หัวข้อ: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2012, 03:37:24 PM วันนี้ ผมไปตรวจเยี่ยมจุดบริการประชาชน ในช่างเทศกาลปีใหม่ ได้สังเกตุลักษณะการขับรถยนต์ของผู้ใช้ทางสัญจรผ่านสี่แยก เรื่องการใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน พบว่าในจำนวนผู้ใช้ทางถนน จำนวน รถยนต์ 20 คัน มีรถยนต์ 16 คัน เปิดไฟกระพริบฉุกเฉินเวลาขับผ่านสี่แยก ส่วนที่เหลืออีก 4 คัน ไม่ได้เปิดไฟกระพริบฉุกเฉิน สรุปได้ว่า คนที่รถยนต์ส่วนมาก ไม่มีความรู้เรื่องการใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน
ผมสังสัย เล่นๆ ว่า 1.ทำไม คนขับรถส่วนมากจึงไม่รู้จักการใช้สัญญาณไฟที่ถูกต้อง เพราะการใช้สัญญาณที่ไม่ถูก ก็เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ 2.ทำไม หน่วยงานรับผิดชอบ (กรมการขนส่งทางบก สำนักงานตำรวจ กรมการปกครอง ฯลฯ) จึงไม่มีการประชาสัมพันธ์ รณรงค์ ในเรื่องการใช้สัญญาณไฟบ้าง มีแต่รณรงค์ เรื่องการเมาไม่ขับ ใส่หมวกนิรภัย http://www.oknation.net/blog/print.php?id=52850 หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: SiamWeekend ที่ ธันวาคม 28, 2012, 03:47:07 PM เป็นไปได้ว่า คนไทยส่วยใหญ่เข้าใจว่า การขับรถยนต์ผ่านทางร่วมแยก เป็นเหตุฉุกเฉินครับ
คล้ายๆกับ ท่านที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวบนสะพานกลับรถครับ หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: pong2504-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2012, 04:03:18 PM :) ถ้าขับมาเร็วๆ แล้วมีอุบัติเหตุข้างหน้า หรือมีการเบรคกระทันหัน ในเลนที่เราวิ่งตามมา ผมจะเปิดเพื่อให้
คันหลังเข้าใจว่า ข้างหน้าไปไม่ได้ครับ ให้ระวัง พร้อมเบรค ช่วยลดอุบัติเหตุชนท้ายได้ครับ ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2012, 04:22:34 PM นอกจากเรื่องทางแยกแล้วก็มีตอนฝนตกครับ เปิดไฟกระพริบฉุกเฉิน บางที่คนด้านหลังไม่รู้ว่ารถจอดหรือว่าวิ่งอยู่ ::014::
ส่วนเรื่องการรณรงค์ผมก็ไม่เคยเห็นครับแต่ตอนไปทำใบขับขี่ครั้งแรก จนท.ก็พูดเรื่องนี้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 28, 2012, 04:48:37 PM นายสมชายก็ยืนยันเหมือนเดิมครับ ว่าคนบนถนนส่วนใหญ่มีแต่คนโง่ขับรถ... ตามกระทู้นี้ 16 คนจาก 20 นั่นคือ 80 เปอร์เซ็นต์เป๊ะ จากหลัก 80/20 ของพาเลโต้เชียวครับ...
เรื่องนี้มีผู้คนพูดถึงกันมากครับ โดยใช้คำว่า"ไฟผ่าหมาก"บ้าง"ไฟตรง"บ้าง... หากค้นกูเกิ้ลฯ ก็จะพบลิ้งก์เพียบครับ ตามนี้ http://www.google.com/search?q=%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81&sourceid=ie7&rls=com.microsoft:en-us:IE-SearchBox&ie=&oe= ... แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว แล้วคนกลุ่มนี้เชื่อไหมครับ ว่าหากใครไปบอกสิ่งที่ถูกต้อง ก็จะโมโห แล้วให้เหตุผลว่า... ก็"ส่วนใหญ่"เขาใช้กันแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ ไม่เชื่อไปถามใครๆก็ได้... ฮา... หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ ธันวาคม 28, 2012, 04:53:25 PM ตามนายสมชาย(ฮา)-รักในหลวง ครับ.....
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2012, 05:44:54 PM ถ้าจับมีเถียงอีกแหน่ะ...ต้องกาง พ.ร.บ.จราจรให้ดู...ถึงกับเงียบ...
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 28, 2012, 05:50:29 PM ดังนั้น... ใครไม่อยากเป็นคนโง่ ต้องปฎิบัติตามกฎจราจรครับ... แฮ่ๆ...
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: SillyOldMan ที่ ธันวาคม 28, 2012, 06:04:17 PM ถ้าไม่ได้มีใครจะตายอยู่ในรถ ผมเรียก"ไฟขอทาน"ครับ จ้าดง่าว ปัญญาอ่อน ::013::
ถ้าจับมีเถียงอีกแหน่ะ...ต้องกาง พ.ร.บ.จราจรให้ดู...ถึงกับเงียบ... ช่วยกระซิบบอกพรรคพวกให้ขยันจับพวกที่ขับเปิดสปอตไลท์ให้หนักๆหน่อยได้ไหมครับพี่ ? เบื่อมาก ..... ฝนไม่ตก หมอกไม่มี จะเปิดสปอตไลท์หาศพพ่องกันรึไงก็ไม่รู้ ขับเข้าด่านตำรวจกลับไม่สนใจจะจับจะเตือน พวกเลยเปิดกันเกร่อเลย อันนี้ก็อีกเหมือนกันspot lightเสือกเขียนกันผิดเป็นสปอร์ตไลท์ พวกฟายๆมันเลยเปิดเป็นรถสปอร์ตกันซะทั่วเมือง ::009:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 28, 2012, 06:38:09 PM เป็นความประสงค์ดีที่อาจทำให้เกิดอันตรายใหญ่หลวงแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้มาก
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2012, 07:36:38 PM ในฐานะที่ผมได้มีส่วนในการปฏิบัติหน้าที่ รณรงค์ลดอุบัติเหตุ อำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ตามนโยบายรัฐบาล
เมื่อได้เห็นการใช้สัญญาณไม่ถูกต้อง ก็รู้สึกไม่สบายใจ และที่น่าสลดใจคือว่า เจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการฯบางคน ยังใช้สัญญาณไฟผ่าหมาก (ใช้คำของพี่สมชายเข้าใจง่ายดี) อย่างไม่ถูกต้องเสียเอง ผมต้องอธิบายทำความเข้าใจเสียตั้งนาน ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วจะเข้าใจหรือไม่ ::004:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: ต้นหนาว ที่ ธันวาคม 28, 2012, 08:14:05 PM วันนี้ขับจาก กทม.มา สุราษฎร์ฯ
เจอคันนึง crv ใหม่ๆ มรันแซงขวารถบรรทุกในทางตรงปกติ... แต่ดันเปิดไฟผ่าหมากมาด้วย...ผมขับขวาอยู่ข้างหน้านึกว่ารถเขามีอะไรฉุกเฉิน...ผมวิ่งขวานำหน้าอยู่ ก็เลยหลบให้ แต่พอมรันแซงพ้นมันก็ปิดไฟผ่าหมาก...อืม ซะงั้น....อยากรู้ว่าใครสอนมรันขับรถ... หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Earthworm ที่ ธันวาคม 28, 2012, 08:47:01 PM มีใบขับขี่แล้วก็จบครับ มีแบบง่ายๆด้วย เรื่องความปลอดภัยไม่เคยรู้หรอกครับ ผมเคยเจอถนนสองเลนแบบมีไหล่ทางรถติดมากดึกแล้วด้วย ก็ช่วงเทศกาลปีใหม่นี่แหละครับ พวกใจร้อนใจเร็ว รอไม่ได้ เวลาเจอรถติดนานๆเข้า ก็ลงไหล่ทางด้านซ้ายก่อน พอไหล่ด้านซ้ายติด พวกก็วิ่งสวนเลนด้านสวนขึ้นไป พอเลนด้านสวนติดอีก พวกลงวิ่งไหล่ทางด้านขวาสุด สรุปว่ามันลงทุกที่ที่ไปได้เลย ผมอยากรู้ว่าถ้าสมมุติคืนนั้น รถน้ำมันคว่ำอยู่ข้างหน้าแล้วน้ำมันนองพื้นอยู่ รถดับเพลิงรถกู้ภัยคงต้องรอให้มันมอดดับเองแล้วคอยเก็บเศษซากเอามั้งครับ :~) ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 28, 2012, 09:25:15 PM ถ้าหลอดไฟขาดก็อาจทำให้คันอื่นคิดว่าจะเลี้ยว ไม่รู้ไฟฉุกเฉินเปิดตอนผ่านสี่แยกใช้ตำราไหนเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: poom34 ที่ ธันวาคม 28, 2012, 11:47:14 PM วินัยจราจร สะท้อนวินัยชาติ
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ ธันวาคม 29, 2012, 12:47:29 AM ;D
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=34742.0 หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 29, 2012, 10:14:21 AM การขับรถเร็วกว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎจราจรหรือไม่ครับ
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ ธันวาคม 29, 2012, 11:03:39 AM สัญญาณ (Signals)
เพิ่มเติมอีกสักนิดก่อนที่คุณจะใช้สัญญาณ เช่น สัญญาณไฟ (รวมถึงไฟเบรก) สัญญาณเสียง ตลอดจนสัญญาณมือ (http://image.ohozaa.com/i/0a5/o8ZGJd.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wy4ADJBCmjQ96Qlq) หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ ธันวาคม 29, 2012, 11:36:27 AM สัญญาณต้องไม่มีการแปล
โดยเฉพาะการใช้สัญาญณไฟฉุกเฉิน (Hazard Light) มักจะพบเห็นว่าใช้กันผิดๆ อยู่เนื่องๆ ขอขอบคุณท่านที่นำเอาประกาศกระทรวงฯ ฉบับที่๑๑ มาเป็นความรู้แก่ส่วนรวม ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ ธันวาคม 29, 2012, 12:05:00 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010::
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 29, 2012, 01:02:13 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010:: ผมเจอสวนเลนแล้วเปิดไฟเตือน+กระพริบไฟสูง คงแปลว่าอย่านะโว๊ยแหลมมาเจอชนแน่หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ ธันวาคม 29, 2012, 02:36:57 PM สัญญาณที่ใช้ยากที่สุดคือ สัญญาณแตร
มักจะถูกแปรความหมายไปในทางผิดๆจนถึงขั้นหยุดรถมาวิวาทกันอยู่บ่อบครั้ง ::007:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 29, 2012, 05:37:33 PM ::014::ขอบคุณครับท่านบุญ
ไฟแบบนี้ ผมเรียกแบบประชดว่า ไฟมหาอำนาจ...เปิดแล้วฝ่าไฟแดงได้...ย้อนศรได้...จอดซ้อนคัน-ขาวแดงได้ ฯลฯ ทีมงานรถบรรทุกเเพื่อนผม ไม่ใช้ไฟแบบนี้มาเป็นสิบปีแล้วครับ หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: day<รักในหลวง> ที่ ธันวาคม 29, 2012, 06:58:35 PM ถ้าไม่ได้มีใครจะตายอยู่ในรถ ผมเรียก"ไฟขอทาน"ครับ จ้าดง่าว ปัญญาอ่อน ::013:: ถ้าจับมีเถียงอีกแหน่ะ...ต้องกาง พ.ร.บ.จราจรให้ดู...ถึงกับเงียบ... ช่วยกระซิบบอกพรรคพวกให้ขยันจับพวกที่ขับเปิดสปอตไลท์ให้หนักๆหน่อยได้ไหมครับพี่ ? เบื่อมาก ..... ฝนไม่ตก หมอกไม่มี จะเปิดสปอตไลท์หาศพพ่องกันรึไงก็ไม่รู้ ขับเข้าด่านตำรวจกลับไม่สนใจจะจับจะเตือน พวกเลยเปิดกันเกร่อเลย อันนี้ก็อีกเหมือนกันspot lightเสือกเขียนกันผิดเป็นสปอร์ตไลท์ พวกฟายๆมันเลยเปิดเป็นรถสปอร์ตกันซะทั่วเมือง ::009:: ตามนี้ครับ หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: pranburi ที่ ธันวาคม 30, 2012, 11:19:18 AM แสดงว่ายังมีคนไม่เข้าใจอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คงไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นได้ใบขับขี่มาโดยไม่ได้ผ่านการสอบ :o
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: ฅนบ้านนอก ที่ ธันวาคม 30, 2012, 12:45:58 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010:: ผมเจอสวนเลนแล้วเปิดไฟเตือน+กระพริบไฟสูง คงแปลว่าอย่านะโว๊ยแหลมมาเจอชนแน่:OO หึยส์ จังแม่น ฮ้ายนิ จารย์เล็กกะดาย :<><> ::005:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 30, 2012, 01:16:12 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010:: ผมเจอสวนเลนแล้วเปิดไฟเตือน+กระพริบไฟสูง คงแปลว่าอย่านะโว๊ยแหลมมาเจอชนแน่บ้านเรามีเรื่องประหลาดหลายเรื่อง - ใช้ไฟฉุกเฉิน เพื่อผ่านทางตรง ซึ่งที่อื่นเขาใช้สำหรับขอความช่วยเหลือ เช่นรถเสีย ป่วยกะทันหัน - ใช้ไฟสูงเพื่อไล่คนอื่น ประเทศอื่นเข้าใช้เตือนให้เห็นเฉย ๆ และถ้ารถสวนกันในที่แคบ ก็จะกระพริบไฟเพื่อให้ทาง ไม่ใช่แย่งทางแบบเมืองไทย - รถนักเรียน เปิดไฟกระพริบไปตลอดทาง ประเทศอื่นเขาจะเปิดไฟตอนจอดส่งนักเรียน เพื่อเตือนให้รู้ว่าเด็กกำลังลงจากรถ และรถที่สวนทางหรือตามหลังก็จะจอดรถให้เด็กข้ามถนนจนกว่ารถนักเรียนจะปิดไฟ หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Pandanus ที่ ธันวาคม 30, 2012, 02:19:57 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010:: ผมเจอสวนเลนแล้วเปิดไฟเตือน+กระพริบไฟสูง คงแปลว่าอย่านะโว๊ยแหลมมาเจอชนแน่บ้านเรามีเรื่องประหลาดหลายเรื่อง - ใช้ไฟฉุกเฉิน เพื่อผ่านทางตรง ซึ่งที่อื่นเขาใช้สำหรับขอความช่วยเหลือ เช่นรถเสีย ป่วยกะทันหัน - ใช้ไฟสูงเพื่อไล่คนอื่น ประเทศอื่นเข้าใช้เตือนให้เห็นเฉย ๆ และถ้ารถสวนกันในที่แคบ ก็จะกระพริบไฟเพื่อให้ทาง ไม่ใช่แย่งทางแบบเมืองไทย - รถนักเรียน เปิดไฟกระพริบไปตลอดทาง ประเทศอื่นเขาจะเปิดไฟตอนจอดส่งนักเรียน เพื่อเตือนให้รู้ว่าเด็กกำลังลงจากรถ และรถที่สวนทางหรือตามหลังก็จะจอดรถให้เด็กข้ามถนนจนกว่ารถนักเรียนจะปิดไฟ เป็นไฟคนละชุดกับไฟเลี้ยวเดิมของรถครับ ติดต่างหากตรงมุมบนของรถทั้ง 4 มุม แยกรีเลย์ต่างหาก ขนส่งฯกำหนดให้เป็นไฟเหลืองส้ม ขนาดไม่ต่ำกว่า 5 ซ.ม. ต่อกับรีเลย์กระพริบ ตรงนี้ ขนส่งดัดแปลงระเบียบ"รถโรงเรียน"(สีเหลือง คาดแถบดำกลางคันยกเว้นหน้าหลัง) มาใช้กับ "รถรับส่งนักเรียน" ที่นับวันจะเพิ่มปริมาณขึ้นทุกที ทีนี้จะมีพวกเลี่ยงบาลี หรือพวกตีระเบียบไม่แตก เข้าใจว่า รถที่รับส่งนักเรียน ต้องเปิดไฟกระพริบ ตัวเองคงอยาก"พิเศษ"กว่าเพื่อนอยู่แล้ว ก็เปิดตะพึดตะพือ... หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง ที่ ธันวาคม 30, 2012, 03:49:11 PM ต่อไปก็จะมีรถมาเพิ่มอีกหลายแสนคันครับ
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ ธันวาคม 30, 2012, 04:08:10 PM ผมเรียกไฟหน้าด้านครับ กรณีวิ่งย้อนศรแล้วเจือกเปิดไฟ"ผ่าหมาก"มา (เจอบ่อยด้วย) ::010:: ผมเจอสวนเลนแล้วเปิดไฟเตือน+กระพริบไฟสูง คงแปลว่าอย่านะโว๊ยแหลมมาเจอชนแน่บ้านเรามีเรื่องประหลาดหลายเรื่อง - ใช้ไฟฉุกเฉิน เพื่อผ่านทางตรง ซึ่งที่อื่นเขาใช้สำหรับขอความช่วยเหลือ เช่นรถเสีย ป่วยกะทันหัน - ใช้ไฟสูงเพื่อไล่คนอื่น ประเทศอื่นเข้าใช้เตือนให้เห็นเฉย ๆ และถ้ารถสวนกันในที่แคบ ก็จะกระพริบไฟเพื่อให้ทาง ไม่ใช่แย่งทางแบบเมืองไทย - รถนักเรียน เปิดไฟกระพริบไปตลอดทาง ประเทศอื่นเขาจะเปิดไฟตอนจอดส่งนักเรียน เพื่อเตือนให้รู้ว่าเด็กกำลังลงจากรถ และรถที่สวนทางหรือตามหลังก็จะจอดรถให้เด็กข้ามถนนจนกว่ารถนักเรียนจะปิดไฟ การใช้ไฟสูง ใช้ในกรณีที่จำเป็น เช่น สงสัย สอบถาม หรือจะใช้นำทางก็ได้ แต่ถ้าในระยะ 200 เมตร มีรถสวนเข้ามา ผู้ขับขี่จะต้องลดเป็นโคมไฟต่ำ ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ ธันวาคม 30, 2012, 06:23:04 PM ถ้าไม่ได้มีใครจะตายอยู่ในรถ ผมเรียก"ไฟขอทาน"ครับ จ้าดง่าว ปัญญาอ่อน ::013:: ถ้าจับมีเถียงอีกแหน่ะ...ต้องกาง พ.ร.บ.จราจรให้ดู...ถึงกับเงียบ... ช่วยกระซิบบอกพรรคพวกให้ขยันจับพวกที่ขับเปิดสปอตไลท์ให้หนักๆหน่อยได้ไหมครับพี่ ? เบื่อมาก ..... ฝนไม่ตก หมอกไม่มี จะเปิดสปอตไลท์หาศพพ่องกันรึไงก็ไม่รู้ ขับเข้าด่านตำรวจกลับไม่สนใจจะจับจะเตือน พวกเลยเปิดกันเกร่อเลย อันนี้ก็อีกเหมือนกันspot lightเสือกเขียนกันผิดเป็นสปอร์ตไลท์ พวกฟายๆมันเลยเปิดเป็นรถสปอร์ตกันซะทั่วเมือง ::009:: ;) ::002:: ::002:: โดนใจผมมากครับพี่ ::014:: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 31, 2012, 09:53:00 PM http://www.facebook.com/notes/thailand-international-motor-expo/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%89%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%99/10150997786515867
หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: Mr.MK ที่ มกราคม 02, 2013, 04:05:32 PM ช่วงหลังๆ เวลาไปทำใบขับขี่ หรือไปต่อใบขับขี่ ที่ขนส่งเขาจะต้องให้ดู VDO ก่อน ประมาณครึ่งชั่วโมง
เนื้อหาก็จะสอนเกี่ยวกับ กฎจราจร มารยาทการขับรถ และก็มีการกล่าวถึงการเปิดไฟฉุกเฉินด้วยครับ ว่าใช้เปิดกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ถ้าเปิดตอนผ่านสี่แยกจะกลายเป็นสัญญาณ ตาย ได้เลยครับ :VOV: หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: 2..U ที่ มกราคม 04, 2013, 09:21:58 PM เครดิต.. http://www.vigothailand.com/board/index.php?topic=175763.0
มารยาทในการขับรถ การใช้ถนนร่วมกัน นอกจากกฎหมายราชการแล้ว ยังควรมีมารยาทและความเอื้ออาทรต่อกัน เพื่อให้มีทั้งความราบรื่นและความปลอดภัยในการเดินทาง ผู้ขับรถยนต์ไทยกับมารยาทในการใช้รถใช้ถนนร่วมกันยังมีไม่มากนัก หากไม่หันมาสนใจและรณรงค์ร่วมกัน การรักษามารยาท ก็คงจะถดถอยลงเรื่อยๆ มารยาทและวิธีปฏิบัติต่อไปนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่รวบรวมขึ้น ซึ่งอาจมีอีกหลากหลายแนวทาง ถ้าเห็นว่าสมควรก็นำไปปฏิบัติได้ 1. ข้ า ม สี่ แ ย ก - ต ร ง ไ ป ไ ม่ ค ว ร เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น การข้ามสี่แยกแล้วต้องการตรงไป พร้อมกับเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบสี่มุม เป็นวิธีที่ผิด ! อันตราย ! และแพร่หลายกันอยู่ไม่น้อยเหตุผลที่ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินในกรณีนี้ เพราะผู้ขับรถยนต์ที่มาด้านซ้าย-ขวา จะเห็นไฟกะพริบด้านหน้าเพียงมุมเดียว เสมือนเป็นการเปิดไฟเลี้ยว โดยไม่ทราบเลยว่าเป็นการเปิดไฟฉุกเฉินกะพริบพร้อมกันสี่มุมซ้าย-ขวา ลองนึกภาพแล้ว จะพบว่า ไฟเลี้ยวด้านหน้า แม้จะกะพริบพร้อมกันซ้าย-ขวา แต่ผู้ขับรถยนต์คันที่มาด้านข้างในแต่ละด้านจะเห็นไฟกะพริบเพียงมุมเดียว โดยเฉพาะผู้ที่มาจากด้านซ้าย จะไม่ชะลอความเร็วลงหรือไม่ให้ทาง ด้วยคิดว่ารถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉินจะเลี้ยวซ้าย เพราะไม่เกี่ยวกับเขาเลยนอกจากนั้นในมุมอื่น หากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นๆ อาจเข้าใจผิดว่าคิดเป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น ในกฎหมายจราจรไม่มีการระบุไว้ว่า ต้องเปิดไฟฉุกเฉินเมื่อต้องการข้ามสี่แยกแล้วตรงไป วิธีปฏิบัติที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ เบรกชะลอความเร็วลง มองซ้าย-ขวา เมื่อเส้นทางว่างพอ ก็ตรงไปด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยไม่ต้องเปิดสัญญาณไฟใดๆ ใช้สมาธิและเวลามองรถยนต์คันอื่น ปลอดภัยกว่าเสียสมาธิและเวลาเปิด-ปิดสวิตช์ไฟฉุกเฉิน 2. ฝ น ต ก ห นั ก ไ ม่ ค ว ร เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น นับเป็นความหวังดี แต่อาจให้ผลร้าย ที่เกรงว่าผู้ร่วมทางจะไม่สามารถมองเห็นรถยนต์ ของตนเมื่อฝนตกหนักในความเป็นจริง ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพราะจะแยงสายตา และหากมีรถยนต์บางคันบังรถยนต์คันที่เปิดไฟฉุกเฉิน ผู้ขับรถยนต์คันอื่นๆ อาจเข้าใจผิดว่าเป็นการเปิดไฟเลี้ยวเฉพาะมุมที่เขาเห็น รวมถึงการเปลี่ยนเลนโดยไม่ปิดไฟฉุกเฉินก่อน เพราะจะไม่มีไฟเลี้ยวให้ใช้บอกเตือนตามปกติ เมื่อฝนตกหนัก วิธีปฏิบัต ิที่ถูกต้องและปลอดภัย คือ ชะลอความเร็วลง ชิดเลนซ้าย-กลาง และเปิดไฟหน้าแบบต่ำ หรือถ้ามีไฟตัดหมอกหลังสีแดงเพิ่มอีก 2 ดวง ก็ควรเปิดด้วย แล้วขับด้วยความระมัด ระวังไฟฉุกเฉินมีไว้ใช้เมื่อฉุกเฉินจริงๆ เช่น รถยนต์จอดเสีย เกิดอุบัติเหตุบนผิว จราจร รถยนต์ถูกลาก (ถ้ามีโอกาส ทำป้ายหรือเขียนกระดาษแปะด้านท้ายว่า - รถลาก- จะช่วยให้ปลอดภัยขึ้น) ในกรณีที่เปิดไฟฉุกเฉินในรถยนต์ถูกลาก ควรชิด เลนซ้าย และถ้าต้องการเปลี่ยนเลน ควรปิดไฟฉุกเฉินแล้วเปิดไฟเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร 3. ส ป อ ต ไ ล ต์ / ไ ฟ ตั ด ห ม อ ก เ ปิ ด เ มื่ อ จำ เ ป็ น มีทั้งติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานและติดตั้งเพิ่มเอง ตำแหน่งอยู่ตรงด้านล่างของกันชนหน้า 2 ดวง/1 คัน รถยนต์บางรุ่นออกแบบให้ใช้เป็นไฟตัดหมอก ซึ่งก็ควรใช้เมื่อมีหมอกตามชื่อเรียกมีการใช้สปอตไลต์/ไฟตัดหมอกที่ผิดมารยาท สร้างความรำคาญ และเริ่มแพร่หลายขึ้นเรื่อยๆ จนอาจลดความปลอดภัยแก่ผู้ร่วมทาง คือ เปิดใช้ในขณะที่เส้นทางไม่มืดมาก ซึ่งไม่จำเป็น แสงสว่างที่แรงนั้นแยงสายตาทั้งผู้ขับรถยนต์คันที่สวนมา และคันนำหน้า ในเส้นทางปกติไม่ควรเปิดใช ้งานเพราะสว่างอยู่คนเดียว แต่ทำให้คนอื่นตาพร่ามัว คล้ายหรือแย่กว่าการเปิดไฟสูงสาดไปทั่วนั่นเอง บางรายหนักข้อด้วยการเปิดเพียงไฟหรี่ แล้วเปิดสปอตไลต์เพิ่มความสว่าง นับเป็นการรบกวนสายตาของเพื่อนร่วมทางอย่างมาก ก็ไม่ทราบว่าทำเพื่ออะไร ! สาเหตุที่หลายคนเปิดสปอตไลต์หรือไฟตัดหมอกด้านหน้า โดยไม่เกรงใจผู้ขับรถยนต์คันนำ หรือคันที่สวนทางมา เพราะคิดไปเองแต่เพียงว่า ตำแหน่งของสปอตไลต์อยู่ต่ำ ไม่น่าแยงตาเหมือนการเปิดไฟสูง ในความเป็นจริง ไฟส่องสว่างที่ติดตั้งอยู่ต่ำก็อาจแยงตาได้ ถ้ามีแสงแรงและมีการกระจายแสงมากๆสปอตไลต์ส่วนใหญ่มีแสงแรง และมีการกระจายแสงมากจนแยงตาแบบประกายแฉก ถ้าอยากเปิดใช้จริงๆ ควรเปิดแล้วออกไปมองอย่างรอบคอบว่า จะแยงตาผู้อื่นหรือไม่ (ส่วนใหญ่-แยงตา) หากไม่แน่ใจ ก็ไม่ควรเอาเปรียบผู้ขับร่วมทางด้วยการเปิดสปอตไลต์โดยไม่จำเป็น ควรเปิดเมื่อมืดจริงๆ และแน่ใจว่าไม่รบกวนผู้อื่นสำหรับคำถามที่ว่า แล้วผู้ผลิตรถยนต์ติดตั้งสปอตไลต์มาเพื่ออะไร แล้วจะได้ใช้เมื่อไรเพราะกลัวไม่คุ้มค่า ผู้ผลิตรถยนต์หลายรายระบุในคู่มือประจำรถยนต์ว่า สปอตไลต์ควรเปิดเมื่อจำเป็นและไม่รบกวนคนอื่น หรือควรเปิดเมื่อหมอกลง และไม่ควรเปิดใช้ต่อเนื่องนานๆ เพราะจะร้อนเกินไปจนจานฉายเสื่อมได้ง่าย การเปิดสปอตไลต์ต่อเนื่องจนร้อน เมื่อต้องลุยน้ำกะทันหัน กระจกด้านหน้าของสปอตไลต์อาจแตกร้าวได้ การติดตั้งสปอตไลต์เพิ่มเติมเองผิดกฎหมาย ทั้งมีการเปิดใช้และไม่ได้เปิด จะไม่ผิดกฎหมายก็ต่อเมื่อมีฝาครอบปิด และไม่ได้เปิดใช้บนเส้นทางเรียบปกติ 4. ถ้ า มี ไ ฟ ตั ด ห ม อ ก ห ลั ง ค ว ร เ ปิ ด เ มื่ อ ห ม อ ก ล ง ห รื อ ฝ น ต ก ห นั ก เ ท่ า นั้ น รถยนต์บางรุ่นมีสวิตช์พิเศษสำหรับไฟตัดหมอกด้านหลัง คือ ไฟท้ายสีแดงเพิ่มขึ้นอีกข้างละดวง และมีความสว่างมากกว่า ไฟท้ายปกติมาก เพื่อใช้เตือนผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาเมื่อหมอกลง ฝนหรือหิมะตกหนัก หากเปิดใช้ไฟตัดหมอกหลังสีแดงแสนสว่างในยามทัศนวิสัยปกติแบบในไทย แสงสว่างที่เพิ่มขึ้นมาจะแยงตาผู้ร่วมทางมาก จึงไม่ควรเปิดใช้ในการใช้รถใช้ถนนปกติ และไม่ควรหลงลืมเปิดโดยไม่จำเป็น 5. ก ะ พ ริ บ ไ ฟ สู ง ข อ ท า ง ห รื อ เ ตื อ น บ้างเรียกศัพท์สแลงกันว่า ดิฟไฟสูง คนไทยมักใช้เพื่อเตือนไม่ให้รถยนต์ทางโทตัดเข้ามาหาทางเอกหรือทางตรงทั้งที่ในบางประเทศใช้การกะพริบไฟสูงเมื่อต้องการให้ทาง เพราะแสดงว่าเห็นแล้วและให้ทางไปได้ ในขณะที่คนไทยใช้เพื่อบอกว่า เห็นแล้วว่ากำลังจะตัดทางเข้ามา แต่ไม่ให้เข้ามา กรณีนี้กฏหมายไทยไม่มีกำหนดว่าให้ใช้การกะพริบไฟสูงเพื่อจุดประสงค์ใด อาจเพราะไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นสากลได้ จึงยังคงใช้กันในสไตล์คนไทยได้ แต่ก็มีผู้ที่ใช้เพื่อต้องการให้ทาง ซึ่งน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะต้องเห็นก่อนจึงจะสามารถกะพริบไฟบอกได้คงต้องปล่อยวางและใช้กันไปตามกระแส 6. จ อ ด ใ น พื้ น ที่ ห้ า ม จ อ ด แ ล้ ว เ ปิ ด ไ ฟ ฉุ ก เ ฉิ น นับเป็นการเอาเปรียบสังคมอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นการจอดชั่วคราวก็ตาม เพราะการเปิดไฟฉุกเฉิน แม้จะแสดงว่าจอด แต่ถ้าไม่ใช่เวลาและพื้นที่ซึ่งควรจอดก็ไม่ควรปฏิบัติ อีกทั้งยังผิดกฏจราจรอีกด้วย การเปิดไฟฉุกเฉินจอดในพื้นที่ห้ามจอด ไม่สามารถป้องกันการออกใบสั่งได้ 7. เ ป ลี่ ย น เ ล น - แ ซ ง - ขึ้ น ท า ง ต ร ง แ ล้ ว ค ว ร เ ร่ ง ค ว า ม เ ร็ ว เ พิ่ ม การขึ้นทางตรงจากซอยหรือทางโท รวมถึงการเปลี่ยนเลน ควรกระทำเมื่อเส้นทางว่างพอ เมื่อเข้าเลนที่ต้องการได้แล้ว บางคนไม่สนใจมารยาทต่อผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมา เพราะคิดแต่เพียงว่า ถ้าถูกชนด้านท้ายแล้วจะไม่ผิด เนื่องจากเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้วในทางมารยาท เมื่อเข้าสู่เส้นทางได้เต็มคันแล้ว ควรเร่งความเร็วเพิ่มไล่รถยนต์คันหน้าในระยะที่เหมาะสมให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องสนใจว่ารถยนต์คันหลังห่างแค่ไหน เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังจะได้ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตน 8. ก า ร เ บ ร ก ต้ อ ง ส น ใ จ ร ถ ย น ต์ ที่ ต า ม ม า ด้ ว ย ไม่ใช่เฉพาะเป็นการรักษามารยาท แต่เป็นการเพิ่มความปลอดภัยของตนเองด้วยการเบรก ดูเหมือนผู้ขับส่วนใหญ่จะมองแต่เพียงเป็นการลดความเร็วเมื่อมีสิ่งกีดขวางด้านหน้า โดยไม่ค่อยสนใจมารยาทและความปลอดภัยของผู้ขับรถยนต์คันที่ตามมาถ้ามีโอกาสและเวลาพอ ก่อนการเบรกควรเหลือบ มองกระจกมองหลัง เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสมเพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลัง ไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง และไม่เสี่ยงต่อการเสียโฉมของบั้นท้ายรถยนต์ของตน นอกจากนั้น การแตะเบรกโดยไม่จำเป็นก็ถือว่าเสียมารยาทบ้างเล็กน้อย เพราะไฟเบรกจะสว่าง ทำให้ผู้ขับรถยนต์คันตามมาชะงัก แต่ก็อย่ากังวลมากจนแตะเบรกช้าเพราะอาจเป็นอันตราย การเบรกมิใช่ต้องสนใจแต่เพียงด้านหน้าเท่านั้น ด้านหลังก็ต้องสนใจทั้งความปลอดภัยและมารยาท 9. ก้ ม ศี ร ษ ะ ข อ บ คุ ณ ลื ม ไ ป แ ล้ ว ห รื อ ? ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ผู้ขับมีการก้มหัวขอบคุณเมื่อได้รับการให้ทาง แต่ในระยะหลังมานี้เริ่มมีการหลงลืมไปบ้างโดยอาจเป็นเพราะการรักษาศักดิ์ศรีแบบแปลกๆ เช่น ผู้ขับรถยนต์หรูราคาแพง มักไม่ยอมขอบคุณผู้ขับรถยนต์ราคาถูกที่ให้ทาง หรือผู้ชายมักไม่ยอมขอบคุณผู้หญิง ฯลฯ น่าชื่นชมมาก เมื่อมีผู้ขอบคุณ ให้เมื่อได้รับการให้ทาง หากกลัวจะเสียศักดิ์ศรีแบบแปลกๆ ไม่อยากก้มศีรษะให้ ก็สามารถใช้วิธียกแขน พร้อมแบฝ่ามือครบทั้ง 5 นิ้ว (เน้นครบ 5 นิ้ว เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด) ซึ่งยังดีกว่าการเพิกเฉย การขอบคุณในสิ่งที่สมควร ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด 10. ไ ฟ เ ห ลื อ ง ค ว ร เ ร่ ง ห นี ห รื อ เ บ ร ก ? ตามหลักการที่ถูกต้องอันเป็นสากล แต่ไม่ค่อยมีการปฏิบัติ คือ ต้องเบรกและจอดเมื่อเห็นไฟเหลืองก่อนไฟแดงผู้ขับรถยนต์ไทยส่วนใหญ่ ส่วนใหญ่เมื่อเห็นไฟเหลือง คือ ไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ซึ่งไม่ถูกต้องนัก เพราะการที่ไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ตามหลักการจริงเป็นการเตือนเพื่อให้ผู้ขับชะลอความเร็วและจอด ในเมื่อวิถีการขับรถยนต์ของคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลือง คือ ไฟเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดง ก็คงหลีกหนีไม่พ้น และยากที่จะให้ชะลอความเร็วลงและเบรกเมื่อเห็นไฟเหลืองสว่างขึ้นก่อนจังหวะไฟแดง ถ้าอยากจอดเมื่อเห็นไฟเหลืองแล้วเบรกเพื่อจอด ก็นับเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยจากการถูกชนท้าย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อเห็นไฟเหลืองจะเข้าใจกันว่าเป็นการเตือนให้เร่งหนีการติดไฟแดงหากต้องการฝืนสังคม (ทั้งที่ไม่ผิด) ควรเหลือบมองกระจกมองหลัง เพื่อจะได้ตัดสินใจกดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักและจังหวะที่เหมาะสม เพื่อมารยาท ผู้ขับรถยนต์คันหลังไม่ต้องเบรกจนตัวโก่ง 11. ไ ฟ เ ลี้ ย ว ต้ อ ง เ ปิ ด - ปิ ด อ ย่ า ง เ ห ม า ะ ส ม นับเป็นเรื่องพื้นฐานที่ถูกมองข้าม การเปิดไฟเลี้ยวเป็นเรื่องจำเป็น เพราะกฎหมายกำหนดให้มีการเตือนผู้ร่วมทางล่วงหน้าตามระยะที่เหมาะสมควรเปิดไฟเลี้ยวเมื่อเตรียมเปลี่ยนเลน หรือเลี้ยวล่วงหน้าพอสมควร และไม่ควรเปิดค้างลืมทิ้งไว้ 12. ชิ ด ซ้ า ย เ ส ม อ บนถนนหลายเลนมักมีการเตือนว่า -ขับช้า ชิดซ้าย- ซึ่งไม่ค่อยตรงกับหลักการขับปลอดภัยและมารยาทในการใช้ถนนนัก เพราะจะมีรถยนต์แล่นอยู่เลนขวาตลอด โดยคิดว่าความเร็วที่ใช้ในขณะนั้นถือว่าเร็วแล้ว ซึ่งอาจเป็นเพราะกฎหมายไทยกำหนดให้ใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อใช้ความเร็วเกินขึ้นไปแล้ว ก็มักคิดไปเองว่าเร็วพออยู่แล้ว จึงสามารถแล่นชิดขวาได้ วิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง รักษามารยาท และปลอดภัยในการใช้เลนขวา คือ -แซงแล้วชิดซ้าย- ไม่ว่าจะใช้ความเร็วสูงเท่าไรก็ตาม เร็วแล้วแต่ยังมีเร็วกว่าได้ ถึงจะผิดกฎหมายในการใช้ความเร็วสูง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ... มารยาทในการขับรถยนต์ เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งเพื่อตัวเองและผู้ร่วมทาง หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ มกราคม 07, 2013, 09:55:17 AM Defensive Driving "การขับรถเชิงป้องกันอุบัติเหตุ"
ทั้งมือเก่า และ มือใหม่หัดขับ น่าจะหันมาดูทางนี้สักหน่อย..... กฎหมาย พรบ.จราจร ฉบับใดก็ตามจะไร้ผล ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนทัศนคติ แนวความคิดของผู้ขับขี่ ...... ::014:: (http://image.ohozaa.com/i/2c1/ZvldZB.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wzdVcmDFwZZriEz8) หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: พรานบุญ หลงกรุง ที่ มกราคม 07, 2013, 10:00:42 AM พิจารณาสามเหลี่ยม (เจดีย์) แห่งอุบัติเหตุ ....
(http://image.ohozaa.com/i/cd8/xR94y2.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wzdWiqyBYMOTIBQk) หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: kit ๖๗๖๗ รักในหลวง ที่ มกราคม 07, 2013, 10:21:00 AM พิจารณาสามเหลี่ยม (เจดีย์) แห่งอุบัติเหตุ .... (http://image.ohozaa.com/i/cd8/xR94y2.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/wzdWiqyBYMOTIBQk) ขอบคุณครับ :) หากต้องการลดอุบัติเหตุที่รุนแรง(ตาย) ต้องลดขนาดฐานของเจดีย์ คือการกระทำที่ไม่ปลอดภัย หัวข้อ: Re: การใช้สัญญาณไฟกระพริบฉุกเฉิน เริ่มหัวข้อโดย: korpat ที่ มกราคม 07, 2013, 07:31:05 PM สัญญาณที่ใช้ยากที่สุดคือ สัญญาณแตร มักจะถูกแปรความหมายไปในทางผิดๆจนถึงขั้นหยุดรถมาวิวาทกันอยู่บ่อบครั้ง ::007:: เคยวิ่งมาจากหัวหินเข้าชะอำ เห็นรถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากข้างทางวิ่งแบบส่ายไปมา ผมเลยปีบแตรนิดนึงเพื่อให้เค้ารู้ว่ามีรถมาจากด้านหลัง พอผมแซงได้ก็มาติดสัญญาณไฟ รถมอเตอร์ไซค์ก็มาทันผมพร้อมกับถีบรถผม แต่ไม่โดนนะครับผมมองกระจกข้างอยู่ เค้าก็มาจอดด้านหน้าชี้ว่าผม แล้วก็ขี่รถวนกลับมาถีบอีก แต่ก็ไม่โดน เค้าเซไปโดนรถข้าง ๆ แล้วก็บิดหนีไป ผมกับแฟนก็งง ๆ ใจก็โมโห อีกใจก็ไม่อยากมีเรื่องครับ |