เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 05, 2013, 08:33:02 PM



หัวข้อ: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 05, 2013, 08:33:02 PM
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน ราคาสินแร่ เงิน ทองแดง อะลูมิเนียม รวมทั้งยางพาราได้ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเศรษฐกิจประเทศจีนขยายตัวในอัตราเลข 2 หลักมานานหลายปี

เคยเดินทางไปมณฑลยูนนานของจีน มองลงไปจากเครื่องบินเห็นพื้นที่จำนวนมากมายกลายเป็นสวนยางพารา เนินเขาเป็นลูกๆ ปลูกกันแต่ยางพารา ที่ประเทศลาว แขวงทางเหนือตั้งแต่แขวงหลวงพระบาง หลวงน้ำทา พงสาลี ไซยะบุลี ลงมาจนถึงแขวงเวียงจันทน์ บอริคำไซย ก็เห็นสวนยางพาราเต็มไปหมด

ประเทศไทยในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมาก็นิยมปลูกยางพารากัน ทั้งภาคอีสานและภาคเหนือ ยังนึกในใจว่ายางพารานั้นปลูกได้แต่ที่ภาคใต้ของไทย ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย เพราะยางพาราต้องการภูมิอากาศที่ฝนชุก ความชื้นสูง

ที่เมืองไทยนอกจากภาคใต้ ก็มีภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ระยอง และตราด

เมื่อไปเห็นสวนยางที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ที่ประเทศลาว และที่ยูนนาน ประเทศจีน ก็นึกในใจอยู่แล้วว่า เมื่อต้นยางพาราที่ปลูกใหม่นี้สามารถกรีดเอาน้ำยางได้ ปริมาณน้ำยางก็คงจะล้นตลาด นึกเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่คิดว่าเศรษฐกิจของจีน อินเดีย และรัสเซีย คงจะขยายตัวต่อไป ขณะเดียวกันราคาน้ำมัน ก็คงจะไม่อ่อนตัวลงเพราะถ้าราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง ราคายางเทียมหรือยางสังเคราะห์ ก็จะอ่อนตัวด้วย ทำให้ราคายางธรรมชาติ อ่อนตัวตามลงไปตามกัน

เหตุการณ์ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เศรษฐกิจรัสเซียและจีนมีปัญหา สหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ยังไม่ฟื้นตัว ความต้องการซื้อยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ยางพาราก็ลดลง ราคายางพาราก็พลอยร่วงลงไปอย่างรวดเร็วด้วย

ปัญหาของสินค้าเกษตรกรรมที่เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพืชล้มลุกอย่าง ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง หรือพืชยืนต้น เช่น ผลไม้ต่างๆ รวมทั้งยางพารา และการเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ สุกร ล้วนเป็นไปตามกฎหรือทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์

กฎหรือทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ที่ว่าก็คือ เมื่อราคาสินค้าประเภทนี้สูงขึ้น เกษตรกรก็หันมาปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์ที่มีราคาสูงขึ้นพร้อมๆ กัน เพราะเห็นเป็นโอกาสที่จะสร้างรายได้ให้มากขึ้น

เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว ปริมาณสินค้าก็จะออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้มีสินค้าล้นตลาด เมื่อสินค้าล้นตลาดราคาก็จะลดลงอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับเกษตรกรผู้ผลิตอย่างมาก

เมื่อราคาลดลงติดต่อกันสักพัก เกษตรกรก็ลดการปลูกหรือปริมาณสัตว์ที่เลี้ยงลง สินค้าก็จะเริ่มขาดตลาดราคาก็จะเริ่มสูงขึ้นหรือเกิดกรณีที่เศรษฐกิจของภูมิภาคหรือของโลกฟื้นตัวขึ้น ความต้องการสินค้าก็เริ่มสูงขึ้น ราคาก็ถีบตัวสูงขึ้น

แต่เศรษฐกิจภูมิภาคและเศรษฐกิจของโลกก็มีวัฏจักร เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวเฟื่องฟูขึ้น การลงทุนก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ตลาดอิ่มตัว การลงทุนมากเกินตัว เศรษฐกิจก็ชะลอตัวแล้วก็กลายเป็นเศรษฐกิจขาลง

ดังนั้น วัฏจักรทางด้านการผลิต วัฏจักรทางด้านความต้องการของตลาด จึงเป็นปัจจัยสำคัญทั้ง 2 ด้าน ที่ทำให้ราคามีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักร สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรผู้ผลิตอยู่เป็นประจำ เป็นปรากฏการณ์ที่เราจะพบเห็นอยู่เสมอถ้าเราสังเกต

ยางพาราก็เป็นพืชที่ไม่พ้นไปจากกฎทางเศรษฐศาสตร์เช่นว่านี้ เราเคยเห็นราคายางตกต่ำมาแล้วหลายรอบในช่วง 20 ปีมานี้ ราคายางพาราตกต่ำจนประเทศมาเลเซียสนับสนุนให้เกษตรกรของเราเปลี่ยนสวนยางมาเป็นสวนปาล์มน้ำมันแทน ไทยเราก็ทำบ้างบางส่วน

สำหรับสินค้าเกษตรอย่างอื่น เกษตรกรอาจจะปรับตัวได้ง่าย เช่น สุกร ไก่ วัฏจักรราคาอาจจะไม่ยาว 2-3 ปีมีครั้งหนึ่งเพราะการเพิ่มการผลิตทำได้เร็ว สำหรับไก่ก็ไม่กี่เดือน สำหรับสุกรก็ไม่นาน แต่สำหรับไม้ยืนต้นอาจจะนาน

ยางพาราตั้งแต่เริ่มปลูกจนสามารถกรีดเอาน้ำยางต้องใช้เวลาถึง 6 ปี เมื่อต้นยางโตพอที่จะกรีดน้ำยางได้ก็พอดีถึงวัฏจักรราคา อยู่ในช่วงขาลงพอดี การปรับตัวก็อาจจะทำได้ยากเพราะเกษตรกรได้ลงทุนมาแล้วเป็นเวลานาน

กิจการสวนยางเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมาก เมื่อปลูกจนโตแล้วก็ต้องใช้แรงงานกรีดยาง ลำพังตัวเกษตรกรเองไม่สามารถจะกรีดยางในสวนของตนได้หมด อีกทั้งบุตรหลานที่มีการศึกษาสูงๆ ก็ไม่นิยมกลับบ้านไปกรีดยาง ดังนั้น การกรีดยางจึงต้องอาศัยแรงงานจากภายนอก และวิธีจ้างก็ไม่มีอะไรดีกว่าการแบ่งผลผลิตกัน เช่น 60-40 หรือ 50-50 แทนที่จะจ้างด้วยการออกค่าจ้าง เช่น การจ้างเกี่ยวข้าว หรือหักข้าวโพด

การปรับตัวต่อราคาจึงมีเพียงจะกรีดยางมากหรือน้อยเท่านั้นในระยะแรก เมื่อเศรษฐกิจภาคใต้เจริญขึ้น แรงงานที่เข้ามากรีดยางก็มักจะเป็นแรงงานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจของประเทศเจริญขึ้น แรงงานจากภาคอีสานมีน้อยลง แรงงานจากประเทศพม่าและอินโดนีเซียก็มาแทนที่

ขณะนี้แรงงานในภาคอีสานและภาคเหนือก็กลับไปปลูกยางพาราที่บ้าน เมื่อต้นยางโตพอจะกรีดได้ก็คงมีปัญหาอย่างเดียวกัน จะหาแรงงานจากที่ไหนมากรีด ถ้าราคายางพาราอยู่ในระดับเกินกว่า 100 บาท รายได้จากการรับจ้างกรีดก็คงจะพอเป็นแรงจูงใจให้มีคนทำ แต่ถ้าราคายางพาราในตลาดโลกตกต่ำลงมาอยู่ในระดับ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม ปัญหาก็คงจะเกิดขึ้นทันที

สวนยางที่ประเทศลาวจำนวนมากก็ไม่มีแรงงานเพียงพอที่จะกรีด คงต้องใช้แรงงานต่างชาติเข้ามาทำการกรีดเช่นเดียวกับประเทศไทย

การกรีดยางก็ไม่สามารถใช้เครื่องจักรได้ ยังต้องใช้คนเดินกรีด และเดินเก็บน้ำยางไปทีละต้น ไม่เหมือนการปลูกข้าว ข้าวโพดและมันสำปะหลังรวมทั้งถั่วเหลือง ที่สามารถใช้เครื่องจักรมาแทนแรงงานได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าประเทศไทยของเรา ซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแคลนแรงงานแล้วในขณะนี้ มีแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาทำงานในภาคเศรษฐกิจใช้แรงงานมาก ในอนาคตจะทำอย่างไร

ถ้าพม่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาประเทศหลังจากที่ได้เปิดประเทศ และแรงงานจากพม่ากลับบ้าน ไปทำงานที่บ้าน ซึ่งขณะนี้ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เราจะยังสามารถรักษากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ใช้แรงงานมากๆ เช่น การทำสวนยางไว้ได้หรือไม่ หรือถ้าพม่าเริ่มปลูกยางพาราบ้างเช่นเดียวกับ สปป.ลาว เวียดนาม กัมพูชาและจีน ทำและดูดแรงงานไว้ที่บ้านเขา เราจะทำอย่างไร

สถานการณ์ที่ว่าจะมีทั้งวัฏจักรราคา อันเกิดจากการขึ้นลงของเศรษฐกิจในภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก การเพิ่มขึ้นของค่าแรงงานในประเทศ ในขณะที่ระยะยาวราคาที่แท้จริงของสินค้าเกษตร กล่าวคือราคาของสินค้าปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อไม่เพิ่มแต่กลับตกลง รวมทั้งค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นในระยะยาว อนาคตของยางพาราซึ่งเป็นต้นไม้ยืนต้น มีวัฏจักรปรับตัวจากปริมาณน้อยหรือช้ากว่าสินค้าอื่นๆ น่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน

เมื่อประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเกิดขึ้นในปี 2558 ที่จะมีการเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายๆ อย่าง สินค้าทุกอย่างถ้าจะไปรอดคงต้องปล่อยให้การผลิต การส่งออกและราคาเป็นไปตามกลไกตลาด รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงคงต้องใช้งบประมาณมากและอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่เห็นอยู่ ควรจะคิดล่วงหน้าเอาไว้ เพราะปัญหานี้คงจะเกิดขึ้นแน่ในอนาคต

ยางพาราก็เป็นสินค้าอีกตัวที่จะเป็นปัญหา


http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1378362836

อ.ดร.วีรพงษ์เรียบเรียงได้เข้าใจง่ายมากครับ   ::014::   ::002::


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 05, 2013, 08:38:29 PM
กลไกตลาด ;D ;D ;D ทำกันแบบไม่คิด

อนาคต สักพักเดี๋ยวมะนาวราคาอาจลดบ้างเพราะเร่งปลูกกันทั่วตอนนี้  แต่ก่อนก็มี 100 ลูก 20 บาท


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 05, 2013, 08:47:52 PM
อ.ดร.วีรพงษ์เรียบเรียงได้เข้าใจง่ายมากครับ   ::014::   ::002::

นี่แหละครับ ที่นายสมชายบอกเสมอว่าภาษาฯ คือรากฐานของอารยธรรมทั้งปวง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเรียนรู้(สุจิปุลิ)... ดังนั้นผู้รู้ทุกคนจะต้องสื่อสารได้ เนื่องจากต้องใช้ภาษาในการจัดหมวดหมู่องค์ความรู้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลโดยการเล่นกับตรรกะครับ...

ท่านอาจารย์ผณิศวรฯ ท่านผู้การสุพินท์ และท่านอื่น ฯลฯ... สื่อสารกระชับและจัดหมวดหมู่เรียงตรรกะทุกพยางค์เชียวครับ...


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 05, 2013, 08:49:01 PM
อ.ดร.วีรพงษ์เรียบเรียงได้เข้าใจง่ายมากครับ   ::014::   ::002::

นี่แหละครับ ที่นายสมชายบอกเสมอว่าภาษาฯ คือรากฐานของอารยธรรมทั้งปวง เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการเรียนรู้(สุจิปุลิ)... ดังนั้นผู้รู้ทุกคนจะต้องสื่อสารได้ เนื่องจากต้องใช้ภาษาในการจัดหมวดหมู่องค์ความรู้เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลโดยการเล่นกับตรรกะครับ...

ท่านอาจารย์ผณิศวรฯ ท่านผู้การสุพินท์ และท่านอื่น ฯลฯ... สื่อสารกระชับและจัดหมวดหมู่เรียงตรรกะทุกพยางค์เชียวครับ...

 ::014::ครับผม +    ;D


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กันยายน 05, 2013, 10:37:18 PM
ก็รัฐเองนั่นแหละที่สนับสนุนให้ภาคเหนือ  ภาคอีสานปลูกยางกันเยอะ ๆ (คงไม่ต้องบอกว่ารัฐบาลอะไรนะครับ)

ทั้งภาคเหนือรวมไปถึงภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓ ล้านไร่++  คิดดูเถิดยาง ๓ ล้านไร่  มันมากมายขนาดไหน ?

พอมีปัญหาก็มาโทษ  เกษตรกร  ทำไมไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ? ................   ::006::


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ กันยายน 05, 2013, 10:48:09 PM
ก็รัฐเองนั่นแหละที่สนับสนุนให้ภาคเหนือ  ภาคอีสานปลูกยางกันเยอะ ๆ (คงไม่ต้องบอกว่ารัฐบาลอะไรนะครับ)

ทั้งภาคเหนือรวมไปถึงภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓ ล้านไร่++  คิดดูเถิดยาง ๓ ล้านไร่  มันมากมายขนาดไหน ?

พอมีปัญหาก็มาโทษ  เกษตรกร  ทำไมไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ? ................   ::006::

จำได้รางๆว่ารัฐบาลที่ถูกจับบนเครื่อง C-130 และเสียชีวิตไปแล้วใรช่วยจุดธูปไปตามมาแก้ไขหน่อย เมื่อก่อนเคยเช่า Office ร่วมกับ บ.ที่ปลูกทางภาคเหนืออยู่พักหนึ่ง


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ กันยายน 06, 2013, 07:10:18 AM

ก็รัฐเองนั่นแหละที่สนับสนุนให้ภาคเหนือ  ภาคอีสานปลูกยางกันเยอะ ๆ (คงไม่ต้องบอกว่ารัฐบาลอะไรนะครับ)

ทั้งภาคเหนือรวมไปถึงภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓ ล้านไร่++  คิดดูเถิดยาง ๓ ล้านไร่  มันมากมายขนาดไหน ?

พอมีปัญหาก็มาโทษ  เกษตรกร  ทำไมไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ? ................   ::006::

ยุคของทักษิณไม่ใช่เหรอครับ ที่ส่งเสริมจนได้เกิดทุจริตเรื่องกล้ายาง  
แล้วจำไม่ผิด ดร คนนี้ก็เป็นที่ปรึกษาให้กับ รัฐบาลทักษิณหรือเครือญาตินี้อยู่

จริงๆ ยางเป็นพื้นที่เหมาะแก่การปลูกที่ภาคใต้และตะวันออก อยู่แล้ว
ก็ควรส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ หรือจัดโซนนิ่ง เพื่อควบคุมได้  

ทักษิณเองก็เคยชวนมาเลวเซีย อินโดนิเซีย มาเข้าร่วมภาคีเพื่อเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่
ของโลก จะได้กำหนดทิศทางเรื่องราคาได้  แต่สุดท้ายไปหักหลังเขา ชิงขายให้จีน

พอหวยออกแล้ว พวกที่เคยเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุน ดันฉลาดขึ้นมา เห็นปัญหาทุกอย่าง
แล้วมักจะไปโทษคนที่มันไปชักชวนครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: Nat_usp ที่ กันยายน 06, 2013, 07:30:45 AM
ก็รัฐเองนั่นแหละที่สนับสนุนให้ภาคเหนือ  ภาคอีสานปลูกยางกันเยอะ ๆ (คงไม่ต้องบอกว่ารัฐบาลอะไรนะครับ)

ทั้งภาคเหนือรวมไปถึงภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓ ล้านไร่++  คิดดูเถิดยาง ๓ ล้านไร่  มันมากมายขนาดไหน ?

พอมีปัญหาก็มาโทษ  เกษตรกร  ทำไมไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ? ................   ::006::

หลายๆพื้นที่ทางภาคเหนือตอนบน ฟันต้นลำไยทิ้งเป็นว่าเล่นเพื่อปลูกยางแทน

สองปีมานี้ลำไยเลยราคาพุ่ง ^_^

แต่พวกหันกลับมาปลูกลำไยกันอีกแล้ว  คราวนี้จำนวนมหาศาล

อีกสาม-สี่ปีลำไยอาจจะต้องประท้วงเหมือนกัน  -_-"


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: SSG 69 รักในหลวง ที่ กันยายน 06, 2013, 09:16:57 AM
เกิดจากที่เราเลือกคนโง่ๆไปบริหาร....ไม่มีการวางแผน,ควบคุม. อะไรที่ราคาดีคนก็จะแห่กันไปปลูก..แล้วก็ล้นตลาด.  ทำไมไม่วางโซน,ความถนัดแล้ววางแผนกาปลูก...


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ กันยายน 06, 2013, 10:04:54 AM
การขยายพื้นที่ปลูกมันเริ่มมานานก่อนผมกลับจาก ตปท. ก็ยุคโชติช่วงชัชวาลนั่นแหละไอ้สามล้านไร่นั่นมาทีหลังก่อนหน้านี้มันไปเท่าไรแล้ว ก็คือเอาของเก่าสมัยชาติไทยมาทำ เขาก็ DNA สายชาติไทยในฐานะสปอนเซอร์นะอย่าลืม จะว่าไปพวกนี้ก็มาจาก DNA สองสายพันธ์หลักๆเองนะ ปชป กะ ชท


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 06, 2013, 12:15:01 PM
ภายในยังรวมกันไม่ได้ จะไปเปิดรวม AEC ;D ;D ;D ตีกันไม่เลิก เละ


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ กันยายน 06, 2013, 07:14:59 PM
เดี๋ยวยางพม่าก็จะมาตีตลาดอีกครับ ราคาน่าจะตกลงไปอีกครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ กันยายน 06, 2013, 07:25:38 PM

ก็รัฐเองนั่นแหละที่สนับสนุนให้ภาคเหนือ  ภาคอีสานปลูกยางกันเยอะ ๆ (คงไม่ต้องบอกว่ารัฐบาลอะไรนะครับ)

ทั้งภาคเหนือรวมไปถึงภาคอีสานมีพื้นที่ปลูกยางมากกว่า ๓ ล้านไร่++  คิดดูเถิดยาง ๓ ล้านไร่  มันมากมายขนาดไหน ?

พอมีปัญหาก็มาโทษ  เกษตรกร  ทำไมไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ? ................   ::006::

ยุคของทักษิณไม่ใช่เหรอครับ ที่ส่งเสริมจนได้เกิดทุจริตเรื่องกล้ายาง 
แล้วจำไม่ผิด ดร คนนี้ก็เป็นที่ปรึกษาให้กับ รัฐบาลทักษิณหรือเครือญาตินี้อยู่

จริงๆ ยางเป็นพื้นที่เหมาะแก่การปลูกที่ภาคใต้และตะวันออก อยู่แล้ว
ก็ควรส่งเสริมเฉพาะพื้นที่ หรือจัดโซนนิ่ง เพื่อควบคุมได้ 

ทักษิณเองก็เคยชวนมาเลวเซีย อินโดนิเซีย มาเข้าร่วมภาคีเพื่อเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่
ของโลก จะได้กำหนดทิศทางเรื่องราคาได้  แต่สุดท้ายไปหักหลังเขา ชิงขายให้จีน

พอหวยออกแล้ว พวกที่เคยเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุน ดันฉลาดขึ้นมา เห็นปัญหาทุกอย่าง
แล้วมักจะไปโทษคนที่มันไปชักชวนครับ



ทราบว่าอาจารย์วีรพงษ์ท่านทำงานให้แทบทุกรัฐบาลนะครับ ทำมาตั้งแต่สมัยป๋าเปรม อ.แกบอกว่าเป็นเหมือนตุ่มใส่น้ำ ใครต้องการก็ช่วย ทำงานให้ประเทศน่ะครับ  ;D


หัวข้อ: Re: อนาคตของยางพารา โดย วีรพงษ์ รามางกูร
เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ กันยายน 06, 2013, 09:12:42 PM
การขยายพื้นที่ปลูกมันเริ่มมานานก่อนผมกลับจาก ตปท. ก็ยุคโชติช่วงชัชวาลนั่นแหละไอ้สามล้านไร่นั่นมาทีหลังก่อนหน้านี้มันไปเท่าไรแล้ว ก็คือเอาของเก่าสมัยชาติไทยมาทำ เขาก็ DNA สายชาติไทยในฐานะสปอนเซอร์นะอย่าลืม จะว่าไปพวกนี้ก็มาจาก DNA สองสายพันธ์หลักๆเองนะ ปชป กะ ชท

ขอเก่ามีอยู่แล้วประมาณ ๑๑ ล้านไร่+  ครับ  ราคาก็อยู่ในระดับทรงตัว - ดี

แต่พอรัฐไปส่งเสริมให้ปลูกเพิ่มในภาคอีสาน + ภาคเหนือ  รวม ๆ แล้วตอนนี้

มียางประมาณ ๑๖ ล้านไร่+ ครับ  ราคามันเลยตก  เพราะมียางเข้ามาในระบบเยอะมาก


รัฐบาลยุคเก่าส่งเสริมให้ปลูกยางนะสมควรส่งเสริมอยู่ครับ  แต่รัฐบาลยุคใหม่นี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหา

ความจริงน่าจะคำนวณได้ไม่ยากนัก  พื้นที่ปลูกยางมีเท่าไหร่  ราคาไปอยู่ที่เท่าไหร่ ?


ส่วนที่จะเป็นปัญหาอีกคือ ปาล์มน้ำมัน  ที่ราคาตกต่ำมาพร้อม ๆ กับยางพารา  ก็เพราะพวกรัฐบาลชั่ว (อ่านจากข่าวก็ทราบว่าชุดไหน)

ไปสั่งนำเข้าน้ำมันปาล์มจากต่างประเทศมาครั้งละหลายหมื่นตัน  ทำให้ปาล์มน้ำมันในประเทศราคาตกต่ำ

เทียบกับราคาปุ๋ยที่แพงไปถึงกระสอบละ ๑,๐๐๐ บาท+ แล้ว  มันไม่ค่อยจะคุ้มทุนนัก  คงไม่ต้องบอกว่า

สั่งน้ำเข้าแต่ละรอบได้หัวคิวรึเปล่านะครับ !!!  ::006::


อีกอย่างหนึ่งคือ  ไม่ส่งเสริมปาล์มน้ำมันเป็นพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง  ไบโอดีเซลน่าจะเป็นพวก B40 + ได้แล้ว

รถที่นำเข้ามาขายก็ควรจะออกกฎให้สามารถรองรับน้ำมันไบโอดีเซลตั้งแต่ B50 เป็นต้นไป  เพื่อรองรับการพัฒนา

พลังงานทดแทนในอนาคต........  :VOV:


โรงสกัดแฉ รบ.นำเข้าน้ำมันปาล์มทำราคาตกต่ำ
http://www.dailynews.co.th/thailand/173557