เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

นาน ๆ จะมาที   เริ่มต้นก็ขออนุญาตตั้งกระทู้ถามเพื่อน ๆ พี่ๆ  น้องๆ ในที่นี้ว่า  "ท่านจะสามารถยอมเสียเงินเพื่อซื้ออาวุธปืนที่ชอบได้ในราคาสูงสุด..เท่าใด" 

เพราะสังเกตุราคาอาวุธปืน...มีแต่เพิ่ม และเพิ่มมากขึ้นทุกวัน  และทุกปี  นับตั้งแต่ก่อนมีพวกสวัสดิการฯ เข้ามาแบ่งส่วนการครอบครองออกไป  ปืนตลาดก็ราคาเพิ่มขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย  ปืนสวัสดิการก็..ตามไปอย่างกระชั้นชิด  แต่ไม่ว่าราคาเท่าใด..ก็ยังมีคนถามหากันอยู่...!!!????  ก็เลยเกิดความสงสัยว่า...ราคาปืนจะต้องขึ้นไปจนถึงสูงสุดเท่าใด..ที่พวกเราจะยอมแพ้...ไม่ไปต่อ  สำหรับคนธรรมดา ๆ ที่ต้องการใช้ปืนเพื่อปกป้องชี้วิตและทรัพย์สินฯ

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ 

สมการของผม 

ความอยาก + ความคุ้มค่า +สภาพทางการเงิน   = ราคา ที่รับได้      ครับ  ::014::

ตามความเหมาะสมของตัวปืน.........และถ้าแพงแต่อยากได้ก็จะเอาจนได้เหมือนกันครับ

..ผมเลิกซื้อปืนสวัสดิการตั้งแต่ปี 53 มาแล้ว เพราะรับไม่ได้กับราคาที่ขึ้นเอา ๆ .. ::004:: ประกอบกับการบริหารจัดการของบรรดาร้านปืนที่เข้าร่วมโครงการที่เฮงซวย..จากที่เคยเป็นระบบสัญญาซื้อขายดี ๆ ..กลายเป็นระบบเห็นแก่ได้ ใครมือยาว"ตัดสด"ได้ทันที.. :D~
..ส่วนปืนหน้าร้านยิ่งไม่ต้องคิดถึงเลย... ::001::

ความอยาก.....ชนะการขึ้นราคาทั้งปวง ครับ อิอิ

ราคาไปตามเวลาครับ  ปืนราคา  7  หมื่น ในปัจจุบัน  ยังรู้สึกว่าถูกพอ ๆ กับราคา  8  พัน ในอดีต    อนาคตคนมีเงินเดือนหลาย ๆ แสน อาจซื้อปืนราคาหนึ่งล้านได้โดยไม่ต้องคิดมาก   :D

ยอมรับได้ไม่เกินกระบอกละ 4 ล้านครับ... เพราะหากราคาเกินกว่านั้นจะย้ายบ้านหนีโจร/ขโมย, แล้วเอาตังค์ปริ่ม 4 ล้านไปซื้อทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กๆ ย่านชานเมืองที่ปลอดภัยอยู่ครับ หากหลังเล็กกว่านี้อยู่ไม่ได้แล้วครับ อึดอัดแย่เลย...

แต่เขียนไปนี่ก็นึกไปด้วย... เอาเข้าจริงๆ ราคาเกินกว่านั้น 10 เท่าก็ต้องยอมจ่ายครับ เพราะราคาปืนมันต้องเทียบกับราคาชีวิต เพราะต้องยอมสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ สละอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตครับ...

นายสมชายว่าหากรัฐบาลนี้ยังอยู่ในอำนาจฯได้อีก, ปืนดื่นๆเช่นลูกโม่สมิธฯ ออโต้ Glock 19 จะราคากระบอกละไล่เรียกับอีโค่คาร์ครับ... คือกระบอกละประมาณ 4 - 6 แสนบาทครับ, มีหลักคิดว่าซื้อกระบอกเดียวตามความจำเป็นเพื่อความปลอดภัย ทำนองเดียวกับซื้อรถยนต์อีโค่คาร์ ก็เพราะเข้าซอยเปลี่ยวไม่ปลอดภัยนั่นแหละครับ(ลงสถานีรถไฟฟ้าหน้าปากซอยแล้วต้องเดินเข้าซอยอีกไกล+เปลี่ยว)...

ผมจะหยุดซื้อปืนสวัสดิการก็ต่อเมื่อปืนที่ต้องการมีราคาใกล้แสน   ถ้ากระบอกไหนยี่ห้อไหนราคายังไม่ถึงแสนก็คงตามเก็บกันต่อไป ;D

  
    ผมซื้อแต่ปืนสวัสดิการครับ เริ่มกระบอกแรกปี51 แล้วก็ซื้อมาเรื่อยๆปีละกระบอก (จะมีปืนหน้าร้านค้าก็แค่ซีแซด452 ) ถึงตอนนี้รวม5กระบอก ใช้เงินไปทั้งสิ้นก็ 189,000 บาทแล้วละครับ ยังไม่รวมค่ากระสุนแบบและขนาดต่างๆที่ใช้ผ่านมาอีก รวมประมาณ 30,000.-บ. นี่ก็รอใบ ป.๓ .38 อยู่ อีกเดี๋ยวกลางเดือนมิ.ย.56นี้ ก็คงต้องจ่ายเงินที่มีในกระเป๋า ให้กับบริษัทต่างชาติที่ชื่อ รูเกอร์คอมปานีอ๊อฟอเมริกาอีก 48,000.-บ.นั่นแหละครับ ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจนำมาเพื่อป้องกันชิวิตและทรัพย์สินหลอกครับ แต่คนที่ทำงานเขาซื้อกัน ผมก็เลยต้องการมีบ้าง อีกอย่างก็สนองความต้องการในวัยเด็ก ที่เล่นปืนปลอมมาตลอด และที่ต้องซื้อหลายกระบอกก็เพราะ ไอ้เราจะไปขอเขารองยิงขนาดอื่นๆที่เราไม่มี ก็ทำได้แค่วันที่เขาไปยิงด้วยกันเท่านั้น จึงต้องซื้อไว้หลายขนาดที่เราต้องการจะยิงหน่อย แต่ก่อนบ้าแต่มอเตอร์ไซค์ใหญ่อย่างเดียวเลย สำหรับผมแล้วโดยสรุปคือมีไว้เพื่อต้องการที่จะยิงกระสุนขนาดนั้นๆที่เราต้องการยิงเท่านั้นครับ ไม่ได้เน้นยี่ห้อแพงๆ ราคาที่ผมรับได้ก็จึงไม่เกิน 50,000.-บ.เท่านั้นครับ และปืนของผมแต่ละกระบอกก็ราคาไม่เกินนี้ สำหรับตัวสีแดงข้างบน ผมว่าตัวผมเอง และหลายๆท่านในนี้ เกินจุดนั้นไปแล้วล่ะครับ

ทองคำยังมีลงราคา...ปืน...ไม่ยอมลงราคาเลย...หิหิหิ...ก็อย่างว่าแหละครับความอยากได้อะไรที่มันแพงก็ต้องซื้อ...ลดความอยากได้ลง...เท่าที่มีก็คงเพียงพอกับการใช้งานครับ...

กำลังซื้อ+ความชอบ+นายฯ+ศรีภรรยา คับ :VOV:

รับได้ที่สามเท่าของรายได้ต่อเดือนครับ...

ถ้าแพงกว่านี้...

จะขายปืนเก่ากินครับ...ฮา... ::005::

Ed Brown 2กระบอกเลยนี่ครับ

555555555555555555555555  ความลับถูกเปิดเผย

มันมีวิธีตีราคามูลค่าปืนได้ 2 วิธีครับ...

วิธีที่ 1) ตีราคาแบบ"ความพอใจจ่าย"นั่นคือราคาปืนต้องสมเหตุสมผลกับรายรับ รสนิยม ความชืนชอบ ฯลฯ โดยเทียบกับสินค้าอื่นที่สามารถสร้างความพึงพอใจได้ในระดับเดียวกัน... อย่างนี้ราคาปืนในปัจจุบันเกินมูลค่าความพอใจของนายสมชายไปแล้วครับ...

วิธีที่ 2) ตีราคาแบบ"ประกันภัย" นั่นคือทำนองเดียวกับมูลค่าเบี้ยประกันสูงสุดที่สามารถยอมรับได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในทรัพย์สิน(หรือชีวิต), ทำนองเดียวกับเบี้ยประกันรถยนต์โตโยต้า จะต้องถูกกว่าเบี้ยประกันรถเบ็นซ์ เป็นต้น... อย่างนี้คือมองว่าอาวุธปืนคือ"กรมธรรม์"สำหรับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินครับ(เพราะพึ่งพาตำรวจไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์)...

หากมองว่าปืนคือของจำเป็น... มูลค่าปืนของนายสมชายก็ตามข้างล่างครับ...

ผมเห็นว่าเราเป็นเหยื่อของการตลาดครับท่านyakdee
ซื้อมาแพงแล้วก็บอกตัวเอง หวังกับตัวเองว่า มูลค่ามันจะไม่ลด และจะยิ่งเพิ่มค่าในวันหน้า  ..... ทำอย่างกับซื้อหุ้น   ::005::

ผมมองปืนเหมือนอุปกรณ์เหมือนเครื่องมือ แค่มีพอหยิบใช้ตามงาน เหมือนประแจในกล่องเครื่องมือช่าง ดังนั้นตอนนี้ก็เลยไม่มีปืนอะไรจูงใจให้ผมอยากซื้อได้
แล้วยิ่งเป็นประชาชนชั้นสามด้อยสิทธิ ล่าสุดเมื่อปี53 ซือไรเฟิล308 มา 78K อะไรที่เกินนี้เลยไม่ได้ซื้อแล้วครับ   ;D

ยอมได้ จนกว่า... ความอยากจะหมดไปจากใจครับ  :VOV: :VOV:

ซื้อเพราะพอใจชอบ และขึ้นกับตังค์ที่มี
แตยังดีที่ผมเลือก กึ่งออโต ป้องกันตัว ซึ่งราคายังไม่สูงเกินไปนัก

และมักจะ เดินเร็วกว่า คนอื่น ๑ ก้าวเสมอ จึงไม่ค่อยมีปัญหา เรื่องปืนแพง
ไม่เคยมองพวกปืนแต่ง ปืนยิงเป้่า ปืนที่พอใจชอบ มีจนครบหมดแล้ว

ราคาจึงไม่ใช่ปัญหาของผม แล้วครับ.  :D

 กรณีของท่านนี่ ถ้าเปรียบดังว่าว ก็เรียกว่าติดลมบนไปแล้วละครับ   ;D

+ ให้ทุกๆท่านแล้วครับ.
ความพอใจในเรื่องราคาปืน..ไม่ได้อยู่ที่ความจำเป็นต่อชีวิตของหลายๆ ท่าน  นับว่าเป็นวาสนาของร้านค้าที่ยังคอยต้อนรับท่านเหล่านั้นอยู่ได้เสมอๆ

ส่วนผมเอง. แม้ราคาจะไม่ทำให้มีผลกระทบต่อรายได้. แต่ผมก็พยายามไม่ซื้อมาตั้งแต่ราคามันขยับแบบเอารัดเอาเปรียบมา 5-6 ปีแล้ว เพราะราคาปืนไม่ได้เป็นไปตามธรรมชาติ. ซึ่งหมายความว่า ผิดปกติที่ไม่ได้มาจากกลไกการตลาด แต่เป็นการปั่นราคาไปจนเกินเลยซะมากกว่า. ซึ่งท่านธำรงฯ ได้มองอย่าทะลุประเด็นอย่างตรงเป้า.   

ปืนเป็นแค่เครื่องมือกลไกในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สิน. เทคโนโลยีในการผลิตไม่ได้ซับซ้อนจนทำให้มีผลต่อต้นทุนอย่างเด่นชัด. แต่ที่มีการปรับไปมากๆ เพราะปัจจัยหนึ่งก็มาจากพวกเราที่ตกเป็นเหยื่อของกลไกการสร้างราคา

คนรุ่นใหม่ๆ คงจะหาปืนได้ราคาอย่างสมเหตุสมผล....คงจะยากเต็มทีแล้ว   

สวัสดี :-)

ผมจ่ายแพงกว่าพี่ ธำรงตั้ง ๑๐๐๐ บาทครับ  แต่ตอนนี้อยากได้ .๔๕ มากครับ  หากไม่หนักหนาเกินไปว่าจะพยายามหามาให้ได้สักกระบอกครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลปกครองกลางครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ  ได้มาสักกระบอก  ก็ขอให้ได้อย่างที่ตั้งใจ 

ราคาปืนบ้านเรามันแพงมากจริง ๆ ครับ ผมว่าจะเลิกซื้อแล้ว...  ::004::

อู๊ย...สมพรปากเถอะคร้าบ.... ::014::

แน่ะ...เฮียชิ้วก็เป็นไปกับคุณอ้วนด้วย... :P

ผมว่า 2 กระบอก เงินยังเหลืออีกนะครับนั่น... อิ อิ  ::005:: ::005::

นายสมชายว่าเหลือครับ... เย้...

+ ๑ ให้นะครับ   ดูจากปืนเก่า กองนี้แล้วกันครับ ไม่รวม Daytona .. ราคารวมกัน ราว ๙๐,๐๐๐.- ถ้ารวมก็ ราวครึ่งล้าน   ::005::

ปืนมือ ๑ ที่ผมได้มา Sig 226 ๒๘,๕๐๐.- Marlin 1894 CS ๒๔,๐๐๐.- Cz 75 Compact ๓๘,๕๐๐.- Glock 19 ๔๓,๐๐๐.- Benelli M 1 S90  ๘ นัด ๔๔,๐๐๐.-  ::008::

ทอนคืนให้แล้ว ครับ.  :D

เรื่องราคาปืนนี่แหละครับ ที่ผมห่วงและไม่สบายใจกับการขึ้นราคาแบบตามใจคนขาย เห็นว่าขึ้นแล้วยังขายได้ ก็ขึ้นต่อไปอีก จนไม่สมเหตุสมผล และเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างมาก แต่อาวุธปืน ไม่ถูกจัดเป็นสินค้าจำเป็นที่ได้รับความคุ้มครองและควบคุมในเรื่องราคา ผู้ที่ซื้อปืนไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใครว่าปืนราคาแพงเกินเหตุ ผมว่า พวกเราที่วัยอยู่ในกลุ่มผู้อาวุโส ทันได้เห็นปืนราคาหลักพันอยู่หลายปี แต่ปัจจุบันพูดกันเป็นเรือนแสน รู้สึกสลดใจกับราคาปืนครับ พวกเด็กรุ่นใหม่ที่รักปืนและพ่อแม่ไม่ได้หาไว้ให้ ลำบากครับ กว่าจะได้ปืนกระบอกแรก ย้อนมาดูหัวข้อกระทู้ ว่าจะยอมรับราคาปืนได้สูงเท่าใด สำหรับผมปืนสั้นธรรมดาเกินแสนก็ไม่อยากซื้อแล้วครับ ซึ่งราคาปืนหน้าร้านปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ผมยอมรับไม่ได้แล้วครับ

ขอบคุณครับพี่สำหรับกำลังใจครับ

เดี๋ยวจะยื่นขอกู้ให้เข็ดเลย... ::005::

เช่นกันครับถ้าถึงแสนผมก็รับไม่ได้แน่นอนและก็คงต้องเลิกซื้อแบบถาวร   ตอนนี้มีปืนสวัสดิการที่ราคายังไปไม่ถึงบางยี่ห้อผมก็ทยอยเก็บไปเรื่อยๆก่อนที่จะปิดโครงการและเท่าที่กำลังทรัพย์จะมีและหาได้ละครับ. :D

เอากี่ล้านดีครับพี่... ::005::

ราคาเท่าไหร่ก็แพง ปืนไม่มีเหตุจำเป็นก็ไม่ได้ใช้มัน ทั้งชีวิตจะมีกี่ครั้งที่จะต้องใช้มันจริงๆจัง หรืออาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ( แต่ผลสุดท้าย เท่าไหร่ก็ซื้อ ใจมันรักรัก )