เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

คิดเห็นว่าไงครับ  :)

อยู่ที่มุมมอง
และ สถานะการณ์ไหน 
ใครเป็นผู้กระทำ

ด้วยเพราะ ปกติ มัก เป็นปิดทองหลังพระ
แต่ถ้า เสมือนเป็นการเชิญชวน ให้ร่วมกระทำ
ก็น่าจะยินดี

เช่น  เด็กเก็บเงิน และ กระเป๋าเงินได้
ก็ต้องประกาศ เพื่อ ให้เห็นเป็นสิ่งดีงาม ที่น่ากระทำ เมื่อมีโอกาส
เช่น ชาย ๔ คน ช่วยเหลือ สาวนักท่องเที่ยว ให้รอดพ้นจากการถูกข่มขืน ใน ห้องน้ำ
ก็ประกาศ ให้ รับรู้ และ น่าชื่นชม ที่ไม่นิ่งดูดาย

ถ้าเจ้าตัวประกาศเอง ผมว่าไม่ค่อยงามนะ

คนที่ทำดีมีสิทธิ์เอามาเล่าครับ ตราบที่เล่าเท่าที่ตัวเองทำก็ไม่นับเป็นการสร้างภาพ อย่างมากคือบ่อยนักคนเขาก็หมั่นไส้เอา

ทำดีแตะๆแค่10%แล้วดันมาใส่ไข่ซะเต็มร้อย แถมไปโพทนาเสีย8มณฑลสิที่เรียกว่าสร้างภาพ สมัยนี้เป็รอย่างนี้กันเยอะ  ::005::

หากคุยประกาศหลายๆครั้ง_อาจมีคนหมั่นไส้ได้เหมือนกัน

 ::008::เอาว่าสร้างภาพไว้ก่อน ส่วนอื่นต้องมาดูความเหมาะสม ::008::

ผมมองอย่างนี้ครับ

"ทำดีเอาหน้าดีกว่าชั่วช้าอย่างจริงใจ"

   ทำไมคนทำความดี ต้องอยู่ในมุมมืดของสังคม พอจะออกปากออกเสียง ก็หาว่าสร้างภาพ แบบนี้ใครจะกล้าทำความดีครับ โกงกินมันไปเลย โดนด่านิดเดียว รวยเละ ผู้คนนับถือ สาวติดตรึม โลกยกย่อง
อยากให้สังคมเราเป็นแบบนี้เหรอครับ

ทำดีต้องสรรเสริญ  แต่ถ้าชงเองกินเองไม่น่าจะดีครับ

::011::กระชับ เเน่นอน ::002::

ส่วนนี้ผมเห็นด้วยครับ

ทำดีจะอายอะไร  ส่วนคนอื่นอิจฉา  หรือคนอื่นมันไส้ก็ช่างเค้าสิ  เค้าได้ทำดีบ้างรึเปล่า  หรือมัวแต่อิจฉาคนอื่นเค้า ?

ลองเล่น facebook สิ  เห็นอัพสถานะกัน  ทำโน่นก็อัพ  ทำนี่ก็อัพ  เรื่องของเค้า  ใครจะไปว่า......   ต้องถามว่า.......

คนที่ว่าคนอื่นทำได้อย่างคนอื่นเค้ารึเปล่า   ;)

เอาง่ายๆ ถ้านักการเมืองประเทศไทย "ทำดีเอาหน้า" มันทั้งชาติ

ป่านนี้ประเทศไทยเจริญไปถึงไหนๆแล้วครับ  ::005:: ::005::

สนับสนุนให้คนทำดีเอาหน้าครับ
ดีกว่าไม่ทำห้าแล้วคอยติเตียนเค้าไปวันๆ

"การทำความดีนั้น สำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวเอง ผู้อื่นไม่สำคัญ และไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องเป็นห่วงหรือต้องรอคอยเขาด้วย เมื่อได้ลงมือลงแรงกระทำแล้ว ถึงแม้จะมีใครร่วมมือด้วยหรือไม่ก็ตาม ผลดีที่ทำจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน และยิ่งทำมากเข้า นานเข้า ยั่งยืนเข้า ผลดีก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้น และแผ่ขยายกว้างออกไปทุกที คนที่ไม่เคยทำดีเพราะเขาไม่เคยเห็นผล ก็จะได้เห็นและหันเข้ามาตามอย่าง หลักประกันสำคัญในการทำดีจึงอยู่ที่ว่า แต่ละคนต้องทำใจให้มั่นคง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งแวดล้อม ที่เห็นอยู่ ทราบอยู่ มากเกินไป.... จนเกิดความท้อถอย  เมื่อใจมั่นคงแล้ว ก็ขอให้ตั้งอกตั้งใจ สร้างนิมิตและค่านิยมใหม่ขึ้นสำหรับตัวเอง... ตามที่พิจารณาเห็นดีด้วยเหตุผลอันถูกต้องเที่ยงตรงแล้ว แล้วมุ่งหน้าปฏิบัติดำเนินไปให้เต็มกำลังจนบรรลุผลสำเร็จ ในที่สุด ความดีความเจริญที่ปรารถนาก็จะเกิดทวีขึ้น และจะเอาชนะความเสื่อมทรามต่าง ๆ ได้ไม่นานเกินรอ..."

พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันศุกร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑

ทำดีแล้วต้องบอกให้โลกรู้ครับ ให้คนเห็นว่าทำดีแล้วมีคนสรรเสริญ ความดีจะได้เหนี่ยวนำให้คนทำดีเพิ่มอีก... เส้นแบ่งอยู่ที่ไม่โกหกครับ...
คนไทยเจ้าอารมณ์ ไม่อยากให้เห็นใครเด่นเกินตัว... ต่อมหมั่นไส้มันตื้นเกิน...

::011::ดีครับ หน้ายกให้นักการเมืองไป ตังส์เอาใว้บริหารประเทศ ::011::

หากคิดว่าจะต้องให้คนเห็นว่าเราทำดีด้วยนั้น  เรียกว่าหวังผล ยังมีกิเลสอยู่
คนพวกนี้ไม่ต่างกับพวกฉวยโอกาส  ปัจจุบันมีมาก แล้วใช้มุขเดิมเช่นเปิดฝาให้โชคคนจน
ต่างกับคนคิดดีทำดี เสมอต้นเสมอปลาย ทำไปเงียบไม่หวังให้ใครเห็น
พวกนี้จะมีความสุขในใจ อนิสงค์ได้มากกว่าคนพวกเอาหน้าครับ

ผมว่าถ้าประกาศก็ถือเป็นการสร้างภาพ แต่ในทางที่ดี

พอมากไปก็ทำให้คนคิดไปอีกทางหนึ่ง ;D ;D ;D เห็นเคยมีโครงการที่ว่าทำดีกันวันละหนึ่งอย่าง 60 ล้านคน  60 ล้านความดี ก็ใช้ได้นะ ทำกันบ้างยัง

นึกถึงตอนที่ลูกๆของพี่วรรณ(RUGER)แคะกระปุกมาสมทบฯเลยครับ

คนพ่อpm.มาหลายครั้งว่าเงินนิดเดียวไม่ต้องประกาศ ผมดันทำตรงข้ามเอามาตีปี๊บซะใหญ่โตเป็นพิเศษ อีพี่วรรณมันด่าผมทีนึง แล้วก็ไม่ยอมคุยกับผมไปหลายวัน 555555  ::005::