เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ไปเปิดหนังสือบันทึกสถิติโลก หรือกินเนสบุ๊คเรคคอร์ด ปีล่าสุดคือ 2005
มีเรื่องเกี่ยวกับปืนต่าง ๆ ดังนี้ครับ

(http://album.romerun.com/Choltit/folder/12195/album/18539/image/1006452/pic/original.jpg?1146120953)

ปืนที่ใหญ่ที่สุด

(http://album.romerun.com/Choltit/folder/12195/album/18539/image/1006451/pic/original.jpg?1146120983)

สถิติทางกีฬายิงปืน

(http://img132.imageshack.us/img132/8008/dsc079141vy.jpg)

(http://img275.imageshack.us/img275/9503/dsc079159go.jpg)

(http://img133.imageshack.us/img133/627/dsc079174cj.jpg)

เล็กเหลือเกินอ่านไม่เห็นครับ ขอขนาดสัก640ขึ้นครับ :VOV:

ดันไปเผลอกด resize รูปตอน uploaded ครับผม
ต้องกลับไป upload ใหม่  สักครู่นะครับ

...ทีหลังก็อย่าดันสิครับ  ;D

 ;Dพี่อ๋องครับรบกวนอีกเรื่องสิครับ.......คือแปลให้ด้วยครับ :-[

ปืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกคือปืนใหญ่เยอรมันโดยบริษัท Krupp คาลิเบอร์ 80 ซม. ลำกล้องยาว 28.87 เมตร ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองปี 1942 เยอรมันใช้ในการล้อมยึดเมืองเซวัสโตโปล ในคาบสมุทรไครเมีย โซเวียต

ปืนทั้งชุดยาว 42.9 เมตร หนัก 1,344 ตัน ปืนชั้นนี้มี 2 กระบอก คือ กุสตาฟ กับดอร่า ครับ ผมเคยไปที่พิพิธของสถานทดสอบอาวุธ US Army ที่ Aberdeen, Maryland มีปลอกกระสุนปืนชั้นนี้อยู่ ไม่มีตัวปืน ปืนชั้นนี้ใหญ่มากใช้รางรถไฟพิเศษตั้งขนานกันหลายราง ลำกล้องหันซ้าย/ขวาไม่ได้ วิธีเปลี่ยนทิศยิงคือทำรางให้โค้งแล้วเข็น (อิ อิ) ปืนไปให้ลำกล้องตรงทิศ ใช้ทหารทั้งหมดในการยิง และดูแลคุ้มกัน เช่น ชุด ปตอ. ฯลฯ 4 พัน กว่าคน

อย่างไรก็ตาม ที่ Aberdeen มีปืน Anzio Annie หรือ Slim Bertha เป็นปืนที่อยู่บนรางรถไฟเหมือนกัน

 :D ลืมใส่แว่นหรือคับพี่...

นานๆขอแซวซักทีเถอะคับ... :DD

คุณ Low Enforcement ทั้งชุดยาว 42.9 เมตร ยิงได้ไกลกี่ กม. ครับ

ตำรวจโลกอเมริกามีปืนมากกว่า สองร้อยล้านกระบอก !!!! โอ้ว..ไม่.. :OO

กระบอกนี้หรือเปล่าครับ   Leopold

(http://i3.tinypic.com/wk0d3a.jpg)

(http://i3.tinypic.com/wk0d4y.jpg)

(http://i3.tinypic.com/wk0d8k.jpg)

แล้วอนุภาพมันเป็นยังไงบ้าง..ยิงกันไปกี่นัดครับ..พี่ต๊อก..

เรียนพี่มะขิ่น

เอ น่าจะใช่ แอนซิโอ แอนนี่ นะครับพี่มะขิ่น เดี๋ยวไปดูก่อนครับว่ามีตำราบอกหรือเปล่าว่าเยอรมันเขาเขียนชื่อจริงๆ ว่าอะไร ชื่อว่าแอนซิโอ แอนนี่ และ สลิม เบอธ่า สัมพันธมิตรตั้ง เพราะเอาไปยิงรบกับเมกันที่ขึ้นบกที่แอนซิโอ/นัตตูโน่ และเป็นการล้อปืนชื่อ Big Bertha ปืนบนรางรถไฟเหมือนกันที่เป็น Howitzer สมันสงครามโลกครั้งที่ 1

รูปนี้ใหม่กว่าของที่ผมเห็นครับ ผมไปตอนปี 1981 แหะๆ ปิดเทอม ป.2 ขึ้น ป.3 จำข้างปืนไม่ค่อยได้ มีรูปถ่ายมาด้านหน้าปืนครับ เดี๋ยวไปดูก่อนว่าปลวกกินหมดรึยัง ไม่ได้ล้อเล่นเลยครับ 3-4 ปีที่แล้วเจอปลวกลุยบ้านกินอัลบั้มหมดไปหลายเล่ม

เรียนคุณโมซิโน่

อานุภาพไม่คุ้มกับระบบที่วุ่นวายของปืนครับ เป็นแค่การพัฒนาสุดขั้วของเทคโนโลยีที่พ้นสมัย สมัยนั้นเครื่องบินดีมากแล้ว เอาเครื่องบินทิ้งระเบิดกลางๆ อย่างไฮเกล111 บินไปไม่กี่ลำก็หย่อนระเบิดได้ไกล และมีอำนาจทำลายมากกว่าการระดมยิงที่วุ่นวายของปืนขนาดนี้ครับ มีผลทางจิตวิทยามากกว่าคือข้าศึกไม่มีทางกันกระสุนปืนได้เหมือนกันการทิ้งระเบิดโดยใช้เครื่องบินขับไล่ หรือ ปตอ. แต่ถ้าเครื่องบินศัตรูหลุดเข้ามาได้พักนึงละก็ ระเบิดฟลุ๊กๆ ลูกเดียวก็ทำลายปืนที่ใช้ทรัพยากรทหารตั้ง 4,000 กว่าคนได้แล้วครับ 

ยิงไปกี่นัดไม่ทราบละครับ เยอรมันชอบใช้กระสุนแบบมีปลอก ปืนใหญ่ที่เล็กกว่าขนาดนี้เมกันใช้ดินเป็นถุงๆ หมดแล้ว เรื่องการรบที่นี่มีหนังสือแปลเล่มนึงชื่อ วาระสุดท้ายแห่งเซวัสโตโปล ภาษาอังกฤษว่า The last day of Sevastopol แปลมาจากภาษารัสเซียอีกที เป็นหนังสือแนวรักชาติได้รางวัลยุคคอมมิวนิสต์

ขอบคุณครับพี่ต๊อก..คงหวังผลทางจิตวิทยาอย่างที่ว่า
ผมเคยอ่านเจอใน อวป. บอกว่า บริษัท Krupp ของเยอรมันที่ว่าเป็นบริษัทที่มีความก้าวหน้าทางโลหะวิทยามาก
กว่าที่อื่นในช่วงนั้น..เลยทำอะไรที่คนอื่นยังทำไม่ได้... ;D

อย่าแซวพี่boon เลยครับ รูปทีแรกผมโพสท์ขนาดเล็กไป
ผมก็อ่านไม่ออกเหมือนกัน  ไม่ใหญ่อ่านชัดเหมือนตอนนี้ที่แก้แล้ว

คุณ L/E ลองแปลเรื่องครอบครองปืนสิครับ :)

พลเมืองของสหรัฐอเมริกามีปืนราว 40 % ของครัวเรือน รวมกันแล้วมากกว่า 200 ล้านกระบอก ราวๆนี้ครับ  :o

ครับ เขาย้ำด้วยว่าเป็นภาวะปรกติสุข ไม่นับตอนมีสงครามด้วยนะ :)

ผมอยู่ตอนใต้ของ Arizona กำลังม่งสู่ Yuma พระอาทิตย์กำลังตก ดวงแดงใหญ่กว่าที่เคยเห็นประมาณ 3 เท่า เข้าตาจนขับไม่ได้ หักขึ้นเหนือ ไม่ทราบว่าเปลี่ยวมาก ไปได้หน่อย มืดสนิท กว่าจะถึงเมือง Quartzite ก็แทบแย่ ตอนยังไม่มืด ผมผ่าน Army Proving Ground มีปืนใหญ่ตั้งอยู่กระบอกหนึ่ง ทำมุม 60 องศา ได้ สูงลิ่ว ไม่ทราบว่ายาวเท่าไร ใครทราบ ช่วยบอกที  September 2002 ครับ ผมว่าเขาเอาไว้โชว์

คนนี้อ่านหนังสือเยอะจริง ๆ เลย

อ่า ไปเจอตำราแล้วครับ มี 2 เล่ม คือ

1. The Guns 1939-1945, Ian V. Hogg, Ballantine's Illustrated History of WWII, Weapons Book No.11. SBN 345-01906-7-100, 1st Printing, April 1970 ราคาปก 1 ดอลฯ ข้างในมีสแตมป์ภาษาอังกฤษว่าเซ็นทรัลสีลม เบอร์โทรยังมี 5 หลักเลยครับ

2. Artillery, Chris Chant, Silverdale Books, ISBN 1-84509-248-1, 2005 พ่อผมซื้อมาเร็วๆ นี้ ร้านเอเชียบุ๊ค

ข้อมูลรวมๆ จากทั้งสองเล่มสำหรับปืน 800 มม.

1. ขออภัยและข้อแก้ไขครับเล่มแรกบอกว่าปืน 800 มม. เนี่ย ทั้งระบบใช้ทหาร 1,420 คนครับ พันสี่ ไม่ใช่สี่พัน ตอนไปดูพ่อผมพากษ์ให้ฟังคงใช้จ้อมูลจากเล่มนี้ สงสัยจำมาผิด อิ อิ ก็ 25 ปีมาแล้วนะ ผู็บังคับการยศนายพลตรี ในการบรรจุ/ยิงใช้ทหาร 500 คน ควบคุใโดยนายพันเอก ในจุดนี้เล่มที่สองบอกว่าใช้ทหารทั้งระบบถึง 2,000 คน

2. ใช้เวลาประกอบ 4-6 สัปดาห์ เวลาบรรจุกระสุนต้องลดลำกล้องลงมาในแนวระนาบ บรรจุยุ่งมาก วันหนึ่งยิงได้แค่ 14 นัดครับ

2. หัวกระสุนมี 2 แบบ คือหัวระเบิดหนัก 4,800 กก. (เกือบ 5 ตัน) ยิงไกล 47 กม. และหัวเจาะเกราะไม่ระเบิดหนัก 7,100 กก. ยิงไกล 38 กม. มีการทดลองกระสุนความเร็วสูงหนัก 2,000 กก. ยิงไกล 152 กม. แต่เชื่อว่าแบบหลังไม่เคยใช้ยิงในการรบจริง

3. เล่มแรกบอกว่ายิงที่เซวัสโตโปล 30-40 นัด และต่อมาใช้ยิงกรุงวอร์ซอ โปแลนด์ในปี 1944 ตอนที่โปลลุกขึ้นมาต่อต้านเยอรมัน 30 นัด เล่มที่สองบอกว่าปืน Gustav ถูกใช้ยิงในการรบรวมทั้งหมด 48 นัด ที่เซวัสโตโปล เท่านั้น ไม่มีข้อมูลหลังจากนั้น

4. เล่มแรกบอกว่าปืนสูญหายไปหลังสงครามคาดว่าโซเวียตยึดไป ชิ้นส่วนที่เจอ ณ สนามทดลองอาวุธที่ Mappen ในเยอรมันเป็นชิ้นส่วนของกระบอก Dora

5. เล่มแรกบอกว่า Dora ไม่ถูกนำออกไปใช้รบจริง เล่มที่สองไม่มีข้อมูลของ Dora เลย

สำหรับปืน Anzio Annie ชื่อเยอรมัน Schlanke Bertha (Slender/Slim Bertha) ซึ่งมีขนาด 283 มม. ครับ

1. เล่มแรกบอกว่ามีการผลิตขึ้นมา 25 กระบอก เล่มที่สองบอกว่าผลิต 25-28 กระบอก

2. กระสุนหัวระเบิดหนัก 255 กก. ยิงไกล 62.4 กม. 

ดังนั้นกระบอกที่ Aberdeen จึงเป็นปืนชั้นที่เยอรมันเรียกเล่นว่า Slim Bertha ซึ่งเป็นปืนกระบอกหนึ่งในปืนชั้นนี้ ชื่อเฉพาะตัวเมกันตั้งคือ Anzio Annie เพราะใช้ในการรบที่นั่น ชื่อ Leupold คงเป็นชื่อเฉพาะตัวที่เยอรมันตั้งครับ

สำหรับข้อมูลที่ขาดหายคาดว่าเป็นเพราะเยอรมันทำลายเอกสารต่างๆ หมด และผู้ที่เกี่ยวข้องก็คงไม่อยากให้ข้อมูลกับข้าศึก ท่านใดสนใจถ้าทำวิจัยคงพบข้อมูลเพิ่มครับ

เวลาฝรั่งยอมแพ้ข้าศึกมักชอบทำลายอาวุธก่อนยื่นให้ เช่น หักดาบ ในเรื่อง The Big Show ของ Pierre Clostermann ตอนนักบินเยอรมันนำเครื่องเจต "นกพายุ" Me 262 บินมายอมแพ้ วิทยุแจ้งสนามบินแล้วก็ลงจอดอย่างเรียบร้อยแล้วพับฐานล้อ ให้เครื่องยุบลงมาพังเล่นนิดหน่อยเป็นสัญลักษณ์ครับ

จำนวนปืนในเมกาผมว่าคงนับยาก เพราะหลายรัฐไม่ต้องจดทะเบียนปืน คงต้องคิดจากยอดผลิต และนำเข้า หักลบยอดส่งออก กับยอดค้างในร้าน ท่าจะยุ่ง นอกจากนี้ก็ไม่รู้จำนวนปืนของชาวบ้านที่พังไปแล้ว

คับ บริษัท "กั๊บ" ของเยอรมันผลิตปืนมีชื่อและล้ำหน้ามาจริงๆ ใครๆ ก็พยายามซื้อไปใช้

ตอนจลาจลบ๊อกเซอร์ในปักกิ่งปี 1900 จีนก็มีปืนครับกระบอกนึงเอามายิงฝรั่ง/ญี่ปุ่น เป็นเรื่องทีฝรั่งเดือดร้อนมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

ในหนังสือของนายร้อยโทรอมเมล (จอมพลรอมเมลในอนาคต) ที่เขียนตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 ไปรบกับโรมาเนี่ยนก็เจอปืนครัปยิงใส่ ยังเขียนว่า "โอ้ งานฝีมือเยอรมันชั้นดี" (The fine German workmanship)

ขอบคุณมากครับ....

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยครับ

 ;Dขอบคุณมากครับ.ควมรู้เยอะจังเลยครับ.อ่านแล้วสนุกดีครับ. ;D

ท่าน จนท. คือ หนึ่งในความภูมิใจของเรา...ซึมเศร้าฯ ทีม...คริ คริ

(http://members.aol.com/ItalyWW2/AnniePlaque.jpg)

ท่านเจ้าหน้าที่ช่วยแนะนำเทคนิคการอ่านหนังสือหน่อย
ผมมีหนังสืออยากอ่านกองอยู่ตั้งหนึ่ง  ซื้อมาสองเดือนแล้วยังหาจังหวะอ่านไม่ได้เลย
ทำยังไงถึงอ่านได้มาก ๆ บ่อย ๆ อย่างนี้ครับ

เรียนท่าน 51

อูย ทั่น 51 หารูปเก่งจังแฮะ

เรียนพี่ชลทิต

ไม่มีเทคนิคครับ แต่อือม์ ผมเป็นคนไม่ค่อยดูทีวีอะ ละครเรื่องสุดท้ายที่ดูต่อเนื่องคือวิมานมะพร้าวกับปัญญาชนก้นครัวฉบับที่แคท อิงลิชเป็นนักศึกษา และมีลูกคุณบู๊ วิบูลย์นันท์แสดง ฉากนึงมีรถบ้านนางเอกเป็นจากัวร์สตาร์ทไม่ติดพระเอกมาช่วยดูพบว่าขั้วแบตหลวม 

ภาษาสวยอีกตามเคยครับ...

ท่านนี้... นายสมชายตามอ่าน"ทุกกระทู้"ที่คุณ L / E โพสต์มา...

สมกับเป็นหน่อเนื้อของปราชญ์ครับ...

หมายความว่า เอาเวลาดูทีวีมาอ่านหนังสือใช่หรือเปล่า ?

เห็นภาพเลยครับ...

เวลา Go West ช่วงตะวันกำลังลับฟ้า... เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หากนายสมชายอยู่บนถนน InterState ที่มีหมายเลขเป็นเลขคู่ มักทำสองอย่าง อย่างใดอย่างนึงครับ 1) เลี้ยวเข้า Inter State ที่เป็นเลขคี่ เพราะจะเป็นถนนแนวเหนือใต้ หรือไม่ก็ 2) จอดรถนั่งดูดวงอาทิตย์สองคนกับเมีย(มีความสุขมาก เพราะตอนนั้นเมียยังไม่ดุ Lost Chip เท่าตอนนี้) จนกระทั่งดวงอาทิตย์เป็นสิแดงๆ จะลับขอบฟ้าแล้วค่อยขับต่อครับ...

ถนน 66 พาดผ่าแนวตะวันออก ตะวันตก... ผ่าทะเลทรายก่อนเข้า Cal นายสมชายเคยเจอ"ฝนกลางทะเลทราย"มาแล้วครับ... เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป... บอกใครก็ไม่เชื่อ ฝนบ้าอะไรไปตกกลางทะเลทราย... ฮา

อือม์ แบบนั้นครับพี่ชลทิต

ผมมักมีหนังสือที่กำลังอ่านอยู่พร้อมกันประมาณ 2 เล่ม (บางทีเกิน) คือเล่มเป็นเรื่องที่เนื้อหาไม่เข้มข้นมาก ไม่ต้องคิดตามมาก อีกเล่มเป็นเรื่องที่เนื้อหาเข้มข้นกว่า เวลาเหนื่อยๆ หรือที่ทางทำให้ไม่มีสมาธิมากก็อ่านเล่มเนื้อหาจาง

และถ้าคิดภาพตามไปด้วยมากๆ จะสนุกมากขึ้น และทีนี้เราก็จะถูกหนังสือดูด ให้ไปหาเรื่องที่เเกี่ยวข้องมาอ่านด้วยเพราะเราก็จะนึกสงสัยรายละเอียดต่างๆ เราถึงต้องมีหนังสือเรื่องต่างๆ ที่ีภาพประกอบด้วย เรื่องธรรมชาติชุดหนังสือรูปภาพเรื่องต่างๆ ของ DK ก็ดีครับ เวลาอ่านเรื่องอะไรๆ จะได้นึกภาพได้ละเอียดขึ้นว่าม้าที่บุคคล หรือตัวละครนั้นๆ ขี่ควรมีหน้าตายังไง คอสั้น/ยาว ขาเล็ก/ใหญ่

ที่จริงเช้านี้เพิ่งคิดว่าอยากไปหาหนังสือเรื่องการฟันดาบของยุคกลางมาสักเล่มจะได้นึกภาพออกมากขึ้นครับ เคยมีเรื่องสงสัยตั้งแต่เด็ก ในภาพยนต์เรื่อง เอล ซิด มีฉากนึงที่สายลับของเจ้าชายอัลฟองโซหลอกพระเจ้าซันโชไปดูทางลับเข้าเมืองแล้วแทงข้างหลัง พอสายลับวิ่งจะไปเข้าประตูแล้ว เอล ซิด เปิดออกมาเอาดาบแทงหน้าอกตาย โดยมือขวาจับด้ามดาบ เป็นดาบ Broad sword มือเดียว มือซ้ายจับ "ใบดาบ" นึกดูก็เป็นได้เพราะใส่ฉากใส่ถุงมือหนังหนา แต่สงสัยว่าเป็นการปฏิบัติจริงในยุคนั้นหรือเปล่า? น่าเป็นได้เพราะถ้าแต่งเกราะครบเครื่องก็เป็นถุงมือเหล็ก ....ไปๆ มาๆ เจอว่ามีท่าหนึ่งจริงๆ เรียกว่า Murderous stroke ครับ มือนึงจับด้าม อีกมือจับใบกระแทกเข้าหน้าอกข้าศึก

นอกจากนี้บางทีนึกภาพตามไปเองก็สนุกเหมือนกับดูภาพยนต์มากกว่าการอ่านแค่ตัวหนังสือ เรื่องนี้ไม่รู้ยังไงเป็นมาเองครับ เวลาอ่านเรื่องเชอร์ลอคโฮล์ม แกเดินกลับเขาบ้านผมจะจินตนาการเห็นภาพเดินจากด้านซ้ายเข้าบ้านเลขที่ 112 ถนนเบเกอร์ ซึ่งอยู่ด้านซ้าย ทุกที ....แต่เนื่องจากอ่านเรื่องนี้ตอนเด็ก ไม่มี "ข้อมูลภาพ" เรื่อง บ้านยุคนั้น/ในเขตเมืองยุคนั้นซึ่งควรเป็นส่วนหนึ่งของตึกในแบบเอ็มไพร์ หรือ มอคทิวดอร์ หรือ มอคจอร์เจียน ผมเลยเห็นเป็นผนังอิฐธรรมดาสีน้ำตาลแทน

ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนก็นับได้จ้านายต๊อก พราะเวลาซื้อต้องกรอกใบสอบประวัติ เค้าก็เก็บขอมูลไว้ตอนนั้นแหละว่าคนซื้อไปกี่กระบอก   รัฐที่ต้องจดทะเบียนปืนมีอยู่ไม่กี่รัฐ

โอ้ ขอบคุณครับ เอ แล้วถ้าจดทะเบียน เขาใช้เลขปืนเลยหรือเปล่าครับ? ไม่ทำเครื่องหมายเพิ่มใช่ไหมครับ?

ผมว่าอย่างเมืองไทยที่ตอกเลขเพิ่มสมัยก่อนอาจจำเป็นเพราะไม่มีคอม ถ้าดูที่ปืนอย่างเดียวไม่รู้ไปหาข้อมูลของเจ้าของที่เล่มปีไหน จังหวัดอะไร แต่สมัยนี้ไม่ควรต้องตอกเพิ่มเลย

ไม่มีการตอกเพิ่ม ก็ใช้แค่ serial number ของปืนจ้า

เวลาซื้อปืนต้องกรอกแบบฟอรม์นี้
http://www.ocshooters.com/Gen/Form-4473/ATF-Form-4473.htm

โร แมน ติก ท่าจะสวยมากครับ ไม่เคยไปทะเลยทรายเมกาครับ แต่ถนน66 ที่เลี้ยวเข้าจากถนนเพชรบุรีเคยไปตอนพระอาทิตย์ตกแล้วครับ

อือม์ น่ากรอกดีครับ อิ อิ ขอบคุณครับ