เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

 
เริ่มปรับค่าธรรมเนียมใช้สนามบิน วันนี้


 

 
 

นายโชติศักดิ์ อาสภวิริยะ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป ทอท.จะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมใช้สนามบิน โดยกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและต่างประเทศ เดิมเที่ยวบินภายในประเทศจาก 50 บาท เป็น 100 บาท และเที่ยวบินระหว่างประเทศจาก 500 บาท เป็น 700 บาท ซึ่งการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมจะทำให้ ทอท.มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท ในปีนี้ โดยค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะจัดเก็บรวมไว้ในบัตรโดยสารเครื่องบิน ซึ่งผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวกมากขึ้นด้วย
         
อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 เมษายน  เป็นต้นไป ทอท.จะปรับขึ้นค่าธรรมเนียมในส่วนของค่าธรรมเนียมลงจอด หรือ แลนด์ดิ้ง อีกร้อยละ 15 ซึ่งจะทำให้  ทอท.มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณปีละ 450 ล้านบาท โดย**** ทอท. จะจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมเป็นงบประมาณสำหรับซ่อมแซมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ยังเสียหายอยู่หลายจุด ****
 
 
 
 
 

มีสัญญารับประกันอยู่  ผู้รับเหมาต้องมาจัดการน่าจะเอาจากบริษัทรับประกัน แต่ถ้าสาเหตุเกิดจากธรรมชาติ ไม่มีการรับประกัน   แต่คนถึงคราวจะกินก็ต้องกิน โอกาสมาถึงแล้วอำนาจอยู่ในมือ เอาคนไม่รู้เรื่องไม่มีความสามารถมาเป็นบอร์ด บังคับให้เค้ายอมรับคนๆนั้น  ก็ประมาณนี้แหละครับ

ไม่ทราบว่าการที่ ทอท. จะขึ้นค่าธรรมเนียมนั้น ได้ผ่านมติความเห็นชอบจากคณะกรรมการการบินพลเรือนแล้วรึยัง ช่วยกันตรวจสอบหน่อย เพราะโดยทั่วไปคณะกรรมการการบินพลเรือนจะมีการประชุมกันทุกๆสามเดือน และจะต้องบรรจุวะระการประชุมล่วงหน้าด้วย

การขึ้นเงินอีก200บ.เหมือนกับว่าจะหาเงินมาซ่อมสนามบินอย่างงั้นแหล่ะ :~)

ผู้โดยสารรับกรรมอีกเช่นเคย 

คนไทยทั้งชาติขายขี้หน้าเขาอีกเรื่องแหละ :~) :~)

เป็นอดีตไปแล้วครับ เปิดตูดยื่นใบลาออกไปแล้ววันนี้

ปกติงานรับเหมากับรัฐจะต้องมีการค้ำประกันผลงาน 5 % เป็นเวลา 2 ปี.....

แต่ในกรณีนี้ต้องดูรายละเอียดในสัญญาจ้างอีกทีครับ

รอผู้รู้มาตอบอีกทีครับ

คนโกงมันก็คงไม่กล้าฟ้อง เพราะฟ้องไปก็พวกกันเอง เดี๋ยวเข้าตัว
ฟ้องไป ก็อ้างธรมชาติ ไม่กล้าสรุปว่าโกงดิน โกงหิน โกงปูน หรอกครับ

โทษฟ้า โทษดิน.....ฟ้าดิน ลงโทษ

อื่ม.....ความซวยมักอยู่กับคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย

http://hilight.kapook.com/imghilight1/123_200_1.jpg(http://)
“จากการตรวจสอบความเสียหายของผิวแท็กซี่เวย์และรันเวย์ พบว่ายังเกิดขึ้นต่อเนื่องและลุกลามไปทั่ว แสดงให้เห็นว่า พื้นที่โครงสร้างด้านล่างผิวแท็กซี่เวย์เสียหายหมด เพราะเมื่อมีอากาศยานวิ่งผ่านไปยังจุดใดก็จะเกิดรอยร่องล้อ จึงต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน”

น่าจะยึดทรัพย์พวกโกงมาซ่อม แทนที่จะมารีดกับประชาชน

อายเขาไหมละ

เรื่องปรับค่าธรรมเนียมนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถใช้งานของสนามบินสุวรรณ...ครับ
เรื่องนี้มีระบุรายละเอียดในข้อมูลประจำปี ของ AOT  กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าเป็นปีๆแล้วครับ
แต่  ตอนนี้ที่สนามบินมีปัญหานี่สิครับ   ขึ้นค่าธรรมเนียมไป  แต่ถ้าไม่มีใครกล้ามาลงจอดก็ไม่รู้จะเก็บเงินจากใคร
ส่วนการประกันผลงาน  ฟังข่าวแล้ว  ได้ความว่า
1.  รับประกัน 1 ปี
1.1 รายการเล้กๆน้อยๆ ผุ้รับเหมารับผิดชอบ
1.2 รายการใหญ่ๆ AOT   รับผิดชอบเอง
ถ้าต้องซ่อมใช้สัก 5 หมื่นล้าน  หารหัวคนไทยตกหัวละ ไม่ถึงพันบาท   สบม คนรวยขี้โกงก็คิดอย่างงี้แหละครับ   

(http://img409.imageshack.us/img409/7636/299176rx3.jpg) (http://imageshack.us)

อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ

นี่ไงครับ การให้บริการที่เป็นการผูกขาด ไม่มีการแข่งขัน พอแปรรูปจากรัฐวิสาหกิจไปเป็นเอกชนจึงเป็นเช่นนี้แล ...... คิดดูว่าถ้าการไฟฟ้าเป็นแบบนี้บ้าง ค่าไฟจะเป็นเช่นไร คิดแล้วเสียวววววววววววว .............

"Integrity is the most valuable and respected quality of leadership.

Always keep your word."

Jim Rohn

ทำไมไม่มีใครว่าบริษัทรับเหมาโกงล่ะ พยายามจะโยงเข้าหาแต่ทักษิณ หรือหักษิณเป็นผู้รับเหมา เป็นวิศวกรเอง อย่ามั่วสิครับท่านผู้เจริญ คุณเกลียดเขาแต่ผมรักเขา  ใหนว่าจะพยายามสมานฉันท์ และพัฒนาบ้านเมืองไง  ทำไมมีแต่เรื่องขุดคุ้ยกันไปกันมา บ้านเมืองกำลังล่มจมช่วยชาวบ้านหน่อย  โจรไต้ฮึกเหิม ช่วยชาวบ้านหน่อย หรือว่า เหตุการรุนแรงขนาดนี้ ไม่เป็นไร ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ผมอยากให้อ่านเวป.นี้ดูสักหน่อย   
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000012975

รัก และ เกลียด ทำให้เกิด อคติ ได้ทั้งคู่

คนเสียผลประโยชน์ก็เกลียด คนได้ผลประโยชน์ก็รักเป็นธรรมดา

แต่ถ้าใจเป็นกลาง เอาเหตุผลมาจับ ว่าที่ดี ดีจริงหรือไม่ ไอ้ที่เลว เลวจริงไหม

"ก็น่าจะแยกแยะได้ ว่าวันนี้ประเทศชาติฉิบหายไปเท่าไรแล้ว"

แล้วก็จะมีคนจับประเด็นมาพูดต่อว่า ไอ้ที่วงเล็บไว้นั้น มันเป็นเพราะฝ่ายตรงข้าม..........

ธรรมดามนุษย์ครับ ไม่ได้ตัดสินเหตุจากผล หรือจากผลนั้นสืบมาแต่เหตุ
ก็แค่เอาเหตุและผลมาประกอบความเชื่อของตนเท่านั้น

สุดท้ายก็ว่าตามพระท่าน ใครรู้ ใครตื่น ใครเบิกบาน ก็จะเข้าใจได้ก่อน

........ ;D ;D..แต่ผมว่าก็ยังมีคนที่ยังคิดไม่ได้ ( ผมไม่อยากเรียกว่าโง่ ) ยังรัก เทิดทูนและรอคอยให้มันกลับมา  โกงกิน และขายชาติอีก ...  :P :P :P

ถึงว่าทำไม่พวกนี้ถึงชอบแต่ความรุนแรง  ;Dแต่จะเป็นเพศไหนแน่ จะเป็น หญิงหรือชายจ๊ะ ;D

       Time :  The new government has been responsible for controversial policies—the capital controls in December, and the proposed changes to the Foreign Business Act that could limit overseas ownership of companies in Thailand. What do you think of such moves?

       TS : No one can adopt protectionism anymore. Thailand has to be ready for globalization—you cannot turn your back on it. Anything that reverses what is already very open will cause confusion and uncertainty. This is when investors pull out.



      ไทม์ - รัฐบาลใหม่ได้ออกนโยบายควบคุมการลงทุนเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ด้านการทำธุรกิจของต่างประเทศที่เข้าไปจำกัดการถือครองกรรมสิทธิ์ของบริษัทต่างชาติในประเทศ คุณคิดอย่างไรกับความเคลื่อนไหวเช่นนี้

       ทักษิณ - ไม่มีใครยอมรับลัทธิตั้งภาษีคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศได้อีกแล้ว ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือกับกระแสโลกาภิวัตน์ คุณไม่สามารถกลับหลังหันได้อีกต่อไป เพราะอะไรก็ตามที่เคยเปิดมาแล้ว หากมีอันต้องกลับหลังหัน มันจะสร้างความสับสนและความไม่แน่นอน และนี่ก็จะทำให้นักลงทุนถอนตัวหมด
       
 
       Time:  You did more than just express strong words. You slapped lawsuits on newspapers that printed things you didn't like.

       TS :  That was the only way I could seek justice. But I never intervened in their activities or closed them down.

 
       ไทม์ - คุณวิพากษ์วิจารณ์คณะทหารว่าปิดกั้นสื่อ แต่คุณเองก็เคยถูกกล่าวหาว่าทำสิ่งเดียวกันในระหว่างที่คุณอยู่ในตำแหน่ง
       
       ทักษิณ - หนังสือพิมพ์ลงข่าวเกี่ยวกับตัวผมอย่างไม่มีหลักฐาน หนังสือพิมพ์ควรจะลงความจริงทั้งหมด เพราะนี่อาจจะทำให้ชื่อเสียงของคนอื่นเสียหาย ดังนั้น ผมจึงต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์ บางครั้งผมอาจจะใช้คำแรงไป


เป็นคนไทยหรือเปล่าเนี่ย...............อเมริกา จีน ญี่ปุ่น อียู ก็มีกฎหมายป้องกันการทุ่มตลาด มีการจำกัดสิทธิของบริษัทต่างชาติ  มีการกีดกันทางการค้า มีการตั้งพิกัดอัตราภาษีเพื่อปกป้องประเทศตนเองทั้งนั้น................

อยากอ่านของจริง ตามไปที่นี่ครับ   http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,1584101,00.html

จากที่ได้สดับฟัง  พี่น้องหลายท่านเอ่ยวจีมา  ผมว่าเราต้องปรับบางสิ่งบางอย่างให้ตรงกันก่อน  จึงจะสามารถเห็นความแตกต่างทางความคิด  อันหลากหลายได้
ก่อนอื่นผมสนใจความเห็นของท่านทัดมาลา
อเมริกาคือประเทศที่อุดมไปด้วยปราชญ์ว่าด้วยเรื่องทุนนิยม  โลกเสรี  ไร้พรหมแดน   แต่ในทางปฏิบัติ  กลับพยายามควบคุม  โลกทั้งใบ  ไม่ให้เป็นไปอย่างเสรี   และอีกตัวอย่างเพิ่มเติมก็คือ   กรณีที่จีนสนใจซื้อ   บริษัทน้ำมันของสหรัฐ  เมื่อ1-2 ปีก่อน  ผลคือรัฐบาลสหรัฐไม่ยอม  เพราะเกี่ยวพันกับความมั่นคง
คำพูดในทำนองที่ว่า  เราถอยหลังไม่ได้แล้ว  ต้องตามกระแสโลก(ตามน้ำ...ผู้เขียน)  มีที่ไหนในยุทธศาสตร์การต่อสู้   กองทัพที่ถอยหลังไม่เป็นสุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้
ใช่ครับ  การเปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศแต่ละเรื่อง มีคนได้  มีคนเสีย  ย่อมแตกต่างกันเป็นธรรมดา   
โลกาภิวัฒน์ดีสำหรับเจ้าของกิจการสมัยใหม่  เช่นธุรกิจในตลาดหุ้น  การที่เจ้าของกิจการออกมาพูดแบบนี้ก็ถูกต้องของเขาโดยไม่มีข้อโตแย้งจากใจเขาเอง   
...แต่ไม่ดีสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกษตรกร   เมื่อหลายสิบ หลายร้อยปีก่อน
คนไทยทั่วไปเป็นข้าแผ่นดิน  เสียภาษี  ผู้ชายเป็นทหาร  แต่ส่วนดีคือ  สามารถมีที่ดินเป็นของตัวเองได้ง่าย  อย่างสมัยก่อนคุณตาของผมมีทีดินเป็นร้อยไร่  ใช้มีดพร้าชี้เอา  ปลูกต้นมะพร้าว ปลูกเงาะ เป็นแนวเขตไว้ แล้วออกแรง  ออกเหงื่อ ถางป่าปลูกพืชผลทำมาหากิน  ใช่  ป่าเถื่อน ใช้แรงงาน  โลว์เทคโนยี  แต่มีศักดิ์ศรีเยี่ยงเจ้าของที่ดิน
ปัจจุบัน  เราก็ยังเสียภาษี  เกณฑ์ทหาร  และยังต้องเป็นขี้ข้าต่างชาติด้วย(พูดไปก็เหมือนด่าตัวเองอีก)  คนไทยขายที่ดิน  แล้วย้ายเข้าไปผ่อนบ้าน  ผ่อนรถ  แม้แต่ลูกคนไทยเชื่อสายจีนหลายคน  ยังเที่ยวบ้าไปเป็นลูกจ้างบริษัทต่างชาติ  แทนที่จะช่วยพ่อ แม่ ขยายสาขาขยายร้าน   ผมเสียดายแทน(แต่บางทีเขาอาจจะต้องการค้นพบตัวเอง)
เรื่องที่ดินผมกังวลแทน(จะว่าเสือกผมก็ไม่โกรธ )  เวลาเราขายที่ดินไป ก็ใช่ว่าถึงเวลาจะซื้อคืนแล้วเขาจะขายให้เราเสมอไป   ราคาที่ดินเฉลี่ยในเมืองไทยทั้งประเทศ  ไร่ละเท่าไหร่  * จำนวนไร่  เท่ากับทั้งหมดเท่าไหร่   อเมริกามันพิมพ์ธนบัตร(ปืนค้ำประกัน) เดือนเดียวก็ซื้อประเทศไทยได้หมดแล้ว  แล้วมันก็ต้อนพวกเราไปอยู่คอนโด  ไปอยู่หอพักให้เช่า
บ้านรูหนู
----------
เข้าเรื่องดีกว่า  เวลาพูดถึงการเมือง  เราสามารถพูดความเห็นของเราได้  โดยไม่ต้องแคร์หัวใคร  แต่ขอให้เป็นทำนอง  แสดงความพึงพอใจ  หรือไม่พอใจ  อย่าตัดสินผิดถูก   เราอยู่ด้วยกัน  60-70 ล้านคน  หากจะทำอะไรที่มากกว่าแสดงความรู้สึก   เช่น  ตัดสินผิดถูก  ดี เลว เลือก ไม่เลือกสิ่งใด  ขอให้เอาจำนวนหัว มาถัวเฉลี่ยกันหน่อย
ตัวอย่างเช่น
มาตราการหม่อมอุ๋ย   30% (มรว. ปรีดิยาธร เทวกุล)  ที่ออกมาก่อนหน้านี้   คนไทยได้ประโยชน์กี่หัว(ไม่ใช่กี่บาท)  เสียหายกี่หัว(ไม่ใช่กี่บาท)
ถ้าได้ประโยชน์ 45 ล้านหัว
ไม่ได้ไม่เสีย     10 ล้านหัว
เสียประโยชน์    15 ล้านหัว
เราก็ควร(พลีส)  เห็นด้วย  ถ้าเป็นไปในทางตรงข้ามเราก็โวยวาย
เดี๋ยวนี้เรามีความคิดที่คลุมเครือมาก  บ้าตัวเลข เก่งคณิตศาสตร์กว่าชาติใดในโลก  โอ้วช่างแตกต่างจากผลสำรวจทักษะของเด็กไทยโดยสิ้นเชิง
เรารู้จัก เรื่องการกระจายรายได้ไหม  นี้แหละตัวปัญหาล่ะครับ  เวลาจีดีพีโตเท่านั้นเท่านี้
หารจำนวนหัวของคนในชาติ  มันน่าแฮปปี้  คนไทยโดยเฉลี่ยรายได้มากขึ้น  แต่จริงๆแล้ว  มีกีคน ที่เงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นในแต่ละปี  เพราะฉะนั้นเวลา แบ้งชาติ  ก. คลัง ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ  ผมก็จะคิดต่อว่า
ซีพีน่าจะได้ไปสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์
กลุ่มชิน(สิงค์โปร์)จะได้ไปสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์
ธนาคารขนาดใหญ่(ของต่างชาติ)ได้ไปกี่เปอร์เซ้นต์
แลนด์อแนเฮาส์ได้กี่เปอร์เซ็นต์
เหลือเท่าไหร่   หารจำนวนหัวดำๆ  ออกมา  นั่นแหละความั่งคั่งของคนไทยจริงๆ
โอ เค้   ผมอาจจะเพ้อเจ้อไป   คนไทยส่วนใหญ่อาจจะชอบที่จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ก็ได้  ประชาธิปไตย  ดีกว่า   ผมไม่อยากเป็นคนแบบ  ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
สรุปว่า  การขายชาติ เป็นสิ่งถูกต้อง ดีงาม สำหรับสังคมไทย เพราะชาวบ้านคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังขายศักดิ์ศรีตัวเอง  ขายเสียง ทุกสมัยเลือกตั้ง
เพียงแต่ ผมเกลียด  ไม่ชอบ แค่นั้นเอง  โชคร้ายหน่อย  เพราะ ผมชอบใช้อารมณ์ส่วนตัวมากกว่ามันสมอง  ผมก็จะยังเป็นอย่างนี้ต่อไป   พิมพ์ซะมือหงิก เหนื่อย บาย 

 ;) ;)

เรื่องของความโกงแท้ ๆ มักมากจนไม่นึกถึงประเทศชาติ.....เดี๋ยวกรรมก็ตามทันนะครับ

การรับเหมากันเป็นหมื่น ๆ ล้าน  ถ้าไม่มีการค้ำประกัน  ถือว่าเป็นความผิด (แต่ไม่มีเงินค้ำประกันคงเป็นไปไม่ได้)

รับเหมาขุดลอกลำเหมืองกับ อบต.สอง-สามหมื่นบาท  ก็ยังมีเงินค้ำประกัน เลย
รับเหมาก่อสร้างถนน  1  สาย  ระยะทาง  100-200  เมตร  งบประมาณ  ประมาณ  200,000  บาท  ก็ยังมีเงินค้ำประกัน  5  เปอร์เซนต์ ค้ำประกันระยะเวลา  2 ปี  ถ้าครบสองปีตรวจสอบแล้วไม่มีความเสียหาย  ก็คืนเงิน  ถ้าเสียหายก็ให้ผู้รับเหมาทำการซ่อมแซม    ถ้าเรียก  3  ครั้งไม่มาซ่อมแซมก็จะนำเงินค้ำประกันมาซ่อมแซม  ถ้ามีเงินเหลือจากที่ค้ำก็คืน  ถ้าไม่พอก็ฟ้องเรียกเพิ่ม

ถ้าหากว่าสนามบินเสียหาย  ต้องตรวจสอบ  โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้(วิศวกร,สถาปนิก)
ผู้ที่ออกมาให้ข่าวว่าเสียหาย เนื่องจากการโกง  เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีข้อมูลที่วิชาการ
ผู้ถูกพาดพิงเสียหาย  ประเทศเสียหาย  ทุกปัญหามีทางแก้ปัญหาได้ (แต่อย่าสาวไส้ให้กากิน)

ขณะที่บุคคลกระทำความผิดยังไม่เรียกว่า  ผู้ต้องหา  แต่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย 

ผมอยู่บ้านนอก  ไม่เคยได้เห็นสนามบินสุวรรณภูมิ  ไม่ได้ใช้บริการ  เพราะไม่มีธุระไปกรุงเทพฯ

เลยไม่ทราบความเสียหายของสนามบินเป็นอย่างไร  เห็นแต่ภาพข่าวไม่เข้าใจ

ถ้าคิดเป็นเปอร์เซนต์  จะเสียหายเท่าไหร่ ไม่รู้ 

*****  ทำไม่ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพ  การก่อสร้าง  ที่มีความรู้ไม่ออกมาพูดชี้แจง  ให้แต่บอร์ด ที่ไม่มีความชำนาญ  มาพูด  ******

จากคนบ้านนอก  ภูธร  ไม่ใช่นครบาล