หัวข้อ: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 10, 2013, 04:06:00 PM เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐ ที่เคยเป็นเมืองอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งใหญ่ของโลก ได้ยื่นขอล้มละลายเมื่อวันพฤหัสบดี
พร้อมหนี้มหาศาลอย่างน้อย 450,000 ล้านบาท ทำให้กลายเป็นเมืองที่ล้มละลายครั้งใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เควิน ออร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีล้มละลายที่แต่งตั้งโดยรัฐมิชิแกนตั้งแต่เดือน มี.ค. เพื่อกอบกู้วิกฤติการเงินในเมืองดีทรอต์ ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลแล้วเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์สินตามกฎหมายล้มละลาย หลังจากเมืองประสบวิกฤติ การเงินมาตลอดหลายปี เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เป็นรายได้หลักซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง และไม่สามารถสะสางหนี้สิน ที่มีตัวเลขสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 4 แสน 5 หมื่นล้านบาทได้ หากศาลอุนมัติ ก็จะทำให้สามารถขายสินทรัพย์ของเมืองเพื่อชำระหนี้คืนให้เจ้าหนี้และจ่ายเงินบำนาญ เดฟ บิง นายกเทศมนตรีเมืองดีทรอยต์ บอกว่า วันนี้เป็นที่หนักหนาสาหัสสำหรับเขา และชาวเมืองทุกคน ตลอด 4 ปีที่เขารับตำแหน่ง ดีทรอยต์ประสบวิกฤตการเงินอย่างหนัก แต่ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เขาให้คำมั่นว่างานบริการสาธารณชนทั้งหลายจะยังดำเนินต่อไปและข้าราชการจะได้รับเงินเดือนตามปกติ เมื่อเดือนที่แล้ว ดีทรอยต์ได้เริ่มพักการชำระหนี้บางอย่างลงชั่วคราว ระหว่างที่ ออร์ เดินหน้าเจรจากับบรรดาเจ้าหนี้ ซึ่งเขาหวังว่าในการเจรจาครั้งนั้น เหล่าเจ้าหนี้จะยอมรับดอกเบี้ย 10 เซนต์ ต่อทุกๆ 1 ดอลลาร์ของเงินกู้ แต่กองทุนบำนาญ 2 แห่ง ไม่ยอมรับข้อเสนอ ทำให้เวลานั้น ออร์ยอมรับแล้วว่ามีโอกาสที่จะต้องยื่นล้มละลายถึง 50-50 และคาดว่าหนี้ระยะยาวอาจสูงถึง 17,000-20,000 ล้านดอลลาร์ เมืองดีทรอยต์กลายเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ยื่นล้มละลาย หลังจาก 3 เมืองเล็กๆในรัฐแคลิฟอร์เนียยื่นล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว และอีกเมืองหนึ่งในรัฐเพนซิลเวเนียยื่นล้มละลายในปี 2554 ดีทรอยต์ประสบปัญหาขาดเงินสดอย่างหนัก ทำให้ต้องตัดลดงบประมาณด้วยการลดจำนวนตำรวจ ส่งผลให้สถิติอาชญากรรมพุ่งขึ้น ทั้งนี้ ในเมืองเต็มไปด้วยตึกร้างเก่ากว่า 78,000 แห่ง ครึ่งหนึ่งอยู่ในสภาพเสี่ยงพังถล่ม จำนวนรถพยาบาลดเหลือหนึ่งในสาม ชนชั้นกลางและคนรวยส่วนใหญ่แห่อพยพไปอยู่เมืองอื่นจนจำนวนประชากรลดลงกว่าครึ่งจากจำนวน 1.ล้าน 8 แสนคนเมื่อปี 2493 เหลือเพียงเกือบ 7 แสนคนในปัจจุบัน ขณะที่บริษัทจีเอ็ม ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐที่ผ่านพ้นการยื่นล้มละลายมาแล้ว บอกว่า การยื่นละล้มละลายของเมืองดีทรอยต์ครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และยังคงภาคภูมิใจที่จะเรียกดีทรอยต์ว่าบ้าน http://www.oknation.net/blog/print.php?id=875163 หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 10, 2013, 04:08:15 PM จากเดลินิวส์บ้าง
http://www.dailynews.co.th/article/57/222920 (http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/222920.jpg) หนึ่งในความฝันของคนไทยที่มักจะได้ยินกันบ่อย ๆ ก็คือ การที่จะยกระดับประเทศของเราให้เป็น ดีทรอยต์ของเอเชีย หรือเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตยานยนต์ของภูมิภาค ให้ได้ในอนาคตข้างหน้า แต่เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่หลายคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น รัฐบาลท้องถิ่นของ เมืองดีทรอยต์ได้ประกาศว่า เมืองดีทรอยต์ ไม่สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ และกำลังเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เพื่อขอเจรจากับเจ้าหนี้ ซึ่งมียอดหนี้คิดเป็นเงินทั้งหมด กว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ สรอ. กลายเป็นกรณีการล้มละลายครั้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การล้มละลายของรัฐบาลท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา เกิดอะไรขึ้นกับเมืองดีทรอยต์ เช่นเดียวกับวิกฤติอื่น ๆ ที่เราเคยประสบมา ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดชั่วข้ามคืน แต่เป็นสิ่งที่สั่งสมกันมานับหลายสิบปี โดยไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยาตามที่เหมาะสม ดังนั้น การประกาศล้มละลายจึงนับเป็นเพียงผลพวงที่ตามมาเท่านั้น ถ้าเรายังจำกันได้ ในช่วงที่ดีทรอยต์เฟื่องฟูถึงขีดสุด ดีทรอยต์เป็นบ้านของบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Ford บริษัท GM และบริษัท Chrysler ทำให้ช่วงปี ค.ศ. 1950 มีพลเมืองอาศัยอยู่ในเมืองมากถึง 1.8 ล้านคน เป็นผู้ผลิตรถยนต์เกือบทุกคันที่ขายในสหรัฐ แต่หลังอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐเริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอย จากการที่บริษัทเหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวให้ทันกับคู่แข่งขันจากญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลี ซึ่งทยอยเข้ามาตีตลาด และตั้งฐานการผลิตในอเมริกา (แต่อยู่ในเมืองอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีสหภาพแรงงานที่เข้มแข็ง และมีอำนาจในการต่อรองสูง เช่นในดีทรอยต์) จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้น ในช่วง 60 ปี คนของดีทรอยต์ได้ทยอยกันอพยพออกไปอยู่ที่อื่น ๆ ทำให้จำนวนพล เมืองได้ลดลงเหลือเพียง 7 แสนคน โดย 82% มีการศึกษาระดับมัธยมปลายหรือต่ำกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ดีทรอยต์ได้ตกต่ำลง กลายเป็นเมืองที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เมืองหลวงของการฆาตกรรม ในสหรัฐ ขณะเดียวกัน ด้วยงบประมาณที่ไม่พอเพียง ดีทรอยต์จึงต้องลดจำนวนตำรวจลงมากกว่า 40% ในทศวรรษที่ผ่านมา และไม่สามารถดูแลสาธารณูปโภคพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง ทำให้ 40 % ของหลอดไฟฟ้าในถนนไม่ทำงาน ด้วยผลจากเศรษฐกิจที่ซบเซาลง จากอดีตที่เคยเฟื่องฟูเช่นนี้ รายได้รัฐบาลท้องถิ่นที่ได้จากภาษีเงินได้ของพลเมืองดีทรอยต์จึงค่อย ๆ หายไปเป็นเงาตามตัว ลดลงกว่า 30% ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ยิ่งครั้นเกิดวิกฤติในตลาดบ้านของสหรัฐในปี ค.ศ. 2008 ภาษีที่ดินและโรงเรือนของดีทรอยต์ (ซึ่งเป็นหนึ่งในรายได้สำคัญ) ก็ปรับลดลงเช่นกันกว่า 20% นอกจากนี้ ยังมีคนตกงานคิดเป็นอัตราส่วนกว่า 18% ของแรงงานทั้งหมด (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในสหรัฐถึง 2 เท่า) ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่า ที่รัฐบาลเมืองดีทรอยต์สามารถอยู่รอด ทนมาได้จนถึงวันนี้ ก็ต้องอาศัยการกู้เงินมาปิดงบใช้จ่ายปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 100 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งยังมีหนี้ที่ไปติดไว้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและกองทุนสุขภาพของข้าราชการเมืองดีทรอยต์อีกเป็นจำนวนมากถึง 9.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. สะสมซ่อนไว้อีกเช่นกัน ท้ายสุด ทุกอย่างก็จบลงว่า จะเดินต่อไปเช่นนี้ไม่ได้ และความจริงที่พยายามซ่อนเอาไว้ก็ต้องเปิดเผยออกมาว่า เมืองดีทรอยต์ถังแตก แล้วจะเกิดผลกระทบกับสหรัฐมากน้อยแค่ไหน สหรัฐมีรัฐบาลท้องถิ่นกว่า 7,500 แห่ง ที่ได้ออกพันธบัตรเงินกู้ รวมกันกว่า 1 ล้านพันธบัตร คิดเป็นยอดเงินกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. นับเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่นักลงทุนรายย่อยในสหรัฐ ชอบที่จะลงทุน เนื่อง จากได้รับดอกเบี้ยที่รัฐบาลท้องถิ่นจ่ายสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลกลางสหรัฐ อีกทั้งนักลงทุนไม่ได้กลัวว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะมองว่า พันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่นมีความมั่นคงสูง (รองลงมาจากพันธบัตรรัฐบาลกลางสหรัฐ) โดยมั่นคงปลอดภัยยิ่งกว่าพันธบัตรรัฐบาล ตปท. หรือ หุ้นกู้ภาคเอกชน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับพันธบัตรรัฐบาลท้องถิ่น และเริ่มมองหาว่ามีรัฐบาลท้องถิ่น อื่น ๆ ที่จะเกิดปัญหาเช่นกันหรือไม่ อาทิ เมืองซานตา เฟ เมืองซินซินนาติ เมืองชิคาโก้ เมืองฟิลาเดลเฟีย และอีกหลาย ๆ เมืองในแคลิฟอร์เนีย ที่มีฐานะการเงินที่ง่อนแง่น ทำให้เมืองเหล่านี้มาอยู่ใต้สปอตไลต์ ถูกสำรวจอย่างละเอียด และอาจต้องประสบปัญหาต้นทุนการกู้ยืมเงินที่เพิ่มสูงขึ้น ถ้าจะว่าไป จุดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่เราต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่า ปัญหาจะลุกลามมากน้อยแค่ไหน เพราะสิ่งที่ทำให้ดีทรอยต์เดินมาถึงจุดนี้นั้น บางส่วนก็เป็นปัญหาที่หลาย ๆ เมืองต้องเผชิญอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ที่ลดลง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงภาระของการดูแลข้าราชการที่เกษียณไปรวมทั้งบริการสุขภาพที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งปัญหาสังคมผู้สูงอายุ ก็ได้แต่หวังว่า รัฐบาลท้องถิ่นในเมืองอื่น ๆ ของสหรัฐ จะอาศัยการประกาศล้มละลายของดีทรอยต์เป็นอุทาหรณ์ ทำการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มวินัยทางการคลังของตน ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ก็ขอเอาใจช่วยเขาครับ หมายเหตุ สนใจอ่านเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ Blog ดร.กอบ ที่ www.kobsak.com ครับ. หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: chonthai-รักในหลวง ที่ กันยายน 10, 2013, 04:13:09 PM ตามข่าวเห็นว่า สถิติการเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้นสูง และการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ก็ล่าช้าเนื่องจากงบประมาณจำกัด
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 10, 2013, 04:15:08 PM อืม... จะโดมิโน่เป็นดีทรอยส์ดีซิสหรือเปล่า...
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Yut64 ที่ กันยายน 10, 2013, 04:33:08 PM เคยไปนั่งชมวิวข้างสพานข้ามแคนาดาอเมริกายังแปลกใจที่เห็นรถขนรถยนต์ใหม่ๆข้ามไปฝั่งอเมริกาแสดงว่าทางอเมริกานำเข้ารถแทนผลิตเองไปแล้ว
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 10, 2013, 04:47:13 PM จากที่เคยเป็นเมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งใหญ่ของโลกกลายเป็น เมืองหลวงแห่งอาชญากร ไม่น่าเชื่อว่าเป็นไปได้
แต่ไม่ใช่เหนือสิ่งคาดหมาย เพราะมันเริ่มตกต่ำดำดิ่งลงเรื่อยๆ มิใช่ปุ๊บปั๊บ จริงๆ นักอุตสาหกรรมรถยนต์อเมริกันทั้งหลายน่าจะตระหนักและหาทางวางแผนรองรับการบุกของผู้ผลิตรถยนต์จากต่างชาติ ที่เข้าไปบุกตลาดอย่าง รถยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญญาญบอกเหตุที่ดีก็คือ นอกจากประเทศอเมริกาเองแล้ว รถยนต์อเมริกันมิได้ขายดีที่อื่นในโลกเลย รถยนต์ในฝันที่คนทั้งโลกอยากซื้อเมื่อมีกำลังซื้อตัวเลือกแรกๆ ก็มิใช้รถอเมริกัน และแม้แต่คนอเมริกันเองก็เช่นกันเห็นได้ชัดจากการที่เขาปลื้มรถญี่ปุ่นเช่น รุ่นคัมรี่ ที่ยอดนิยมมาก สิ่งเหล่านี้น่าจะทำให้บริษัทรถอเมริกันได้หันมาปรับปรุงรถตัวเองอย่างขนานใหญ่บ้าง แต่ก็ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมอะไรเลย รถหรูจากเยอรมัน ยังคงเป็นรถใครๆอยากครอบครอง รถญี่ปุ่น รถเกาหลี เป็นรถที่ขายได้ ตั้งแต่ครอบครัวเริ่มต้นจนถึงระดับกลาง และจีเอ็มเสียตำแหน่งค่ายรถใหญ่ที่สุดในโลกให้โตโตต้าจนได้ แต่อย่าลืมว่า ค่ายรถจากเยอรมันก็ไม่ยอมรามือใดๆแถมยังคง หมายหมั้นแย่งอันดับหนึ่งในโลกอย่างโตโยต้าให้ได้ และก็มีสิทธิทำได้ด้วย นั่นคือ ค่ายโฟล์คสวาเก้น แม้บ้านเราจะเงียบๆ แต่ในระดับโลกเชื่อเถอะเขาเร่งเต็มสตีม แถมภาพพจน์คุณภาพความเชื่อในรถในแบรนด์แข็งปึ๊กยิ่งกว่าญี่ปุ่นเสียอีก เพราะฉะนั้น บ๊าย บาย ดีทรอยต์ นี่ดูเหมือนจะเป็น พล็อตเรื่องใหม่ของหนัง โรโบค็อบ ที่พระเอกหุ่นยนต์สมองคน ออกตามล่าเหล่าร้ายในเมืองดีทรอยต์ แต่น่าเศร้าตรงที่ นี่คือเรื่องจริงๆ ผู้ร้ายน่ะมีจริง แต่ที่ไม่มีจริงคือ โรโบค็อบ เพราะเขาลดการจ้างตำรวจลงแล้ว หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 10, 2013, 04:49:57 PM อืม... จะโดมิโน่เป็นดีทรอยส์ดีซิสหรือเปล่า... ไม่หรอกแค่รัฐเดียวในประเทศที่ใหญ่โตร่ำรวยขนาดนั้นอย่างดี ก็แค่กลายเป็นเมืองร้างเพิ่มขึ้นอีกเมืองเท่านั้น (เหมือนในฉากหนังพวก สับๆ เชือดๆ ทั้งหลาย) หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: zamphol ที่ กันยายน 10, 2013, 04:52:02 PM ล้มละลายยัน โรงเรียน โรงพยาบาล น้ำ ไฟ คนทำงานย้ายหนีหมด ที่เหลืออยู่ก็คนรอเงินเลี้ยงดูจากรัฐ ::012:: ::012:: ::012::
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 10, 2013, 04:58:55 PM จากที่เคยเป็นเมืองหลวงแห่งอุตสาหกรรมรถยนต์แห่งใหญ่ของโลกกลายเป็น เมืองหลวงแห่งอาชญากร รอ batman มาปราบ ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 10, 2013, 05:30:50 PM นายสมชายสรุปจากเดิลินิวส์ ดร.กอบศักดิ์ ได้ว่า...
1) เริ่มจากบริษัทรถยนต์โดนคู่แข่งจากญี่ปุ่น+เกาหลีเข้ามาตีตลาด แล้วไปตั้งที่เมืองอื่นที่"สหภาพแรงงานไม่เข้มแข็ง" ก็เลยทำให้รถอเมริกันสู้ไม่ได้... ตรงนี้นายสมชายอยากบอกว่าคนโง่มันเริ่มสร้างเรื่องแล้วครับ คือสหภาพแรงงานเข้มแข็งฯ, แต่เรือทั้งลำมันล่ม... 2) ในที่สุดเหลือพลเมืองเพียง 7 แสนคน แถมยังมีการศึกษาต่ำแถวๆมัธยมเสียอีก... ตรงนี้นายสมชายอยากบอกว่า"คนโง่มันแยะเกิน"ครับ, มันเลยลากเมืองลงเหว เรือล่มทั้งลำ... 3) นายสมชายว่าประเทศไทยนี่ก็ใกล้เคียงแล้วครับ เพียงแต่นายสมชายไม่คิดจะไปอยู่ประเทศอื่นเหมือนพลเมืองดีทรอยด์ที่ย้ายไปอยู่เมืองอื่น... หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ กันยายน 10, 2013, 05:33:27 PM เกิดจากการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยด้วยครับ ถึงได้เจ๊งขนาดนี้ ;D ;D ;D บริหารกันได้ไม่แพ้บ้านเราเลย
ประกันข้าว ยาง รูเล็กๆจมเรือใหญ่ได้ หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 10, 2013, 05:44:44 PM เกิดจากการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยด้วยครับ ถึงได้เจ๊งขนาดนี้ ;D ;D ;D บริหารกันได้ไม่แพ้บ้านเราเลย ประกันข้าว ยาง รูเล็กๆจมเรือใหญ่ได้ นายสมชายสงสัยว่า"แพ้บ้านเรา"ครับ... แฮ่ๆ... หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ กันยายน 10, 2013, 09:18:39 PM ดีถ่อย ดีถอย อุ้มกันเข้าไป ประชานิยมกันเข้าไปเดี๋ยวก็ซึ้ง
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: zamphol ที่ กันยายน 11, 2013, 06:14:39 AM โดยส่วนตัวผม...สงสัยว่า ทุกเมืองที่ล้มละลาย คนผิวขาวย้ายหนีหมด ที่เหลืออยู่ก็มีแต่คนผิวดำเป็นส่วนใหญ่ ::012:: ::012:: ::012::
หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ กันยายน 11, 2013, 08:05:01 AM อืม... จะโดมิโน่เป็นดีทรอยส์ดีซิสหรือเปล่า... ไม่หรอกแค่รัฐเดียวในประเทศที่ใหญ่โตร่ำรวยขนาดนั้นอย่างดี ก็แค่กลายเป็นเมืองร้างเพิ่มขึ้นอีกเมืองเท่านั้น (เหมือนในฉากหนังพวก สับๆ เชือดๆ ทั้งหลาย) ขอแค่ดึงโครงสร้างส่วนให้เซ อาจล้มครืนได้ ตะปูตอกเกือกม้าหลุดหายไปสักตัว อาจทำให้ม้่าเร็วส่งข่าวสารไม่ทันการ เมื่อส่งข่าวไม่ทันการ อาจทำให้มิล่วงรู้กลในของข้าศึก เมื่อไม่รู้กลในของข้าศึก อาจทำให้ทัพพ่ายแพ้ เมื่อทัพแตก ย่อมเสียเมือง หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 11, 2013, 11:24:22 AM อืม... จะโดมิโน่เป็นดีทรอยส์ดีซิสหรือเปล่า... ไม่หรอกแค่รัฐเดียวในประเทศที่ใหญ่โตร่ำรวยขนาดนั้นอย่างดี ก็แค่กลายเป็นเมืองร้างเพิ่มขึ้นอีกเมืองเท่านั้น (เหมือนในฉากหนังพวก สับๆ เชือดๆ ทั้งหลาย) ขอแค่ดึงโครงสร้างส่วนให้เซ อาจล้มครืนได้ ตะปูตอกเกือกม้าหลุดหายไปสักตัว อาจทำให้ม้่าเร็วส่งข่าวสารไม่ทันการ เมื่อส่งข่าวไม่ทันการ อาจทำให้มิล่วงรู้กลในของข้าศึก เมื่อไม่รู้กลในของข้าศึก อาจทำให้ทัพพ่ายแพ้ เมื่อทัพแตก ย่อมเสียเมือง แค้นฝังหุ่นอะไรหนักหนากับอเมริกาเนี่ย ::013:: เหมือนกะอีแค่ไส้ติ่งอักเสบ ผ่าตัดทันก็หาย คนไม่ตายหรอก ::005:: ;D หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: zamphol ที่ กันยายน 11, 2013, 11:28:22 AM คนเมกันเอง เขาให้เหตุผลมาอย่างนี้ครับ
(http://image.ohozaa.com/i/66c/dmI2UK.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/x4YtFNTl3qpAp29g) แปลแบบไทยๆ เขาบอกว่า สมัยก่อนรถม้าถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ ต่อมารถยนต์ของไอ้กัน ก็ถูกแทนที่ด้วยรถญี่ปุ่น เพราะคนรุ่นใหม่ สนใจรูปลักษณ์ความสวยงาม มากกว่าความแข็งแกร่ง หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ กันยายน 11, 2013, 11:40:02 AM ฝรั่งเขียนแบบข้างบนไปสอบโทเฟ่ลจะสอบตกครับ... มันต้อง They care more designing than better quality vehicles. ...
หากนั่งคุยกันต่อหน้า... ก็จะบอกมันว่านายสมชายได้ยินแล้วเข้าใจไปว่ามันบอกรถญี่ปุ่นทั้งสวยกว่าและดีกว่าด้วยแน่ะ... ฮา... หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ กันยายน 11, 2013, 11:56:29 AM บทเรียนรถยนต์อเมริกันก็เหมือนใดโนเสาร์ ใหญ่โต คร่ำครึ่ อุ้ยอ้าย ปรับตัวช้า เลยต้องสูญพันธ์
คู่แข่งทั้งยุโรปและญี่ปุ่น ทำให้ดูแล้ว แต่ไม่ปรับตัวตาม ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น มีแต่ดิ่งเหว แม้แต่รถรุ่นใหม่ ก็ยังไม่ทิ้งลาย ใหญ่โตเกินไป กินน้ำมัน โลว์เทค อัตราความถี่การมีปัญหาสูงกว่ารถญี่ปุ่น ออกนอกอเมริกา ก็มีปัญหาเสียขึ้นมาจะหาศูนย์หาอะไหล่ซ่อมที่ไหน หัวข้อ: Re: ตะลึง ! เมืองดีทรอยต์ยื่น"ล้มละลาย"ครั้งใหญ่สุดในสหรัฐ เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ กันยายน 11, 2013, 12:00:32 PM บทเรียนรถยนต์อเมริกันก็เหมือนใดโนเสาร์ ใหญ่โต คร่ำครึ่ อุ้ยอ้าย ปรับตัวช้า เลยต้องสูญพันธ์ คู่แข่งทั้งยุโรปและญี่ปุ่น ทำให้ดูแล้ว แต่ไม่ปรับตัวตาม ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น มีแต่ดิ่งเหว แม้แต่รถรุ่นใหม่ ก็ยังไม่ทิ้งลาย ใหญ่โตเกินไป กินน้ำมัน โลว์เทค อัตราความถี่การมีปัญหาสูงกว่ารถญี่ปุ่น ออกนอกอเมริกา ก็มีปัญหาเสียขึ้นมาจะหาศูนย์หาอะไหล่ซ่อมที่ไหน อยากได้ บับเบิ้ลบี กับ ฮัมเมอร์ ครับ ญี่ปุ่นไม่มีนิ |