึงเชื่อ ไม่พึงเชื่ออย่างงมงาย
          ครั้งหนึ่ง      พระพุทธเจ้าเสด็จถึงเกสปุตตนิคม   เมืองเล็ก  ๆ     แห่งหนึ่งใน
แคว้นโกศล   ชาวนิคมมีนามว่า  "กาลามะ"   ไปเฝ้าพระองค์กราบทูลว่า   มีสมณะ
และพราหมณ์จำนวนมากผ่านมานิคมนี้    ต่างก็พูดยกย่องลัทธิของตน      ตำหนิ
ลัทธิของผู้อื่นจนไม่ทราบว่า จะเชื่อฝ่ายไหนดี
          พระพุทธเจ้าตรัสสอนชาวกาลามะเหล่านั้นว่า
          "ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย     พวกท่านอย่าเชื่อเพราะฟังตามกันมา
อย่าเชื่อเพราะปฏิบัติสืบต่อกันมา   อย่าเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ    อย่าเชื่อเพราะ
อ้างตำรา       อย่าเชื่อเพราะเหตุผลทางตรรกะ     อย่าเชื่อเพราะการอนุมาน
อย่าเชื่อเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล   อย่าเชื่อเพราะเข้ากับความคิดเห็น
ของตน    อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณ์น่าเป็นไปได้    และอย่าเชื่อเพราะคิดว่า
ผู้พูดเป็นครูของตน
          ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย    เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนว่า
สิ่งทั้งหลายไม่ดีงาม  มีโทษ  วิญญูชนติเตียน  พึงละสิ่งเหล่านั้นเสีย
เมื่อใดรู้ว่าสิ่งทั้งหลายดีงาม   ไม่มีโทษ วิญญูชนสรรเสริญพึงรับและ
ปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น"
อ.๒๐/๕๐๕/๒๔๑

*********************************

อ่านต่อได้ครับ

http://www.seameo.org/vl/buddhist/budd5.htm


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 16, 2012, 01:00:24 PM
          ในทำนองเดียวกัน      เราตถาคตแสดงธรรมะเปรียบเทียบเหมือนแพ
สำหรับพาข้ามสังสารวัฏ    มิใช่เพื่อให้ยึดมั่นถือมั่น     ผู้ที่เข้าใจความข้อนี้
ควรละแม้กระทั่งสิ่งที่ดี (ธรรมะ)   ไม่จำต้องพูดถึงสิ่งที่ไม่ดี   (อธรรมะ)
ว่าควรละหรือไม่"

ชัดเจนครับ ;D ;D ;D สุดยอดของธรรม


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 16, 2012, 04:42:32 PM
อยากให้ เศรษฐี ได้อ่าน ;)

๑.   ธรรมเหมือนแพที่ข้ามฟาก   เมื่อถึงฝั่งแล้วไม่ต้องแบกไปด้วย
          ครั้งหนึ่ง   พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาเปรียบเทียบธรรมะเหมือนแพพาข้ามฝั่ง
มิใช่เพื่อให้ยึดติด  ดังนี้
          "บุรุษคนหนึ่งเดินทางไปพบแม่น้ำกว้างใหญ่สายหนึ่ง      ไม่มีแพพา
ข้ามฟากไปฝั่งโน้น   และไม่มีสะพานที่จะข้ามได้  เขาจึงรวบรวมหญ้าบ้าง
ไม้บ้าง     กิ่งไม้บ้าง      มาผูกเป็นแพแล้วอาศัยแพนั้นข้ามไป    เมื่อถึงฝั่ง
โดยสวัสดิภาพแล้ว  เขาจึงจอดแพไว้ริมฝั่งแล้วเดินทางต่อไป
          ในทำนองเดียวกัน      เราตถาคตแสดงธรรมะเปรียบเทียบเหมือนแพ
สำหรับพาข้ามสังสารวัฏ    มิใช่เพื่อให้ยึดมั่นถือมั่น     ผู้ที่เข้าใจความข้อนี้
ควรละแม้กระทั่งสิ่งที่ดี (ธรรมะ)   ไม่จำต้องพูดถึงสิ่งที่ไม่ดี   (อธรรมะ)
ว่าควรละหรือไม่"
ม.๑๒/๒๘๐/๒๗๐

๒.   พึงพิจารณาสอบสวนแล้วจึงเชื่อ ไม่พึงเชื่ออย่างงมงาย
          ครั้งหนึ่ง      พระพุทธเจ้าเสด็จถึงเกสปุตตนิคม   เมืองเล็ก  ๆ     แห่งหนึ่งใน
แคว้นโกศล   ชาวนิคมมีนามว่า  "กาลามะ"   ไปเฝ้าพระองค์กราบทูลว่า   มีสมณะ
และพราหมณ์จำนวนมากผ่านมานิคมนี้    ต่างก็พูดยกย่องลัทธิของตน      ตำหนิ
ลัทธิของผู้อื่นจนไม่ทราบว่า จะเชื่อฝ่ายไหนดี
          พระพุทธเจ้าตรัสสอนชาวกาลามะเหล่านั้นว่า
          "ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย     พวกท่านอย่าเชื่อเพราะฟังตามกันมา
อย่าเชื่อเพราะปฏิบัติสืบต่อกันมา   อย่าเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ    อย่าเชื่อเพราะ
อ้างตำรา       อย่าเชื่อเพราะเหตุผลทางตรรกะ     อย่าเชื่อเพราะการอนุมาน
อย่าเชื่อเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล   อย่าเชื่อเพราะเข้ากับความคิดเห็น
ของตน    อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณ์น่าเป็นไปได้    และอย่าเชื่อเพราะคิดว่า
ผู้พูดเป็นครูของตน
          ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย    เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนว่า
สิ่งทั้งหลายไม่ดีงาม  มีโทษ  วิญญูชนติเตียน  พึงละสิ่งเหล่านั้นเสีย
เมื่อใดรู้ว่าสิ่งทั้งหลายดีงาม   ไม่มีโทษ วิญญูชนสรรเสริญพึงรับและ
ปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น"
อ.๒๐/๕๐๕/๒๔๑

*********************************

อ่านต่อได้ครับ

http://www.seameo.org/vl/buddhist/budd5.htm

อนุโททนาสาธุกับผลบุญครั้งนี้ด้วย
 แพข้ามฟาก หากเรายังไม่ถึงอีกฝั่งเราควรยึดแพนั้นไว้ให้แน่นมีความเชื่อมั่นในแพนั้นว่าจะพาเราไปถึงอีกฝังได้อย่างปลอดภัย  แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วควรปล่อยวางอย่าแบกแพนั้นเดิน แต่"ควร"ให้ความเคารพแพนั้นเพราะถ้าไม่มีแพนั้นเราก็จะข้ามมาอีกฝั่งมิได้  เปรียบได้ดังศิษย์เคารพครูอาจารย์ เพราะถ้าไม่มีครูอาจารย์แล้วเราก็จะต้องหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากมาก เปรียบเหมือนเราว่ายน้ำข้ามฟากไปเองโดยไม่มีแพ 

พระพทุธเจ้าตรัสว่า อย่าพึ่งเชื่อสิ่งใด ให้ลองปฏิบัติดูก่อน
ดังบทสวด ธัมมานุสสติ ที่อาตมาจะแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจดังนี้

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม  พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
สันทิฏฐิโก  เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก  เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล
เอหิปัสสิโก  เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผูอื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก  เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้

ปัจจุบัน ศาสนาพุทธในประเทศไทยแฝงไปด้วยศาสนาพราหมณ์ พิธีกรรมต่างๆก็แฝงอยู่โดยคนไทยไม่รู้ตัวและเหมือนว่านั่นคือศาสนาพุทธ
แต่แท้ที่จริงไม่ใช่   ลักษณะพิธีกรรมต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงว่าเป็นศาสนาพราหมณ์เช่น การกรวดน้ำ การทำขวัญนาก การบวงสรวง การบนบานสารกล่าว การขอให้สิ่งศักสิทธิ์ช่วยดลบรรดาร   ลักษณะเหล่านี้เป็นรูปแบบของศาสนาพราหมณ์ทั้งสิ้น  พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน  คนทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับกรรมนั้น  ไม่สามารถแก้กรรมได้
ส่วนศาสนาพุทธที่แท้จริง จะไม่ใช่เทวนิยม  ไม่มีของขลังใดๆ ไม่มีสรณะใดๆ นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
คนเราเดี๋ยวนี้ไหวพระพุทธรูปเพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ไหวเพราะลำลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าเพื่อยึดเอาเป็นสรณะ

บางคนคิดแค่ให้พระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา
เช่น งานศพ ทุกคนรอพระไป พระไปถึงก็ไปสวดเป็นภาษาบาลี คนก็นั่งคุยกันไปไม่สนใจ ไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร  สวดเสร็จพระรับเงินกลับวัด แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร
หลายคนเชื่อว่า สวดให้คนตายฟัง  ขนาดคนเป็นๆนั่งอยู่ยังไม่ฟัง ยังฟังไม่รู้เรื่อง คนตายจะฟังได้หรือ
เพราะฉนั้น ที่สำนักสงฆ์นี้จะไม่มีการสวดบาลี แต่จะเทศนาให้คนเข้าใจ ในบทสวดกุศลา ว่าสวดไปเพื่ออะไร แปลว่าอะไร เพราะจะได้ประโยชน์มากกว่า และไม่ต้องถวายเงินแก่พระเป็นค่าจากสวดด้วย เพราะค่าจ้างก็คืออาหารที่ใสลงในบาตรทุกวันอยู่แล้ว

อาตมาก็เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ การอธิบายต่างๆก็จะไม่ละเอียดเท่าอาจารย์ หากท่านใดสนใจในรายละเอียดก็สามารถมารับฟังได้ทุกวันที่สำนักสงฆ์
หรือไม่สะดวก ก็ส่งชื่อที่อยู่ รหัสไปรษณี มาได้ เพื่อจะจัดส่งหนังสือ และ CD โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อความเข้าใจในศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง
ที่สำนักสงฆ์นี้ การสวดมนต์ จะแปลจากบาลีเป็นไทยทุกบทสวดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
หากมีข้อสงสัยใดๆ ติดต่อได้ ที่กระทู้ กราบลาบวช  ที่เฟรตบุ๊ก หรือจะโทรมาที่เบอร์อาตมาก็ได้ สิ่งใดที่รู้ก็จะตอบ สิ่งใดที่ยังไม่รู้ก็จะนำคำถามไปถามครูบาอาจารย์มาตอบให้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง   เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 16, 2012, 05:07:38 PM
แต่ละวัน ท่านเข้ามาออนไลน์หลายช่วงเวลามาก

ท่านจะมีเวลาเหลือพอเพื่อการฝึกตน จะเหลือสติพอเพื่อรู้ตนอยู่หรือครับ?




พระเถระหลายรูปที่ได้รู้จักท่านตัดสิ่งเร้าจากภายนอกออกหมด สิ่งพิมพ์,ไฟฟ้า,โทรศัพท์ท่านไม่เอาทั้งนั้น  ถึงกระนั้นแต่ละวันแค่ทำวัตรให้ครบ ครองสติให้รู้ตนได้ตลอดเวลาก็เวลาไม่พอจนจะเลิกนอนกันอยู่แล้ว

พระที่นั่นขนาดพระลูกวัดนั่งปลายแถวที่นับว่าพิเศษระดับสัมผัสจิตผู้รู้ได้ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าเป็นนาค พอบวชแล้วรวมจิตได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่1 ปลุกจิตผู้รู้ตื่นได้ตอนสัปดาห์ที่2 ตอนสัปดาห์ที่3นั่งภาวนาจนเอ็นข้อเท้าแพลงบวมเป่ง ท่านยัง"แยกเจ็บออกจากจิต"ได้(คือร่างกายยังเจ็บปวด จิตรู้ว่าเจ็บ แต่ไม่ไปเจ็บกับมันด้วย)แล้วก็เดินลงเขาชันปรี๊ดไปบิณฑบาตรได้ทุกวัน .......

พระรูปที่ว่านั่น อย่าว่าแต่สิ่งฟุ้งจัดอย่างอินเตอร์เน็ต แค่นั่งดูกระรอกทะเลาะกันนานไปหน่อยท่านยังรู้สึกผิด เป็นพระใหม่แต่ละวันแค่ทำวัตรให้สมบูรณ์แล้วมารวมจิตรวมใจให้นั่งภาวนาได้เวลามันพอซะที่ไหน?


...........หากยังทำไม่ได้ดีกว่านั้น ก็หมายความว่าตัวเองยังฝึกไม่ถึงไหน แล้วจะอาศัยไปสั่งสอนคนอื่น ?



หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 16, 2012, 05:33:59 PM
แต่ละวัน ท่านเข้ามาออนไลน์หลายช่วงเวลามาก

ท่านจะมีเวลาเหลือพอเพื่อการฝึกตน จะเหลือสติพอเพื่อรู้ตนอยู่หรือครับ?




พระเถระหลายรูปที่ได้รู้จักท่านตัดสิ่งเร้าจากภายนอกออกหมด สิ่งพิมพ์,ไฟฟ้า,โทรศัพท์ท่านไม่เอาทั้งนั้น  ถึงกระนั้นแต่ละวันแค่ทำวัตรให้ครบ ครองสติให้รู้ตนได้ตลอดเวลาก็เวลาไม่พอจนจะเลิกนอนกันอยู่แล้ว

พระที่นั่นขนาดพระลูกวัดนั่งปลายแถวที่นับว่าพิเศษระดับสัมผัสจิตผู้รู้ได้ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าเป็นนาค พอบวชแล้วรวมจิตได้ตั้งแต่สัปดาห์ที่1 ปลุกจิตผู้รู้ตื่นได้ตอนสัปดาห์ที่2 ตอนสัปดาห์ที่3นั่งภาวนาจนเอ็นข้อเท้าแพลงบวมเป่ง ท่านยัง"แยกเจ็บออกจากจิต"ได้(คือร่างกายยังเจ็บปวด จิตรู้ว่าเจ็บ แต่ไม่ไปเจ็บกับมันด้วย)แล้วก็เดินลงเขาชันปรี๊ดไปบิณฑบาตรได้ทุกวัน .......

พระรูปที่ว่านั่น อย่าว่าแต่สิ่งฟุ้งจัดอย่างอินเตอร์เน็ต แค่นั่งดูกระรอกทะเลาะกันนานไปหน่อยท่านยังรู้สึกผิด เป็นพระใหม่แต่ละวันแค่ทำวัตรให้สมบูรณ์แล้วมารวมจิตรวมใจให้นั่งภาวนาได้เวลามันพอซะที่ไหน?


...........หากยังทำไม่ได้ดีกว่านั้น ก็หมายความว่าตัวเองยังฝึกไม่ถึงไหน แล้วจะอาศัยไปสั่งสอนคนอื่น ?


เจริญพร
ปัญหาที่ท่านถามมานั้น คำตอบไม่ได้อยู่ที่ตัวอาตมา
คำตอบมันอยู่ที่ใจของท่านเองว่า  คำว่าพระภิกษุ ในความหมายของท่านคืออะไร
ต้องทำตัวอย่างไร สิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง
คำตอบได้มีอยู่ในใจท่านอยู่แล้ว แต่อาตมามิได้ปฏิบัติตัวตามความต้องการของท่าน ท่านจึงเกิดคำถามขึ้นมา
ทำไมพระไม่เป็นอย่างนั้น พระน่าจะปฏิบัติแบบนี้ พระทำแบบนี้ถึงจะสมควรนะ

การที่ต้องการให้โลกทั้งโลกมาหมุนรอบตัวท่านนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะโลกหมุนรอบตัวเอง ไม่ได้ไปหมุนรอบตัวใคร
หากท่านต้องการให้คนทุกคนมาทำตามอย่างสิ่งที่ท่านต้องการนั้น ท่านก็จะหาความสุขได้อยาก แล้วก็จะเกิด โมหะ โทษะ ตามมา
แต่เมื่อใดที่ท่านคิดได้ว่า โลกมันก็หมุนไปตามปกติ คือคนทุกคนก็ใช้ชีวิตไปตามหน้าที่ตัวเอง เป็นธรรมดาธรรมชาติ ไปตามวิถีชีวิตของเขา ท่านก็จะพ้นจากความทุกข์ใจ ความไม่สบายใจ ความขัดใจ นั้นๆได้
การที่จะให้คนทั้งโลกมาเข้าใจท่าน  กับ การที่ท่านจะทำความเข้าใจคนทั้งโลก สิ่งใดทำได้ง่ายกว่ากัน อาตมาคิดว่าท่านมีคำตอบอยู่ในใจแล้วตอนนี้

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ กันยายน 16, 2012, 05:56:55 PM
อ้อ

ครับ  ::014::


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ กันยายน 16, 2012, 06:01:22 PM
 ::014::
อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ กันยายน 16, 2012, 06:08:54 PM
::014::
อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานํ

ครับพี่ทิด  ::014::   :)


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: kensiro ที่ กันยายน 16, 2012, 06:09:40 PM
การฝึกจิต ไม่ใช่เรื่องง่าย เวลา ที่ท่านอยู่บนเนต เป็นช่วงเวลา ไม่พอนะครับ

สมัยที่ผม เล่นอยู่กับ สิ่งเร้นลับ ( ขอสักนิด) เลิกเรียน เข้าป่าช้าแถวบ้าน

ป่าที่มีกองฟ้อน ห่างบ้าน 500 กว่าเมตร แต่เงียบ ป่าไผ่นะละ วันหยุดก็อยู่ในป่า

ทำสมาธิ เป็นวัน กว่า ว่าเมื่อไรไปเมื่อนั้น โตขึ้นมา กลางคืน ก็เข้า ในขณะที่ๆบ้าน

ให้ออกนอกบ้านได้ ผม ว่า เวลายังไม่พอ กว่าจะได้อย่างทุกวันนี้ผมทุ่มเท ไปมาก

แต่เดี่ยวนี้โลกมันเปลี่ยน คน หรือ อะไรก็เปลี่ยน แต่ผม ก็ยัง เห็นว่า ท่านมาแสดง

ธรรม ควรอยู่ในกระทู้ของท่าน มาได้มาโต้ตอบเลย ครับ สำหรับผม ท่านก็แค่มนุษย์

คนหนึ่ง เพราะผม ไม่มีศาสนา ไม่ยึดติดกับอะไร ถูกก็คือถูกผิด ก็คือผิด


ผมไม่แก้ไขข้อความ นี่เป็นผลให้เห็นว่า ผม ไม่ควรแสดงความคิดเห็นได เพราะ

การสื่อสารผมบกพร่อง  ถ้าคำพูดใหนแรงไป สำหรับหลายท่านผมก็ขอโทษด้วยครับ

ผมชอบอ่านชอบทำ แต่ถ่ายทอดไม่ได้เรื่อง


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 16, 2012, 08:27:30 PM
นายสมชายเคย Post ไปแล้วตามข้างล่าง และยังยืนยันเหมือนเดิมครับ...

คือพระในความหมายที่เราสนทนากันนั้นเราเองสามารถจัดหมวดหมู่ได้หลายหมู่ตาม"ความคาดหวังของเรา" เช่นพระที่เคร่งและมุ่งสู่นิพพานนั่นก็พระ และพระแนวรับใช้สังคมนั่นก็พระเช่นกันครับ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เช่นพระวัดพุทธบาทน้ำพุฯ นั่นก็ตัวอย่างพระทำงานเพื่อสังคม... ทั้งหมดคือแล้วแต่ว่าเราคาดหวังอะไรจากพระ และจากศาสนาครับ...

เอาทัศนะของนายสมชายเอง หากพระที่"เล่น"กับสิ่งเหนือธรรมชาติมากไป และไม่สามารถจับต้องได้ คุยด้วยก็ไม่รู้เรื่อง... นายสมชายจะไม่ข้องแวะด้วยครับ จะถือว่า"ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์" แต่จะมีประเด็นว่าพระรูปนั้นเอาตัวรอดคนเดียวโดยไม่สั่งสอนผู้อื่น ดังนั้นพระรูปนั้นไร้ประโยชน์ต่อนายสมชายครับ, ก็ลงว่าไม่คิดจะสั่งสอนผู้อื่นให้พ้นทุกข์แล้วท่านจะมีเมตตาได้อย่างไร ก็ขอให้ท่านก็จงมีความสุขอยู่กับความวิเวกของท่านไปเถิด ท่านจะมีอิทธิฤทธ์อย่างไรก็ตาม นั่นคือความไร้ค่าสำหรับผู้อื่นครับ...

พระคือหน่วยหนึ่งในสังคม ใช้ทรัพยากรของสังคม และมีบทบาทหน้าที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณ แต่บังเอิญสังคมมีผู้คนหลากหลาย หากยังมีผู้คนศรัทธากับสิ่งเร้นลับอยู่ ซึ่ง"เป็นปัญหาที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงตอบ" (http://wemahidol.mahidol.ac.th/comm/space.php?uid=36&do=thread&id=370)... ก็ในเมื่อพระพุทธเจ้าไม่ทรงตอบ ดังนั้นนายสมชายก็ไม่สนใจหรอกครับ เพราะไม่ใช่วิถีทางพ้นทุกข์ฯ...

ศาสนาสมัยนี้ ตกตํ่าลงไปมาก

เด็กวัด อย่างผม รู้สึก อย่างนั้น  ::004::

รู้สึกเช่นกันครับ... พูดก็พูดเถิด พระส่วนหนึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องทางโลก สนทนาด้วยแล้วเหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง จะถามอะไรจากพระก็ต้องตั้งคำถามต้อนซ้ายต้อนขวา จนดูเหมือนไปคาดคั้นอะไรจากพระ...

ถามมากๆ พระก็ตัดบทด้วยปริศนาธรรม!!! จนในที่สุดพระเลยเหมือนแค่เป็นสัญญลักษณ์เพราะ"ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์"... เราคล้ายกับมีไว้เพื่อกราบไหว้บูชา ไว้สำหรับทำบุญ ไว้สำหรับทำพิธีกรรม ไว้สวดให้ฟัง โดยเป็นแค่สะพานไปถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเท่านั้นครับ...

เทียบกับสมัยก่อนฯ ที่พระคือศูนย์รวมวิทยาการ เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ... ตัวอย่างสุดโต่งที่เห็นก็เช่น"สมภารกร่าง"ในเรื่องไผ่แดง ของ หม่อมคึกฤทธิ์ฯ ไงครับ, ตามท้องเรื่องฯ ชาวบ้านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรก็ไปสนทนากับพระ พระก็บอกแนวทางให้ไปปฎิบัติ จะถูกมั่งผิดมั่งก็ถือว่าพระช่วยคิดฯ...

พระในปัจจุบันก็มีบางส่วนที่ปฏิบัติเช่นนั้น แม้จะอิงการเมืองบ้างก็ตาม(เช่นพระพยอมฯ) ก็ถือว่าท่านติดดิน และในส่วนที่ท่านโดนฝ่ายการเมืองอีกขั้วหนึ่งแอนตี้ ก็ถือว่าเป็นกระบวนการทางสังคมเรื่องหนึ่งซึ่งสังคมต้องเรียนรู้... ซึ่งท่านจะถูกหรือผิด ก็ว่ากันไปตามท้องเรื่องในเรื่องนั้นครับ...


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Manus รักในหลวง ที่ กันยายน 16, 2012, 08:38:59 PM
นั่นกี่ชาติ จะใช้หมดละนั่น....

ถ้าผมไปขอยืมสัก 200 เขาจะให้ไหมนะ  ;D ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: Skeleton_King ที่ กันยายน 16, 2012, 10:17:45 PM
สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น บางท่านอาจจะมองว่าเป็น การมาป่วนเว็ปของพระ Noname รูปหนึ่ง
แต่อาตมาเชื่อว่า ได้ทำให้หลายท่าน ที่ไม่รู้ได้รู้  ได้ทำให้ผู้ที่รู้แต่ไม่แน่ใจได้แน่ใจมากขึ้น ได้ทำให้ผู้ที่รู้และศึกษามาดีอยู่แล้วตอกย้ำความรู้นั้นมากขึ้น
การจะเห็นเป็นอย่างไรนั้น ก็สุดแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ประโยชน์ที่ได้รับก็สุดแล้วแต่ แง้มุมในการนำไปคิดของท่านเอง
อาตมาเป็นเพียง พระบวชใหม่รูปหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ตามที่ญาติโยมได้จ้างด้วยอาหารที่ใส่ลงในบาตรทุกวันเพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ไปวันๆ ซึ่งอาตมาก็ฉันเพียงวันละ 1 มื้อเท่านั้น
แต่ตลอดเวลาที่อยู่นั้นได้ทำหน้าที่ ที่ควรทำ  หากฉันไปเพื่อตนเอง หรือเพื่อจะนำเรี่ยวแรงที่ได้จากอาหารนั้น ไปทำความชั่ว ทำสิ่งที่จะทำให้เสื่อม อาตมาก็ไม่ฉันปล่อยให้ตายดีกว่า เพราะละอายต่ออาหารที่ฉันลงไปทุกวัน ทุกวัน
อย่าพึ่งเชื่อคำพูดอาตมาวันนี้ เพราะพระรูปนี้อาจจะกำลังโกหกท่านอยู่ก็ได้  แต่อยากให้ดูไปเรื่อยๆ ว่าอาตมาทำได้อย่างที่ปากพูดไว้หรือไม่

เจริญพร


หัวข้อ: Re: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 16, 2012, 11:50:03 PM
กลายเป็นกะทู้เรื่องพระซะงั้น  ;D

น้อมรับฟังทุกท่านครับ โดยสวนตัวเรื่องเข้าวัดเข้าวาแย่ครับ นานๆโผล่ไปที ชอบพระแนวช่วยเหลือสังคมมากกว่าครับ รู้สึกว่าท่านอยู่ในเพศบรรพชิตแล้ว  อย่างที่พี่สมชายพูด ส่วนหนึ่งก็บำเพ็ญเพียรไป ไม่ยุ่งกะสังคม ก็แล้วแต่ท่าน แต่ผมนิยมพระที่ช่วยเหลือ คืนกลับสู่สังคมมากกว่าพระที่วางเฉยครับ ส่วนมากเวลาทำบุญเลือกทำกับมูลนิธิที่ช่วยเหลือคนมากกว่าครับ

แล้วที่รู้สึกแย่ทกครั้ง ที่ได้ยินข่าว พระเสพยา มั่วสีกา พระปลอม ฯ  :P