เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 09:49:27 PM



หัวข้อ: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 09:49:27 PM
เขาคือใคร ใครคือเขา ใครอยู่เบื้องหลังเขา เขาไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ☆ *~PLOY~* ☆ ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 09:57:47 PM
                       http://www.khonthai.com/Election/Result/SS/1017100160016.html


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: truman ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 09:58:43 PM
 ??? ??? ??? ???....ใครว่ะ..........


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:05:35 PM
เขาทำอะไรกับบ้านเมืองเหรอ ดี ไม่ดี อย่างไร แถลงหน่อยครับ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ไทสกล ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:23:53 PM
 :) :) :)งง ๆๆๆ :) :) :)


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:28:09 PM
นพดล ปัทมะ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นหนึ่งเดียวในขณะนี้ที่ลาจากพรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปอยู่ไทยรักไทย

พรรคที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองกับพรรคเก่า

ลาออกเพื่อไปช่วยงานนายยงยุทธ ติยะไพรัช รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรรมการบริหารไทยรักไทย ที่เคยอยู่ร่วมพรรคเก่าด้วยกันมา

สวมเสื้อไทยรักไทยลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งใหม่

เกิดนครราชสีมา 23 เม.ย.2504 ปริญญาตรีนิติศาสตร์(เกียรตินิยม)ธรรมศาสตร์ นิติศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยม)มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สถาบันเดียวกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช

นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยลอนดอน เนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ แห่งสำนักลินคอล์น อินน์ M.A. มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด

เป็นนักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.

ทำงานเป็นทนายความ ก่อนผันมาลงสนามการเมืองระดับชาติ ภายใต้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์

เป็นส.ส.กทม.สมัยแรก เมื่อ 17 พ.ย.2539

หนึ่งในส.ส.กทม. สายนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหนเมื่อปี 2544 แต่สอบตก

หัวหน้ากลุ่มลาออกจากพรรคไปทำงานด้านการศึกษา พอเลือกตั้งใหม่ 6 ก.พ.2548 ตัวเองจึงไม่ลงสมัครและถอยออกจากพรรค กลับไปทำงานที่สำนักงานทนายความ

ก่อนลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์.......



หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:30:59 PM
เหตุที่คุณ M 60 - 7 ถามว่า" เขาไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ " คงเป็นเรื่องนี้


"ทักษิณ"ตั้ง"นพดล ปัทมะ"เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของครอบครัว"ชินวัตร" เตรียมแถลงใหญ่ 22 ต.ค. เกี่ยวกับสิทธิในการเดินทางกลับประเทศ

ระบุอดีตนายกฯวางแผนกลับไทย 10 ต.ค. แต่สิงคโปร์แจ้งเบาะแสให้"คมช."ทราบ ทำให้แผนล้มเหลว

เผยนัดแนะซีเอ็นเอ็น บีบีซี มาทำข่าว จากนั้นเกณฑ์มวลชนมารับเพื่อแสดงว่าคนยังนิยม และวางแผนให้"คมช."ควบคุมตัวไว้ที่บ้านเหมือน"ออง ซาน ซูจี" เพื่อขอความเห็นใจจากชาวโลก..................


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: rerng ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:37:19 PM
 :( :( :( ??? ??? :( :( :(


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:47:17 PM
เหตุที่คุณ M 60 - 7 ถามว่า" เขาไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ " คงเป็นเรื่องนี้


"ทักษิณ"ตั้ง"นพดล ปัทมะ"เป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของครอบครัว"ชินวัตร" เตรียมแถลงใหญ่ 22 ต.ค. เกี่ยวกับสิทธิในการเดินทางกลับประเทศ

ระบุอดีตนายกฯวางแผนกลับไทย 10 ต.ค. แต่สิงคโปร์แจ้งเบาะแสให้"คมช."ทราบ ทำให้แผนล้มเหลว

เผยนัดแนะซีเอ็นเอ็น บีบีซี มาทำข่าว จากนั้นเกณฑ์มวลชนมารับเพื่อแสดงว่าคนยังนิยม และวางแผนให้"คมช."ควบคุมตัวไว้ที่บ้านเหมือน"ออง ซาน ซูจี" เพื่อขอความเห็นใจจากชาวโลก..................

กราบคารวะท่าน E_mail ผู้หยั่งรู้ครับผม


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:53:57 PM
สมัคร สส. ครั้งแรก เขต 3 พญาไท กทมฯ.........

เดินไหว้แม้กระทั่งเด็กอายุ 15 ที่ตีแบดอยู่ในค่าย เพื่อขอคะแนน



หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: * : L๐OKPlaNoi *:.รักแม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 10:56:16 PM
สมัคร สส. ครั้งแรก เขต 3 พญาไท กทมฯ.........

เดินไหว้แม้กระทั่งเด็กอายุ 15 ที่ตีแบดอยู่ในค่าย เพื่อขอคะแนน



                  เผื่อเด็ก  อายุ 15 จะได้ไปบอกพ่อแม่ให้ลงคะแนนให้    ;D


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 11:00:19 PM
สมัคร สส. ครั้งแรก เขต 3 พญาไท กทมฯ.........

เดินไหว้แม้กระทั่งเด็กอายุ 15 ที่ตีแบดอยู่ในค่าย เพื่อขอคะแนน



กราบขอบพระคุณท่านผู้การที่ให้ข้อมูลครับผม


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 11:13:35 PM
อ๋อ มือกฎหมาย นายเหลี่ยม ดูแค่นี้ ก็พอแล้วว่าเป็นคนยังไง  เวรกรรม ..............


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ พฤศจิกายน 26, 2006, 11:18:37 PM
 >:( ลิ้วล้อ >:(


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Drt2502 ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 02:25:35 AM
นักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
แต่รับใช้ ใคร ????



หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 04:57:25 AM
นักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
แต่รับใช้ ใคร ????



เอาทุนคืน  เพราะไปรับใช้ คนกินบ้านกินเมือง ผู้ทำให้ ประชาชนเป็นหนี้ และกำลังจะถูกยึด ถึง ๑๓๘ ล้านไร่ ซึ่ง     คมช. กำลัง        ขอให้ชลอการยึดไว้ก่อน


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 07:33:35 AM
นักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
แต่รับใช้ ใคร ????


เสียดายนะครับ ความรู้ที่ร่ำเรียนมา แทนที่จะกลับมาพัฒนาประเทศ
กลับที่จะมารับใช้ไอ้หน้าเหลี่ยม  >:(


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: xiehua dun ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 09:18:58 AM
นักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
แต่รับใช้ ใคร ????


รู้สึกเสียดายทุนมากๆนะครับ จบมาแทนที่จะช่วยชาติบ้านเมืองแต่กลับไปเป็นสมุนของจตุเหลี่ยมพักตร์ไปซะ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 11:39:39 AM
 :).. หลาย หน่วยชีวิต .. มีการกระทำ เยี่ยง สุนัขมีเจ้าของ. 
       รู้สึกถึงบุญคุณ.. ปลอกคอที่นายมัน สรวมให้ ..
       และเพื่อหลายชิ้นเนื้อ ที่แขวนรั้ว..รอ.

       สุนัขโซ..เท่านั้น.. จึงจะส่งเสียงขู่ คนที่เข้ามาใกล้. ชิ้นเนื้อ.

       แต่ถ้ามันลงเขี้ยว กัดเมื่อไร.. มันจะถูกตีตายเมื่อนั้น.  :)


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:27:16 PM
ถ้าเป็นนักเรียนทุนมหิดลจริงๆก็น่าเสียใจที่กระทำการตอบแทนแผ่นดินอย่างที่เห็น

เท่าที่ผ่านไปคนทรยศต่อแผ่นดินพร้อมทั้งครอบครัว    มักมีจุดจบอย่างเอน็จอนาจ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:28:23 PM
จาก

http://www.bangkokbiznews.com/level3/news_120433.jsp

คำต่อคำ นพดล ปัทมะ "เมื่อถูกกฎหมายก็ไม่ผิดจริยธรรม"

10 พฤศจิกายน 2549 23:03 น.

 

      O เหตุผลที่ทำให้ย้ายมาอยู่พรรคไทยรักไทย

       จริงๆผมลง ส.ส.ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2544 หลังจากปี 2544 ผมก็ช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์ทางด้าน กทม.
(กรุงเทพมหานคร) เพราะผมเป็นอดีต ส.ส.กทม. ผมก็สนใจงาน กทม. โดยเฉพาะเรื่องปรับโครงสร้าง กทม.
ซึ่งผมสนใจที่สุด หลังจากทำงานไปสักระยะหนึ่ง ผมได้ผลักดันแนวคิดหลายๆ เรื่อง แต่มันไม่ค่อยไปถึงไหน
ผลักดันทั้งในพรรคนอกพรรค เคยพิมพ์หนังสือชื่อ "ทางออกกรุงเทพฯ" ออกมาขายด้วย


       ทีนี้ผมก็คิดว่าแนวทางที่พรรคการเมืองควรจะเป็น คือพรรคการเมืองต้องมีนโยบายชัดเจน เอานโยบายไปเสนอ
กับประชาชน และทำให้ได้ตามคำสัญญานั้น ซึ่งผมเห็นว่าพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคในแนวทางที่ว่า ผมจึงศรัทธา
ในแนวทางของพรรค คิดว่าผมน่าจะเหมาะกับวิธีการทำงานในลักษณะนั้น ก็เลยตัดสินใจมาร่วมกับพรรค


       จริงๆผมออกจากพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ปี 2545 จะสังเกตว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2548 ผมไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.
พอมาปี 2549 ต้นปี ท่านรัฐมนตรียงยุทธ (นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมในขณะนั้น) ไปเจอกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คุณสุรพล (นายสุรพล นิติไกรพจน์)
ท่านก็โทร.หาผม บอกว่าท่านยงยุทธอยากจะคุยด้วย ผมก็ไปคุยที่กระทรวง แกก็ให้ผมไปช่วย เพราะแกเสียดายความรู้ผม
สมัยอยู่ประชาธิปัตย์ก็สนิทกัน แกก็บอกให้ไปช่วยกัน ไปทำงานปฏิรูปกฎหมาย ไปทำประมวลกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ
ผมก็ไป


       หลังจากนั้นมันก็มีเลือกตั้งเดือนเมษายนผมก็ไม่ได้ลง ส.ส.ในนามไทยรักไทย กระทั่งการเลือกตั้งมีปัญหา
พอเดือนพฤษภาคม ผมก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย


   O ทุกคนงงที่ไปอยู่กับไทยรักไทยที่สำคัญอยู่ไม่นานก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี

       ผมห่างจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วนะผมคิดว่าแนวทางมันไม่ค่อยตรงกันเท่าไหร่
ทีนี้พอมาไทยรักไทยก็ได้รับความไว้วางใจ เราก็อยากทำงาน ท่านทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี)
ก็คงคิดว่าผมทำงานได้ เพราะนายกฯเป็นคนแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ผมก็ได้รับเกียรติให้ทำงาน ผมก็ทำเต็มที่
ซึ่งก็ผลักดันไปหลายเรื่อง ทั้งเรื่องกฎหมายช้าง เรื่องปฏิรูปกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องไม้พม่า แล้วก็เรื่องการ
ปรับปรุงกรมต่างๆ โดยเฉพาะการจัดตั้งกรมความร่วมมือทางสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ เพราะว่าผมเคยเป็น
เลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ


       แต่มันแค่89 วัน ซึ่งผมก็ผลักดันไปหลายเรื่อง แต่มันก็ยังไม่ไปไหน ผมไปแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งช้างไปออสเตรเลีย
เตรียมการส่งลิงอุรังอุตังกลับคืนอินโดนีเซีย เตรียมจะบินไปพม่า เจรจาช่วยอุตสาหกรรมไม้เฟอร์นิเจอร์ ไปซื้อไม้ยางพารา
ตามแนวชายแดน เตรียมจองเครื่องบินไปหมดแล้ว แต่มันมียึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน เสียก่อน


      O ช่วงสุญญากาศระหว่างปี 2544-2548 ที่ไม่ได้ยุ่งกับประชาธิปัตย์ ช่วงนั้นคุณนพดลทำอะไร

       ผมเป็นคนไม่มีมรดกผมสร้างชีวิตของผมเอง เริ่มจากศูนย์ตลอด จากเด็กเลี้ยงวัว มาเป็นเด็กวัด พ่อแม่ไม่มีมรดกให้ผม
ผมเป็นคนโคราช ผมเกิดปีฉลู แปลว่าวัว โคราชก็เกี่ยวกับวัว แล้วก็จบออกซ์ฟอร์ด ก็เกี่ยวกับวัวอีก (หัวเราะ)


       ทีนี้ผมก็เลยต้องมาทำมาหากินโดยการตั้งสำนักงานกฎหมายแล้วก็จัดอบรมภาษาอังกฤษสำหรับนักกฎหมาย
ภาษาอังกฤษเฉพาะทาง พวกศัพท์สำนวน การร่างสัญญา การเขียนทางกฎหมาย เพราะว่าประเทศไทยยังขาดอยู่
ไม่มีการอบรม และนักกฎหมายนั้น ภาษาอังกฤษจะแย่ ไม่ค่อยดี ผมก็ใช้ความรู้ของผมหาเลี้ยงชีพโดยสุจริต

       จากนั้นผมก็ทำLaw Dictionary หรือพจนานุกรมศัพท์ทางกฎหมายทั้งอังกฤษ-ไทย , ไทย-อังกฤษ ก็ทำไปแล้ว 80%
แต่บังเอิญได้รับแต่งตั้ง (เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี) ผมก็ชะลอโครงการนั้นไป

    O แล้วทำงานให้กับนายกฯทักษิณตอนไหน]  O แล้วทำงานให้กับนายกฯทักษิณตอนไหน
       ช่วงเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีเราก็ทำงานการเมืองแต่บทบาทใหม่ในฐานะที่ปรึกษากฎหมายของนายกฯทักษิณและครอบครัว
เพิ่งเริ่มเมื่อเดือนกว่าที่ผ่านมา โดยพื้นฐานผมมีสำนักกฎหมายอยู่แล้วไง (สำนักกฎหมายสากล ออกซ์ตัน)
ผมก็ทำวิชาชีพผมอยู่แล้ว เป็นรายได้หลัก ไม่ใช่ไซด์ไลน์ (หัวเราะ)
แต่การได้รับบทบาทเป็นที่ปรึกษากฎหมายของนายกฯทักษิณ ผมก็ต้องให้บริการทางกฎหมายอย่างวิชาชีพ
ไม่ใช่อย่างนักการเมือง ในฐานะที่ท่านเป็นลูกความผม


       O แยกกันกับงานการเมืองชัดเจนเลย

       ใช่ครับถ้าเป็นประเด็นกฎหมายเกี่ยวกับพรรค ยุบพรรคหรืออะไร ผมไม่เกี่ยวข้องเลย เป็นเรื่องของฝ่ายนักกฎหมาย
ของพรรค เช่น อาจารย์พงศ์เทพ (นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา) อาจารย์โภคิน (นายโภคิน พลกุล) แต่ถ้าเป็นเรื่อง
ของนายกฯทักษิณและครอบครัว ประเด็นกฎหมายแท้ๆ ผมจะเป็นที่ปรึกษากฎหมาย


      O ทำคนเดียวหรือเปล่าครับ

       เป็นหนึ่งในทีมขอเน้นว่าทำงานเป็นทีม ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หน้าที่ของผมอาจจะเพิ่มเติมหน่อย คือการที่ต้อง
ออกมาแถลงข่าวยืนยันข้อเท็จจริง และชี้แจงประเด็นข้อกฎหมายมากหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าคุ้นเคยกับเพื่อนๆ
สื่อมวลชน จึงได้รับบทบาทเพิ่มเติมตรงนี้


       O ที่ผ่านมาติดต่อกับท่านนายกฯอย่างไรบ้าง


       ก็ติดต่อกันเหมือนปกติใช้โทรศัพท์ ใช้สื่อธรรมดา


       O เคยบินไปคุยที่โน่นมั้ย

       ตอนก่อนที่ผมจะได้รับมอบหมายบังเอิญช่วงนั้นผมไปมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด คือผมจะไปดูโรงเรียนภาษาอังกฤษ
ที่จะทำความร่วมมือกับสถาบันผม แล้วที่ออกซ์ฟอร์ดมีโรงเรียนภาษาอังกฤษเยอะ ผมก็เลยได้พบปะท่านด้วย ก็ได้คุยกัน


      O ก่อนหน้านี้ท่านนายกฯทักษิณใช้บริการสำนักกฎหมายอื่นไม่ใช่หรือครับแล้วทำไมถึงเปลี่ยนมาเป็นของคุณนพดล

       อันนี้ผมไม่ทราบเหมือนกันต้องถามคนที่ว่าจ้าง แต่อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นลูกพรรคด้วย ท่านก็คงไว้วางใจ สบายใจ
แล้วก็เห็นความสามารถ เวลาใช้ทนายมันมี 2 เรื่อง คือไว้วางใจ กับความสามารถ เหมือนกับหมอ นักบัญชี ถ้าไม่ไว้วางใจ
จะเก่งแค่ไหนก็ลำบาก เดี๋ยวนี้ขนาดจะไปสระผมยังต้องใช้ความไว้วางใจกับความสามารถเลย (หัวเราะ)


       O ช่วงที่ไปพบคุณทักษิณคือหลังรัฐประหารแล้ว ครั้งเดียวก็ได้รับมอบหมายเลยหรือครับ

       ตอนที่ไปนั้นหลังวันที่ 19 กันยายนแล้ว ก็ไม่มีอะไร คุยทั่วๆ ไป คือผมศรัทธาวิธีการทำงานของท่าน
แล้วผมก็เคารพรักท่าน และท่านก็พูดกับผมว่า ท่านชอบการทำงานของผม เห็นว่าผมเป็นคนมีความสามารถ
ตั้งแต่ผมเป็นเลขาฯท่านนายกฯชวน (นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี) ท่านก็เห็นบทบาทผมมาตลอด
และท่านก็ไว้วางใจเท่านั้นเอง


       ก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากเพราะเวลานักบริหารหรือคนระดับนี้เขาตัดสินใจ เขาประมวลความเห็นอะไรของเขา แล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาดเลย คุณก็รู้ว่าภาวะความเป็นผู้นำของท่านสูง ท่านก็ตัดสินใจได้เลย




หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: น้าเสก คนเดิม ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:36:32 PM
นักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
แต่รับใช้ ใคร ????

คงไม่สำนึกครับ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:37:01 PM
  O ทีมงานมีกี่คน

       ก็มีฝ่ายข้อมูลบ้างฝ่ายกฎหมาย ก็ประมาณ 2-3 คน ไม่ใช่ทีมใหญ่โตอะไร เพราะว่าเวลาจะเตรียมการก็ต้อง
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้วย เวลานี้ยังไม่มีหมายเรียกอะไร


       O มีเรื่องไหนบ้างที่ทางครอบครัวคุณทักษิณให้ทำข้อมูลไว้แล้ว


       ก็เป็นเรื่องที่กระทบต่อตัวท่านและครอบครัวซึ่งตอนนี้ก็มี 2 เรื่อง คือเรื่องที่ดิน กับเรื่องภาษี แต่โครงการอื่นๆ
ที่ คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ) สอบ 12 โครงการ และ ป.ป.ช.
(คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) 9 โครงการ ผมไม่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการส่งเสือเบงกอลไปจีน
หรือแทรกแซงราคาลำไย แบบนี้ไม่เกี่ยวข้อง ผมทำเฉพาะเรื่องส่วนตัวและครอบครัว เรื่องที่เกี่ยวกับท่านในฐานะอะไร
ก็ตาม รวมทั้งกรณีล่าสุดคือเรื่องภาษี


       O มองอย่างไรที่อธิบดีกรมสรรพากร (นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์) ออกมาพูดว่าต้องเรียกเก็บภาษีแล้ว

       ก็ไม่มีอะไรพูดง่ายๆ คือ ครอบครัวท่านนายกฯ โอนหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็กเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2549
โดยมีการโอนจากบริษัทแอมเพิล ริช มาให้น้องโอ๊ค กับน้องเอม (นายพานทองแท้ กับ น.ส.พิณทองทา)
แต่ก่อนหน้านั้น เมื่อประมาณปลายปี 2548 มีการหารือกับกรมสรรพากร ซึ่งอธิบดีก็คือท่านที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ท่านเคยบอกว่าไม่ต้องเสียภาษี ครอบครัวไม่มีภาระภาษีสำหรับการขายจากแอมเพิลริชในราคาพาร์ มาให้น้องโอ๊ค
กับน้องเอม


       นอกจากนั้นเรายังได้หารือเป็นลายลักษณ์อักษรแล้วก็มีการตอบเป็นลายลักษณ์อักษรมาอย่างถูกต้อง
จากกรมสรรพากร ซึ่งเรียกว่าคำวินิจฉัยภาษีอากร ว่าไม่ต้องเสียภาษี เราก็ปฏิบัติตามนั้นเท่านั้นเอง


       ถามว่าทำไมต้องสอบถามก็เพราะเราต้องการทำให้ถูกต้อง เพราะรู้ว่าท่านนายกฯเป็นเป้าอยู่แล้ว ทำอะไรต้อง
ระมัดระวัง และท่านก็ให้นโยบายในตอนนั้นว่า อย่าไปตะแบง ถ้าจะต้องเสียก็ต้องเสีย
แล้วกรมสรรพากรก็ตอบมาว่าไม่ต้องเสีย

       นักกฎหมายชั้นนำของกรมสรรพากรกองกฎหมายของกรม ก็ตอบมาว่าไม่ต้องเสียภาษี เราไม่ได้ไปใช้อิทธิพล
อะไรมาบังคับ เพราะกฎหมายมันบังคับกันไม่ได้ มันเป็นวิชาชีพที่ต้องทำ คือขายราคาพาร์ไม่ต้องเสีย เราก็ทำตามนั้น
ผมยืนยันว่าเรื่องนี้พร้อมไปชี้แจง และให้ความร่วมมือเต็มที่


       O แต่ถ้าในที่สุดสรรพากรยืนยันว่าต้องเสีย...


       ถ้ายืนยันสุดท้ายก็ขึ้นกับศาลจะเป็นผู้ชี้ขาดในประเด็นข้อกฎหมาย เรามีศาลภาษีอากร และศาลฎีกาแผนกภาษี
เรายินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาล เพราะอยู่ในประเทศไทยก็ต้องปฏิบัติตาม ศาลสั่งอย่างไรเราก็ต้องทำ


       จริงๆแล้วท่านศิโรตม์ ท่านเคยพูดว่าไม่ต้องชำระภาษี แม้ว่าวันนี้ท่านจะพูดอย่างไรก็แล้วแต่ ก่อนเกิดเหตุการณ์
ทางการเมืองท่านพูดแบบหนึ่ง แต่พอมาอีกวันก็พูดอีกแบบหนึ่ง ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย เรื่องนี้ง่าย
ตรงไปตรงมา ชัดเจน ประเด็นข้อกฎหมายก็ง่าย อยู่ที่ว่าคนจะมีหลักการมองอย่างไรเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรซับซ้อน
เรายืนยันว่าเราได้มีการหารือ


       เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะคำวินิจฉัยของกรมสรรพากรเท่านั้นแต่นักกฎหมายทั่วไปเขาก็มองว่ามันไม่มีภาระทางภาษี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นฝ่ายที่บอกว่าต้องชำระก็พูดไป เราก็ไปพิสูจน์ในศาล


       O ตอนทำหนังสือไปถาม ทำในฐานะอะไร


       ก็ทำไปปกติกรมสรรพากรเนี่ย เวลาใครมีข้อหารือ ก็หารือไปตามปกติ เขาก็มีคำวินิจฉัยตามปกติ


       O หนังสือที่ขอหารือลงนามพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หรือเปล่า


       ไม่ใช่ครับไม่ใช่ เข้าใจว่าเป็นนักบัญชีของครอบครัวทำหนังสือถามไป เป็นผู้เชี่ยวชาญทางภาษี เขาก็หารือไป
เป็นเรื่องปกติที่สำนักงานกฎหมายทั่วๆ ไปก็จะทำอยู่แล้ว


       มนุษย์เนี่ยมี2-3 อย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ 1.ชำระภาษี 2.ตาย และ 3.เกณฑ์ทหาร เพราะฉะนั้นการชำระภาษีเป็น
หน้าที่ที่ต้องทำ แล้วกรณีนี้เงินมันเยอะ อีกอย่างหนึ่งท่านทักษิณก็เป็นนายกฯด้วย เราพยายามให้เกิดความรอบคอบมาก
ที่สุด กรมสรรพากรตัดสินมาอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร ถามว่าใช้อิทธิพลไปบังคับมั้ย ก็ไม่ได้ใช้อิทธิพลไปบังคับ เขาก็ตอบ
มาตามปกติ


       O แล้วที่อธิบดีศิโรตม์บอกว่า เป็นการได้หุ้นมาในราคาต่ำ เมื่อขายในราคาตลาดก็ต้องเสียภาษี เพราะเป็นเงินได้
ตรงนี้จะชี้แจงอย่างไร


       จริงๆแล้วข้อเท็จจริงมันเหมือนเดิม วันที่ 23 มกราคม เป็นอย่างไรก็เหมือนเดิม ก็คือว่าได้มีการหารือว่าการ
โอนหุ้น ณ ราคาพาร์ จากแอมเพิลริช มาให้ทั้ง 2 คน ผู้โอนต้องเสียภาษีหรือไม่ เขาก็ตอบมาว่า การโอนหุ้น ณ ราคาพาร์
ไม่มีภาระภาษี จากนั้นพานทองแท้ กับพิณทองทา มาขายต่อให้กลุ่มเทมาเส็กผ่านตลาดหลักทรัพย์ มันก็มีข้อยกเว้นอยู่ว่า
การขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่เสียภาษี


O ยังมีประเด็นอยู่ว่า แอมเพิล ริช ก็เป็นของท่านนายกฯ แล้วท่านนายกฯ ก็มาโอนให้ลูก...


       แอมเพิลริช เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในหมู่เกาะบริติช เวอร์จิน (บีวีไอ) จริงๆ แล้วหุ้นก็เป็นหุ้นของท่านนายกฯ
อยู่แล้วตั้งแต่ต้นเลย ก่อนจะไปแอมเพิล ริช ด้วยซ้ำ คือเขามีหุ้นอยู่ แล้วก็จะเอาหุ้นไปขายในตลาดแนสแด็ก
ก็เหมือนคุณมีรถยนต์อยู่คันหนึ่ง อยู่ๆ จะเอาไปขายเต็นท์รถ แล้วเต็นท์รถมันซบเซา คุณก็เลยเอารถที่เป็นของคุณตั้งแต่ต้น
โอนกลับคืนมา โดยหลักที่ของมันเป็นของคุณอยู่แล้ว แล้วก็โอนกลับมาคืนให้ตัวคุณเอง มันก็ไม่ควรจะเสียภาษี
เพราะมันเป็นของคุณอยู่แล้ว


       แต่ปัญหาคือว่าเขาโอนกลับมาเพราะเขาต้องการขาย จริงๆ ตอนแรกที่จะขายให้เทมาเส็ก เขาลืมไปด้วยซ้ำว่า
มีหุ้นนี้อยู่ พอจะขายก็เฮ้ย..ยังมีหุ้นอยู่ในแอมเพิล ริช ก็เลยเอามาโอน และการโอนเราก็เช็คว่าโอน ณ ราคาพาร์
ให้น้องโอ๊คกับน้องเอมเสียภาษีหรือไม่ คำวินิจฉัยของกรมสรรพากรบอกว่าไม่เสีย เราก็ทำตามนั้น เพราะฉะนั้น
ก็ไปสู้กันว่าเขามีเหตุผลอะไร แล้วสุดท้ายก็ต้องไปจบกันที่ศาลภาษี


       ท่านศิโรตม์เองก็คือคนๆเดียวกันที่เคยพูดว่าไม่ต้องชำระภาษี เมื่อลมการเมืองเปลี่ยนแปลงไป แล้วท่านบอกว่า
ต้องเสียภาษี เราก็ต้องไปชี้แจง ไม่มีปัญหาอะไร


       O แล้วเรื่องที่ดินของคุณหญิงพจมาน...

       ตอนนี้เป็นข้อครหาที่คตส. (คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ) กำลังตรวจสอบอยู่
แต่ก็น่าดีใจนะ เพราะแม้ว่าข่าวจะออกมาอย่างไรก็ตาม แต่ท่านนาม (นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.) และท่านอุดม
เฟื่องฟุ้ง (กรรมการ คตส.) ซึ่งทั้งสองท่านเป็นอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ท่านก็บอกว่ายังไม่เรียกคุณหญิงพจมานไปใ
ห้การ ท่านบอกว่าต้องตรวจสอบการขาย ความเป็นมาเป็นอย่างไร เราชี้แจงได้ครับ มันมี 2 ประเด็นใหญ่ คือเรื่องราคา
กับเรื่องมาตรา 100


       ในเรื่องราคานั้นก็ประมูลกันอย่างโปร่งใส มีผู้เข้าร่วมประมูล 4 ราย ไม่ใช่รายเดียวอย่างที่กล่าวหา ขณะที่ราคาที่
ประมูลไปก็สูงกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน โดยราคาประเมินของกรมที่ดินอยู่ที่ 695 ล้านบาท แต่ราคาที่คุณหญิง
ประมูลคือ 772 ล้านบาท สูงกว่าราคาประเมินถึง 77 ล้าน ส่วนคนที่เสนอราคาสูงเป็นอันดับ 2 คือ 750 ล้านบาท
ต่ำกว่าคุณหญิงประมาณ 22 ล้าน ถ้าหากเห็นว่าคุณหญิงประมูลไม่ได้ แล้วจะเอาผู้ที่เสนอราคาอันดับ 2 รัฐก็ต้อง
ขาดรายได้ไป 22 ล้าน


       แล้วที่ดินผืนนี้ราคามันอาจจะไม่ได้สูงมาก เหตุผลก็คือสร้างตึกสูงได้ไม่เกิน 23 เมตร เพราะมันอยู่ข้าง
ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ฉะนั้นการใช้ประโยชน์จากที่ดิน หรือ Land use จะต่ำ ไปสร้างคอนโดมิเนียม
ไม่ได้แน่ๆ และคุณหญิงท่านก็มีวัตถุประสงค์คือซื้อมาปลูกบ้าน และท่านก็ประมูลสูงสุด


       ในเมื่อกองทุนฟื้นฟูฯ(กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน) สามารถไม่รับราคาสูงสุดก็ได้ ตามเงื่อนไขข้อ 19
แต่เขาก็ตัดสินใจรับ เราก็ไม่รู้ เราก็นึกว่าประมูลได้ แล้วการประมูลก็มีการสู้ราคากันเต็มที่ เปิดซองกันเจ๋งๆ ต่อหน้าเลย
เราก็ประมูลตามนั้น ไม่มีอะไร


       O แต่ในแง่เทคนิคมันมีคำถามเกิดขึ้น คือครั้งแรกเป็นการประมูลแบบอี-ออคชั่น แล้วล้มไป

       เรียนชี้แจงอย่างนี้ครับประมูลครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2546 ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2546
ห่างกัน 5 เดือน ครั้งแรกทางกองทุนฟื้นฟูฯไปตั้งราคากลางที่ 870 ล้านบาท มีคนไปซื้อซอง 7-8 ราย แต่ไม่มีใคร
ไปประมูลเลย เพราะว่ามีข้อจำกัดเรื่องตึกสูง ต้นทุนมันสูงเกินไป ชาวบ้านเขาก็ไม่ซื้อ ก็เลยมาเปิดประมูลใหม่ใน
เดือนพฤศจิกายน


       O ถ้าที่ดินดังกล่าวสร้างตึกสูงไม่ได้ ทำไมการเปิดประมูลครั้งที่ 2 บริษัทพัฒนาที่ดินยักษ์ใหญ่ถึงเข้าร่วมประมูลด้วยหลายราย


       ก็ตอนแรกตั้งราคาไว้ที่870 ล้านบาทไง ราคาขั้นต่ำเปิดที่นั่น เวลาเปิดประมูลแบบอี-อ๊อคชั่น มันจะมีราคาเปิด
สมมติผมจะประมูลรถเก๋ง ราคาโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ดันไปเปิดที่ 1.2 ล้านบาท คนก็ไม่อยากซื้อแล้ว แต่การประมูล
แบบเปิดซอง มันไม่มีราคาเปิด มันไม่ได้กำหนดไว้ คนก็สามารถประมูลได้


       ทีนี้ถ้าทางกองทุนฟื้นฟูฯเห็นว่า 772 ล้านบาทมันต่ำไป ก็ยกเลิกประมูลได้ ไม่มีปัญหา แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะขาย
เพราะคิดว่าราคามันไปได้ และเราไม่ได้ไปใช้อิทธิพลไปบังคับให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือกองทุนฟื้นฟูฯ ให้มาเอา
ของเรา ถ้าเขายกเลิก เราก็ยกเลิก เราก็ไม่ซื้อ


       O แล้วประเด็นข้อกฎหมายมาตรา 100 (พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต)

       มาตรา100 บอกว่า ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐไปทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนมีหน้าที่
1.กำกับ 2.ดูแล 3.ควบคุม 4.ตรวจสอบ หรือ 5.ดำเนินคดี แต่ฝ่ายที่กล่าวหาคือ คตส. อ้างว่านายกฯ
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงทำสัญญาไม่ได้ เพราะนายกฯมีอำนาจกำกับตรวจสอบ แต่เราบอกว่า นายกฯไม่มี
อำนาจ 1-5 ในกองทุนฟื้นฟูฯ


       ต่อมาเขาก็ไปอ้างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11(1) ซึ่งมาตราดังกล่าว
เป็นอำนาจการกำกับควบคุมโดยทั่วไป และไม่มีมาตราไหนใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ที่บอกให้นายกฯมีอำนาจควบคุม
แบงก์ชาติ หรือกองทุนฟื้นฟูฯ เพราะกองทุนฟื้นฟูฯเป็นนิติบุคคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยังไปสั่ง
แบงก์ชาติไม่ได้ และยิ่งไปสั่งกองทุนฟื้นฟูฯไม่ได้เลย เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นนิติบุคคล มีกรรมการ
กองทุน ดังนั้นยิ่งนายกฯจะไปสั่งกระทรวงการคลัง เพื่อให้ไปสั่งแบงก์ชาติ เพื่อให้แบงก์ชาติไปสั่งกองทุน
ฟื้นฟูฯ ยิ่งไกลไปใหญ่


       ที่สำคัญกฎหมายนี้ถือเป็นกฎหมายจำกัดสิทธิ การตีความกฎหมายจำกัดสิทธิ ต้องตีความแบบเคร่งครัด
ไม่ใช่ตีความแบบครอบจักรวาล ผมว่าต้องขอชื่นชมคุณนาม เพราะท่านบอกว่าเรื่องนี้ต้องให้ศาลตัดสิน ถือว่าเป็นกลาง
เราก็อยากจะให้ทาง คตส.มีความเป็นกลาง เราขอแค่ความเป็นกลางและความเป็นธรรมเท่านั้นเอง
เราพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย


 O แต่เรื่องนี้ยังไม่เคยมีการตีความชัดๆ เลยใช่หรือไม่

       ไม่เคยเลยครับยังไม่เคยลึกถึงขนาดนั้น แล้วก็ต้องยินดีที่คุณสว่างจิตต์ (นางสว่างจิตต์ จัยวัฒน์) ซึ่งปัจจุบัน
เป็นรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ และในขณะนั้นเป็นผู้จัดการกองทุนฟื้นฟูฯ ท่านบอกว่าได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ยืนยันว่าทำได้ เขาเป็นฝ่ายขาย เขาก็ต้องดูว่าทำได้หรือไม่ ก็อาจจะต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการ
และ ป.ป.ช. แต่เราก็ไม่เคยเห็นหนังสือหารือนะ




หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:37:53 PM
ขอบคุณครับคุณซับที่กรุณาก๊อบปี้มาให้อ่าน  ไม่เห็นเขาเอ่ยถึงเรื่องทุนเลย บอกแต่ว่าจบ Oxford แผนกวัว
ทุกอย่างดิ้นรนมาด้วยตัวเองทั้งนั้น  แล้วข้อมูลนักเรียนทุนนี่ จริงเท็จเป็นประการใด ครับ


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

สุนัขโซ..เท่านั้น.. จึงจะส่งเสียงขู่ คนที่เข้ามาใกล้. ชิ้นเนื้อ.

       แต่ถ้ามันลงเขี้ยว กัดเมื่อไร.. มันจะถูกตีตายเมื่อนั้น. 
////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ชอบประโยคนี้ของพี่โรดจัง



หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:42:39 PM
O อย่างนี้แสดงว่าหนังสือยินยอมที่พ.ต.ท.ทักษิณ เซ็นให้คุณหญิงไปซื้อที่ดิน ก็ไม่เกี่ยวข้องกัน

       การเซ็นยินยอมให้ไปโอนสิทธิและนิติกรรมเป็นความจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เพราะถือว่าสามีภรรยาเป็นคนๆ เดียวกัน แต่ถ้ามันไม่ผิดตามมาตรา 100 ก็ไม่มีประเด็นที่จะต้องไปพิจารณาเรื่องนี้

       เพราะฉะนั้นประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องนี้อยู่ที่ว่าเขาบอกว่านายกฯควบคุม เราบอกนายกฯไม่ควบคุม
ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้านายกฯไปซื้อตั๋วเครื่องบินการบินไทย เท่ากับนายกฯทำสัญญากับการบินไทยซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว
ถ้าอ้างว่านายกฯควบคุมรัฐมนตรีคมนาคม หรือรัฐมนตรีคลัง และรัฐมนตรีทั้งสองควบคุมการบินไทย นายกฯก็ถือว่า
กำกับการบินไทยด้วย อย่างนี้นายกฯอยู่กลางอากาศก็ต้องเชิญลง เพราะสัญญาซื้อตั๋วเป็นโมฆะ


       นายกฯมีบ้านจะไปขอใช้ไฟฟ้ากับการไฟฟ้านครหลวง สัญญาการใช้ไฟกับการไฟฟ้านครหลวงก็ต้องเป็นโมฆะด้วย
เพราะไปอ้างว่า นายกฯไปควบคุมกระทรวงมหาดไทย แล้วมหาดไทยไปควบคุมบอร์ดการไฟฟ้านครหลวงอีกที...จริงมั้ยครับ


       มีบางคนบอกว่าไม่โมฆะเพราะเป็นสัญญาบริโภคแต่มาตรา 100 ไม่ได้เขียนไว้เลยว่าเป็นสัญญาบริโภคหรือไม่
เขียนเอาไว้แต่ว่าห้ามเจ้าพนักงานของรัฐทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐที่ตนเองมีอำนาจควบคุมกำกับ ประเด็นเหล่านี้
ก็คงต้องให้ศาลท่านวินิจฉัยว่ามีอำนาจควบคุม กำกับ ดูแลหรือไม่


       แล้วอีกอย่างหนึ่งเจตนารมณ์ของกฎหมาย ถ้าดูดีๆ เขาป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐไปใช้อิทธิพลของตนในการที่จะ
ให้สัญญากับใคร แต่เรื่องที่ดินมันเป็นการประมูล คุณไม่มีโอกาสที่จะไปบีบบังคับให้กองทุนฟื้นฟูฯให้หรือไม่ให้คุณหญิงได้
เพราะมันเป็นการสู้ราคาสูงสุด กับอีกประเด็นหนึ่งคือมันไกลมากที่จะไปควบคุมแบงก์ชาติ แล้วแบงก์ชาติจะไปควบคุม
กองทุนฟื้นฟูฯ เพื่อให้กองทุนฟื้นฟูฯอำนวยประโยชน์ให้กับคุณหญิง


       เจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นอีกแบบหนึ่งฉะนั้นเราอย่าตีความเกินกว่าที่บทบัญญัติของกฎหมายมันเปิดช่องให้ทำได้
คือถ้าตีความแบบตะแบง หรือตีความประเภทต้องให้มันผิดอะไรสักอย่าง มันไม่ใช่วิธีการตีความกฎหมาย และเมื่อเกิดปัญหา
มันอาจจะทำให้เกิดความไม่สมานฉันท์ในชาติได้...อันนี้พูดตรงๆ เพราะมันต้องตีความไปตามหลักของกฎหมาย


       O แล้วในประเด็นจริยธรรมทางการเมือง หรือจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีการพูดกันมากในขณะนี้
ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายๆ กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคนใกล้ชิดทำในช่วงที่ยังมีอำนาจ คุณนพดลมองอย่างไร



       ผมคิดว่าถ้าทำถูกต้องตามกฎหมายอย่างเรื่องภาษี คือในเรื่องกฎหมายบอกว่าไม่ต้องเสีย เราก็ไม่เสีย
คือเขาปฏิบัติตามกฎหมายในขณะนั้นๆ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจริยธรรม ในเมื่อเราหารือไปแล้วว่า ไม่ต้องชำระ
แล้วท่านนายกฯก็บอกว่าไม่ต้องไปตะแบงนะ ในเมื่อเขามีคำวินิจฉัยว่าไม่ต้องชำระ เราก็ไม่ชำระตามนั้น
ผมคิดว่าในเมื่อไม่ผิดกฎหมาย มันก็ไม่ผิดจริยธรรม  


       O มาเป็นทนายให้ครอบครัวชินวัตร ท่ามกลางกระแสต่อต้านระบอบทักษิณแบบนี้ มีความกดดันบ้างหรือเปล่า

       ก็มีคนเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วยในการทำหน้าที่ของผมคนโทร.มาให้กำลังใจก็มี คนไม่เห็นด้วยก็มี ในชีวิตคนเรามัน
ก็มีขึ้นมีลง มีสูงมีต่ำเป็นธรรมดา ผมคิดว่าผมก็ได้ทำงานตามวิชาชีพของผม ผมก็ต้องทำหน้าที่ของผม และผมก็เคารพ
ท่านนายกฯทักษิณ ผมก็ยินดีทำให้...ไม่มีปัญหา เวลาผ่านไป เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองมันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น
บรรยากาศของเสรีภาพทางความคิดเห็นมันดีขึ้นกว่านี้ ผมคิดว่าคนก็คงจะเข้าใจ


       แต่ไม่เป็นไรเราร้องเพลงมาย์ เวย์ (My Way : เพลงยอดนิยมของ แฟรงค์ สิเนตร้า) กำหนดชะตากรรมของตัวเอง
อาจจะไม่ได้ร้องเพลงผู้ชนะสิบทิศเหมือนป๋าเหนาะ (นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช) แต่เอาเพลงมาย์เวย์
เราต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำ เราต้องพร้อมรับคำวิจารณ์



       O อนาคตทางการเมืองจะทำอะไรจะทำงานอยู่ในพรรคไทยรักไทยต่อไปหรือเปล่า


       ผมยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ไม่อยากจะไปลาออก ผมไม่ชอบไปสละเรือเมื่อเรือเจอพายุ ผมคิดว่าความเป็นคนควร
จะต้องไม่ทิ้งเพื่อนเวลาเพื่อนตกต่ำ คนที่ทิ้งเพื่อนเวลาเพื่อนตกต่ำ หรือหนีเอาตัวรอด ผมว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
และสังคมก็จะดูเขาแบบ...แบบนั้นน่ะ คุณภาพของคนอยู่ที่ความจริงใจและมิตรแท้


      O ถ้าสมมติว่าพรรคไทยรักไทยไม่ถูกยุบแล้วหลังจากนี้ฟ้าโปร่งภายใต้กติกาใหม่ คุณนพดลจะเดินหน้า
ทางการเมืองต่อกับพรรคหรือไม่



       ผมคงอยู่พรรคไทยรักไทยเหมือนเดิมเพื่อทำงานผลักดันนโยบายแต่ต้องรอดูอีกทีนะ คือจะอยู่ ไม่ย้าย ไม่ลาออกจาก
พรรค ส่วนจะลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ค่อยว่ากันอีกที แต่ผมคิดว่าผมยังพอมีความรู้ที่จะช่วยทำงานการเมืองให้เป็นประโยชน์
โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ปฏิรูปกฎหมาย เรื่องคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค เรื่องของการเจรจากฎหมายระหว่างประเทศ
ผมคิดว่าผมพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ถ้าการเมืองเปิดโอกาสให้ผม ผมก็จะได้ใช้ความรู้ตรงนี้


       O คิดอย่างไรกับการยึดอำนาจเมื่อวันที่19 กันยายน

       ในความเห็นผมการยึดอำนาจมันทำให้กระบวนการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยสะดุดหยุดลงหรือถอยหลัง
เหมือนกัน เพราะเราไม่ควรเอาวิธีการลักษณะนี้เพื่อมาสร้างความชอบธรรม การยึดอำนาจขัดกับการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตย ถือเสมือนว่าคุณสามารถตัดสินแทนคนหลายสิบล้านคนที่เลือกรัฐบาลมา
เราไม่ควรมองการแก้ไขปัญหาระยะสั้น ต้องมองระยะยาว ให้ประชาชนเขาเลือกว่าใครจะมาเป็นผู้ปกครอง
เพราะอำนาจอธิปไตยมาจากประชาชนคนไทย


       แต่การยึดอำนาจมันแปลกอย่างหนึ่งนะถ้ายึดไม่สำเร็จกลายเป็นกบฏนะ แต่ถ้ายึดสำเร็จกลายเป็นความชอบธรรม
ตามกฎหมาย แต่ถ้าเราไปพยายามข่มขืน หากข่มขืนไม่สำเร็จเพราะกางเกงยีนส์ฟิตหรืออะไรก็แล้วแต่ เราผิดฐานพยายาม
ข่มขืน แต่ถ้าข่มขืนสำเร็จ ยิ่งผิดหนักมากขึ้นในฐานะข่มขืน (หัวเราะ) แต่ผมว่าคนยึดอำนาจก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ
ของเขา
---------------------------------





หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:45:18 PM
O บทบาทของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะในช่วงท้ายๆ ก็ทำให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

       เรามองย้อนหลังไปเวลานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ก็มองได้ทั้งนั้น ความผิดพลาดที่ผมพูด
คือการยึดอำนาจมันไม่สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยเท่านั้นเอง ผมคิดว่ามันกำลังจะมีการเลือกตั้งอยู่แล้ว
น่าจะให้ประชาชนเลือก แต่คณะปฏิรูปฯ (คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข - คปค.) ก็มีเหตุผลของเขา ก็พยายามอ้างความชอบธรรม 4 ข้อ


       ที่ผมบอกว่ารับผิดชอบหมายถึงว่าทุกคนจะต้องรับผิดในการกระทำของตนเอง สังคมต้องมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ คปค.
ก็ต้องใจกว้างที่จะให้วิพากษ์วิจารณ์ อย่างผมที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของคุณ ส่วน คปค.ก็ต้องไปโน้มน้าวว่าที่ทำไปมันดี
อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่ควรไปปิดปากเขา ถ้าสังคมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับคุณ มันก็พอไปได้ ส่วนช่วง
ปลายรัฐบาลนายกฯทักษิณผิดพลาดหรือไม่ ท่านก็พยายามที่จะให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ส่วนข้ออ้างก็เป็นเรื่องที่ คปค.
จะไปให้เหตุผลกับประชาชนว่าเป็นอย่างไร


       O แสดงว่าในความเห็นของคุณนพดล คิดว่าการเลือกตั้งเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนั้น

       ประชาธิปไตยนั้นวินสตัน เชอร์ชิล (อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษของอังกฤษ) บอกว่า แม้ไม่ดีที่สุด แต่เลวน้อยที่สุด
และการเลือกผู้ปกครองมันจะมีอะไรมากกว่าการให้ประชาชนเลือกกันเอง ถ้าเราอ้างว่ามีการซื้อเสียง มีการใช้อิทธิพล
คุณก็ต้องไปพยายามขจัดการซื้อเสียง ไปให้การศึกษากับประชาชนมากขึ้น แต่มันก็ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ พัฒนาไปในทางที่ดี
ผมยังคิดว่าการเลือกตั้งจะทำให้การพัฒนาประชาธิปไตยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่การซื้อเสียง การใช้อิทธิพลทางการเมือง
ก็ต้องไปลดด้วยนะ การใช้อิทธิพลของใครก็ตามไม่ดีทั้งนั้น

       คือทุกคนที่เป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็ถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพล พอไทยรักไทยเป็นรัฐบาลก็ต้องถูกกล่าวหา
เพราะมันเป็นข้ออ้างง่ายๆ ของฝ่ายตรงข้ามที่มันจุดติด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องช่วยกัน ประชาชนบางพื้นที่ที่บอกว่า
เงินไม่มากาไม่เป็น ผมว่าไม่มี ส.ส.คนไหนนะที่อยากจะจ่ายเงิน แต่ก็ต้องไปพัฒนาทั้งสองทาง


       O ฟังจากที่พูด ดูจะซึมซับอุดมการณ์ทางการเมืองมาเยอะ แต่ทำไมถึงบอกว่าเป็นเด็กเลี้ยงวัว


       พ่อผมเป็นครูประชาบาลคุณแม่ผมก็เป็นเกษตรกร เลี้ยงหมู มีโรงสีอะไรพวกนี้ คุณพ่อท่านเป็นครู ก็เห็นประโยชน์
เรื่องการศึกษา ผมอยากจะบอกว่า การศึกษาเปลี่ยนชีวิตคนได้จริงๆ สมัยเด็กเราก็มีวัว เวลาว่าง ช่วงปิดเทอมผมก็ไป
เลี้ยงวัว ห่อข้าวเหนียวเนื้อย่างไปกิน


       พอโตขึ้นหน่อยผมก็เข้ากรุงเทพฯมาอยู่วัดจันทร์สโมสร แถวๆ บางกระบือ มาเป็นเด็กวัดอยู่ 7-8 ปี แล้วก็ไปเรียน
โยธินบูรณะ ตอนพระบิณฑบาต มองเห็นร้านถ่ายรูปจะมีเสื้อครุยธรรมศาสตร์อยู่ ก็ฝังใจตั้งแต่ตอนนั้น เหมือนเรื่องการเมือง
บังเอิญคุณพ่อผมเป็นหัวคะแนนให้นักการเมือง ผมก็จะต้องไปแจกแผ่นพับ ฉะนั้นผมก็จะคุ้น ไม่เชิงปลูกฝังอะไรหรอก
แต่ก็อยู่ในบรรยากาศของการหาเสียงเลือกตั้งมาตั้งแต่เด็ก


       พอหลังจากจบโยธินบูรณะผมก็เลือกเข้านิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ อันดับ 1 พอเข้าธรรมศาสตร์ ก็ต้องได้เกียรตินิยม
ก็เรียนจนได้เกียรตินิยม พอจบเกียรตินิยมเสร็จก็ไปเมืองนอก ได้รับพระราชทานทุนอานันทมหิดลเป็นอันดับ 1 ในปีนั้น
ผมก็ไปเรียนออกซ์ฟอร์ด โรงเรียนผลิตนายกรัฐมนตรีให้อังกฤษ แล้วก็ต้องไปวิทยาลัยที่ดังๆ
ก็ไปเรียนที่ Christ Church College เป็นวิทยาลัยที่พระบิดาแห่งกฎหมายไทยและล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 6 ทรงศึกษา
เป็นวิทยาลัยที่ใหญ่โตมาก พล.อ.เปรม (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ) เดินทางไปผมยังพาท่านเดินเที่ยว


       ผมจบปริญญาตรีอีกใบจากที่นั่นแล้วผมก็ไปต่อโทด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เพราะผมเรียนกฎหมายทางธุรกิจ
ต้องเข้าไปเรียนที่ลอนดอน ตอนอยู่โน่นก็มีสมาคมนักเรียนไทยในอังกฤษ เรียกว่าสามัคคีสมาคม ผมก็เข้าไปเป็นนายกสมาคม
และที่นั่นผมถึงได้พบกับนักการเมืองเสียงเพราะ...สวัสดีครับ ผมชวน หลีกภัย...ก็พบท่านที่นั่น และท่านก็ชักชวนผมมาทำงาน

จบครับ.....


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:47:26 PM
ตอบคำถาม ได้เลว มากๆ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 12:58:26 PM
ทุนอานันทมหิดล หรือ ทุนคิงส์นั้น ไม่มีข้อกำหนดในการใช้ทุน แค่ให้นำความรู้มาพัฒนาประเทศไทย จะในหน่วยงานราชการหรือเอกชนก็ได้

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนทุนจะสำนึกในหน้าที่ที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดินจึงเข้ารับราชการหรือเป็นอาจารย์เป็นส่วนใหญ่

จริยะธรรม สำนึก จรรยาบรรณ สิ่งเหล่านี้ บางคนเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ



หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: truman ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 01:47:18 PM
เป็นนักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.

 ??? ???.3......คนเนรคุณแผ่นดินเกิด


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: M 60 - 7 รักในหลวง ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 04:35:03 PM
:).. หลาย หน่วยชีวิต .. มีการกระทำ เยี่ยง สุนัขมีเจ้าของ.
 รู้สึกถึงบุญคุณ.. ปลอกคอที่นายมัน สรวมให้ ..
 และเพื่อหลายชิ้นเนื้อ ที่แขวนรั้ว..รอ.

 สุนัขโซ..เท่านั้น.. จึงจะส่งเสียงขู่ คนที่เข้ามาใกล้. ชิ้นเนื้อ.

 แต่ถ้ามันลงเขี้ยว กัดเมื่อไร.. มันจะถูกตีตายเมื่อนั้น. :)

สุดยอดครับท่าน Ro@d ขอบพระคุณมากครับผม


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: e-muak ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 05:17:35 PM
เขาคือใคร ใครคือเขา ใครอยู่เบื้องหลังเขา เขาไม่รู้สึกอย่างไรบ้างหรือ
[/quoteขออนุญาตครับ
เท่าที่อ่านมา ถ้าจะบันทึกประวัติ สุนัขขี้เรื้อน คงต้องสละหนังกันหลายตัว

  ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: E_mail ที่ พฤศจิกายน 27, 2006, 05:39:57 PM
ทุนอานันทมหิดล หรือ ทุนคิงส์นั้น ไม่มีข้อกำหนดในการใช้ทุน แค่ให้นำความรู้มาพัฒนาประเทศไทย จะในหน่วยงานราชการหรือเอกชนก็ได้

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนทุนจะสำนึกในหน้าที่ที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดินจึงเข้ารับราชการหรือเป็นอาจารย์เป็นส่วนใหญ่

จริยะธรรม สำนึก จรรยาบรรณ สิ่งเหล่านี้ บางคนเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ



ผมรู้จักนร.ทุนของสมเด็จพระเทพฯคนนึง ได้ทุนตั้งแต่ม.ปลาย ป.ตรีธรรมศาสตร์ จนจบป.โทที่อเมริกา ตอนนี้ทำงานวิ่งเต้นประสานงานกับกองทุนต่างประเทศให้โครงการฟื้นฟูช่วยเหลือผู้ประสพภัยสึนามิ วิ่งไปวิ่งมาบางม่วง-กะปงอยู่ทุกวันมา2ปีกว่าแล้ว

เมื่อต้นปีตรวจพบว่าเป็นมะเร็งขั้นร้ายแรงโดนจับฉายรังสีจนผมร่วงหัวโกร๋นหมอสั่งให้พักฟื้นแต่เจ้าตัวไม่ยอม.... กลัวเด็กๆจะเสียโอกาส ฝืนตะบี้ตะบันหาทุนต่อจนเมื่อเดือนก่อนเพิ่งสร้างโรงอาหารเป้นอาคารถาวรให้รร.เด็กกำพร้าจากสึนามิได้สำเร็จ

นร.ทุนคนที่ว่า เป็นเด็กผู้หญิงตัวบางๆสูงไม่ถึง160ซม.


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: narongt ที่ ธันวาคม 12, 2006, 11:30:18 AM
9 ธันวาคม พ.ศ.2549

.......นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งล่าสุด เมื่อเร็ว ๆ นี้ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้แสดงความเห็นเรื่องการฆ่าตัดตอนที่มีการนำเสนอข่าวว่ารัฐบาลชุดที่ผ่านมา และ พ.ต.ท.ทักษิณ ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการฆ่าคนในคดีฆ่าตัดตอนยาเสพติด โดยยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และรัฐบาลชุดก่อนไม่เคยสั่งให้ใครฆ่าใคร ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัดตอน แต่เป็นเรื่องของนโยบายการปราบปรามยาเสพติดที่สังคมได้ร่วมกันประกาศสงคราม...

....“ ความพยายามโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งฆ่าคนจึงไม่มีมูลความจริง นอกจากนี้ ข้อความตามอนุสัญญากรุงโรม ที่สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ บางคนนำมาระบุว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลงนามในข้อที่ 27 เพราะต้องการหลีกเลี่ยงขึ้นศาลโลก

.....ตามข้อเท็จจริงแล้วอนุสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องของการดำเนินคดีที่จะต้องดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขัดกับมาตรา 8 ตามรัฐธรรมนูญไทยที่ห้ามละเมิด หรือกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงไม่เป็นการบังควรที่จะลงนามในอนุสัญญานั้น อีกทั้งกว่า 200 ประเทศในโลก มีเพียง 104 ประเทศที่ลงนามในอนุสัญญา แม้แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกายังไม่ร่วมด้วย จึงไม่แปลกที่ประเทศไทยไม่ร่วมลงนาม และเห็นว่าประเด็นนี้ควรจบไปได้แล้ว..” นายนพดล กล่าว

อ้าว...... ทำไมพูดงั้น มาบอกว่าเป็นมติสังคม ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่เคยมีประชาพิจารณ์ ไม่มีการสอบถามความเห็นผ่านสื่อใด ๆ ก่อนทำ ถามก็ไม่เคยถาม ไม่เคยให้โหวตแล้วมาบอกว่าเป็นมติสังคมได้ยังไง ?
...... มติสังคมให้ปราบยาเสพติด ไม่ได้ให้ไปฆ่าตัดตอน หรือเที่ยวฆ่าคนเป็นผัก ปลา เพราะการฆ่าตัดตอน เป็นนโยบายของไอ้อมนุษยบ้าอำนาจ ฉายา "นกมีหู หนูมีปีก" โดยอ้างว่าเพื่อปราบยาบ้า สั่งการผ่าน รมว.กระทรวงมหาดไทย ในยุคนั้นคือ นายมูหะหมัดวัน นอร์มะทา โดยจัดให้มีการประชุมในทุกภาคของตำรวจ โดย รมว.มท. เป็นประธานที่ภาค 2 ประชุม เช่น ที่ จ.ชลบุรี มีการปฏิบัติ 3 ขั้นตอน คือ
ข้อ 1. ให้ตำรวจจังหวัด และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ขึ้นบัญชีดำผู้ค้ายาบ้า
ข้อ 2. ให้ทำการจับกุมตามรายชื่อ ที่กระทรวงมหาดไทยอนุมัติแล้ว ตามบัญชีที่จังหวัดส่งไป
ข้อ 3. ถ้าจับกุมไม่ได้เพราะไม่หลักฐานในขณะนั้นก็ให้ลบชื่ออกจากทะเบียน หมายถึงทำให้หายสาบสูญ ก็คือฆ่าให้ตายนั่นเอง นี่คือคำพูดของ รมต มูหะหมัด วันนอร์มะทา

... ผลที่ตามมา จว.ระยอง ตำรวจ ยิงผู้ค้ายาบ้าตายไป 11คน มีเด็กอายุ 5 ขวบ โดนยิงตายไป 1 คนด้วย ที่ท้องที่ กิ่ง อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง นี่คือความจริงเพราะอยู่ในเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นจนจบ ปรากฏว่าเรื่องนี้ ในเรื่องสำนวนการสอบสวนไม่ทราบตัวคนร้าย เมื่อเวลาผ่านไปเกิน 1 ปี พนักงานสอบสวนก็สั่งจำหน่ายคดี สำหรับคนค้ายาบ้าตัวจริงก็ยังลอยนวลอยู่ที่จังหวัดระยอง เพราะเป็นนักการเมืองท้องถิ่น

นี่คือความจริงเพียงน้อยนิด ของความจริงอีกจำนวนนับหมื่นรายอันได้รับผลกระทบจากนโยบายฆ่าตัดตอน ที่คนความคิดทราม ๆ อย่างนายนพดลแกล้งทำเป็นไม่รู้

......ข้อแท้จริงจากสงครามการปราบปรามยาเสพติด ของแต่ละ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดของแต่ละจังหวัด( ศตส.จ.) ล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างฉากละครเพื่อเอาใจแก๊งค์"นกมีหู หนูมีปีก" แบบผักชีโรยหน้า เพื่อหวังความก้าวหน้าของพวกสาวก "นกมีหู หนูมีปีก"ในแต่ละจังหวัด มีการฆ่าตัดตอนกันโดยสุ่มหาเหยื่อที่เคราะห์ร้ายโดยไร้มนุษยธรรมไม่คิดถึงหัวอกลูกเมียของเขาว่าจะอยู่กันลำบากอย่างไรในอนาคตและโกรธแค้นเพียงใดรอวันที่จะลุกขึ้นมาล้างแค้น
...เพียงแต่อ้างว่าสงสัย หรือชาวบ้านเขาลือเท่านั้น ทั้งที่ไม่มีหลักฐานพยานเหตุการณ์จริง ๆ หน่วยงานนี้ไม่รู้ว่าเขาค้ายาเสพติดจริงหรือเปล่าก็แอบส่งขบวนการในเครื่องแบบออกฆ่าซะแล้ว แม้แต่การยึดทรัพย์ในแต่ละราย เช่น สจ.ลำปาง พวก ปปง.ก็ยังแพ้คดี เพราะจนท.ส่วนใหญ่ไม่มีคุณภาพเอาบรรดาตำรวจพรรคพวกของไอ้"นกมีหู หนูมีปีก" ทำสำนวนก็ยังไม่เป็นไปอยู่กันเต็ม จนหมดความเชื่อถือจากประชาชน

.....หากนายนพดล จะอ้างว่า"ฆ่าตัดตอนเป็นกระแสสังคม" จริง ตามที่นายนพดลอ้าง ก็ต้องถามว่า ใครเป็นผู้ปลุกปั่นสร้างกระแสนี้ขึ้นมา ใครคุยโวจ้อทุกวันเสาร์ว่า นโยบายลุยฆ่ามันเลยนี่ทุกวันเสาร์ โดยอ้างความปลอดภัยต่อลูกหลานมาแบล์คเมล์ห้ามโต้เถียง ใครเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อนโยบายนี้ ไม่ใช่ "ทักษิณ ชินวัตร" ผู้มีฉายาว่า "นกมีหู หนูมีปีก" นี่หรอกรึ ??

....การที่"นกมีหู หนูมีปีก"ประกาศต่อต้านยาเสพติดด้วยความรุนแรง ที่พูดในรายการ "นายกฯทักษิณคุยกับประชาชน" ชัดเจน(มีหลักฐานTape) บันทึกไว้ ปรากฏข้อความ ให้เจ้าหน้าที่ปราบผู้ค้ายาเสพติดว่า "มีทางให้เลือก 2 ทาง 1. คือ คุก 2. คือวัด" และขณะนี้Tape เสียงดังกล่าวได้อยู่ในมือของคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรมแล้ว
......หลังจากนั้น ได้มีการปฏิบัติการโดยคณะรัฐบาลส่งเรื่อง ที่ลงนามโดยผู้มีอำนาจในรัฐบาลไปยังผู้ว่าฯทุกจังหวัดให้ทำยอดการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด ให้ได้ตามเป้า โดยเป้านี้ หมายถึง "จำนวนศพผู้เสียชีวิต"
.......ตอนนี้กระทรวงยุติธรรมสรุปออกมาแล้วว่า "มีคดีที่ไม่เกี่ยวกับยาเสพติด 1,400 คดี จาก 2,500 คดี ที่เป็นการฆ่าตัดตอน" มันชัดยิ่งกว่าอะไร และขณะนี้กระทรวงยุติธรรมกำลังสรุปหลักฐานที่จะชี้มูลถึงตัวของ"นกมีหู หนูมีปีก"เท่านั้นแหละ

....บอกได้คำเดียวว่า .... ถึงจะรวยขนาดไหน หนีไปอยู่ประเทศใดก็ไม่พ้น ตอนนี้ก็ให้รีบตัดชุดสีส้มไว้ใส่ นิมนต์พระสวดศพไว้ล่วงหน้าได้เลย ?

......ประเด็นสำคัญที่สุด ..!!

...คือ อยากจะถามนายนพดล ว่ารัฐธรรมนูญไทยฉบับ 2540 มีบัญญัติไว้ในข้อไหนที่ห้ามการลงนามสนธิสัญญาที่สนับสนุนการคุ้มครอง ให้หลักประกันทางด้านสิทธิมนุษยชน รัฐธรรมนูญ 2540 ห้ามการมีจิตสำนึกในคุณค่าของสิทธิมนุษยชนรึ มิน่าล่ะ "นกมีหู หนูมีปีก" ถึงได้วิ่งโร่ไปแอบเซ็น FTA ที่อเมริกาโดยไม่บอกกล่าวให้ประชาชนทราบ และไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชาวไร่ชาวนาเลย พอเค้าจับได้ก็ออกมาแถลงข่าวทีหลัง...นี่ฝีมือทางกฏหมายของนายนพดลใช่ไหมล่ะ ...น่าอนาถใจจริง ๆ ....

....ดังนั้น การที่นายนพดลกล่าวว่า "อนุสัญญาดังกล่าวเป็นเรื่องของการดำเนินคดีที่จะต้องดำเนินการกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขัดกับมาตรา 8 ตามรัฐธรรมนูญไทย ที่ห้ามละเมิด หรือกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงไม่เป็นการบังควรที่จะลงนามในอนุสัญญา"

....มันพูดออกมาได้อย่างไรกับประโยคนี้ รนหาที่ชัด ๆ ที่บังอาจอ้างพระเจ้าอยู่หัวว่าทำให้ไม่สามารถลงนามในสนธิสัญญา เนื่องจากอาจทำให้พระเจ้าอยู่หัวถูกดำเนินคดีที่ศาลโลกได้ บังอาจมาก อ้ายนรกสั่งมาเกิด คนอย่างนี้สมควรที่จะได้รับใบรับรองความ "ทราม" จากสถาบันISO
.....เพราะคำพูดของนายนพดลดังกล่าวนั้นคือการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ต่ำลงมา หรือก็เพื่อสร้างกระแส ให้สังคมมองเห็นว่าไอ้"นกมีหู หนูมีปีก" ได้สร้างบุญคุณอันใหญ่หลวงให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ ไทย คำพูดของนายนพดล = มันเป็นการทวงบุญคุณ พระเจ้าอยู่หัวอันทรงคุณความดีอย่างหาที่เปรียบมิได้ พระองค์ทรงห่วงใย ดูแล ช่วยเหลือราษฎรทุกผู้ทุกคน ทั่วโลกแซ่ซ้องสรรเสริญในพระบารมี การที่นายนพดลกล่าวเช่นนี้ มีความมุ่งร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ใช่หรือไม่ ? หากไม่ใช่ แล้วที่ใช่คืออะไร ที่เป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการพูดประโยคนี้ ???

ประวัติ ชื่อจริง นายนพดล ปัทมะ
เกิดนครราชสีมา 23 เม.ย.2504
เลขบัตร :
- ปริญญาตรีนิติศาสตร์(เกียรตินิยม)ธรรมศาสตร์ นิติศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยม)มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด สถาบันเดียวกับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และกรณ์ จาติกวณิช
- นิติศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยลอนดอน เนติบัณฑิตไทยและเนติบัณฑิตอังกฤษ แห่งสำนักลินคอล์น อินน์ M.A. มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด
- เป็นนักเรียนทุนพระราชทานอานันทมหิดล Oxton International Law Office Ltd.
- ศึกษาจบกลับประเทศไทยทำงานเป็นทนายความ
- ส.ส.กทม.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ 17 พ.ย.2539
- ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหนเมื่อปี 2544 แต่สอบตก
- พ.ศ 2548 ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ไปเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย เป็นรายแรก

......นายนพดล..เป็นถึงนักเรียนทุนอนันทมหิดล โชว์ผลงานรักชาติให้ดีมาก โดยการเนรคุณ ชาติที่ส่งเสบียงให้ไปร่ำไปเรียนถึงเมืองนอกเพื่อกลับมาพัฒนาประเทศ ที่ไหนได้ แทนที่จะระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้ศึกษาโดยทุนพระราชทาน กลับช่วยปกป้องทรราชที่โกงชาติปล้นแผ่นดิน นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดินที่ต้องทดแทน เสียชาติเกิดจริง ๆ งานนี้ เห็นทีจะต้องให้ท่าน พลเอกสพรั่งฯ ออกแรงอีกสักตั้ง ....

 
Special Force 202.5.87.* [ 12 ธ.ค. 2549 เวลา 00:46 ] ความเห็นที่ 5/#1470 เขียนตอบคำตอบนี้

http://mscc2.komcome.com/infomat/view.php?category=taistyle&wb_id=239


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: Aek007 - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 12, 2006, 11:49:11 AM
ทุนอานันทมหิดล หรือ ทุนคิงส์นั้น ไม่มีข้อกำหนดในการใช้ทุน แค่ให้นำความรู้มาพัฒนาประเทศไทย จะในหน่วยงานราชการหรือเอกชนก็ได้

แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว นักเรียนทุนจะสำนึกในหน้าที่ที่ต้องตอบแทนคุณแผ่นดินจึงเข้ารับราชการหรือเป็นอาจารย์เป็นส่วนใหญ่

จริยะธรรม สำนึก จรรยาบรรณ สิ่งเหล่านี้ บางคนเข้าใจ แต่บางคนก็ไม่เข้าใจ



คนคนนี้ไม่มีสำนึกในหน้าที่ที่จะตอบแทนคุณแผ่นดิน 


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ ธันวาคม 12, 2006, 03:17:28 PM
เรียนเก่ง แต่ไม่มีคุณธรรม ไม่น่านับถือครับ


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 12, 2006, 05:17:52 PM
ผมไม่ชอบคุณทักษิณ  และไม่เคยรู้จักคุณนพดล
แต่เท่าที่ดูมาถึงตอนนี้  คุณนพดล ก็ยังทำหน้าที่ของทนายความ โดยไม่ผิดจริยธรรม เพราะการเอาผิดคุณทักษิณ ก็มีหลายฝ่ายรับหน้าที่นี้ไปทำอยู่แล้ว

งานทางกฎหมาย มันมีสองด้านที่คอยถ่วงดุลกัน  ปปช. กับพนักงานอัยการมีหน้าที่เอาผิด กับยึดทรัพย์ให้ได้  ส่วนทนายความก็มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของตัวความ
ถ้าคุณนพดล ละเมิดจริยธรรม เช่นปลอมหลักฐานเพื่อช่วยคุณทักษิณ แบบนี้ถึงจะควรประนาม
และในทางกลับกัน ถ้าคุณนพดล ตกลงรับเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้คุณทักษิณแล้ว แต่กลับไปแอบส่งหลักฐานให้ ปปช. แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2006, 06:05:26 PM
แล้วที่ปรึกษาด้านกฎหมายคนเก่าที่ออกมาบอกว่า การขายหุ้น ชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษี ไปไหนซ่ะหล่ะ ??? เป็นถึง ดร. เสียด้วย


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 12, 2006, 06:50:48 PM
แล้วที่ปรึกษาด้านกฎหมายคนเก่าที่ออกมาบอกว่า การขายหุ้น ชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษี ไปไหนซ่ะหล่ะ ??? เป็นถึง ดร. เสียด้วย

ก็ถูกของเขา ที่กำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี
ที่ต้องเสียภาษีก็คือการที่ซื้อหุ้นตัวเองกลับมาจากนอมีนีในราคา 1 บาทในขณะที่ราคาตลาด = 49 บาท  ซึ่งต้องเสียภาษีโดยคำนวณจากส่วนต่าง 48 บาท  ภาษีตรงนี้อยู่ราว ๆ เก้าพันล้าน


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: joonjan ที่ ธันวาคม 12, 2006, 08:24:32 PM
ผมไม่ชอบคุณทักษิณ และไม่เคยรู้จักคุณนพดล
แต่เท่าที่ดูมาถึงตอนนี้ คุณนพดล ก็ยังทำหน้าที่ของทนายความ โดยไม่ผิดจริยธรรม เพราะการเอาผิดคุณทักษิณ ก็มีหลายฝ่ายรับหน้าที่นี้ไปทำอยู่แล้ว

งานทางกฎหมาย มันมีสองด้านที่คอยถ่วงดุลกัน ปปช. กับพนักงานอัยการมีหน้าที่เอาผิด กับยึดทรัพย์ให้ได้ ส่วนทนายความก็มีหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของตัวความ
ถ้าคุณนพดล ละเมิดจริยธรรม เช่นปลอมหลักฐานเพื่อช่วยคุณทักษิณ แบบนี้ถึงจะควรประนาม
และในทางกลับกัน ถ้าคุณนพดล ตกลงรับเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้คุณทักษิณแล้ว แต่กลับไปแอบส่งหลักฐานให้ ปปช. แบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งครับท่านผู้การฯ ผมก็ไม่เคยรู้จักกับนายนพดล  ปัทมะ แต่อย่างใด
เราต้องแยกแยะ มิใช่ว่าผู้ใหญ่บ้านเป็นโจรแล้วราษฎรในหมู่บ้านนั้นจะเป็นโจรด้วยกันหมดทุกคน ... การทำหน้าที่กับการเรียนเป็นคนละเรื่องกันครับ ... การประกอบอาชีพที่สุจริตก็มิได้หมายความว่าจะเป็น...รับใช้ใคร ... โดยเฉพาะทางด้านกฎหมาย คนที่เป็นทนายความคงจะทราบดีที่สุด ... การว่าความหรือแก้ต่างให้กับผู้กระทำผิดหรือผู้ต้องหาหรือจำเลย มิใช่ว่าทนายคนนั้นจะเป็นคนเลวทรามที่ไปเข้าข้างคนผิด ... แต่เป็นการประกอบอาชีพ เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่ได้เรียนมา เพื่อให้ลูกความของเขาพ้นผิดหรือได้รับโทษน้อยลง ... ในขณะเดียวกันฝ่ายผู้เสียหายหรือฝ่ายโจทก์ก็ย่อมมองว่าทนายคนนี้เป็นคนเลวที่รับใช้คนกระทำผิด ... หากท่านไม่รักใครชอบใครก็จงทำใจเปิดกว้างสักนิด อย่ามองคนรอบข้างเขาเป็นคนเลวทั้งหมด ...


หัวข้อ: Re: อยากทราบประวัติ นพดล ปัทมะ
เริ่มหัวข้อโดย: ฅนแผ่นดิน ที่ ธันวาคม 14, 2006, 12:59:00 AM
แล้วที่ปรึกษาด้านกฎหมายคนเก่าที่ออกมาบอกว่า การขายหุ้น ชินคอร์ป ไม่ต้องเสียภาษี ไปไหนซ่ะหล่ะ ??? เป็นถึง ดร. เสียด้วย

วลัยสถุน นะเหรอ เฮ้อ... สบายจะตาย มีกินมีใช้ เหมือนเดิม