เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

1911a1   กับ  1991a1   ต่างกันยังไงท่านผู้รู้ช่วยให้คําตอบด้วยครับสงใสจัง  ขอบคุณครับ

M1911A1 เป็นแบบของปืนที่ผลิตออกมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง............ผิวรมดำด้านและเขียว..........เซียนกสับเป็นแบบ series70 เมื่อลดนกแล้วนกจะอยู่ครึ่งทาง เหนี่ยวไกไม่ขยับ...........ไม่มีสมอล็อคเข็มแทงชนวน

M1991A1 ผลิตในช่วงปี 1990 ..........โดยเอา series80 ที่มีสมอล็อคและเซียนกสับเป็นแบบลดแล้วนกไปค้างเกือบสุด เหนี่ยวไกสามารถขยับนกลงไปชิดโครงปืนได้...........มาผลิตในรูปแบบ"ลดต้นทุน"................เป็น serie80 รุ่นประหยัด ด้วยการลดความสวยงามของผิวรมดำเงาลง ใส่ประกับด้ามพาลสติค............ออกมาเป็นรุ่น 1991A1

โห.....คำถามแบบนี้ ตอบกันได้เป็นวันๆ เลยแหละ เดี๋ยว มาตอบให้นะจ๊ะ เอาแบบทะลุโลเพ้อเจ้อไปเลย

พี่เต่ามาแล้ว ;D

 ;D จองคิวแถวหน้า

มานั่งรอเลยครับ :D

เอาแค่เบาะๆก็พอครับ ผมว่าถ้าให้พี่เต๋าเล่าถึงใส่ถึงพุง 1991 เดี๋ยวราคามันจะขึ้นไปอีกนะ  ;D

สนุบสนุน 1 ภาพครับ ประทานโทษครับ ปล่อยไก่ไปเป็นฝูง ;D ;D ;D ;D ;D ดู 1991a1 เป็น 1911a1 ครับ
(http://i10.tinypic.com/34xjlg6.gif)

เจ้าของกระทู้ติดต่อกลับผมหน่อยนะครับ เรื่องมีดครับ เลขที่บัญชีไม่ถูกต้องครับ ติดต่อกลับด่วยเลยนะครับ ต่าย 089-8512077 ผมไม่ได้บันทึกเบอร์พี่เอาไว้ครับ :~)

มาแล้วครับ...นักเพ้อเจ้อ...จอมบ้าน้ำลายมาแล้วจ้า........ เชิญปวดสายตากับข้อความของผมได้ ณ  บัดนี้
บทนำ......คำถามแบบนี้ มักจะนำไปสู่การตอบแบบละเอียดได้ดีเสมอ เพราะเป็นการถามในลักษณะกว้าง และสร้างความรู้ครับ
1.ประวัติที่มา
เอ็ม 1911 เอ1 ก็คือ ปืน สิบเอ็ม มม.นั่นเอง แบบเดิมของ เอ็ม 1911 เอ1 คือ เอ็ม 1911 เฉยๆ ซึ่งผลิต ในปี 1911 ส่งเข้าใช้ในกองทัพยูเอสเอ จริงๆ คือ ปี 1912 เข้าไปแล้วครับ
พอใช้งานในกองทัพสหรัฐ ในช่วงปี 1912-1922 ในช่วงนั้น เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พอจะซาๆ ไปหน่อยๆ ถึงปี 1923 ทางวิศวะกร รวมถึงผู้ใช้งานจริงในสนามรบ ลงความเห็นกันว่า เห็นควรปรับปรุงเจ้า เอ็ม 1911 เสียหน่อย เนื่องจากมีบางอย่างไม่ถูกใจคนใช้ (จริงๆ ก็แจ๋วอยู่แล้ว) จึงมีการปรับปรุงคือ
1.ขยายศูนย์หน้าให้ใหญ่ขึ้น กว่าเดิม
2.ขยายบากศูนย์หลังให้กว้างกว่าเดิม แต่เดิม เป็นตัวยูตูดโค้ง มาเป็นตัวยู ตูดเหลี่ยมๆ
3.ตัดหน้าไกปืนให้สั้นลงหน่อย จะได้ยิงง่ายขึ้นสำหรับคนนิ้วสั้น ๆ และจะได้สวมถุงมือยิงได้ ด้วย เพราะของเดิมหน้าไกยาว พอใส่ถุงมือนิ้วชี้จะโตขึ้น ล้วงเข้าโกร่งไกปืนลำบาก
ถุงมือกันหนาวในยุโรปมันหนาเอาเรื่องนะครับ
4.ด้านข้างโกร่งไกปาดเว้านิดหน่อย เขาว่า จะได้สวมถุงมือยิงให้ถนัดอีกนั่นแหละ 
5.นกปืนทำให้เรียวเล็กลง แต่เดิมเป็นแบบบานๆ คงคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องง้างนกแล้วกระมัง
6.เหล็กปิดท้ายโครงปืน เสริมให้โค้ง รับกับอุ้งมือของคนยิง (แต่เห็นตอนหลังก็ย้อนยุคเหมือนเดิมกันเป็นแถว)
7.หางหลังอ่อน ทีแหลมๆ ออกมา ทำให้มันยาวขึ้น เพราะของเก่ามันสั้น
.....ก็แก้ไขประมาณนี้แหละ ในปี 1923  จากนั้นเมื่อแก้ไข ก็เลยเพิ่มชื่อเสียหน่อย
จาก เอ็ม 1911 ก็เปลี่ยนชื่อเป็น เอ็ม 1911 เอ1 (เอ1 คงแปลว่า พัฒนา/แก้ไขให้ดีขึ้น ครั้งที่ 1 เหมือนเอ็ม 16 เอ1 เอ2 นั่นกระมัง)
......จากนั้น ก็กระโจนเข้าสงครามต่างๆ ไปทั่วโลก ตั้งแต่สงครามย่อยต่างๆ ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ว่า จีไอ จะไปไหน ก็จะนำมันใส่ซองพก หนัง คาดเอวด้วยเข็มขัดผ้าใบถักสีเขียว  มีฝาปิด สีดำ สีน้ำตาลแล้วแต่สภาพภูมิประเทศ ที่ฝาซองพก มีตรา ยูเอส  ปั้มเป็นตัวนูนด้วย ซองนี้ ถ้าใครมีของแท้ ก็เก็บไว้เถอะครับ เป็นของมีค่าไปแล้ว
กระโจนเข้าสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุโรป  สงครามมหาเอเซียบูรพา เอเซียแปซิฟิก
เกาหลี ลาว เวียตนาม เขมร ฯลฯ จะปาถิ   จนมาจบชีวิตตอนปี 1985 ตอนเขาปลดชราภาพจากกองทัพนั่นแหละ แต่ไม่เคยชราภาพสำหรับพวกเราเลย มันเป็นของมีค่าที่สุดเลยครับ เจ้า 1911 เอ1 เนี่ย

จบที่มาทาง เอ็ม 1911 เอ1 แล้วครับ


ทีนี้ มาเรื่อง เอ็ม 1991 เอ1 บ้าง มันเป็นยังไงหว่า???

ภายหลังปี 1980 เป็นต้นมา กิจการของบริษัท โคลท์ เริ่มถดถอยลงทุกทีทุกที เป็นไปตามคำกล่าวของพระพุทธองค์ว่า ทุกสิ่งในโลก มีเกิด มีดับ เสมอ เป็นธรรมดาของโลกนี้ แลครับ
โคลท์ก็เช่นกัน รุ่งเรืองมาแต่ 1836 ทะลุมาถึง 1985 ชื่อปืนของบริษัทฯนี้ ถูกการันตีให้เป็นปืนประจำกองทัพทหารที่เกรียงไกรที่สุดในโลก ในยุค 100 ปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าประสบความสำเร็จที่สุดสำหรับกิจการธุรกิจแล้วละครับ
หลังปี 1985 หรือก่อนหน้านั้นเสียด้วยซ้ำ ประมาณ ยุค 80 ทุกอย่างของบริษัทโคลท์เริ่มถึงจุดดับ ฝีมือการผลิต แย่มากๆ ไม่ได้เรื่องเลย
ถึงแม้ โคลท์ ที่ผลิต ในปี 1980 จะมีระบบล็อคเข็มแทงชนวนติดมาด้วยตามมาตรฐานของอเมริกันยุคใหม่ แต่ก็ไม่ทำให้ฐานะของปืนพกโคลท์ โด่งดังขึ้นเหมือนเดิมเลยซักนิด มีแต่ถอยลงทุกวัน
.......เหตุการซ้ำร้าย มีคนซื้อปืนของโคลท์ ไปเป็นล็อทๆ แล้วไปแต่งให้แจ๋วแล้วขายเป็นกระบอกๆ เช่น วิลสัน คอมแบ็ท ไปโดยตีตราใหม่ของตนเข้าไป ทำให้ได้ราคาดีกว่าเจ้าของบริษัท ที่ผลิตเองเสียอีก ถึงแม้จะมีศูนย์แต่ง แต่ก็แต่งสู้วิลสัน ไม่ได้ ไม่เว้อร์ ตามเคย
.......พอมาถึงปี 1985 โคลท์ก็ยังคงยึดติดกับการขายปืน เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ในราคาสูงอยู่ดี (หลงตัวเองมั้ง)  ขายแพงอยู่ได้   ในช่วงนี้ สิทธิ์คุ้มครองตามสิทธิบัตร เอ็ม 1911 ที่จดไว้โดย จอนห์ บราวนิง หมดลง  ......จึงมีบริษัท มากหน้า หลายตา ทุกค่าย ทุกทวีป เอาแบบไปผลิต เอ็ม 1911 ออกมาขาย แถมทำได้สวยกว่า ฟิตกว่า เนียนกว่า
ที่สำมะคัญ ....ถูกกว่าโคลท์  เมื่อเจอสภาพแบบนี้ โคลท์ มีแต่ตายกับตายเท่านั้น


....สถานะการณ์เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ของโคลท์ แย่ลงทุกวัน...ทุกวัน

ถึงประมาณ ปี 1990 โดยประมาณ โคลท์ หันกลับมามองตัวเอง ว่าทำไม ไม่ขายปืนให้ถูกลงบ้าง มาทำตลาดปืนราคาถูกบ้าง เพื่อจะได้พยุง ฐานะของตนให้รอดได้ หลังๆ แม้แต่ปืนสงคราม ก็โดนบริษัทอื่นแบ่งไปทำด้วยซ้ำ
คำถามก็คือ แล้วจะเอาปืนอะไรดี มาเป็นตัวชูโรงในการผลิตปืนเกรด ตลาดราคาถูก
....มองไป มองมาก็ เจ้า 1911 เอ1  ซีรีส์ 80 นี่แหละ เจ้าเก่านั่นแหละ เอามาทำใหม่ดีกว่า
......ก็เลยเอาซีรีส์ 80 1911 เอ1 นั่นแหละมาทำแบบหยาบๆ ลดขั้นตอนการผลิต ลดวัสดุให้ราคาถูกลง ดังนี้
1.ทำแบบหยาบ ฝรั่ง เป็นโรคแปลกอย่างหนึ่ง อะไรที่ออกจากเครื่องจักรฯ เขาจะขายราคาถูก ...แต่ถ้ามาผ่านฝีมือคนเสียหน่อย ....ไอ้ค่าฝีมือขัดๆ ถูๆ นี่แหละ ราคาตรงนี้ จะแพงขึ้นมากเลย
ดังนั้น เอ็ม 1911 เอ1 ซีรีส์ 80 ตัวนี้ จึงมีความหยายมากๆ ออกจากเครื่องจักรมายังไง ก็พ่นทราย รมดำ เอามาขายเลย ไม่ต้องผ่านมือช่างเลย เพื่อลดราคาต้นทุน
2.ลดต้นทุนด้านวัสดุ เช่น หน้าไกปืน แต่ก่อนเป็นเหล็ก เป็นโลหะ พอมาลดต้นทุน ก็ทำเป็น โพลิเมอร์  เหล็กปิดท้ายโครงปืน (เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง ) ก็เป็นโพลิเมอร์
ด้ามปืน จากเป็นไม้วอลนัท ฝังหมุดตราม้าคาบศรที่กลางด้าม ก็กลายเป็นด้ามยางแข็งๆ

นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังได้แก้ไข คุณลักษณะบางอย่างเพิ่มขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ตามยุคสมัยดังนี้คือ
1.ขยายใบศูนย์หน้าให้ใหญ่ขึ้นอีกมากๆ ทั้งความสูง และความหนา เล็งชัดขึ้นอีกเยอะเลย แต่ไม่ทำจุดขาวมาให้ เพราะจุดขาว จะไว้ไปใส่กับปืน ซีรีส์ 80 เกรดราคาแพงกว่านี้
2.ใบศูนย์หลังก็เพิ่มความสูง ความหนา ความกว้าง กว่าเดิมอีกมาก เล็งง่ายขึ้นอีกเยอะเลย แต่ไม่มีจุดขาวเหมือนกัน เหตุผล ก็เหมือนที่กล่าวมาแล้ว คือ แบบจุดขาวจะใช้กับ ซีรีส์ 80 ที่ราคาแพงกว่านี้
3.หน้าไกโพลิเมอร์ มีความยาว ย้อนยุคกลับไปเหมือนรุ่น 1911 เดิม เมื่อเกือบร้อยปีที่แล้ว
4.เมนสปริงเฮ้าส์ซิ่ง โพลิเมอร์ ก็ทำแบบแบนๆ ย้อนยุคไปเหมือนรุ่นเมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว แต่ทำลายกันลื่นแนวตรงให้หน่อย
5.ช่องคายปลอกกระสุนที่สไลด์ ถูกปาดให้ต่ำลงกว่ารุ่น 1911 เอ1 เดิมเพื่อการสลัดปลอกกระสุนได้สมบูรณ์กว่าเดิม
6.ตัวเตะปลอกกระสุน เปลี่ยนจุดสัมผัส จากการสัมผัสด้านล่าง มาเป็นสัมผัสด้านบน
เพื่อเปลี่ยนทิศทางการเตะปลอก จากแต่เดิม 1911 เอ1 เตะออก ด้านบน ประมาณ 60 องศา เฉียงไปทางขวา แต่พอแก้ไขใหม่ เป็นการเตะปลอกออกแนว ด้านข้างขวา เกือบเป็นแนวราบประมาณ 30-45 องศา แล้วแต่กระบอกๆๆไป
และการทำงานของอีเจคเตอร์ จะปฏิบัติต่อจานท้ายปลอกกระสุนในขณะที่ปลอกถอยหลัง พ้นแนวแม็กกาซีนใหม่ๆ จึงทำให้ลดปัญหาเรื่องการติดขัดภายหลังจุดระเบิดได้ดีกว่า เอ็ม 1911 เอ1

7.มีระบบล็อคเข็มแทงชนวนตามแบบซีรีส์ 80  คือ ถ้าไม่เหนี่ยวไก ปืนไม่ลั่นอย่างเด็ดขาด แม้ขึ้นลำแล้วเควี้ยงปืนทิ้งไปก็ตาม
 
8.เมื่อทำล็อคเข็มแทงชนวนแล้ว โคลท์ จึงตัดระบบเซฟปืนด้วยการง้างนกครึ่งทางออกไป คือ ฮาฟล็อคออกไป เหลือแต่ ฮาฟได้ แต่ไม่ล็อคนะครับ
คือแต่เดิม คนใช้ปืน เอ็ม 1911 รุ่นก่อน 80 ทุกรุ่น จะขึ้นลำแล้วลดนกลงครึ่งทาง เรียกว่า ฮาฟล็อค เป็นการเซฟไปในตัวคือ นกไม่ตก เหนี่ยวไม่ได้
แต่พอมาทำเป็น ซีรีส์ 80 ง้างนกครึ่งทาง นกไม่ตก แต่เหนี่ยวไกได้ลั่นดังแฉะ เบาๆ 
(ผมเลยเสียว ต้องหานกซีรีส์ 70 มาใส่แทน )

......เรื่องอักขระ....รุ่นนี้ เป็นรุ่นประหยัด ไม่มีการตอกม้าคาบศร มีแต่ตอกว่า เอ็ม 1991 เอ1 เป็นร่องใหญ่ๆ ลึก อีกด้านหนึ่ง ตอกซีรีส์ 80 เพื่อยืนยันระบบล็อคเข็มแทงชนวน

เมื่อแก้ไขทุกอย่างเสร็จดังว่าแล้ว ก็ตามประเพณี ทำอะไรใหม่ที ก็เปลี่ยนชื่อที
จึงกำเนิดชื่อว่า เอ็ม 1991 เอ1 นั่นเอง และนี่ คือที่มาของความแตกต่าง ระหว่าง เอ็ม 1911 เอ1 กับ เอ็ม 1991 เอ1 ขอรับท่าน
......ท่านเจ้าของกระทู้ พอเข้าใจไหมครับ....ไม่เข้าใจถามมาใหม่ได้
 
1911 คือแบบของปืน  1911 เอ1 คือการแก้แบบครั้งแรก เพื่อสะดวกในการใช้ในทางทหาร  1991 เอ1 คือการเอา แบบ 1911 เอ1  มาทำเป็นปืนราคาประหยัด ขายแข่งกับชาวบ้านเขา ....สรุปสั้นๆแค่นี้ครับ   

ข้อมูลแน่นเหมือนเดิม...

น้อมรับด้วยความขอบคุณครับ ..............

เพิ่งรู้  และรู้ซึ้งเลย ที่นี้    ;D ;D

ผมชอบ colt 1911 และสะสมไว้ แต่เรื่องข้อมูลความรู้ได้จากการอ่านข้อความของพี่เต๋าตั้งแต่เป็นสมาชิกที่นี่ ขอบคุณมากๆ
ด้วยความเคารพครับ

กราบขอบพระคุณขอรับ....ด้วยความเคารพ และอิฉฉา สำหรับคนที่ มี 1911 สะสมไว้ทุกท่านครับ ...อิอิ

(http://img168.imageshack.us/img168/5196/m1991a13sw3.jpg) (http://imageshack.us)

ถึงจะผลิตมาแบบลดต้นทุนแต่ก็มีมนต์เสน่ห์ไปอีกแบบหนึ่ง

ขอบคุณค้าบ สำหรับข้อมูล  ;D

Oh! My ข้อมูลดีมาก ขอบคุณ จขกท และคุณ เต่า บางเขนครับ

ใครบอกว่าราคาประหยัดแล้วไม่มีเสน่ห์ละครับท่าน.....ประทานโทษ ถ้าคนที่รักปืนแบบลุยๆ ละก้อ เห็นแล้ว น้ำลายหกสามหยด ยิ่งกว่าเห็นปลากระป๋องอะไรมีหกเต้าเสียอีกครับ มันสวย และมีเสน่ห์กว่าปืนแสตนเลส ขาวๆ เป็นไหน
....ยิ่งไปเจอบางกระบอก แม่นยิ่งกว่าโกลคัฟอีกต่างหากครับ
....อยากให้มีเสน่ห์กว่านี้ไหมครับ.....แค่ใส่กล่องโอลิจิแนลที่มากับปืนรุ่นนี้แล้ว ก็สวยแทบคลั่งแล้วครับ
....แต่ถ้าให้แน่กว่านี้ละก็ หาซองพกเอว แบบ ยูเอสอาร์มมี่ แบบมีฝาปิด มีตรายูเอส ตัวนูน อยู่ในวงกลม มีลวดเหล็กสำหรับร้อยกับเข็มขัดสนามแบบถัก สไตล์อเมริกัน
ทีนี้ละคุณ...เอ้ย....คนที่ชอบ 1911 อยู่แล้ว จะยิ่งคลั่งมันกว่าเดิมเข้าไปอีก
เสียอย่างเดียว ไม่ทำห่วงที่ตูดมาด้วย ถ้าทำมาด้วยละก็ เด็ดไปเลยครับ 

(http://img19.imageshack.us/img19/479/1991yn0.jpg) (http://imageshack.us)

กล่องนี้เป็นของเดิมเขาว่าใส่กับปืนรุ่นนี้โดยเฉพาะครับ( ไม่รู้ข้อมูลถูกต้องหรือเปล่า)

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ คุณ  TAO

ขอบคุณ คุณมะขิ่น กับคุณ TAO ค้วยครับ 1991A1 ของผมก็รุ่นเดียวกับรูปข้างบนนี่แหละ แต่รมเขียว

ชอบคุณๆTAO มากครับสำห รับข้อมูลปืน COLT  1991 A1

ที่ขีดเส้นใต้................ยังไม่ถูกต้องนักนะครับ

1911A1 เป็น series70 ไม่มีสมอล็อค นกสับลดได้ครึ่งทาง(ฮาล์ฟค็อค) โดยเหนี่ยวไกไม่ไป................แล้วปรับมาเป็นรุ่นพาณิชย์ ซึ่งยังเป็นแบบ series70 อยู่.................แล้วก็ก้าวเข้าสู่รุ่น 70 เต็มตัว ใช้บูชกลีบจำปาเข้ามา ยังคงไม่มีสมอล็อค นกสับยังลดได้ครึ่งทางโดยเหนี่นวไกไม่ไปอยู่.......................

จนปรับเข้ามาเป็น series80 ใส่สมอล็อค นกสับลดลงเลยครึ่งทาง เหนี่ยวไก นกขยับชิดโครงปืน....................ปรับหลายรุ่นจนถึง 1991A1 รุ่นประหยัด คือ series80 .........

ดังนั้นที่กล่าวว่า 1991A1 เป็นการเอา 1911A1 มาทำปืนประหยัด ..............อาจจะกล่าวได้ไม่ถูกต้อง 100% นัก.................ต้องกล่าวว่า 1991A1 คือการเอา Goverment Model series80 มาทำให้ประหยัด แล้วใส่ชื่อรุ่นว่า 1991A1 ..........มากกว่า

ส่วนสำหรับ 1911A1 ต้องกล่าวว่า...............Goverment Model series70 คือ การนำเอา M1911A1 มาปรับปรุงต่อจากรุ่นพาณิชย์...............

ขอถามต่อหน่อยครับ ว่าระหว่างสองตัวนี่ ท่านผู้การชอบตัวไหนมากกว่ากันครับ...ที่ชอบเพราะเหตุใดครับ

ชอบ 70 มากกว่า เพราะ รายละเอียด ผิวงาน เนื้อเหล็ก และ การเก็บชิ้นส่วนต่างๆ มีความประณีตกว่า 80 ครับ.................

อีกประการหนึ่ง...........ผมใช้ 1911 ขึ้นลำแล้วลดนกครึ่งทาง ซึ่ง 70 สามารถตอบสนองสิ่งที่ผมต้องการได้............แค่ง้างนกในระยะทางสั้นๆ เท่านั้น เนื่องจากลดนกไว้ที่ตำแหน่งฮาล์ฟฟค็อค........ใน 80 การลดนกลงไปจนสุด ง้างนกขึ้นช้าและระยะทางยาวกว่า 70.........

ถูกต้องแล้วครับ .....กล่องกระดาษใบนี้แหละครับ.....ผมก็ไปหามาได้ 1 กล่อง ทั้งที่ตัวเอง ไม่ได้มีปืนรุ่นนี้ ซักกะหน่อย
แต่ถ้าใครรู้จักหาความรู้สักหน่อย ไอ้กล่องสภาพเหมือนกระดาษที่เตรียมขายเป็นขยะนี่แหละครับ มีประวัติศาสตร์ของโคลท์อยู่อย่างครบถ้วน ควรค่าแก่การเก็บรักษา แต่ผมเห็นตชด.บางท่านที่ไม่รู้คุณค่า เอาไปชั่งกิโลขายเป็นกระดาษเหลือใช้มาเยอะแล้วครับ
...จะสาธยาย กะเรื่องอีแค่กล่องกระดาษขาดๆ นี้นะครับว่า มันมีค่าควรเมืองสำหรับคนที่คิดจะศึกษาและรักโคลท์ฉบับย่อ

...ภาพที่ 1 เป็นภาพที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง คือภาพหุ่นจำลองที่มาของบริษัทปืนชื่อก้องโลกคือ โคลท์   เป็นภาพเด็กหนุ่มน้อย นามกรว่า แซมมวล โคลท์ อายุประมาณ ไม่เกิน 20ปี ในชุดกะลาสีเรือ กำลังนั่ง ถือมีด แล้วเอานิ้ว แหย่เข้าไปในกลางลูกโม่ ไม้จำลอง ที่เขาคิดระบบปืนขึ้น
เป็นภาพที่แสดงให้เห็น....การจินตนาการ กลไกของปืน ชนิดหนึ่ง ของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ชื่อ แซมมวล โคลท์  นั่งจินตนาการ คิดกลไก ปืน รังเพลิง ให้มันหมุนมาหาลำกล้อง ที่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่แยกรังเพลิงเป็น 6 รู ทำให้สามารถยิงได้มากกว่า 1 นัดอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้เวลาว่างระหว่างการเดินเรือในมหาสมุทร
เป็นการแสดงให้เห็นว่า เป็นตอนที่ แซมมวล โคลท์ เป็นเด็กที่ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือ
เป็นคนชอบทดลองเกี่ยวกับดินปืน ดินระเบิด อยู่ตลอด เพราะความชอบ ทดลองทำระเบิดและปืนผาหน้าไม้นี่เอง ทำให้ไม่ได้เรียนหนังสือ (จำไม่ได้ว่าไม่สมัครใจเรียนเอง หรือโดนไล่ออกเพราะชอบทำแต่พวกระเบิดนี่แหละ) เมื่อไม่ได้เรียนหนังสือ ก็เลยมาเป็นกะลาสีเรือ ล่องเรือ มาถึง เมือง กัลกัสต้า ประเทศแถวบ้านเรานี่แหละ (ถ้าจำไม่ผิด ก็เป็นอินเดีย ก็มาไกลน่าดู จากสหรัฐฯ เนี่ยนะ ) มาเห็นปืนที่นี่ เป็นปืนคาบศิลา ร้อยเป็นพวง วงกลม แต่ต้องใช้มือหมุนเอาเองในการยิง พอตอนว่างๆ อยู่บนเรือ โคลท์ก็เลยคิดกลไก ทำไมต้องใช้ ลำกล้องตั้ง 6 ลำกล้อง ก็ตัดลำกล้องออกให้หมด ให้เหลือลำกล้องเดียว
แล้วทำรังเพลิงหก รังเพลิง ให้ขาดจากกัน แล้วหมุนเข้ามาหาท้ายลำกล้อง บังคับการหมุนด้วยการง้างนกปืนซินะ ถ้าจะดี เมื่อกลับมาถึงสหรัฐ ก็ไปปรึกษากับช่างโลหะ ให้ลองเอาแนวคิดนี้ ผลิตปืนดู กำเนิด โคลท์ ลูกโม่ กระบอกแรกของโลก จึงบังเกิดขึ้น
......แค่รูปนี้ของโคลท์ ก็มีค่ามากแล้วครับ สำหรับ กระดาษห่อกล่องพลาสติกสีน้ำตาลใบนี้
....ถ้าใครอ่านภาษาอังกฤษเก่งๆ ก็จะมันส์เข้าไปอีก
มีกำเนิด....รุ่นต่างๆ เช่น กำเนิดรุ่นแรก ลูกโม่ ที่ยัดดินปืนทางหน้าลูกโม่ ใช้ต่อสู้กับอินเดียนแดงสมัยสร้างทางรถไฟตลุยเข้าไปขุดทองทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ตามที่ทางการปล่อยข่าวเพื่อให้ประชาชนตะลุยเข้าไปสร้างความเจริญ โดนถลกหนังหัวกันเพียบ
กำเนิดรุ่น 1873 ลูกโม่ โคลท์ เอสเอเอ ประจำทหารม้าสหรัฐ ใส่ลูกปลอกโลหะหลังโม่
กำเนิดรุ่น หลังจาก ซิงเกิลแอ็คชั่น มาเป็นดับเบิลแอ็คชั่น แต่ว่า ยังคิดเปิดลูกโม่ด้านข้างไม่ได้ ต้องใส่จากด้านหลัง
กำเนิดรุ่น ดับเบิ้ลแอ็คชั่น เปิดลูกโม่บานพับ ออกด้านข้างซ้ายของตัวปืน
กำเนิดรุ่น เอ็ม 1911 ที่มาที่ไปของการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 1
ปืนลูกโม่โคลท์ดังมาก ทีมตำรวจ แคนาดา ใส่หมวกเหมือนลูกเสือไทย(ร.6 ไปเลียนแบบเขามาครับ) ใช้เป็นปืนในการแข่งขัน คลาสสิกมาก โคลท์ ลำกล้องแบบหางหนู
กำเนิดของปืนนักสืบ ในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ สอง
ประโยชน์ของปืน ออโตขนาดเล็กของโคลท์ คือ โคลท์ วูดส์แมน ขนาด .22 แอลอาร์
..........สาธยายไม่หมด ใครอยากทราบ ไปหากล่องมาดูตัวจริงดีกว่าครับ
ผมแค่โม้ ฝอยให้ฟังเป็นน้ำจิ้ม เรียกน้ำย่อยให้เกิดกิเลส สำหรับคนคอโคลท์เหมือนกัน
คนคอยี่ห้ออื่นๆ เขาก็คงว่าผมบ้า ๆๆๆ แน่นอน

กราบขอบพระคุณพี่มะขิ่นอีกแล้วครับ .....ท่านพี่มะขิ่นกรุณามาเสริมให้เต็มอีกแล้วครับ
ท่านพี่ว่าถูกแล้วครับ........
ที่มาทำเป็น 1991 เอ1 คือ ปืน โคลท์ มาร์คโฟร์ ซีรีส์ 80 ครับ มาทำเป็นรมเขียวราคาประหยัด
ท่านเพื่อนๆ กรุณาดูข้อความเสริมของพี่ท่านนะครับ....พอดีผมรีดสมอง คายความคลั่งออกมานานๆ เลยตกหล่นไปบ้างครับ เขียนย่อไปหน่อยเลยทำให้เพื่อนๆ งง
....กราบขอบพระคุณพี่ท่านอีกครั้งครับ ...วิญญานจะออกจากเวป แล้ว สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ

เธอคนนี้ก็รักม้า... :VOV:

คะ..คะ..คะ...คุณ แอลอี  ครับ ......ทำไมภาพหญิงรักม้าถึงมาแค่ครึ่งตัวเท่านั้นละครับ....?? อิอิ...ชอบ

อารมณ์เดียวกับ  การศึกษาพระเครื่อง  เลยพี่   
โคลท์ จึงเหมือน  พระสมเด็จ   เข้มขลัง  น่าศรัทธา 
ยิ่งศึกษา ยิ่งต้องจ่ายตังค์เพิ่ม

อือม์.....     ที่เหลือต้องไปดูในเรื่อง เจมส์ จ๋อ ตอนล่าสุดนี้ครับ เกลียดพระเอกจัง อิ อิ :D~

กลับบ้านไปทําขอสอบประวัตศาตร์ได้เลย  ขอบคุณครับ

ดีใจที่ท่านเจ้าของกระทู้เข้ามาแล้ว ...กระผมหมดภารกิจเสียที ......
ยินดีเสมอ สำหรับ คนรัก 1911 และ 1991 เหมือนกัน

ครับ รีบจ่ายตังค์เพิ่มเลยครับ .......ถ้าไปเจอตัวสวยๆ ไม่ว่า 1911 , 1911 เอ1  หรือ 1991 เอ1 ไม่ใช่ว่าผมเป็นหมาหางด้วน และจะเชียร์ชาวบ้านให้เสียเงินตาม
ผมเอง ยังไม่มีซักกระบอก มีแต่ โคลท์ 80 ที่มีประวัติไม่ค่อยน่าภูมิใจนัก เป็นรุ่นผลิตห่วยที่สุด
ดังนั้น เจอตัวดีๆ แท้ๆ สภาพงาม ราคาพอสู้ได้ หาไว้เถอะครับ ประวัติศาสตร์ มันอยู่ที่กล่องกระดาษใบนี้ แหละ ของใครมีแบบสมบูรณ์  ไม่ขาดแบบนี้ ลองถ่ายภาพในครบทุกด้านซิครับ .....น่าศึกษามากขอรับ.....สำหรับคนรักโคลท์ ไม่ว่าจะออโต หรือ รีวอลเวอร์ก็ตาม

 :~) กระทู้ตั้งแต่2006