เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

 บ้านกับที่ดินตัวบ้านเป็นไม้สัก เจ้าของเค้าจะขายล้านกว่าบาท ผมอยากเอาที่ิดินพร้อมบ้านหลังนี้ไปเข้าธนาคารแล้วผ่อนกับธนาคารครับ แต่ทีนี้ผมก็ไม่เคยกู้เงินธนาคารไม่ทราบว่ามีวิธีการขั้นตอนอยากไรบ้างครับ ผมอายุ๓๗ ปีแฟน๓๕ ปี หลักฐานทางการเงินก็มีเงินเดือนแฟน(ไม่ได้จดทะเบียนสมรสครับ)หมื่นกว่าบาท ส่วนผมมีโรงงานเล็กๆคนงานสามสิบคนแต่ไม่ได้จดทะเบียนนะครับเอกสารที่มีก็คือใบหักภาษีณ.ที่จ่าย รายรับก็จะมีตั้งแต่แสนจนถึงสองแสนต่อเดือน และก็หนังสือสัญญาจ้างที่ทำกับบริษัทที่ผมรับงานมาทำครับ แค่นี้แหละครับที่เป็นเอกสารแสดงรายได้ไม่ทราบว่าพอจะมีหวังได้ไหมครับ  รบกวนขอคำแนะนำด้วยครับว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วกู้ธนาคารไหนดีครับ ::014::

รายรับ 1 - 2 แสน/เดือนมีหลักฐานการหักภาษี ณ.ที่จ่าย(รายรับของส่วนตัวไม่ใช่ของโรงงาน) คงที่แน่นอนอย่างนี้เขาไม่สนเรื่องเงินเดือนเมียกับจดทะเบียนโรงงานหรอกครับ... ไปติดต่อธนาคารได้เลย วงเงินกู้ก็จะพิจารณาจากมูลค่าราคาประเมินของบ้าน+ที่ดิน แล้วหารออกมาให้ผ่อนต่อเดือนเต็มที่ไม่เกิน 0.5 ของรายได้/เดือน...

โทร.ถาม ธนาคารที่มีบัญชีเงินฝากอยู่นั่นแหละครับ... แล้วเขาจะบริการเองตามสายอาชีพฯ...

Ha Ha Ha ฮา  "ฮั่นแน่"  พี่ แป จี หล่อ อ่ะ ฮา

มูลค่า  หลักทรัพย์  ตามข้อเท็จจริง  มีราคา " เท่าไหร่" อ่ะ ฮา
ราคาซื้อขาย  หากธนาคาร  "เห็นชอบ"  เขาปล่อยแค่ 80% อ่ะ ฮา
แต่บางที่  เขาก็ดันได้ถึง  90%  ขึ้นอยู่กับ  สถานะ หรือ เครดิต ของคนกู้อ่ะ ฮา
ในกรณีของพี่แป  ยายอ่านว่า  "หลักทรัพย์"  ไม่ได้อยู่ในทำเลทอง อ่ะ ฮา

หรือถ้า "หลักทรัพย์"  อยู่ในโซน ซื้อง่าย ขายคล่อง ฮา
เราก็มีวิธี  "อัพ" ราคาให้สูงขึ้น  เพื่อทีจะไม่ต้อง  จ่ายเงินสด ดาวน์ ส่วนต่างอ่ะ ฮา

ส่วนการ  "กู้ร่วม"  ในกรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรส ฮา
ยายไม่แนะนำ  แต่ถ้าพิจารณา รายไ้ด้  แล้วไม่ผ่านการประเมิน ก็อาจจำเป็นอ่ะฮา

มีธุรกิจ แต่ไม่ได้  "จดทะเบียน"  ฮา
ทั้งๆที่มีรายรับ  ที่เป็น"ค่าจ้าง" เดือนละ  แสน สองแสน ฮา
อันนี้ยายเห็นว่า  เป็นการเสียโอกาส  ทางธุรกิจ อ่ะ ฮา
ไม่มี "ประวัติ"  ธุรกรรม ทางการเงิน ต่อธนาคาร ฮา
ทำให้ขาดความ  "เชื่อถือ"  อ่ะ ฮา

เอกสาร  "หักภาษี ณ ที่จ่าย"  ชื่อของผู้เสียภาษีเงินได้ คือ "ใคร" อ่ะ ฮา
ถ้าเป็นของพี่ แป จี หล่อ  ก็ยื่นแนบพิจารณาได้ เป็นเอกสาร "ชั้นดี" ที่เขาพิจารณา อ่ะ ฮา

คำแนะนำ 
1. เตรียมเงิน  ไว้ 30% ของมูลค่าซื้อขาย  แสดงให้ธนาคารดู
2. เดินไปธนาคาร ที่เราเคย ฝากเงิน หรือเงินผ่านบัญชี
    คุยเสียดังๆ  อย่า "หงอ"  กับสินเชื่อ  บอกว่า  เฮียจะซื้อบ้านหลังนี้
    อยากได้เงิน  แค่ 70%  ของมูลค่าซื้อขาย เอาเอกสารการเสียภาษีให้ดู
    แล้วแนบสัญญา  "จ้างทำของ"  เอกสารย้อนหลัง สาม สี่ ห้าปี

คำแนะนำสุดท้าย  ฮา

5555 ต้องไม่ถูก  blacklist หรือเคยเป็น "NPL"  มาก่อน ฮา  ::007:: ::007:: ::007::

เอกสารประกอบการยื่นกู้

1.โฉนดที่ดินแปลงที่จะซื้อ,ใบอนุญาตก่อสร้าง,สัญญาจะซื้อจะขาย
2.เอกสารส่วนตัวผู้กู้ -บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน
3.เอกสารทางการเงิน - statement ย้อนหลัง 6 เดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ แสดงรายได้

การซื้อบ้าน ถ้าเป็นบ้านที่จะเข้าอยู่อาศัยถาวร ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เปอร์เซนต์การให้กู้จะสูง
แต่ถ้าเป็นบ้านหลังที่ 2 หรือ ซื้อไว้พักผ่อนตากอากาศ คงต้องแจงรายได้-รายจ่ายค่อนข้างละเอียด เพราะธนาคารมองว่าโอกาสปล่อยทิ้งให้ธนาคารยึดมีสูง เปอร์เซนต์การให้กู้ก็จะต่ำ

นอกจากนี้รวมถึงภาระหนึ้อื่น ๆ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ระหว่างเดือนมีมากน้อยแค่ไหน รับภาระการผ่อนชำระได้หรือไม่ ซึ่งธนาคารจะคำณวนโดยละเอียด

สังเกตุพนักงานสินเชื่อดีๆนะครับ ว่าเขาสนใจเรามากแค่ไหน  อาจจะรับเรื่องแล้วดองไว้ ทำให้เราเสียเวลาโดยใช่เหตุถามตรงๆไปเลยว่าจะทำให้หรือเปล่า ไม่ทำไปธนาคารอื่น กู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยจะง่ายกว่ากู้อย่างอื่น พยายามพบกับผู้จัดการโดยตรงจะดีที่สุด เพราะหากปล่อยกู้ได้ เขาจะบังคับเราทำประกันอีกประมาณ8เปอร์เซ็นของวงเงินอนุมัติ นั่นคือผลงานที่เขาจะได้รับ  ไปทุกธนาคารเลยครับ ไม่ต้องกลัว สัญญาซื้อขายถ่ายเอกสารไว้เยอะๆ  หากธนาคารรับเรื่องจะเสียเงินค่าประเมินทรัพย์สิน 2500บาทขึ้นไป หากเสียเงินไปแล้วให้รอบริษัทมาถ่ายรูป ใช้เวลาประมาณ5-7วัน จากนั้นรอสำนักงานใหญ่โทรมา ได้ไม่ได้ก็อยู่ที่สำนักงานใหญ่พิจรณาล่ะครับ
แต่ผมว่ามีรายได้ขนาดนี้ ไม่มีปัญหาครับ ไปหาฝ่ายสินเชื่อเลยครับ ไม่พอใจเราก็เปลี่ยนธนาคาร

โทรมาดีกว่าครับ รายละเอียดแยะ ให้ข้อมูลในฐานะลูกหนี้ขาประจำธนาคาร เบอร์ส่งให้ทางpm

ตามพี่สมชายครับ
แนะนำธนาคารที่เราเดินบัญชีเป็นหลัก

ขอบคุณครับท่านสมชาย(ฮา)

ขอบคุณครับยาย ผมประวัติดีครับ แต่ว่ารถในบ้านสามคันที่ยังผ่อนไม่หมดมีชื่อผมเป็นคนซื้อทั้งนั้นเลยครับทั้งของผมเอง ของน้องเอย ของพ่อเอยชื่อผมทั้งนั้นแต่ไม่เคยค้างค่างวดนะครับ

ขอบคุณครับ บ้านหลังที่จะซื้อนี้จะนับว่าหลังที่สองก็น่าจะได้ครับ แต่ว่าหลังที่อยู่ปัจจุบันนี้ผมสร้างในที่ดินของพ่อครับ

+ทุกท่านครับ ขอบคุณครับ ::014::
  บ้านอยู่นอกเมืองติดถนนใหญ่ก็ไม่ถือว่าทำเลทองครับถ้าทำเลทองจริงๆไร่ละสิบกว่าล้านผมไม่ซื้อหรอกครับไม่รู้จะเอามาทำไม ;D
ผมชอบอยู่นอกเมืองเงียบสงบดีครับ

อย่าลืมลองไปติดต่อพวก ธ.ออมสิน ..ด้วยครับ  ดอกเบื้ยถูก  หรือช่วงนี้กรุงไทยมีโปรโมชั่น ดอกเบี้ยฟรี 9 เดือนแรก...ประหยัดไปได้หลาย

ขอบคุณครับธนาคารแรกที่อยู่ในใจก็คือออมสินนี่แหละครับ

ถ้าหากไม่เชื่อพี่สติงเรื่องนี้...

ก็ไม่รู้จะไปเชื่อใครแล้วครับ...

แกเจ้าพ่อเรื่องนี้อยู่แล้วครับ... :D

ของผมใช้สินเชื่อของธนาคาร ที่มีรูปบ้านสีส้ม ครับ ส่งเดือนละ ๕,๘๐๐ บาท ส่งต้น ๒,๐๐๐ บาท ดอกเบี้ย ๓,๘๐๐ บาท...โอ๊วอยากตาย อีกชาติมันจะหมด...แต่ก็อย่างว่าแหล่ะครับ อยากมีบ้าน ก็ต้องยอม...

ทำไมดอกมันเยอะกว่าต้นละครับ แล้วถ้าส่งเกินกว่าค่างวดได้ไหมครับ

ส่งเกินได้ครับ...แต่ดอกเบี้ยจะยังเท่าเดิมในปีนั้น   ขึ้นรอบปีใหม่ถึงจะคำนวนใหม่จากต้นที่เหลือ

ขอบคุณครับ

ช่วงแรกดอกเบี้ยจะมากว่าเงินต้นครับ
พอผ่อนไปเรื่อยๆ (จ่าย Extra) สัดส่วนของดอกเบี้ยจะน้อยลงไปเรื่อยๆครับ

เงินเข้าออกธนาคาร 1-2 แสนต่อเดือน กับบ้านล้านกว่าบาทนี่ผมว่าธนาคารรีบให้กู้เลยล่ะครับ.....ส่วนตัวผมชอบธนาคารออมสินครับ

ผมก็ชอบธนาคารออมสินครับ เพราะแฟนผมทำงานอยู่ครับ ฮิ ฮิ ฮิ

อย่าลืมเรื่องประกันชีวิตนะครับ

จะมีอยู่ในหัวข้อเจรจาด้วย  :VOV:

การผ่อนชำระเงินกู้ จะกำหนดให้ชำระเดือนละเท่า ๆ กัน สัมพันธ์กับรายได้
ระยะแรก จะเป็นดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น  สัดส่วนดอกเบี้ย : เงินต้น ประมาณ 3:1
แต่พอผ่อนทะยอยผ่อนไป  เงินต้นเริ่มลดลง ทำให้ดอกเบี้ยลดลงตามไปด้วย
เงินที่ผ่อนชำระในจำนวนเท่าเดิม สัดส่วนดอกเบี้ย : เงินต้นก็จะเริ่มเปลี่ยนไป จาก  3:1 เป็น 2 : 2 เป็น 1: 3

กรณีที่จะส่งเกินกว่าค่างวด ต้องแจ้งธนาคารเพิ่มเติมว่า เงินที่จ่ายเกินค่างวด ให้นำไปชำระต้นเงิน(เพื่อให้เราเสียดอกน้อยลง)
ไม่เช่นนั้นธนาคารจะนำไปหักบัญชีค่างวดที่จะผ่อนชำระงวดหน้าครับ

แสดงว่ามี ATM ส่วนตัว  :)

การทำประกันชีวิต ครอบคลุมภาระหนี้ที่มีอยู่เป็นสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน หนี้เงินกู้ที่เกิดจากการค้า/การทำธุรกิจ ควรทำประกันคุ้มครองไว้

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หลาย ๆ ครอบครัว ตอนที่พ่อบ้านหรือเสาหลักยังอยู่ ก็ปกติไม่มีอะไร
แต่พอเสาหลักล้ม ครอบครัวขาดคนหารายได้ มีแต่รายจ่ายพร้อมภาระที่ทิ้งไว้ ดอกเบี้ยก็เดินอยู่ทุกวัน คนที่อยู่ข้างหลังบอกได้คำเดียวว่า มึน ไม่รู้จะทำอะไรก่อนดี เมื่อก่อนวิธีที่ง่ายสุดคือขายทรัพย์สินที่มีอยู่ใช้หนี้ ซึ่งหมายถึงบ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน(ซึ่งยังผ่อนไม่หมด) แล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันละ

การทำประกันชีวิต(ที่ไหนก็ได้ที่เราคิดว่ามั่นคง) โดยกำหนดทุนประกันคลุมหนี้ที่มีอยู่+เงินทุนที่จะให้คนอยู่ข้างหลังอยู่ได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยังเป็นหนี้ จะได้มีเงินมาใช้หนี้ที่เหลือ ไม่ต้องย้ายบ้าน ขายสมบัติ แถมอยู่ได้แบบไม่ขัดสน

เดี๋ยวนี้ประกันมีแบบคืนเงิน ตามระยะ หากเราจ่ายหนี้หมด ก็กลายเป็นเงินสะสมไปใช้ในบั้นปลาย
อย่าประกันแบบหนี้หมด แล้วเลิกกันเพราะเบี้ยอาจจะถูกกว่า แต่เป็นเบี้ยเสียเปล่า

กดได้ 24 ชั่วโมง ::007::

ขอบคุณทุกท่านครับ ไปคุยกับเจ้าของบ้านมาแล้วครับเป็นอันต้องล้มกระดานครับ แพงเกินไปครับจะเอาตั้งสามล้านครับ

ทุกวันนี้โดนห้ามพกเิงินในกระเป๋าเกิน 1 พันครับฮิ ฮิ ฮิ  ถ้าเกินแสดงว่ามีเหตุอันควรสงสัยครับ

ปี2540 ผมส่งบ้าน 10,600 ตัดต้น200ครับ

ของผมห้ามจ่ายเกินที่กำหนดไว้เป็นเวลาสามปี จ่ายทุกเดือนต้นนิดเดียว แต่หลังจากสามปีเริ่มโปะได้ครับ ที่เราโปะไปจะเป็นต้นล้วนๆครับ