เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 01:29:18 PM



หัวข้อ: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 01:29:18 PM



พระในบ้าน



กิร ดังได้สดับมา


คุณนายคนหนึ่งมีฐานะดี เป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญตักบาตรและสนทนากับพระ บางวันหลังจากตักบาตรแล้วก็จัดอาหารใส่ปิ่นโตหิ้วไปถวายสมเด็จฯ ที่วัดซึ่งอยู่ไม่ไกลบ้านนัก รอจนกระทั่งท่านฉันเสร็จแล้วก็อยู่สนทนาธรรมกับท่านตามสมควรแล้วก็กลับทำอยู่เช่นนี้จนเป็นที่รู้จักคุ้ยเคยของพระเณรในวัด


มาวันหนึ่งหลังจากคุณนายกลับแล้วพระอุปัฏฐากได้กราบเรียนเล่าถวายสมเด็จฯว่า แม่ของคุณนายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แต่คุณนายให้ย้ายไปอยู่ห้องคนใช้หลังตึกใหญ่ ส่วนตัวเองกับลูกอยู่บนตึกใหญ่ซึงก็เป็นของแม่ตัวเองอย่างสุขสบาย อาจอายเพื่อนฝูงที่มาพบปะกันประจำว่ามีคนแก่อยู่ในบ้านทำให้ดูเกะกะก็ได้ ที่สำคัญคือไม่ค่อยเอาใจใส่ดูแลแม่เท่าที่ควร ปล่อยให้คนใช้ดูแลตามยถากรรมอดๆ อยากๆ เวลาไปหาแม่ก็พูดจาไม่เพราะ ชอบกระแนะกระแหนแช่งด่าให้ตายวันตายพรุ่ง ผิดกับที่มาพูดที่ยัดซึ่งพูดจาอ่อนหว่านเจ้าคะเจ้าขา คุณนายดูเผินๆเป็นคนใจบุญ แต่ที่บ้านเป็นอย่างนี้ เมื่อพระเล่าจบสมเด็จฯ ก็นิ่ง ไม่พูดจาต่อความอะไร


วันหนึ่งสมเด็จฯไปธุระนอกวัด ขากลับต้องผ่านบ้านคุณนายพอดี ทราบว่าคุณนายพร้อมลูกๆอยู่บ้าน จึงแวะเข้าไปเพื่อเยี่ยมเยียนคุณนายดีใจมากที่สมเด็จฯมาเยี่ยมถึงบ้านถือว่าเป็นมงคล กุลีกุจอต้อนรับพร้อมบอกลูกๆให้มากราบเพื่อขอพร หลังจากไต่ถามสุขทุกข์ตามธรรมเนียมการเยี่ยมแล้วสมเด็จฯจึงถามคุณนายว่า


“พระในบ้านของโยมมีบ้างไหม”


คุณนายได้ยินเข้าก็รีบตอบทันที่ว่า “มีเจ้าคะ ที่บ้านมีห้องพระอยู่ข้างบน มีพระเก่าๆหลายองค์ นิมนต์ขึ้นไปดูก็ได้เจ้าค่ะ”


สมเด็จฯคิดว่าคุณนายยังเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ จึงยิงคำถามตรงๆ ว่า
“คุณแม่ของคุณนายอยู่ไหม อยากจะเยี่ยมท่านสักหน่อย”


ได้ยินเข้าคุณนายถึงกับเสียวแปลบไปถึงหัวใจ จะตอบไปตามตรงว่าแม่อยู่หลังบ้านก็กลัวท่านจะเดินไปดูและจะตำหนิตนเมื่อเห็นสภาพของแม่ จึงอึกอักพูดหน้าตาเฉยว่าแม่ไม่อยู่ ออกไปเยี่ยมญาติคงอีกนานกว่าจะกลับ สมเด็จฯท่านก็ไม่ต่อความอีกเพราะรู้ความจริงชัดเจนแล้วว่าอะไรเป็นอะไรจึงลากลับวัด ทำให้คุณนายโล่งองไปเป็นกอง


หลายวันต่อมาคุณนายนำอาหารไปถวายสมเด็จฯ ที่วัดแต่เช้าเพื่อกราบขอบพระคุณที่ไปเยี่ยมถึงบ้าน สมเด็จฯก็เลยถามว่า


 “พระในบ้านของโยม โยมดูแลเรียบร้อยดีแล้วหรือ”


“เรียบร้อยแล้วเจ้าคะ ก่อนจะมานี่ได้ตักบาตรพระหน้าบ้านและนำอาหารไปไหว้ที่ห้องพระเรียบร้อยจึงได้มานี่แหละค่ะ” คุณนายตอบด้วยความเข้าใจผิดเช่นเดิม


“อาตมามิได้หมายถึงพระพุทธรูปในห้องพระ แต่หมายถึงพระที่มีลมหายใจคือแม่ผู้มีพระคุณของโยมน่ะ” สมเด็จฯจึงพูดไปเรื่อยๆ


“คนเราน่ะมีพระที่มีลมหายใจอยู่ในบ้านกันทุกคน คือมีพ่อมีแม่ บางคนเหลือองค์เดียว บางคนเหลือสององค์ ช่างโชคดีที่เหลือให้บูชาในบ้าน ใครเหลือพระกี่องค์ก็ดูแลท่านบ้าง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ปล่อยให้อดๆอยากๆ เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรก็ดูแลรักษากันไป ท่านแก่แล้ว จะกินจะใช้หมดเปลืองไปสักเท่าไรเชียว”


สมเด็จฯเว้นระยะนิดหนึ่งแล้วพูดต่อ
 “คุณนายก็เหมือนกันขอโทษนะที่ต้องพูดความจริง ทราบว่ามีแม่อยู่ในบ้านด้วย แต่โยมไม่ค่อยสนใจความเป้นอยู่ของท่าน ปล่อยให้ท่านอยู่ในห้องแคบๆ อับทึบอยู่หลังบ้าน ทั้งที่ท่านเป็นเจ้าของบ้านและที่ดินที่โยมและลูกอยู่กัน โยมอยู่สบายแต่แม่อยู่ลำบาก ไม่สงสารท่านบ้างหรือ และโยมจัดอาหารถวายพระในห้องพระได้ทุกวัน แต่พระในบ้านคือแม่โยมไม่เคยจัดอาหารให้ แม้ที่โยมจัดหามาถวายอาตมานี้ก็จัดอย่างดี ทั้งๆทีอาตมาเป็นพระนอกบ้านโยม อาหารอย่างนี้น่าจะถวายพระในบ้านก่อนเสียด้วยซ้ำไป”

สมเด็จฯหยุดอีกนิดหนึ่ง เห็นคุณนายก้มหน้างุดอยู่ จึงกล่าวสรุปว่า
“อาตมาต้องขอโทษด้วยที่พูดแรงไปในวันนี้ เพระอาตมาคิดมาหลายวันแล้วว่าจะพูดดีหรือไม่พูดดี สุดท้ายตกลงว่าพูดดีกว่าเพราะสงสารเห็นใจแม่ของโยมและสงสารตัวโยมด้วย ต่อไปลูกหลานของโยมก็จะทำอย่างนี้กับโยมเหมือนกันเพราะเขาได้เห็นตัวอย่างจากโยม ที่พูดมานี่โยมจะโกรธเคืองอาตมาอย่างไรก็ตารมใจเถอะ”

เมื่อสมเด็จฯพูดจบ น้ำตาคุณนายไหลรินอาบแก้มสะอื้นพลางกราบสมเด็จฯ โดยไม่พูดอะไรสักคำ จะโกรธหรือน้อยใจสมเด็จฯก็ไม่ทราบได้ แต่หลังจากนั้นสมเด็จฯ ก็ได้ทราบข่าวว่าคุณนายได้ย้ายแม่เข้ามาอยู่ที่ตึกใหญ่ ดูแลปรนนิบัติด้วยตนเอง เมื่อไม่อยู่ก็กำชับคนใช้หรือลูกๆ ให้ดูแลแทนอย่างดี นับแต่นั้นมาพระในบ้านของคุณนายก็ได้อยู่สุขสบายโดยอาศัยพระนอกวัดไปโปรด.

เรื่องนี้สื่อความให้เห็นว่า

พ่อแม่เป็นพระในบ้าน เป็นทั้งพระพรหม เป็นทั้งพระอรหันต์ เป็นพระเทพคือเทวดาของลูก ทั้งเป็นพระประจำวันเกิดครบทุกวันทุกปาง หน้าที่ของลูกที่จะพึงปฏิบัติต่อพระในบ้านคือปรนนิบัติ ดูแล เอาใจใส่ให้ข้าวให้น้ำ รักษายามเจ็บป่วย ถนอมน้ำใจมิให้ชอกช้ำผิดหวัง และที่สำคัญคือมิควรให้ท่านน้ำตาตกเพราะความผิดหวังในเราผู้เป็นลูก บางครั้งเราเที่ยวหาพระนอกบ้านมาบูชาในบ้าน แต่ลืมบูชาพระในบ้าน เราไปทำบุญกับพระในวัด แต่ปล่อยให้พระในบ้านหิวโหย เราสร้างห้องพระไว้ในบ้านอย่างดี แต่ให้พระในบ้านอยู่ในห้องที่แคบและอับทึบ เรากินใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายฟุ่มเฟือย แต่กับพระในบ้านเรากลับตระหนี่เสียดาย ทั้งที่บางทีเงินทองที่เรากินเราใช้นั้นก็เป็นของท่าน ท่านหาเก็บหอมรอมริบไว้ให้เราแท้ๆ หรือแม้ว่าเราจะหามาได้เอง แต่เราก็ได้อาศัยต้นทุนและเครื่องมือที่พระในบ้านให้มา คืออาศัยมันสมอง สองมือสองเท้า และหูตาที่กำเนิดมาจากท่านและท่านเฝ้าถนอมฟูมฟักมาอย่างดีนับเป็นสิบปียี่สิบปี ถาไม่มีต้นทุนและเครื่องมือที่ท่านให้กำเนิดมา เรามีปัญญาหาเงินทองได้เองหรือ แม้จะมีแขนมีขาเทียม ก็สู้แขนขาที่ได้มาจากพระในบ้านหรือ รู้ได้แค่นี้ สำนึกได้แค่นี้ก็เป็นลูกกตัญญูในระดับหนึ่งแล้ว.




ที่มา หนังสือ กิร ดังได้สดับมา เล่ม ๒
ผู้แต่ง พรธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัญฑิต)


ที่มา http://www.jariyatam.com/forum/13/10








หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 01:45:18 PM
ไม่อยู่แล้วทั้งสองท่าน  กำพร้าครับ


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 02:03:02 PM
::002:: ::002:: ::002::

::014::



หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 04:42:56 PM
1697 ;D ;D ;D ดีใจพระเรายังอยู่


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 04:44:59 PM
บางคนยากจนลำบาก เขาก็อยู่กันได้ ดูแลอย่างดีตามสภาพ

ตัวอย่างนี้ดี ทำไมคนมั่งมีจึงทำเช่นนี้ หวังว่าคงมีไม่เยอะ


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 05:42:53 PM
ผมยังมีโอกาสได้ดูแลทั้งสองท่านครับ แต่บาง (หลาย) ครั้งก็มีเถียงท่านบ้าง  ::014::
+1699 ครับ  ::002::

หมายเหตุ: แก้ไขคำผิด


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 06:30:46 PM
1700 ::014::พระของผม เอาเเต่ใจครับ ไม่ค่อยยอมใคร เเต่ก็คุยกันรู้เรื่อง เเต่กว่าจะรู้เรื่องก็เล่นเอาผมเหงื่อตก การดูเเลหลักอยู่ที่ผม คนอื่นๆก็เเค่เทียวไป-เทียวมา ผมก็คิดในเเง่ดีว่า"เราเป็นลูกผู้ชาย ไม่ว่าเเม่จะอย่างไงเราก็ต้องทำ เราไม่ทำ ใครจะทำ" ::014:: ::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: konklong ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 08:57:43 PM
ไม่อยู่แล้วทั้งสองท่าน  กำพร้าครับ
หัวอกเดียวกันครับ แถมกลายเป็นพระให้ลูกหลานไปซะแล้ว  :D


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Hang Forever ที่ พฤษภาคม 05, 2013, 09:08:55 PM
ผมก็ไม่อยู่แล้วทั้งสองท่าน
ตอนท่านอยู่ก็ปวดหัวกับเรื่องของผม
ตอนนี้ผมก็ปวดหัวกับลูก ..... กรรม


หัวข้อ: Re: พระในบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: 436 ที่ พฤษภาคม 06, 2013, 12:21:20 AM
ถูกต้องเลยครับมีเวลาควรกลับไปเหลียวแลและดูแลท่านให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไมีมีท่านก็ไม่มีเราวันนี้ได้  ::014::