หัวข้อ: อ่านเล่นๆ..เรื่องสั้น..."แม้ฝันวันนี้...ไม่มีเธอ" เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 12, 2007, 08:57:36 PM เรื่องสั้น..."แม้ฝันวันนี้...ไม่มีเธอ"
โดย : ทิวสน ชลนรา นพพล แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ว่าเขาได้ละทิ้งบ้านหลังงามที่ตั้งอยู่ตรงหน้า อันเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของตนเองไปแสนนาน แล้วจ้างแม่บ้านเข้ามาดูแลปัดกวาดเป็นครั้งคราว ทั้งที่เมื่อแรกได้มา เขารักมันมาก แต่ด้วยเหตุไม่อยากรื้อฟื้นความรู้สึกและบรรยากาศเก่าๆ ที่ประทับแน่น จนยากที่จะสลัดทิ้ง ทำให้ต้องพยามไม่ย้อนกลับมาที่นี่ แต่อาศัยคอนโดกลางเมือง ซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน ครั้นจะขายก็รู้สึกเสียดาย แต่ความที่ 2 วันมานี้รู้สึกเหงา จึงแวะเวียนมาดูแลเองสักนิด กว่าจะปัดฝุ่นกวาดหยากไย่พร้อมจัดแจงทุกอย่างภายในบ้านให้เข้าที่ดังเดิม ดวงตะวันสีส้มกลมโตก็เริ่มคล้อยต่ำจวนจะลับทิวสนหน้าบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มทอดกายกึ่งนั่งบนเก้าอี้หวายตัวโปรดอย่างโรยแรง ชามะนาวเย็นได้ไล่ผ่านความแห้งผากในลำคอ เรียกความสดชื่นคืนกลับมาอีกครั้ง ขณะหนึ่ง เสียงโทรศัพท์เตือนมีข้อความเข้ามา ชายหนุ่มคว้ามากด เปิดอ่าน "ที่รักคะ เชียงใหม่อากาศดีมากคิดถึงคุณจัง สัมมนาเสร็จจะรีบบินกลับนะคะ.../มินตรา" เขายิ้มมุมปากพลางระบายลมหายใจช้า... ลำแสงสีส้มเริ่มจางลงทุกขณะ เขาปล่อยอารมณ์ตามสบาย นอนมองทิวสนโอนเอนตามสายลมยามเย็นที่โชยพัดมาบางเบา คละกลิ่นหอมเย็นจากซุ้มดอกแก้วโชยมาตรึงจมูก ช่างเป็นสุขแท้ ที่ได้กลับมาสู่บรรยากาศเช่นนี้อีกครั้ง พลันนึกขึ้นได้ว่ายังมีจดหมายตกค้างยังไม่ได้เปิดอ่านอยู่ 4-5 ฉบับ เขาไปนำมันมาเปิดออกอ่านทีละฉบับ ซึ่งล้วนแต่เป็นจดหมายจากเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยทั้งสิ้น เว้นแต่การ์ดอวยพรใบนั้น มันเป็นการ์ดอวยพรตกค้างมาตั้งแต่เทศกาลวาเลนไทน์ การ์ดใบโตรูปดอกกุหลาบสีแดงสด เขาค่อยๆ เปิดอ่านเนื้อความด้านในด้วยใคร่อยากรู้ว่าใครหนออุตส่าห์ส่งการ์ดอวยพรประเภทนี้มาให้ เพราะตั้งแต่เรื่องราวคราวนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจกับเทศกาลเหล่านี้เท่าใดนัก ครั้นอ่านข้อความ ใบหน้าถึงกับร้อนผ่าว...มันเป็นความรู้สึกที่สับสนอย่างบอกไม่ถูกและไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือเสียใจ... * * * * * อาจเป็นเพราะการ์ดใบโตรูปดอกกุหลาบสีแดงสดใบนั้นก็เป็นได้ ที่ทำให้เขากระสับกระส่ายว้าวุ่นใจจนนอนไม่หลับ มันเป็นการ์ดอวยพรวันวาเลนไทน์ ที่ส่งมาพร้อมข้อความสั้นว่า "ยังคิดถึงเสมอ" และเขาคงไม่สนใจใส่ใจกับมันมากนัก หากผู้ที่ส่งมาให้ไม่ใช่ สุพร ..ผู้ซึ่งดูเหมือนจะอ่อนเดียงสา แต่ก็เธอมิใช่หรือ ที่ได้ฝากความเจ็บปวดอย่างสากรรจ์ประทับไว้ในใจของเขาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว * * * * * แม้จะดับไฟที่หัวเตียงไปครู่ใหญ่แล้วและพยายามข่มตาจะให้หลับ ทว่า บางสิ่งที่ยังฝังลึกในความคำนึงของชายหนุ่ม กลับรุกเร้าภายในให้ย้อนรำลึกถึงภาพเหตุการณ์แต่หนหลังระหว่างเขาและเธอเมื่อครั้งยังหวานซึ้งโลดแล่นอยู่ในห้วงแห่งความรัก ยิ่งเห็นภาพกลับยิ่งทุกข์ทรมานใจ เหมือนสะกิดรอยแผลเก่าให้รวดร้าวยิ่งนัก เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพียงเพื่อจะพอบรรเทาความหนักอึ้งในสมองให้คลายลงบ้าง แต่ดูเหมือนว่ามันไม่ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นแม้สักนิด เขาลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงาน เปิดไฟ ไขกุญแจตู้เก็บสมุดไดอารี่โดยเลือกเล่มที่บันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 2000 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันนั้น เป็นวันที่เขาได้บันทึกความรู้สึกอันเนื่องมาจากการตัดสินใจครั้งสำคัญเอาไว้ .ความเงียบงันของราตรีกาลทำให้เขาเริ่มต้นอ่านบันทึกได้อย่างมีสมาธิ * * * * * 14 กุมภาพันธ์ 2000 / 23.00 น. สุพร ยอดดวงใจที่ทำให้ผมเหมือนฝันในวันวาน ในวันที่เราพบกันครั้งแรก...ผมร้องเพลงคลอเสียงกีตาร์ที่ผับแห่งหนึ่ง ย่านสุขุมวิท ผมเล่นดนตรีที่นั่นทุกคืน คุณมาที่ผับแห่งนั้นพร้อมเพื่อน 4-5 คน คุณโดดเด่นที่สุดในกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน คุณไม่ใช่คนที่สวย...แต่คุณน่ารัก...น่ารักกว่าใครๆ ที่ผมเคยพบมา... คุณขอให้ผมร้อง เพลง unchanged melody พร้อมส่งยิ้มจนเห็นแก้มบุ๋มน่ารักนั่น ทำเอาผมหวั่นไหวอยู่ไม่น้อย...ขณะที่ร้องเพลง ผมลอบแอบมองคุณอยู่บ่อยครั้ง และทุกครั้งผมก็ได้พบกับรอยยิ้มแสนหวานกับดวงตาน่ารักคู่นั้น มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกแปลบปลาบขึ้นมาลึกๆ ในใจ คุณถูกเพื่อนแซวเพราะจ้องมองผมอย่างลืมตัว ผมยอมรับว่าไม่เคยพบใครที่ไหน เขินอายได้น่ารักเท่าคุณเลย คืนนั้น ผมไม่มีสมาธิในการเล่นดนตรีเท่าที่ควร กระทั่งคุณกลับไปพร้อมรอยยิ้มสุดท้าย ก่อนจะลับหายไปหลังม่านด้านหน้าของผับ จากวันนั้น ผมไม่เคยพบคุณที่นั่นอีกเลย มันเป็นเหมือนความฝันที่ผ่านมาเพียงชั่วคืน แต่ผมก็รู้สึกประทับใจในความฝันของคืนนั้นและเก็บมารำลึกถึงอยู่เสมอ... แล้ววันหนึ่ง...ผมต้องตกใจและดีใจเป็นที่สุด ผมพบคุณอีกครั้งขณะกำลังซ้อมเทนนิสที่คอร์ต ของมหาวิทยาลัย เพื่อเตรียมแข่งกีฬามหาวิทยาลัย คุณกับเพื่อนชายอีก 2-3 คน กำลังนั่งดูผมซ้อมที่เก้าอี้ข้างๆ สนาม ผมยิ้มให้คุณพร้อมกับการยิ้มรับของคุณ ผมหยุดซ้อมออกมานั่งทักทายพูดคุย น่าแปลก...ทั้งที่ เป็นครั้งแรกที่เราได้พูดคุยกัน แต่เรากลับไม่รู้สึกเขินอาย คล้ายว่าสนิทสนมกันมานานปี และผมได้ทราบว่าคุณเป็นน้องใหม่คณะเดียวกับผมเมื่อไม่นานมานี้เอง จากวันนั้น...มันคือจุดเริ่มต้นของความคุ้นเคยที่เรามีต่อกัน เราได้พูดคุย และนัดพบกันบ่อยครั้ง เวลาที่ผมอยู่ใกล้คุณ แววตาและรอยยิ้มแจ่มใสน่ารักนั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าโลกนี้ช่างสดใสและเป็นสุขเหลือเกิน คุณเป็นเสมือนผู้ขจัดความทุกข์ให้ผมอยู่เสมอ... และแล้วคืนนั้นที่ริมทะแล...ภายใต้เงาจันทร์ ผมได้สารภาพว่า "ผมรักคุณ" คุณก้มหน้านิ่งอย่างขวยอาย ปล่อยให้ผมกุมมือนุ่มของคุณไว้มั่น คืนนั้นคุณอิงซบไหล่ผมชมจันทร์ฟังเสียงคลื่นลม จนเกือบจะค่อนคืน มันเป็นคืนที่ผมมีความสุขเป็นที่สุด วันเวลาผ่านไป...ผ่านไป...จนผมเรียนจบ แล้วยึดอาชีพเล่นดนตรีในตอนกลางคืนอย่างจริงจัง ส่วนกลางวันผมเป็นอาจารย์สอนวิชาดนตรีสากลให้กับสถาบันแห่งหนึ่ง... ...เรายังคงรักกันเหมือนเดิม... กระทั่งช่วงที่คุณเรียนปี 4 ผมก็ได้รับข่าวร้ายเกี่ยวกับคุณ และเพื่อนชายคนหนึ่ง! ผมพยายามไม่เก็บมันมาใส่ใจ เพราะผมเชื่อมั่นในตัวคุณเสมอ แต่ระยะหลัง เรากลับห่างเหินกันไปโดยที่ผมไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นเพราะคุณกำลังตื่นเต้นกับการเป็นซีเนียร์อยู่กระมัง...ผมคิดเช่นนั้น ทุกครั้งที่เจอกัน คุณไม่สดใสเหมือนก่อน คุณคุยน้อย โมโหง่าย ผมไม่คิดว่ามันเป็นความผิดของคุณหรอก คุณอาจเหนื่อยกับการเรียน และรับสอนพิเศษในตอนเย็นก็เป็นได้ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมผมถึงได้มองคุณในแง่ดีเสมอ ความรู้สึกที่มีต่อคุณ ก่อนนั้นเป็นเช่นไร...ตอนนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง... คุณเงียบหายไปนานจนผิดสังเกต ไม่โทร. มาหาผมเหมือนก่อน ผมพยายามโทร. นัดคุณทานข้าว แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงอยู่เสมอ ดูช่างหมางเมินและห่างเหินเหลือเกิน...ความโกรธแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เราทะเลาะกันทางโทรศัพท์ในวันนั้น .!! คุณโกรธผมมาก คุณตำหนิผมว่า ไร้เหตุผล...น่ารำคาญ...และคุณยังบอกผมอีกว่า คุณเบื่อผม...!! ควรค่าแล้วหรือกับความกระวนกระวายที่ผมอยากพบคุณ...? น้ำตาลูกผู้ชายแทบจะทำลายทำนบเอ่อไหล อวดอ้างความอ่อนแอ ทว่ามันได้ไหลย้อนกลับสู่ภายในให้รวดร้าวยิ่งนัก ผมไม่เคยเชื่อเลยว่า...ผมจะต้องสูญเสียคุณไปสักวัน... และแล้ว เย็นวันหนึ่งคุณได้โทร.มาหาผม และบอกว่า "ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะคุยกันให้รู้เรื่องเสียที...!" คุณสารภาพกับผมว่า...คุณรักเพื่อนชายที่เรียนคณะเดียวกับคุณคนนั้น...คุณบอกผมว่า ผมห่างเหินจากคุณ ...คุณขาดความอบอุ่นจากผม... นี่น่ะหรือ คือเหตุผล...? คุณบอกว่า เขามีอะไรหลายอย่างที่ผมไม่เคยมีให้คุณ...เหนือกว่าด้วยฐานะ อนาคตไกล มาดแมน และคุณยังบอกผมอีกว่า ผมเป็นผู้ชายที่อ่อนไหวจนเกินไป... ผมยังคงนั่งนิ่งมองคุณ...คุณไม่เห็นผมพูดอะไรจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่สั่น ต่ำ ห้าวว่า คุณยังคงรักผมอยู่เสมอ แต่ความรักที่มีให้ผมนั้นมันเปลี่ยนไป มันไม่ใช่ความรักแบบคู่รักที่เคยมีต่อกันแล้ว คุณขอให้ผมเป็นเพียงพี่ชายที่คุณยังรักและนับถือได้ไหม...? ผมยังคงนั่งนิ่งเงียบ...เงียบจนคุณมองผมอย่างพรั่นพรึง และหวาดหวั่น คุณกระซิบผมอย่างร้อนรนว่า "คุณเข้าใจพรใช่มั้ย คุณเคยเข้าใจพรตลอดมา ขอให้คุณเป็นเพียงพี่ชายเถอะ...นะ" ผมฝืนยิ้มออกมาอย่างยากเย็น มันทั้งแห้งแล้งและห่อเหี่ยว พลางกล่าวว่า... "ครับ...ผมเข้าใจ ขอให้คุณพบแต่สิ่งที่ดี...ต่อไปนี้ผมเป็นเพียงพี่ชาย...ขอบคุณสำหรับความรู้สึกที่ดีความปรารถนาดี และทุกสิ่งที่เคยมีให้ผม...ขอบคุณมากครับ..." คุณยิ้มออกมาอย่างพึงใจพร้อมกล่าวขอบคุณ มันเสมือนรอยยิ้มสุดท้ายที่ผมได้รับจากคุณ...แล้วคุณก็ลุกเดินจากไปเงียบๆ พร้อมกับเวลาที่ผมรู้สึกเหมือนหัวใจมันหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น... ทุกสิ่งทุกอย่างจบลงง่ายๆ อย่างนี้เองน่ะหรือ กับความรักที่ก่อร่างสร้างขึ้นมา มิใช่เพียงแค่วันหรือเดือน แต่มันใช้เวลาแรมปีที่ผมอุตส่าห์ทะนุถนอม...มอบความเข้าใจที่ใครหลายคน แม้แต่เพื่อนรอบข้างไม่เคยมีให้คุณ... แม้น้ำตามิเคยจะเอ่อไหล แต่หัวใจผมสิมันกำลังร่ำไห้ มันคล้ายกับผมได้ฝันไป หากมันเป็นเพียงความฝัน ผมคงไม่เสียใจถึงเพียงนี้กระมัง... ต่อไปนี้ผมจะไม่มีคุณอีกแล้ว คุณได้เดินออกไปจากชีวิตของผมแล้วทั้งบัดนี้และตลอดไป... ................... หลังจากวันนั้น คุณคงแปลกใจที่ไม่พบผมอีกเลย แม้แต่ที่บ้านหรือที่ทำงาน ผมได้จากมาแล้ว จากงานที่ผมรัก จากบ้านที่ผมหวงแหน และได้จากในทุกสิ่งที่ทำให้ผมนึกถึงคุณ... ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน นอกจากตัวผมและเพื่อนใหม่กลุ่มหนึ่งที่นี่แล้ว คงไม่มีใครรู้... ขอให้คุณรู้แต่เพียงว่า ตอนนี้ผมได้พบแล้วกับความรักแท้ มันคือความรักที่ผมแสวงหามานาน และตอนนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าที่ผมจะกล่าวว่า... "ขอบคุณมินตรา...หญิงสาวผู้อ่อนหวาน ผู้เป็นเจ้าของหัวใจของผม และทำให้ผมได้หูตาสว่างขึ้น มีทัศนะมุมมองที่ถูกต้องยิ่งขึ้น..." "เธอคือ หญิงแท้ที่ทำให้ผมตระหนักว่า... ...เพศทางเลือกเช่นคุณ ไม่อาจทำให้ผมมีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้...เพราะหากยังคงคบกัน ถึงขั้นผูกพันเป็นครอบครัว แม้เราจะขอเด็กมาเลี้ยงเป็นลูก แต่ผมคงลำบากใจและตอบลูกไม่ได้ว่า... ทำไมลูกจึงไม่มีแม่...แต่มีพ่อถึง 2 คน!!!" * * * * * * * * * * หมายเหตุ : เขียนเมื่อปี 1989 และมีการแก้ไขใหม่ตามวาระ/ ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารวัยหวาน ตุลาคม ปี 1989 หัวข้อ: Re: อ่านเล่นๆ..เรื่องสั้น..."แม้ฝันวันนี้...ไม่มีเธอ" เริ่มหัวข้อโดย: Kimber ที่ มิถุนายน 12, 2007, 09:13:24 PM เครียดแทนครับ ...
หัวข้อ: Re: อ่านเล่นๆ..เรื่องสั้น..."แม้ฝันวันนี้...ไม่มีเธอ" เริ่มหัวข้อโดย: yotinpen ที่ มิถุนายน 12, 2007, 09:17:19 PM มีมาให้อ่านเรื่อย ๆ นะครับ
หัวข้อ: Re: อ่านเล่นๆ..เรื่องสั้น..."แม้ฝันวันนี้...ไม่มีเธอ" เริ่มหัวข้อโดย: y_kato ที่ มิถุนายน 13, 2007, 11:03:14 AM ขอบคุณมากครับ... :)
|