เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => สนทนาภาษาปืน => ข้อความที่เริ่มโดย: paty ที่ มกราคม 18, 2007, 08:13:12 AM



หัวข้อ: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: paty ที่ มกราคม 18, 2007, 08:13:12 AM
 ขอถวายบังคมด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่สมเด็จพระนเศวรมหาราช ทรงเสียสละแลกพระชนม์ชีพกับพระมหาอุปราชา ด้วยการดวลเดี่ยวกันบนหลังช้าง เจ้าพระยาไชยานุภาพ และทรงมีชัย ทำให้พม่าต้องยกทัพกลับ และไทย ก็เป็น "ไท" อีกครั้ง และขอกราบบังคมทูลทรงทราบด้วยว่า ปัจจุบันมีคนไทยบางคนกำลังชักศึกเข้าบ้าน ขายชาติ ขายแผ่นดินที่พระองค์ทรงแลกมาด้วยชีวิต ขอบารมีของพระองค์ปกปักรักษาชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยด้วยเกล้าฯ พระพุทธเจ้าข้า.....


หัวข้อ: Re: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Kimber ที่ มกราคม 18, 2007, 08:38:44 AM
วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึก ในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย ตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 (บางตำราว่า ปี พ.ศ. 2136)

เดิมนั้นกระทรวงกลาโหมได้กำหนดให้วันที่ 8 เมษายนของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย ต่อมาในปี พ.ศ. 2523 ได้เปลี่ยนโดยให้ถือเอาวันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทย ตามมติของคณะรัฐมนตรีในสมัยนั้น ภายหลังได้มีนักประวัติศาสตร์หลายท่านได้ตรวจสอบ และพบว่าวันที่ทรงกระทำยุทธหัตถีนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม แต่น่าจะตรงกับวันที่ 18 มกราคม ปีดังกล่าว ทางราชการยังคงถือเอาวันที่ 25 มกราคม เป็นวันกองทัพไทยต่อไป จนกระทั่งวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2549 คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ให้เปลี่ยนแปลงกำหนดวันกองทัพไทยจากวันที่ 25 มกราคม ของทุกปีเป็นวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี และอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการของกระทรวงกลาโหมตามหลักการเดิม


... ขอถวายบังคมด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ครับ


หัวข้อ: Re: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: Kimber ที่ มกราคม 18, 2007, 08:53:34 AM
สงครามยุทธหัตถี
       เมื่อกรุงหงสาวดีของพม่าเปลี่ยนแผ่นดินใหม่ พระเจ้าบุเรงนองสิ้นพระชนม์ พระเจ้านันทบุเรงขึ้นเป็นกษัตริย์สืบต่อมา ทางพม่าได้แจ้งข่าวการเปลี่ยนรัชกาลไปยังประเทศราช โดยให้ผู้ปกครองประเทศราชไปเฝ้าตามราชประเพณี ในครั้งนั้นสมเด็จพระมหาธรรมราชาได้โปรดให้พระนเรศวร ราชโอรสเสด็จขึ้นไปแทนพระองค์ เสด็จถึงเมืองแครง บังเอิญทรงทราบถึงแผนการของพม่าซึ่งคิดประทุษร้ายต่อพระองค์จากบุคคลสำคัญทางมอญที่สนิทสนมได้ลอบมาทูลก่อนที่จะถึงเมืองพม่า ด้วยเหตุนี้พระนเรศวรจึงทรงถือโอกาสประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแครง ในปี พ.ศ. 2127 แยกราชอาณาจักรศรีอยุธยาออกเป็นอิสรภาพจากพม่า แล้วจึงยกทัพข้ามแม่น้ำสะโตงไปจนใกล้จะถึงเมืองหงสาวดี ได้ทราบข่าวว่า พระเจ้าหงสาวดีได้รบพุ่งมีชัยชนะได้เมืองอังวะแล้ว จวนใกล้จะยกทัพกลับคืนพระนคร
       พระนเรศวรทรงเห็นว่าการจะตีเมืองหงสาวดีในครั้งนี้คงยังไม่ได้ จึงให้กองทัพแยกย้ายกัยไปบอกครัวไทยที่พม่ากวาดต้อนเอาไปเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาให้อพยพกลับ ได้ครอบครัวกลับมาตุภูมิเดิมถึง 10,000 เศษ ฝ่ายพระมหาอุปราชได้ทราบข่าว จึงยกมาเป็นทัพหลวงยกติดตามพระนเรศวรมา โดยให้สุรกรรมาเป็นกองทัพหน้า ครั้นกองหน้ามาถึงแม่น้ำสะโตง เมื่อพระนเรศวรยกทัพมาข้ามฟากมาได้แล้ว จึงยิงต่อสู้กันอยู่ที่ริมแม่น้ำ พระนเรศวรทรงยิงพระแสงปืนกระบอกหนึ่งยาว 9 คืบ ถูกสุรกรรมานายทัพหน้าของข้าศึกตายอยู่กับคอช้าง พวกรี้พลเห็น นายทัพตายก็ครั่นคร้ามเลิกทัพกลับไป พระแสงปืนที่พระนเรศวรยิงถูกสุรกรรมาตายนั้น ได้มีนามปรากฏว่า "พระแสงปืนต้นข้ามแม่น้ำสะโตง" นับเป็นพระแสงอัษฎาวุธอันเป็นเครื่องราชูปโภคสำหรับแผ่นดินสืบมาตราบจนกาลปัจจุบันนี้
       ครั้นถึงเดือนพฤศจิกายน วันอาทิตย์ ขึ้น 9 ค่ำ พ.ศ. 2129 พระเจ้านันทบุเรงได้เสด็จยาตราทัพออกจากกรุงหงสาวดี เพื่อยกมาตีกรุงศรีอยุธยา เมื่อพระนเรศวรทรงทราบว่าพม่ายกมาครั้งนี้เป็นทัพใหญ่ จึงให้รวบรวมเสบียงอาหารและไพร่พลจากหัวเมืองเข้าพระนคร แม้กองทัพใหญ่ฝ่ายพม่าจะโจมตีพระนครเป็นหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ จึงตั้งล้อมกรุงไว้เป็นเวลา 4 เดือน เมื่อเห็นว่าไม่สามารถเอาชนะไทยได้ จึงยกทัพกลับในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2130 วันจันทร์ เดือนยี่ แรมสองค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. 2135 สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถทรงจัดเตรียมกองทัพตีพม่าที่ยกมาใหม่แตกหนี ขณะนั้นเองช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวร ชื่อ เจ้าพระยาไชยานุภาพ กับช้างของสมเด็จพระเอกาทศรถชื่อพระยาปราบไตรจักร เป็นช้างตกมัน ได้ไล่ตามข้าศึกไปทำให้กองทหารไทยไล่ตามไม่ทัน มีแต่จัตุรงคบาทและพวกทหารรักษาพระองค์เท่านั้นที่ติดตามไปทัน เมื่อพระนเรศวรทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชทรงพระคชธารอยู่ในร่มไม้กับเหล่าท้าวพระยา จึงทราบว่าได้ถลำเข้ามาจนถึงกลางกองทัพปัจจามิตรแล้ว แต่พระองค์ทรงมีสติมั่นไม่หวั่นไหว จึงไสช้างเข้าไปใกล้แล้วตรัสไปโดยฐานคุ้นเคยกันมาก่อนทั้งในวัยยเยาว์และวัยเติบใหญ่ว่า "เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในร่มไม้ทำไม ขอเชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกันให้เป็นเกียรติยศเถิด กษัตริย์ภายหน้าที่จะชนช้างอย่างเราไม่มีอีกแล้ว"
       ด้วยความมีขัตติยมานะ พระมหาอุปราชาจึงไสช้าง พลายพัธกอ ออกมาชนกับเจ้าพระยาไชยานุภาพซึ่งกำลังตกมัน เมื่อเห็นข้าศึกตรงออกมาท้าทายก็โถมแทงทันทีไม่ยับยั้งเลยเสียที พลายพัธกอได้ล่างแบนรุนเอาเจ้าพระยาไชยานุภาพเบนจะขวงาตัว พระมหาอุปราชาได้ทีฟันด้วยพระแสงของ้าว แต่สมเด็จพระนเรศวรเบี่ยงพระองค์หลบทัน ถูกแต่พระมาลาหนังขาคลิไป พอดีกับเจ้าพระยาไชยานุภาพสะบัดหลุดแล้วกลับได้ล่างแบกรุนพลายพัธกอหันเบนไปบ้าง สมเด็จพระนเรศวรก็จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าวถูกพระมหาอุปราชาที่อังสะขวา(ไหล่ขวา)ขาด ซบสิ้นพระชนม์อยู่กับคอช้างศึก ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถได้ชนช้างกับเจ้าเมืองจาปาโรและฟันเจ้าเมืองจาปาโรคอขาดตายคาคอช้างเช่นกัน ซึ่งฝ่ายกรุงหงสาวดีก็เลิกทัพกลับไป


หัวข้อ: Re: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: ณัฐพนธ์ ที่ มกราคม 18, 2007, 09:33:46 AM
 ;D ;Dเลยเป็นวันแรกที่"นเรศร"เข้าฉาย........เกี่ยวป่าว....... ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: MadFroG ที่ มกราคม 18, 2007, 10:06:00 PM
;D ;Dเลยเป็นวันแรกที่"นเรศร"เข้าฉาย........เกี่ยวป่าว....... ;D ;D ;D
เกี่ยวจริงๆครับพี่ เขาตั้งใจเลยแหละครับ


หัวข้อ: Re: วันกองทัพไทย
เริ่มหัวข้อโดย: redchicken ที่ มกราคม 18, 2007, 10:31:06 PM
ใคร  มี ข้อ มูล การจัดอันดับกองทัพ ในอาเซี่ยน มั้งครับ  ไทยอันดับที่เท่าไร   ได้ยินแว่ว ว่าสู้ พม่าไม่ได้แล้วจริงป่าว ครับ  (ดูจากวันที่ 19 กันยายน เอารถถังแปลกๆๆมาวิ่ง ท่าทางเก่ามากๆๆ ครับ)   รบกวนหน่อยครับ