หัวข้อ: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: physics teacher ที่ กรกฎาคม 15, 2006, 03:52:49 PM ..ถ้าไม่เหมาะสม วมต.ลบทิ้ง เผื่อยังไม่มีผู้ยังไม่ทราบ..
;)รายละเอียด : เจอข้อมูลนี้โดยบังเอิญ วีรบุรุษนักบิน โอวีเทน2 ท่าน ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ก่อนวันแห่งความรักเพียงหนึ่งวัน ช่วงเวลานี้ประชาชนคนไทยกำลังส่งความรักและความห่วงใย ไปให้เหล่าทหารหาญที่กำลังทำศึกสงครามอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว บริเวณบ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก การรบเกิดขึ้นมาแล้วหลายวัน กองทัพบกส่งกองกำลังทั้งทหารราบ ทหารม้า และ ทหารปืนใหญ่จำนวนมากเข้าพื้นที่การรบเพื่อหวังชัยชนะในดินแดนบ้านร่มเกล้า ที่สำคัญคือการรบเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย แม้ชีวิตทหารเหล่านี้เขาก็สละได้เพื่อประเทศไทย และประชาชนที่อยู่แนวหลัง เช้าวันนี้ เครื่องบินโจมตีจาก ฝูงบิน ๔๑๑ กองบิน ๔๑ เชียงใหม่ ซึ่งถูกส่งมา ปฏิบัติหน้าที่สนามชายแดนที่กองบิน ๔๖ พิษณุโลก เพื่อเข้าทำการลาดตระเวณและใช้อาวุธทั้งระเบิด ปืนกลอากาศ และจรวดสนับสนุนกองกำลังภาคพื้นดินอย่างใกล้ชิดตามร้องขอ น.ท. สมนึก เยี่ยมสถาน ผู้บังคับฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ ๔๑๑ ทำหน้าที่นักบินในวันนี้ โดยมี ร.อ.ไพโรจน์ เป้าประยูร รองผู้บังคับหมวดบิน ๒ ฝ่ายยุทธการ ฝูงบิน ๔๑๑ เป็นนักบินที่ ๒ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา ให้นำหมู่บิน บ.จ.๕ เข้าโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายภาคพื้นบริเวณบ้านนากอก ขณะที่นำหมู่บินเข้าโจมตีเป้าหมาย ด้วยการดำลงเพื่อทิ้งลูกระเบิดและยิงจรวดตามยุทธวิธีของเครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ที่จ็อกกี้ม้าป่าเหล่านี้ฝึกฝนมาเป็นแรมปีจนจำขั้นตอนได้เป็นอย่างดีนั้น ข้าศึกซึ่งได้เตรียมอาวุธต่อสู้อากาศยานและมีการป้องกันทางอากาศที่ดีที่คาดว่า ฝ่ายเราจะต้องใช้ยุทธวิธีโจมตีทางอากาศก่อนที่กองกำลังภาคพื้นจะลุกตามมา จึงหันปืนต่อสู้อากาศยานและจรวดนำวิถีแบบ เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ ยิงระดมเข้ามาใส่เครื่องบินหัวหน้าหมู่ที่ดำลงมาเป็นเครื่องแรก ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ยอมเอาชีวิตเข้าแลกโดยมิได้หวั่นไหวเกรงต่ออันตรายที่จะได้รับ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จให้ได้ ทั้งกระสุนปืนต่อสู้อากาศยานและปืนเล็กประจำกาย มากมาย ไปจนถึงจรวดต่อสู้อากาศยานระดมยิงเข้ามาที่เครื่องบินโจมตี โอวี-๑๐ ซี หมายเลข ทอ. บ.จ.๕-๘/๑๔ ( Sel. No. 158403 ) ของ หัวหน้าหมู่บิน น.ท.สมนึก เยี่ยมสถาน ไม่ต่างไปจากเวลาเรานั่งดูหนังสงครามหรือเวลาเราเล่นเกมส์ซิมมูเรเตอร์ อย่างไงอย่างนั้น จะต่างกันตรงที่นี่คือชีวิตจริง ถ้าพลาดคือ GAME OVER จริงๆ เมื่อดูจาก ห่ากระสุนมากมายที่ระดมยิงขึ้นมาก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว และแล้วจรวดนำวิถีด้วยความร้อนแบบประทับบ่ายิงรุ่น เอสเอ-๗ หรือ แซม-๗ จากฝีมือการยิงของ สหายสอนเพ็ชร ก็พุ่งเข้าที่เครื่องยนต์ขวา ปีกขาดและไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วทันที เลข ๑๓ หรือ ลักกี้นัมเบอร์ก็เป็นเลขนำโชค์ของฝ่ายข้าศึกจนได้ มีการบันทึกของฝ่ายทหารลาวผู้ทำการยิงไว้ว่า เขายิงเครื่องบินแบบ โอวี-๑๐ ซี ของ กองทัพอากาศไทย ได้เมื่อเวลา ๑๓ .๑๓ น. ของวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ ปีกที่ขาดและเกิดเพลิงลุกไหม้ทันที ทำให้เครื่องบินเสียการทรงตัว น.ท.สมนึก มีความรู้สึกหน้ามืดและกำลังจะหมดสติ แต่ก็ยังสามารถกำหนดอาการหมุนของ ม้าป่า พิการ ได้ว่าหมุนไปแล้ว ๓ รอบ ในขณะที่หมุนและกำลังจะขาดสติอยู่นั้น น.ท.สมนึก ก็ได้ยินเสียงนักบินผู้ช่วย ร.อ.ไพโรจน์ ตะโกนใส่ปากพูดว่า "ครูโดด" ซ้ำหลายครั้ง เพื่อให้ น.ท.สมนึก ทำการดีดตัวสละเครื่องก่อนที่จะตกถึงพื้นระเบิด น.ท.สมนึก รวบรวมกำลัง ดึงสายฉุกเฉินเพื่อทำการดีดตัวออกจากเครื่อง เครื่องบินโจมตีแบบ โอวี-๑๐ ซี เป็นเครื่องบินโจมตีใบพัดที่ติดตั้งเก้าอี้ดีดตัวทั้งสองตัว โดยที่นักบินไม่ต้องปีนออกมาที่ปีกเครื่องบินก่อนจะพุ่งตัวลงมาให้พ้นเครื่องเพื่อทำการกางร่มช่วยชีวิตเหมือนกับเครื่องบินโจมตีแบบ เอที-๖ และ เอที-๒๘ รุ่นพี่ที่บริษัทนอร์ธอเมริกันผู้สร้าง โอวี-๑๐ ได้สร้างออกมาก่อนหน้านี้และมีประจำการในกองทัพอากาศไทย ระบบเก้าอี้ดีดตัวของ โอวี-๑๐ ซี นั้น ระบบนี้จะถูกตั้งไว้ให้ทำงานแบบ ถ้านักบินที่สองหรือนักบินผู้ช่วยดึงระบบฉุกเฉินในการดีดตัวหรือสละเครื่องนี้ นักบินที่สองจะดีดตัวออกไปเพียงคนเดียวโดยนักบินที่หนึ่งจะติดไปกับเครื่องบิน แต่ถ้านักบินที่หนึ่งดึงระบบฉุกเฉินดีดตัวเพื่อสละเครื่องนี้ นักบินผู้ช่วยจะถูกดีดตัวออกไปก่อน ๐.๔ วินาที และนักบินที่หนึ่งจะดีดตัวออกตามไปพร้อมกับเก้าอี้ นักบินทั้งสองสามารถดีดตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ตกไม่ไกลจากเป้าหมายซึ่งเป็นพื้นที่ยึดครองของข้าศึกขณะนี้ เครื่องบินวีรบุรุษตกระเบิดสนั่นเขา ในขณะที่นักบินหนุ่มทั้งสอง ถูกจับเป็นเชลยอยู่ ๑๒ วัน จนกระทั่งการเจรจาระหว่างนายทหารไทย กับ นายทหารลาว เพื่อสงบศึกมีขึ้น นักบินวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่าน จึงเดินทางกลับประเทศไทย และมีพิธีต้อนรับวีรบุรุษทั้งสองท่านที่สนามบินดอนเมืองอย่างสมเกียรติ อนึ่งในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๓๒ ได้มีพิธีพระราชทานเหรียญกล้าหาญจากเหตุการณ์รบเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยดังกล่าว กับวีรบุรุษบ้านร่มเกล้าทั้งสองท่านด้วย ส่วนเครื่องบิน โอวี-๑๐ ซี ที่ถูกยิงตก ทางการลาวได้รวบรวมชิ้นส่วนไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมกัน เก็บค่าดูคนละ ๑๐ กีบ ข่าวว่า งานนี้เก็บเงินได้มากกว่า หมื่นกีบทีเดียว เรื่องนี้ทำให้คิดถึงเจ้าม้าป่า จัง แถมมะกัน กำลังจะนำ เจ้าม้าป่ามาใช้ในภาระกิจ ทำหน้าที่ลาดตระเวณ สนับสนุนการโจมตีอย่างใกล้ชิด เป็นอากาศยานส่วนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการปฎิบัติการต่ำ.. :OO. หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: kok-krab ที่ กรกฎาคม 15, 2006, 04:46:48 PM OV-10 รับใช้กองทัพมานานแล้ว มีวีรกรรมมากมาย นับถือครับผม 8) 8)
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: BANCHA34 ที่ กรกฎาคม 15, 2006, 05:05:19 PM ตอนนี้ ทราบว่า บริจาคให้ ทอ.ฟิลิปปินส์ไป 1 ฝูงครับ
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: papa.n ที่ กรกฎาคม 15, 2006, 05:25:10 PM >:( ให้เขาเอาหน้าว่าเป็นผู้นำอาเซียน เครื่องบินรบซักฝูงยุคเขาก็ไม่เคยซื้อ เอาเเต่เงินไปหว่านประชานิยมจนต้องเอาสนามบินไปเเลก F-16 เก่าๆเขามาไม่ถึงฝูง ไอ้ข้างใต้เราซื้อ ซู-30 กับf-18d พม่าซื้อ j-10 เราเเค่เงินทำmlu f-16 ไม่มีมีแต่เงินซื้อ ไทยคู่ฟ้า
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: มือปืน อีโบ๊ะ ที่ กรกฎาคม 15, 2006, 09:07:03 PM นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10 พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่ เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ :)
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ กรกฎาคม 16, 2006, 12:40:02 PM ............อ่าน....เรื่องที่ท่าน Say Suriya ขอบคุณผู้ที่ร่วมรบด้วยกันแล้ว................ผมในฐานะผู้ที่อยู่ในแนวหลัง พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะไม่มีส่วนอะไรในการรบกับท่านเลยก็ว่าได้ .....ต้องกราบขอบพระคุณท่านวีรบุรุษผู้กล้า ทั้งหลาย พวกเราแนวหลังซาบซึ้งในวีรกรรมที่ท่านได้ต่อสู้ ปกปักรักษาบ้านเมืองให้เราได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนปัจจุบัน............. ...............แต่พอมีความสุขมาก ๆ เข้า ก็เริ่มหาเรื่องกันเองละครานี้ เพราะว่ามันสบายเกินไปแล้วไง......ชักเริ่มจะไม่เป็นสุขอีกแล้ว...ขณะนี้.........เฮ้อ....... หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: physics teacher ที่ กรกฎาคม 16, 2006, 02:30:49 PM ..เครื่อง F-5 เราที่โดน ผกค สอยร่วงที่เขาคร้อ หรือ ที่ภูหินร่องเกล้า(เก็บไว้เป็นพิพธภัณฑ์ ใครเคยไปเที่ยวถ่ายรูปลงให้ดูน่าจะดี) ยุคที่เราปราบปรามช่วงปี22-25(จำไม่ได้) ไม่ทราบว่าเขาใช้อาวุธอะไรยิง เพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องเจ๊ต และทันสมัยพอสมควรในช่วงนั้น..ถามเพื่ออยากรู้ ถ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตอบผมหลังไมค์ก็ได้.. ;D
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ กรกฎาคม 16, 2006, 04:39:32 PM ..เครื่อง F-5 เราที่โดน ผกค สอยร่วงที่เขาคร้อ หรือ ที่ภูหินร่องเกล้า(เก็บไว้เป็นพิพธภัณฑ์ ใครเคยไปเที่ยวถ่ายรูปลงให้ดูน่าจะดี) ยุคที่เราปราบปรามช่วงปี22-25(จำไม่ได้) ไม่ทราบว่าเขาใช้อาวุธอะไรยิง เพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องเจ๊ต และทันสมัยพอสมควรในช่วงนั้น..ถามเพื่ออยากรู้ ถ้าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ตอบผมหลังไมค์ก็ได้.. ;D วีรกรรมของนักบินเอฟ-5 เอ ใน สมรภูมิเขาค้อ โดย...พ.อ.อ.รัชต์ รัตนวิจารณ์ ปี พุทธศักราช 2513 เมื่อกองทัพอากาศต้องสูญเสียนักบินและเครื่องบิน เอฟ-5 เอ เป็นเครื่องแรกในการรบ...... การโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเพิ่มมากขึ้น มีการใช้เครื่องบินขับไล่ไอพ่นเข้าโจมตีเป้าหมายของ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ นอกเหนือจากการที่เคยใช้เครื่องบินโจมตีใบพัดแบบต่าง ๆ มาหลายปี ในวันที่ 6 ตุลาคม พุทธศักราช 2513 เวลา 12.00 น. กองทัพอากาศมีคำสั่งให้เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ บ.ข.18 หรือ เอฟ-5 เอ จากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 13 กองบิน 1 ดอนเมือง และ เครื่องบินขับไล่ไอพ่นแบบ บ.ข.17 หรือ เอฟ-86 เอฟ จากฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 43 กองบิน 4 ตาคลี เข้าโจมตีสองเป้าหมายที่มีการตรวจการณ์พบ เป็นหมู่บ้าน 40 หลัง ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันว่าเป็นบ้านพักของ ผกค. และมีบ้านพักของ ผกค.ระดับชั้นหัวหน้ารวมอยู่ด้วย และอีกเป้าหมายเป็นบ้านถ้ำหวาย จังหวัดเพชรบูรณ์ การโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนการชี้เป้าหมายจาก เครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอ-1 จาก ฝูงบิน 71 กองบิน 7 สัตหีบ ขณะเข้าโจมตีทางอากาศ เครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-5 เอ หมายเลขเครื่อง 1313 (เลข ทอ. บข.18-3/10 Sel.No.66-9161 ) ถูกฝ่าย ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ยิงตกบริเวณ เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ ทำให้ เรืออากาศเอกชาญชัย มหากาญจนะ ซึ่งเป็นนักบินเสียชีวิตภายในเครื่องบิน กองกำลังร่วมได้เข้าทำการช่วยเหลือนักบินที่คาดว่ารอดชีวิต โดยการส่งทั้งเครื่องบินโจมตี เฮลิคอปเตอร์ และกองกำลังทหารภาคพื้นดินของกองกำลังผสมตำรวจ ทหาร พลเรือน ซึ่งในวันต่อมาเมื่อมีการเข้าถึงเครื่องบินและพบศพนักบินผู้เสียสละชีวิตตนเอง เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยในวันนั้นแล้ว ยังพบศพทหารฝ่ายคอมมิวนิสต์จำนวนมากที่เสียชีวิตใกล้จุดที่เครื่องบินตก อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศยังคงส่งเครื่องบินขับไล่แบบ เอฟ-5 เอ เข้าโจมตีเป้าหมายต่าง ๆ ในเขตงานจังหวัดเพชรบูรณ์อีกหลายภารกิจ และหลายปีจนสงครามสงบ อนึ่งกองทัพอากาศได้ปูนบำเหน็จเลื่อนยศขึ้นเป็น "นาวาอากาศโท"พร้อมเหรียญกล้าหาญ ให้ เรืออากาศเอกชาญชัย มหากาญจนะ ซึ่งเป็นนักบินที่เสียชีวิต พุทธศักราช 2519 ก่อนหน้านี้ การรบในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ถูกขยายตัวออกไปยังจังหวัดข้างเคียง และมีการสนับสนุนอาวุธที่ทันสมัยจากประเทศที่ไม่หวังดีต่อประเทศไทย ต้นเดือนกุมภาพันธ์ การรบเป็นไปอย่างดุเดือด หน่วย พตท.1617 ต้องสูญเสีย ผบ.หน่วย คือ พ.ท.เจริญ ทองนิ่ม ผบ.พัน.สอ.ที่ 1 ขณะออกปฏิบัติการรบตามแผนยุทธการดอนเจดีย์ 2 ในพื้นที่ กองทัพอากาศจึงส่งเครื่องบินเข้าปฏิบัติการจำนวนมากและหลายเที่ยวบินขึ้น จนต้องเสียเครื่องบินโจมตีแบบ เอที-6 ไปหนึ่งเครื่องพร้อมชีวิตนักบิน เรืออากาศโทสมจิตร พงษ์เพชร ในวันที่ 11 เมษายน ครั้นในวันที่ 11 มิถุนายน พุทธศักราช 2519 เวลา 11.13 น. กองทัพอากาศมีคำสั่งให้ ฝูงบินขับไล่ยุทธวิธีที่ 13 กองบิน 1 ดอนเมือง (ขณะนั้นเริ่มที่จะย้ายกองบิน 1 ไปอยู่ที่โคราช แล้ว ) เข้าโจมตีเป้าหมายที่ 29 เป็นครั้งที่สอง ภายหลังจากที่ เอฟ-5 เอ ซึ่งมี เรืออากาศเอกชวลิต ขยันกิจ และเรืออากาศโทพงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ เป็นนักบิน ได้เข้าทิ้งระเบิดนาปาล์มไปครั้งหนึ่งเมื่อวันวาน เช้านี้นักบินทั้งสองนายกลับเข้ามาโจมตีซ้ำอีกครั้งโดยเป้าหมายดังกล่าวเป็นหุบเขา และที่พักขนาดใหญ่ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ประมาณ 23 หลัง โดยมีพื้นที่ทำการเพาะปลูกขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่ในเขตเขาค้อ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ขณะที่ เรืออากาศโท พงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ ซึ่งเป็นหมายเลขสอง ( หมายเลข 1333 เลข ทอ. บข.18-17/17 Sel.No.71-0264 ) เข้าโจมตีถูกฝ่ายตรงข้ามยิงอาวุธไม่ทราบชนิด ในระยะสูงประมาณ 1,000 ฟุต โดยเครื่องบินได้ทำการเลี้ยวซ้ายมุดลงระเบิดในกลางป่าห่างจากเป้าหมายประมาณ 2 กม. ซึ่งจากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศที่เครื่องบินตรวจการณ์แบบ โอวัน ได้ถ่ายภาพมาพบว่าเครื่องบินไฟไหม้ตกลงในหุบเขา เขตบ้านภูชัย เขาค้อ ห่างจากแม่น้ำเข็กราว 1 กม. และมีลักษณะคล้ายนักบินดีดตัวออกจากเครื่อง การช่วยเหลือนักบินที่คาดว่ารอดชีวิตจึงเริ่มขึ้น ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดินได้ถูกปฏิบัติทันที ในขณะนั้น พลตรียุทธศิลป์ เกสรศุกร์ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธการ กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นบิดาของนักบินผู้ที่ถูกยิงตก ได้มาร่วมปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้ด้วย การค้นหาและช่วยเหลือมีการส่งเครื่องบินและทหารจำนวนมาก เข้าไปค้นหาตามพิกัดที่ได้จากการแปลความภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งการปฏิบัติครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามสูญเสียเป็นจำนวนมาก เนื่องจากฝ่ายเราส่งกำลังทหารหลายชุดเข้าปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามฝ่ายตรงข้ามที่แฝงตัวอยู่ภายในจังหวัดพิษณุโลก ได้แจกใบปลิวโจมตีบิดาของนักบินว่าใช้อำนาจพาคนไปตายเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยเหลือลูกชายตนเอง ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น หนังสือพิมพ์ เดอะเนชั่น ได้ลงภาพ สหายที่ยืนแอ็คชั่นอยู่ข้างซากเครื่องบิน เอฟ-5 ที่ถูกยิงตก ทำให้หน่วยข่าวกรองของเราประเมินได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามได้ถอดเอาวิทยุค้นหาออก แล้วเดินออกไปไกลจากเครื่องบิน ทำให้ฝ่ายเราคาดการณ์ว่านักบินยังมีชีวิตอยู่ จึงไม่ทราบจุดที่ชัดเจนของนักบินเมื่ออยู่ในพื้นที่ป่าทึบ อย่างไรก็ตามแม้ขณะนั้นเราก็ยังสรุปไม่ได้ว่านักบินยังมีชีวิตอยู่หรือสูญเสียชีวิตไปแล้ว เวลาผ่านไปหลายปีโดยยังมีการรบอยู่จนถึงปีพุทธศักราช 2526 สงครามครั้งนี้จึงสงบลง และเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พุทธศักราช 2526 ภายหลังสงครามสงบนั้นเอง ได้มีชาวม้งสองคน ชื่อนายช่อ แซ่ลี หรือ สหายสามารถ และ นายแย๊ะ แซ่ลี หรือ สหายพิชัย ได้เข้ามาติดต่อกับทหารอากาศที่ชุดสนับสนุนทางอากาศโดยตรงที่ 331 ว่า ได้เป็นผู้ฝังศพนักบิน เรืออากาศโทพงษ์ณรงค์ เกสรศุกร์ ที่เสียชีวิต ซึ่งเขาเล่าว่าสภาพศพนั้นเริ่มเน่าอยู่ในลักษณะนอนหงาย จึงคาดว่าดีดตัวออกจากเครื่องบินแล้ว แต่งชุดบินอยู่ครบ มีสิ่งของประกอบด้วยนาฬิกา เงิน 1,500.- บาท วิทยุสนาม ปืนพก และรูปถ่ายหญิงสาว โดยชาวม้งได้ทำการฝั่งศพใกล้กับซากเครื่องบินราว 10 เมตร ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2519 ภายหลังจากที่เขาเข้าไปยังซากเครื่องบินที่เดิม มีทหารฝ่าย ผกค.เต็มไปหมดได้ ทางเจ้าหน้าที่ทหารอากาศได้เข้าไปตรวจสอบและขุดศพนักบินที่ยังคงอยู่ในชุดบินกลับมาทำพิธีทางศาสนาต่อไป โดยกองทัพอากาศได้ปูนบำเหน็จเลื่อนยศขึ้นเป็น "นาวาอากาศตรี" ส่วนซากเครื่องบินส่วนหนึ่งได้นำไปตั้งแสดงอยู่ที่ ฐานอิทธิ บนเขาค้อ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอนุสรณ์ของ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เสียชีวิตในการรบที่เขาค้อ จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: มือปืน อีโบ๊ะ ที่ กรกฎาคม 16, 2006, 04:39:53 PM ............อ่าน....เรื่องที่ท่าน Say Suriya ขอบคุณผู้ที่ร่วมรบด้วยกันแล้ว................ผมในฐานะผู้ที่อยู่ในแนวหลัง พูดง่าย ๆ ว่าแทบจะไม่มีส่วนอะไรในการรบกับท่านเลยก็ว่าได้ .....ต้องกราบขอบพระคุณท่านวีรบุรุษผู้กล้า ทั้งหลาย พวกเราแนวหลังซาบซึ้งในวีรกรรมที่ท่านได้ต่อสู้ ปกปักรักษาบ้านเมืองให้เราได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนปัจจุบัน............. ...............แต่พอมีความสุขมาก ๆ เข้า ก็เริ่มหาเรื่องกันเองละครานี้ เพราะว่ามันสบายเกินไปแล้วไง......ชักเริ่มจะไม่เป็นสุขอีกแล้ว...ขณะนี้.........เฮ้อ....... หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: Jackpot ที่ กรกฎาคม 16, 2006, 10:12:29 PM เมี่อก่อนสติกเกอร์ติดป้ายวงกลมอนุญาตผ่านกองบิน41ที่เชียงใหม่มีรูป OV-10 เขียนไว้ พอ OV-10 ปลดประจำการก็มีรูป L-39 มาแทน ส่วนตัวผมไม่ค่อยประทับใจนักเพราะเห็น OV-10 มันบินผ่านหลังคาบ้านทุกวันตั้งแต่เกิด จู่ๆก็มาบอกว่าปลดประจำการจะเก็บไว้แค่2ลำนอกนั้นให้ฟิลิปปินส์ ผมล่ะแทบคลั่ง
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 10:52:51 AM นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10 พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่ เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ :) ;D เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ ;D ;D ต้นกำเนิดของคำว่า "ไอ้ปากหมา" มาจากเครื่อง Cessna L-19 (O-1) Bird Dog ซึ่งเริ่มมาจากความต้องการของกองทัพอเมริกาในสงครามเวียตนาม ที่ต้องการผู้รวจการหน้าทางอากาศที่เหมาะสม ซึ่งเครื่องบินที่ใช้อยู่ตอนนั้นล้วนมีความเร็วสูง บินอยู่เหนือพื้นที่การรบหรือเป้าหมายได้ไม่นาน จึงได้นำเอาเครื่องบิน L-19 มาใช้ ทั้งสามเหล่าทัพ มีสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของฉายาไอ้ปากหมาจากการทาสีเป็นรูปปากหมามีลิ้นห้อยที่จมูกเครื่อง โดยติดจรวดควัน 4 นัดที่ปีกสองข้าง เพื่อใช้ยิงชี้เป้าให้อากาศยานโจมตีหรือบอกพิกัดให้ปืนใหญ่ยิง คุณสมบัติของไอ้ปากหมาคือบินช้าทำให้ค้นหาเป้าหมายง่าย บินอยู่เหนือพื้นที่ได้นาน แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกยิงสูง เพราะต้องบินต่ำ ความเร็วช้า และไม่ได้ติดอาวุธอื่นใดอีก แต่ก็มีบางเครื่องที่นักบินดัดแปลงติดปืนกลเอาเอง นักบินไอ้ปากหมาถือว่ากล้าหาญมาก เพราะต้องบินคนเดียวอยู่เหนือพื้นที่การรบเป็นเวลานาน บางครั้ง (และบ่อย) กว่าจะหมดภาระกิจบินกลับฐานเครื่องบินมีแต่รูกระสุนจากปืนประเภทต่าง ๆ มากมาย ถ้าโชคร้ายก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน :-\ (http://www.globalsecurity.org/military/systems/aircraft/images/o-1.jpg) (http://www.hurlburt.af.mil/basewide/airpark/o1/images/o-1efrontleft.jpg) (http://www.hurlburt.af.mil/basewide/airpark/o1/images/o-1efrontright.jpg) (http://squawk-flash.org/19th_tass/media/images/BACK%20SEAT%20(test%20flight)%201967.jpg) (http://squawk-flash.org/19th_tass/media/images/o1_rx_config_freeman.gif) หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: มือปืน อีโบ๊ะ ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 11:00:52 AM เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ
-ขอขอบคุณคุณ NaiMai ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่แปลชื่อผมผิดครับ. ผมเป็นผู้ชายนะฮ้า :~) :~) หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: NaiMai>รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 11:17:10 AM เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ -ขอขอบคุณคุณ NaiMai ที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แต่แปลชื่อผมผิดครับ. ผมเป็นผู้ชายนะฮ้า :~) :~) ;D ขออภัยครับพี่ เชื่อครับว่าชาย 100% นักรบชุดดำยืนเล็ง AK47 อยู่อย่างนั้น ;D หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 11:19:57 AM นักบินทั้ง 2 ท่านคือ "วีระบุรุษ" ในสนามรบที่แท้จริงครับ พูดถึง OV 10 พวกผมเรียกว่า"ไอ้ปากหมา" ครับไม่ใช่ดูถูกเหยียดหยามนะครับ เป็นชื่อที่ ผกค.,ขจก.,จคม. ในป่ามันเรียก ได้ยินมันพูดบอกกันใน ว. เลยเรียกตามเล่นๆ OV 10 เคยร่วมรบกับผมมาหลายสมรภูมิ ตั้งแต่ เขาค้อ,ยุทธการ "ใต้ร่มเย็น 9,11,15" และในเขตงานอิสานใต้ ปี 27-28 และ สมรภูมิ "ร่มเกล้า" OV 10 มีส่วนช่วยทางภาคพื้นดินมาก ตั้งแต่ การเปิดเครื่องขยายเสียงพูดบ้าง เปิดเพลงบ้างกล่อมขวัญพี่หาญทั้งหลายที่อยู่ในป่าเป็นแรมเดือน และพูด ปจว. ให้พวกไอ้เปีย,ไอ้จ่อย,ไอ้ไข่นุ้ย ฯลฯ ที่อยู่ในป่าเหมือนกันออกมามอบตัวซะ อย่ารบกันเลยเราคนไทยด้วยกัน ฯลฯ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นนักบินเพราะอยู่กันคนละหน่วย แต่ก็เคารพและนับถือ.โดยเฉพาะ ฝูงบินปีกหมุนที่ 1 ได้เคยช่วยพวกผมรบ ( มากกว่า OV10 ) จนได้ชัยชนะมาทุกสมรภูมิ ขอขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณท่าน จขกท.มากครับ :) ;D เพิ่มเติมพี่สายสุรีย์ครับ ;D ;D ต้นกำเนิดของคำว่า "ไอ้ปากหมา" มาจากเครื่อง Cessna L-19 (O-1) Bird Dog ซึ่งเริ่มมาจากความต้องการของกองทัพอเมริกาในสงครามเวียตนาม ที่ต้องการผู้รวจการหน้าทางอากาศที่เหมาะสม ซึ่งเครื่องบินที่ใช้อยู่ตอนนั้นล้วนมีความเร็วสูง บินอยู่เหนือพื้นที่การรบหรือเป้าหมายได้ไม่นาน จึงได้นำเอาเครื่องบิน L-19 มาใช้ ทั้งสามเหล่าทัพ มีสัญลักษณ์ต้นกำเนิดของฉายาไอ้ปากหมาจากการทาสีเป็นรูปปากหมามีลิ้นห้อยที่จมูกเครื่อง โดยติดจรวดควัน 4 นัดที่ปีกสองข้าง เพื่อใช้ยิงชี้เป้าให้อากาศยานโจมตีหรือบอกพิกัดให้ปืนใหญ่ยิง คุณสมบัติของไอ้ปากหมาคือบินช้าทำให้ค้นหาเป้าหมายง่าย บินอยู่เหนือพื้นที่ได้นาน แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกยิงสูง เพราะต้องบินต่ำ ความเร็วช้า และไม่ได้ติดอาวุธอื่นใดอีก แต่ก็มีบางเครื่องที่นักบินดัดแปลงติดปืนกลเอาเอง นักบินไอ้ปากหมาถือว่ากล้าหาญมาก เพราะต้องบินคนเดียวอยู่เหนือพื้นที่การรบเป็นเวลานาน บางครั้ง (และบ่อย) กว่าจะหมดภาระกิจบินกลับฐานเครื่องบินมีแต่รูกระสุนจากปืนประเภทต่าง ๆ มากมาย ถ้าโชคร้ายก็ไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน :-\ (http://www.globalsecurity.org/military/systems/aircraft/images/o-1.jpg) (http://www.hurlburt.af.mil/basewide/airpark/o1/images/o-1efrontleft.jpg) (http://www.hurlburt.af.mil/basewide/airpark/o1/images/o-1efrontright.jpg) (http://squawk-flash.org/19th_tass/media/images/BACK%20SEAT%20(test%20flight)%201967.jpg) (http://squawk-flash.org/19th_tass/media/images/o1_rx_config_freeman.gif) ปล.อ่านมากจากแทงโก้นะครับ ;D หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: M629 ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 02:57:05 PM ตามคำขอครับ..
(http://i1.tinypic.com/207tbt0.jpg) (http://i1.tinypic.com/207qioi.jpg) หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: Jackpot ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 04:54:52 PM มีรูป Cessna O-2"ไอ้ปากหมายุคที่สอง"ไหมครับ
หัวข้อ: Re: "เรื่องของ OV-10 ของเรา เมื่อครั้งที่ร่มเกล้า" เริ่มหัวข้อโดย: M629 ที่ กรกฎาคม 17, 2006, 05:19:14 PM บนเขาค้อผมเห็นมีแต่ Birddog(โอ-วัน) ตัวเก่าครับ
(http://i1.tinypic.com/207w4ed.jpg) ส่วน โอ-ทู ดูได้จากที่นี่ครับ http://www.dmbcrtaf.thaigov.net/aircraft/airmainEng.html |