เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เช้านี้นั่งดูสารคดีเรื่องวัน ดี-เดย์
ผมสงสัยจังว่าช่วงก่อนการบุก ที่ต้องมีการรวบรวมพล ทั้งทหารเป็นแสนๆนาย  เรือรบ เรือลำเลียง เครื่องบิน หลายพันลำ รออยู่ที่ฝั่งอังกฤษ 
รออยู่หลายวันก่อนบุกข้ามช่องแคบไปที่นอร์มังดี รวมถึงพลร่มที่จะต้องกระโดดลงแนวหลังข้าศึก
กำลังมหึมาขนาดนี้  คงมีคนเกี่ยวข้องหลายแสนคน
เขาเก็บความลับกันได้อย่างไรครับ
ผมเชื่อว่าเยอรมันน่าจะมีคนของตัวฝังอยู่ทางฝั่งอังกฤษเช่นกัน
ความเคลื่อนไหวขนาดนั้น  ทำไมเยอรมันไม่รู้ตัวเลย 
เห็นสารคดีบอกว่าจอมพลรอมเมล ก็ไม่คิดว่าจะมีการยกพลขึ้นบกในช่วงที่น้ำลง  ยังเดินทางกลับแนวหลังไปฉลองวันเกิดเมียในช่วงเวลาดังกล่าวด้วยซ้ำ

ขอทหารและผู้รู้ช่วยไขข้อข้องใจด้วยครับ

..ไม่ค่อยรู้ลึกนะครับ...แต่เคยได้ยินมาว่า ทหารนาวิกโยธินที่ ลงเรือก่อนเข้าบุก รู้ล่วงหน้าแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง.....คือ มีการวางแผนล่วงหน้าแล้ว แต่ เวลายังไม่แน่นอน...เนื่องจากปัจจัย ทางทัศนวิสัย...ที่ไม่เอื้อต่อการเข้าตี  ....แต่นั่น ก็ทำให้ฝ่ายเยอรมันชะล่าใจ....กว่าจะตั้งรับได้  พวกพันธมิตร ก็เข้าไปจ่อคอหอยแล้ว.....

..แต่เท่าที่เคยศึกษาวิชาทหารมา ...การรักษาความลับทางทหาร  เท่าที่ผมสังเกตดูคือ  เขาจะให้ความลับ เฉพาะตำแหน่งหรือหน้าที่เท่านั้น คือ ใครมีหน้าที่หรืออยู่ในตำแหน่งระดับใด ก็จะรู้เฉพาะขอบเขตของตนเท่านั้น...และก็มีการบังคับบัญชา กันเป็นลำดับขั้นไป....

เยอรมันคงรู้อยู่แล้วว่าจะโดนบุก แต่ไม่รู้ว่าจะขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่  แล้วก็โดน
ปล่อยข่าวลวงว่าจะยกพลขึ้นบกอีกที่  หลอกให้เยอรมันย้ายกำลังรถถังไว้อีกที่

ความลับถ้าถูกเปิดเผยมันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
แต่ของลับถ้าถูกเปิดเผยมันก็ยังเป็นของลับตลอดไป
อิ  อิ  อิ   ขออภัยแซวกันเล่นๆนะครับ     ด้วยความเคารพ :D :D :D

เบี้ย   นะ  ไม่ทราบหรอกว่า  ขุนจะคิดยังงัย

จะเก็บรักษาความลับ   ก็อยู่ทีลำดับชั้นในการบังคับบัญชา   ตลอดจนชั้นความลับ

ตอนยกพลขึ้นบกเสียชีวิตกันมากครับ

ขอบคุณครับท่าน ที่ช่วยจัดรูป กระชับข้อความและความหมายครับ   :)

ผมชอบใจอีกอย่าง คือ ตอนที่  อยู่เวรเฝ้าฐานตอนกลางคืน เขาจะสร้างรหัส...ครับ...ถาม-ตอบ เช่น   ถาม "แม่โขง" ตอบ "โซดา"...และก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ .ถ้าฝ่ายถูกถามตอบผิด ...มีหวังโดน  "ซ่อม"..ในตอนฝึก แต่ถ้าในตอนสถานการณ์จริง คงถูกสอย..... ;D

รู้เท่าที่ตำแหน่งนั้นๆ ควรรู้................และต้องถูกเวลาด้วย

การยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี...............กำลังใหญ่ขนาดนั้น เยอรมันรู้ครับว่ามีการชุมนุมพลที่อังกฤษ..................ความสำเร็จอยู่ที่ข่าวลวง .............การข่าวเยอรมันแพ้ตั้งแต่ยกแรก............โยกย้ายกำลังไม่ทัน

ใครที่ดูหนัง เพิลฮาเบอร์ .................คงจำได้ว่า ผู้การดูลิตเติ้ล แจ้งภารกิจให้ลูกน้องทราบ ก็ต่อเมื่อออกเดินทางในทะเลแล้ว ว่าจะบอมบ์โตเกียว..............ทั้งๆที่ฝึกการบินเครื่อง B25 ขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบินมาตั้งสองเดือน..............ตอนนั้นลูกน้องถามยังไงก้ไม่บอกว่าภารกิจอะไร บอกเพียงว่าอันตราย...............

It's a secret. I can't tell you if I tell you I have to kill right away. ;D ;D ;D

อ้อ.............แก้หัวข้อกระทู้หน่อยก็ดีนะครับ........พิมพ์ผิด

มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการรักษาความลับ...ตอนสมัยที่ ผกค. เคลื่อนไหว  แถวบ้านผมยุคนั้น.....มีทหารระดับไหนผมไม่ขอบอก......ลงไปนั่งดื่ม...ที่หมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ ของ ผกค.  พอเมา.....ความลับที่เก็บไว้     ก็ ถูกสาว ที่ขายเหล้า หลอกถามจนหมด ว่า พรุ่งนี้ วันนี้ เวลานั้นจะทำอะไร  เจ้าทหารสองนายนั้นบอกหมด  พอรุ่งขึ้น  มีทหารถูกซุ่มยิง ตายเกือบหมู่ (หมู่ปืนเล็ก ๑๑ นาย).....ตั้งแต่นั้นมา ก็เป็นบทเรียนสำคัญ ..ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษากันต่อมา....เขาสรุปแผนนี้ว่า "แผนนารีพิฆาต"....

... ที่นำออกมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ก็  The longest day (วันเผด็จศึก)   
    กับ  Band of Brothers  .. เป็นเรื่อง ของการรบ และการตระเตรียมการก่อนการรบ ..

    แต่เรื่องการบุกยุโรป ในครั้งนี้ ยังมีอะไรมากกว่านั้นอีกมาก ..
    ส่วนหนึ่ง.. ผมอ่านจากหนังสือสารคดี จากที่ไหนจำไม่ได้แล้วครับ
    เป็นเรื่องของฝ่ายเสนาธิการ ฝ่ายบุ๋น ของสัมพันธมิตร  เตรียมการไว้เป็นเวลานาน
    ในวัตถุประสงค์เพื่อลวงข้าศึก .. ไม่ให้รู้ สถานที่ และวันที่ แน่นอน  ที่จะ D - Day
     
    สร้างนายพันนิรนาม จากผู้ที่ตกน้ำตาย .. ทำประวัติลวงขึ้นทั้งหมด ..
    ที่สุดนำแผนการบุกยุโรป ที่ปกปิด แบบแผนซ้อนแผน.. ซ่อนไว้ในอกเสื้อ.. และ
    ให้เกิดอุบัติเหตุ เครื่องบินตกทะเล จนชาวประมงสเปน ไปพบศพ นำเรื่องไปบอกฝ่ายเยอรมัน.
    ส่งโทรเลขลวงให้ฝ่ายเยอรมัน จับระหัส และถอดระหัส ให้สอดคล้องกัน ..
    ทำการตรวจสอบ ประเมินความเป็นไปได้ จนฮิตเล่อร์และฝ่ายเสนาธิการ.. หลงเชื่อว่า
    จะมีการยกพลขึ้นบก ที่อื่นซึ่งห่างออกไป ..  มีผลให้มีการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อหวังบดขยี้
    สัมพันธมิตร ให้แหลกไปในครั้งนั้น.. 

     ชายฝั่งนอร์มังดี .. จอมพลรอมเมล ก็ทักท้วงไว้ แต่ฝ่ายท่านผู้นำประเมินว่า
     ช่องแคบอังกฤษที่มีคลื่นลมแรง .. จะเป็นสุสานของสัมพันธมิตรมากกว่า ..
     ไม่ใช่ที่สัมพันธมิตร จะกล้ามาเสี่ยง. ไม่เชื่อว่า จะเป็นนอร์มังดี..

     ขณะเดียวกัน สัมพันธมิตร ได้ตรวจสอบ และทดสอบ จนมั่นใจ ว่า
     เยอรมันกินเหยื่อ ติดกับดักนั้นแล้ว..  แผนการทางด้านทหารจึงถูกกหนดขึ้น ทันที.
     
     เรื่องนี้โดยละเอียด ต้องรอ เสธฯ มะขิ่น .. คุณ L/E   ท่านอื่น  มาเพิ่มเติมอีกทีครับ..  :)

มันเป็นวิธีที่ใช้มาแต่สมัย  ดึกดำบรรพ์ แล้วครับ  ฝรั่งเค้าเรียกว่า  power of the crack .  ;D ;D :D :D

... ผมพิมพ์ นานไปหน่อย เสธฯ ตอบไปแล้ว.  ;D

..

 ;Dขอบคุณครับพี่......ไม่อยากเรียนว่า...ทหารนายหนึ่งที่รอดมาจากการซุ่มยิง...๑ใน ๒ นายนั้นก็คือ ..."คุณพ่อผมเองครับ... :)

ผมจำได้เรื่องวัน D-DAY แค่ว่า

ความสำเร็จอยู่ที่ การสร้างข่าวลวงครับ

รบกวนถามเพิ่มเติมหน่อยครับว่า ปฏิบัติการนั้นมีจริง หรือเป็นแค่จินตนาการในหนังครับ ชอบมากเลยครับ ขอบคุณครับ

มีจริงครับ.......

แสดงว่าการข่าวและการเก็บรักษาความลับของโจร 3 จังหวัดชายภาคใต้.....ก็ดีมากๆ ทำเอาชาวบ้าน ทหาร ตำรวจ ครู ตายเป็นว่าเล่น.....เศร้าใจจัง...

วันที่ยกพล วันนั้นเขาใช้รหัสอะไรครับ เคยดูสารคดีแล้วจำไม่ได้ครับ จำได้ว่ารหัสถูกประกาศจากสถานีวิทยุธรรมดาๆนี้แหละ :-\

ก่อนจะถึงวันดีเดย์นั้น ก็เคยมีการยกพลขึ้นบกย่อมๆขึ้นครั้งหนึ่ง  หน่วยคอมมาโดสัมพันธมิตรตายหมู่หลายหมื่นนายในการโจมตีหยั่งกำลังครั้งนั้นครับ

..ที่เมืองดันเกิก.. ครั้งนั้น สัมพันธมิตร เสียหายับเยิน ถูกยันตกทะเล   .  :)

ถูกต้องครับ
ชาวบ้าน 90% เป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐ

ตอนญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกที่ชุมพร ผมเชื่อว่าทางการไทยรู้ล่วงหน้า แต่กลยุทธ์ทางการเมืองทำให้ตั้งรับไม่ทัน

ที่ดันเคิร์กเป็นตอนที่เยอรมันตีลวง เข้าทางป้อมอีเบลอาเมล ข้ามคลองอัลเบิร์ต พรมแดนเบลเยี่ยมครับ  ผลจากการตีลวงสำเร็จครั้งนี้ กองทัพเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส และอังกฤษ ย้ายกำลังหลักทั้งหมดมาที่ด้านนี้ หลังจากนั้นเยอรมันก็ส่งหน่วยหลักเข้าตีทาง ด้านตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศสโดนใช้ยุทธวิธีใช้ทัพรถถังแพนเซอร์เคลื่อนทัพผ่านป่าดำ ทำให้แนวตั้งรับของ พันธมิตรถูกฉีกแนวแล้วแนวเล่า จนถูกต้อนมารวมกันที่ดันเคิร์ก ถึง หกแสนนาย ในจำนวนนี้ ทหารอังกฤษสามแสนนายอพยพกลับอังกฤษได้ทันแต่ตัวยุทโธปกรณ์ต้องทิ้งไว้ และทหารฝรั่งเศสยอมจำนน และทหารอังกฤษจำนวนสามแสนคนนี้แหละที่ทัพนาซีพลาดไปที่ไม่รีบดำเนินกลยุทธ์บดขยี้สลายกำลัง ทหารจำนวนนี้ทำให้กองทัพบกอังกฤษไม่อยู่ในสภาพล่มสลายครับ

กระทู้นี้ดีมากครับ ขอขอบคุณพี่ๆ และอาจารย์ ทุกๆท่านครับ อ่านแล้วได้ความรู้ครับ ;D

1. หมายถึงที่ เดียป หรือเปล่าครับ? อังกฤษโดยเชอร์ชิลออกความคิดเองส่งคอมมานโดเกือบหมื่นคนคนบุกเมืองท่า เดียป ของเบลเยี่ยม โดนเยอรมันตีแตกกระเจิง ขนกลับมาได้นิดหน่อย เป็นความพลาดของเชอร์ชิลอีกเรื่องคล้ายๆ การบุกกัลลิโปลีในสงครามโลกครั้งที่ 1

2. ตอนยกพลขึ้นบกนอร์มังดี สัมพันธมิตรสร้างข่าวลวงเรื่อยๆ ซึ่งเยอรมันก็มักคิดว่าคงข้ามช่องแคยบที่คาเล่ย์ เพราะแคบมาก ปืนใหญ่ฃายฝั่งขนาดใหญ่ยิงข้ามไปสนับสนุนได้ถึงอีกฝั่ง แต่ในที่สุดก็ไปนอร์มังดี สำหรับการระดมพล เยอรมันจับคลื่นได้ขนาดคลื่นวิทยุมือถือของทหารเมกันที่กำกับการจราจรรถลำเลียงต่างๆ ในอังกฤษ (สมัยนั้นน่าจะเรียกวิทยุมือคอนเพราะใหญ่)

3. รอมเมลบอกว่าควรจะตีสัมพันธฯ ตั้งแต่หัวหาด ตั้งแต่ยังขึ้นไม่มาก นายพลคนอื่นบางคนบอกว่าควรปล่อยให้ขึ้นมาบนบกลึกหน่อยแล้วถึงตีเพราะกองเรือสัมพันธฯ สนับสนุนไม่ได้มากนัก ก็แล้วแต่แนวคิด/การประเมินกำลังข้าศึก อย่างไรก็ตามเยอรมันคาดการณ์ผิด เอากำลังยานเกราะ และพวกวัฟเฟนเอสเอส ไปที่อื่น  ....ตอนเมกันบุกโอกินาวาญี่ปุ่นก็ถกกันเรื่องนี้เหมือนกัน สรุปว่าโจมตีกองเรือในทะเล แต่ไม่สู้ที่หัวหาด ปล่อนให้เข้ามาในภูมิประเทศ

4. เรื่องลวงปล่อนศพ สัมพันธฯ ทำตอนจะยกพลขึ้ยบกที่ซิซิลีครับ เอาศพคนเป็นปอดบวมตาย (มีน้ำในปอด) มาทำเป็นศพนายทหารเครื่องบินตกจมน้ำ ตั้งชื่อว่านายพันตรีมาร์ติน เอาเรือดำน้ำไปปล่อยให้ลอยเข้าฝั่ง ให้มีกระเป๋าเอกสารสำคัญร้อยโซ่ติดตัวไปถึงเมกันบอกว่าจะเอาซาร์ดีนมาฝาก หลอดให้เยอรมันคิดว่าจะขึ้นบกที่เกาะซาร์ดีเนีย มีหนังเรื่อง The man who never was หนังสือก็มี คนเขียนคือคนวางแผนเองชื่อมอนตาดกูร์ ตอนนั้นอังกฤษทำละเอียดมาก จัดฉากทุกอย่าง เอาหางตั๋วละครใส่กระเป๋าผู้พันมาร์ตินไปด้วย มาตอนหลังพบว่าเยอรมันส่งสายลับไปตรวจสอบว่ามีคนชื่อนั้นไปซื้อตั๋ว/ดูละครเรื่องนั้นจริงหรือเปล่า

1. หมายถึงที่ เดียป หรือเปล่าครับ? อังกฤษโดยเชอร์ชิลออกความคิดเองส่งคอมมานโดเกือบหมื่นคนคนบุกเมืองท่า เดียป ของเบลเยี่ยม โดนเยอรมันตีแตกกระเจิง ขนกลับมาได้นิดหน่อย เป็นความพลาดของเชอร์ชิลอีกเรื่องคล้ายๆ การบุกกัลลิโปลีในสงครามโลกครั้งที่ 1

จำชื่อเมืองไม่ได้ครับพี่ต๊อกเพราะอ่านหลายปีมาแล้ว ชื่อเมืองเดียปอยู่ในเบลเยี่ยมหรือครับนึกว่าที่ฝรั่งเศสเสียอีก จำได้แต่ว่าตอนนั้นหน่วยคอมมานโดอังกฤษที่ฝึกมาอย่างดีที่สุดตายหมู่ทั้งกองพลเลยครับ จำได้ว่าการโจมตีครั้งนั้นเป็นการทดสอบแนวตั้งรับของเยอรมันครับ

เยอรมันแพ้สงครามเนื่องจากความผิดพลาดแค่2 ครั้งครับ ครั้งแรก ไม่บดขยี้กองทัพบกอังกฤษที่ดันเคิร์ก ครั้งที่2 ล้อมเมืองมอสโก กับสตาลินกราด โดยหวังว่าจะให้กองทัพรัสเซียยอมแพ้ แล้วแบ่งกำลังไปบุกเทือกเขาคอเคซัส จากความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้กองทัพที่6 ของเยอรมันอันเลื่องชื่อถูกล้อมจับครึ่งกองทัพตายครึ่งกองทัพสูญเสียกำลังพลถึง5 แสนคนครับ ถ้าฮิตเลอร์ไม่ประมาทศัตรูแล้วรีบบดขยี้ทั้ง2 สมรภูมิซึ่งกองทัพเยอรมันมีความเหนือกว่าทุกๆด้าน เยอรมันอาจจะเป็นผู้ชนะสงครามก็ได้ครับ

อ้าว ใช่ครับ เดียป Dieppe เป็นเมืองท่าฝรั่งเศส ครับ ขอโทษด้วยครับ อิ อิ

***

เยอรมันแพ้สงครามเนื่องจากความผิดพลาดแค่2 ครั้งครับ ครั้งแรก ไม่บดขยี้กองทัพบกอังกฤษที่ดันเคิร์ก ครั้งที่2 ล้อมเมืองมอสโก กับสตาลินกราด โดยหวังว่าจะให้กองทัพรัสเซียยอมแพ้ แล้วแบ่งกำลังไปบุกเทือกเขาคอเคซัส จากความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้กองทัพที่6 ของเยอรมันอันเลื่องชื่อถูกล้อมจับครึ่งกองทัพตายครึ่งกองทัพสูญเสียกำลังพลถึง5 แสนคนครับ ถ้าฮิตเลอร์ไม่ประมาทศัตรูแล้วรีบบดขยี้ทั้ง2 สมรภูมิซึ่งกองทัพเยอรมันมีความเหนือกว่าทุกๆด้าน เยอรมันอาจจะเป็นผู้ชนะสงครามก็ได้ครับ

***

นี่ละครับ ผมว่าถ้าฝ่ายการเมืองเยอรมันให้ทหารรบเองเผลอๆ เยอรมันชนะอังกฤษกับโซเวียตไปแล้วนะ

1. ด้านอังกฤษ

1.1 ที่ดังเคิร์ก ก็เพราะตาเกอริงอยากโชว์ ทอ. เลยให้กองยานเกราะหยุดทัพรอ

1.2 ตอนจะครองอากาศเพื่อบุกอังกฤษนายเกอริงก็สั่งให้ใช้ยุทธวิธีคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่เหมาะกับยุคตัวเองตอนสงครามโลกครั้งที่ 1 คือเครื่องบินความเร็วต่พำ ให้เครื่องบินขับไล่บินใกล้เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบเข้าขบวน แทนที่จะปล่อยให้เครื่องบินขับไล่ออกไป "ล่า" เครื่องบินอังกฤษก่อนจะเข้าระยะโจมตีขบวนได้ และที่จริงเครื่องบินสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ต้องการพื้นที่อากาศในการรบมากกว่ามากๆ อยู่แล้ว

2. ด้านโซเวียต

2.1 นาซีประมาทบอกว่าหมีขาวตายแล้วแค่ยังไม่ล้ม เลยบุกสเปะสปะไม่ทุ่มตีเมืองให้แตกอย่งว่า ที่จริงการบุกโซเวียตเยอรมันอาจชนะจริงๆ ก็ได้เพราะมีปัจจัยได้เปรียบกว่ายุคนโปเลียนมาก

2.2 ยานพาหนะ กับเครื่องบินทำให้มิติพื้นที่ความกว้างใหญ่ของโซเวียตต่างกันมากๆ

2.3 รัฐต่างๆ ของโซเวียตก็ไม่ชอบรัฐบาลกลางเพราะกดขี่ แต่นโยบายการเมืองของนาซีก็ดันทารุณชาวบ้านมากกว่าแทนที่จะหาพวกไปช่วยรบ ได้พวกอย่างคอสแซกบางกลุ่ม ฯลฯ มาแต่งชุดเยอรมันรบกับมอสโคไม่มากเท่าที่ควร ถ้าทำดีๆ ใช้สงครามจิตวิทยา ผมว่าสตาลินแพ้ ยิ่งตอนแรกตั้งตัวไม่ติดจริงๆ

2.4 ถ้าปล่อยให้นายพลเพาลุส กองทัพที่ 6 ถอยก่อนถูกล้อมอาจกลับลำมารบได้ผลอีกมาก 

ตอนนั้นกองทัพเยอรมัน "มีอีกา นำฝูงอินทรี"ครับ..............เลยแพ้

ข้อพิจารณาเหล่านี้ ผมคิดเอง..............ตามประสา

1. ไม่พัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ระยะไกล............มีแต่ระยะกลาง

2. ยึดถือแต่การใช้เครื่องบินดำทิ้งระเบิดทางยุทธวิธี ( Stuka JU-87)มากเกินไป

3.ไม่พัฒนาเครื่องบินขนส่งระยะไกล ใช้แต่ JU52 ..............ตอนส่งกำลังสมรภูมิรัสเซีย ต้องใช้น้ำมัน 2 ลิตร ขนน้ำมัน 1 ลิตรไปให้แนวหน้า................

4. แผนแบบรถถังดีมาก แต่หลากหลายรุ่นจนการส่งกำลังมีปัญหา (พัฒนาตั้งแต่ Panzer I ถึง Panzer 6 แคร่รถ มีถึง 6 ตระกูล)......................ปืนใหญ่รถถังมีขนาดรังเพลิงหลายแบบ ทั้งๆที่คาลิเบอร์มีไม่มาก (37 50 75 88 128  มม.)........ปืน 75 มม. มีขนาดรังเพลิง 2-3 แบบ ใช้กระสุนร่วมกันไม่ได้...........ระบบหล่อลื่นน้ำมันเครื่องและหล่อเย็นไม่พัฒนา สำหรับใช้รบในที่หนาวจัด................รบในรัสเซียๆ รอเวลาอุณหภูมิเย็นจัด ...........แล้วบุก รถถังเยอรมันสตาร์ทไม่ได้เพราะน้ำมันเครื่องแข็งตัว..............

5. พัฒนาอาวุธปืนไรเฟิลทหารราบช้าเกินไป.............ใช้ Mauser Kar 98 ตั้งแต่ WW I ...............พอพัฒนา ไรเฟิลกึ่งออโต G 43 และ ไรเฟิลโจมตี STG 44  ก็มีการเมือง ให้ใช้เฉพาะ กองพล SS ...............ทหารราบปกติ โดนกีดกัน

6.จัดตั้งหน่วยเกสตาโป ..............เอาไว้กำจัดพวกเดียวกันเอง.............กองทัพ ขวัญและกำลังใจต่ำ เมื่อ ผบ.หน่วยโดนกำจัด..............

7. กองเรืออู พัฒนายังไม่ถึงขั้น .................ผบ.กองเรืออู เสนอว่าต้องรออีก 1 ปี เพื่อต่อเรืออูให้ได้ตามจำนวน ในการควบคุมยุทธศาสตร์ทางทะเล...............แต่ไม่ฟัง ประกาศสงครามในขณะที่ ทร.ยังไม่พร้อม 100%



8.

เพราะอะไรครับ??