เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 14, 2016, 05:58:57 PM



หัวข้อ: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 14, 2016, 05:58:57 PM
http://www.thairath.co.th/content/590637

 ::002::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ มีนาคม 15, 2016, 09:28:49 AM
 เมื่อก่อนเคยเลี้ยงครับ ประมาณ45วันก็ได้กินแล้ว ก่อนจับซักห้าหกวันให้ฟักทองแทนอาหารลูกไก่จะช่วยให้มีกลิ่นหอมและรสชาดอร่อยครับ


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 15, 2016, 10:03:00 AM
http://www.thairath.co.th/content/590637

 ::002::



555555  ยายคิดไปโน่น  " จิ้งหรีด " ที่น้าชาติ  เคยเลี้ยง  อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มีนาคม 15, 2016, 10:51:07 AM
เป็นทางเลือกใหม่ของโปรตีนในอนาคตนะครับ ;D ;D ;D เทรนดกำลังมาแรง


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: แปจีหล่อ ที่ มีนาคม 15, 2016, 02:44:19 PM
 ต่อไปตัวนี้น่าจะมาแรงครับ มช.พบ'หนอนไหม' กินต้มสุก22ตัวเทียบไวอากร้า ปลุกนกเขาตื่นจากหลับไหล


ชายไทยกลุ่มนกเขาเอาแต่หลับเลื้อยขี้เซา เตรียมเฮ กรมหม่อนไหมร่วมกับทีมนักวิจัย ม.เชียงใหม่ พบหนอนไหม 2 สายพันธุ์ไทย “น้อยศรีสะเกษ-1” และ “เหลืองสุรินทร์” มีสาร “ซิลเดนาฟิล” ที่ใช้ผลิตยาไวอากร้า โดยผลการศึกษาเบื้องต้น พบหนอนไหมพันธุ์ไทย 22 ตัว นำมาสกัด ได้สารเทียบเท่าไวอากร้า 100 มิลลิกรัม เล็งนำมาแปรรูปเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เพิ่มมูลค่าให้หนอนไหม แต่เตือนไม่แนะกินสด เสี่ยงติดเชื้อโรค ควรนำไปต้มก่อนเปิบ

นักวิจัยไทยพบสรรพคุณที่คาดไม่ถึงของดักแด้หนอนไหมในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 14 มี.ค.หลังได้รับการเปิดเผยจากนายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงการวิจัยของ ดร.วิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมที่ทำร่วมนักวิจัยด้านเคมีและด้านอาหาร เพื่อศึกษาหาสารสำคัญในดักแด้หนอนไหม เพื่อนำมาเป็นผงปรุงรสอาหารสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร ซึ่งการศึกษาครั้งนี้สืบเนื่องจาก ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมได้ตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวชาวอีสานที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งๆที่พ่อบ้านทำงานหนัก และมีฐานะยากจนแต่สุขภาพกลับแข็งแรงและมีบุตรหลายคน ด้วยความสงสัยจึงได้มีการสอบถามถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมไปถึงอาหารการกิน กระทั่งรู้ว่าอาหารที่ส่วนใหญ่กินกันบ่อย คือตัวดักแด้จากหนอนไหม เบื้องต้นกรมจึงได้รวบรวมพันธุ์หนอนไหมพื้นบ้านทั้งหมด เพื่อดูคุณค่าทางอาหารสำคัญอื่นอีก

อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวว่า ปรากฏว่าในการศึกษาครั้งแรก ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพียงแค่ต้องการแปรรูปทำเป็นผงปรุงรส หรือผงนัวแค่นั้นเอง แต่เมื่อวิจัยลงลึกจึงรู้ว่าหนอนไหมมีสารสำคัญที่คาดไม่ถึง โดยในดักแด้หนอนไหมสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยเท่านั้น จากการวิเคราะห์พบว่าหนอนไหมยังมีสารซิลเดนาฟิล (ชื่อสามัญทางยาของไวอากร้า) ที่มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดแบบเดียวกับยาไวอากร้า

อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวอีกว่า ดังนั้น เพื่อให้รู้ว่าสารดังกล่าวในดักแด้หนอนไหมต้องใช้จำนวนมากน้อยเพียงใด และใช้วิธีอะไรในการสกัดให้ได้สารสำคัญ กรมจึงร่วมกับ ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง คณะอุตสาหกรรมเกษตร รศ.ดร.ปรัชญา วงศ์ทวีเลิศ ดร.ณัฐชัย ดวงนิล ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ร่วมกันศึกษาต่อ จนกระทั่งรู้หากใช้ดักแด้หนอนไหมสดๆ โดยไม่ผ่านการต้มจำนวน 22 ตัว หลังนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ จะได้รับสารซิลเดนาฟิลปริมาณ 101.57-102.55 มิลลิกรัม มากกว่ากินยาไวอากร้า ขนาด 100 มิลลิกรัม ที่นำเข้าจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมหม่อนไหมได้กล่าวเตือนว่า การนำเอาหนอนไหมมากินสดๆนั้นจะสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ซึ่งชายไทยคนไหนที่ต้องการกินดักแด้หนอนไหมเพื่อให้ได้รับสารดังกล่าว ช่วงเวลานี้ วิธีที่ดีสุดคือนำดักแด้หนอนไหมที่ผ่านการต้มเพื่อสาวเอาเส้นไหมไปทอผ้านำมากิน แม้จะได้รับสารซิลเดนาฟิลในปริมาณไม่มากเท่ากับการสกัด แต่ถือว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตกรมหม่อนไหมมีแนวคิดจะนำหนอนไหมพื้นบ้านทั้ง 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ มาแปรรูปทำเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ที่เพิ่มมูลค่าได้สูงกว่าการทำเป็นเครื่องปรุงอาหารต่อไป

http://www.thairath.co.th/content/590919


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 15, 2016, 03:39:36 PM
ต่อไปตัวนี้น่าจะมาแรงครับ มช.พบ'หนอนไหม' กินต้มสุก22ตัวเทียบไวอากร้า ปลุกนกเขาตื่นจากหลับไหล


ชายไทยกลุ่มนกเขาเอาแต่หลับเลื้อยขี้เซา เตรียมเฮ กรมหม่อนไหมร่วมกับทีมนักวิจัย ม.เชียงใหม่ พบหนอนไหม 2 สายพันธุ์ไทย “น้อยศรีสะเกษ-1” และ “เหลืองสุรินทร์” มีสาร “ซิลเดนาฟิล” ที่ใช้ผลิตยาไวอากร้า โดยผลการศึกษาเบื้องต้น พบหนอนไหมพันธุ์ไทย 22 ตัว นำมาสกัด ได้สารเทียบเท่าไวอากร้า 100 มิลลิกรัม เล็งนำมาแปรรูปเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ เพิ่มมูลค่าให้หนอนไหม แต่เตือนไม่แนะกินสด เสี่ยงติดเชื้อโรค ควรนำไปต้มก่อนเปิบ

นักวิจัยไทยพบสรรพคุณที่คาดไม่ถึงของดักแด้หนอนไหมในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 14 มี.ค.หลังได้รับการเปิดเผยจากนายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงการวิจัยของ ดร.วิโรจน์ แก้วเรือง ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมที่ทำร่วมนักวิจัยด้านเคมีและด้านอาหาร เพื่อศึกษาหาสารสำคัญในดักแด้หนอนไหม เพื่อนำมาเป็นผงปรุงรสอาหารสร้างมูลค่าให้กับเกษตรกร ซึ่งการศึกษาครั้งนี้สืบเนื่องจาก ผู้เชี่ยวชาญกรมหม่อนไหมได้ตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวชาวอีสานที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทั้งๆที่พ่อบ้านทำงานหนัก และมีฐานะยากจนแต่สุขภาพกลับแข็งแรงและมีบุตรหลายคน ด้วยความสงสัยจึงได้มีการสอบถามถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวัน รวมไปถึงอาหารการกิน กระทั่งรู้ว่าอาหารที่ส่วนใหญ่กินกันบ่อย คือตัวดักแด้จากหนอนไหม เบื้องต้นกรมจึงได้รวบรวมพันธุ์หนอนไหมพื้นบ้านทั้งหมด เพื่อดูคุณค่าทางอาหารสำคัญอื่นอีก

อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวว่า ปรากฏว่าในการศึกษาครั้งแรก ซึ่งร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพียงแค่ต้องการแปรรูปทำเป็นผงปรุงรส หรือผงนัวแค่นั้นเอง แต่เมื่อวิจัยลงลึกจึงรู้ว่าหนอนไหมมีสารสำคัญที่คาดไม่ถึง โดยในดักแด้หนอนไหมสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ ไม่ได้เพียงแค่เพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยเท่านั้น จากการวิเคราะห์พบว่าหนอนไหมยังมีสารซิลเดนาฟิล (ชื่อสามัญทางยาของไวอากร้า) ที่มีฤทธิ์ช่วยขยายหลอดเลือดแบบเดียวกับยาไวอากร้า

อธิบดีกรมหม่อนไหมกล่าวอีกว่า ดังนั้น เพื่อให้รู้ว่าสารดังกล่าวในดักแด้หนอนไหมต้องใช้จำนวนมากน้อยเพียงใด และใช้วิธีอะไรในการสกัดให้ได้สารสำคัญ กรมจึงร่วมกับ ผศ.ดร.สมชาย จอมดวง คณะอุตสาหกรรมเกษตร รศ.ดร.ปรัชญา วงศ์ทวีเลิศ ดร.ณัฐชัย ดวงนิล ภาควิชาเคมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ ร่วมกันศึกษาต่อ จนกระทั่งรู้หากใช้ดักแด้หนอนไหมสดๆ โดยไม่ผ่านการต้มจำนวน 22 ตัว หลังนำมาสกัดด้วยแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ จะได้รับสารซิลเดนาฟิลปริมาณ 101.57-102.55 มิลลิกรัม มากกว่ากินยาไวอากร้า ขนาด 100 มิลลิกรัม ที่นำเข้าจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ดี อธิบดีกรมหม่อนไหมได้กล่าวเตือนว่า การนำเอาหนอนไหมมากินสดๆนั้นจะสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดการติดเชื้อโรคได้ง่าย ซึ่งชายไทยคนไหนที่ต้องการกินดักแด้หนอนไหมเพื่อให้ได้รับสารดังกล่าว ช่วงเวลานี้ วิธีที่ดีสุดคือนำดักแด้หนอนไหมที่ผ่านการต้มเพื่อสาวเอาเส้นไหมไปทอผ้านำมากิน แม้จะได้รับสารซิลเดนาฟิลในปริมาณไม่มากเท่ากับการสกัด แต่ถือว่ามีความปลอดภัยต่อสุขภาพอย่างแน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ ในอนาคตกรมหม่อนไหมมีแนวคิดจะนำหนอนไหมพื้นบ้านทั้ง 2 สายพันธุ์ คือสายพันธุ์น้อยศรีสะเกษ-1 และพันธุ์เหลืองสุรินทร์ มาแปรรูปทำเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ที่เพิ่มมูลค่าได้สูงกว่าการทำเป็นเครื่องปรุงอาหารต่อไป

http://www.thairath.co.th/content/590919


555555  ถ้าท่านผู้นำพูด   " ยาย ม่ะเชื่อ " หรอก อ่ะ ฮา 555555 ::007:: ::007:: ::007::

ถ้า ไม่มีน้ำปลูกข้าว  ก็ให้ปลูก หมามุ่ย อ่ะ ฮา 55555555

ถ้ายางพารา  ราคาถูก ก็ให้ ปลูกกล้วย ปลูกผัก ในแปลงยางแทน อ่ะ ฮา 5555

หน้าร้อนนี้  ประปา ขาดแคลน  อย่าถูสบู่ นาน อ่ะ ฮา 55555

ถ้าไม่จุดไม้ขีด  ไฟป่า ก็ไม่ไหม้ อ่ะ ฮา 55555

55555  เอออ  แล้วไอ้  " หนอนไหม " กินแล้วเด้งดึ๋ง  จริงป่าว อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ มีนาคม 15, 2016, 04:45:39 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 15, 2016, 06:03:35 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::



55555  ทุกวันนี้  กฎหมายบอก เปรียบเสมือน  " บุคคล ไร้ความสามารถ "  อ่ะ ฮา 55555

ต้องมี  " ผู้อนุบาล "  กรณี  จะกระทำ  นิติกรรมผูกพันธ์  ตอนดึก อ่ะ ฮา 55555

555555  ชายไทย อกสามศอก  " จุ๊ก กรู้ สามคืบ " หนอนไหม ไม่ได้ผลร๊อกส์ อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: thotsaporn ที่ มีนาคม 15, 2016, 06:09:01 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::
เอาให้อาแป๋งซัก 2 กระสอบ ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 15, 2016, 06:12:16 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::
เอาให้อาแป๋งซัก 2 กระสอบ ::007:: ::007:: ::007::



55555  พี่โท๊ดดดด   รายนี้ ยากแก่การเยียว ยา  " หด  หลบใน "  ไป แล้วอ่ะ ฮา 555 ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: thotsaporn ที่ มีนาคม 15, 2016, 06:27:15 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::
เอาให้อาแป๋งซัก 2 กระสอบ ::007:: ::007:: ::007::



55555  พี่โท๊ดดดด   รายนี้ ยากแก่การเยียว ยา  " หด  หลบใน "  ไป แล้วอ่ะ ฮา 555 ::007:: ::007::
::005:: ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: คมขวาน รักในหลวง ที่ มีนาคม 16, 2016, 07:34:33 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::
เอาให้อาแป๋งซัก 2 กระสอบ ::007:: ::007:: ::007::



55555  พี่โท๊ดดดด   รายนี้ ยากแก่การเยียว ยา  " หด  หลบใน "  ไป แล้วอ่ะ ฮา 555 ::007:: ::007::
::005:: ::005:: ::005::
        เอาพอให้
แกเยี่ยวพ้นหัวแม่ตีนก็ยังดี ครับ ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: ค..ควาย...ใส่ชฎา ที่ มีนาคม 16, 2016, 09:18:51 PM
ยายหามาเดี๋ยวผมทดสอบให้ ::005::
เอาให้อาแป๋งซัก 2 กระสอบ ::007:: ::007:: ::007::



55555  พี่โท๊ดดดด   รายนี้ ยากแก่การเยียว ยา  " หด  หลบใน "  ไป แล้วอ่ะ ฮา 555 ::007:: ::007::
::005:: ::005:: ::005::


        เอาพอให้
แกเยี่ยวพ้นหัวแม่ตีนก็ยังดี ครับ ::005:: ::005::





5555  ลุงแป๋งส่ง Line บอก  ได้แค่นี้  พอแล้ว อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007:: ::007::

ครูพละ  ท่าทางโดน อาจารย์ผู้ปกครอง  " ลงโต๊ด "  ยึดสมาร์ทโฟน ห้ามใช้ อ่ะ ฮา 5555

เฮ้อ  " ตัดสินใจพลาด "  ลำบากตลอดชีวิต เลยอ่ะ ฮา 555 ::007:: ::007:: ::007::

555555  วันหน้า วันหลัง อย่าไปอ้าง  " กรู ม่ะรู้  กรู มาว " อ่ะ ฮา 55555 ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มีนาคม 17, 2016, 07:58:43 AM
หน้าร้อนนี้  ประปา ขาดแคลน  อย่าถูสบู่ นาน อ่ะ ฮา 55555

ไปบอกธุรกิจ อาบ อบ นาบ ดีกว่ายาก เปิดน้ำรองทิ้งไว้ตลอด ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: จิ้งหรีด
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 17, 2016, 09:09:00 AM
เลี้ยงจิ้งหรีดขายเพื่อเป็นอาหาร กำไรล้วนๆครับ
ที่กำไรมากกว่านั้น เคยมีคน ตจว.ขับมอเตอร์ไซด์เร่ขายริมอ่างเก็บน้ำให้นักตกปลา กำไรดีกว่าอีก