หัวข้อ: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2012, 09:33:49 PM ขอถามหน่อยครับ คือ ผมดูข่าวพลทหารเมาแล้วกร่างอ้างว่าเป็นทหารยศสูง จอดรถขว้างหน้าแล้วลงมาหาเรื่องแถมตบหน้าตั้ง 2-3 ที
สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมเกิดบันดาลโทสะแล้วยิงเขาตายจะผิดมั้ยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: sak เมืองแป้ ที่ ธันวาคม 13, 2012, 09:40:28 PM ผิดแน่นอน
แล้วสรยุทธ ก็จะว่าเป็นพวกป่าเถืื่อน ปืนมีเยอะ สมควรยึดคืน 555 หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: man-go ที่ ธันวาคม 13, 2012, 09:43:06 PM ผมก็ว่า มันก็น่าโดนนะครับ เสียชื่อหมด
แล้วไอ้ที่ขับรถส่ายไปมาเนี่ย จะไปชนชาวบ้านเขา เขาบีบแตรใส่ก็ถูกของเขาแล้ว เลวเลยครับ คนแบบนี้ ปล.มันยังมีอีกมากมายครับ คนเลวๆ อย่างนี้ หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2012, 09:45:39 PM บอกตามตรงนะครับ ถ้าเป็นผมโดนด่าขนาดนั้นแถมโดนตบอีก ผมยิงจริงๆ ด้วย
http://world.kapook.com/pin/50c9391538217ad46a000000 หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ ธันวาคม 13, 2012, 10:05:41 PM ผิดแน่นอน แล้วสรยุทธ ก็จะว่าเป็นพวกป่าเถืื่อน ปืนมีเยอะ สมควรยึดคืน 555 +108 ครับพี่ศักดิ์ ::002:: ;D หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 13, 2012, 10:21:36 PM ยิงเพราะโดนตบ กับยิง"ก่อน"โดนตบ, สงสัยหนังคนละเรื่องครับ... ถ้ายิงก่อน ก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่ยิงก่อน ก็คงไม่ใช่แค่โดนตบ, แล้วหากผู้หญิงไปคนเดียว+ยิงนัดเดียว(โดนจัง - ก็ระยะแค่นั้น)ขณะโดนกระชากเปิดประตูรถฯสงสัยจะสู้คดีง่ายกว่าสาเหตุที่ยิงก็เพราะ"โดนตบ"ครับ...
หากยิง"ก่อนโดนตบ"ใครจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะแค่โดนตบ... สาเหตุที่ยิง ก็เพราะกลัวโดนอย่างอื่นที่หนักกว่าแค่โดนตบไง... ว่าแมะ... หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Teang-รัก-Gun-ไว้- ที่ ธันวาคม 13, 2012, 10:24:51 PM ดูแล้วอารมณ์มันก็ขึ้น อยู่เหมือนกันนะครับ -*- พูดยาก ครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: hare ที่ ธันวาคม 13, 2012, 10:32:46 PM รบกวน จขกท. แก้คำผิดที่ชื่อกระทู้ด้วยครับ ผมดูข่าวล่าสุดมอบตัวแล้วครับ ;D
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ANKIMBER ที่ ธันวาคม 13, 2012, 11:02:08 PM เรามีปืนหนึ่งในเหตุผลก็คือเรื่องแบบนี้
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 13, 2012, 11:22:29 PM ได้ดูคลิปยังเกิดโทสะ ::004::
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ ธันวาคม 13, 2012, 11:36:16 PM ผมว่า มันก็น่ายิงนะครับ แต่ผมก็เห็นด้วยกับคุณ sak เพราะถ้ายิงไป ผิดแน่ครับ ลำบากเลยแหละ เปลี่ยนฐานะจากผู้เสียหายที่ถูกทำร้าย เป็นผู้ต้องหาฐานฆ่าคนตาย หรือพยายามฆ่า โดยบันดาลโทสะ ไปถึงศาล ๆอาจยกเหตุบันดาลโทสะ มาเป็นเหตุบรรเทาโทษได้เล็กน้อย แต่ไม่ทำให้พ้นโทษครับ เพราะเป็นเพียงเหตุที่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยการกระทำนั้นยังเป็นความผิดอยู่ แตกต่างกับการป้องกันตัวโดยชอบซึ่งไม่เป็นความผิดเลย ฉะนั้น ถ้าคู่กรณีไม่มีอาวุธที่จะทำให้ถึงตายได้ อย่ายิงครับ ขอบอก
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: s.somsak ที่ ธันวาคม 13, 2012, 11:54:04 PM ยิงเพราะโดนตบ กับยิง"ก่อน"โดนตบ, สงสัยหนังคนละเรื่องครับ... ถ้ายิงก่อน ก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่ยิงก่อน ก็คงไม่ใช่แค่โดนตบ, แล้วหากผู้หญิงไปคนเดียว+ยิงนัดเดียว(โดนจัง - ก็ระยะแค่นั้น)ขณะโดนกระชากเปิดประตูรถฯสงสัยจะสู้คดีง่ายกว่า สาเหตุที่ยิงก็เพราะ"โดนตบ"ครับ... ผมสงสัยว่ามันทำแบบนี้รู้ได้ยังไงว่าในรถไม่ใช่คนสู้คน หรือมันทำไปเพราะแค่เมาขาดสติ ยิงคนขาดสติศาลจะเข้าข้างเรามั้ยครับหากยิง"ก่อนโดนตบ"ใครจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะแค่โดนตบ... สาเหตุที่ยิง ก็เพราะกลัวโดนอย่างอื่นที่หนักกว่าแค่โดนตบไง... ว่าแมะ... หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:02:33 AM ถ้าเป็นคนเมาขาดสติ ผมว่า มือเปล่าน่าจะพอสู้ได้นะครับ และเราอ้างป้องกันตัวได้อย่างเต็มที่ ไม่เป็นความผิดด้วยครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:13:23 AM รบกวน จขกท. แก้คำผิดที่ชื่อกระทู้ด้วยครับ ผมดูข่าวล่าสุดมอบตัวแล้วครับ ;D ครับขอบคุณครับ ข่าวนี้ผมว่าจะไม่ดูแล้วนะครับผ่านตามาหลายรอบก็เลยอดใจไม่ไหวก็เลยเปิดดูครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพาระบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:18:01 AM ยิงเพราะโดนตบ กับยิง"ก่อน"โดนตบ, สงสัยหนังคนละเรื่องครับ... ถ้ายิงก่อน ก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่ยิงก่อน ก็คงไม่ใช่แค่โดนตบ, แล้วหากผู้หญิงไปคนเดียว+ยิงนัดเดียว(โดนจัง - ก็ระยะแค่นั้น)ขณะโดนกระชากเปิดประตูรถฯสงสัยจะสู้คดีง่ายกว่า สาเหตุที่ยิงก็เพราะ"โดนตบ"ครับ... หากยิง"ก่อนโดนตบ"ใครจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะแค่โดนตบ... สาเหตุที่ยิง ก็เพราะกลัวโดนอย่างอื่นที่หนักกว่าแค่โดนตบไง... ว่าแมะ... ขอบคุณครับ คุณนายสมชาย(ฮา) ได้ข้อคิดอีกแบบนึง สำหรับผมถ้าได้ทำลงไปแล้วไม่ว่าผลจะเกิด และจบยังไง สุดท้ายก็คงฮาไม่ออกครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: oneholeshot - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:51:03 AM ยิงเพราะบันดาลโทสะยังไงก็ผิดครับ แต่โทษไม่หนักเท่ายิงโดยเจตนาฆ่าและไตร่ตรองไว้ก่อนครับ ::014::
ปล. ชายชาติทหารตบหน้าผู้หญิงไม่มีทางสู้ดูแล้วน่าอดสูครับ ::004:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต ที่ ธันวาคม 14, 2012, 07:20:43 AM ใครยิงใครครับ
ถ้าเราถูกกระทำเราป้องกันตัวได้ครับ จะสมควรแก่เหตุหรือว่าเกินกว่าเหตุเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถ้าเป็นผมไม่ต้องมาถึงรถหรอกครับ มีถ้าทีประสงค์ร้ายแบบนี้แจกแล้ว1เม็ด เรามีปืนไว้ป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: "¥"Roosters"¥" ที่ ธันวาคม 14, 2012, 07:56:40 AM ชายชาติทหาร ::004:: ต้องเอาคลิปไปให้ผู้บังคับบัญชาดูครับ รับรองโดนเพื่อนๆ ทหารทำต้มยำคอมแบทให้กินครับ :<<เหตุเพราะทำให้อับอาย ::008::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: sohnthaya ที่ ธันวาคม 14, 2012, 08:01:18 AM แต่หน้ามันกวน...จริงๆ เก่งแต่กับผู้หญิง หากเป็นลูกผู้ชายจริงไม่ว่าจะโกรธเพราะเหตุอะไรแต่เปิดประตูรถแล้วเห็นเป็นผู้หญิงก็น่าจะพอแค่นั้น ...ลูกผู้ชายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: nick357 "รักในหลวง" ที่ ธันวาคม 14, 2012, 08:45:37 AM ครูสอนยิงปืนสอนว่า ผมมีใบอนุญาตพกปืน ไม่ได้หมายความว่ามีใบอนุญาตฆ่าคน......
ในเหตุการณ์นี้ไม่มีคนตายเพราะไม่มีปืน.... ยิงมันตายชีวิตก็เปลี่ยน... หลุดคุกมาได้ก็นอนไม่หลับไปอีกนาน... หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 14, 2012, 08:50:35 AM ยิงเพราะโดนตบ กับยิง"ก่อน"โดนตบ, สงสัยหนังคนละเรื่องครับ... ถ้ายิงก่อน ก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่ยิงก่อน ก็คงไม่ใช่แค่โดนตบ, แล้วหากผู้หญิงไปคนเดียว+ยิงนัดเดียว(โดนจัง - ก็ระยะแค่นั้น)ขณะโดนกระชากเปิดประตูรถฯสงสัยจะสู้คดีง่ายกว่า สาเหตุที่ยิงก็เพราะ"โดนตบ"ครับ... ผมสงสัยว่ามันทำแบบนี้รู้ได้ยังไงว่าในรถไม่ใช่คนสู้คน หรือมันทำไปเพราะแค่เมาขาดสติ ยิงคนขาดสติศาลจะเข้าข้างเรามั้ยครับหากยิง"ก่อนโดนตบ"ใครจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะแค่โดนตบ... สาเหตุที่ยิง ก็เพราะกลัวโดนอย่างอื่นที่หนักกว่าแค่โดนตบไง... ว่าแมะ... ตามข่าวบอกว่าเปิดฝากระโปรงท้ายรถก่อนเดินมาเปิดประตูรถผู้หญิงครับ(นายสมชายยังไม่ได้ดูคลิปว่าเห็นหยิบของบ้างไหม)... หากเป็นตามนี้ก็คาดว่ามันโง่ครับ เพราะมันคิดว่าคนอื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นมันมีปืน... ยิงคนขาดสติเพราะเมาเหล้าที่ดื่มเองไม่ได้โดนบังคับจับกรอก จะยิ่งเป็นคุณแก่คนยิงครับ... โดยเฉพาะคนยิงเป็นผู้หญิง เป็นเหตุเฉพาะหน้า หลีกเลี่ยงไม่ได้(ถนนบนสะพานลอยมีแค่ 2 เลนเลี่ยงไม่ได้เมื่อโดนปาดหน้า)... หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TUI 48 ที่ ธันวาคม 14, 2012, 09:40:12 AM น้องผู้หญิงคนนั้นน่าจะกระชากประตูปิดให้เต็มแรงขณะที่มือเจ้าหมอนั่นเกาะอยู่ที่ขอบประตู
ถึงตอนนั้นมันอาจจะวิ่งไปหยิบปืนที่ท้ายรถ...ตอนนี้แหละเหมาะที่สุด...พุ่งชนก๊อบปี้มันคาท้ายรถนั่นแหละ... กรณีนี้ ถ้าหากเป็นผมนะ...ไม่รู้ว่าป่านนี้ผมจะได้ประกันตัวออกมารึยัง หุ หุ.. หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: T1 ที่ ธันวาคม 14, 2012, 09:55:30 AM เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายโดนชายฉกรรจ์ขับรถปาดหน้าในยามวิกาล เดินลงรถ เปิดท้ายรถ
ทำให้เข้าใจว่าอาจหยิบอาวุธติดมือมา อน่างน้อยอาจจะเป็นแป๊ปเหล็กหรือท่อนไม้ แถมชายคนนี้ก็มีท่าทีประสงค์ทำร้าย หากยิงไปอาจเป็นการป้องกันตัวได้ มีเหตุนึงเกิดเมื่อสองปีที่แล้วถนนวรจักรกลาง กทม. วันรุ่นล้อมรถยนต์กลางถนนตอนสี่ทุ่มกว่า จากเหตุไม่พอใจที่บีบแตรใส่วัยรุ่นเจ้าถิ่นที่กำลังข้ามถนน เรียกพวกล้อม หัวโจกเอาอิฐปูทางเท้าทุบกระจกด้านคนขับ จะลากคนขับออกมาให้ได้ คนขับไม่ออก เจอทุบด้วยอิฐชุดใหญ่ ผมขับรถมากับภรรยาและลูกเต็มรถ ได้แต่ขับผ่านไป ไทยมุงเพียบ แต่ไม่มีใครกล้าช่วย เพราะด้วยว่าวัยรุ่นเจ้าถิ่น เหตุวิวาทกลางคืนยิ่งกับพวกที่กร่างด้วยแล้ว บรรยากาศหน้ากลัวครับ ผลอกกมาไม่มีเสมอแน่ ออกมาจะมีแต่ เจ็บเบา เจ็บหนัก ตาย แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละท่านครับ หากยิง ไม่ใช่เพื่อบันดาลโทสะแน่ แต่เพื่อป้องกันตัว ซึ่งจะใช้เมื่อเจียนตัวจริงๆ สำหรับผมยังอยากเห็นหน้าลูกเมียอยู่ครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: koaod ที่ ธันวาคม 14, 2012, 10:52:38 AM ตามข่าวเห็นบอกว่าจะมอบตัว
ข้อสังเกตุ - ทหารคนนี้กระทำต่อผู้หญิงคนนี้ไปแล้ว พอเป็นข่าวก็จะออกมาขอโทษ ขอขมา และมอบตัว ลองคิดเล่นๆนะครับ ถ้าทหารเขาทำเกินกว่าตบ ที่ร้ายแรงกว่านี้ละ ผู้หญิงคนนั้นก็สมควรที่จะป้องกันตัว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แล้วก็ออกมาขอโทษได้เหมือนกัน ก็แค่บอกว่า หนูตกใจ เขาทำร้ายหนู หนูเลยยิงไปหนึ่งนัดไม่รู้ว่าโดนหรือเปล่า แล้วขับรถไปแจ้งความ ถ้าเป็นแฟนผม ผมจะบอกว่าทำดีแล้ว หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: juicymanz ที่ ธันวาคม 14, 2012, 11:25:26 AM เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายโดนชายฉกรรจ์ขับรถปาดหน้าในยามวิกาล เดินลงรถ เปิดท้ายรถ ทำให้เข้าใจว่าอาจหยิบอาวุธติดมือมา อน่างน้อยอาจจะเป็นแป๊ปเหล็กหรือท่อนไม้ แถมชายคนนี้ก็มีท่าทีประสงค์ทำร้าย หากยิงไปอาจเป็นการป้องกันตัวได้ หนักใจแทนครับ สภาพสังคมไทย มีเหตุนึงเกิดเมื่อสองปีที่แล้วถนนวรจักรกลาง กทม. วันรุ่นล้อมรถยนต์กลางถนนตอนสี่ทุ่มกว่า จากเหตุไม่พอใจที่บีบแตรใส่วัยรุ่นเจ้าถิ่นที่กำลังข้ามถนน เรียกพวกล้อม หัวโจกเอาอิฐปูทางเท้าทุบกระจกด้านคนขับ จะลากคนขับออกมาให้ได้ คนขับไม่ออก เจอทุบด้วยอิฐชุดใหญ่ ผมขับรถมากับภรรยาและลูกเต็มรถ ได้แต่ขับผ่านไป ไทยมุงเพียบ แต่ไม่มีใครกล้าช่วย เพราะด้วยว่าวัยรุ่นเจ้าถิ่น เหตุวิวาทกลางคืนยิ่งกับพวกที่กร่างด้วยแล้ว บรรยากาศหน้ากลัวครับ ผลอกกมาไม่มีเสมอแน่ ออกมาจะมีแต่ เจ็บเบา เจ็บหนัก ตาย แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละท่านครับ หากยิง ไม่ใช่เพื่อบันดาลโทสะแน่ แต่เพื่อป้องกันตัว ซึ่งจะใช้เมื่อเจียนตัวจริงๆ สำหรับผมยังอยากเห็นหน้าลูกเมียอยู่ครับ เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายโดนชายฉกรรจ์ขับรถปาดหน้าในยามวิกาล เดินลงรถ เปิดท้ายรถ ทำให้เข้าใจว่าอาจหยิบอาวุธติดมือมา อน่างน้อยอาจจะเป็นแป๊ปเหล็กหรือท่อนไม้ แถมชายคนนี้ก็มีท่าทีประสงค์ทำร้าย หากยิงไปอาจเป็นการป้องกันตัวได้ มีเหตุนึงเกิดเมื่อสองปีที่แล้วถนนวรจักรกลาง กทม. วันรุ่นล้อมรถยนต์กลางถนนตอนสี่ทุ่มกว่า จากเหตุไม่พอใจที่บีบแตรใส่วัยรุ่นเจ้าถิ่นที่กำลังข้ามถนน เรียกพวกล้อม หัวโจกเอาอิฐปูทางเท้าทุบกระจกด้านคนขับ จะลากคนขับออกมาให้ได้ คนขับไม่ออก เจอทุบด้วยอิฐชุดใหญ่ ผมขับรถมากับภรรยาและลูกเต็มรถ ได้แต่ขับผ่านไป ไทยมุงเพียบ แต่ไม่มีใครกล้าช่วย เพราะด้วยว่าวัยรุ่นเจ้าถิ่น เหตุวิวาทกลางคืนยิ่งกับพวกที่กร่างด้วยแล้ว บรรยากาศหน้ากลัวครับ ผลอกกมาไม่มีเสมอแน่ ออกมาจะมีแต่ เจ็บเบา เจ็บหนัก ตาย แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละท่านครับ หากยิง ไม่ใช่เพื่อบันดาลโทสะแน่ แต่เพื่อป้องกันตัว ซึ่งจะใช้เมื่อเจียนตัวจริงๆ สำหรับผมยังอยากเห็นหน้าลูกเมียอยู่ครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ta_pop ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:03:03 PM ครูสอนยิงปืนสอนว่า ผมมีใบอนุญาตพกปืน ไม่ได้หมายความว่ามีใบอนุญาตฆ่าคน...... ในเหตุการณ์นี้ไม่มีคนตายเพราะไม่มีปืน.... ยิงมันตายชีวิตก็เปลี่ยน... หลุดคุกมาได้ก็นอนไม่หลับไปอีกนาน... เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายโดนชายฉกรรจ์ขับรถปาดหน้าในยามวิกาล เดินลงรถ เปิดท้ายรถ ทำให้เข้าใจว่าอาจหยิบอาวุธติดมือมา อน่างน้อยอาจจะเป็นแป๊ปเหล็กหรือท่อนไม้ แถมชายคนนี้ก็มีท่าทีประสงค์ทำร้าย หากยิงไปอาจเป็นการป้องกันตัวได้ มีเหตุนึงเกิดเมื่อสองปีที่แล้วถนนวรจักรกลาง กทม. วันรุ่นล้อมรถยนต์กลางถนนตอนสี่ทุ่มกว่า จากเหตุไม่พอใจที่บีบแตรใส่วัยรุ่นเจ้าถิ่นที่กำลังข้ามถนน เรียกพวกล้อม หัวโจกเอาอิฐปูทางเท้าทุบกระจกด้านคนขับ จะลากคนขับออกมาให้ได้ คนขับไม่ออก เจอทุบด้วยอิฐชุดใหญ่ ผมขับรถมากับภรรยาและลูกเต็มรถ ได้แต่ขับผ่านไป ไทยมุงเพียบ แต่ไม่มีใครกล้าช่วย เพราะด้วยว่าวัยรุ่นเจ้าถิ่น เหตุวิวาทกลางคืนยิ่งกับพวกที่กร่างด้วยแล้ว บรรยากาศหน้ากลัวครับ ผลอกกมาไม่มีเสมอแน่ ออกมาจะมีแต่ เจ็บเบา เจ็บหนัก ตาย แล้วแต่การตัดสินใจของแต่ละท่านครับ หากยิง ไม่ใช่เพื่อบันดาลโทสะแน่ แต่เพื่อป้องกันตัว ซึ่งจะใช้เมื่อเจียนตัวจริงๆ สำหรับผมยังอยากเห็นหน้าลูกเมียอยู่ครับ เห็นด้วยตามนี้ครับ ทุกคนที่ผิดพลาดในเรื่องนี้ ถ้าถามว่าย้อยเวลากลับ ไปได้จะยิงหรือเปล่า น้อยคนมากที่จะยิง และส่วนมากอยู่ซังเตเพราะบันดาลโทสะ ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:37:21 PM ... และส่วนมากอยู่ซังเตเพราะบันดาลโทสะ ::014:: ที่ติดคุกนั่นไม่ใช่เพราะบันดาลโทสะครับ แต่ฆ่าคนโดยเจตนา พยามยามฆ่า หรือฆ่าโดยประมาท แล้วอ้างบันดาลโทสะ แต่ฟังไม่ขึ้นครับ... จะอ้างบันดาลโทสะไม่ใช่ว่าโมโหขึ้นมาก็อ้างบันดาลโทสะกันง่ายๆ มันมีเงื่อนไขอยู่ด้วยครับ... ตามลิ้งก์ข้างล่าง... ลิ้งก์นี่ครับ(ท่านทนายสิงห์กลิ้ง ของเว็บเรานั่นแหละ)... http://www.nangkatik-club.com/smf/index.php?topic=3992.0 หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: tirayus ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:38:54 PM ติดคุกแน่นอนครับ ::010:: ::010:: ::010:: ::010::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 14, 2012, 12:44:13 PM แต่ถ้าไม่ใช่บันดาลโทสะ ก็ต้องเข้าเงื่อนไขป้องกันตัว ม.67 - 68 ครับ... แล้วก็ไม่ใช่ว่าเข้าเงื่อนไขแล้วจะหลุดตารางได้ง่ายๆ เพราะข้อเท็จจริงข้างถนนกับข้อเท็จจริงบนศาลนั่นอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็แล้วแต่เงื่อนไขหลายอย่างตั้งแต่พยานหลักฐาน พยานบุคคล และเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงจบคดี...
นอกจากเรื่องทรัพย์ที่ต้องเตรียมสู้คดีด้วยแล้ว, ก็ต้องเตรียมรับวิบากกรรมความลำบากอันเนื่องจากคดีจะรอนแรมกว่าจะจบ 3 ศาล ใช้เวลาประมาณ 6 - 7 ปี ... จบคดีแล้วก็มีประวัติอาชญากรติดตัวไปจนตาย ถึงแม้ประวัติจะบอกว่าไม่ผิด แต่ก็หางานหาการยากกว่าเดิมครับ... หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: YIMTHANOM ที่ ธันวาคม 14, 2012, 01:16:19 PM ขออย่าให้ชาวเวปอาวุธปืนเจอคนอย่างไอ้นี่เลยครับ...... จะตายแล้วยังเสือกดึงเราไปติดคุกด้วยอีก หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 14, 2012, 01:33:23 PM แต่ถ้าไม่ใช่บันดาลโทสะ ก็ต้องเข้าเงื่อนไขป้องกันตัว ม.67 - 68 ครับ... แล้วก็ไม่ใช่ว่าเข้าเงื่อนไขแล้วจะหลุดตารางได้ง่ายๆ เพราะข้อเท็จจริงข้างถนนกับข้อเท็จจริงบนศาลนั่นอาจเหมือนกันหรือแตกต่างกันก็แล้วแต่เงื่อนไขหลายอย่างตั้งแต่พยานหลักฐาน พยานบุคคล และเจ้าหน้าที่หรือผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงจบคดี... ใช่เลยครับ ผมเป็นหนึ่งในผู้โชคดีที่หลุดคุกหลุดตารางมาได้โดยเข้าเงื่อนไขป้องกันตัว ทุกวันนี้ผมจะซื้อปืนแต่ละทีก็ลำบากรอ ป.3 นานกว่าชาวบ้าน ถึงแม้ว่าประวัติจะบอกว่าไม่ผิด ขนาดเรื่องยังไม่ได้ขึ้นศาลพิจารณานะครับ เพราะคดีดังกล่าวสิ้นสุดในชั้นสถานีเนื่องจากพนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง นอกจากเรื่องทรัพย์ที่ต้องเตรียมสู้คดีด้วยแล้ว, ก็ต้องเตรียมรับวิบากกรรมความลำบากอันเนื่องจากคดีจะรอนแรมกว่าจะจบ 3 ศาล ใช้เวลาประมาณ 6 - 7 ปี ... จบคดีแล้วก็มีประวัติอาชญากรติดตัวไปจนตาย ถึงแม้ประวัติจะบอกว่าไม่ผิด แต่ก็หางานหาการยากกว่าเดิมครับ... ฉะนั้น.. ถ้าเกิดเรื่องทำนองนี้ หนีได้ก็หนีเลี่ยงได้ก็เลี่ยงแต่ถ้าพยายามเลี่ยงแล้วแต่มันเสี่ยงที่จะสูญเสียชีวิตของเราและครอบครัว ถ้ามีปืนอยู่กับตัวก็ยิงมันไปเถอะครับ ชีวิตเราและครอบครัวสำคัญกว่าปัญหาที่จะตามมา ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผิด-ถูกอย่างไรขออภัยด้วยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ ธันวาคม 14, 2012, 01:43:44 PM ตามที่คุณสมชายกล่าวครับ คดีอาวุธปืนทำร้ายกัน เสียเงินเสียเวลาขึ้นโรงขึ้นศาลกันเหนื่อยครับ
หากเขาไม่มีอาวุธก็ไม่ควรจะยิงหรือชักอาวุธปืนให้เขาเห็นครับ เพราะผู้หญิงฝ่ายเขาเป็นพยานได้ ล๊อกประตูทุบได้ทุบไปรถมีประกัน กล้องมีถ่ายไว้เรียกค่าเสียหายคืนภายหลังดีกว่า หากทนไม่ได้หรือมันเขี้ยวก็ขอเลือกลงไปอัดกับมันดีกว่าใช้อาวุธปืนครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: กรรมกร ที่ ธันวาคม 14, 2012, 02:27:43 PM เรื่องแบบนี้ คงไม่มีคำตอบตายตัว ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร 1 -2 -3
ว่ากันไปตามเหตุการณ์ครับ มีสติ และอดทนให้มากที่สุด นอกจากนี้แล้ว ก็กรรมใครกรรมมันล่ะครับ ::009:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 03:21:18 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒
"ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ ธันวาคม 14, 2012, 03:25:18 PM คนส่วนใหญ่ไม่เคยเป็นคดีความ ไม่เคยขึ้นศาลคงจะคิดเป็นเรื่องง่ายๆที่จะไปแก้ตัวในศาล เป็นพยานแค่คดีทำร้ายร่างกายกันธรรมดาๆ ยังถูกเรียกไปสอบปากคำไม่รู้กี่รอบ. :) ::014::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TUI 48 ที่ ธันวาคม 14, 2012, 03:56:32 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ ขอบคุณมากครับ ขออนุญาตบวก 2471"ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: c.tong - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 04:20:52 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ "ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ขอบคุณคุณ โร้ด มากเลยครับ งั้นต้องยิงขู่เอาไว้ก่อนแล้วกัน หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 04:30:58 PM อยากบอกข้อเท็จริง ไว้นิดนึง
กรณีคนเมาสุุรา นั้น จะไร้สติสัมปชัญญะไปด้วย แต่ถ้าคนนั้นมีพื้นฐาน แบบคนกร่าง เค้าจะมีความบ้า ที่จะทำความผิดมากยิ่งขึ้น อย่างคนขาดสติ ความบ้า นี้ จะมองว่าเป็นความกล้ากระทำผิด อย่างคนขาดสตติ คนมีอาการเช่นนี้ มันสู้เราที่มีสติสมบูรรณ์ ไม่ได้หรอก สิ่งที่ควรกระทำคือถอยหออกห่าง อย่าเข้าไปใกล้ อย่าให้มันเข้ามาใกล้เรา แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ และเค้ามีอาวุธ จะทำอันตรายเรา คงเลี่ยงไม่ได้ และเหตุที่เค้าเมา เค้าจะอ้างว่า ขาดเจตานาในการกระทำผิด มาล่วงละเมิดเราไม่ได้ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 14, 2012, 04:44:41 PM ขอบพระคุณพี่ Ro@d คัดท้ายกระทู้ครับ... เย้...
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: MYvit ที่ ธันวาคม 14, 2012, 05:30:55 PM ขอถามหน่อยครับ คือ ผมดูข่าวพลทหารเมาแล้วกร่างอ้างว่าเป็นทหารยศสูง จอดรถขว้างหน้าแล้วลงมาหาเรื่องแถมตบหน้าตั้ง 2-3 ที ใจเย็นๆ ถ้ายิงในตอนนั้น คุกแน่ๆ ถ้าเหลือ อดทนจริงๆ ตามหาบ้านดีกว่า สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมเกิดบันดาลโทสะแล้วยิงเขาตายจะผิดมั้ยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ ธันวาคม 14, 2012, 05:43:53 PM ขอถามหน่อยครับ คือ ผมดูข่าวพลทหารเมาแล้วกร่างอ้างว่าเป็นทหารยศสูง จอดรถขว้างหน้าแล้วลงมาหาเรื่องแถมตบหน้าตั้ง 2-3 ที ใจเย็นๆ ถ้ายิงในตอนนั้น คุกแน่ๆ ถ้าเหลือ อดทนจริงๆ ตามหาบ้านดีกว่า สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมเกิดบันดาลโทสะแล้วยิงเขาตายจะผิดมั้ยครับ อันนั้นเรียกว่า ตามไปหาเรื่องหรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 14, 2012, 06:03:04 PM คนส่วนใหญ่ไม่เคยเป็นคดีความ ไม่เคยขึ้นศาลคงจะคิดเป็นเรื่องง่ายๆที่จะไปแก้ตัวในศาล เป็นพยานแค่คดีทำร้ายร่างกายกันธรรมดาๆ ยังถูกเรียกไปสอบปากคำไม่รู้กี่รอบ. :) ::014:: ใช่ครับ คนที่ไม่เคยเป็นคดีพวกนี้อาจจะคิดง่ายๆว่า มันทำเราก่อน เราก็ทำมันคืนก็คือป้องกันตัว ผมล่ะรู้ซึ้งเลยกับการรู้สึกกังวลวิตกจริตในคดีข้อหาทำร้ายร่างกายและฆ่าผู้อื่น ต้องไปมาโรงพักและไปตรวจว่าบ้าหรือไม่บ้าตรวจสารพัด วุ่นวายมาก ใช้ชีวิตไม่ปกติไปช่วงนึงเลย กลัวติดคุก กลัวว่าแก๊งค์เพื่อนผู้ตายจะมาแก้แค้นบ้าง ระวังตัวอยู่ไม่เป็นสุข ที่ไม่กลัวอย่างเดียวคือ ไม่กลัวผี :OO และหลังจากเรื่องคดีจบลง ยังมีความรู้สึกว่าเป็นคนวิตกจริตไปไหนคนเดียวในที่เปลี่ยวที่มืด ระแวงพวกวัยรุ่นเกะกะเกเรเวลาเดินผ่าน เป็นมาระยะหนึ่งหลายปีอยู่ครับ ปัจจุบันก็ไม่วิตกจริตอะไรแล้วแต่ก็ยังมีระแวงๆเวลาไปไหนที่เปลี่ยวๆอยู่บ้างบางครั้งหัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ooaaha ที่ ธันวาคม 14, 2012, 06:55:51 PM ขอ +ให้ท่าน Ro@d ด้วยครับ 2746
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 07:01:57 PM ขอบคุณที่ + แต้มให้ ทอนคืนให้ทุกท่านแล้ว ครับ. :D
กรณี จากข่าว พลฯ ที่ก่อเรื่องมามอบตัว และไหว้ขออภัย ยอมรับผิด ความรู้สึกไม่ดี คงต้องจบลงไปด้วย ต้องปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบส่วนตัวตามกฎหมาย เหลือไว้เป็น บทเรียน คอยเตือนเพื่อเป็นแนวทาง ต่อไป. :D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: boilerman ที่ ธันวาคม 14, 2012, 07:05:00 PM เครื่องช๊อตไฟฟ้าเหมาะกับงานนี้เลยครับ
ช๊อตเข้าไปตรงจู๋มันเลย ถึงศาลท่านสั่งลงโทษก็ไม่น่าจะถึงกับติดคุก รับสารภาพเสียตั้งแต่แรก ผมซื้อไว้แล้วจากเว็บนี้ เผลอตำรวจไม่ทำคดีเสียด้วยซ้ำ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: thotsaporn ที่ ธันวาคม 14, 2012, 07:45:43 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ +ให้ท่าน Ro@d 1 แต้มครับ สำหรับความรู้และวิธีการคิดและตีความแบบกฏหมาย ที่ไม่ใช่แบบใช้ความรู้สึก"ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ANKIMBER ที่ ธันวาคม 14, 2012, 08:59:37 PM ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2012, 09:08:12 PM ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่ ด้วยการยิงขึ้นฟ้า ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ ;D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Jery ที่ ธันวาคม 14, 2012, 09:23:35 PM เเปลกนะ ตบหัวเเล้วด่าว่าคุณสัส ยังไม่เข้าบันดาลโทสะ ::010::
เเถวบ้านผมเเค่มองหน้าก็คงโดนเเล้ว หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 15, 2012, 10:58:40 AM เเปลกนะ ตบหัวเเล้วด่าว่าคุณสัส ยังไม่เข้าบันดาลโทสะ ::010:: เเถวบ้านผมเเค่มองหน้าก็คงโดนเเล้ว อย่างนั้นเขาเรียกว่าจิ๊กโก๋ขี้โมโหครับ ไม่ใช่บันดาลโทสะ เพราะคำว่า"บันดาลโทสะ"เป็นถ้อยคำทางกฎหมาย แต่คนทั่วไปไม่รู้ก็จำเอามาใช้แบบผิดความหมาย(ด้วยความไม่รู้)ไงครับ... แบบเดียวกับคำว่า"ประเคน"หมายถึงถวายของให้พระ... แต่จิ๊กโก๋มันไม่รู้เรื่อง มันขี้โหฯ(ฮา) ก็ประเคนเปรี้ยงใส่มันมั่งซิครับ รับรองจุกแน่ เพราะโดน"ประเคน"(อันนี้ความหมายประชดประชัน)เข้าให้ด้วยลูกหัวบอล 230 เกรนความเร็วต้น 830 ฟุต/วินาที... จ๊ากซ์... หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ครูต้น (Orchid) - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2012, 06:19:32 PM +ให้พี่ Ro@d - รักในหลวง ครับ
ผมมีข้อสงสัยครับพี่ Ro@d กรณีเรายิงขู่ แทนที่คู่กรณีจะถอย แต่กลับหันไปหยิบอาวุธปืนมายิงใส่เรา เราก็โดนยิงสวนแย่สิครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: บ่าวสกลคนโก้ ที่ ธันวาคม 15, 2012, 06:40:39 PM กลับเข้าเว็บอีกในรอบ 1 ปีกว่า ก็มีความรู้ดีๆเก็บไว้ในเมมโมรี่อีกเช่นเคย ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต ที่ ธันวาคม 15, 2012, 07:08:14 PM ลอกเขามา
หลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย ๑. มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น เมื่อท่านทำผิดกฎหมายและตำรวจจะเข้ามาจับท่าน ท่านจะอ้างว่ามีภยันตรายเกิดขึ้น และขอป้องกันด้วยการกระทืบตำรวจที่มาจับไม่ได้ หรือท่านไปหาเรื่องทำร้ายชกต่อยคนอื่นเขา พอเข้าเกิดฮึดสู้ขึ้นมาเอาคืนบ้าง ท่านก็เลยถือโอกาสว่ามีภยันตรายเกิดขึ้นแล้ว เลยใส่สารพัด (ทั้งบาจา ไนกี้ คอมแบท ฯลฯ) แล้วอ้างว่าที่ยำ…เอ้ย..ทำไปเพราะป้องกันตนเองจากการฮึดสู้ของมัน อย่างนี้ ไม่ได้เลยนะครับ…ท่านจะมีสิทธิป้องกันก็ต่อเมื่อภยันตรายที่เกิดนั้น ท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น และเป็นภยันตรายจากการกระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำเช่นนั้นต่อท่านได้ ….เอ้า…ดูกรณีตัวอย่างจากคำพิพากษาฎีกาสักเล็กน้อย คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๖๑/๒๕๒๘ น. ๖๗๔ การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้า ต่อสู้ทำร้ายกันหากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันมิได้ เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันเสียแล้ว ๒. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง เช่น ท่านถูกจี้ชิงทรัพย์บนสะพานลอยแสนเปลี่ยวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แถวนั้น ท่านย่อมสามารถป้องกันตนเอง(ป้องกันตัว)ได้ แต่ถ้าท่านกำลังเดิน ๆ อยู่ เห็นคนไม่น่าไว้ใจเดินสวนมา คิดในใจว่าเขาต้องมาจี้เอาทรัพย์จากท่านแน่ ๆ ท่านเลยเข้าไปตื้บเขาเสียก่อน เช่นนี้ ท่านจะอ้างป้องกันตนไม่ได้ เพราะแม้เขาจะมีเจตนามาชิงทรัพย์ท่านจริง ๆ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรท่านเลยแค่เดินอยู่เฉย ๆ จึงถือว่าภยันตรายนั้นยังไม่ใกล้จะถึง ท่านควรรีบแจ้งตำรวจให้จับเขาแทนที่จะลงมือเสียเอง หรือเขาชิงทรัพย์ไปจากท่านแล้ว หนีไปจนพ้นกลับไปกินข้าวกับเมียแล้ว ท่านจะติดตามไปเจอ ท่านก็ต้องเรียกตำรวจจับ จะจัดการเสียเอง โดยอ้างป้องกันไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะภัยตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีกเช่นกัน ๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน ให้พ้นจากภยันตรายนั้น อันนี้ ไม่ยากอะไร เมื่อมีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายกันใกล้จะถึงดังที่กล่าวตามข้อ ๑ และ ๒ แล้ว ท่านก็สามารถป้องกันตนเองได้ ตามแต่สถานการณ์ อันนี้ผู้เขียนสอนไม่ได้ ท่านผู้อ่านต้องหาความรู้เอาเอง จากบรรดาครูมวยต่าง ๆ หรือจะใช้เครื่องทุ่นแรงก็ได้ไม่ว่ากัน จะเป็นมีด ไม้หน้าสาม สเปรย์พริกไทย หรือสากกะเบือ ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันดังกล่าวต้องทำไปพอสมควรแก่เหตุ อย่างไรจะถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามมาดูข้อ ๔… ๔. การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ ก็คือ แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้ แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้ จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น ท่านกำลังเดินอยู่บนสะพานลอย มีคนขี้ยาคนหนึ่งเอามีดมาจี้เอวท่าน ขู่เข็ญให้ท่านส่งทรัพย์ให้ โอเค…ตามกรณีนี้ท่านมีสิทธิป้องกันตนเองได้ เพราะมีภยันตรายอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย เป็นภยันตรายที่กระชั้นชิดแล้ว เอาละครับ ! ตอนนี้ท่านมีสิทธิที่จะใส่มันได้อย่างเต็มที่เลย ตุ่บ…. พลั่ก….พลั่ก…โป๊ก…โป๊ก…เอ๋ง…หลังจากที่ท่านใส่มันจนหมอบแทบเท้าท่านแล้ว อย่า ! ซ้ำเป็นอันขาด เพราะทันทีที่ไอ้เลวนั่น มันหมอบหรือหนีไปแล้ว ถือว่าภยันตรายนั้น ได้ผ่านไปแล้ว ท่านต้องเรียกตำรวจมาดำเนินการต่อ มิฉะนั้น การป้องกันของท่านจะกลายเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จนท่านอาจต้องเข้าไปอยู่ในตะรางเป็นเพื่อนมันก็ได้ ( หากท่านตื้บซ้ำจนมันตาย แม้ท่านจะคิดว่าไอ้....นี่มันสมควรตายก็ตาม ท่านจงเก็บความแค้นนั้นไว้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับมัน อะ..มิต…ตะ…พุดดดด…. เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะโยม) อาจมีบางท่านสงสัยว่า กรณีที่ท่านไม่เป็นมวย แต่มีเครื่องทุ่นแรง ท่านจะใช้มันได้ขนาดไหนเพียงไรนั้น เรื่องนี้ มีทฤษฎีที่สำคัญ 2 ทฤษฎีคือ 1. ทฤษฎีส่วนสั.. คือต้องพิจารณาว่าอันตรายที่จะพึงเกิดขึ้นถ้าหากจะไม่ป้องกัน จะได้ส่วนสั..กับอันตรายที่ผู้กระทำได้กระทำเนื่องจากการป้องกันนั้นหรือไม่ เช่น มีคนมาตบหน้าท่าน ท่านจะใช้มีดแทงเขาตายไม่ได้ เพราะความเจ็บเนื่องจากการถูกตบหน้า เมื่อมาเทียบกับความตายแล้ว ไม่ได้ส่วนสั..กัน ดังนั้น การเอามีดแทงเขาตายนี้ เป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ผู้กระทำไม่มีอำนาจกระทำได้ 2. ทฤษฎีวีถีทางน้อยที่สุด ตามทฤษฎีนี้ถือว่าถ้าผู้กระทำได้ใช้วิถีทางน้อยที่สุดที่จะทำให้เกิดอันตราย ก็ถือว่าผู้กระทำได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว เช่น ก. เป็นง่อยไปไหนไม่ได้ ข. จึงเขกศรีษะ ก. เล่นโดยเห็นว่า ก. ไม่มีทางกระทำตอบแทนได้เลย นาย ก. ห้ามปรามเท่าใด ข. ก็ไม่เชื่อฟัง ถ้าการที่ ก. จะป้องกันมิให้ ข. เขกศรีษะทีวิธีเดียวคือใช้มีดแทง ข. ต้องถือว่าการที่ ก. ใช้มีดแทงนี้เป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เพราะเป็นวิถีทางน้อยที่สุดที่จะป้องกันได้ แล้วท่านอาจสงสัยว่า ความเห็นตามทฤษฎีที่ไม่ตรงกันนี้ ท่านควรยึดถือตาม ทฤษฎีไหน ผู้เขียนขอตอบว่า ไม่รู้…แล้วแต่ดวงละกัน…เพราะผู้เขียนไม่อาจไปรู้ใจศาลท่านได้ว่าท่านจะยึดตามทฤษฎีไหน การพิจารณาว่าการกระทำแค่ไหนเป็นการสมควรแก่เหตุนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลท่าน ผู้เขียนบอกได้แต่เพียงว่า อย่า !!! ซ้ำ อย่า !!! ทำ เพราะความโกรธแค้น รับรองว่าศาลท่านปราณีแน่นอน แต่ถ้าท่านพลั้งมือเล่นมันหนักเกินไป หรือเผลอซ้ำไปแล้วล่ะ ทำไงดี อันนี้ผู้เขียนก็ แนะนำได้แต่เพียงว่าถ้าที่ท่านทำไปนั้น ปราศจากความแค้นส่วนตัว แต่เป็นการพลั้งมือ การกระทำของท่านย่อมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่าใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้น เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น ตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามแม้ท่านผู้อ่านจะมีสิทธิป้องกันตนเองก็ตาม ผู้เขียนก็เห็นว่ากรณีที่ ควรป้องกันก็คือท่านอยู่ในฐานะเป็นต่อไอ้พวกมารสังคมอย่างมากชนิด เซียนมวยให้ ๑ ต่อ ๑๐ เช่น มันมามือเปล่า ท่านมีมีด หรือมันมีมีด ท่านมีปืน มันมีคนเดียวสองเท้า ท่านมี ๕ คน ๑๐ เท้า จึงอาจน่าจะเสี่ยงป้องกันดู หากไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านอย่าฝืนป้องกัน ให้ยอม ๆ ไปเถอะ ทรัพย์สินนอกกายหาใหม่ได้ แต่แขนขาของท่าน ถ้าขาดหายไปหรือโดนเสียบจนพรุนแล้ว คงหาใหม่ได้ยาก ขอขอบคุณ ข้อมูลการ ป้องกันตัว จาก "สภาทนายความ" หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2012, 07:11:25 PM +ให้พี่ Ro@d - รักในหลวง ครับ ผมมีข้อสงสัยครับพี่ Ro@d กรณีเรายิงขู่ แทนที่คู่กรณีจะถอย แต่กลับหันไปหยิบอาวุธปืนมายิงใส่เรา เราก็โดนยิงสวนแย่สิครับ กรณี ตามกระทู้ เราเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องก่อน และอาการของ คู่กรณีฝ่ายที่ก่อเหตุ อาจทำร้ายเราได้ เพื่อยับยั้งไม่ให้ เขาก่อเหตุร้ายกับเรา เรายิงปืนเพื่อขู่ หรือขับไล่ เหตุอันเกิดจากเขากำลังจะก่อ เราไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องวิวาท และเขาจะอยู่ในสายตาเราตลอดเวลา.. เมื่อเขานำอาวุธปืนออกมา พฤติการณ์ พอห้เข้าใจได้ว่า เพื่อหวังจะใช้อ่าวุธปืน ยิงประทุษร้ายเราแล้ว อันเป็นภยันตราย ที่ใกล้จะถึง เรามีสิทธิยิงเพื่อป้องกันตัว ตาม อ.อาญา ม.๖๘ กลับกัน มีคดีเกิดขึ้นจริง เมื่อสัก ๑๕ ปี +/- ขับรถสวนทางในซอแคบ ไม่ยอมหลีกทางให้กัน ดร. ยิง ๔๕ ขึ้นฟ้าขู่ ร.ต.อ.กลับไปหยิบ .๓๕๗ มายิงใส่ แบบนี้ ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ใช่การป้องกันตัว เพราะ ดร. แสดงอาวุธปืนด้วยการยิงขึ้นฟ้า ก็เพื่อขู่ไม่ให้อีกฝ่ายก้าวร้าวต่อ ไม่ใช่เจตนาที่จะยิงทำร้ายจนถึงชีวิต ไม่ใช้ภันตรายที่ใกล้จะถึง เมื่อ ร.ต.อ.ใช้ ปืนยิงใส่จนตาย จึงไม่ใช่การป้องกันตัว เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา :~) หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ ธันวาคม 15, 2012, 07:17:33 PM ดู ๆ ไปชักมาเมื่อไหร่เรื่องราวในชีวิตก็จะวุ่นวายมากขึ้น ๆ ::004::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: storm_54321 ที่ ธันวาคม 15, 2012, 07:26:11 PM ขอบคุณ พี่ Ro@d ครับ
คนเรามีปืนแล้วควรใจเย็นให้มากๆด้วยครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TA881 ที่ ธันวาคม 15, 2012, 08:11:40 PM ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่ ด้วยการยิงขึ้นฟ้า ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ ;D เรายิงลงพื้นหรือกำแพง ได้หรือไม่ครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 15, 2012, 08:45:54 PM ขอถามบ้างนะครับ... ท่าน Ro@d
หลังจากยิงขู่ขึ้นฟ้า ถ้าอีกฝ่ายไปแจ้งความว่าเราพยายามฆ่า ก็สู้กันไปตามเรื่องราวพยานหลักฐาน แต่ที่สงสัยก็คือทางฝ่ายที่ยิงขู่ขึ้นฟ้านั้นจะโดนข้อหาพกพาและยิงปืนในที่สาธารณะพ่วงไปด้วยหรือไม่ครับ? หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: juicymanz ที่ ธันวาคม 15, 2012, 10:04:14 PM ลอกเขามา . +15 ครับ อ่านจบกระจ่างเพิ่มขึ้นครับหลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย ๑. มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น เมื่อท่านทำผิดกฎหมายและตำรวจจะเข้ามาจับท่าน ท่านจะอ้างว่ามีภยันตรายเกิดขึ้น และขอป้องกันด้วยการกระทืบตำรวจที่มาจับไม่ได้ หรือท่านไปหาเรื่องทำร้ายชกต่อยคนอื่นเขา พอเข้าเกิดฮึดสู้ขึ้นมาเอาคืนบ้าง ท่านก็เลยถือโอกาสว่ามีภยันตรายเกิดขึ้นแล้ว เลยใส่สารพัด (ทั้งบาจา ไนกี้ คอมแบท ฯลฯ) แล้วอ้างว่าที่ยำ เอ้ย..ทำไปเพราะป้องกันตนเองจากการฮึดสู้ของมัน อย่างนี้ ไม่ได้เลยนะครับ ท่านจะมีสิทธิป้องกันก็ต่อเมื่อภยันตรายที่เกิดนั้น ท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น และเป็นภยันตรายจากการกระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำเช่นนั้นต่อท่านได้ .เอ้า ดูกรณีตัวอย่างจากคำพิพากษาฎีกาสักเล็กน้อย คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๖๑/๒๕๒๘ น. ๖๗๔ การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้า ต่อสู้ทำร้ายกันหากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันมิได้ เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันเสียแล้ว ๒. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง เช่น ท่านถูกจี้ชิงทรัพย์บนสะพานลอยแสนเปลี่ยวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แถวนั้น ท่านย่อมสามารถป้องกันตนเอง(ป้องกันตัว)ได้ แต่ถ้าท่านกำลังเดิน ๆ อยู่ เห็นคนไม่น่าไว้ใจเดินสวนมา คิดในใจว่าเขาต้องมาจี้เอาทรัพย์จากท่านแน่ ๆ ท่านเลยเข้าไปตื้บเขาเสียก่อน เช่นนี้ ท่านจะอ้างป้องกันตนไม่ได้ เพราะแม้เขาจะมีเจตนามาชิงทรัพย์ท่านจริง ๆ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรท่านเลยแค่เดินอยู่เฉย ๆ จึงถือว่าภยันตรายนั้นยังไม่ใกล้จะถึง ท่านควรรีบแจ้งตำรวจให้จับเขาแทนที่จะลงมือเสียเอง หรือเขาชิงทรัพย์ไปจากท่านแล้ว หนีไปจนพ้นกลับไปกินข้าวกับเมียแล้ว ท่านจะติดตามไปเจอ ท่านก็ต้องเรียกตำรวจจับ จะจัดการเสียเอง โดยอ้างป้องกันไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะภัยตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีกเช่นกัน ๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน ให้พ้นจากภยันตรายนั้น อันนี้ ไม่ยากอะไร เมื่อมีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายกันใกล้จะถึงดังที่กล่าวตามข้อ ๑ และ ๒ แล้ว ท่านก็สามารถป้องกันตนเองได้ ตามแต่สถานการณ์ อันนี้ผู้เขียนสอนไม่ได้ ท่านผู้อ่านต้องหาความรู้เอาเอง จากบรรดาครูมวยต่าง ๆ หรือจะใช้เครื่องทุ่นแรงก็ได้ไม่ว่ากัน จะเป็นมีด ไม้หน้าสาม สเปรย์พริกไทย หรือสากกะเบือ ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันดังกล่าวต้องทำไปพอสมควรแก่เหตุ อย่างไรจะถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามมาดูข้อ ๔ ๔. การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ ก็คือ แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้ แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้ จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น ท่านกำลังเดินอยู่บนสะพานลอย มีคนขี้ยาคนหนึ่งเอามีดมาจี้เอวท่าน ขู่เข็ญให้ท่านส่งทรัพย์ให้ โอเค ตามกรณีนี้ท่านมีสิทธิป้องกันตนเองได้ เพราะมีภยันตรายอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย เป็นภยันตรายที่กระชั้นชิดแล้ว เอาละครับ ! ตอนนี้ท่านมีสิทธิที่จะใส่มันได้อย่างเต็มที่เลย ตุ่บ . พลั่ก .พลั่ก โป๊ก โป๊ก เอ๋ง หลังจากที่ท่านใส่มันจนหมอบแทบเท้าท่านแล้ว อย่า ! ซ้ำเป็นอันขาด เพราะทันทีที่ไอ้เลวนั่น มันหมอบหรือหนีไปแล้ว ถือว่าภยันตรายนั้น ได้ผ่านไปแล้ว ท่านต้องเรียกตำรวจมาดำเนินการต่อ มิฉะนั้น การป้องกันของท่านจะกลายเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จนท่านอาจต้องเข้าไปอยู่ในตะรางเป็นเพื่อนมันก็ได้ ( หากท่านตื้บซ้ำจนมันตาย แม้ท่านจะคิดว่าไอ้....นี่มันสมควรตายก็ตาม ท่านจงเก็บความแค้นนั้นไว้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับมัน อะ..มิต ตะ พุดดดด . เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะโยม) อาจมีบางท่านสงสัยว่า กรณีที่ท่านไม่เป็นมวย แต่มีเครื่องทุ่นแรง ท่านจะใช้มันได้ขนาดไหนเพียงไรนั้น เรื่องนี้ มีทฤษฎีที่สำคัญ 2 ทฤษฎีคือ 1. ทฤษฎีส่วนสั.. คือต้องพิจารณาว่าอันตรายที่จะพึงเกิดขึ้นถ้าหากจะไม่ป้องกัน จะได้ส่วนสั..กับอันตรายที่ผู้กระทำได้กระทำเนื่องจากการป้องกันนั้นหรือไม่ เช่น มีคนมาตบหน้าท่าน ท่านจะใช้มีดแทงเขาตายไม่ได้ เพราะความเจ็บเนื่องจากการถูกตบหน้า เมื่อมาเทียบกับความตายแล้ว ไม่ได้ส่วนสั..กัน ดังนั้น การเอามีดแทงเขาตายนี้ เป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ผู้กระทำไม่มีอำนาจกระทำได้ 2. ทฤษฎีวีถีทางน้อยที่สุด ตามทฤษฎีนี้ถือว่าถ้าผู้กระทำได้ใช้วิถีทางน้อยที่สุดที่จะทำให้เกิดอันตราย ก็ถือว่าผู้กระทำได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว เช่น ก. เป็นง่อยไปไหนไม่ได้ ข. จึงเขกศรีษะ ก. เล่นโดยเห็นว่า ก. ไม่มีทางกระทำตอบแทนได้เลย นาย ก. ห้ามปรามเท่าใด ข. ก็ไม่เชื่อฟัง ถ้าการที่ ก. จะป้องกันมิให้ ข. เขกศรีษะทีวิธีเดียวคือใช้มีดแทง ข. ต้องถือว่าการที่ ก. ใช้มีดแทงนี้เป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เพราะเป็นวิถีทางน้อยที่สุดที่จะป้องกันได้ แล้วท่านอาจสงสัยว่า ความเห็นตามทฤษฎีที่ไม่ตรงกันนี้ ท่านควรยึดถือตาม ทฤษฎีไหน ผู้เขียนขอตอบว่า ไม่รู้ แล้วแต่ดวงละกัน เพราะผู้เขียนไม่อาจไปรู้ใจศาลท่านได้ว่าท่านจะยึดตามทฤษฎีไหน การพิจารณาว่าการกระทำแค่ไหนเป็นการสมควรแก่เหตุนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลท่าน ผู้เขียนบอกได้แต่เพียงว่า อย่า !!! ซ้ำ อย่า !!! ทำ เพราะความโกรธแค้น รับรองว่าศาลท่านปราณีแน่นอน แต่ถ้าท่านพลั้งมือเล่นมันหนักเกินไป หรือเผลอซ้ำไปแล้วล่ะ ทำไงดี อันนี้ผู้เขียนก็ แนะนำได้แต่เพียงว่าถ้าที่ท่านทำไปนั้น ปราศจากความแค้นส่วนตัว แต่เป็นการพลั้งมือ การกระทำของท่านย่อมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่าใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้น เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น ตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามแม้ท่านผู้อ่านจะมีสิทธิป้องกันตนเองก็ตาม ผู้เขียนก็เห็นว่ากรณีที่ ควรป้องกันก็คือท่านอยู่ในฐานะเป็นต่อไอ้พวกมารสังคมอย่างมากชนิด เซียนมวยให้ ๑ ต่อ ๑๐ เช่น มันมามือเปล่า ท่านมีมีด หรือมันมีมีด ท่านมีปืน มันมีคนเดียวสองเท้า ท่านมี ๕ คน ๑๐ เท้า จึงอาจน่าจะเสี่ยงป้องกันดู หากไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านอย่าฝืนป้องกัน ให้ยอม ๆ ไปเถอะ ทรัพย์สินนอกกายหาใหม่ได้ แต่แขนขาของท่าน ถ้าขาดหายไปหรือโดนเสียบจนพรุนแล้ว คงหาใหม่ได้ยาก ขอขอบคุณ ข้อมูลการ ป้องกันตัว จาก "สภาทนายความ" หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2012, 10:37:06 PM ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่ ด้วยการยิงขึ้นฟ้า ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ ;D เรายิงลงพื้นหรือกำแพง ได้หรือไม่ครับ การยิงปืนขึ้นฟ้า ขอให้ยิง ในแนว ๙๐ องศา เราไม่ได้ยิงเล่น แต่หากมีความจำเป็น ก็ต้องยิง ครับ อยากจะให้ยิงลงพื้น เหมือนกัน พื้นคอนกรีต กระสุนอาจแฉลบ แต่ถ้ายิงได้ จะได้หลักฐานอย่างดี ทั้งนี้ ขอให้ดูพฤติการณ์ ของคู่กรณีให้ดี อย่างกรณีตามกระทู้ มาเบียดปิดทางอย่างนี้ ปรกติคนดี ถ้าไม่ใช่อันธพาล จะไมทำกัน อัดอั้นอย่างมากก็ตะโกน ด่าให้ตัวเองได้ยิน หรือชูนิ้วอวด ก็น่าจะจบแล้ว ครับ :D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: yai13 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 12:12:15 AM ถ้าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนผมเจอคุณเธอแจกลูกตะกั่วแน่นอนครับแถมแม่นอย่าบอกใคร
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 12:23:36 AM มีแก็สพริกไท อยู่ ๑ กระป๋อง เก็บไว้เฉย ๆ นานแล้ว เปลี่ยนมาไว้ข้างประตู ดีกว่าเผื่อได้ใช้. ::008::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ธันวาคม 16, 2012, 02:37:41 AM ปืนแค่ชักชีวิตก็เปลี่บนแล้วครับ อะไรที่ยอมได้ก็ยอมไปเถอะ หนีได้ก็หนี ขึ้นศาลไม่สนุกนะครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ ที่ ธันวาคม 16, 2012, 02:38:29 AM ใช้ปัญญานำหน้าปืนเสมอครับ อะไรหนีได้เลี่ยงได้ควรทำ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: สาละวิน_รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 07:41:25 AM เดือนก่อนมีรถตกน้ำมี4คน ช่วยสร้างชื่อเสียง
เดือนนี้ไอ้ผีตัวนี้ ช่วยทำลายชื่อเสียง มันมาแก้ทางคนดีไวจริง หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: mana3706 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 08:04:07 AM ผิดแน่นอน ผมเบื่อหน้าพิธีกรข่าวคนนี้มาก เรื่องตัวเองยังไม่เคลียร์เลย ด่าคนอื่นงี้คล่องแล้วสรยุทธ ก็จะว่าเป็นพวกป่าเถืื่อน ปืนมีเยอะ สมควรยึดคืน 555 หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: airbus 320 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 08:30:34 AM ดูจากคลิปแล้วเปิดท้ายรถรอด้วย ไม่รู้มีอะไรอยู่บ้าง เวลานั้นเกือยเที่ยงคืนแล้วและอยู่กับภรรยาด้วยยิ่งถ้ามีบุตรอยู่ในรถต้องเอาเลย ยิงเถอะครับ แต่ต้องเอาให้หมอบเลยนะ เสร็จแล้วก็หาไม้หรือมีดยาวซักหน่อยโยนไว้ใกล้มันละ >:( >:( >:(
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TA881 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 10:00:05 AM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ
ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 10:11:58 AM ใครก็รักตัวกลัวตายครับ คนเมาขาดสติ กับคนไม่เมา ยังถูกหาเรื่องอีกจะทำอะไรก็ผิด โจรผู้ร้ายถึงเต็มบ้านเต็มเมือง อัธพาลไม่เกรงกลัวกฏหมาย
ประเภทเมาแล้วหาเรื่องคนอื่น ทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน ต้องเอาโทษหนักๆเลยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต ที่ ธันวาคม 16, 2012, 10:29:45 AM อยู่ที่แต่ละคนจะคิดแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไปแล้ว
ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมันอยู่ที่ดุลย์พินิจของแต่ละคนในขณะนั้น ถ้าเราคิดในขณะนั้น ขับรถปาดหน้าให้เราหยุดในยามวิกาล โดยไม่สามารถไปไหนต่อได้แล้วเปิดกระโปรงหลังรถตัวเอง(ฉันมีอาวุธอย่างอื่นอยู่หลังรถนะ)เป็นการบอกพฤติกรรมแบบกายๆ คนทั่วๆไปอาจสัญนิฐานได้ว่า ว่าเขามีอาวุธจริง และเจตนาแบบนี้คนทั่วไปคิดได้อยู่แล้วว่าประสงค์ร้าย ถ้าเราไม่สู้ก็ต้องย่อมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป (เป็นผม ผมสู้ครับอย่าไปกลัวขึ้นศาลและกลัวเหตุการณ์ภายหน้าไม่งั้นเราจะเสียใจตลอดชีวิต) หลายๆคนไม่เคยมีประสบการณ์เสี่ยงภัยไม่ทราบหรอครับว่าขณะนั้นเราต้องทำอะไร ทำอย่างไรให้ชีวิตรอด มันเป็นปัญหาเพราะหน้าที่ต้องคิดแก้ไขขณะนั้น ชี้ให้เห็นว่าถ้าเป็นผู้พิพากษาเกิดเตุการณ์ในขณะนั้นจะทำอย่างไร ท่านก็เป็นคนเหมือนเราๆนะครับ (อย่าไปคิดว่าเขาเข้ามาด่าเรา ตบเราแล้วเขาก็ไป)ถ้าคิดได้อย่างนี้ได้ก็โมทนาสาธุครับ ผมเคยเจอเหตุการณ์เกิดขึ้นกับตนเองแบบไม่คาดคิด ถ้าผมรู่ล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไร ผมจะปฏิเสธว่าไม่ไปครับไม่เอาครับเรื่องแบบนี้ (ผมกลัวผมขี้ขาดครับ) ตายก็หมดทุกข์แต่ถ้าบาดเจ็บพิการ ถึงกับป้อนน้ำป้อนข้าว ใครจะมาช่วยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 11:10:12 AM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ปล่อยเขาไปครับ นั่นเรื่องของเขา เราอย่าไปยุ่งด้วย ถ้าติดใจก็โทร แจ้งตำรวจ ๑๙๑ ก็ได้บัดเดี๋ยว จนท.จะประสานงาน ตำรวจท้องที่ให้ ยืนยันข้อเท็จจริง จนท. อาจออกหมายค้น หาอาวุธปืน จะมีทะเบียนหรือไม่ ก็ตั้งเป็นข้อสงสัยว่าจะมีอาวุธปืน ไม่มีทะเบียนไว้ก่อน และ อีกข้อหา คือยิงปืนในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร สรุปเราอย่าไปทะเลาะ ด้วย โดยเปลี่ยนให้เค้าไปทะเลาะกับ ตำรวจท้องที่ดีกว่า ครับ .......................... ส่วนที่เล่าให้ฟังนั้น ถึงเพื่อนจะเล่าให้ฟัง การจะไม่ควรเป็นดังที่เล่า เพราะผิดวิสัย คนมีปืน จะกระทำต่อกัน นั่นมันวิถี ของการรังแก คนที่อ่อนแอ กว่า แต่ปืน คือต้นทุนที่จะพรากชีวิตได้เท่ากัน.. แต่ต้องระวังที่เผลอไว้ ครับ. ::008:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: oneholeshot - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 11:19:32 AM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ "ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ถ้าฝ่ายผู้เสียหายมีปืนแต่ทำตามกฎหมายคือแยกแม็กฯ แยกลูก ใส่กล่องล็อคกุญแจไว้ท้ายรถคงหยิบไม่ทันครับ :~) จะเก็บไว้ในรถบรรจุกระสุนพร้อมก็กลัวเจอด่านตำรวจอีก เป็นคนดีนี่ลำบากครับ ทำตามกฎหมายก็ไม่ทันผู้ร้ายอีก ไม่ทำตามกฎหมายก็เจอตำรวจจับอีก ::004:: ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 11:55:58 AM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ "ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ถ้าฝ่ายผู้เสียหายมีปืนแต่ทำตามกฎหมายคือแยกแม็กฯ แยกลูก ใส่กล่องล็อคกุญแจไว้ท้ายรถคงหยิบไม่ทันครับ :~) จะเก็บไว้ในรถบรรจุกระสุนพร้อมก็กลัวเจอด่านตำรวจอีก เป็นคนดีนี่ลำบากครับ ทำตามกฎหมายก็ไม่ทันผู้ร้ายอีก ไม่ทำตามกฎหมายก็เจอตำรวจจับอีก ::004:: ::014:: หลักการตามกฎหมาย คงเป็นอย่างที่ผมชวนคุยด้วย ส่วนวิธีการ ที่จะจัดการนั้น ก็อย่างที่คุณoneholeshot - รักในหลวง พูดถึงนะครับ ถ้าตามกระทู้.. จัดเครื่องช๊อตไฟฟ้า หรือ แก๊สพริกไทย ไว้ อาจช่วยได้ อย่างดี ครับ เพราะ ๒ สิ่งที่ ไม่ใช่สิ่งของผิดฎหมาย ;D กรณีทั่วไป ขอเพิ่มเติมอีก นิดนึง ครับ. แต่อาจใช้ไม่ได้ กับ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองใหญ่ การพาอาวุธปืนไปด้วย ตัวเราควรได้กำหนดเส้นทาง และควรทราบว่า ย่านใดอันตราย ย่านใดไปได้โลด ด่านนั้น ไม่อยู่ในที่เปลี่ยวห่างไกลผู้คน แต่จะอยู่ ก่อนเข้าเมือง ในเมือง นอกเมืองนิด ๆ และโจรนั้น ต้องห่างไกลผู้คน ห่างไกลตำรวจ มันต้องที่เปลี่ยว มืดปลอดคน หรือ ตามห้องน้ำปั้ม ดึก ๆ ถ้าเราจับจุดนี้ได้ เราย่อมกำหนดวิธีการที่เหมาะสมได้ และอาวุธปืน จักต้องซุกซ่อนให้มิดชิด ไม่ใช่ต้องอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา เราจักต้องคิดกลับกัน ที่ผ่านมา เราคิดแต่ปืนต้องอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา โดยมองไม่เห็นว่า มีความจำเป็นขนาดนั้นไหม ให้กลับมาคิดอีกด้าน ปืนต้องอยู่ในที่ไกลมือในที่ซ่อนตลอดเวลา เมื่อคิดว่าไม่ปลอดภัย หรือจำเป็น จึงค่อย นำมาไว้ใกล้ ๆ จะได้รับมือกับโจร และ จนท.ได้พร้อมกัน. ::008:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: jomcz ที่ ธันวาคม 16, 2012, 01:57:41 PM ::014:: บวกอีก 1 แต้มให้พี่ Ro@d - รักในหลวง ครับผม
ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกแล้ว หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TA881 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 03:49:02 PM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ปล่อยเขาไปครับ นั่นเรื่องของเขา เราอย่าไปยุ่งด้วย ถ้าติดใจก็โทร แจ้งตำรวจ ๑๙๑ ก็ได้บัดเดี๋ยว จนท.จะประสานงาน ตำรวจท้องที่ให้ ยืนยันข้อเท็จจริง จนท. อาจออกหมายค้น หาอาวุธปืน จะมีทะเบียนหรือไม่ ก็ตั้งเป็นข้อสงสัยว่าจะมีอาวุธปืน ไม่มีทะเบียนไว้ก่อน และ อีกข้อหา คือยิงปืนในเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร สรุปเราอย่าไปทะเลาะ ด้วย โดยเปลี่ยนให้เค้าไปทะเลาะกับ ตำรวจท้องที่ดีกว่า ครับ .......................... ส่วนที่เล่าให้ฟังนั้น ถึงเพื่อนจะเล่าให้ฟัง การจะไม่ควรเป็นดังที่เล่า เพราะผิดวิสัย คนมีปืน จะกระทำต่อกัน นั่นมันวิถี ของการรังแก คนที่อ่อนแอ กว่า แต่ปืน คือต้นทุนที่จะพรากชีวิตได้เท่ากัน.. แต่ต้องระวังที่เผลอไว้ ครับ. ::008:: คนรักสงบเค้าคงไม่มายืนยิงปืนขึ้นฟ้าแน่ๆ ครับ จริงๆรายละเอียดก็มีเยอะครับแต่ไม่อยากเล่าทั้งหมด หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 04:27:16 PM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ ธันวาคม 16, 2012, 04:56:10 PM นอกจากยิงซ้อมมือที่สนามแล้ว ผมอยากจะชวนให้ชาวปืนเราช่วยกันระมัดระวังในการใช้ปืนเฉพาะที่เป็นการยิงเพื่อป้องกันโดยชอบตามกฎหมายเท่านั้นครับ เพราะตอนนี้ จากคดีอาวุธปืนในโรงหนังที่ฉาย แบทแมน ในอเมริกา มีสื่อหลายแหล่งตื่นตระหนกและพาลให้จับตามองเรืองสิทธิในการมีอาวุธปืนในบ้านเรา ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย บ้านเราจะเป็นอย่างนี้แหละ มีเหตุอะไรขึ้นมา ก็จะหันมาจำกัดริดรอนสิทธิเสรีภาพของคนไทยเรากันเอง ดังนั้น จากการยิงโดยบันดาลโทสะ ผมขอให้เป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวเองหรือคนในครอบครัวจะดีกว่าครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ ธันวาคม 16, 2012, 05:06:52 PM ยิงเพราะโดนตบ กับยิง"ก่อน"โดนตบ, สงสัยหนังคนละเรื่องครับ... ถ้ายิงก่อน ก็เป็นไปได้ว่าถ้าไม่ยิงก่อน ก็คงไม่ใช่แค่โดนตบ, แล้วหากผู้หญิงไปคนเดียว+ยิงนัดเดียว(โดนจัง - ก็ระยะแค่นั้น)ขณะโดนกระชากเปิดประตูรถฯสงสัยจะสู้คดีง่ายกว่าสาเหตุที่ยิงก็เพราะ"โดนตบ"ครับ... หากยิง"ก่อนโดนตบ"ใครจะไปรู้ว่าเรื่องมันจะแค่โดนตบ... สาเหตุที่ยิง ก็เพราะกลัวโดนอย่างอื่นที่หนักกว่าแค่โดนตบไง... ว่าแมะ... เคยได้ยินเรื่องเล่า จริงเท็จไม่ขอพูดถึง บันดาลโทษะ ชักปืนเล็ง..โจทย์ออกวิ่ง แล้วมาแจ้งความ จำเลยโดนข้อหาพยายามฆ่า กับอีกกรณี...ไม่เล็งเฉย ๆ แต่ปรี่เข้ามา เอาปืนตบหน้าแหก...ก่อนโจทย์ออกวิ่งหนีพ้น..โดนข้อหาทำร้ายร่างกาย หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 16, 2012, 05:24:34 PM ขอถามบ้างนะครับ... ท่าน Ro@d พี่ Ro@d ครับ ไขข้อข้องใจทีครับ ::014::หลังจากยิงขู่ขึ้นฟ้า ถ้าอีกฝ่ายไปแจ้งความว่าเราพยายามฆ่า ก็สู้กันไปตามเรื่องราวพยานหลักฐาน แต่ที่สงสัยก็คือทางฝ่ายที่ยิงขู่ขึ้นฟ้านั้นจะโดนข้อหาพกพาและยิงปืนในที่สาธารณะพ่วงไปด้วยหรือไม่ครับ? หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2012, 06:28:02 PM ขอถามบ้างนะครับ... ท่าน Ro@d พี่ Ro@d ครับ ไขข้อข้องใจทีครับ ::014::หลังจากยิงขู่ขึ้นฟ้า ถ้าอีกฝ่ายไปแจ้งความว่าเราพยายามฆ่า ก็สู้กันไปตามเรื่องราวพยานหลักฐาน แต่ที่สงสัยก็คือทางฝ่ายที่ยิงขู่ขึ้นฟ้านั้นจะโดนข้อหาพกพาและยิงปืนในที่สาธารณะพ่วงไปด้วยหรือไม่ครับ? ขออภัยครับ นึกว่า ตอบไปแล้ว . ::014:: เหตุที่ต้องยิงขู่ นั้นเกิดจาก อีกฝ่ายมีพฤติการณ์ จะก่อเหตุร้ายต่อเรา มิฉะนั้น เราไม่จำเป็นจักต้องกระทำเช่นนั้น นี่คือความเป็นเหตุเป็นผลอยู่ในตัว ถือเป้ฯการป้องกันสิทธิของเราที่พอสมควรแก่เหตุ และกรณีนี้ เราต้องไม่ใช่มีส่วนในการก่อเรื่อง ซึ่งอาจจะเป็นการวิวาท จะอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้ เหตุที่เราจำเป็นต้องยิงขึ้นฟ้า ก็เพื่อขู่ ปราม ไม่ให้ อีกฝ่าย กร่างเข้ามาทำร้าย หรือหาเรื่้องเราต่ออีก จึงถือเป็นมีเหตุอันสมควร อันเป็นการป้องกันสิทธิ ไม่มีความผิด ฐานยิงปืนในเมืองฯ ครับ และก็ไม่ผิด ในฐานพยายามฆ่า เพราะไม่ได้เล็ง หรือยิงใส่เขา และพฤติการณ์ของเรา จะเป็นข้อเท็จจริงที่บอก ถ้าเจตนาจะยิง เราจะยิงขู่ทำไม ถ้าเจตนาจะยิง เราก็ยิงได้ แต่ไม่ยิง ถ้ายิงจริง อย่างน้อย ตัวเขาต้องบาดเจ็บ หรือแม้แต่รถยนต์ของเขายังไม่มีรูกระสุนปืน ด้วยซ้ำ ต้องระวังไว้ด้วยนะครับ อย่ายิงขู่ใส่ตัวรถเขาเด็ดขาด เพราะจะโดนข้อหา ฐานพยายามฆ่า ทันที เว้นแต่ ฝ่ายเขามีอาวุุธปืน และเล็ง หรือยิงใส่เราก่อน กลับกันถ้าเขายิงใส่เราก่อน อย่างน้อย ต้องมีรอยกระสุนปืนที่รถ เราด้วย :~) ส่วนข้อหา พาอาวุธปืนติดตัว ไปในเมือง ฯ มีสิทธิโดน แต่อย่าไป กังวล ถึงขนาดนี้แล้ว เราสามารถขจัดภัยร้านแรงออกไปได้แล้ว ข้อหานี้ แค่เรื่องขี้หมา . ::005:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: TA881 ที่ ธันวาคม 16, 2012, 09:06:17 PM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: อีกอย่างที่พี่พูดถูกต้องเลยครับ เค้าไม่รู้ว่าผมมี และเพื่อนบ้าน(คนที่เล่าให้ฟังซึ่งอยู่ถัดกันไปอีก 2 ซอย)ก็มี เราก็ไม่รู้จะเอาไปอวดทำไม ตัวหนังสือสีแดงเป็นอย่างที่พี่ว่าครับไม่เกิดขึ้นจริง แต่ผมเอามาไว้เป็นแนวทางครับว่าจะรับมือกับพวกมีพฤติกรรมเช่นนี้อย่างไร ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: มะนาวโห่(ฮิ้ว) ที่ ธันวาคม 16, 2012, 09:29:23 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ "ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ขอบคุณครับ ได้ทั้งความรู้ ข้อคิดเตือนใจ สเปรพริกไทเหมาะสมและเลี่ยงปัญหาตามมาหลายอย่าง สมควร +1 ด้วยประการทั้งปวง หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: PRIVACY ที่ ธันวาคม 16, 2012, 11:47:19 PM ขอบคุณพี่ Ro@d มากครับ :)
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: thaisale ที่ ธันวาคม 17, 2012, 09:05:24 AM ผมยกย่องผู้หญิงในรถมากๆครับ
คุณใจเย็นมากและรีบออกมาจากเหตุการณ์ได้เร็วที่สุด แจ้งความดีกว่าครับ เอาเรื่องให้ถึงที่สุดอย่ายอมความ คนที่โชคดีคือพลทหารท่านนั้นนะครับ คุณทำแบบนี้อีกครั้งอาจต้องกลายเป็นผีเฝ้าถนนได้ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: sitti2519 ที่ ธันวาคม 17, 2012, 09:55:36 AM เห็นด้วยครับ...คิกๆ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 10:40:12 AM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: ราวยี่สิบปีมาแล้ว ผมมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ค่อยดี กินเหล้าแล้วชอบยิงปืนขึ้นฟ้า ผมใช้วิธี ย้ายสนามยิงธนู จากหลังบ้านมาอยู่หน้าบ้าน นิสัยดีขึ้นเยอะเลยครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 11:53:17 AM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: ราวยี่สิบปีมาแล้ว ผมมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ค่อยดี กินเหล้าแล้วชอบยิงปืนขึ้นฟ้า ผมใช้วิธี ย้ายสนามยิงธนู จากหลังบ้านมาอยู่หน้าบ้าน นิสัยดีขึ้นเยอะเลยครับ ............ ::005:: ขอบคุณมากครับพี่ ที่นำมาเล่าให้ฟัง.. ;D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: dignitua-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 12:13:06 PM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: ราวยี่สิบปีมาแล้ว ผมมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ค่อยดี กินเหล้าแล้วชอบยิงปืนขึ้นฟ้า ผมใช้วิธี ย้ายสนามยิงธนู จากหลังบ้านมาอยู่หน้าบ้าน นิสัยดีขึ้นเยอะเลยครับ หวังว่าหลังเป้า คงไม่ใช่บ้านเพื่อนบ้านนะครับพี่... ;D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: oneholeshot - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 01:03:40 PM บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒ "ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้" ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป ที่รถและแยกย้าย ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ ยื้อและล็อค แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า อาวุธปืนศาลจักต้องริบ. จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ ::002:: ถ้าฝ่ายผู้เสียหายมีปืนแต่ทำตามกฎหมายคือแยกแม็กฯ แยกลูก ใส่กล่องล็อคกุญแจไว้ท้ายรถคงหยิบไม่ทันครับ :~) จะเก็บไว้ในรถบรรจุกระสุนพร้อมก็กลัวเจอด่านตำรวจอีก เป็นคนดีนี่ลำบากครับ ทำตามกฎหมายก็ไม่ทันผู้ร้ายอีก ไม่ทำตามกฎหมายก็เจอตำรวจจับอีก ::004:: ::014:: หลักการตามกฎหมาย คงเป็นอย่างที่ผมชวนคุยด้วย ส่วนวิธีการ ที่จะจัดการนั้น ก็อย่างที่คุณoneholeshot - รักในหลวง พูดถึงนะครับ ถ้าตามกระทู้.. จัดเครื่องช๊อตไฟฟ้า หรือ แก๊สพริกไทย ไว้ อาจช่วยได้ อย่างดี ครับ เพราะ ๒ สิ่งที่ ไม่ใช่สิ่งของผิดฎหมาย ;D กรณีทั่วไป ขอเพิ่มเติมอีก นิดนึง ครับ. แต่อาจใช้ไม่ได้ กับ กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองใหญ่ การพาอาวุธปืนไปด้วย ตัวเราควรได้กำหนดเส้นทาง และควรทราบว่า ย่านใดอันตราย ย่านใดไปได้โลด ด่านนั้น ไม่อยู่ในที่เปลี่ยวห่างไกลผู้คน แต่จะอยู่ ก่อนเข้าเมือง ในเมือง นอกเมืองนิด ๆ และโจรนั้น ต้องห่างไกลผู้คน ห่างไกลตำรวจ มันต้องที่เปลี่ยว มืดปลอดคน หรือ ตามห้องน้ำปั้ม ดึก ๆ ถ้าเราจับจุดนี้ได้ เราย่อมกำหนดวิธีการที่เหมาะสมได้ และอาวุธปืน จักต้องซุกซ่อนให้มิดชิด ไม่ใช่ต้องอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา เราจักต้องคิดกลับกัน ที่ผ่านมา เราคิดแต่ปืนต้องอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา โดยมองไม่เห็นว่า มีความจำเป็นขนาดนั้นไหม ให้กลับมาคิดอีกด้าน ปืนต้องอยู่ในที่ไกลมือในที่ซ่อนตลอดเวลา เมื่อคิดว่าไม่ปลอดภัย หรือจำเป็น จึงค่อย นำมาไว้ใกล้ ๆ จะได้รับมือกับโจร และ จนท.ได้พร้อมกัน. ::008:: กรณีอยู่ในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะ กทม. นี่ลำบากอย่างที่พี่ Ro@d - รักในหลวง ว่านั่นแหละครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ ธันวาคม 17, 2012, 03:21:55 PM ขอบคุณพี่ Ro@d ครับที่ได้แนะนำและให้ข้อคิดที่ดีมีประโยชน์ครับ +1 ครับ ::014::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 03:45:45 PM พี่ Ro@d ครับ หากบ้านตรงข้ามยิงปืนขึ้นฟ้า 2-3 นัดบ้าง แล้วทำท่าหมั่นไส้เรา เรายิงขึ้นฟ้าเพื่อเตือนเค้าบ้าง แล้วเกิดปัญหาหากเค้าเดินมาพร้อมอาวุธ แล้วเรายิงไปที่เค้าโดยตรงจะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่ครับ ไม่ใช่เรื่องจริงของผมหรอกครับ เป็นเรื่องของเพื่อนครับ และดูท่าทางบ้านตรงข้ามเค้าจะคุยดีๆคงไม่รู้เรื่องครับ ::014:: ขอมาเติมให้อีกที ครับ ข้อเท็จจริงนี้แถบสีแดง ฟันธงให้ครับ ไม่มีทางเกิด เพราะผิดวิสัย ไม่เคยพบว่าจะมีเหตุการณ์ เช่นนี้มาก่อน.. และมีแต่เรา ที่คิดไปเอง จนเกิดหลอนตนเอง คนจะกร่างได้ จักต้องรู้ตัวเองว่าเหนือกว่า เหนือกว่าคือคิดว่ามีปืน แต่เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อใดก็ตาม มารู้ว่าอีกฝ่ายก็มีปืนเหมือนกัน การกระทำจักเปลี่ยนไปจากเดิม อาการอาจเปลี่ยนไป เมื่อรู้ว่า เป็นคนชอบปืนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดทะเลาะขึ้นมาจริง ก็จะต่างตั้งหลักในบ้านของตนไม่มีกล้าล้ำเขตแดน หากจะมีนั้นจะเป็นแบบ ลอบทำร้าย เมื่อไม่รู้ตัว.. ถ้ารู้ตัว การทำเช่นนั้น ถือว่าไม่ฉลาด และนั้นต้องเหลือขนาดจริง ๆ ขอให้จำกัดตัวเองแต่ในบ้าน นะครับ ตราบใดถ้าไม่ได้บุกรุกเข้ามาในรั้วบ้าน และมีอาวุธปืน เราไม่มีสิทธิ ยิงเพื่อป้องกันตัว .. ไม่เข้าตาม ป.อาญา ม.๖๘ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายทราบหรือไม่ว่า เราก็มีปืน แต่ตามพฤติกาณ์ ไม่น่าจะทราบ หาจังหวะทำให้รู้ไว้บ้างก็ดี ขึ้นปีใหม่นี้ ยิงรับปีใหม่ ลงดินสักชุด . นี่คือการปราม นะครับ ::002:: ราวยี่สิบปีมาแล้ว ผมมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ค่อยดี กินเหล้าแล้วชอบยิงปืนขึ้นฟ้า ผมใช้วิธี ย้ายสนามยิงธนู จากหลังบ้านมาอยู่หน้าบ้าน นิสัยดีขึ้นเยอะเลยครับ ถ้าหากเป็นตอนนี้... พี่สุพินท์คงขอย้ายสนามยิงปืนที่หนองกระจงมาไว้หน้าบ้านแทน...ฮา... ::005:: หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2012, 06:10:21 PM ราวยี่สิบปีมาแล้ว ผมมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ค่อยดี กินเหล้าแล้วชอบยิงปืนขึ้นฟ้า ผมใช้วิธี ย้ายสนามยิงธนู จากหลังบ้านมาอยู่หน้าบ้าน นิสัยดีขึ้นเยอะเลยครับ หวังว่าหลังเป้า คงไม่ใช่บ้านเพื่อนบ้านนะครับพี่... ;D [/quote] บ้านผมเอง จริง ๆ ก็ทำแบบนี้มานานแล้ว ตอนหนุ่ม ๆ ซ้อมปืนสั้นอัดลมที่ทำงาน บ่าย ๆ ก็เปิดฝากระโปรง แขวนกล่องเป้า แล้วยิงใส่รถตัวเองทุกวัน เพื่อน ๆ เห็นจนชิน เพียงแต่ไม่ค่อยมีใครมาจอดข้าง ๆ ถ้าเป็นธนู มันเงียบก็จริง แต่เสียงลูกธนูกระทบเป้าก็ดังน่ากลัว และถ้ายังไม่สะใจ ก็เอากล่องกระดาษลูกฟูกไปตั้งหน้าเป้า เอาปลอกกระสุน.32 ครอบหัวลูกธนูไว้ด้วย หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: KB20 ที่ ธันวาคม 17, 2012, 09:33:29 PM ขอบคุณพี Ro@d มากครับ + ::014::
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: yutthakarn ที่ ธันวาคม 17, 2012, 09:44:37 PM ผมถือตามภาษิตนี้ครับ ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจปอง เพื่อนบ้านกัน ต้องพยายามดี ดี กันไว้ครับ เราดีกับเค้า เดี๋ยวเค้าก็ต้องดีกับเราครับ
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: NUTAPHOL ที่ ธันวาคม 18, 2012, 08:12:10 AM ผมถือตามภาษิตนี้ครับ ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจปอง เพื่อนบ้านกัน ต้องพยายามดี ดี กันไว้ครับ เราดีกับเค้า เดี๋ยวเค้าก็ต้องดีกับเราครับ เชื่อเซ่...กับคนบางประเภทบางจำพวกใช้ไม่ได้ผลครับ. ::014::หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: sopon7 ที่ ธันวาคม 18, 2012, 08:52:55 AM ได้ความรู้เพิ่มว่าเสียงธนูกระทบเป้าน่ากลัวไม่แพ้เสียงปืน ;D
หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: MYvit ที่ ธันวาคม 18, 2012, 04:38:05 PM ขอถามหน่อยครับ คือ ผมดูข่าวพลทหารเมาแล้วกร่างอ้างว่าเป็นทหารยศสูง จอดรถขว้างหน้าแล้วลงมาหาเรื่องแถมตบหน้าตั้ง 2-3 ที ใจเย็นๆ ถ้ายิงในตอนนั้น คุกแน่ๆ ถ้าเหลือ อดทนจริงๆ ตามหาบ้านดีกว่า สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมเกิดบันดาลโทสะแล้วยิงเขาตายจะผิดมั้ยครับ อันนั้นเรียกว่า ตามไปหาเรื่องหรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ ธันวาคม 19, 2012, 09:37:44 AM สวัสดีครับ
ติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ได้ความรู้ด้านกฎหมายเพิ่มขึ้นมากเลยครับ ขอขอบพระคุณเพื่อน ๆ สมาชิกทุก ๆ ท่านครับผม ผมขออนุญาตเรียนถามหนึ่งเรื่องนะครับ ในกรณีเรายิงขู่ขึ้นฟ้าก่อนในนัดแรก แต่เค้ายังพยายามเข้ามาหาเราอีก เราจึงยิงไปที่ตัวเค้าอีกหนึ่งนัด กระสุนที่ใช้ยิงทั้ง 2 นัดนั้น เป็นกระสุน ปืนพกสั้นแบบลูกปรายนะครับ เราจะมีความผิดถึงขั้นไหนครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 19, 2012, 10:42:31 AM สวัสดีครับ ติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ได้ความรู้ด้านกฎหมายเพิ่มขึ้นมากเลยครับ ขอขอบพระคุณเพื่อน ๆ สมาชิกทุก ๆ ท่านครับผม ผมขออนุญาตเรียนถามหนึ่งเรื่องนะครับ ในกรณีเรายิงขู่ขึ้นฟ้าก่อนในนัดแรก แต่เค้ายังพยายามเข้ามาหาเราอีก เราจึงยิงไปที่ตัวเค้าอีกหนึ่งนัด กระสุนที่ใช้ยิงทั้ง 2 นัดนั้น เป็นกระสุน ปืนพกสั้นแบบลูกปรายนะครับ เราจะมีความผิดถึงขั้นไหนครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับ แถบสีแดง ในความเป็นจริง จะไม่เกิดอย่างนั้น ครับ ถ้าระยะห่าง อีกฝ่ายจะหันหลังวิ่งหนีเอาตัวรอด ทันที แต่ถ้าประชิดแล้ว ไปยิงขู่ นั้นละ อีกฝ่ายอาจตัดสินใจ กระโจนเข้าหา ฉะนั้น หลายท่านที่เข้าใจว่า ล่อไว้ก่อน ๒ นัด แล้ว อ้างว่า อีกฝ่าย มันวิ่งเขาหา ต้องระวังให้ดี นะครับ เพราะ ข้อเท็จจริงการตรวสถานที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน และลักษณะ คนตาย นั้น อาจบบอกได้ว่า เป้ฯจริงดังที่อ้างหรือไม่ กระสุนปืนสั้น ที่เป็นลูกปราย จักต้องพิสูจน์ในข้อเท็จจริงให้ได้ว่า ระยะห่างเท่าไร ถึงโดน ก็เพียงบาดเจ็บ ไม่ถึงแก่ความตาย เพราะไม่มีอำนาจทะลุทะลวง อาจไม่โดน พยายามฆ่า แต่จะเป็นทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส แต่กระสุนลูกปราย ถ้ายิงในระยะประชิด หรือจ่อยิง กระสุนยังเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แบบนี้ ยังมีอำนาจทะลุทะลวงสูง จักโดนพยายามฆ่า หรืออฆ่าคนตายโดยเจตนา ครับ ;D หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ ธันวาคม 19, 2012, 10:52:35 AM ขอถามหน่อยครับ คือ ผมดูข่าวพลทหารเมาแล้วกร่างอ้างว่าเป็นทหารยศสูง จอดรถขว้างหน้าแล้วลงมาหาเรื่องแถมตบหน้าตั้ง 2-3 ที ใจเย็นๆ ถ้ายิงในตอนนั้น คุกแน่ๆ ถ้าเหลือ อดทนจริงๆ ตามหาบ้านดีกว่า สมมุตินะครับสมมุติ ถ้าเป็นผมเจอเหตุการณ์แบบนี้ผมเกิดบันดาลโทสะแล้วยิงเขาตายจะผิดมั้ยครับ อันนั้นเรียกว่า ตามไปหาเรื่องหรือเปล่าครับ ::002::เข้าใจกันครับ สวัสดีครับ ติดตามอ่านมาตั้งแต่ต้น ได้ความรู้ด้านกฎหมายเพิ่มขึ้นมากเลยครับ ขอขอบพระคุณเพื่อน ๆ สมาชิกทุก ๆ ท่านครับผม ผมขออนุญาตเรียนถามหนึ่งเรื่องนะครับ ในกรณีเรายิงขู่ขึ้นฟ้าก่อนในนัดแรก แต่เค้ายังพยายามเข้ามาหาเราอีก เราจึงยิงไปที่ตัวเค้าอีกหนึ่งนัด กระสุนที่ใช้ยิงทั้ง 2 นัดนั้น เป็นกระสุน ปืนพกสั้นแบบลูกปรายนะครับ เราจะมีความผิดถึงขั้นไหนครับ ขอบพระคุณทุกท่านครับ ในหนังสือ อวป.เดือนนี้มากรณีศึกษา เรื่องนี้พอดีลองหาอ่านกัน ประมาณว่า ต้องประเมิน ถึงภัยมาถึงตัวไหม ปลอดภัยหรือยัง ครับ หัวข้อ: Re: ยิงเพราะบันดาลโทสะ เริ่มหัวข้อโดย: GUNRUNNER ที่ ธันวาคม 20, 2012, 10:30:56 AM ขอบพระคุณท่าน Ro@d - รักในหลวง และ ท่าน หมายจันทร์ ครับผม ::014::
|