เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: pasta ที่ สิงหาคม 10, 2013, 05:52:05 AM



หัวข้อ: ทฤษฎีอมยิ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: pasta ที่ สิงหาคม 10, 2013, 05:52:05 AM

ทฤษฎีอมยิ้ม

หน้าต่างศาสนา
พระมหาขวัญชัย กิตฺติเมธี สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ


หากเราคิดจะชื่นชมคำสักคำที่ตั้งขึ้นเพื่อเรียกชื่อสิ่งของอะไรสักอย่าง ผู้เขียนนึกถึงคำว่า "อมยิ้ม" ซึ่งเรียกชื่อวัตถุชิ้นเล็กๆ ที่เราเคี้ยวกินยามว่างที่สุดแสนมหัศจรรย์ เราก็ลองนึกภาพตัวเองกำลังนั่งเครียดหรือรอคอยอะไรสักอย่างนานๆ การมีลูกอมหรืออมยิ้มเม็ดเล็กๆ อยู่ในปากอาจช่วยทำให้เวลานั้นผ่านไปได้ง่ายดาย



หากลองมองย้อนดูความเป็นมาของอมยิ้มยิ่งไม่ธรรมดาไปใหญ่ เพราะอมยิ้มอาจมีที่มาตั้งแต่มนุษย์ยังอาศัยอยู่ในถ้ำได้พยายามนำปลายไม้ไปจุ่มน้ำผึ้งแล้วนำมากิน พอนำไม้นั้นวางไว้บนปลายลิ้น รสชาติแห่งความหวานจะค่อยๆ ซึมซาบไปทั่วทำให้รู้สึกถึงความสดชื่น และแล้วน้ำผึ้งปลายไม้ในวันนั้นก็ค่อยๆ กลายมาเป็นลูกอมหรืออมยิ้มอย่างที่เราพบเห็นกันในวันนี้



การไม่จางหายไปของอมยิ้มก็น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะเท่าที่เรารู้กันว่าอมยิ้มไม่ได้ช่วยอะไรในด้านคุณค่าทางอาหารเลย นอกจากทำให้เราเพลิดเพลินได้เท่านั้น แต่ถ้าเรามองให้ลึกหน่อยจะพบว่าอมยิ้มอาจมีอะไรมากกว่านั้น



เพราะอมยิ้มทุกชนิดมีบางอย่างที่น่าสนใจนั่นคือ "ความหวาน" และความหวานนี้เองช่วยเปลี่ยนอะไรในชีวิตให้ง่าย ยิ่งขึ้น



ลองพิจารณาดูเวลาคนอื่นตำหนิเราด้วยถ้อยคำต่างๆ นานาจนพานให้อารมณ์ไม่ปกติ พระพุทธองค์ก็จะทรงแนะให้เราเปลี่ยนความหมายของคำไม่ดีเหล่านั้นเสียใหม่ให้น่าฟังขึ้นด้วยการฉาบทาความหวานเข้าไปแทนที่



เหมือนที่เวรัญชพราหมณ์ กล่าวตู่พระพุทธองค์ว่า "เป็นคนไม่สนใจอะไร" พระพุทธองค์ก็ตรัสเสียว่า "จริงเลยพราหมณ์เราไม่สนใจรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เราตัดได้หมดแล้ว ไม่ให้เป็นเหตุแห่งทุกข์ในภายหลังอีก" จากคำที่สร้างความเสียหายให้กับ ผู้ฟังกลับกลายเป็นคำที่มีความหมายดีๆ ได้อย่างน่าทึ่ง



หรือถ้ามีคนมาทำให้เราโกรธ หงุดหงิดใจ ก็ให้ถือเสียว่าช่วงเวลานั้นเหมาะแล้วที่จะเปลี่ยนความหงุดหงิดนั้นให้กลายเป็นความหวานไปเสีย โดยเปลี่ยนคนตรงหน้าที่ทำให้โกรธนั่นแหละให้กลายเป็นอมยิ้มแห่งความสุขไป



ก็ลองสังเกตดูใบหน้าของคนโกรธนั้นสิ จะเห็นว่าไม่มีรอยยิ้ม อีกทั้งดวงตาก็เขียวปัด ถ้าเป็นผู้หญิงที่อุตส่าห์ซื้อเครื่องสำอางราคาหลายหมื่นเพื่อมาปกปิดความไม่งามและสร้างความงาม ก็แล้วทำไมจะไปโกรธเพื่อทำลายความงามบนใบหน้าเสียเองล่ะ



ปล่อยให้หน้าที่ทำลายความงามบนใบหน้าของเราเป็นของธรรมชาติอย่างเดียวก็พอ



นั่นแหละคือความคิดดีๆ ที่ไม่ต่างจากอมยิ้มหวานๆ ที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นสิ่งยากๆ ในชีวิตไปได้ ยิ่งในช่วงจะใกล้วันแม่ เราก็ควรหันมาสนใจครอบครัวแล้วเยียวยากันด้วยความรักที่เป็นอมยิ้มหวานๆ มอบให้แก่กัน



อย่างครอบครัวหนึ่งขณะที่สามีเดินเข้ามาในบ้าน พร้อมทำหน้าตาเบื่อหน่าย ปากก็บ่นถึงผู้หญิงสมัยนี้เวลาพูดกับลูกกับผัวก็ขึ้นมึงขึ้นกู ไม่ไพเราะน่าฟังสักนิดหรือบางทีก็พูดคำหยาบๆ ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาภริยาที่กำลังนั่งฟังอยู่ "แล้วเธอล่ะหิวข้าวหรือยัง" เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองตอบกลับด้วยสายตาหวานฉ่ำ พร้อมเสียงตอบอันแสนหวานที่สุดที่เคยพูด "น้องยังไม่หิวเลยค่ะ แล้วคุณพี่ละคะหิวไหม"



เปลี่ยนใบหน้าสามีที่กำลังเครียดให้ยิ้มออกมาได้






หัวข้อ: Re: ทฤษฎีอมยิ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: อนัตตา ที่ สิงหาคม 10, 2013, 08:20:14 AM
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D  + ครับ +


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีอมยิ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: Jedth ที่ สิงหาคม 10, 2013, 10:12:36 AM
+1748 ครับน้าอรรถ  ::014::


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีอมยิ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: อิติปิโสธงชัย รักในหลวง ที่ สิงหาคม 11, 2013, 01:51:27 AM
+ ::002::ดีครับน้าอรรถ ::011:: ::011:: ::011:: ::011::


หัวข้อ: Re: ทฤษฎีอมยิ้ม
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ สิงหาคม 11, 2013, 04:49:54 AM
1750 ครับ ;D ;D ;D  ต้องยิ้มกัน