เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

อยากทราบข้อดี ข้อเสีย ของปืน ๓ ชนิด คือ 1)  m.16 a1   2)ak-47  3)hk33 ว่าป์นชนิดใดใช้งานในการทำสงครามได้ดีกว่ากัน และกระสุน  7.62ของak-47มีพลังงานเท่าไหร่ ให้อำนาจการสังหารดีกว่า5.56 หรือเปล่า  แล้วความแตกต่างของm.16 a1 กับ a2 ว่าต่างกันตรงไหนบ้างและสามารถดัดแปลงm16 a1ให้เป็นรุ่นa2ได้หรือไม่ รบกวนพี่ๆหน่อยครับ ผม นตท.๔๒ครับ

1  AK-47 ดีที่สุด  ปืนรุ่นใหม่ ๆ จะนิยมลอกแบบระบบลูกเลื่อนไปใช้
2 อำนาจสังหารของ.223 เหนือกว่า  แต่ 6.8 มม.รุ่นใหม่ของอเมริกัน น่าจะเหนือกว่ากระสุนทุกแบบในยุคนี้
3 ดัดแปลงไม่ได้ครับ   โครงปืนท่อนบนไม่เหมือนกัน
-  ศูนย์หน้าโตกว่า
-  ศูนย์หลังตั้งระยะ 300-800 ม.
- ปลอกลดแสง ไม่ปล่อยแกสลงด้านล่าง ฝุ่นหน้าปืนน้อยกว่า
- พานท้ายยาวขึ้น .25 นิ้ว  เป็นพลาสติคเนื้อนิ่ม กระทบกิ่งไม้ดังน้อยกว่า
- ลำกล้องหนาขึ้น ใช้เกลียว 1-7
- มีระบบเบิร์ส 3 นัด
- ประกับลำกล้องแบบกลม
- ใช้กระสุน หัว 62 เกรน

แสดงว่าปีนี้อยู่ชั้น 4............ไม่ทราบว่าอยู่เหล่าทัพไหนครับ :D

เอาเป็นว่า ตามที่เคยใช้มานะครับ.............

1.   M16A1 ..............ระบบปฏิบัติการแก๊ส  ความแม่นยำสูง ตัวปืน ไม่ค่อยแข็งแรงนัก โดยเฉพาะส่วนประกับลำกล้อง ซ้าย-ขวา และตัวพานท้ายที่ทำด้ว ไฟเบอร์กลาส................การถอดประกอบ ไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยาก มีชิ้นส่วนในส่วนโครงลูกเลื่อนเล็กๆหลายชิ้นต้องระวังหาย(กรณีถอดในสนาม)................เป็นปืนที่ไม่ถูกโรคกับฝุ่นทรายนัก ต้องดูแล ทำความสะอาดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะใส่ส่วนของลูกเลื่อน (ตัวลูกเบี้ยวขัดกลอน และหัวปะแจแก๊สส่วนบนตัวโครงลูกเลื่อนต้องสะอาด/หล่อลื่น)................ปืนรุ่นนี้ จะทำงานได้อย่างสมบูรณ์ แบบยิงติดต่อกันในเวลานาน(แบบติดพัน) จะต้องได้รับการดูแล ความสะอาดและหล่อลื่นจากผู้ใช้เป็นพิเศษ............ดังนั้น ผบ.หน่วยจะต้องกวดขันให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดูแลอาวุธให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ..........ผมเคยยิงปืนรุ่นนี้ ในจังหวะอัตโนมัติ ติดกัน สี่แม๊ก(120 นัด)...........ในแมีกที่สี่ เกิดการติดขัด แบบลูกเลื่อนไม่ถอย เพราะปืนร้อนจัด...............

2.   AK47 ...............ระบบปฏิบัติการแก๊ส ความแม่นยำพอใช้ได้ แข็งแรง ทนทาน ลักษณะทั่วๆไป หยาบ .............การถอดประกอบ ง่ายมากๆ มีชิ้นส่วนใหญ่ คือ โครงปืน ฝาครอบ แกนและสปริงรีคอย โครงลูกเลื่อน  ลูกเลื่อน และ หัวสวมท่อแก๊ส................เป็นปืนที่ได้รับการออกแบบใช้งานมานาน แต่เป็นแบบที่เรียกได้ว่า อมตะ ทันสมัยอยู่เสมอ................ส่วนเคลื่อนที่ของปืน ไม่ได้สัมผัสกันในลักษณะผิวเสียดสีผิว (แบบ M16 และ HK33) มากนัก แต่เป็นการเสียดสีกันระหว่างร่องลูกเลื่อนกับสันโครงปืน ทำให้มีช่องว่างในตัวปืนเยอะ............หากฝุ่นทรายเมื่แแทรกตัวเข้าไป ก็สามารถทำงานได้ดี ไม่มีติดขัด......................ผมเคยใช้ปืนรุ่นนี้ ทำงานในสนาม ประมาณ 5-6 ปี เป็นตัว AK47S (พับฐาน)............ในความรู้สึกส่วนตัว ชอบ แต่ไม่มากกว่า M16A1

3.   HK33 ..............ระบบปฏิบัติการรีคอย ความแม่นยำสูง หากได้รับการปรับตั้งศูนย์อย่างถูกต้อง............แข็งแรงทนทาน............การถอดประกอบ ดูจะวุ่นวายกว่า M16 และ AK47 .............ข้อเสียที่พบคือ การปรับศูนย์ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ เป็นไขควงที่ปลายด้ามต้องมีสลักตัวV ค สำหรับไขปรับศูนย์หลัง หากพลยิง ไม่มีเครื่องมือนี้ติดตัว จะไม่สามารถปรับศูนย์ปืนได้.............ด้วยความที่ใช้รีคอย หากปืนยิงมากๆ เขม่าจะจับที่ลูกเลื่อนจนหนามาก และถ้าไม่ทำความสะอาด (อย่างน้อยก้เช็ดๆลูกเลื่อนและหยอดน้ำมันหล่อลื่นเพิ่ม) การยิงจะติดขัดได้ง่าย...........

ปืนทั้งสามรุ่น ..........ผมว่าดีทั้งหมด อยู่ที่การใช้งานและการดูแลรักษาให้มีความพร้อมในการใช้งานครับ.........

เคยมีการยิงทดสอบกระสุนของ M16A1 กับ AK47 ให้กับทหารใหม่ดู เพื่อสร้างความมั่นใจในอาวุธที่ใช้...............ด้วยการ ใช้ แผ่นเหล็กขนาด 1/4 หุน 7 แผ่น ตั้งเรียงกัน ห่างกัน แผ่นละ 1 นิ้ว โดยมีกรอบไม้ยึดไว้กันการขยับตัว..............แล้วยิงด้วยปืนทั้งสองชนิด..........ผล จากแผ่นที่ 1 ไปจนถึงแผ่นที่ 7...........รูกระสุน 5.56 จะขยายใหญ่ไปเรื่อยๆ จนถึงแผ่นที่ 7 รูใหญ่กว่า 7.62 ประมาร 2-3 เท่า...........ในขณะที่รูกระสุน 7.62 มีขนาดเท่ากันทุกแผ่น..............

เรื่องพลังงานกระสุน ..........ไม่ทราบครับ (ไม่ได้เปิดตำรา)

M16A1 ต่างจาก A2 ..............คร่าวๆที่เป็นจุดใหญ่ๆนะครับ.............

A1 กระโจมมือ เป็นแบบแยกชิ้นซ้าย-ขวา ทำด้วยวัสดุที่ไม่ค่อยทนทานนัก.............A2 ฝาปะกับ ล่าง-บน ปรับปรุงให้มีลายกันลื่นทางขวางใหญ่ๆเพิ่มขึ้น ทำด้วยวัสดุที่ทนทาน สวยงามกว่า

A1 ยิงได้ในจังหวะ เซมิ และ อัตโนมัติเต็มตัว.....A2 ยิงได้ในจังหวะ เซมิ และ เบิรส 3 นัด

ศูนย์ปืนใน A2 มีการปรับปรุงให้ ปรับได้ด้วยมือ (ง่ายขึ้น) ในขณะที่ A1 ต้องให้หัวกระสุน ช่วยกด ในการเลื่อคลิก ปรับศูนย์

เกลียวในลำกล้อง A2 ครบวงรอบในระยะสั้นกว่า A1 มาก แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า A1 กับ A2 เกลียวครบรอบที่กี่นิ้ว............ด้วยเหตุนี้ กระสุน A1 กับ A2 จะนำมาใช้สลับกันไม่ได้.................A2 จะเป็นหัวกระสุนและจำนวนดินขับที่ต่างกันกับ A1 ทั้งๆที่เป็นขนาด 5.56 เท่ากัน

การแปลง A1 เป็น A2 แปลงไม่ได้ครับ..........เพราะเหมือนเปลี่ยนอะหลั่ยใหม่ทั้งกระบอกวุ่นวายไปหมด แล้วโครงปืนส่วนบนก็ไม่เหมือนกันครับ


 ;)ต่อท้ายพี่สุพินท์เลย ;)

ขอถามต่อเรื่องระยะหวังผล ของ
1)  m.16 a1  / m16 a2 / m16 a 4
 2)ak-47 
3)hk33
แต่ละตัวมีระยะหวังผลเท่ากันมั้ยครับ

M16 A1  กับ HK33  450 ม.
AK-47  350 ม.
M16 A2  800 ม.  เป้าหมายบุคคล 600 ม.

ขอถามต่อครับ แล้วถ้าเราเปลี่ยนเฉพาะลำกล้องโดยเอาของ A2 (หรือหาลำกล้องที่มีเกลียวที่เท่ากัน)มาใส่ A1 นี่ได้หรือเปล่าครับแล้วถ้าได้ก็หมายความว่าสามารถเพิ่มระยะหวังผลของปืนได้ด้วยหรือเปล่าครับ

เปลี่ยนลำกล้องมาใช้เกลียว 1-7 แล้วทำให้ยิงกระสุน SS109 หรือ M855 ได้ก็จริง  แต่ระบบศูนย์ก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี
ศูนย์ของ A1  ถ้าตั้งที่ 250 เมตร   ก็จะยิงได้ถึง 450 เมตร โดยเล็งเผื่อนิดหน่อย
แต่ศูนย์ของ A2  มีวงแหวนหมุนขึ้นศูนย์หลัง  300 ม.,  400 ม. ขึ้นไปจนถึง 800 ม. โดยไม่ต้องเล็งเผื่อ

งั้นก็แสดงว่าปัณหาอยู่ที่ศูนย์ เอ๋แล้วกองทัพไม่มีใครคิดประดิฐศูนย์ ให้ A1 สามารถเพิ่มระยะยิงได้โดยไม่ต้องเล็งเผื่อเลยหรือครับหรือว่าติดปัณหาเรืองลิขสิทธิ์....ถามวกไปวนมาหน่อยนะครับคือถ้าเราสามาถหาลำกล้อง มาเปลี่ยนแล้วคิดประดิฐศูนย์ใหม่นี่ก็ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อมาทั้งกระบอกอะครับน่าจะประหยัดกว่านะครับ

ซื้อใหม่แบบ G to G  ประหยัดที่สุดครับ
กองทัพสหรัฐ จะสั่งซื้อปืนครั้งละหลายล้านกระบอก  ส่งมอบ 10-12 ปี   ปรับราคาไปเรื่อย ๆ   ถ้าคุยภาษาดอกไม้กันได้ เขาจะคิดราคาเราในราคาที่เขาจ่ายในปีแรก ๆ   เช่นเมื่อปี 40  เราเคยซื้อได้กระบอกละหนึ่งหมื่นสามพันบาท (ถูกกว่าดัดแปลงปืน)  ราคาตลาดตอนนั้นคือห้าหมื่นบาท (ยกเว้นภาษีแล้ว)
แต่การซื้อแบบนี้  จนท.ไม่ค่อยชอบ  เพราะต้องไปติดต่อที่จัสแมก ถนนสาทร  ไม่มีพ่อค้ามาคอยเอาอกเอาใจถึงโต๊ะทำงาน  และไม่ได้เดินทางไปตรวจรับที่ต่างประเทศ  เพราะ ผช.ทูตทหารของเรา จะไปดูแลเอง

กระจ่างเลยครับงานนี่ สรุป ปัณหาเรืองปืนA2นี่เกิดจาก จน ท.บางคนแต่มีตำแหน่งใหญ่โต...เวณกรรมจริง ๆ

M16A1 แปลงเป็น A2 ได้โดยนำโครงปืน A2ตัวบน มาสวมได้เลย ลูกเลื่อน ( bolt & bolt carrier ) ตัวเดียวกันใช้ได้ โครงปืน A1 ต่างกับ A2 ตรงชุดลั่นไก A2 มีชุด brust เพิ่มขึ้นมาเท่านั้น  M4 ก็เหมือนกัน นำชุดบนของ M4 มาใส่ M16 A1 , A2 ได้ หรือนำชุดบนของ M16 A1,A2 ไปใส่ ตัวล่างของ M4 ได้ครับ

กระลุน 6.8 mm SPC ยังไม่เข้าประจำการเลยทีเดียวมีแต่ SF นำไปใช้ เพิ่งคุยกับ 75th  Ranger  Reg. member เมื่อสามอาทิตย์ก่อน พวก Ranger เองก็ยังไม่ได้ใช้เลย
โครงปืนชุดบนที่ยิงด้วย 6.8 mm SPC นำไปสวม A1 , A2 , M4 ได้เลยแต่ต้องใช้ magazine ของลูก 6.8 mm  โดยเฉพาะ( แม็กของ M16 ใช้ได้แต่ไม่ 100 % และใส่ลูกได้น้อยลง  )  ยังมีอีกขนาดนึงที่กำลังมาแรงตือ 6.5 grendel ตัวนี้ใช้แม็กตัวเก่าได้เลย

Additional  information : M4  has  flat  top  upper  receiver  and  the  carry  handle  can  be  removed  to  attach  other  types  of  sights  or  other  aiming  devices .

http://www.impactguns.com/store/les_ar_matched_lower_set.html
http://www.impactguns.com/store/armalite_ar15_lower.html
http://www.bushmaster.com/shopping/uppers/
http://www.model1sales.com/
http://www.olyarms.com/tretail.html

เรียน พี่มะขิ่น ผมเป็นนักเรียนนายเรือครับ  และขออนุญาตถามต่ออีกหน่อย อยากให้ช่วยเปรียบเทียบระหว่างM4 , XM177 และHK G36เกี่ยวกับประสิทธิภาพการทำงาน ความน่าเชื่อถือและ ระยะหวังผล เจ้าG36นี่กองทัพเรือได้บรรจุเข้าประจำการมาสักพักแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสซักที ส่วนมากจับแต่m16เวลาฝึกภาคทะเล ก็ใช้ปืนใหญ่เรือ เลยยังไม่ค่อยได้จับปืนเล็กเท่าไหร่

ขออนุญาติตอบ เริ่มแรกเดิมทีปืน M16 สั้นจะเรียกว่า XM117E1เป็นระหัสเรียก M16 สั้นรุ่นแรกสมัยสงครามเวียตนาม  ดูได้ง่ายๆคือลำกล้อง 11 นิ้วแล้วปลอกลดแสงยาว 5 นิ้วพานท้ายยืดหดได้ ( collapsible stock ) ตัวพานท้ายรุ่นนั้นจะเป็น อลูมินั่ม ศูนย์หน้าหลังเป็นแบบ A1  ภายหลังพัฒนามาเป็น XM117E2/CAR15
CAR-15 (XM177E2)
Date Of Introduction:  1968 
Cartridge:  223 Remington (5.56x45mm NATO) 
Ammunition Capacity:  20 & 30 round box magazines 
Barrel Length:  254mm (89mm long flash suppressor) 
Overall Lemgth:  71.10cm (Retracted) / 78.70cm (Extended) 
Type Of Fire:  Selective: Semiautomatic & Fully Automatic 
Rate Of Fire:  50 rpm (SS) / 150 rpm (FA) 
Rate Of Fire (Cyclic):  750 round per minute 
Effective Range:  200 Meters 
Maximum Range:  2320 Meters 
Weight:  3.254 kg
M4 Carbine เป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก XM117E2 แรกๆจะเรียกว่า M16 Commando ซึ่งสพานศูนย์หลังถอดไม่ได้ ศูนย์หน้าหลังเป็นแบบ M16A2 , M4 รุ่นหลังๆสพานศูนย์หลังถอดเพื่อที่จะได้ติดศูนย์เล็งหรือ laser และไฟฉายได้ จะเรียกว่า SOPMOD นำมาใช้โดย US SOCOM
US Colt M4 carbine
Technical Summary Caliber:  5.56 mm
Firearm action:  gas-actuated locking bolt
Barrel Length:  11.5 in (290 mm)
Overall Length:  30 in (760 mm)
Effective Range:  1,968 ft (600 m)
Magazine:  30 round, box
Cyclic ROF:  700 to 1000 rounds/min
Muzzle velocity:  2611 ft/s (796 m/s)
Weight (unloaded):  5.38 lb (2.44 kg)
Weight (loaded):  6.38 lb (2.89 kg)
ข้อแตกต่างของ M4 Carbine กับ XM117E1,E2 , CAR15 ดูได้ง่ายคือ XM117/ CAR15 สพานศูนย์หลังถอดไม่ได้และเป็นแบบ A1 , M4 รุ่นแรกสพานศูนย์หลังถอดไม่ได้ ศูนย์เป็นแบบ A2 ระบบลั่นไกเป็น semi- 3 rds brust , M4 รุ่นหลัง สพานศูนย์หลังถอดได้ระบบลั่นไก semi-full auto ( ยังมีรุ่นที่ยิงแบบ semi- 3rds brust -full auto ด้วย) แม้แต่ทหารรุ่นหลังๆก็ยังเรียกผิดได้เพราะไม่รู้จักข้อแตกต่าง ผมใช้ CAR15 อยู่

ปืน H&K G36 ผมไม่เคยใช้แต่จากที่ได้ยินมาว่าดีกว่า M4 และเหมาะกับทหารเรือหรือ Navy Spec Op เพราะโครงปืนและชิ้นส่วนเป็น Polymer หลายชิ้น ปืนตัวนี้ได้นำระบบของ AK47 , FN FAL ,SIG 550 , M16 มารวมกัน

 พอดีต้องใช้ข้อมูลทำรายงาน เลยถามละเอียดและยืดยาว ขอบคุณพี่usp40และท่านอื่นๆมากๆครับ

 :Dดีใจที่เดี๋ยวนี้นนร.มีความสนใจในเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์มากขึ้น ตอนนี้ก็ทำการแทนพี่ๆชั้นห้าแล้วหล่ะสิ  ;D ดูแลน้องๆในโรงเรียนให้ขยันหมั่นเพียรเล่าเรียนศึกษาให้มากๆนะ  ;)
ฝึกภาคทะเลเราจะเน้นหนักในเรื่องความเป็นชาวเรือ การเดินเรือ การปฏิบัติการทางเรือสาขาต่างๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเป็นนายทหารสัญญาบัตรชั้น ก. ฝึกภาคกลางช่วงก.พ.และภาคปลายส.ค.(ภาคสุดท้ายที่ออสเตรเลีย) ก็ตั้งใจให้ดีนะ ;)

ท่านอื่นๆให้ข้อมูลไปแล้วนะครับ..................ผมมันแค่ ทหารราบบ้านนอกเท่านั้น ปืนใหม่ๆก็ไม่ได้จับ เพราะเขาซื้อเปลี่ยนกันตอนผมเลิกเดินดงแล้ว

G36 ..............ทบ.เห็นยังน้ำลายไหลเลยครับ ;D

ผมมองต่างมุมว่า   ถ้า HK G36 ดีจริง   ทำไม HK ถึงได้ทำ HK M4 ออกมา   ทั้งแบบเต็มตัว  และแบบครึ่งตัว (ท่อนบน) ให้เอาไปใส่กับปืนในตระกูล M16 ได้

พ.อ.ยอดชัย  ฯ เพื่อนผมเอง อดีต ผบ.จทบ.ปัตตานี  เขียนโครงการพัฒนา HK-33 มาใช้ระบบแกส  ได้รับอนุมัติในระดับกระทรวงแล้ว  กะว่ารอให้เพื่อนหายชีช้ำที่ถูกย้าย 2 อาทิตย์ 3 คำสั่ง   แล้วจะศึกษาโครงการมาเล่าให้ฟัง

...บรรยากาศพี่ๆ น้องๆ อบอุ่นดีครับ  ;)

...ดูภาพการฝึกเสริมสร้างบรรยากาศหน่อย

(http://www.navy.mi.th/sctr/navyinfo/11/nvi11166/pic2p3.jpg)

ผมว่าอาจจะเน้นเอาไว้ขายพวกเมกันที่ติดทรวดทรงเดิมๆ น่ะครับ เอาไปตีตลาด AR 15 พวก Bush Maste Rock หรือ River Arms ?? ::)

ขอถามต่ออีกครับ ผมเคยเห็นหน่วยรบบางหน่วยใช้ปืนm16ที่มีลักษณะคล้ายกับm4แต่สังเกตว่าสูญหลังปรับไม่ได้และยิงเบิร์สไม่ได้อยากทราบว่าปืนตัวนี้เป็นm16a1ที่ถูกนำมาดัดแปลงตัดลำกล้องแล้วทำพานท้ายแบบยืดหดได้มาใส่ หรือเปล่าครับ

ปืนM4 ยิง เบริส ไม่ได้นะครับ..........เป็น เซ-มิออโต กับ ฟูลออโต เท่านั้น

M4 รุ่นแรกๆ คือ XM177 ครับ................

ตัวนี้หรือป่าวครับ ถ้าใช่ก็คือ Colt CAR15 / XM117  ครับ ไม่ใช่ M16 ตัดลำกล้องครับทำแบบนั้นไม่คุ้มแน่ๆครับเพราะถ้าตัดลำกล้องก็ต้องเลื่อนศูนย์หน้าต้องเจาะรูแก๊สใหม่ต้องเลื่อนฝาครอบประกับมือต้องทำเกลียวสำหรับปลอกลดแสงใหม่ไม่คุ้มครับ หาลำกล้องของ CAR15/ Xm117 มาใส่ยังจะง่ายกว่าครับ

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ตัวที่ เสธ.แดง ถือถ่ายปกหนังสือคมเสธ.แดง2และ3 น่ะครับใช่xm117หรือเปล่าครับ

ไม่ทราบครับไม่เคยเห็นหนังสือเพราะไม่ได้อยู่เมืองไทยครับ

ขอบคุณพี่usp40มากครับ