เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการประกวดสุดยอดนักรินเบียร์ระดับโลกที่ประเทศแคนนาดาปลายเดือนตุลาคมนี้โดยงานนี้มีตัวแทนจากประเทศไทยเข้าร่วมแข่งขันด้วยคือ "นิติพัฒน์ พรวงค์เลิศ" ที่ชนะการประกวด "Stella Artois World Draught Masters Thailand 2012" ลุ้นสุดตัว สุดยอดนักรินประเทศไทย แข่งระดับโลก


หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีการแข่งขันรินเบียร์ระดับโลกกันด้วยหรือและบางคนอาจจะคิดว่าแล้วการรินเบียร์มันยากที่ตรงไหน ก็แค่รินๆไปมันจะยากอะไร สำหรับท่านที่ยังไม่รู้ การรินเบียร์เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดนั้นมีขั้นตอนการรินถึง 9 ขั้นตอน วันนี้มีเทคนิคการรินเบียร์จาก สเตล่า อาร์ทัว เบียร์รสชาติเยี่ยม สัญชาติเบลเยี่ยมมาฝากกัน ว่ากันว่าการรินเบียร์ 9 ขั้นตอนนี้ เป็นประเพณีที่สืบทอดมานานกว่า 600 ปี โดยจะข้ามขั้นตอนใดตอนหนึ่งนั้นไม่ได้เด็ดขาด เพื่อให้ได้รสชาติเบียร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนั่นเอง

 (http://image.ohozaa.com/i/ge1/GcobC6.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/woKaHjrWEj5PUHWY) (http://image.ohozaa.com/i/7f3/myhPEe.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/woKaJ5lm4fKJmskb) (http://image.ohozaa.com/i/ge1/GcobC6.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/woKaHjrWEj5PUHWY)

ซึ่งขั้นตอนการรินเบียร์9 ขั้นตอน มีดังนี้

1.แก้วที่ใช้เสิร์ฟ ต้องเป็นแก้วทรงทิวลิป ซึ่งผ่านการล้างเพื่อไม่ให้คราบหรือกลิ่นเบียร์เก่าหลงเหลืออยู่ การจับแก้วต้องจับที่ก้านเสมอเพื่อรักษาอุณหภูมิของเบียร์เอาไว้

2.เปิดหัวจ่ายโดยการโยกเข้าหาตัว อย่างรวดเร็ว และทิ้งฟองแรกไหลออกมา เพื่อทำปล่อยเบียร์ที่ค้างอยู่ในหัวจ่ายเพื่อให้แน่ใจว่าเบียร์ทุกหยดสดจากถังจริงๆ และได้รสชาติดั้งเดิมของเบียร์                                          
3.ถือแก้วในลักษณะ45 องศา เริ่มรินโดยต้องแน่ใจว่าหัวจ่ายไม่แตะโดนแก้ว และไม่จุ่มลงในเบียร์ เพื่อให้ไม่เสียรสชาติของเบียร์  

4.ตั้งแก้วให้ตรงและลดระดับแก้วลง เพื่อให้เกิดฟอง รินจนเต็มแก้ว ซึ่งการรินแบบมีฟองจะทำให้เกิดกลิ่นหอมเพราะฟองสามารถเก็บกักกลิ่นของเบียร์ไว้    

5.ปิดหัวจ่ายอย่างรวดเร็ว และนำแก้วออกโดยไม่ให้เบียร์หยดลงไปบนฟองเบียร์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้น้ำเบียร์ทำปฏิกิริยากับอากาศ ส่งผลให้สูญเสียกลิ่นหอมๆ ของเบียร์เร็วกว่าที่ควรจะเป็น


6.เมื่อฟองเริ่มล้นออกจากปากแก้วให้ใช้ที่ปาดฟองเบียร์ ค่อยๆ ปาดปากแก้วในลักษณะ 45 องศา ให้เหลือแต่ฟองที่ละเอียดนุ่มจริงๆ        

7.ฟองที่สมบูรณ์ เพื่อให้เบียร์มีรสชาติที่นุ่มลิ้น และเป็นรสชาติที่เพอร์เฟคยิ่งขึ้น จะต้องมีขนาดตามที่กำหนดคือ 3 ซม. ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางวัดขนาดของฟอง โดยไม่ให้นิ้วแตะโดนแก้ว เพื่อให้แก้วใสสะอาดไม่มีรอยนิ้วมือ มองเห็นเบียร์อย่างชัดเจน        

8.ทำความสะอาดด้านข้างและด้านล่างของแก้ว เพื่อให้แน่ใจว่าสะอาดไม่เหนียวเวลาถือหรือดื่ม

9.เมื่อได้เบียร์ที่ผ่านการรินที่ถูกต้องตามขั้นตอนแล้วก็มาถึงขั้นตอนการเสิร์ฟที่มาพร้อมที่รองแก้วเสมอเพื่อสะท้อนการใส่ใจในทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด สมกับการรินการเสิร์ฟที่ยึดถือปฏิบัติกันทั่วโลก  
    
เมื่อได้เบียร์ที่รสชาติเยี่ยมแล้ว จากนั้นก็ชนแก้วกันได้ตามอัธยาศัย  


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1350464735&grpid=09&catid=12

โอเค   .......    โชนนนนนนน

รินยังไงก็เมาอยู่ดี.........เอิ๊กๆๆ ::007::

โถ่พี่...มันยากนักก็...ร่วงข้าวบุรีรัมย์สักเป๊กไหม๊...

รินมาเหอะยังไงก็กินหมดแหละ

           ถ้าเบียร์วุ้นด้วยแหล่มเลยครับ  ::002:: ::002::

เบียร์วุ้นนี่ภูมิปัญญาขี้เมาไทยโดยแท้. ฝรั่งเจอยังงง

เมาได้ที่เมื่อไหร่.... ตีลังการิน ยังอร่อย

 ผมไปร้านไหนต้องรินเองสาวเชียร์เบียร์ชอบรินให้ไม่มีฟอง พอตอนดึกๆ รินยังไงก็ไม่ว่ากัน เอิ๊กกก  ;D

นำเทคนิครินเบียร์สดมาประยุกต์ใช้กับเบียร์ขวดได้ไหมครับ  ;D
+2678 ครับ

ขั้นตอนที่หยุมหยิม........อย่างไรก็ไม่ทำให้รสชาดเบียร์เปลี่ยนไปได้...........ขอลดขั้นตอนลงเหลือแค่ 3 ขั้นพอ
1.เปิดฝา
2.รินลงแก้ว
3.ยกซด

จบ.....หรือบางที ขั้นตอนที่2 ผมก็ตัดทิ้งซดจากขวดเลย ::005::

            แถวบ้านเห็นใส่หลอดดูดครับ หลังๆมานี่แถวถนนข้าวสารเห็นฝรั่งมันก็ใส่หลอดดูดเหมือนกันแล้ว ไม่รู้ว่าใครเอาอย่างใคร แต่ว่าเมื่อก่อนสมัยยังยุ่งกับพวกนี้อยู่ ใส่หลอดดูดนี่ รับไม่ได้จริงๆครับ ไร้วัฒนธรรมการแหลกเลย ว่าไปนู่น  ::014::

ลืมขั้นตอนที่ ๔ หรือเปล่าพี่ Southlander
๔.เมาแล้วอ๊วก...

น้าดาบมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้แต่เช้าเลยนะ      ::005::   

ระเมียดแบบนี้ไม่ทันผมกินแน่  ....   อิอิอิ 

ของผม แค่เอียงแก้ว  45 องศาอย่างเดียว

แต่ถ้าทำได้  จะเอาแก้วใส่น้ำนิดหน่อย  ก้นแก้ว

แล้วแช่ช่องฟรีส์ ทิ้งเอาไว้  ก่อน เอามารินเบียร์ 

เคยเจอฝรั่งว่า คนไทยโง่ สองเด้ง เด้งแรกเอาเบียร์แช่เย็น เด้งสองเอาน้ำแข้งใส่เบียร์ ::005::

    เด้งที่ 3 คือ ไม่ชอบกินฟองครับ  ::005::

อิอิอิ...โถ่พี่นาย...เรื่องแบบนี้ตอนดื่มใครก็ชอบ...แต่พอเช้ามานั่งแทบไม่อยู่...


ส่วนน้าจอย...ผมเคยเจอฝรั่งโง่ครับ...มันกระดกเหล้าขาว(แก้วปราบเซียน(แก้วเป๊ก))...แล้วมันตามด้วยเบียร์เหรียญทองระดับโลก...มันบอกเบียร์ยี่ห่อนี้จืด...บร๊ะมันช่างกล้า...แต่บทสรุปมันอ๊วกยังกะหมาป่วย...ฮาฮาฮา...

   อ้าว.....ก็เล่นเข้าไป 2 กษัตย์ อย่างนี้จะไปเหลืออะไรครับพี่ดาบ ฮ่า ๆ  ::005::

    ::014::

ทุกปี ผมจะมีฝรั่งชาวเยอรมันท่านนึงมาเยี่ยมเมืองไทยในฐานะญาติผู้ใหญ่ ดื่มเบียร์กับแกทีไร เมาหนักทุกที หมดแก้วตลอดไม่หมดไม่ได้ พอแกอยากหยุดแกก็เอามือปิดแก้วแล้วก็นั่งยิ้ม ไอ้เราเมาอิ๊อ๋าย..เลยครับ ::007:: ::007::

ชอบแบบเย็นจัดๆรินไม่มีฟอง

ก็นั่นสิครับ...บักสีดาขี้นกชอบนั่งดริ๊งเบียร์กับเมีย...วันนั้นเมียก็เมาเห็นด่ากัน...ฟักฟักฟัก...ทอง...อะไรประมาณนี้ครับ...ก่อนดื่มเมียเดินไปซื้อเบียร์ซื้อเสร็จเดินผ่านหน้าบ้านผมแกเลยชวนผมไปดริ๊งด้วยแต่ผมไม่ไปเพราะบักสีดาขี้นกนี้เวลาเมาแล้วกวนทรีนเลยไม่อยากไป...บ้านเมียบักสีดาขี้นกอยู่หลังบ้านผมเอง...ดีหน่อยที่นานทีบักสีดาจะมา...

เคยเจอที่ปราจีนบุรี เจอชาวบ้านกินเหล้าขาวผสมเบียร์ช้าง เขาบอกว่ากินเหล้าขาวอย่างเดียวไม่เมา ::012::

เย็นจัด ไม่วุ้น ไม่แข็ง ฟองเล็กน้อย มันหวานเจี๊ยบเลยเชียว......  :D~

วัยรุ่นเรียก "สังขยา"  ม้วนเสื่อแทบทุกราย....  ;D

เห็นด้วยครับพี่ ผมก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน ::002:: ::014::

งั้นถามพี่ๆเซียนเบียร์หน่อยว่า...ดื่มเบียร์แล้วแกล้มกับอะไรดี...

     ตำราของปีศาจสุราเขากล่าวไว้ว่าอย่างนี้ครับพี่ดาบ "เปรี้ยวต้องกินกับเหล้า เค็มต้องกินกับเบียร์ "

    แต่ส่วนใหญ่เห็นทั้งผัดเผ็ด ต้มยำ แป๊ะซะ พวกก็แกล้มเบียร์หมด......ฮา  ::005::

    กับแกล้มเบียร์ผมชอบพวกของทอดแห้งๆครับ ยิ่งได้หนังปลาร้านเงี๊ยบสาย 4 มาด้วยหล่ะแจ๋วเลยครับ  ::002::

ถั่ว  ขาหมูเยอรมันทอดกรอบนอกนุ่มใน  กินแล้วหุ่นเหมือนน้าดาบ    ::005::

วิธีทำเบียร์ให้เป็นวุ้น ก็แช่ช่องฟรีส2-3ชั่วโมง เย็นจัดๆ เอาที่เปิดขวดเคาะก้นขวกเบียรฺ์ก่อนเปิด2-3ที ป๊อกๆ เปิดมาเป็นวุ้นเลย  ;D

ช้าไม่ทันใจครับพี่....ผมใช้น้ำแข็ง ใส่เกลือ ใส่น้ำ    เอาขวดเบียร์ลงแช่  ไม่เกิน 20 นาที...เรียบร้อย

ของแกล้มเบียร์ผมนะครับ(แล้วแต่วันนั้นจะเห็นอะไรแขวขาย)...ลูกไหนแช่อิ่ม,มะม่วงแช่อิ่ม,บ๊วยเค็ม,องุ่นจิ๋วดอง,ฮานามิ,เทสโต้,เลย์,ปาปริก้า,ทาโล่...ชนแก้วครับทุกๆท่าน...

แนะนำวิธีกินเบียร์ให้อร่ิอยครับ ไปหาซื้อเบียร์จากยี่ปั๊วที่ยังไม่แช่เย็น พูดง่ายๆแกะจากลังออกมาเลย แล้วเอาไปล้างน้ำ ยกขึ้นมาตั้งใว้ในห้องที่เปิดแอร์อุณภูมิที่ 25 องศา

ทิ้งใว้สักครึ่งวัน ลองกินดูครับ อร่อยไปอีกแบบ อย่าใส่น้ำแข็งนะครับ วิธินี้ผมแนะนำมาหลายคนแล้ว เมาทุกรายครับ ::007::

อ๊ะแหน๊ะ...ผูดเดิ๋มกั๋นสะปายหึ...

โถ่พี่...ผมจะกินเดี๋ยวนี้...

(http://image.ohozaa.com/i/0c7/nJJw1J.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wnXDz7kBcpipg5RX)


   ขวดไหนน่าดื่ม บอกที :D~ ::002::

เวลาราชการนะครับ อุ๊ยลืมไปเดี๊ยวเหมือน ศรีสำโรง ::007::

แบบนี้ 4x100ครับ

(http://image.ohozaa.com/i/476/UFxNyr.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5HW9sIvr2mpFb1e)
(http://image.ohozaa.com/i/dc0/1WJ6mj.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5I2fm3vId8Mg5So)


  ผมชอบแบบนี้ที่สุด ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แรกๆ เมาไว พอชินแล้ว ใช้แก้ว เมาไวกว่า :D~

เบียร์ำไม่ค่อยเย็น ใช้วิธี เอาเศษเกล็ดน้ำแข็งที่เกาะขวดอยู่ ขูดๆมาใส่ในขวดสักนิด
จะช่วยลดอุณหภูมิได้ ดีกว่าเอาน้ำแข็งใส่แก้ว

เบียร์เย็นจัดเกินไป เทไม่ออก เลยระดับวุ้นไปนิดนึง เอาเหรียญ10บาทมาถูๆกับกางเกง
พออุ่นๆ แล้ววางใต้ก้นขวดเบียร์ มันจะช่วยละลายเบียร์ที่เริ่มแข็งได้

ฝากบอกฝรั่งที ว่าทำไมว่าคนไทยโง่สองเด้ง ทีตัวเองโง่หลายเด้งยังไม่หายเลย เวลาหิมะตก ผมไม่เห็นต้องแช่เบียร์กินเลย
เอาเบียร์หมกหิมะไว้....เปิดออกมาเย็นซาบซึ้งตรึงดวงจิตเลย อร่อย แพคหกขวดหมดเป็นแพคๆ ยิ่งถ้าไวส์เซ่นเบียร์นะ (เบียร์ไม่กรองชนิดน้ำข้น)
ซู๊ดดดดด....ยอดจริงๆ

 :~) :~) :~)พลาดแล้วเรา...เหอเหอเหอ...

ม้งเพชรบูรณ์กินหงษ์ เอาเบียร์ช้างแทนโซดา     :~)


ถ้าเย็นได้ที่ ใ่ส่ไปกลายเป็นวุ้นเลย  ใส่เยอะพุ่งกินไม่ทัน    ::005::
  

(https://fbcdn-sphotos-b-a.akamaihd.net/hphotos-ak-snc7/s480x480/581593_366495566767257_1734833415_n.jpg)

 ::013:: ::013:: ::013::

ใครที่เข้ามาโพสหรือมาอ่านในกระทู้นี้...อืมๆๆๆ...มีแต่ไม่ธรรมดา...ระดับเซียนเลยหล่ะ...(ขี้เมาท๊างน๊าน)...

มาหาความรู้เฉยๆ  ::001::

เอ...ผมจะเชื่อ...พี่นายดีไหม๊ครับ...

ซุมหัวเหล่าเข่ามาโสกัน  ::013:: ::013::

อิฯี้ฉานไม่ชอบเบียร์อินี้กินเบียร์ขรี้แตกทุกทีนะนาย ::007::

ถ้าเบียร์เย็น... รินนัยไงก็อร่อย... ลองถ้าเบียร์ไม่เย็นสิ... ต่อให้มือรินขั้นเทพฯ ก็แหลกม่ายล่าย... ::007:: ::007:: ::007::

ไม่รู้สิครับ...ผมไม่เลือกว่าเบียร์หรือเหล้า...แด๊กส์หมด...ถ้าเบียร์ก็ง่ายดีเทแล้วดระดก...แต่เหล้า...ผมไม่ผสมโซดาเทแล้วก็กระดกเช่นกัน...เพื่อนๆบอกไอ้เขี้ย...แด๊กส์เปลืองกว่าเขาเลยนะเมิ่ง...

อ่อน













ธาตุ ครับ คนขี้แตกง่ายคือคนธาตุอ่อน ::005:: ::008::

ยังไม่ครบสูตรสังขยาครับ... สังขยาต้องใส่สไปรท์กับลิโพลงไปด้วย... ;D ;D ;D

นึกว่ามี โค้ก ยากันยุง ผงในหลอดไฟ ผงในยางรถยนต์

ใส่หลอดดูด   อร่อยสุด ๆ   ::005:: ::002::

ของผมแหร่มสุด ๆ

 http://www.xn--12cf7df4bdd2iqbyh5f.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539271145&Ntype=6

ศุกร์นี้ไม่พลาดแน่นอนครับ เอิ๊กๆ

ก่อนโพสต์ล่าสุด หมดไปสองขวดแล้ว เย็นเจี๊ยบ...ตามด้วยต้มแซบน้องวัวอีกถ้วย.....  ::002::

                     ::002::     ::002::            :D~
 

  แค่เปิดฝาหลอดเสียบแล้วดูดเพื่อดื่มก็สุขโขสโมสรแล้วครับ  เรื่องวิธีการรินพักไว้ก่อน ::002::

มาแล้ว   บุรุษสูงวัย ผู้ไม่เคยเกี่ยงเรื่องส่วนประกอบอื่นใด    ขอแค่มี"ดีกรี"     ;D

                มีนัยยะหมายถึงตาแก่ขี้เมาหรือเปล่าครับ   :D

คนละตำรากับผมครับ

ขี้เมาชอบเผ็ด   ขี้...ชอบหวานครับ




กินเบียร์ไม่ต้องแกล้มครับเพราะกินข้าวมาอิ่มแล้ว   กินเบียร์เสร็จก็กินข้าวต่ออีกรอบครับ ไม่เปลืองกับแกล้มครับ

อันนี้ลุงปูรับผิดชอบไป     ::005:: ::005::

   เยี่ยวก็เมาครับลุงปู่  ยืนดีดีไงมันส่ายไปส่ายมาเลอะแข้งเลอะขาไปหมด ::007::

ขี้กัญชาใช่ไหมครับ

เบียร์วุ้นนี่ต้องเจอแหนมหั่นขิงถั่วคั่ว  นั่งรอหมอนวดเพื่อนเดินมาทักเลยนั่งชนแก้วกัน  พอหมอนวดลงมายังไม่เข้าตู้ด้วยซ้ำ  เพื่อนบอกไปนะเฮ้ย.....เวรจริงๆรอคนเดียวกัน ::005::

งั้นต้องรอล้างจาน...หิหิหิ...

รอปิดครัวด้วยคน ::005::

   มาแล้ว"คุณชายถนัดสี" ::008::

ทำไม่ได้อย่าอิจฉา ::008::

สงสัยจะมีมวยรุ่นใหญ่      :OO        ผมต่อพี่จอย ห้า หนึ่งครับ   ::005::

รองปู่แป๋ง ๑๐,๐๐๐ ครับ...อ่าวม่ายๆๆๆๆมันผิดกฎหมาย...

สำหรับลุงแป๋งผมต่อให้เลย ไม่ใส่นวมข้างนึง ::005::

เรากินแตล่าวถ่อยพอ

น้าปู...ผมมันช่างด้อยปัญญายิ่งนัก...แปลให้ผมหน่อย...

285  ::005::

เจ้าของเดียวกันโหม๊ดดด หงษ์ทอง แม่โขง เหล้าขาวต่างๆ เบียร์ช้าง ฯลฯ  ;D

กระจ่างยังครับน้าดาบ  ของเทพปล่อยคนรวยเขากินไป เรายอมทนกล้ำกลืนให้เขาเยาะเย้ย

กระจ่างแล้วครับ...แก๊งค์เดียวกัน...

ท่านผู้อาวุโสช่างถ่อมตัวยิ่งนัก ::005::

285 ชักเบื่อ เมาช้า ช่วงนี้หันมาเล่นหงษ์ทองเพียวๆ :D~

ดีครับไม่เปลืองโซดาครับ  ถ้าอยากให้เมาเร็วกว่านั้นก็ต้อง ยาเส้นใส่น้ำละครับ

     เขา upgrade กัหมดแล้ว  ..... อย่าให้รวยมั่ง  ฮื่มมมมมม

ไม่ใหวครับ สงสัยอ๊วกแตกอ๊วกแตนกันบ้างหละ ::005::

 :D~ :D~

ชอบสุดคือไฮเนเก้นครับ ดื่มนิ่มมาก ลองลงมาก็ลีโอบ้านเรานี่แหละ  :D~ :D

เทคนิคทำเบียร์วุ้น มีหลายวิธีครับ

วิธีที่ 1.1 การเคาะ
การเคาะก็มีหลายแบบ
บางคนเอาเหรียญเค้าที่ก้นขวดเบาๆรัวๆ
บางเอามีดเคาะที่ขวดโดยตรง ป๊อกๆๆ
การเคาะจะทำให้ เกล็ดน้ำแข็งข้างในตกผลึก จนกลายเป็นเบียร์วุ้น
ที่ว่าเบียร์วุ้นๆนั้นที่จริงแล้ว มันก็คือเกล็ดน้ำแข็งที่ตกผลึกอยู่ในขวดนั่นเอง...

วิธีที่ 1.2 การกระตุ้น
ณ ขณะที่เบียร์เย็นจัด
เปิดฝาขวดออก
เอาหลอดขูดเอาเกร็ดหิมะที่อยู่ในช่อง Freezer แล้วใส่ลงไปในขวด
เอาหลอแทงๆเข้าๆออกๆ 2-3 ที
ก็จะได้เบียร์วุ้นที่ต้องการ

สำหรับกระบวนการเกิดเบียร์วุ้นตามหลักการทางเคมีนั้น
อธิบาย ได้ง่ายๆคือ อุณหภูมิที่อยู่ภายนอกขวด กับอุณหภูมิข้างในขวดไม่เท่ากัน
(อุณหภูมิ ภายนอกขวดสูงกว่า อุณหภูมิภายในขวด)
ดังนั้นเมื่อขวดมีการกระทบกระเทือน หรือมีการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
อุณหภูมิภายในขวดอย่างฉับพลัน ก็จะทำให้ความดันภายในขวดสูงขึ้น
และเมื่อเบียร์ได้รับแรงดัน ก็จะทำให้มันกลายเป็นเบียร์วุ้นได้นั่นเอง

การทำเบียร์วุ้น วิธีที่ 2
วิธีนี้ ใช้เวลาไม่นาน เพราะมีตัวช่วยให้เบียร์เย็นเร็ว

อุปกรณ์การทดสอบ
1. เบียร์ 6 ขวด
2. กระติกใส่น้ำแข็งขนาดใหญ่ที่พอจะวางเบียร์ 6 ขวดได้ในแนวตั้ง (ถ้าแนวนอนจะทำให้เบียร์เป็นวุ้นช้า)
3. น้ำแข็งบด
4. เกลือเม็ด 2-3 กำมือ (เกลือเม็ดจะราคาถูกกว่าเกลือป่นที่ใช้รับประทานกันทั่วไป)
5. น้ำ

วิธีทำเบียร์วุ้น
1. เรียงขวดเบียร์ไว้ในกระติกน้ำแข็งในแนวตั้ง
2. ใส่น้ำแข็งลงไปให้ได้ครึ่งกระติก
3. ใส่เกลือตามลงไปสัก 1 กำมือ
4. ใส่น้ำแข็งเพิ่มลงไปอีกจนเต็มกระติก
5. ใส่เกลือที่เหลือลงไป
6. ใส่น้ำจนเต็มกระติก
7. ปิดฝา
8. หมุนไปหมุนมา
9. ประมาณ 10-20 นาที ให้เริ่มตรวจสอบเบียร์ว่ามีเกล็ดหิมะขึ้นมาเกาะหรือยัง ถ้ามีแสดงว่าพร้อมใช้งาน (เวลาขึ้นอยู่กับปริมาณของเกลือด้วย)

ปล. เบียร์แต่ละขวด ใช้เวลาในการเป็นวุ้น ไม่เท่ากัน
ปล. ใส่เกลือมากเกินไป อาจทำให้เบียร์แข็งตัวเร็วมากจนขวดแตก แล้วจะอดกิน
ปล. สำหรับผู้ที่ยกกระดก ก่อนกินเบียร์วุ้นที่ทำจากวิธีที่ 2 โปรดตรวจสอบความเค็มของขวดด้วย
ปล. เบียร์ >> เป็นน้ำ >> เป็นวุ้น >> เป็นน้ำแข๋ง >> แตก >> อดกิน

หลักการของเกลือและน้ำแข็ง
เวลาเอาเกลือละลายน้ำ ถ้าจะให้เกลือละลายเร็วจะต้องใช้น้ำร้อน เพราะเกลือต้องการความร้อน สำหรับช่วยในการละลายตัวให้หมดโดยเร็ว
ดังนั้น เมื่อเอาเกลือใส่ลงไปในน้ำแข็ง เกลือที่ต้องการละลายตัว ไม่สามารถจะหาความร้อนที่ไหนมาช่วยละลายได้
จึงดึงความร้อนจากน้ำแข็งออกมา น้ำแข็งซึ่งเย็นอยู่แล้วจึงยิ่งเย็นลงไปอีก เข้าขั้นเย็นยิ่งยวด อุณหภฺมิ อาจติดลบได้ อยู่ที่ปริมาณของเกลือ
และน้ำในถังที่มีสภาพเป็นของเหลว จึงถูกดึงความร้อนออกไป ของเหลวในถังจึงเย็นลง
สรุปว่า เกลือไม่ได้ทำให้น้ำแข็งละลายช้า แต่จะทำให้น้ำแข็งเย็นจัดกว่าเดิมถึงขั้นอุณหภูมิติดลบ เลยมีผลถึงน้ำในกระติกจะเย็นจัดด้วย

แนะนำ
ในช่วงชีวิตของเบียร์ 1 ขวดนั้น............
มันจะสามารถเป็นเบียร์วุ้นได้ เพียงครั้งเดียว (ไม่ว่าจะเป็นวุ้นจากวิธีที่ 1 หรือ 2)
เมื่อกลายเป็น เบียร์วุ้นแล้ว จึงต้องรีบกินทันที เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้ มันจะไม่สามารถกลับไปเป็นเบียร์วุ้นได้อีกต่อไป

คลิปการทำเบียร์วุ้นโดย การเคาะ  (ขวดเคาะขวด)
http://www.youtube.com/watch?v=3qFXyEFMwBE&feature=player_embedd


การดื่มเบียร์ให้ได้รสชาติควรดื่มที่อุณหภูมิระหว่าง 8 - 12 c เพราะเป็นอุณหภูมิที่ทำให้ได้ลิ้มรสชาติเบียร์อย่างแท้จริง
แต่ในเมืองไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มเบียร์ที่เย็นจัดมาก ๆ โดยเฉพาะในประเทศแถบร้อนซึ่งความจริงแล้วการดื่มเบียร์ที่เย็นจัดมาก ๆ
แม้จะให้ความสดชื่นแต่จะไม่ได้รสชาติที่แท้จริงของเบียร์

การรินเบียร์ก็เป็นส่วนสำคัญมาก การรินเบียร์ต้องใช้แก้วที่สะอาดและเย็นจนมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะ
และส่วนที่สำคัญก่อนดื่มเบียร์เราควรจะเริ่มจากซอฟต์ดริ้งค์ก่อนเนื่องจากการรินเบียร์ทุกครั้ง
จะเกิดฟองเพราะแรงดันสูง

การรินเบียร์ที่ดีควรแบ่งออกเป็น 2 ช่วงคือ รินครั้งแรกประมาณ 3 ใน 4 ของแก้วเพื่อเก็บพื้นที่
ส่วนที่เหลือให้ฟองเบียร์ จากนั้นให้รอสักครู่จึงรินเบียร์เพิ่มเพื่อให้ฟองเบียร์ลอยขึ้นไปอยู่เหนือปากแก้ว
การดูเบียร์ที่มีคุณภาพให้ดูที่ฟองเบียร์ ฟองจะมีความสวยงาม รสขมเล็กน้อย
ซึ่งเราจะเห็นฟองเบียร์เล็ก ๆ ละเอียดอ่อนลอยอยู่สูงขึ้นมาประมาณ 4 เซนติเมตร
ลักษณะของฟองเบียร์ที่มีคุณภาพฟองจะไม่หมดหมดฟองไปง่าย ๆ แม้จะตั้งทิ้งไว้ก็ตาม

วิธีการดื่มเบียร์ ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ชนิดใดก็ตามแต่ สิ่งที่บอกได้ถึงคุณภาพของเบียร์
คือกลิ่น (Aroma) และรสชาติ (Flavour) การชิมเบียร์ไม่มีกรรมวิธีพิเศษยุ่งยากใด ๆ
และนี่คือ 4 ขั้นตอนหลักสำหรับการดื่มด่ำกับกลิ่นและรสชาติเบียร์สด

1.มองด้วยตา (LOOK)
เบียร์มีสีที่ต่างกันเนื่องจากมีความต่างของวัตถุดิบที่นำมาผลิต
แต่ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ชนิดใดเมื่อรินใส่แก้วจะมองเห็นความใสของเบียร์
และฟองเบียร์ต้องละเอียด เมื่อมองด้วยสายตาเราก็สามารถรู้ได้ถึงรสชาติของเบียร์นั้นได้ในระดับหนึ่งแล้ว

2.หมุนแก้วเบียร์ (SWIRL)
การหมุนวนแก้วเบียร์เพื่อให้ได้กลิ่นเบียร์ ให้วนเพียงเบา ๆ
จะช่วยให้เราได้กลิ่นหอมของดอกฮ็อปวัตถุดิบสำคัญตัวหนึ่งที่บ่งบอก
ได้ถึงคุณภาพและรสชาติของเบียร์ได้เป็นอย่างดี

3.สูดดมกลิ่น (SNIFF)
เรามักจะได้กลิ่นหอมของเบียร์สดที่มีลักษณะที่ดี เสมอไม่ว่าจะตั้งใจสูดดม
กลิ่นเบียร์ก่อนลิ้มรสชาติหรือไม่ก็ตามเนื่องจากลักษณะเฉพาะของเบียร์ที่มี
กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้เจริญอาหารอย่างที่สุด

4.จิบชิมลิ้มรส(SIP)
ขั้นตอนท้ายสุดของการชิมเบียร์กลิ่นและรสจะผสานไหลผ่านลิ้นและลำคอ
ของเราขณะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบปลายลิ้นจะได้ลิ้มรสชาติหอมหวานจากมอลต์
เป็นอันดับแรกตามมาด้วยความซาบซ่าจากรสชาติของวัตถุดิบหลักที่นำมาผลิตเบียร์