เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ก

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

อดีต

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ปัจจุบัน

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ขอบคุณคุณNattapol  มากครับ............

เมื่อก่อนประเทศไทยใหญ่บะเร่อเลยแฮะ... :)

แต่อย่าหวังจะได้ด้ามขวานไปอีก ไอ้พวกโจรใต้หน้าตัวเมีย ...

ขอบคุณครับ  :VOV:

.. ขอบคุณมากครับ คุณณัฐ .

   ประวัติศาสตร์ ในภูมิภาคนี้ . พี่ใหญ่ หรืออาจจะเรียกว่า เจ้าจักรวรรดิ์ เล็ก เล็ก คือ
   จากลุ่มน้ำอิระวดี.เชื้อสายพม่า    กับลุ่มเจ้าพระยา ชนชาติไท.   
   อีกส่วนคือจาม  ในเวียตนาม แต่ไม่กระทบไทย. และตกอยู่ใต้ออิทธิพลของจีน. อัดไว้
   นอกจากนั้น อาจถือเป็น เมืองประเทศราช เท่านั้น. 
   ต้องเปลี่ยนถ่ายไปตาม ความเข้มแข็งของ ๒ ลุ่มน้ำ.
   
   ชาวสยาม เป็นเจ้าประเทศราช ครับ. ศูนย์กลางนครรัฐ 
   คือกรุงศรีอยุธยา . กรุงรัตนโกสินทร์ ถัดมา
   ที่มีอิทธิพล เหนือการเมืองการปกครอง ในเขตที่นอกอาณาเขตในปัจจุบัน.
   ส่วนดินแดน..  การปกครองยังคงเป็นของชนชาติลาว  เขมร  ที่จะปกครองกันเองต่อไป.  :)
   

คำว่า "สิทธิสภาพนอกอาณาเขต".............

ผมว่าคำๆนี้ คนที่ทำไม่ดีอยู่ตอนนี้ อาจไม่รู้จักความหมาย

... การเสียมืองทะวาย มะริด  เมืองท่าของสยาม ในฝั่งอันดามัน.

    เป็นเรื่องของนโยบาย ในครั้ง รัชกาล ที่ ๔ .  ไม่ใช่การถูกบีบบังคับยึดเอา
    การเสียเมืองเชียงตุง  (เป็นศึกครั้งสุดท้ายที่ไทยรบกับพม่า)  ก็เช่นกัน ..
 
     ทั้งหมดนี้อาจหาอ่านได้ในหนังสือ ไทยรบพม่า ของ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ.  :)

ทั้งหมดทั้งมวล มันก็สูญเสียให้กับประเทศมหาอำนาจ พวกล่าอาณานิคม ทั้งทางตรงและทางอ้อม  (ดาบเหล็กน้ำพี้ หรือจะสู้กับปืนใหญ่ของฝรั่งได้)

คงไม่มีใครอยากเสียไปอีกเป็นครั้งที่15

ขอบคุณครับพี่

ทุกวันนี้ผมความดันจะขึ้นทุกที ที่ดูข่าวสถานะการณ์บ้านเมืองทั้ง 3 จชต. และกทม.
มีน้องที่ทำงานเคยพูดเล่นๆว่า เราใกล้จะเสียกรุง อีกหล่ะมั๊ง....ผมต้องปรามๆไว้ ไม่ให้อย่าคะนองปาก

ตามข่าวภาคใต้ของไทยแล้วผมก็เครียด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร
ผู้ที่มีอำนาจในมือ ก็ยังไม่เห็นทำอะไรที่เป็นรูปธรรมที่พอมองเห็นได้
เป็นแบบนี้มาสองรัฐบาลแล้ว  ตอนนี้ผมก็เลยไม่อ่านข่าว หรือตามข่าวเรื่องนี้อีกต่อไป เพราะยิงอ่านก็ยิ่งเศร้า
และอึดอัดใจมากๆ 

....ทุกครั้งที่เสียไปมาจากน้ำมือของพวกต่างชาติ แต่คราวนี้ถ้าจะเสียไปด้วยน้ำมือของคนชาติเดียวกัน .... >:(

....ถ้าปล่อยให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้แยกออกไปแล้วต่อไปประเทศไทยจะดำรงอยู่ได้ยังไง... ???

ขอให้สงบไวๆครับ

... ด้วยวิธีใช้ความรุนแรง  ที่พวกมันกระทำอยู่ ไม่มีเสียด้ามขวานหรอกครับ.
    การถึงขึ้นพูดเรื่องสูญเสีย  หรือไม่  มันชี้ขาดด้วยวิธีการทางการเมือง เท่านั้น.
   
    อย่าไปออกอาการ กับปรากฎการณ์ นี้มากนัก . .
    ถูกหยิก ก็ต้องเก็บเสียงบ้างอย่าตะโกนให้ดังเกินไปนัก
    การรบมันก็ต้องมีการสูญเสีย กันบ้าง. เป็นธรรมดา.  :)

คนไทยทุกคน ขอย้ำ คนไทยทุกคน  ต้องตระหนักมีจิตสำนึกถึงความรักชาติและหวงแหนแผ่นดินไทยที่เป็นรูปธรรม  ไม่ใช่เพียงนามธรรม  เมื่อทำได้เช่นนี้ประเทศของเราก็จะฝ่าวิบากกรรมไปได้  แม้จะทำให้คนทุกคนตระหนักมีจิตสำนึกไม่ได้ แต่ขอให้คนส่วนใหญ่ตระหนักมีจิตสำนึก และพร้อมกันผนึกกำลังลุกขึ้นสู้ โดยไม่ต้องกลัวกับผลลัพธ์ที่เราคาดคิดเอาเองว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ทำอะไรลงไป  ขอเพียงเท่านี้...

ฟ้ามีตา  ธรรมย่อมชนะอธรรม  เอาใจช่วยและขอให้คนดีแคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ

ขอบคุณครับ...บางอย่างผมก็พึ่งทราบ... ;)

ไม่เสียให้ใครอีกแล้วใช่ไหมครับ

หมดสิ้นยุคกดขี่ขมเหงรังแก กันแล้ว 
ยุคนี้เป็นยุดที่ใช้เหตุและผล ตัดสิน

ครับ  ผลแพ้ชนะ วัดที่การเมือง  ไม่ได้วัดจากจำนวนความสูญเสีย

ขอบคุณพี่ณัฐมากครับ...

รู้รักสามัคคี
                   เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทในพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ณ ลานพระราชวังดุสิต โดยทรงเน้นเรื่องการรู้จักความสามัคคี เพราะการที่คนไทยรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติไว้ได้ ก็ด้วยอาศัยการรู้รักความสามัคคี รู้จักทำหน้าที่ของแต่ละฝ่ายให้ประสานส่งเสริมกัน ส่วนที่มาของคำว่า รู้รักสามัคคี ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายชัยมงคล ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา วันพุธที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๓๔
"…..เมื่อวานนี้เองในพิธีสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ตอนแรกได้พูดว่าคนไทยเราที่รักษาเอกราชอธิปไตยไว้ได้ ก็โดยอาศัยการที่รู้จักความสามัคคี และรู้จักทำหน้าที่ของแต่ละฝ่าย ให้ประสานส่งเสริมกัน ความจริงเขียนไว้ว่า รู้รักความสามัคคี เดิมเขียนว่า รู้รักสามัคคี แต่กลัวว่าถ้าพูดผิดวรรคตอนเป็น รู้รักสา-มัคคี ก็จะกลายเป็น รู้รักษา แล้ว มัคคี ก็จะไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร ก็เลยเติมคำว่า ความ เข้าด้วย แต่เวลาอ่านตามันลาย เพราะเหตุว่ายิงปืนสลุตแล้วควันของปืนสลุต มันตามลมมามาเข้าตา ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เลยทำให้อ่านว่า รู้จักความสามัคคี ความจริงเขียน รู้รักความสามัคคี และก็ควรจะอ่านว่า รู้รักความสามัคคี….."
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า การที่จะรู้รักสามัคคี ก็ลำบากมากเพราะมีคนมากๆ รู้จักกันทั่วถึงไม่ค่อยได้แต่รู้รักสามัคคี ควรจะใช้ได้เพราะหมายความว่า ทุกคนถือว่าตนเป็นคนไทย มีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม ทุกคนรู้ว่าต้องมีความสามัคคี รู้ ก็คือ ทราบ ทราบความหมายของสามัคคี รัก คือ นิยม นิยมความสามัคคี เพราะเหตุใดคนไทยจึงรู้รักสามัคคี ก็เพราะคนไทยรู้ว่าถ้าหากเมืองไทยไม่ใช้ความสามัคคี ไม่เห็นอกเห็นใจกัน ไม่อะลุ้มอล่วยกัน ไม่มีวันที่จะมีชีวิตรอดได้.

 :) เห็นด้วยตามที่พี่Ro@d กล่าวไว้ครับ