เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ใครพอทราบบ้างว่า ที่ฝรั่งเรียกว่า"Snubbies".....หมายถึงลํากล้องขนาดไหนถึงไหนครับ....

เข้าใจว่า 2" ครับ ย่อมาจาก Snubnosed

น่าจะรวมถึงปืนลูกโม่ความยาวลำกล้อง 2”-3” ทุกขนาด

snubbies ได้รับความนิยมมากสำหรับวัตถุประสงค์การพกซ่อนประเภท”เหน็บพุง”
snubbies หรือ snubnosed มาคลายความนิยมลงเมื่อ “Wonder Nine” ปืน 9mmLuger จุกระสุนมากๆเข้ามาได้รับความนิยมแทนที่อยู่ระยะหนึ่ง
snubbies ได้รับการพัฒนา และกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ในช่วงที่สหรัฐอเมริกาใช้กฎหมายบังคับไม่ให้ปืนพกมีความจุกระสุนเกิน 10 นัด

และแม้ว่าปัจจุบัน(ในสหรัฐฯ) ไม่มีการจำกัดเรื่องจำนวนกระสุนแล้ว แต่ปืน sunbbies ก็ยังคงได้รับความนิยมจากการที่ได้มีพัฒนาการด้านโลหะการ มีการใช้โลหะผสม ใช้ไททาเนียมทำโม่ การใช้สแกนเดียมทำโครงปืน ทำให้ปืนมีน้ำหนักเบาลง และแข็งแรงขึ้น จนใช้กระสุนได้ถึง.357Magnumในปัจจุบัน
 
 :)

ขอบคุณครับ... :D :D :D

แปลภาษามาฟังดูนะครับว่า SNUB NOSE หมายถึง จมูกสั้นๆรั้น แบบที่ปลาบเงยๆขึ้นนะครับ
เพราะฉนั้นเขาเอามาใช้ในกรณีที่ของปืนลูกโม่ที่ปลายลำกล้องลั้นๆป้อมๆอย่างเช่น 2" หรือ 2 1/2" เป็นต้น

SNUBBIES เป็นสำนวนที่ฝรั่งใช้เรียกเล่นๆแทนคำว่า Snub-nosed Revolver นะครับ

ด้วยความนับถือครับ :)

ขออนุญาตดึงกระทู้นี้ของคุณDaimyoขึ้นมา

ผมรักSnubbies และผมคิดว่ามีผู้ครอบครองปืนลูกโม่ลำกล้องสั้นเพื่อการป้องกันตัวอยู่ไม่น้อย
แต่มันไม่ใช่ปืนกึ่งกีฬาที่จะใช้ยิงปั้นX     ระยะศูนย์ที่สั้น-ปืนที่เบา ทำให้ยิงไม่ค่อยสนุก จนเราๆอาจละเลยการฝึกซ้อมกันไป
จึงไม่ค่อยได้มีการคุยกันในบอร์ดนี้

ผม search หาข้อมูลและพบเวบไซท์ที่น่าสนใจสำหรับคนใช้ Snubnose
นั่นคือ The Snubnose Files (http://www.snubnose.info/)  ที่อยากแนะนำให้เข้าไปชม
มีเนื้อหาสาระมากมาย เปิดแนวคิดการใช้ปืนลูกโม่ลำกล้องสั้น แทคติกการฝึกฝน และอื่นๆอีกมากมาย

ผมเพิ่งอ่าน Combat Snubby the Askins Way -การยิงแบบต่อสู้ด้วยปืนSnubby ตามวิธีของAskins
(จาก GUNS MAGAZINE, May-1955)
(Snubby เป็นคำเรียกขานของชาวปืนอเมริกัน ใช้เรียกปืนลูกโม่ลำกล้องสั้น พกซ่อน-เหน็บพุง)
(Col. Charles Askins เป็นผู้มีประสพการณ์ในการต่อสู้ด้วยปืน วิธีของAskinsน่าจะมีค่าควรพิจารณา)
จาก http://www.snubnose.info/docs/askins_way.htm

(http://img158.imageshack.us/img158/7540/m60left350px8.jpg) (http://imageshack.us)

ถอดเนื้อหาออกมาได้ว่า.....

Col. Askins เขียนคำแนะนำไว้ว่า.....
ในกระบวนปืนพกสั้น Snubby เป็นปืนที่คุมได้ยาก เพราะมันสั้นและเบา ยิ่งเป็นแบบที่ใช้กระสุนแรงสูงขึ้นเท่าใด มือก็ยิ่งต้องรับแรงรีคอยล์มากขึ้นเท่านั้น
เมื่อปืนมันเตะหนัก การคุมปืนก็คงมีวิธีเดียวคือกำปืนให้แน่นๆ คนที่จะใช้ Snubbyอย่างมีประสิทธิผลต้องบริหารกำมือให้แข็งแรงพอ ที่จะคุมปืนได้มั่นคง

การฝึกยิง ควรทำกับเป้าหุ่นในระยะยิงไม่เกิน 9 เมตร อย่ายิงนัดเดียว ฝึกยิงต่อเนือง 2-3 นัดเสมอ
โดยการดันปืนออกไปสุดแขน เล็งปืนแบบผาดๆผ่านแนวลำกล้อง แล้วงอข้อศอกเล็กน้อยให้ปืนลงมาต่ำกว่าระดับสายตา
จะทำให้ยิงได้เร็วขึ้น และยังคงความแม่นยำเมื่อได้ฝึกฝนสม่ำเสมอ

เอามาฝากกันครับ...... ;D ;D

ผมคิดว่าเป็นการแนะนำเวบไซท์ที่มีข้อมูลที่มีประโยชน์น่าสนใจ
แต่ถ้าการนำเสนอเป็นการล่อแหลม ว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ก็ขอเชิญRO ลบหรือตัดทอนเพื่อความเหมาะสมด้วยครับ  ::014::

ขอบคุณครับคุณธํารงสําหรับข้อมูลดีๆ.....

และก็จริงอย่างที่ว่าไว้ครับ ผมมีSnubnoseอยู่2กระบอก และก็เอาไว้ใกล้ตัวมากที่สุด แต่เอามาซ้อมยิงน้อยมาก

เพราะคิดว่า....ถ้าจะต้อง"ใช้"คงใช้ใกล้ๆไม่ต้องบรรจงเท่าไร....

ว่าแล้วต้องเอาไปฝึกบ้างแล้ว.....ขอบคุณมากครับ

แล้วไม่ทราบว่ารวมไปถึงปืนกึ่งอัตโนมัติลำกล้อง 3.5 นิ้ว บรรจุ 12 นัด หรือเปล่าครับ (ใช้ M&P9Cอยู่ครับ)

Snubnose/Snubbiesหมายถึงลูกโม่ลํากล้องสั้นครับ

ขคุณครับนึกว่ารวมด้วย ;D

จริงด้วยครับ  ผมพกเลดี้ฯ อยู่เป็นปี ไม่เคยนึกอยากจะยิงเลย ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ผมคิดว่าปืนกึ่งอัตโนมัติลำกล้องสั้นคงไม่อยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าSnubnose
แต่ก็น่าจะมีแนวทางการฝึกที่ใกล้เคียงกัน หากเป็นประเภทDouble actionในนัดแรก


ตรงกับที่คุณDaimyoกล่าว ..... ผมก็เหมือนกัน
และมีประโยคหนึ่งในบทความจาก http://www.snubnose.info/docs/practice_drills.htm ที่เมื่อผ่านตาแล้วสะดุดใจผม ซึ่งน่าจะใช้ได้กับทุกปืน
เขียนว่า "Too often we do our practice and match shooting with guns that we don’t carry, and neglect practice with the gun we actually depend upon for self-defense."
ผมก็คงต้องซ้อมมือเจ้าSnubnoseให้มากขึ้นครับ

ปืนพวกนี้จะไว้ใช้ยิงระยะใกล้ๆ  บางครั้งเกือบจะประชิดตัว   จะใช้วิธียิงมือเดียว  มืออีกข้างแนบออกไว้  หรือยกขึ้นแบบตั้งการด์ไว้ ที่ข้างคาง  ในระยะกระชั้นชิด ต้องยิงต่อเนื่องจนคู่ต่อสู้หมดสภาพ

ลืมบอกว่า ต้องแอนตัวไปข้างหลังด้วย  ไม่งั้นยิงลงต่ำหมด ลองดูนะครับ

เคยอ่าน Bill Jordan พูดว่า แขนที่ยกมาแนบอกเสมือนเป็นเกราะกำบังขั้นหนึ่ง แต่ลูกปืนสมัยนี้ แขนที่แนบป้องกันอะไรไม่ได้ กระจุยทั้งแขนและหน้าอก เรื่องนี้รวมทั้งการย่อตัวด้วย (crouch) ว่าทำให้เป้าเล็กลง

แขนแนบอก หรือยกขึ้นไว้ข้างคาง  กันยิงแขนตัวเองน่ะครับป๋า

ผมก็ใช้วิธีนี้อยู่ครับ ใช้แขนซ้ายแนบหน้าอก โดนก็กระจุยแน่นอน เพียงหวังให้กระดูกแขนช่วยเบนแนวกระสุนไม่ให้โดนหัวใจ
พอให้แรงดันเลือดไม่ตก สมองพอสั่งการได้อีกสักสามสี่วิ เพื่อชวนคู่กรณีไปด้วยกัน  ::007::

The Original Snubbie . ;D
(http://www.cimarron-firearms.com/Specialty/Images/DocHolliday.jpg)

ขอบคุณครับ

          ผมชอบปืนประเภทนี้ครับ เบา พกง่าย และมีโอกาสได้ใช้ในนาทีฉุกเฉินมากกว่าพวกใหญ่เทอะทะ

          ไปไหนที่ต้องหอบหิ้วไปซุกไว้   พกก็ไม่ได้เกาะ น้ำหนักเยอะ พวกหลังนี่เหมาะสำหรับงาน รุก

อันนี้น่าจะเป็นบรรพบุรุษของ snub nose revolver มากกว่านะครับ British bulldog(บางทีก็มี Belgian bulldog) ใช้เรียกเมื่อเป็นลูกโม่ ดับเบิ้ล ลำกล้องสั้น ในสมัยที่ฝั่งตะวันตกของอเมริกานิยมซิงเกิ้ลแอ็คชั่นอาร์มี่ ฝั่งตะวันออกนิยมลูกโม่อังกฤษง้างนกเอง มีความเชื่อว่า วันที่นายพลคัสเตอร์ตายที่ลิตเติลบิ๊กฮอรนก็ใช้ลูกโม่บุลด็อก

(http://img100.imageshack.us/img100/1691/britishbulldogzv4.jpg) (http://imageshack.us)

         รบกวนถามครับว่าเจ้าบุลด๊อกตัวนี้ใช้กระสุนขนาดเท่าไหร่ครับ

ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงผมก็จะพาเจ้า m36 ของผมติดรถไปไหนต่อไหนด้วยครับ รู้สึกว่ามีมันอยู่ใกล้ๆแล้วอุ่นใจดีครับ.. ::002::

ขนาด .455 British ครับ

      ขอบคุณครับ

ขอบคุณในข้อมูลมากครับ
เห็นด้วยว่ายิงยากจริงๆ ครับ สำหรับตัวผมเอง ยิง1911 จำหน่ายกระสุน 200 กว่านัด ยังสบายกว่ายิงเจ้า แอร์เวท 2 โม่ดิ้นมากๆ
พอเปลี่ยนด้ามเป็นด้ามมีนิ้วก้อยของฮอค ยิงนุ่มขึ้นมาก แต่ใหญ่เทอะทะ

ตามน้ำครับ... ว่ายิงระยะใกล้ๆไม่เกิน 10 เมตร... มาจากกระยะรถสองคันจอดหัวเกยหัว หรือหัวรถเกยท้ายรถครับ และมาจากระยะไม่เกินฝาถึงฝาห้องปรกติที่ไม่ใช่ห้องประชุมหรือห้องโถงโรงแรมใหญ่ ระยะจะไม่เกิน 10 เมตรครับ...

ส่วนเรื่องยิงระยะใกล้ๆไม่ต้องประณีต... มีข้อคิดว่าระยะแค่นั้นต้อง"เร็วและแม่นยำ"มาก... เร็วและแม่นแค่ไหนพอคือต้องยิงเป้าเข้าขวดหุ่นคนมาตรฐานได้ไม่เกินสิ้นเสียงตะโกน หรืออนุมานว่านัดแรกต้องปล่อยออกไม่เกิน 2 วิฯ ครับ...

แต่หากมีคนเปิดฉากยิงกันแล้วโดยไม่ใช่เราเป็นคนยิงนัดแรก เราต้องเร็วกว่านั้นอีกครับ... เพราะทั้งเราและเป้าหมายของเราจะต่างคนต่างวิ่งแล้ว คือเราไม่ได้ประโยชน์จากจังหวะตะลึง! แปลว่าต้องวิ่งและยิงพร้อมกันไปด้วยครับ... แถมยังมากกว่านี้ขึ้นไปอีกคืออาจมีหลายเป้า และไม่ค่อยมีแสงสว่างเสียด้วย...

นายสมชายเคยใช้ชี๊ฟสองนิ้วช่วงหนึ่ง พยายามหัดยิงแบบไม่ใช้ศูนย์ฯ แต่ไม่ค่อยได้ความ... ช่วงนั้นครูประชายังอยู่ที่สนาม ร.ด. เริ่มต้น 1911 ให้นายสมชาย ตั้งแต่นั้นมาพบว่า 1911 ใช้ยิงลักษณะนี้ได้ดีตามอัตภาพของนายสมชายครับ เพียงแต่ต้องหาวิธี"เอามันไปด้วย"ให้ได้ครับ...

เพิ่มเติมว่าทำไมต้องเร็ว... เพราะระยะใกล้ถลันพรวดเดียวถึงตัวเรา สถานเบาเราอาจโดนทุบหัวของแข็งๆ เช่นที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ อาจโดนแย่งปืน... สถานหนักอาจโดนมีดแมงมุมตวัดใส่ข้างคอ ตวัดใส่ลูกกระเดือกครับ...

         อุ๊ย ....... พูดถึงมีดแล้วเสียวใส้ทุกทีเลย ..... ไม่กล้าเล่นด้วย

วันนี้ไปลองใช้วิธีของ Askins โดยยิงที่ระยะ 7-8 หลา ชักจากซอง ยิงต่อเนื่องครั้งละ 2 บ้าง 3 บ้าง
ได้ผลอย่างที่เห็น ...... สนุก ... และเชื่อมั่นกับ Snubnose อีกโขเลยครับ

(http://img84.imageshack.us/img84/7815/dsc06356rzco6.jpg) (http://imageshack.us)

ผมเองไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของปืนประเภทsnubnoseเสียที :'( ขอบคุณมากครับที่แนะนำมา ::014::
ขออนุญาตถามครับว่ากระบอกของพี่คือM340ที่หนักแค่12ozใช่ไหมครับ :<><> เป็นบุญตาจัง ไม่ทราบว่าจะตามไปหาซื้อได้ที่ไหนครับ ::014::

:) มีดแบบนี้หรือเปล่าพี่สมชาย

(http://i56.photobucket.com/albums/g185/sahapath/Karambit/DSCF2159.jpg)

karambit เข้าคอนี่รอดยากครับ.....แล้วก็รอดคดียากด้วยครับ ^^  ว่าแต่ตัวนี้ใหม่เนี๊ยบเลยนะครับพี่วัฒน์

เยี่ยมครับ
 ผมมีลำกล้องสั้นแต่ยิงยาก เลยเก็บอย่างเดียว

แอ่ะ... ทำนองนี้แหละครับ น่ากลัวมาก เพราะเราไม่รู้ว่าใครพกอยู่... แถมแอบเอามีดมาเปิดด้านหลังสะโพก เดินเข้าใกล้ๆ ตวัดฉับ... กึ๋ยส์...

เห็นในหนัง... อีตาด็อกเตอร์ฮันนิบาลฯ ตวัดมีดแต่ละฉับแล้วบอกกับตัวเองว่า ถึงมี .45 แล้วปล่อยให้เข้าใกล้ในระยะแขนละก้อ ไม่ทันยกปืนยิงครับ... ฉับแรกลูกกระเดือก ฉับสองข้อมือถือปืน ฉับสามเส้นเลือดใหญ่ตรงไหนก็ได้แล้วแต่จะเปิดช่อง... กึ๋ยส์(อีกที)

(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/en/thumb/9/95/Heyes.jpg/200px-Heyes.jpg)

กึ๋ยยยย......ผมกลัวมีดครับคุณสมชาย   ::003:: ::003::



ขอบคุณครับ ::014::
ผมอิจฉาคุณบุญ มีปืนหลากหลาย โหลดกระสุนเองอีก
ถ้าจะเป็นทุกข์ก็ตรงที่ต้องคิดว่าจะยิง(และล้าง)กระบอกไหนดี  :D




คุณหมอJ ชอบPocket Gun ถ้าหาJ-frame Airliteมาใช้สักกระบอกแล้วจะติดใจ  :VOV:
กระบอกที่เห็นเป็นM342ครับ ใช้กระสุน 38SPL+P โครงอลูมินั่มอัลลอย โม่ไททาเนียม ผมชั่งปืนพร้อมกระสุนได้370กรัม หรือราว13oz
เจ้าM342กระบอกนี้ ทำให้Glock26ผมถูกเก็บเข้าเชฟ เพราะมันเป็นPocket Gunตัวจริง  ส่วนถ้าเอาปืนเหน็บเอวผมใช้Glock30 .45ไปเลย
ตอนนี้S&Wไม่ผลิตM342แล้ว ไปทำM340 ในขนาด 357Magnum โดยใช้โครงสแกนเดียมอัลลอย โม่ไททาเนียม นน.เพิ่มอีกนี๊ดดดเดียว

ผมก็อยากได้M340ครับ เคยสอบถามตอนบ.หลุยส์ฯเป็นตัวแทน ก็บอกให้สอบถามไทยเนฯและรัตนา พอถามไปก็ไม่มีใครสนใจสั่งให้...งง
เพิ่งมาถึงบางอ้อว่า โครงสแกนเดียมอัลลอยรุ่นแรกๆที่เข้ามามีปัญหาโครงร้าว แม้จะเคลมกระบอกใหม่ได้ แต่ร้านก็เสียโควต้าไป
ก็เลยไม่มีใครสั่งM340เข้ามา ขายปืนอื่นง่าย-กำไรดี-ไม่เสี่ยง .....
ผมคิดถึงM340อีกตอนนี้ เพราะที่ลองฝึกด้วยวิธีAskins แล้วคุมปืนได้-ไม่กัดมือ จึงคิดว่าถ้าเป็น357Magnumก็รับไหว  :<><>

แต่พอเห็นราคาต้นทางแพงกว่ารุ่นที่เป็นสเตนเลสอยู่30-40% ... มาบ้านเราจะเป็นเท่าไรกันหนอ  :o

เรียนถามคุณธํารงเพิ่มนิดนะครับ....

ยิงติดต่อกันครั้งละ2-3นัดนั้น....แต่ละชุดยิงเร็วขนาดไหนครับ...ใช้เวลาประมาณกี่วิ

ผมลองฝึก จำลองสถานะการณ์โดยการดึงปืนจากPocket Holster พยายามให้ยิงนัดแรกไม่ให้เกิน2วิ.โดยประมาณครับ
(ไม่มีอุปกรณ์ไทเมอร์และคนช่วยจับเวลา อาศัยประมาณเอา....ขออภัย)
ส่วนนัดที่2(หรือ3) จะลั่นไกได้เร็วขึ้น...น่าจะไม่เกิน1วิจากนัดก่อนหน้า ขึ้นกับว่ากดปืนกลับเข้าแนวได้เร็วแค่ไหน
ผมจับจังหวะยิงนัด2(หรือ3)ก็ต่อเมื่อเมื่อเห็นแนวปืนแล้ว และก็พยายามทำให้เร็วขึ้น

แต่พอลองเร่งเวลาโดยไม่รอดูแนวปืน ผลคือลั่นไกเร็วไป จุดกระสุนตก..หลุดไปที่ไหล่..ตามภาพแหละครับ....   ::013::

ผมชอบpocket gunมากจริงๆครับ :D~ เพิ่งกระจ่างนี่แหละครับว่าM342เลิกผลิตไป เพราะผมเคยเห็นโฆษณาปี2005 แต่พอปี2007ไม่เห็นมีอีก ผมโทรไปถามรัตนาบอกว่าขายM642ไปราคา90000 เมื่อล็อตที่แล้ว ::001:: ส่วนM340คงไม่สั่งเข้ามาแน่ ::001::

M342ผมซื้อ47,000 เมื่อปี 44 ตอนนั้นก็ว่าแพงกว่าปืนเหล็ก-สเตนเลสอยู่ไม่น้อย

ถ้าวันนี้ M642 ราคา90,000  :OO ขอช็อคสองที  :o :o  ราคาบนเวบของS&W บอกแค่$545
แล้วอย่างนี้ M340 ที่โน่น $1019  ถ้าเข้ามามิกลายเป็นแสนห้าแสนหกไปหรือไร   :<<

::007:: ::007::ทีเดียวพอแล้วพี่ ช็อคมากๆเดี๋ยวหัวใจวายได้นะพี่ ::007::แล้วใครจะมาโชว์การยิงsnubbiesกันล่ะครับ

ผมเลิกถามราคาปืนใหม่มานานแล้วครับ.....บางทีก็คิดว่าใครจะมาซื้อหว่า...แต่ก็เห็นขายกันได้

บางทีก็เจอนักนิยมปืนตามสนามที่คุยถึงราคาปืนที่ซื้อมา.....ก็รู้แล้วว่า เออ...ขายได้จริงๆด้วยแหะ...

Snubnoseของผมก็เป็นปืนมือ2....ราคา 40K นิดๆทั้งคู่....ตอนนั้นว่าแพง ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเฉยๆซะแล้ว...

(http://img87.imageshack.us/img87/8087/dscn1825rvh2.jpg)
(http://img103.imageshack.us/img103/9015/dscn2096xp5.jpg)

ปืนคุณDaimyoสวยจัง   :VOV: กระบอกล่างเป็นM19ใช่ไหมครับ
ผมมี19-4 2.5"อยู่หนึ่งกระบอกเหมือนกัน  ;D

ใช่ครับ...ของผมขีด3...

กระบอกนี้รับต่อจากสมาชิกท่านหนึ่งในเวปเรานี่แหละครับ....

ปืนพี่ Daimyo สวยมากเลยครับ  :D~ :D~ :D~

ผมมีแค่ snubbies อย่างชื่อนี่เอง  กระบอกเดียวและคงไม่มีปัญญาซื้อหาอย่างอื่นอีกแล้วครับ  ปืนแพงเหลือเกิน  เท่าที่มีอยู่รู้สึกว่าเป็นปืนชนิดที่สะดวกมากทีเดียว  ไม่ค่อยมีอะไรกังวลเกี่ยวกับมันเลย  ไม่มีชุดแต่งให้เสียสตางค์  เสียสตางค์แต่ซื้อลูกกระสุน  มีลูกมีปืนเป็นอันครบเครื่อง 

ไปสนามฯทีไรผมเอาแต่กินโค้กกับฮานามิ  แฟนผมใช้ยิงในสนามมากกว่าผมซะอีกครับ  โดยมีผมคอยจ่ายและล้างปืนแบบยิงรูเดียวล้าง 7 รู  นับว่าเป็นทุกข์ชาวบ้านอย่างหนึ่งเหมือนกันครับ

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือ ยิงแล้วไม่ทิ้งปลอกเกลื่อน ผมเลยไปไหนไม่เอาลูกสำรองไปหรอก  เพราะถ้าต้องยิงๆจนหมดโม่  มันจะเป็นสาเหตุให้มีการบรรจุกระสุนใหม่  ผิดวัตถุประสงค์ของการพกเพื่อป้องกันตัวมากไปหน่อยครับ  ท่านอื่นอาจไม่เห็นด้วย  ไม่เป็นไร  ถือว่าเล่าสู่กันฟังครับ

...ในเมืองไม่เคยพกเลยครับ  ในเมืองผมเผ่นไวกว่า  แต่อย่างไปแค๊มปิง ไปน้ำตก ไปดูบัวตองโรแมนติคกับแฟนจะเอาไปด้วยเงียบๆ  เคยเจอตำรวจค้นเจอก็คุยกับพี่ๆน้องๆดีๆไป  สรุปว่าถ้าไม่ไปกร่างเบ่งใส่เขา  ก็ไม่น่ามีปัญหากัน 

up