เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

อยากซื้อปืนใว้ติดบ้านดูแลครอบครัวและเพื่อป้องกันตัว   สนใจ สมิท M15 อยู่  อยากรบกวนขอความรู้พี่ๆเพื่อนๆชาวอาวุธปืน  และท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยว่า   มีความเหมาะสมหรือไม่เพียงไร    และรายละเอียดของการพัฒนาในแต่ละรุ่นว่ามีการเปลื่ยนแปลงอย่างไรบ้าง  เพื่อประกอบการตัดสินใจ   

 :) :)....ถ้าจะซื้อปืนใหม่เสียใจด้วย..รุ่นนี้เขาเลิกผลิตแล้ว
 ;D ;D....เป็นปืนที่ดีครับมี1กระบอกเป็น15-3..รุ่นที่ของผมใช้อยู่เป็นแบบลำกล้องบางอยู่..ยิงแม่นมาก..ไอ้ที่อยู่ข้างข้างมันยังสู้ไม่ได้เลย..รุ่นที่ผลิตในตอนหลังจะเป็นแบบลำกล้องหนา......แต่งไกลดน้ำหนักไกหน่อย x กระจุย...(ให้นายสนามยิงทดสอบ...ผมยิงเองเป้าสะอาด ;D ;D).... :~) :~) :~) :~)

อีก 2 กระบอกชายไหมครับ

ถ้าชอบรุ่นนี้ พอดีมีเพื่อนจะขายให้ผมเมื่อปลายปี49แต่ผมไม่ได้รับไว้(งบซื้อปืนหมด) ไม่รู้ตอนนี้ขายไปรึยังเป็น M 15-4  ช่วยเชียร์ครับให้หาได้เร็วๆ :)

                         S&W
15-3 เริ่ม 1967
15-4 เริ่ม 1977
15-5 เริ่ม 1982 (เป็นรุ่นแรกที่เลิกใช้สลักช่วยยึดลำกล้องกับโครง)
15-6 เริ่ม 1988

รู้แค่นี้ครับ แต่ถ้าอยากรู้ที่มาของเอ็ม 15 ก็พอรู้อยู่ครับ

ปืนดี พิมพ์นิยม แม่นด้วย การใช้งานครอบจักรวาล ยิงได้ทั้งชายหญิงและทุกคนในครอบครัว  รับรองไม่ผิดหวังครับ ผมมี m -15-5  1 ตัว พ่อให้มา
                                          ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 
                      ขออำนาจ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายในสากลโลก
                         จงดลบันดาลแก่ ทุกๆท่านและครอบครัว
 ประสบแต่ความสุขเกษมสำราญ และสัมฤทธิ์ผลในสิ่งอันพึงปรารถนา
                                             ทุกประการ เทอญ

เก็บไว้ให้ลูกครับ.....แต่ยังหาแม่ของลูกไม่ได้เลย

ต้นกำเนิด มาจากรุ่น โมเดล 10 และโมเดล 10 มีทีมาพร้อมๆกะการออกแบบ กระสุน .38 สเปเชียล เมื่อประมาณ ร้อยกว่าปีก่อน

ลองคิดดูนะครับ ปืนที่มีการผลิตต่อเนื่องมายาวนาน เคยเป็นขวัญใจตำรวจทั่วโลก คุณภาพของมัน จะดีเพียงใด


เอาขนาดนั้นคงตอบกันไม่ไหวครับ มันผลิตกันมานาน ผลิตกันมาเยอะ รายละเอียดคงต้องเขียนเป็นตำราได้ฉบับหนึ่งทีเดียว

แรกเริมเดิมที คือ โมเดล 10 แล้วมาใส่ศูนย์ ปรับได้ เปลี่ยนศูนย์หน้าแบบยิงเป้า  หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สมิธถึง กำหนดให้เป็น โมเดล 15

ถ้าจะเอาปืนใหม่ ไม่แน่ใจว่ายังมีผลิตอยู่ไหม เพราะ สมิธ ได้มีแนวโน้มจะหยุดสายการผลิตปืน เหล็กดำ คงมีแต่รุ่นสแตนเลส (ตัวเดียวกัน ต่างที่วัสดุ) โมเดล 67 แทน

ต้นตระกูลปืน .38 S&W Special ออกมาพร้อมกับกระสุนคือ Hand Ejector Military & Police ปี 1899
ปรับแบบในปี 1902, 1905, 1909  ผลิตต่อมาจนถึง 1942 (สงครามโลกครั้งที่สอง) เริ่มใหม่ในปี 1947 และเริ่มใช้ชื่อรหัส Model 10 ในปี 1957

K-38 Combart Masterpiece เริ่มผลิตปี 1949  และเริ่มใช้ชื่อ Model 15 ในปี 1957
15-1 (1959) กลับเกลียวก้านคัดปลอก
15-2 (1961) เลิกทำสกรูปรับสปริงตีนผี,   1964 เพิ่มรุ่นลำกล้อง 2 นิ้ว
15-3 (1967) เปลี่ยนศูนย์หลัง, เปลี่ยนแบบด้าม
15-4 (1977) ย้าย Gas ring
15-5 (1982) เลิกใส่สลักคุมลำกล้อง,  1986 เพิ่มรุ่นลำกล้อง 6" และ 8 3/8"
15-6 (1988) เปลี่ยนสกรูคุมบานพับ
15-7 (1994) ด้ามยาง  เปลี่ยนศูนย์หลัง  แป้นคัดปลอก
15-8 (1998) เปลี่ยนแบบโครง  เริ่มใช้ชิ้นส่วน MIM

1999 เลิกผลิต M.15
 

S&W M15 Combat Masterpiece ..........ในขนาดลำกล้อง 4 นิ้ว ได้รับการยกย่องว่าเป็นปืนลูกโม่ ขนาด .38 ที่ดีที่สุดในโลก รุ่นหนึ่ง...............

ในปี ค.ศ. 1899 สมิธ แอนด์ เวสสัน นำปืน โมเดล 10 มิลลิทารี แอนด์โพลีช ขนาด .38 สเปฯหรือที่เรียกกันสั้งๆว่าเอ็ม 10 เอ็ม&พี ที่มักเรียกสั้งๆว่า เอ็มพี มีความยาว 4 นี้ว เพื่อให้เป็นสำหรับประจำการในกองทัพและหน่วยงานของของเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐฯ จากปี ค.ศ. 1899 จนถึงปี ค.ศ. 1942 มีจำนวนการผลิตกว่า 700,000 กระบอกและยังคงได้รับการผลิตอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
   จากเอ็ม 10 เอ็มพีก็ได้รับการนำเอามาพัฒนาเป็นรุ่นต่างๆอีกหลายรุ่น ด้วยความยอดเยี่ยมในด้านต่างจึงได้ผลิตในขนาดความยาวลำกล้อง 6 นิ้วออกมา พร้อมกับติดตั้งศูนย์แบบปรับได้ 4 ทิศทาง เพิ่อให้เป็นปืนสำหรับยิงเป้า เรียกปืนรุ่นนี้ว่า เค 38 มาสเตอร์พีช ผลิตออกมาครั้งแรกในปี ค.ศ. 1946 ในปี ค.ศ. 1961 ได้ผลิต เค 38 มาสเตอร์พีช ที่ใช้ระบบลั่นไกแบบชิงเกิ้ลออกมาอีกด้วยซึ้งในช่วงจากปี ค.ศ. 1946 จนถึงปี ค.ศ. 1957 สมธฯยังไม่ได้นำเอาตัวเลขมาใช้เป็นรหัสโมเดล เค 38 มาสเตอร์พีช เป็นปืที่มีความแม่นยำสูงมากและได้รับความนิยมในการแข่งขันตลอดมา ปัจจุบันก็ยังคงอยู่ในสายการผลิตแต่มีการพัฒนาให้มีฝักเก็บคันคัดปลอกกระสุนยาวเสมอปลายลำกล้อง เอทำหน้าที่เป็นเวทถ่วงลำกล้องไปในตัว แต่ไม่เรียกว่า เค 38 มาสเตอร์พีช  แต่เรียกว่า เอ็ม 14
ซึ่งหลังจากปี ค.ศ. 1957 เป็นต้นมาสมิธฯได้เปลี่ยนรหัสโมเดลของปืนแต่ละรุ่นเป็นตัวเลข โดยปืนในโครง เค ได้ทำการประทับ
ไว้ที่โครงปืนบริเวณบานพับโม่
   จากความสำเร็จของ เค 38 มาสเตอร์พีช ที่ยอดเยี่ยมในสมรรถนะและความแม่นยำเป็นเลิศ อันเป็นผลมาจากการพัฒนาขึ้งมาเพื่อการยิงเป้าโดยตรง จึงไม่เหมาะกับการนำมาใช้ต่อสู้ป้องกันตัว แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฏหมายจำนวนการที่ต้องการ
เค 38 มาสเตอร์พีช ในแบบลำกล้อง 4 นิ้ว เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งให้ความกะทัดรัดคล่องตัวกว่าลำกล้องมาตรฐานของ
เค 38 ซึ่งมีลำกล้อง 6นิ้วเพียงขนาดเดีย
   ในปี ค.ศ. 1949 บริษัทสมิธ แอนด์ เวสสันจึงได้ผลิต เค 38 มาสเตอร์พีช ออกมาในขนาดลำกล้อง 4 นิ้วและเรียกปืนรุ่นี้ว่า
เค 38 คอมแบ็ท มาสเตอร์พีช มีการผลิตในขนาดลำกล้อง 2 นิ้ว ออกมาด้วยเช่นเดียวในปี ค.ศ. 1962 แต่เรียกว่า เอ็ม 56 โดยมีรหัสอย่างเป็นทางการว่า เคเอ็กที 38 ยูเอสเอเอฟ ( KXT 38 USAF ) คำว่า ยู เอส เอ เอฟ เป็นตัวย่อของ ยู เอส แอร์ ฟอร์ซ ( U.S. Air Force ) มีจำนวนการผลิตออกมา 15,205 กระบอก ยุติสายการผลิตลงในไป ค.ศ. 1964 โดยประทับตัวอักษร US บนสันด้ามด้านหลังเป็นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อป้อนให้แก่กองทัพอากาศสหรัฐฯ ปัจจุบันหาได้ยากไปแล้วเป็นปืนที่แสวงหาของนักสะสม สภาพสมบูรณ์ราคาสูงถึง 2,500 เหรียญสหรัฐฯเลยที่เดียว
   หลังจากปี ค.ศ. 1957 สมิธฯก็เปลี่ยนการเรียกชื่อโมเดลจาก เค 38 คอมแบ็ท มาสเตอร์พีช มาเป็น เอ็ม 15 คอมแบ็ท มาสเตอร์ชีพ ค.ศ. 1972 ได้มีการผลิตออกมาด้วยสเตนเลสทั้งกระบอกเรียกรุ่นนี้ว่า เอ็ม 67 ซึ่งยังคงอยู่ในสายการผลิตมาจนถึงปัจจุบันครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลและความรู้ใหม่ๆ    ที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้นครับ   

ข้อมูลดีๆทั้งนั้นครับ

ถ้าคิดว่าจะหาปืนไว้เฝ้าบ้าน แม่บ้านสามารถใช้ร่วมได้
เด็กๆก็หัดได้ง่าย  ยิงก็แม่น  ราคาไม่แพง
เป็นคำตอบสุดท้ายครับ

แล้วลำกล้องแบบหนาเริ่มทำเมื่อไหร่ครับ

เดือนก่อน เจอM15 - 3 ของคุณตา ลำกล้อง4นิ้ว

สภาพ ผ่านมา3สงคราม ไม่รู้ทำผิวมากี่รอบ รอยขัดเต็มเลย - -"

ไกขัดๆ ยังไงก็ไม่รู้ครับ M19 ดูเฉียบกว่า ไม่รู้มันเสียตรงไหนรึปล่าว
แต่ถ้ายิงซิงเกิ้ล ใช้ได้เลย