เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ต่อไปนี้คือ 5 ความจริงเรื่องเงินที่ผมได้เรียนรู้จากคนรอบตัว ลูกค้า Tarot Reader และ Creative Design ที่ร่ำรวยและประสบความสำเร็จสอนผมผ่านชีวิตพวกเขาเอง

1. ทำงานให้ดีก่อนเถอะถ้าอยากรวย

ทำงานเก่งทำให้คุณมีเงิน แต่การทำเงินเก่งจะทำให้คุณรวย…!!! ทำงานได้งาน ทำเงินได้เงินนี่คือความจริง ผมถูกหลอกโดยระบบการศึกษามาตลอดว่าทำงานให้หนัก มาก่อนเวลาและกลับหลังเจ้านาย รับรองว่าคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ในความเป็นจริงอาชีพลูกจ้างจัดเป็นอาชีพที่ “ชีวิต” หนักมาก ตั้งแต่ตื่นเช้า รถที่ติดมหาโหด เวลาทำงาน 9 ชั่วโมงต่อวัน มาสายงานเท่าเดิมแต่ถูกหักเงิน ทั้งหมดเพื่อเงินเดือนที่เราบ่นว่าไม่พอใช้ ทำงานเก่งให้ตายถ้าไม่รู้วิธีทำเงินก็ไม่รวย

2. ทะเยอทะยานคือความทุกข์

คนส่วนมากมักจะสอนให้เราคิดว่าอย่าทะเยอทะยาน อย่าโลภ อย่ามักใหญ่ใฝ่สูง จงพอใจและพอเพียงในสิ่งที่ตนมี  ยืนยันนอนยันเลยว่าการทะเยอทะยานเพื่อความร่ำรวยเป็นอุปสรรคต่อการแสวงหาความสงบสุข แต่ในความเป็นจริงการมีรายได้ 15,000 30,000 60,000 หรือ 120,000 บาทต่อเดือนนั้นมีมูลค่าที่แตกต่างกันมาก ชีวิตคนที่มีรายได้มากกว่าย่อมมีทางเลือกมากกว่า ผมไม่เห็นว่ามันจะขัดขวางความสงบสุขตรงไหน รวยแล้วจะไม่มีความสุขจริงหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ตอนที่ผมรู้ว่าต่อให้เอาเงินเดือนทั้งปีแบบไม่กินไม่ใช้มารวมกับโบนัสก็ยังไม่พอค่ารักษาแม่ใจผมไม่สงบสุขอย่างแรง…!!!

3. ตายไปเอาไปไม่ได้ มีความสุขกับปัจจุบันดีกว่า

คุณลุงท่านหนึ่ง ป่วยหนัก นอนที่โรงพยาบาลมา 6 เดือน ล่าสุดพึ่งย้ายเข้า ICU “ดูสิ รวยตั้ง 30 ล้าน สุดท้ายชีวิตก็แค่นี้ เอาไปไม่ได้ มีความสุขในปัจจุบันก็พอแล้ว….!!!” ผมเกือบเคลิ้มถ้าไม่รู้จักลุงคนนี้ แกเปิดธุรกิจส่วนตัวโดยจ้างลูกน้องมาทำงานโดยที่แกไม่ต้องเฝ้าตลอดเวลา ที่ผ่านมาแกพาครอบครัวเที่ยวต่างประเทศ ใช้ชีวิตราวกับนกที่โบยบินอย่างอิสระแถมยังมีเงินให้ลูกหลานใช้อีก มี 30 ล้านเอาไปไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีรับประกันว่ามีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถเพื่อเอามารักษาแน่ๆ เผลอๆอาจไม่พอต้องเป็นหนี้อีก สุดท้ายถ้าแกไม่สร้างธุรกิจแต่อาศัยการเก็บเงินอย่างเดียว เงินเก็บทั้งชีวิตอาจจะละลายหายไปหมดตั้งแต่เดือนแรกที่ป่วยก็ได้ ตายทั้งที่รู้ว่าครอบครัวเราจะสุขสบาย กับตายทั้งๆที่รู้ว่าครอบครัวเราลำบากแน่ อย่างแรกคงตาหลับสนิทกว่า

4. เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

มีเงินไม่มีความสุขมีไปทำไม มีเงินแต่เจ็บไข้ได้ป่วยมีไปทำไม มีเงินแต่ไม่มีคนรักมีไปทำไม เงินไม่สำคัญหรือไม่มันขึ้นอยู่กับชีวิตคุณกำลังเจอกับอะไร ถ้าคุณหิวเงินคืออาหาร ถ้าคุณมีลูกมีครอบครัวเงินคือคุณภาพชีวิต ถ้าคุณเดินทางเงินคือพาหนะ ถ้าคุณป่วยเงินคือการรักษา ถ้าพ่อแม่คุณกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากความตายเงินคือสิ่งที่จะทำให้การรบครั้งนี้ง่ายยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่าไปโรงพยาบาลด้วยเงินที่มีจำกัดกับค่ารักษาที่มีไม่จำกัดมันจะรู้สึกทรมานขนาดไหน เงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่บางครั้งชีวิตจะมีวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเงิน

สุดท้าย 5. อยากรวยเหรอ มันลำบากนะ

ข้อนี้ผมขอยืนยันหลังชนฝาว่าไม่จริง…!!! คนเราส่วนใหญ่มักมีความคิดที่ว่าถ้าคุณมีรายได้ 15,000 ต่อเดือนแล้วอยากจะมีรายได้ 60,000 ต่อเดือน จะต้องทำงานมากกว่าคน 15,000 สี่เท่า…!!! แต่ในความเป็นจริงบนโลกนี้มีคนมากมายที่สามารถหารายได้ได้เยอะมากๆในขณะที่ทำงานน้อยลงหรืออาจจะใช้เวลาทำเงินน้อยกว่าคนกินเงินเดือน เหตุผลเดียวที่เขาทำได้เพราะเขากล้ามากกว่าคนอื่น ตัดสินใจลงมือทำจริงจังมากกว่าคนอื่น และทุ่มเทสร้างอาณาจักรของตัวเองมากกว่าคนอื่นเท่านั้น สรุปคือคนรวยคือคนกล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสียในเรื่องที่เขามั่นใจว่าต้องชนะ ไม่ใช่กล้าได้กล้าเสียเรื่องโชคชะตาโชคลาภ

สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้เสมอ วิชญ์

http://www.vittarot.com/2014/09/5-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95/

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาในชีวิต คือ ประสบการณ์ คือครูที่สอนให้รู้จักโลก อยู่ที่เราจะเรียนรู้ได้ดีแค่ไหน และเร็วแค่ไหน

เงินอาจซื้อความสุขไม่ได้ แต่ซื้อความสนุกได้แน่นอน

+ สำคัญคือไฟครับท่านyutthakarn  คนเราวัยหนุ่มสาว20-30.... ไฟยังล้นเหลือ  ล้มได้ลุกได้หลายครั้ง  ถ้าไม่สู้ในวัยที่ยังมีแรง มีไฟ พอวันที่ไฟมอด  ความกล้า เรี่ยวแรง กำลังมันก็ลดลงตามวัยครับ ทั้งนี้หมายถึงประชาชนหาเช้ากินดึกนะครับ  บางสาขาอาชีพอาจจะไม่ต้องดิ้นมากนัก  ก็ก้าวหน้าตามคุณวุฒิ วัยวุฒิ :)

ขอบคุณครับ +

+ทุกท่านครับ  ;D

การล้มแต่ละครั้ง เมื่อเราลุกขึ้นได้ เราจะแกร่งขึ้นทุกครั้ง เมื่อเราล้มและลุกขึ้นได้หลายครั้ง เราจะแข็งแกร่งและสามารถทนแรงกดกันและปัญหาที่หนักๆได้ ทำให้ต่อสู้ได้อย่างเข้มแข็งและฟันฝ่าอุปสรรคนานาประการไปได้และประสพความสำเร็จในที่สุด เชื่อเถอะครับ คนที่ประสพความสำเร็จวันนี้ ไม่มีใครที่ไม่เคยล้มเหลว
no pain no gain ถ้าไม่เจ็บ ก็ไม่โต

ขอบคุณครับ กำลังตัดสินใจว่าจะลาออกจากงานพอดีครับ ฮิ ฮิ ฮิ

                      เอาแต้กา          :OO

จากข้อ 2. ทะเยอทะยานคือความทุกข์
   คุณครูเคยสอนไว้ครับว่า อย่า อยู่ อย่าง อยาก เพราะมันจะเกิดทุกข์ 4 ประการ
   1.  ทุกข์อยากมี
   2.  ทุกข์ต้องหา
   3.  ทุกข์รักษา
   4.  ทุกข์เมื่อหาย
   ถ้าไม่มีความอยาก  ก็ไม่มีทุกข์ครับ

    ;D

1. ทำงานให้ดีก่อนเถอะถ้าอยากรวย

ทำงานเก่งทำให้คุณมีเงิน แต่การทำเงินเก่งจะทำให้คุณรวย…!!! ทำงานได้งาน ทำเงินได้เงินนี่คือความจริง ผมถูกหลอกโดยระบบการศึกษามาตลอดว่าทำงานให้หนัก มาก่อนเวลาและกลับหลังเจ้านาย รับรองว่าคุณจะต้องประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน ในความเป็นจริงอาชีพลูกจ้างจัดเป็นอาชีพที่ “ชีวิต” หนักมาก ตั้งแต่ตื่นเช้า รถที่ติดมหาโหด เวลาทำงาน 9 ชั่วโมงต่อวัน มาสายงานเท่าเดิมแต่ถูกหักเงิน ทั้งหมดเพื่อเงินเดือนที่เราบ่นว่าไม่พอใช้ ทำงานเก่งให้ตายถ้าไม่รู้วิธีทำเงินก็ไม่รวย


ข้อนี้ผมจะไม่เถียงว่า ขยัน ทำงานให้หนัก มาเช้ากลับดึกก่อนเจ้านาย แล้วจะรวย ว่ามันไม่จริง
แท้จริงมันแค่ แครอท หลอกกระต่ายให้วิ่งตามเท่านั้น

(เจ้านาย ผู้บริหาร และเจ้าของกิจการ ชอบเอาคำนี้มาหลอกกระต่ายในคอกตนเองเสมอ)

 แต่ผมขอยกเอาคำหลอกลวงเหล่านั้นมาเป็นข้อที่สองในการทำงาน
ข้อแรกผมขอเอาคำว่า ทำงานให้เป็น เลือกทำงานให้ถูกที ถูกเวลา
เมื่อเจอแล้ว จึงค่อยทำตามคำพูดเหล่านั้น
นั่นแหละมันจะทำให้คุณมีงานที่เรียกว่า ประสพความสำเร็จได้ (โดยส่วนมากไม่ใช่งานลูกจ้าง)
(https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcReJQg49f4IyQEG42F2WQI4dROZfSNZpQQhdbzSXhnObTXbAiOS)

(http://www.bloggang.com/data/r/rngja/picture/1372579865.jpg)

กับ

(http://f.ptcdn.info/005/001/000/1357620377-3841822282-o.jpg)

เอาไงดี

(http://www.จริงดิ.com/wp-content/uploads/2013/03/733970_311769042285570_2015066035_n-300x300.jpg)

ชอบอันนี้   ;D ;D ;D คือจริงแล้วเขาจะบอกว่าทางสายกลางดีสุด เงินทำได้เยอะ แต่ไม่ใช่ทุกสิ่ง ทุกเวลาเท่านั้น

มีหลายเงื่อนไข

ยังไงก็ขอให้มีเยอะๆไว้ก่อนครับ

แต้ครับ คำนวณแล้วได้บำนาญเดือนละ 9800

ชีวิต ไม่ง่าย พระอาจารย์ผมสอนว่า เงินก็สำคัญ มีเงินแค่พอใช้ สุขภาพก็สำคัญ มีสุขภาพพออยู่ ที่สำคัญสุดท้าย มีบุญกุศลพออาศัยที่จะเป็นเสบียงไปภพหน้า

เมียผมบอกว่า ไม่มีเงินก็ไม่ต้องกินเหล้า.... ผมว่าเงินสำคัญกับผมแน่ๆ ::005::

 :VOV: ::002:: ::002::

สำหรับผมเงินสำคัญน้อยกว่าสามสิ่งนี้ครับ
1.สุขภาพที่ดีแข็งแรง  2.สติปัญญา+ประสพการณ์ 3.มนุษย์สัมพันธ์หรือมิตรภาพที่ดี
แค่นี้ก็น่าจะมีความสุขไม่น่าจะอดตายมังครับ

สตอทั่งน้านครับ เขียนหนังสือก้ออยากให้ขายดีติดอันดับทำเงิน  ตอนเรียนมหาลัยมีปรัชญาชีวิตดีนักหนาก็ลงเอยที่การขายอุดมการณ์แลกเงิน ชายเกียจคร้านไม่อยากทำงานก้อไปบวช หญิงเกียจคร้านก็ไปขายบริการ  ทำงานไม่เก่งหรือเลือกงานก้อหาว่าเจ่านายไม่รัก ลำเอียงเลือกแต่พวกพ้อง  เห็นคนอื่นเรียนต่อจบปรืญญาหลายใบก็อิจฉาแต่ปลอบใจตนเองว่าพอเพียงแล้ว ตายไปก็เอาไปไม่ได้
สารพัดจะอ้างแบบหมาป่ากับองุ่นเปรี้ยว  คนสมัยนี้เนอะ
รวยไม่รวยไม่รู้แหละ ตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด กินเที่ยวแต่พองาม ลาภสัตว์สองเท้าไม่เอาเพราะจะขัดลาภอื่นเสียหมด ดูแลพ่อแม่ลูกเมียบริวารว่านเครือให้ดี ลดกิเลสและความโลภด้วยการแบ่งปัน บริจาคทานแก่ผู้ด้อยโอกาสแบบพี่น้องมุสลิมที่ต้องแบ่งเงินเพื่อบริจาคเป็นประจำ  มีเงินเยอะแล้วค่อยทำตัวหรูหราได้ตามอัตภาพ ไม่ใช่ยืมเขามาโก้ กู้เขามารวย  นี่ต่างหากความจริงของข้า

ข้อเท็จจริงข้อหนึ่งที่ผมเชื่อจากการประสบการณ์ที่ผ่านมา...

คือคนเรามักตัดสินผู้อื่นโดยใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์...

คนโลภมักเชื่อว่าทุกคนโลภเหมือนตนเอง...

คนเห็นแก่ตัวมักเห็นว่าทุกคนจ้องจะเอาเปรียบตนเอง...

คนดีมักเชื่อว่าคนอื่นดีเช่นเดียวกับตัวเอง...

สังคมทุกวันนี้คงเลวร้ายเหนือจินตนาการหากทุกคนเชื่อและหลงไปกับสังคมบริโภคนิยมครับ... ::014::

ตัวอย่างของผู้เชื่อและทำตามข้อเท็จจริงที่คุณเบิ้มยกมาอ้างว่าเป็นเท็จทั้ง 4 ข้อแรก...

พอดีข้อสุดท้ายผมไม่อาจเดาความคิดของท่านได้ครับ...

http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000065880

อยากให้อ่านดูครับ.... ::014::

ขออนุญาต +1 ให้เพื่อนๆทุกท่านที่เชื่อว่าไม่ถูกหลอกครับ... ::002::

 ::014::  ขอแสดงความนับถือนพ.นิรันดร์ อย่างสูงครับ  จิตใจที่เปี่ยมด้วยความรักและอุดมการณ์  อ่านบทสัมภาษท่านลึกซึ้งทุกกระบวนความ  ::014::


+ทุกท่านครับ  บวก3พี่หมอรุตครับ  ;D

สุดท้าย 5. อยากรวยเหรอ มันลำบากนะ

ข้อนี้ผมขอยืนยันหลังชนฝาว่าไม่จริง…!!! คนเราส่วนใหญ่มักมีความคิดที่ว่าถ้าคุณมีรายได้ 15,000 ต่อเดือนแล้วอยากจะมีรายได้ 60,000 ต่อเดือน จะต้องทำงานมากกว่าคน 15,000 สี่เท่า…!!! แต่ในความเป็นจริงบนโลกนี้มีคนมากมายที่สามารถหารายได้ได้เยอะมากๆในขณะที่ทำงานน้อยลงหรืออาจจะใช้เวลาทำเงินน้อยกว่าคนกินเงินเดือน เหตุผลเดียวที่เขาทำได้เพราะเขากล้ามากกว่าคนอื่น ตัดสินใจลงมือทำจริงจังมากกว่าคนอื่น และทุ่มเทสร้างอาณาจักรของตัวเองมากกว่าคนอื่นเท่านั้น สรุปคือคนรวยคือคนกล้าเสี่ยง กล้าได้กล้าเสียในเรื่องที่เขามั่นใจว่าต้องชนะ ไม่ใช่กล้าได้กล้าเสียเรื่องโชคชะตาโชคลาภ


ตรงนี้ผมก็ไม่เข้าใจไรมากครับพี่หมอรุต  แต่เท่าที่เห็น มันก็มีหลายมิติ  หลายอาชีพ ที่เสียสละมาก มากเกินกว่าที่คนทั่วไปจะคิดได้

ดูรายการหลายครั้ง  จนท.บางท่าน ก็พูด ว่าถ้าคนเรากลัวเสี่ยง งานที่ทำเสี่ยง แล้วใครจะปกป้อง ดูแลชาติ

หลายอาชีพก็เลือกจะอยู่ในพื้นที่สบาย รายได้เยอะ เยอะกว่าอาชีพอื่นมากมาย บางอาชีพที่พี่หมออาจจะติดใจในบทความของเจ้าของบทความ ทีอ้างถึงเรื่องการรักษาพยาบาล  เขาก็มองในแบบคนทั่วไป  แต่จริงๆแม้แต่คนเรียนหมอรุ่นใหม่ๆ จำนวนมาก เลือกที่จะใช้ทุนไม่กี่แสนบาท(ทราบว่าการสร้างหมอคนนึงหลักล้าน-หลายล้านบาท) ใช้ทุนไม่กี่แสนบาทใช้มานานกว่า20ปีไม่เคยขึ้นการใช้ทุน คงซื้ิอใจกัน   บางคนเรียนจบพ่อแม่ก็ควักเงินใช้ทุนเลย เปิดคลีนิความงาม เข้าทำโรงบาลเอกชนหรือคลีนิคความงามเลยก็เยอะ

มันเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลครับ  ทำไรก็ตาม เป็นคนดี เสียภาษีให้บ้านเมือง ผมว่าดีหมด คนดีมักไม่ก่อเรื่อง ก่อปัญหาให้บ้านเมืองด้วย หมอหลายท่านก็ทำธุรกิจใหญ่โต ก็ไม่มีใครว่าอะไร  บทความนี้อาจจะใช้คำที่แรง เพราะเขาเป็นนักเขียน หลายคนก็เป็นนักเขียนอาชีพ นักบรรยาย โค้ช....ก็ว่ากันไป สังคมมันซับซ้อนจนเราต้องคิดตามบ่อยๆ 555   ;D

 ::002:: ครับคุณหมอ  ::014::
+ +  ;D

บวกคุณหมอ กับ น้าเบิ้ม คนละ ๑ แต้มครับ

 ::014::  +ครับ  ;D

+ คืนทุกท่านครับ... ::014::

คุณหมอลองพิจารณาด้วย นิยาม 5 ดูบ้างซิครับ

ท่าน ป.อ. ปยุตฺโต สรุปได้สั้น ๆ กระชับดีมาก
1.อุตุนิยาม (physical laws) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น อุณหภูมิ ดินฟ้าอากาศ สิ่งแวดล้อม
2.พีชนิยาม (biological laws) คือ กฎธรรมชาติที่เกี่ยวกับพันธุกรรม กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลของสิ่งมีชีวิตทั้งพืช สัตว์ เชื้อโรค ผ่านการสืบพันธุ์
3.จิตนิยาม (psychic law) คือ กฎธรรมชาติเกี่ยวกับการทำงานของจิต เจตสิก
4.กรรมนิยาม (Karmic Laws) คือ กฎแห่งกรรม คือกฎแห่งการกระทำและผลของการกระทำ
5.ธรรมนิยาม (General Laws) อันได้แก่กฎไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

คนที่คิดแบบต้นเรื่อง  ไม่ใช้ผู้บริหาร

อ่านสำนวนก็รู้ว่าเรื่องมันจะลงเอยอย่างไร  ...อิ อิ

เรื่องข้างบนมันแค่เกรินนำเท่านั้น  หว่านล้อม ก่อนจูงเข้าประเด็น 
สิ่งพิมพ์ ก็ดันไปเอาแค่วาทะกรรมบางส่วน ไม่เอาเนื้อหามา

แ่ล่มครับ ::008::

::014:: ขอบพระคุณมากครับพี่...

แต่กระชับและสั้นไปหน่อยครับ...

คนตื้นเขินอย่างผมอ่านแล้วยังไม่กระจ่างครับ...

พี่สุพินท์มีส่วนขยายหรือบทเทศน์เต็มไหมครับ... ::014::

คนเขียนหนังสือขายไม่ใช่คนรู้จริงครับ อ่านหนังสือแล้วต้องเอาไปคิดต่อเอาเอง คนที่รู้จริงไม่มานั่งเขียนหนังสือขายหรือครับ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็เช่นตำราเล่นหุ้น...

ก็เขียนหนังสือขายมียอดขายสูงก็ต้องเขียนให้ให้สำนักพิมพ์ใหญ่ระดับ บ.มหาชน ในตลาดหุ้น เขาก็คิดรายได้นักเขียนอยู่ 2 แบบคือเหมาจ่ายไม่เกิน 2 แสนบาท/เล่ม แล้วแต่ความยากง่ายหรือ เล่มหนาบาง, หรือไม่ก็คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาขายและยอดขายฯ... สรุปเบ็ดเสร็จก็จะได้เงินต่อการสั่งพิมพ์หนึ่งครั้งไม่เกิน 2 แสนบาท สำหรับยอดพิมพ์ประมาณ 3000 เล่ม, แล้วรายได้ประมาณนี้ตลอดจะไม่มากกว่านี้ หากไม่ใช่ผู้เขียนชนิดรางวัลซีไรท์(ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าอาจโดนกดค่าเขียน)...

แล้วคิดว่าคนเขียนหนังสือ/แปลหนังสือในประเทศไทย จะมีคนที่"รู้จริง"สักกี่คนเล่าครับ... ในเมื่อรายได้ระดับ 2 แสนบาท/เดือนนี่คือเบสิคแบบต่ำๆ ของครอบครัวคนเมืองใหญ่ที่ผ่อนบ้านเดี่ยวย่านชานเมือง+ผ่อนรถเก๋งบ้านๆ 2 คัน(ผัวคันเมียคัน - โตโยต้า/ฮอนด้า) ของมนุษย์เงินเดือนปรกติธรรมดาครับ...

ลืมขยายความต่อเรื่องรายได้นักเขียนครับ... คนที่เขียนหนังสือแล้วรวย ต้องเขียนหนังสือหลายเล่ม ที่สามารถสั่งพิมพ์ได้หลายครั้ง ปรับปรุงเนื้อหาแล้วพิมพ์ใหม่ได้กินนาน ซึ่งหนังสือระดับนั้นมีจำนวนน้อยมากในตลาดสิ่งพิมพ์ประเทศไทยครับ...

ที่สำคัญคือหนังสือหนึ่งเล่มนี่นั่งเขียนนั่งแปลประมาณ 3 เดือนเป็นอย่างต่ำ!!!, ดังนั้นนักเขียนที่รวย จะต้องดังมากๆ สามารถเรียกแขก/เรียกลูกค้าให้สำนักพิมพ์ได้... สรุปว่าอ่านหนังสือแล้วต้องคิดต่อ/สรุปเอาเองด้วยครับ...

ขยายแล้ว คงใหญ่กว่าสนามบินอีกครับ
ก็คือกฎของธรรมชาตินั่นเอง (นิยาม แปลว่ากฎ)
แต่คนไทยส่วนใหญ่  จะสนใจแต่กฎแห่งกรรมเรื่องเดียว
แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อถือกัน เพราะเห็นว่าคนทำชั่วไม่ค่อยได้ชั่ว หรือได้แต่ช้ามาก  ซึ่งกฎอีก 4 ข้อจะอธิบายให้เอง ว่าทำชั่วไปได้อย่างไร และควรจะได้รับผลกระทบอย่างไร

 

+ ::014:: ครับพี่อ.สมชาย  ;D

อย่างที่รวยก็เช่นยัยกาละแมร์ครับพี่สมชาย  ขายมานับสิบปี หลายเล่ม รวยเป็นร้อยล้าน 

ดร.นิเวศน์ก็คงรวยกะหนังสือหุ้นเยอะเหมือนกัน  ::005::

ขอบคุณครับพี่สุพินท์... ::014::

ดร.นิเวศน์ฯ รวยเป็นพันล้านก็จริง แต่เล่นหุ้นใช้เวลานานมาครับ แล้วได้เงินช้ามากเพราะวงรอบของแกยาวนานเหลือเกิน คือต้องรอให้บริษัทเติบโตไปพร้อมกับราคาหุ้นสูงขึ้น... แต่คนที่เล่นหุ้นเก่งกว่า อ.นิเวศน์มีแยะมากในประเทศไทยครับ(คนละแนว)...

ที่ว่าเก่งกว่า ก็เพราะว่าอยากได้เงินเมื่อไหร่ก็เล่นเอาเงินได้ทุกเมื่อเหมือนกด ATM คือไม่จำเป็นต้องมีเงินเก็บเป็นพันล้านบาทให้เป็นอันตรายแก่ชีวิต เพราะมีเงินมากไปมันทำร้ายตัวเองครับ... คนเล่นเทคนิคัลที่เล่นเป็น เมื่อจับทางได้แล้วต้องลดพอร์ตของตนเองครับ เพราะชีวิตมันจะไม่สงบสุขครับ... แฮ่ๆ...

        ปลายทางของทุกอย่าง
ก็คือเพื่อความสุข เพียงแต่ความสุข
หลาย ๆ อย่าง ผ่านเงิน  เงินเป็นตัวกลาง
และบางครั้ง เพราะเรามุ่งทุกวิถีทางเพื่อหาตัวกลาง
จนสุดท้ายต้องห่างจากปลายทาง ยิ่งหาก็ยิ่งห่างจากปลายทาง
        สุดท้าย
ก็เลยยิ่งต้องใช้ตัวกลางที่พยายามมีพยายามหา
มาเป็นตัวช่วย  ที่จะเข้าถึงปลายทาง แทนที่จะลดตัวกลาง
แล้วพยายามหาวิธีเข้าถึงปลายทางโดยตรงชึ่งใช้ระยะทางและเวลาที่สั้นกว่า
        อ่านแล้ว
งง ไหมครับ ผมเองก็ งง... ::007::

อ้างถึง 2 ท่านนี้ครับ ความสุขกับเงินมันเป็นคนละเรื่องกันครับ แต่ก็อยู่ในแนวทางเดียวกัน
พอมาได้ถึงระดับนึง มันก็จะแยกจากกัน เราต้องเลือกแล้วละครับว่าจะเอาอะไร

คุณเบิ้มเคยไปประชุมแอมเวย์ไหมครับ พวก speech ปลุกเร้าให้ฮึกเหิมเดินไปข้างหน้า เวลาถดถอยก็มีถ้อยมีคำให้กำลังใจ พวกบทพูดโดนๆพวกนี้มีให้ฟังเพียบครับ รุ่นพี่ผมเจอปัญหาหนักๆในที่ทำงาน ยังฟังจนเคลิ้มสุดท้ายลาออกไปขายแอมเวย์เลยครับ

ผมไม่เคยไปฟังอะไรพวกนี้เลยครับ มีแต่พวกตื้อ แต่กินผมย๊ากกส์ครับพี่อภิสิทธิ์    ::005::  + 

จริงๆเงินเยอะๆใครก็อยากได้ครับแต่ต้องหาแนวทางตัวเองให้เจอก่อนครับ :Dเจอแล้วค่อยมีใจมีแรงขยันทำงานครับ :D  ตอนผมอายุ29ปี ผมไปเที่ยว กทม.ไปพักบ้านญาติพวกเขาขายทอง ผมเลยไปช่วยเขาทำงานทองใส่กรอบพระ ตัดต่อก้านแหวน เชื่อมสร้อย และแล้วก็ค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถที่มือครับ ผมเรียนเลขไม่เก่ง ;D เบื่อท่องตำรา ไม่ชอบเข้าเสนอขายสินค้า ไม่ชอบย้ายที่อยู่(ตอนนั้นเพื่อนเป็นปลัดอำเภอย้ายบ้านกันบ่อย) แต่ผมมีมือปราณีตอยู่คู่หนึ่งช่วยร้านทองเขาอยู่สิบกว่าวันก็ตีแหวนมอญได้แล้ว--ผมเลยกลับมาปรึกษาพ่อขอเปลี่ยนธุรกิจที่บ้าน จากขายผ้ามาเป็นขายทอง รายได้ก็ดีกว่าเดิม และก็มีความสุขที่ได้ทำงานที่ชอบครับ :Dไม่รวยมากมายแต่ก็ได้ใช้ชีวิตเรียบๆง่ายๆ ผมขายทองมาจนทุกวันนี้ครับ

ปล. ตอนนี้ตาไม่ดีแล้วครับ ทำเจเวลลี่ไม่ได้แล้วแต่ยังเชื่อมสร้อยได้อยู่

ผมก็ขายทองครับ...แต่ไม่รวยเสียที



คือมีเท่าไหร่ก็ขายกินหมดครับ ;D

ท่านอาจารย์สมชาย ::014::คิดค้นวิชาเหินบินบนยอดคลื่นได้สำเร็จก็ลาออกจากราชการมาผาดโผนในยุทธจักรตลาดหุ้น ท่านด๊อกเตอร์นิเวศก็คิดค้นวิชาเต่าจำศีลได้สำเร็จ ซื้อหุ้นปุ๊บก็เข้าบ้านจำศีลบ่มเป็นปีๆค่อยเอาออกขาย---คนเราต้องหาแนวทางให้เจอครับ :D

ผมนึกว่าลุงอภิสิทธิ์เหมือนเถ้าแก่ร้านทองคนอื่นๆครับ แบบส่งช่างทองอย่างเดียว  ;D   ::002::

ขอบพระคุณครับ...

ที่จริงเคล็ดวิชาหุ้นที่ว่านี่ไม่เป็นความลับครับ สามารถเปิดกราฟหุ้นดูย้อนหลังได้ทุกเวลาไม่ว่าจะย้อนไปกี่สิบปีไกลแค่ไหน หรือพยากรณ์ล่วงหน้าไปอีกกี่สิบปีมันก็ยังเหมือนเดิมตลอดทำนองเดียวกับกฎนิวตั้น 3 ข้อของฟิสิกค์นั่นแหละครับ... เพียงแค่คนเล่นหุ้นต้องทำตัวให้สอดคล้องกับมัน คือต้องทำใจ(และปรับพฤติกรรมซื้อขายหุ้น)ไม่ให้ฝืนธรรมชาติของมันน่ะครับ...

กฎที่ว่าคือ..
1) หุ้นขึ้นทุกครั้งจะต้องขึ้นพ้นเส้นค่าเฉลี่ย 7 วัน และจะไม่มีหุ้นขาขึ้นตัวไหนอยู่ใต้เส้น 7 วัน...
2) หุ้นลงทุกครั้งจะต้องลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 7 วัน และจะไม่มีหุ้นขาลงตัวไหนอยู่เหนือเส้น 7 วัน...
3) เมื่อหุ้นลงต่ำกว่าที่เคยลงแปลว่าเป็นขาลง(New Low) และหุ้นขึ้นมากกว่าที่เคยขึ้นแปลว่าเป็นขาขึ้น(New High)...

ดังนั้นนายสมชายจะถือครองหุ้นเมื่อเป็นขาขึ้น กับทิ้งหุ้น(หรือเล่นชอร์ต)เมื่อเป็นขาลง... ช่วงนี้นายสมชายขี่รถถ่ายรูปครับ... แฮ่ๆ...

กฎ 3 ข้อนี้เป็นจริงเสมอในทุกเวลา ทุกโอกาส ทุกสถานการณ์ ไม่มีวันเป็นอย่างอื่นแม้แต่ช่วงน้ำท่วมใหญ่ ช่วงปฎิวัติรัฐประหาร ช่วงฟองสบู่แตก ช่วงสงครามอ่าว ฯลฯ... มั่นคงแน่นอนเหมือนกฎธรรมชาติที่ว่าดวงอาทิตย์ต้องขึ้นทางทิศตะวันออกครับ...