เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 21, 2006, 01:17:31 AM



หัวข้อ: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 21, 2006, 01:17:31 AM
ราชนาวีช่วยหนุ่มอีสานหนีขุมนรกตังเก

http://www.komchadluek.net/2006/12/20/n001_76140.php?news_id=76140
 
ลอยคอในทะเลกว่า 10 ชั่วโมง ทหารเรือลาดตระเวนพบช่วยได้ 2 รายส่วนเพื่อนอีกคนหายไป เผยสุดป่าเถื่อนเกือบ 4 เดือนในเรือประมงเหมือนขุมนรก ถูกซ้อมบังคับทำงานทั้งกลางวันกลางคืนไม่มีวันหยุดเงินเดือนไม่ได้รับ ไม่พอใจฆ่าทิ้งโยนทะเลเหมือนสัตว์ ตัดสินใจโดดเรือหนีตาย

เหตุการช่วยลูกเรือประมงรายนี้ ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อ เวลา 09.00 น. วันที่ 20 ธ.ค.49 พลเรือโท จำนงค์ กิตติพีรชล ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ (ผบ.กภ.1กร)และผู้อำนวยการศูนย์ประสานในการรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล เขต 1 (ศรชล.เขต 1) ได้รับรายงานจาก นาวาเอก รัษฎางค์ ธีรเนตร ผู้อำนวยการกองยุทธการ ว่า ขณะที่ เรือเอก สมศักดิ์ สีโยแก้ว ผู้บังเรือ ตรวจการณ์ หมายเลข 29 สังกัดกองเรือภาคที่ 1 ได้นำเรือออกลาดตระเวนได้พบลุกเรือประมงลอยคออยู่และสามารถช่วยชีวิตขึ้นมาได้ 2 คน

ทราบชื่อว่า นายยุ่น เหมือนรักษ์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 13 ต.โคกยาง อ.ประสาท จ.สุรินทร์ และ นายคำพันธ์ วงษ์ดวงตา อายุ 29ปี สภาพไม่ใส่เสื้อผ้า เกาะถังน้ำมันลอยคออยู่ในทะเล พิกัด แลตติจูด 12 องศา 35.8 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 100 องศา 56.9 ลิปดาตะวันออก ห่างจากเกาะจระเข้ บริเวณการท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบประมาณ 5ไมล์ทะเล 

ขณะที่ทราบจากผู้รอดชีวิตว่า ยังมีลูกเรือชาวจ.เลย โดดหนีมาด้วยกันอีก 1 คน ไม่ทราบน้ำพลัดหายไปทางทิศทางใด ต่อมา พลเรือโท จำนงค์ กิตติพีรชล ได้สั่งการให้ นาวาเอก รัษฎางค์ ธีรเนตร นำเรือตรวจการณ์ หมายเลข 219 โดยมี เรือเอก สาโรจน์ เกลี้ยงสง ผู้บังคับเรือออกไปนำผู้ที่รอดชีวิตเข้ามายังฝั่ง ส่วนเรือ ตรวจการณ์ หมายเลข 29 ให้ดำเนินการค้นหาช่วยชีวิตผู้ที่สูญหายอีก 1 คน ให้พบโดยเร็ว

ผู้ที่รอดชีวิต 2 คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพ.ต.อ.สมไทย คำวัฒน์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอสัตหีบ และให้ ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี ร้อยเวร บันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐานในการติดตามเจ้าของเรือมาทำการสอบสวนต่อไป

ลูกเรือประมงทั้ง 2 ราย เปิดเผยว่า มีนายหน้าติดต่อให้มาทำงานในเรือประมงและไปรับจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาลงเรือประมง ชื่อ "ร.โสภณ 9" ที่ท่าเรือมหาชัย จ.สมุทรสาคร สัญญาว่าให้เงินเดือน 6,500 บาท ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2549 และได้ออกเรืออวนลากเดี่ยว หรืออวนดำขนาดใหญ่จนบัดนี้ยังไม่เคยได้เข้าฝั่งไปเยี่ยมครอบครัวเกือบ 4 เดือน และไม่เคยจ่ายเงินเดือนให้

ภายในเรือมีแต่แรงงานเขมร พม่า มีพฤติกรรมโหดเหี้ยม ไม่พอใจก็ตีแทงกันทิ้งทะเล ไต๋เรือคนไทยไม่กล้าว่ากล่าวตักเตือน เพราะกลัวถูกฆ่าทิ้งทะเล ในเรือมีแต่ต่างชาติตั้งเป็นแก๊งอิทธิพล บังคับ และทำร้ายคนไทย เยี่ยงทาส 3 คนไทยจึงต้องตัดสินใจพากันโดดน้ำลงทะเลหนีเพื่อไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าถูกพวกเขมรฆ่าทิ้งทะเล ญาติไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้

ทั้งนี้ลูกเรือประมงที่ลงเรือไปหาปลาในทะเลลึกจะไม่มีโอกาสได้เข้ามายังฝั่ง เพราะมีเรือในเครือออกไปรับปลามาจากกลางทะเลเพื่อเข้ามาขายยังชายฝั่ง โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่ในเรือประมงจะถูกกดดันจากพวกแรงงานเขมร พม่า อย่างมาก บังคับให้ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนไม่มีวันหยุด ถ้าอ่อนเพลียง่วงนอนก็ถูกพวกเขมรรุมทำร้าย ซึ่งจะไม่กล้าหลับเพราะกลัวพวกนี้จะฆ่าแล้วทิ้งทะเล เรือประมงจึงไม่ผิดอะไรกับ ขุมนรกในทะเล ขณะที่โดดลงมาในทะเลพร้อมกัน 3 คน ได้วิงวอนขอให้ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ช่วยให้รอดชีวิต และโชคดีที่เรือทหารเรือผ่านมาพบได้ช่วยเอาไว้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปัจจุบันคนไทยทางภาคอีสานไม่ค่อยมีใครกล้ามาทำงานในเรือประมง เพราะในเรือมีแต่แรงงานเขมร พม่า ตั้งเป็นแก๊งอิทธิพลข่มเหงรังแกคนไทย ฆ่ากันแล้วโยนทิ้งทะเล ชาวอีสานที่มาขายแรงงานในเรือประมงหายสาบสูญไปจำนวนมาก โดยที่ญาติไม่รู้ว่าหายไปไหน เจ้าของเรือและไต๋เรือไม่กล้ากับลูกเรือเหล่านี้เพราะกลัวถูกฆ่าทิ้งในทะเล จึงจำเป็นต้องเอาใจแรงงานต่างด้าวทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของชีวิต
 
 
 
   
คือแบบว่า

จะเชื่อหรือไม่ว่าแท่นเจาะที่ผมทำงานอยู่ เมื่อปีที่แล้วเราก็ได้เคยช่วยคนขึ้นมาจากทะเล ๑ คนเหมือนกัน เป็นคนไทยมาจากนราธิวาส ตอนที่พวกผมช่วยขึ้นมานั้น มีเพียงกางเกงในตัวเดียวติดตัว มือกำกระเป๋าสตางค์แน่น ที่สำคัญลอยคออยู่ในน้ำมา ๑๒ ชั่วโมงแล้ว พอขึ้นมาถึงแท่นก็ให้หมอประจำแท่นตรวจร่างกาย หาเสื้อผ้าให้ใส่ กินน้ำกินข้าว หลังจากนั้นก็รายงานไปที่ฝั่งเพื่อที่จะดำเนินการต่อไป โดยมีผมคนเดียวที่พูดไทยได้ ก็เลยคุยกับเขาได้ความว่า ไปหางานทำที่กรุงเทพแล้วโดนหลอกมาทำงานเรือประมง สภาพความเป็นอยู่ในเรือลำบากมากมีแต่พวกต่างด้าว งานหนักมาก ไม่ได้เห็นฝั่งมาเกือบ ๔ เดือนแล้ว พอเรือลำที่เขาอยู่จะกลับฝั่งเขาก็จะถ่ายโอนคนงานไปเรือลำอื่นต่อไป ใครทำงานไม่ไหวก็จะโยนทิ้งทะเล ในที่สุดเขาตัดสินใจกระโดดออกจากเรือ หมายใจว่าจะว่ายน้ำไปยังแท่นผลิต แต่กระแสน้ำพัดเขามายังแท่นขุดเจาะ ในกระเป๋าสตางค์ของเขามีใบเหลือง บัตรทองสามสิบบาท บัตรเติมเงินมือถือ ผมเลยถามว่ามีเบอร์โทรของใครที่เมืองไทยบ้าง เขาก็ให้เบอร์โทรของพี่สาวมาผมก็เลยโทรไปโดยที่พี่สาวเขาบอกว่าได้แจ้งความไว้แล้ว เพราะไม่ติดต่อทางบ้านนานมาก พอรุ่งเช้าผมก็โทรไปหาผู้ว่าราการจังหวัดนราธิวาสเล่าให้ท่านฟังท่านก็สอบถามชื่อเพื่อที่จะตรวจสอบต่อไป พอตอนเที่ยงตำรวจกับ ตม. ของประเทศนี้ก็มาสอบสวนและนำตัวกลับไปฝั่ง หลังจากนั้นอีก สามวันก็ได้รับการติดต่อกลับมาว่าเขาได้รับการยืนยันว่าเป็นคนไทยจริงจากสถานฑูต จึงดำเนินการส่งตัวกลับเมืองไทย

ทุกคนที่ทำงานด้วยกันกับผมตกตะลึงเพราะไม่คิดว่าห่างฝั่งมาเกือบ ๒๐๐ กิโลเมตรจะมาพบคนลอยคออยู่กลางทะเล

ครับก็ช่วยบอกกล่าวเตือนกันครับสำหรับคนที่จะมาทำงานประมงกลางทะเลครับ

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: พจน์-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 21, 2006, 02:01:00 AM
น้องจงหว่างนี้ระวังพายุบ้างเนอะ. ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: boon ที่ ธันวาคม 21, 2006, 02:02:15 AM
อ่านแล้วเศร้าใจครับเรื่องแบบนี้ 30กว่าปีที่แล้วผมก็เคยไปเป็นลูกเรือประมง
ช่วงโรงเรียนปิดเทอม ได้พบชีวิตที่ลำบากไปอีกแบบ สมัยนั้น เขาว่าลูกเรือส่วนใหญ่
จะเป็นนักเลง หรือคนหนีคดี มาเป็นลูกเรือ เพราะตำรวจตามตัวไม่ได้  พอลงเรือ ก็เปลี่ยน
ชื่อเสียงเรียงนามกันหมด ชื่อจริงไม่มีใครรู้จัก  ทุกวันนี้กลายเป็นคนต่างชาติ ไม่ใช่นักเลงคนไทยเหมือนก่อน ;D


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 21, 2006, 05:06:11 AM
จังหวัดติดชายทะเลมีปัญหาแบบนี้เป็นประจำ แต่ที่ทราบมามักเป็นไต๋ไทยนี่แหละทำทารุณกรรม
กับลูกเรือ ธรรมชาติที่ไต๋ต้องสร้างพวกไว้เป็นเกราะ  เรื่องความป่าเถื่อนในเรือก็มีมากไม่พอใจฆ่าทิ้งทะเล

แต่คราวนี้มาแปลกที่พวกต่างชาติรังแกคนไทย ....... เดี๋ยวนี้อะไรๆมันสลับปรับเปลี่ยนไปหมด

เวลาเรือล่มหรือโดดน้ำหนีทำนองนี้ เสื้อผ้าต้องถอดออกให้หมด ส่วนใหญ่จะเหลือไว้เพียงกางเกงใน
แต่สักพักโดนกระแสน้ำก็จะหลุดไปเอง

น้องจงโชคดีมีโอกาสได้ทำบุญกับคนตกระกำลำบากแบบนี้ คงทำให้ตาซับถอนขนไม่ได้แล้วหละ
แต่ที่แปลกใจที่สุดก็คือ เพิ่งรู้ว่าท่านหนองหัวพรานพูดไทยได้ด้วย......อะฟิ้วววววววววส์ส์  :P :P


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 21, 2006, 08:24:07 AM
เคยได้ยินบ่อยๆเรื่องแบบนี้..คนเราทำไมถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้นะครับ


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: e-muak ที่ ธันวาคม 21, 2006, 08:40:13 AM
ขอบคุณครับ
สุดโหดมาก ผมเคยได้ฟังเรื่องแบบนี้มาบ้าง ช่วงกลับไปบ้าน
  แต่มีครั้งหนึ่งได้ยินว่าบพเรือประมงลอยกลางทะเล เข้าไปสอบถามลูกเรือทุกคนบอกว่า

     ไต๋เมาเหล้าตกทะเลตาย


   ด้วยความเคารพ


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 22, 2006, 02:16:24 PM
คือแบบว่า

เบื้องหลังว่าทำไมเขาจึงไปทำงานในเรือ

ฉากชีวิตสองตังเกที่ราบสูง โดดทะเลหนีตายเรือนรก !
 
เพราะแรงบีบคั้นชนิดใดที่เป็นสาเหตุให้สองตังเกจากที่ราบสูง ตัดสินใจกระโดดทะเลหนีไปตายเอาดาบหน้า ความทุกข์ยากทุรเข็ญเฉกเช่นละครชีวิตฉากสำคัญ คือคำตอบของพวกเขา !?!

 ชีวิตลูกเรือประมง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเล ว่ายากแค้นลำเค็ญแล้ว ชีวิตของคนที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นตังเกยิ่งแสนทุรเข็ญยิ่งกว่า

 สายวันที่ 20 ธันวาคม 2549 ร.อ.สมศักดิ์ สิโยแก้ว ผู้บังคับเรือตรวจการณ์ หมายเลข 29 กองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ นำเรือออกลาดตระเวนในน่านน้ำอ่าวไทย ท่ามกลางคลื่นลมค่อนข้างแรง จู่ๆ ก็พบเห็นสิ่งผิดปกติบนผิวน้ำ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นมนุษย์ ร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อบังคับเรือไปใกล้ๆ จึงเริ่มมั่นใจขึ้นเป็นลำดับ

 ชาย 2 คน คนหนึ่งสูงวัย ผิวกร้านแดดจนคล้ำ ร่างสูงโปร่ง แต่ก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม ไม่สวมเสื้อ อีกคนสวมเสื้อแขนยาวสีน้ำเงิน เกาะประคองแกลลอนน้ำมันขนาด 30 ลิตรแนบอก ผลุบโผล่ขึ้นลงตามระลอกคลื่น ปฏิบัติการกู้ชีวิตสองตังเกจึงเริ่มขึ้นทันที ลูกประดู่โยนห่วงชูชีพที่ติดประจำอยู่กับเรือลาดตระเวนให้ทั้งสองยึดเหนี่ยว ก่อนจะลากขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือได้เป็นผลสำเร็จในชั่วเวลาอันสั้น !!!

 เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สองตังเกพร่ำขอบคุณทหารเรือผู้เปรียบเสมือนชุบชีวิตใหม่ให้พวกเขา ทั้งสองได้รับอาหาร น้ำดื่ม และเปลื่อนเครื่องแต่งตัว จนรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยแล้ว จึงบอก ร.อ.สมศักดิ์ ว่า ยังมีเพื่อนอีกหนึ่งคนลอยคออยู่กลางทะเล แต่ไม่รู้ว่าถูกคลื่นซัดหายไปไหน ร.อ.สมศักดิ์ จึงรายงานให้ น.อ.รัษฏางค์ ธีรเนตร ผอ.กองยุทธการ ก่อนจะรายงานต่อไปยัง พล.ร.ท.จำนงค์ กิตติพีรชล ผู้บัญชาการกองเรือภาคที่ 1 กองเรือยุทธการ

 เรือตรวจการณ์ หมายเลข 219 ได้รับคำสั่งให้ไปรับตัวสองตังเกเข้าฝั่ง ส่วนเรือตรวจการณ์ หมายเลข 29 ออกปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีกหนึ่งชีวิตที่ยังไม่ทราบชะตากรรม

 และแล้วที่มาที่ไปของชีวิตทั้งสองก็ถูกเล่าให้ทหารเรือลูกประดู่ฟัง ยุน เหมือนรักษ์ มาจาก อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ส่วน คำพัน วงค์ดวงตา มาจาก อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ส่วนเพื่อนอีกคนที่สูญหายชื่ออะไรไม่ทราบ รู้แต่เพียงเป็นคนมาจาก จ.เลย ทั้งสามมีชะตากรรมร่วมกันบนเรือประมงลำหนึ่ง ที่ออกทะเลมานานกว่า 4 เดือน โดยไม่ได้กลับขึ้นฝั่ง ตรงกันข้ามชีวิตบนเรือกลับเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ

 "คม ชัด ลึก" มีโอกาสได้พูดคุยกับตังเกทั้งสอง แล้วฉากชีวิตบนเรือนรกก็พรั่งพรูออกจากปากของทั้งสอง !!!

 เดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ยุนขึ้นรถไฟสายอีสานมุ่งหน้าเข้า กทม.ตั้งใจว่าจะทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) หาเงินส่งให้ลูกๆ ที่สุรินทร์ บังเอิญได้พบกับนายหน้าจัดหางานในสถานีรถไฟหัวลำโพง แนะนำให้ไปเป็น รปภ.โรงงานแห่งหนึ่งใน อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ได้เงินเดือนเกือบหมื่นบาท เขาตัดสินใจรับข้อเสนอทันที

 ไม่นาน ยุนก็ถูกส่งไปที่บ้านหลังใหญ่ในมหาชัย แต่ไม่ได้ทำงานเป็น รปภ.อย่างที่ตั้งใจไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นเขาถูกพาไปที่ท่าเทียบเรือ ซึ่งไม่อาจรู้ได้ว่า มันคือที่ไหน ที่นั่นเขาถูกบังคับให้แกะปลาลงกระชัง

 ยุนถูกทารุณครั้งแรกก็ที่นี่เอง ครั้งใดก็ตามที่ทำงานได้ไม่ดี เพราะความไม่คุ้นชินกับงานที่ทำ จะถูกหัวหน้าคนงานชาวพม่าใช้ไม้ตีที่มือและนิ้ว เจ็บปวดอย่างทารุณ ไม่นานนักเขาก็ถูกบังคับให้ลงเรือประมงออกทะเลหาปลาในอ่าวไทย บนเรือเขาได้พบกับลูกเรือประมงหลากหลายชาติ ทั้งคนไทยและคนต่างด้าว โดยเฉพาะคนพม่าและเขมรดูจะมีสัดส่วนมากเป็นพิเศษ

 ชีวิตบนเรือเต็มไปด้วยความแออัดยัดเยียด แต่นั่นไม่สำคัญ ในเมื่อเขาและคนงานไทยอีกหลายคนถูกบังคับให้ทำงานตลอดเวลา ทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่ว่าคืนเดือนมืดหรือคืนเดือนหงาย ไม่มีวันหยุด อย่างดีก็ได้นอนพักไม่ถึง 4 ชั่วโมง ก็ต้องลุกขึ้นมาทำงานต่อ หากเถียงหรือขัดขืนจะถูกหัวหน้าคนงานทุบตี

 หรือถ้าเถียงมากๆ เข้า บทลงโทษที่ดูจะศักดิ์สิทธิ์เหนือสิ่งอื่นใดคือ การจับมัดมือ มัดเท้า และมัดปาก พร้อมกับคำขู่ที่แม้ไม่ต้องบอกทุกคนก็รู้ว่า หัวหน้าคนงานสามารถทำได้จริงๆ นั่นก็คือ การจับโยนลงทะเลทั้งๆ ที่ถูกพันธนาการ !!!

 เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์ล่วงเข้าสู่ขวบเดือน 2 เดือน 3 เดือน และ 4 เดือน ยุน กับ คำพัน และเพื่อนตังเกไทยอีกหลายชีวิต ไม่ได้กลับขึ้นฝั่งแม้แต่ครั้งเดียว อย่าว่าแต่ขึ้นฝั่งเลย แม้แต่เห็นยังไม่ได้เห็น ทุกครั้งที่ได้ของทะเลครบ หัวหน้าคนงานชาวพม่าจะเกณฑ์ลูกเรือไทยไปฝากไว้กับเรือประมงอีกลำหนึ่ง เพื่อนำของทะเลที่หาได้กลับขึ้นฝั่ง จากนั้นจึงกลับมารับเขาและเพื่อนๆ มาประจำอยู่บนเรือตามเดิม

 เงินเดือนที่นายหน้าหางานรับปากว่าจะได้เหยียบหมื่นบาท มาบัดนี้พวกเขาไม่เคยได้หยิบจับเงินแม้แต่สตางค์แดงเดียว ยามใดที่เรือลำอื่นนำของมาขาย อยากกิน หรืออยากได้อะไร หัวหน้าคนงานจะบอกให้ซื้อได้คนละ 500 บาท และต้องซื้อให้หมด แต่ก็จนใจเมื่อพวกเขาไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว   

 จากความทุกข์ยากแสนเข็ญ บวกกับความกดดันอัดอั้น ยุนถวิลหาลูกชายกับลูกสาวเป็นทวีคูณ !!!

 "ทำไมชีวิตมันรันทดอย่างนี้ ผมคิดถึงลูกมาก" ยุน รำพึงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เหมือนห้วงฝันร้าย

 นับจากวันนั้นเป็นต้นมา ยุนเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ เขามีความคิดที่จะกระโดดทะเลไปตายเอาดาบหน้าหลายครั้ง แต่ก็กลัวว่าจะหนีไม่พ้น แล้วถูกหัวหน้าคนงานชาวพม่าฆ่าตาย ด้วยไม่รู้ว่าจุดที่เรือลอยลำอยู่นั้นห่างไกลจากฝั่งเท่าไร อยู่ตรงไหน เพราะหลายครั้งมาแล้วที่มีคนต่อปากต่อคำ หัวหน้าคนงานชาวพม่าจะทำร้ายจนสลบ ก่อนจับโยนลงทะเล

 แล้วโอกาสก็มาถึงในคืนวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระหว่างที่หัวหน้าคนงานและแรงงานต่างด้าวดื่มเหล้า ยุน คำพัน และเพื่อนจาก จ.เลย ฉวยแกลลอนน้ำมันขนาด 30 ลิตร มาซ่อนไว้ เป็นจังหวะเดียวกับหัวหน้าคนงานคนเดิมเดินผ่านมา เห็นลูกเรือประมงไทยไม่ทำงาน จึงจับหนึ่งในนั้นมัดมือมัดปากไว้กับเสาเรือ ก่อนจะปลีกตัวไปหลับนอนด้วยความเมามาย เปิดโอกาสให้พวกเขาหลบหนีออกมาจากเรือนรก

 แม้จะมีตังเกไทยบนเรือหลายคน แต่ก็มีเพียง 3 คนเท่านั้นที่ตัดสินใจหนีไปตายเอาดาบหน้า ยุนบอกว่า ระหว่างที่ลอยคออยู่กลางทะเล ทั้งหนาว ทั้งหิว ตื่นขึ้นมาทีไรเห็นแต่ทะเล คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ไม่เห็นฝั่ง ผ่านไป 10 ชั่วโมง กระทั่งรุ่งเช้าขณะที่ความหวังริบหรี่ ก็เห็นเรือลาดตระเวนของกองทัพเรือผ่านมา

 ยุน กับ คำพัน บอกว่า เขาดีใจมาก เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ พยายามกระโดดลอยตัวส่งสัญญาณให้ทหารเรือเห็นได้ชัดๆ และก็เป็นผล

 ส่วนเพื่อนอีกคนอาจจะไม่โชคดีเหมือนเขาทั้งสอง !?!?

 
http://www.komchadluek.net/2006/12/scoop/p001_76595.php?news_id=76595

ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เตือนภัยสำหรับผู้ที่จะมาทำงานเรือประมงกลางทะเล
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ ธันวาคม 22, 2006, 04:36:36 PM
น่าสงสารครับ