หัวข้อ: ดิ ไอดอล เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ กรกฎาคม 30, 2013, 10:24:07 AM ดิ ไอดอล หน้าต่างศาสนา พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ เมื่อย้อนหลังไปกว่า 2,600 กว่าปี ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี สถานที่ปฏิบัติตนของเหล่าฤษี ขณะนั้นเองท่านโกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ กำลังนั่งฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์แรกที่พระพุทธองค์ทรงแสดง พระองค์เริ่มต้นด้วยคำถามต่อวิธีปฏิบัติที่เหล่าชนในโลกทำกันเพื่อแสวงหาความสุข (กามสุขัลลิกานุโยค) และวิธีปฏิบัติเป็นทุกข์อย่างที่นักบวชปฏิบัติกัน (อัตตกิลมัตถานุโยค) ทั้งสองอย่างอาจนำไปสู่ความทุกข์ในบั้นปลายได้ไม่แตกต่างกัน แล้วทรงแนะวิธีคิดแบบสายกลาง (มัชเณนธรรม) ที่เริ่มต้นด้วยการไม่เชื่อมั่นต่อความคิดที่ทำให้เกิดความยึดติดจนเกิดเป็นทุกข์ กับวิธีปฏิบัติแบบสายกลาง (มัชฌิมาปฏิปทา) ที่ค้นหาความพอดี หาจุดสมดุลในการประพฤติตนให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่คล้อยตามกิเลสภายในตนที่ทำให้สูญเสียความสมดุลดังกล่าว ทั้งหมดคือพระธรรมเทศนาสำคัญที่เกิดขึ้นในค่ำคืนอาสาฬหบูชาที่ชื่อ "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" เมื่อเราลองนำหลักการนี้มาใช้กับหลักดำเนินชีวิตทั่วไปบ้างอาจพบข้อคิดบางอย่าง ดังเมื่อเอี๋ยนหุยศิษย์ของขงจื๊อเดินทางเข้าไปซื้อของในตลาดก็ได้ยินเสียงคนซื้อผ้าโวยวายขึ้น "ท่านโกงข้า 3 คูณ 8 ได้ 23 ทำไมท่านให้ข้าจ่ายตั้ง 24" พอเอี๋ยนหุยได้ยินจึงพูดออกไป "ด้วยความเคารพนะพี่ชาย 24 นะถูกแล้ว" ทำให้คนซื้อผ้าเกิดความไม่พอใจถึงขนาดท้าพนันกันโดยให้ขงจื๊อเป็นคนตัดสิน คนซื้อผ้ายอมตัดหัวตัวเองถ้าเขาผิด ส่วนเอี๋ยนหุยยอมถอดหมวกปลดตัวเองจากตำแหน่งทันที พอขงจื๊อฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตัดสินให้คนซื้อผ้าว่าคิดถูกแล้วทำให้เอี๋ยนหุยโกรธในใจแต่ก็ยอมถอดหมวก และขอลาอาจารย์กลับบ้าน ขงจื๊อก็ไม่ได้ทักท้วงแต่เตือนว่า "อย่าหลบซ่อนกายใต้ไม้ใหญ่ อย่าทำร้ายใครถ้ายังไม่แจ้งชัด" ระหว่างทางเกิดพายุแต่เขาก็จำคำอาจารย์ได้จึงไม่กล้าหลบใต้ต้นไม้ พอเขาเดินจากไปก็เกิดสายฟ้าผ่าที่ต้นไม้ใหญ่ เขาเดินต่อจนถึงบ้านก็ดึกมาก พอขึ้นไปถึงห้องภริยาก็เห็นเงาใครนอนอยู่ข้างๆ ความโกรธทำให้เขาชักดาบออกมาแต่พอคิดถึงคำอาจารย์จึงเก็บดาบแล้วจุดตะเกียงจึงรู้ว่าเป็นภริยาและน้องสาวของเขาที่มานอนเป็นเพื่อนกันเพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง พอรุ่งเช้าเอี๋ยนหุยรีบกลับไปหาอาจารย์โค้งคำนับแล้วถาม "ท่านอาจารย์ล่วงรู้ดังเทวดา ศิษย์นับถือ" "ก็ไม่ยากเพราะเมื่อเย็นอากาศแปรปรวนน่าจะมีฟ้าร้องฟ้าผ่า และอีกอย่างตอนเธอกลับไปพร้อมอารมณ์โกรธอาจทำอะไรไปไม่ยั้งคิด" ขงจื๊อบอกและอธิบายต่อ "แล้วที่เธอโกรธเราว่าที่ตัดสินความผิด แต่เธอลองคิดดูถ้าเราตัดสินให้เธอถูก ชายคนนั้นก็ต้องตาย แต่หากตัดสินให้เขาถูก เธอก็แค่เสียหมวกและศักดิ์ศรี เธอคิดดูว่าหมวกกับชีวิตอะไรสำคัญกว่ากัน" พอฟังจบเอี๋ยนหุยถึงกับคุกเข่าขอขมาที่โกรธไปเพราะความเข้าใจไปเอง การใช้ชีวิตที่ดำเนินไปตามความคิดของตนทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเมื่อเราถูกคนอื่นก็ผิด จนเกิดความโกรธเกลียดกัน เพราะยึดมั่นแต่เหตุผลของตนเองจนลืมเหตุผลที่ดีกว่าไป ลองคิดแบบเป็นกลาง หาหนทางที่ถูกต้อง วางตนไม่ยึดติด รับฟังข้อคิดที่มีประโยชน์จากผู้อื่น นั่นคือต้นแบบแห่งความสุขที่อดีตได้ฝากฝังไว้ |