เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 16, 2007, 11:18:44 PM



หัวข้อ: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 16, 2007, 11:18:44 PM
 ;) เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ

          ในความคิดของผู้ที่ต้องมนต์ในรสกลิ่นของกาแฟแล้วนั้น คำนิยามของกาแฟ ซึ่ง ชาร์ลส์ โมริช เดอ ตัลยีรองด์ กล่าวไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 นั้นย่อมไม่เกินเลยไปแม้แต่น้อย

       เรื่องเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาของกาแฟนั้นมีมากมาย เรื่องหนึ่งเล่าขานกันมายาวนานและแพร่หลายคือ เรื่องของคนเลี้ยงแกะจากคาฟฟาเอธิโอเปีย ในปี ค.ศ.1000 เขาค้นพบว่า แกะในฝูงมักจะคึกคักหลังจากกิน "ผลเชอรรี่สีแดง" ชนิดหนึ่งเข้าไป
 
       วันหนึ่งเขาก็ลองกินดูบ้าง หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกสดชื่นคึกคักไม่ต่างกับฝูงแกะของเขา บาทหลวงองค์หนึ่งดุด่าที่เขานำผลไม้แห่งซาตานนั้นมาให้ผู้คนได้รู้จัก
 
       แต่เมื่อทานบาทหลวงได้ลองลิ้มผลของต้นไม้ชนิดเดียวกันนี้ดูบ้าง ท่านก็พบว่า ตนไม่ง่วงนอนขณะสวดมนต์อีกต่อไป
 
       นั่นจึงเป็นที่มาของการนำ ผลเชอรี่สีแดง หรือ ลูกของต้นกาแฟ มาเพื่อ การบริโภค

       ต้น กาแฟนั้นแรกมีที่ เอธิโอเปีย ก่อนจะถูกนำไปปลูกที่อาระเบีย แรกนั้นก็ปลูกให้สัตว์เลี้ยงกิน แต่ว่าชาวเติร์กเป็นชนชาติแรกที่นำกาแฟมา ผ่านกรรมวิธีเพื่อทำเป็นเครื่องดื่ม โดยมักจะเติมเครื่องเทศเข้าไปด้วย
 
       ต่อมากาแฟก็ถูกแนะนำออกไปสู่ดินแดนส่วนอื่นๆ ขณะนั้นคนบางกลุ่มคัดค้านและเรียกกาแฟว่าเป็น "เครื่องดื่มของปีศาจ"
 
       เมื่อโป๊ปวินเซนต์ ที่ 3 ตัดสินพระทัยที่จะลองดื่ม พระองค์จึงได้ค้นพบความอร่อยลึกล้ำของเครื่องดื่มที่ได้รับการยอมรับกว้างขวางขึ้นจนถึงปัจจุบัน
 
       อิตาลีเป็นชาติหนึ่งที่มีกาแฟเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม คอฟฟี่เฮาส์แห่งแรกของโลกเกิดในอิตาลี เครื่องชงเอสเปรสโซเครื่องแรกก็กำเนิดที่นี่ จึงไม่แปลกที่ชื่อและศัพท์ที่ใช้ในแวดวงกาแฟส่วนใหญ่เป็น ภาษาอิตาเลียน

       ด้วยคุณลักษณะอันโดดเด่นทำให้เครื่องดื่มชนิดนี้เป็นที่นิยมของผู้คนมาเนิ่นนาน ในบ้านเรานั้นความนิยมดื่มกาแฟนั้นนับวันดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากการขยายสาขาของกาแฟยี่ห้อดังจากต่างประเทศ รวมทั้งการเปิดตัวของกาแฟแบรนด์ไทย อีกทั้งคอฟฟี่เฮาส์ขนาดเล็กอีกมากมายที่ทำให้คอกาแฟมีตัวเลือก

       ด้วยมนต์แห่งกาแฟ ทำให้ในปัจจุบันความรู้ เรื่องเครื่องกาแฟก็เป็นที่นิยมศึกษา จากทั้งคนที่ปรารถนาจะมีธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟ รวมทั้งคนที่เพียงรักการดื่มกาแฟ
 
       วัชรี ลีวุฒินันท์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและฝึกอบรมของโซลิโต้ เป็นอีกผู้หนึ่งซึ่งทำหน้าที่ฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับกาแฟให้กับบุคลทั่วไป
 
       วัชรี ได้ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการดื่มประเภทนี้ว่า ....สายพันธุ์ของกาแฟนั้นมีอยู่ทั้งหมด 50 กว่าสายพันธุ์
 
       แต่ว่าสายพันธุ์ที่นิยมปลูกเพื่อการค้า มีอยู่ 2 สายพันธุ์คือ อราบิก้า และ โรบัสต้า
 
       ในประเทศไทยนั้นจะนิยมปลูกกาแฟพันธุ์อราบิก้า ทางภาคเหนือ และพันธุ์โรบัสต้า นิยมปลูกทางภาคใต้

       กาแฟพันธุ์อราบิก้า นิยมปลูกมากที่สุดในโลก เป็นกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อมและมีลักษณะเด่นที่ลักษณะของกลิ่น อโรมาหรือเฟลเวอร์ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่มีกาเฟอีน น้อยกว่าโรบัสต้า พันธุ์โรบัสต้า มีรสชาติเข้มจนถึงขม เนื่องจากมีรสชาติที่เข้มจึงเป็นที่นิยมและเหมาะสม ในการผลิตเป็นกาแฟสำเร็จรูป ( Instant Coffee) หรือนำไปคั่วผสม (Blend) กับกาแฟสายพันธุ์อื่น มีกาเฟอีนมากกว่าอราบิก้า

       กาแฟมี 4 คุณลักษณะเด่นคือ อโรมา (Aroma) คือ กลิ่นหรือความรู้สึกแรกที่สัมผัส กาแฟ บอดี้ (Body) คือ ความรู้สึกเต็มอิ่มหรือน้ำหนักที่ทิ้งไว้ในปาก แอซิดิตี้ (Acidity) คือ ความซาบซ่าน กระชุ่มกระชวยที่ได้รับกาแฟ และ เฟลเวอร์ (Flavor) คือ ความรู้สึกโดยรวมที่รู้สึกได้ในปาก

       ก่อนที่เม็ดกาแฟจากต้นจะกลายมาเป็นเครื่องดื่มที่เปี่ยมคุณลักษณะ 4 ประการข้างต้น ต้องผ่านกรรมวิธีมากมาย ที่สำคัญคือ การคั่วเมล็ดกาแฟ อันเป็นปัจจัยสำคัญของรสชาติกาแฟ เวลาและความร้อนเป็นสิ่งที่สร้างรสชาติหลากหลายให้กับกาแฟ
 
ระดับการคั่วเมล็ดกาแฟนั้น แบ่งเป็น
       1. ไลต์ โรสต์ (Light Roast) หรือ ชินนามอน โรสต์ (Cinnamon Roast) เป็นการคั่วแบบอ่อนที่สุด จะได้เมล็ดกาแฟสีน้ำตาลอ่อนแบบช็อกโกแลต

       2. มีเดียม โรสต์ (Medium Roast) หรือ ซิตี้ โรสต์ (City Roast) หรือ ฟูล ซิตี้ โรสต์ (Full City Roast) เป็นการคั่วที่ให้ความเข้มกว่ายังอยู่ในระดับปานกลาง แต่ให้รสชาติไม่เหมือนกัน โดยมีรสเข้มกว่า ออกรสหวานมากกว่าคั่วเมล็ดกาแฟนานประมาณ 11-15 นาที

       3. ดาร์ค โรสต์ (Dark Roast) หรือ เอสเปรสโซ โรสต์ (Espresso Roast) หรือ อิตาเลี่ยน โรสต์ (Italian Roast) คั่วเมล็ดกาแฟนานประมาณ 16-18 นาที เม็ดกาแฟสีเข้มมากจนเกือบดำรสชาติที่ได้จะมีสีความเข้มมาก คล้ายกลิ่นควันที่เกิดจากการคั่ว ซึ่งจะกลบรสชาติอื่นๆ ไว้จนหมด เป็นการคั่วที่ให้กลิ่นกาแฟอย่างเต็มที่ สำหรับกาแฟนั้นยิ่งคั่วนานปริมาณกาเฟอีน และความเป็นกรดยิ่งลดลง

       หลังจากคั่วและบดแล้ว กาแฟก็พร้อมที่จะถูกนำไปชงเพื่อดื่ม การเก็บรักษากาแฟนั้นควรเก็บในที่แห้ง ไม่มีความชื้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดหรือความร้อนโดยตรง ถ้าเปิดซองกาแฟแล้วควรเก็บในภาชนะสุญญากาศและไว้ในที่แห้งและห่างจากแสงแดด กาแฟนั้นมักจะดูดซึมกลิ่นของสิ่งแวดล้อมได้ง่าย กาแฟอาจจะไม่เสีย แต่ว่ากลิ่นและรสจะไม่เหมือนเดิม

       เมื่อมีผงกาแฟแล้ว สิ่งที่เราต้องการคือ อุปกรณ์ชงกาแฟ ซึ่งมีหลายชนิดคือ

       1.ไอบริค (Ibrik) อุปกรณ์ชงกาแฟดั้งเดิมของชาวตะวันออกกลาง ลักษณะเป็นทรงกรวย ทำด้วยทองเหลืองหรือทองแดง การชงกาแฟในสไตล์ตะวันออกกลางจะเติมเครื่องเทศ ทำให้มีรสชาติที่แตกต่าง และในน้ำกาแฟมีผงของเม็ดกาแฟเหลืออยู่ ปัจจุบันยังมีการใช้เครื่องชงประเภทนี้อยู่

       2.แก้วชงกาแฟ (Coffee Plunger) หรือ เฟรนช์ เพรส (French Press) ชงโดยใช้ลูกสูบลักษณะของแก้วเป็นทรงกระบอกที่มีก้านโลหะอยู่ตรงกลาง มีส่วนที่ยื่นออกไปด้านบนสุดของก้านที่เป็นที่จับประกอบด้วยแผ่นกรอง (Filter) สแตนเลสสตีล ใช้กับกาแฟที่คั่วบดหยาบ

       3.เครื่องชงกาแฟแบบหยด (Drip) หรือแบบ กรอง ใช้หลักในการให้น้ำร้อนผ่านกาแฟคั่วบูนปานกลางที่บรรจุอยู่ในกระดาษกรอง แล้วน้ำกาแฟก็จะค่อยๆ หยดลงไปในโถรองด้านล่าง เครื่องนี้ต้องให้ความสำคัญกับความร้อนของน้ำที่ผ่านกาแฟ

       4.เครื่องชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ (Espresso Machine) การใช้น้ำร้อนที่มีแรงดันน้ำในหม้อต้ม (Boiler) อัดผ่านกาแฟคั่วบดละเอียดที่อัดในบล็อก (Porta Filter) ทำให้ได้หัวกาแฟเข้มข้นออกมา เครื่องชงแบบนี้ก็แบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น Super , Semi และ Fully Automatics

       เมื่อพูดถึงกาแฟ สิ่งที่ต้องพูดถึงคือ คาเฟอีน ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในกาแฟ จากการศึกษาพบว่าหากบริโภคกาเฟอีนจำนวน 250-600 มิลลิกรัมเป็นประจำทุกวันจะไม่เป็นผลร้ายต่อคนทั่วไป ปริมาณกาเฟอีนจากเครื่องดื่ม 1 ถ้วย (ปริมาณ 150 มิลลิลิตร) ถ้าเป็นกาแฟดำจะมีปริมาณกาเฟอีน 30-120 มิลลิกรัม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่าละคนที่แตกต่างกัน

       และ หากเป็นนักดื่มกาแฟแท้แล้วคงต้องทำความรู้จักกับ เอสเปรสโซ ซึ่งหมายความถึงทั้งระดับการคั่วบด เพื่อดึงรสชาติของกาแฟออกมาให้มีความเข้มข้นของรสชาติและมีกลิ่นหอมหวาน คล้ายคาราเมลหรือที่เรียกว่า เอสเปรสโซยังเป็นชื่อเรียกระดับการบดที่ละเอียดมากเกือบเป็นผงว่าการบดแบบ เอสเปรสโซ

       กว่าจะได้ช็อตของเอสเปรสโซที่สมบูรณ์เพื่อรสชาติและกลิ่นอันพอเหมาะ มีหลายปัจจัยทั้งด้วยอุณหภูมิของน้ำร้อน ซึ่งควรอยู่ที่ 92-96 องศาเซลเซียส รวมทั้งการบดเม็ดกาแฟที่ละเอียดเหมาะสำหรับการใช้กับเครื่องชงเอสเปรสโซ นอกจากนั้นก็ต้องใช้ปริมาณกาแฟที่เหมาะสม ฯลฯ

       หลัง จากผ่านการชงจากเครื่องแล้ว เราก็จะได้กาแฟอันเข้มข้น ซึ่งจะเรียกว่า เอสเปรสโซ สามารถเสิร์ฟได้ทันที
       1 ช็อตของเอสเปรสโซก็ราว 1-2 ออนซ์
       เคล็ดลับของการดื่มเอสเปรสโซคือ มันจะมีอายุแค่ 10 วินาที จากนั้นก็จะตาย กลายเป็นกาแฟที่ขมไม่ได้รส
       หลังจากออกจากเครื่องแล้วพนักงานจะเสิร์ฟให้ผู้สั่งอย่างเร่งด่วน และผู้ดื่มก็ต้องดื่มทั้งๆ ที่ยังร้อนนั่นเองจึงกลายเป็นที่มาของการดื่มเสียงดังรวดเร็ว (Slurp) เพราะว่า จะช่วยให้ลดความร้อนของกาแฟได้
       เอสเปรสโซ จึงไม่ใช่เครื่องดื่มกาแฟสำหรับคนที่ชอบละเลียดดื่ม หรือคนที่ชอบกาแฟรสชาติอ่อนนุ่ม

       เอสเปรสโซ จะถูกนำมาชงเป็นเครื่องดื่มกาแฟแบบอื่นๆ อย่าเช่น เอสเปรสโซ มัคเคียอะโต (Espresso Macchiato) ซึ่งเป็นการนำกาแฟเข้มข้นมาเติมด้วยฟองนม (ในเครื่องชงเอสเปรสโซนั้น โดยปกติจะมีเครื่องตีฟองนมติดตั้งมาด้วย ทำได้โดยการนำนมใส่ในเหยือกแล้วนำไปตีกับเครื่อง ซึ่งจะส่งความร้อนให้นมอุ่นและส่วนบนจะกลายเป็นฟอง)
       ส่วนเอสเปรสโซ คอนพันนา (Espresso Conpanna) เป็นกาแฟเข้มข้นที่ราดด้านบนด้วยวิปครีม

       เอสเปรสโซสามารถนำมาผสมเป็นเครื่องดื่มร้อนอื่นๆ คือ คัฟเฟ่ ลาเต้ (เอสเปรสโซผสมด้วยนมร้อนเต็มแก้ว และฟองนม) คาปูชิโน (เอสเปรสโซและนมร้อนประมาณครึ่งแก้ว พร้อมฟองนมจนเต็มแก้ว) คัฟเฟ่ มอคค่า (เอสเปรสโซผสมมอคคาไซรัปหรือซ็อกโกแลต ตามมาด้วยนมร้อนจนเต็มแก้ว) คัฟเฟ่ อเมริกาโน (เอสเปรสโซผสมน้ำร้อน) นอกจากนั้นแอสเปรสโซก็นำมาผสมเครื่องดื่มเย็น เช่น ไอซ์ลาเต้ (เอสเปรสโซ ซ็อกโกแลต นมสด และน้ำแข็ง) ไอซ์อเมริกาโน (เอสเปรสโซ น้ำ และน้ำแข็ง) ฯลฯ

       ความรู้เกี่ยวกับกาแฟอาจจะทำให้บางคนรู้จักเครื่องดื่มแก้วโปรดมากขึ้น แต่นั่นคงจะไม่มีผลอะไรนักเกี่ยวกับความนิยม
       จากการสำรวจในปี ค.ศ.1995 พบว่า มีการบริโภคกาแฟมากถึงสี่แสนล้านถ้วยถูกบริโภคในแต่ละปี นั่นจึงทำให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหตุผลที่ผู้คนบริโภคเครื่องดื่มชนิดนี้มากขนาดนั้นอาจจะแตกต่างกันไป แต่เชื่อว่า ส่วนใหญ่แล้วเพราะหลงใหลในเสน่ห์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งหลายๆ คนนิยามไว้แตกต่างกันไป


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: UNCLE JO ที่ มิถุนายน 17, 2007, 12:06:32 AM
เป็นคนหนึ่งที่ดื่มกาแฟ

ชอบทั้งรสชาดและกลิ่นที่หอมกรุ่น
นับว่าโชคดี ที่เดี๋ยวนี้เวลาเดินทาง มีกาแฟดื่มสะดวกดี


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ มิถุนายน 17, 2007, 12:26:27 AM
 หลัง จากผ่านการชงจากเครื่องแล้ว เราก็จะได้กาแฟอันเข้มข้น ซึ่งจะเรียกว่า เอสเปรสโซ สามารถเสิร์ฟได้ทันที
       1 ช็อตของเอสเปรสโซก็ราว 1-2 ออนซ์


เจอที่ใหน ต้องชิมครับ ตามกลิ่นไป จนเจอ ยิ่งคนชงแจ่มๆ รสชาติยิ่งดีครับ 55

เมื่อได้อารมณ์ดื่ม เอสเปรสโซ ผมจะซัดในรูปแบบของมันครับ โนชูการ์ ซู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 17, 2007, 12:52:15 AM
ผมก็นิยมกาแฟครับ...

แต่ตอนหลังไม่มีเวลาชงแล้ว...

กินแต่อินสแตนท์อย่างเดียว...::)


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 17, 2007, 06:30:34 AM

       ชีวิตประจำวันผมเป็นคนไม่ดื่มกาแฟ  เลยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องชื่อและรสชาดของมัน

       อีกทั้งเดี๋ยวนี้เห็นชื่อต่างชาติแปลกๆ ราคาแก้วนึงกินข้าวแกงได้สามมื้อ ... แพงจัง



หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ มิถุนายน 17, 2007, 07:57:23 AM
แต่ก่อน.ดื่มเช้า-บ่าย..เดี๋ยวนี้เหลือแต่ตอนเช้าถ้วยเดียวครับ... ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: yotinpen ที่ มิถุนายน 17, 2007, 08:35:10 AM
ผมอย่างน้อยก็วันละ 2 แก้ว ครับ ที่แพง ๆ ไม่นิยมครับ ชอบแบบเดิม ๆ ที่ชงแบบใส่นม


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 17, 2007, 08:45:17 AM
อย่างน้อยก็ตอนเช้าวันละแก้วครับ ไม่อย่างนั้นจะง่วงนอนทั้งวันเลย


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ มิถุนายน 17, 2007, 09:35:31 AM
เคย3ถ้วยตอนนี้เหลือถ้วยเดียวครับ   


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: U505 ที่ มิถุนายน 17, 2007, 09:40:36 AM
รักกาแฟ..
อุดหนุนเครื่องต้มกาแฟ ยี่ห้อ Schaerer จาก Switzerland บ้างนะครับ
ผมจะได้มีงานทำเรื่อยๆ..
เพราะผลิต-ประกอบชุดสายไฟในเครื่องให้เขาอยู่ครับ คุณWatt  ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 17, 2007, 11:35:00 AM
ดื่มกาแฟอย่างไร ไม่เสียสุขภาพ
    เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา กาแฟและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนถูกโจมตีว่า ทำให้เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิต เป็นหมัน ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้หรือทารกน้ำหนักน้อย เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ ซีสต์ในเต้านม และกระดูกพรุน แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันเปิดเผยว่าการดื่มกาแฟเพียงวันละ 1-2 ถ้วยนั้นปลอดภัย และอาจให้ผลดี ถ้าดื่มให้เป็น

     รายงานผลการวิจัยจากฟินแลนด์และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า คนที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงการเกิดเบาหวานประเภท 2 น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม ความเสี่ยงที่ลดลงเป็นสัดส่วนกับปริมาณกาแฟที่ดื่ม และกาแฟไร้คาเฟอีนให้ผลน้อยกว่า ส่วนชาไร้คาเฟอีนและเครื่องดื่มอื่นๆที่มีคาเฟอีนไม่ให้ผลเหมือนกาแฟ แต่นักวิจัยก็เตือนว่าอย่าเพิ่งมั่นใจจนหันไปโหมกาแฟ เพราะนักวิจัยยังต้องติดตามการวิจัยอีกมาก

      นอกจากนี้กาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคพาร์คินสัน ลดอันตรายจากตับในผู้ที่มีความเสี่ยงโรคตับ ลดอาการหอบในผู้ที่มีโรคหอบหืด เพิ่มความจำ และสำหรับนักกีฬาเพิ่มความทนและความอึดในกีฬาที่ต้องใช้เวลานาน
  สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟเพราะต้องการแก้ง่วง นักวิจัยแนะนำให้ดื่มปริมาณน้อยๆ แต่กระจายการดื่มออกไปตลอดวัน เช่น แทนที่จะดื่มถ้วยใหญ่ 16 ออนซ์ (500 มล .) ในตอนเช้า ให้ดื่มเพียงครั้งละ 2-3 ออนซ์ (60-90 มล ) แต่บ่อยขึ้น กาแฟจะเริ่มออกฤทธิ์ใน 15 นาทีและจะอยู่ในร่างกายนานหลายชั่วโมง และต้องใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงกว่าที่จะถูกขจัดออกจากร่างกาย

ของดีในกาแฟ
    นักวิจัยของศูนย์วิจัยใหญ่ในสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งมีบริษัทขายกาแฟรายใหญ่ของโลกพบว่า เมล็ดกาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียวถึง 4 เท่า และยังมากกว่าโกโก้ ชาสมุนไพรและไวน์แดงอีก ที่มากกว่าเพราะผู้บริโภคดื่มกาแฟมากกว่าเครื่องดื่มอื่นๆ แต่สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟแต่ละถ้วยและแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เท่ากันขึ้นกับชนิดของกาแฟ

    กาแฟพันธุ์โรบัสต้า (Robusta) มีสารต้านอนุมูลอิสระและคาเฟอีนมากกว่าพันธ์อราบิก้า (Arabicas) ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากวิธีการคั่วกาแฟ และปริมาณกาแฟที่ละลายแต่ละถ้วย   รวมทั้งยังขึ้นอยู่กับวิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาและปริมาณกาแฟที่ใช้ด้วย

ข้อควรระวังในกาแฟ
   คอกาแฟอย่าเพิ่งย่ามใจกับข้อมูลด้านดีๆ เพราะองค์ประกอบหลักของกาแฟคือสารคาเฟอีนซึ่งเป็นเป็นสารกระตุ้น จึงมีผลต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจพอสมควร โดยทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพิ่มความดันโลหิต และทำให้หัวใจเต้นผิดปกติในบางครั้ง งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยโทรอนโทเปิดเผยว่า   การดื่มกาแฟมากอาจเพิ่มความเสี่ยงหัวใจวายเฉียบพลันในผู้ที่มียีนขจัดคาเฟอีนช้า ทำให้คาเฟอีนอยู่ในกระแสเลือดนานขึ้น แต่สำหรับคนที่มียีนปกติที่ขจัดคาเฟอีนได้เร็วกาแฟก็จะไม่มีผล   

    ถึงอย่างไรนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเพียง 1-2 ถ้วยจะไม่มีผลต่อการเกิดหัวใจวายเฉียบพลันไม่ว่ามียีนอย่างไร แต่การดื่มวันละ 4 แก้วขึ้นไปไม่ให้ผลดีขึ้น ดังนั้น ควรดื่มแต่พอควร เพราะปัจจุบันการตรวจยีนยังไม่ได้มีใช้กันเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป และยีนที่แตกต่างกันทำให้ผลการวิจัยทางโภชนาการที่สัมพันธ์กับโรคต่างๆ ที่ออกมามีข้อมูลขัดแย้งกันจนเกิดความสับสน

    ส่วนผลของกาแฟต่อสุขภาพผู้หญิงก็ยังไม่มีผลวิจัยชัดเจน ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ซีสต์ในเต้านมหรือกระดูกพรุนหรือไม่ การเดินสายกลางจึงดีที่สุด   ผู้ที่ดื่มกาแฟสกัดคาเฟอีน อาจคิดว่าปลอดภัย แต่นักวิจัยเตือนว่า กาแฟสกัดคาเฟอีนอาจเพิ่มระดับกรดไขมันในเลือดให้สร้างแอลดีแอล ซึ่งเป็นคอเลสเทอรอลตัวร้ายได้ เพราะในกระบวนการสกัดคาเฟอีนจะสกัดเอาสารเฟลโวนอยด์ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและสารอื่นๆ ที่ให้รสชาติกาแฟแท้ๆ ออกไปด้วย นอกจากจะอร่อยน้อยลงแล้วยังมีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย

ข้อควรปฎิบัติ

เลี่ยงกาแฟที่ใช้หม้อต้มแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย เพราะจะมีสารไดเทอร์พีนสูง เพิ่มระดับคอเลสเทอรอลในเลือด ควรเลือกกาแฟสำเร็จรูปที่ละลายน้ำ หรือชนิดกรองหยด และเอสเพรสโซ ซึ่งจะมีผลน้อยกว่า
ถ้าต้องเลือกกาแฟสกัดคาเฟอีน ควรเลือกชนิดที่ใช้กระบวนการสกัดธรรมชาติ (Swiss Water Process) ตรวจสอบยี่ห้อได้จาก SwissWater.com
สำหรับผู้ที่เลี่ยงกาแฟอยู่แล้ว ไม่ควรหันมาดื่มเพียงเพื่อต้องการผลดีจากคาเฟอีน โดยเฉพาะคนที่ร่างกายไวต่อกาแฟ การดื่มอาจยิ่งเพิ่มผลเสีย เช่น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตสูงขึ้น กระวนกระวาย นอนไม่หลับ กระเพาะหลั่งกรดออกมามากเกินควร ทำให้ปวดท้อง และเป็นสารขับปัสสาวะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น ดังนั้นทุกครั้งที่ดื่มกาแฟควรดื่มน้ำตามไปชดเชยด้วย

ระวังสิ่งที่เติมลงในกาแฟ เช่น ครีม นมไขมันเต็ม น้ำตาล น้ำผึ้ง เพราะเท่ากับเติมพลังงานส่วนเกิน   
กาแฟมาตรฐาน 1 ถ้วย มีขนาด 5-6 ออนซ์หรือ 150-180 มล . แต่ที่ขายโดยทั่วไปนั้นมีขนาด 12 ออนซ์หรือ 360 มล . ซึ่งมากกว่าถึง 2 เท่า ดังนั้น ควรจำกัดการดื่มให้ไม่เกิน 5 ถ้วย ซึ่งเป็นปริมาณที่ใช้ในการศึกษาวิจัย 
 
สารคาเฟอีนเป็นสารธรรมชาติที่พบในอาหารอื่นด้วย เช่นใบชา เมล็ดโคลา โกโก้   ช็อคโกแลต น้ำอัดลมสีดำ และยาบางชนิด ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับคาเฟอีนเกินควร จึงต้องตรวจสอบพฤติกรรมของตัวเองเสมอ
 

ที่มา : http://www.healthandcuisine.com/hc2004/you.asp


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: pu ที่ มิถุนายน 17, 2007, 11:49:12 AM
ผมไม่ดืมกาแฟครับแต่ชอบกลิ่นของกาแฟมากครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ มิถุนายน 17, 2007, 01:32:18 PM
ด้วยความเคารพครับ...กาแฟสำหรับผมขาดไม่ได้ครับ ทุกเช้าต้องหนึ่งแก้วครับ... ;)

ก็เป็นกาแฟชงง่ายๆ สำหรับผม เขาช่อง 100% ใส่น้ำตาลนิดเดียว ประมาณ 10% ของปริมาณกาแฟที่ใส่ครับ... :D






หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: neo1 ที่ มิถุนายน 17, 2007, 02:04:02 PM
เมื่อก่อนผมเคยทำงานร้านกาแฟ B.C.Y อยู่7ปีมีสูตรกาแฟจำอยู่ในหัวบ้าง แต่ตอนนี้มีสูตรใหม่ๆเข้ามามากมายไปหมดไม่รู้เรื่องเลย :~) :~)ลาออกมานานแล้วครับ :D :D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ มิถุนายน 17, 2007, 10:31:10 PM
ขอบคุณมากครับพี่Watt


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Kenny ที่ มิถุนายน 18, 2007, 02:26:33 AM
ตั้งแต่ผมไปวังบูรพาผมก็ไม่อยากกินกาแฟอีกเลยครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Zeus-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 18, 2007, 09:27:34 AM
อ่านแล้วอยากครับ แฮ่ ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ หน้าต้องกระเสือกระสนกลับไปกินดับเบิ้ลเอสเปรสโซที่ร้านกาแฟสด(บ้านผมเอง) ไม่นม ไม่ครีม ไม่น้ำตาล ขอแค่ลวกถ้วยกาแฟด้วยน้ำร้อนก่อนชง ก็พอ :D~


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มิถุนายน 18, 2007, 01:06:22 PM
...ผมหลงเสน่ห์ปีศาจตนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น วันใดไม่ได้ลิ้มรสมัน เป็นมีอาการปวดหัวตึบ ๆ ...;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: S.W.A.T ที่ มิถุนายน 18, 2007, 01:23:19 PM
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 18, 2007, 01:49:21 PM

ขอบคุณมากครับ คุณ watt.  :D
กาแฟ เป็นเหมือนของเหลว ร้อน มีชีวิต..  ที่ถูกฆ่าให้ตายไปแล้ว . ;D

ผมจะเลือกแต่กาแฟสด .. ต้มเอง ๒-๓ แก้ว/วัน.. เจือครีม น้ำตาลไม่ต้อง
ความรู้สึกผม กาแฟ .. จะได้กลิ่นและรสชาติดี มาก มาก..  ต้องขอคนอื่นชงให้..  ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Army - รักในหลวงครับ ที่ มิถุนายน 18, 2007, 02:30:53 PM
ผมชอบดื่มกาแฟเย็นมากเลยครับ แต่ชงไม่เป็นต้องให้คนอื่นชงให้หรือไม่ก็ซื้อกินไปเลย  :D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: สีอำพัน-รักในหลวง ที่ มิถุนายน 18, 2007, 02:41:36 PM
ผมเอง ก็อย่างน้อยวันละแก้ว ตื่นเช้ามาภาระกิจแรกต้องเดินมาเสียบกาต้มน้ำที่ครัวก่อนจะทำอย่างอื่นครับ
ขงเองบ้าง ลูกชงบ้าง แฟนบ้าง ครับ ผมเองกินง่าย กาแฟช้อนพูนช้อนเดียวกับน้ำร้อนสามส่วนสี่แก้ว ก็พอแล้วครับผม


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มิถุนายน 18, 2007, 02:48:52 PM
ผมก็ชอบครับ 
วันปกติก็เป็นกาแฟสำเร็จรูป   วันเสาร์ก็ไปดื่มกาแฟเอสเปรสโช่ร้านดอยคำ (ให้เยอะดี หอมด้วย)
หน้าฝนนี้ตั้งใจจะลงกาแฟที่ท้ายสวนสัก 10-15 ต้น  เก็บผลได้ผ่านกระบวนการกะเทาะเปลือก  แล้วสีออกมาเป็นเม็ดๆ  เก็บไว้คั่ว ชงเอง ดื่มเอง  อาจจะวุ่นวายลิเกไปหน่อยแต่ก็ สุขใจครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Jono ที่ มิถุนายน 18, 2007, 03:14:56 PM
ผมก้อด้วยคนครับ ชอบกาแฟ  คุยเรื่องอื่นไม่ค่อยรู้เรื่อง เรื่องกาแฟชอบฟังครับ  จำกัดตัวเองวันละไม่เกินสองถ้วย  เป็นแบบสดครับ อ้อ ผมมีอาราบีก้าแท้(สีเหลือง) ท่านใดสนใจเชิญครับ ผมอยู่ใกล้ ๆ ศรภ. ผ่านมาจิบกาแฟวิจารณ์ปืนได้ครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มิถุนายน 18, 2007, 03:33:30 PM
อ่านกระทู้นี้แล้ว ตอบกระทู้เสร็จ  ลมปราณแตกซ่าน  ผมก็เลยไปชงอีกแก้วนึง  ฮ่า ฮ่าๆ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: FUFUFUFU ที่ มิถุนายน 18, 2007, 03:43:11 PM
        ขอบคุณมากครับ คุณWatt


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: ลานดาว ที่ มิถุนายน 18, 2007, 04:13:22 PM

ขอบคุณมากครับ คุณ watt. :D
กาแฟ เป็นเหมือนของเหลว ร้อน มีชีวิต.. ที่ถูกฆ่าให้ตายไปแล้ว . ;D

ผมจะเลือกแต่กาแฟสด .. ต้มเอง ๒-๓ แก้ว/วัน.. เจือครีม น้ำตาลไม่ต้อง
ความรู้สึกผม กาแฟ .. จะได้กลิ่นและรสชาติดี มาก มาก.. ต้องขอคนอื่นชงให้.. ;D

ของดาว..ตรงข้ามกับพี่ Ro@d
กาแฟ + น้ำตาล แต่เป็น
กาแฟขอ น้ำตาลฟรี ชงเองค่ะ. ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: korpat ที่ มิถุนายน 18, 2007, 04:58:02 PM
วันนี้ 2 แก้วแล้วครับ  ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มิถุนายน 18, 2007, 11:59:14 PM
แนะนำกาแฟดีราคาไม่แพง ที่ร้านดอยคำ เป็น arabica ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช้เมล็ดพรีเบอรี่(เมล็ดปลายกิ่งมีกิ่งละเมล็ดเท่านั้นให้รสชาติเข้มข้นที่สุดส่วนเมล็ดอื่นๆส่งโรงงานเนสกาแฟ)250กรัม ร้อยกว่าบาทครับมีขายที่ร้านแม่ฟ้าหลวง รสเข้มข้นสู้กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นนำของโลกได้เลย ให้ body คล้ายๆกาแฟจากอินโดฯ มีข้อด้อยที่ aroma ข้อเดียวเท่านั้น กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นดีทั้งจาก arabia อินโด และอเมริกาใต้ จะมีครบทั้ง 4 อย่าง อย่างที่พี่ watt บอกเอาไว้ แต่กาแฟดอยตุงมีดีที่ body acidity flavor ขาดแต่ aromaเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีให้ชงผสมกับเมล็ดกาแฟarabian mocha(ซื้อที่ร้านสตาร์บัคจะมีseal สูญญากาศและมีวันหมดอายุบอกmocha นี่ไม่ใช่ กาแฟผสมช็อคโกแล็ตนะครับ แต่เป็นชนิดของกาแฟ ที่จะให้ aroma ของเครื่องเทศ และมีเผ็ดนิดนึงที่ปลายลิ้นถ้าชงด้วยarabian mocha อย่างเดียวจะเอียนกลิ่นเครื่องเทศมากเกินไป โดยทั่วไป barista จะนิยมผสม กับ กาแฟจากอินโดที่ให้รสชาติหนักแน่นแต่ aroma ปานกลาง) จาก arabia ครึ่งหนึ่ง พอผสมอย่างนี้แล้ว จะได้ทั้ง4 สัมผัสของกาแฟครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้รสคล้ายๆ java ผสมกับ arabian mocha ครับ ถ้าจะให้ได้รสกาแฟสมบูรณ์ที่สุดต้องชงด้วยเครื่อง espresso แบบหม้อต้มไอ้น้ำ ซึ่งจะให้รสชาติที่ดีกว่าเครื่องespreso ไฟฟ้ามาก(เครื่อง ชง espresso ไฟฟ้า คอกาแฟถือว่าเป็นเครื่องทำลายรสชาติกาแฟ กาแฟกิโลละ หลายๆพัน กับกิโลละไม่กี่ร้อย ชงด้วยเครื่องแบบนี้จะให้รสชาติแตกต่างกันน้อยมาก) แต่ถ้าเอาสะดวก ก็ต้องใช้เครื่อง french press(คอกาแฟบางคนบอกว่าชงด้วยfrench press เป็นวิธีที่ให้รสชาติของกาแฟดีที่สุดเพราะเป็นการบีบอัดน้ำ ไม่ใช่แค่อัดไอน้ำผ่านแบบespresso) ซื้อของ bodum หรือ sario ราคาประมาณพันบาท ซึ่ง frenc press ก็จะให้รสชาติที่ดีกว่า เครื่องespresso อัตโนมัติเช่นกัน อีกสิ่งที่สำคัญพอๆ กับวิธีชงก็คือ การบด เมล็ดกาแฟจะให้คุณภาพการชงที่ดีจะต้องบดใหม่ๆและได้ขนาดเกรนที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ควรบดมาจากร้านครับ ถ้าใครอยากได้รสชาติกาแฟที่ดีลองซื้อ french press ประมาณพันบาท เครื่องบดมือของ sanrio ก็ประมาณพันกว่าบาท กาต้มน้ำแบบแก้ว(ต้องใช้แก้วเพราะเวลาต้มพอเห็นฟองปุดปุ๊บเราก็ปิดไฟทันทีจะได้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ96องศาเซลเซียส)ทนไฟของ sario ประมาณห้าร้อยบาท ทั้งชุด 3 อย่าง สองพันกว่าบาท รับรองว่าจะให้รสชาติและกลิ่นกาแฟที่ดีกว่า เครื่องชงespresso ไฟฟ้าราคาหลายหมื่นบาทหลายเท่าครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 19, 2007, 12:29:26 AM
อ่านคำตอบของท่าน nars แล้ว เลยต้องไปรื้อดู french press ของตัวเอง...

ฝุ่นเกาะเพียบเลย ไม่ได้ชงมาเป็นปีแล้วมั้ง...:~)


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มิถุนายน 19, 2007, 01:56:23 AM
อ่านคำตอบของท่าน nars แล้ว เลยต้องไปรื้อดู french press ของตัวเอง...

ฝุ่นเกาะเพียบเลย ไม่ได้ชงมาเป็นปีแล้วมั้ง...:~)
พี่หมอลองชงดูครับ ใส่ผงกาแฟ สูงจากก้น french pressสักครึ่งนิ้ว หรือมากน้อยกว่านี้แล้วแต่ชอบ ใส่น้ำร้อน96 องศา ทิ้งไว้5 นาที แล้วกด press จะได้กาแฟที่คั้นออกมาจากทุกเกรนของเมล็ดกาแฟ แต่ต้องดู ขดสปริงกับแผ่นกรองว่าแน่นหรือไม่ ถ้าเป็นของ sanrio กับ budum นี่แผ่นกรองจะแน่นมากครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ มิถุนายน 19, 2007, 06:44:20 AM
ขอบคุณครับพี่WATT...ผมไม่ดื่มเป็นประจำครับ

แต่ถ้าดื่มก็เป็นกาแฟดำครับ...ใส่กาแฟพอให้น้ำเข้มกว่าน้ำชาหน่อยนึงไม่ใส่น้ำตาล

แค่นี้ก็บีบหัวใจ,มือสั่น,ความดันกระฉูดแล้วล่ะครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ มิถุนายน 19, 2007, 09:58:04 AM
ผมก็ ชอบดื่มกาแฟครับ
ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลย ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Udomkd ที่ มิถุนายน 19, 2007, 10:03:31 AM
แนะนำกาแฟดีราคาไม่แพง ที่ร้านดอยคำ เป็น arabica ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช้เมล็ดพรีเบอรี่(เมล็ดปลายกิ่งมีกิ่งละเมล็ดเท่านั้นให้รสชาติเข้มข้นที่สุดส่วนเมล็ดอื่นๆส่งโรงงานเนสกาแฟ)250กรัม ร้อยกว่าบาทครับมีขายที่ร้านแม่ฟ้าหลวง รสเข้มข้นสู้กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นนำของโลกได้เลย ให้ body คล้ายๆกาแฟจากอินโดฯ มีข้อด้อยที่ aroma ข้อเดียวเท่านั้น กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นดีทั้งจาก arabia อินโด และอเมริกาใต้ จะมีครบทั้ง 4 อย่าง อย่างที่พี่ watt บอกเอาไว้ แต่กาแฟดอยตุงมีดีที่ body acidity flavor ขาดแต่ aromaเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีให้ชงผสมกับเมล็ดกาแฟarabian mocha(ซื้อที่ร้านสตาร์บัคจะมีseal สูญญากาศและมีวันหมดอายุบอกmocha นี่ไม่ใช่ กาแฟผสมช็อคโกแล็ตนะครับ แต่เป็นชนิดของกาแฟ ที่จะให้ aroma ของเครื่องเทศ และมีเผ็ดนิดนึงที่ปลายลิ้นถ้าชงด้วยarabian mocha อย่างเดียวจะเอียนกลิ่นเครื่องเทศมากเกินไป โดยทั่วไป barista จะนิยมผสม กับ กาแฟจากอินโดที่ให้รสชาติหนักแน่นแต่ aroma ปานกลาง) จาก arabia ครึ่งหนึ่ง พอผสมอย่างนี้แล้ว จะได้ทั้ง4 สัมผัสของกาแฟครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้รสคล้ายๆ java ผสมกับ arabian mocha ครับ ถ้าจะให้ได้รสกาแฟสมบูรณ์ที่สุดต้องชงด้วยเครื่อง espresso แบบหม้อต้มไอ้น้ำ ซึ่งจะให้รสชาติที่ดีกว่าเครื่องespreso ไฟฟ้ามาก(เครื่อง ชง espresso ไฟฟ้า คอกาแฟถือว่าเป็นเครื่องทำลายรสชาติกาแฟ กาแฟกิโลละ หลายๆพัน กับกิโลละไม่กี่ร้อย ชงด้วยเครื่องแบบนี้จะให้รสชาติแตกต่างกันน้อยมาก) แต่ถ้าเอาสะดวก ก็ต้องใช้เครื่อง french press(คอกาแฟบางคนบอกว่าชงด้วยfrench press เป็นวิธีที่ให้รสชาติของกาแฟดีที่สุดเพราะเป็นการบีบอัดน้ำ ไม่ใช่แค่อัดไอน้ำผ่านแบบespresso) ซื้อของ bodum หรือ sario ราคาประมาณพันบาท ซึ่ง frenc press ก็จะให้รสชาติที่ดีกว่า เครื่องespresso อัตโนมัติเช่นกัน อีกสิ่งที่สำคัญพอๆ กับวิธีชงก็คือ การบด เมล็ดกาแฟจะให้คุณภาพการชงที่ดีจะต้องบดใหม่ๆและได้ขนาดเกรนที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ควรบดมาจากร้านครับ ถ้าใครอยากได้รสชาติกาแฟที่ดีลองซื้อ french press ประมาณพันบาท เครื่องบดมือของ sanrio ก็ประมาณพันกว่าบาท กาต้มน้ำแบบแก้ว(ต้องใช้แก้วเพราะเวลาต้มพอเห็นฟองปุดปุ๊บเราก็ปิดไฟทันทีจะได้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ96องศาเซลเซียส)ทนไฟของ sario ประมาณห้าร้อยบาท ทั้งชุด 3 อย่าง สองพันกว่าบาท รับรองว่าจะให้รสชาติและกลิ่นกาแฟที่ดีกว่า เครื่องชงespresso ไฟฟ้าราคาหลายหมื่นบาทหลายเท่าครับ



ถ้าผมผ่านไร่ของท่าน ผมขออนุญาติแวะเข้าไปดื่มกาแฟ สักถ้วย คงได้บรรยากาศ ที่แจ่ม มากๆเลย ครับ อิๆ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มิถุนายน 19, 2007, 12:08:02 PM
แนะนำกาแฟดีราคาไม่แพง ที่ร้านดอยคำ เป็น arabica ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช้เมล็ดพรีเบอรี่(เมล็ดปลายกิ่งมีกิ่งละเมล็ดเท่านั้นให้รสชาติเข้มข้นที่สุดส่วนเมล็ดอื่นๆส่งโรงงานเนสกาแฟ)250กรัม ร้อยกว่าบาทครับมีขายที่ร้านแม่ฟ้าหลวง รสเข้มข้นสู้กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นนำของโลกได้เลย ให้ body คล้ายๆกาแฟจากอินโดฯ มีข้อด้อยที่ aroma ข้อเดียวเท่านั้น กาแฟจากแหล่งปลูกชั้นดีทั้งจาก arabia อินโด และอเมริกาใต้ จะมีครบทั้ง 4 อย่าง อย่างที่พี่ watt บอกเอาไว้ แต่กาแฟดอยตุงมีดีที่ body acidity flavor ขาดแต่ aromaเท่านั้น แต่ถ้าจะให้ดีให้ชงผสมกับเมล็ดกาแฟarabian mocha(ซื้อที่ร้านสตาร์บัคจะมีseal สูญญากาศและมีวันหมดอายุบอกmocha นี่ไม่ใช่ กาแฟผสมช็อคโกแล็ตนะครับ แต่เป็นชนิดของกาแฟ ที่จะให้ aroma ของเครื่องเทศ และมีเผ็ดนิดนึงที่ปลายลิ้นถ้าชงด้วยarabian mocha อย่างเดียวจะเอียนกลิ่นเครื่องเทศมากเกินไป โดยทั่วไป barista จะนิยมผสม กับ กาแฟจากอินโดที่ให้รสชาติหนักแน่นแต่ aroma ปานกลาง) จาก arabia ครึ่งหนึ่ง พอผสมอย่างนี้แล้ว จะได้ทั้ง4 สัมผัสของกาแฟครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้รสคล้ายๆ java ผสมกับ arabian mocha ครับ ถ้าจะให้ได้รสกาแฟสมบูรณ์ที่สุดต้องชงด้วยเครื่อง espresso แบบหม้อต้มไอ้น้ำ ซึ่งจะให้รสชาติที่ดีกว่าเครื่องespreso ไฟฟ้ามาก(เครื่อง ชง espresso ไฟฟ้า คอกาแฟถือว่าเป็นเครื่องทำลายรสชาติกาแฟ กาแฟกิโลละ หลายๆพัน กับกิโลละไม่กี่ร้อย ชงด้วยเครื่องแบบนี้จะให้รสชาติแตกต่างกันน้อยมาก) แต่ถ้าเอาสะดวก ก็ต้องใช้เครื่อง french press(คอกาแฟบางคนบอกว่าชงด้วยfrench press เป็นวิธีที่ให้รสชาติของกาแฟดีที่สุดเพราะเป็นการบีบอัดน้ำ ไม่ใช่แค่อัดไอน้ำผ่านแบบespresso) ซื้อของ bodum หรือ sario ราคาประมาณพันบาท ซึ่ง frenc press ก็จะให้รสชาติที่ดีกว่า เครื่องespresso อัตโนมัติเช่นกัน อีกสิ่งที่สำคัญพอๆ กับวิธีชงก็คือ การบด เมล็ดกาแฟจะให้คุณภาพการชงที่ดีจะต้องบดใหม่ๆและได้ขนาดเกรนที่เหมาะสมเท่านั้น ไม่ควรบดมาจากร้านครับ ถ้าใครอยากได้รสชาติกาแฟที่ดีลองซื้อ french press ประมาณพันบาท เครื่องบดมือของ sanrio ก็ประมาณพันกว่าบาท กาต้มน้ำแบบแก้ว(ต้องใช้แก้วเพราะเวลาต้มพอเห็นฟองปุดปุ๊บเราก็ปิดไฟทันทีจะได้น้ำร้อนที่อุณหภูมิประมาณ96องศาเซลเซียส)ทนไฟของ sario ประมาณห้าร้อยบาท ทั้งชุด 3 อย่าง สองพันกว่าบาท รับรองว่าจะให้รสชาติและกลิ่นกาแฟที่ดีกว่า เครื่องชงespresso ไฟฟ้าราคาหลายหมื่นบาทหลายเท่าครับ



ถ้าผมผ่านไร่ของท่าน ผมขออนุญาติแวะเข้าไปดื่มกาแฟ สักถ้วย คงได้บรรยากาศ ที่แจ่ม มากๆเลย ครับ อิๆ
ถ้าให้เลือกดื่มจริงๆ ระหว่างไวน์ grand cru ชั้นเยี่ยม กับ กาแฟชั้นดีที่ชงจากเมล็ดจากแหล่งปลูกระดับโลกผ่านกรรมวิธีการชงที่ดี นี่ผมเลือกดื่มกาแฟครับ เพราะว่า เวลาเราดื่มไวน์ รสชาติไวน์น่ะดีจริงแต่เราจะรับรู้รสไวน์ดีที่สุดแค่จิบแรกเท่านั้น เพราะประสาทสัมผัสส่วนที่ดีที่สุดอยู่ที่ปลายลิ้น พอแตะแอลกอฮอล์ในไวน์จะสังเกตุได้ว่าปลายลิ้นจะชาทำให้ความสามารถในการรับรสในจิบต่อๆไปลดลง  เวลาอมในคอไอแอลกอฮอล์ก็จะไรรบกวนประสาทรับกลิ่น(ลองสังเกตุดูครับเวลาอมไวน์ไว้ในปากแล้วสูดกลินเราจะรู้สึกแสบๆนิดๆที่ในคอลึกๆจากไอแอลกอฮอล์) พอดื่มเกินสองแก้ว แอลกอฮอล์ก็จะทำให้เมา ความสามารถในการรับรสรับกลิ่นแทบจะไม่เหลือทีเดียว
คำโบราณกล่าวไว้ว่า ไวน์เป็นเลือดของพระเจ้า แต่กาแฟเป็นเครื่องดื่มจากสรวงสวรรค์ครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 19, 2007, 01:51:26 PM
แล้วพี่ Watt มีข้อมุลประวัติและวิธีการทำกาแฟชะมดแบบละเอียดมั๊ยครับ... กาแฟที่แพงที่สุดในโลก... ราคากิโลละหลายหมื่นบาท... เขาว่าต้องรอให้ชะมดไปกินเมล็ดกาแฟก่อน... ถึงค่อยไปเขี่ยเอาเมล็ดแกแฟจากกองอึของชะมดอีกที... ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 19, 2007, 04:22:13 PM
แล้วพี่ Watt มีข้อมุลประวัติและวิธีการทำกาแฟชะมดแบบละเอียดมั๊ยครับ... กาแฟที่แพงที่สุดในโลก... ราคากิโลละหลายหมื่นบาท... เขาว่าต้องรอให้ชะมดไปกินเมล็ดกาแฟก่อน... ถึงค่อยไปเขี่ยเอาเมล็ดแกแฟจากกองอึของชะมดอีกที... ขอบคุณครับ

 :D อันนี้ป่าวครับ คุณ.jungle

 :) โกปิ ลูวัก กาแฟพันธุ์อะไรมีราคาแพงที่สุดในโลก ผลิตจากบริเวณที่ราบเชิงเขาใกล้กับภูเขาไฟตามเกาะสุมาตรา เกาะชวาและเกาะสุลาเวสี  ในประเทศอินโดนีเซีย

- กว่าจะเก็บเมล็ดกาแฟพันธุ์นี้ได้แต่ละเมล็ดต้องถือว่าสาหัสสากรรจ์ทีเดียว เพราะต้องรอให้ชะมดชนิดหนึ่งไปกินฝักอ่อนจากต้นกาแฟ ผ่านการย่อยในกระเพาะ ลำไส้ก่อนจะอึเอาเมล็ดกาแฟทิ้งออกมา ชาวบ้านแถวนั้นก็ตามไปคุ้ยเมล็ดจากกองอึ ไปตากแดดแล้วนำมาคั่วบดแห้ง ต้องทนเหม็นกันพอควรกว่าจะได้กาแฟโกปิ ลูวัก ที่แปลว่า กาแฟชะมด

- ราคาวางขายในสหรัฐอเมริกาและยุโรปจึงสูงถึงกิโลกรัมละ ๒๓,๗๐๐ บาท
ความลำบากในการไปตามหาฟักทองของชะมดชนิดนี้ ทำให้แต่ละปีมีกาแฟชะมดออกสู่ท้องตลาดปีละไม่ถึง ๒๓๐ กิโลกรัม
ที่ผ่านมาสงครามและการก่อการร้ายภายในประเทศยิ่งทำให้การหากาแฟชะมดเต็มไปด้วยความยากลำบาก กาแฟชนิดนี้จึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกเมื่อสิบกว่าปีมานี้เอง ที่เริ่มมีการส่งออกไปขายนอกประเทศ  "ที่ผ่านมาเรามีออร์เดอร์ค้างอยู่จำนวนมาก แม้ว่าราคาจะแพงถึงปอนด์ละ ๑๒,๐๐๐ บาท" เจ้าหน้าที่ บริษัท ราเวน บรูว์ คอฟฟี่ผู้จำหน่ายกาแฟชะมด เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟัง

- แต่ในความจริง กาแฟชะมดที่วางขายอยู่ในท้องตลาด มีเพียงไม่กี่รายที่เป็นเมล็ดพันธุ์จากอึของชะมดจริง ๆ ผู้ค้ากาแฟส่วนใหญ่ยอมรับว่าไม่ได้เอามาจากอึของชะมดจริง ๆ เพราะความลำบากในการแสวงหา
 
- สงครามแยกดินแดนกับชนเผ่าอาเจ็กทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ทำให้เกษตรกรที่เก็บเมล็ดพันธุ์กาแฟจากอึถูกลูกหลงตายไปหลายคน  ที่เหลือก็ไม่มีใครกล้าออกไปเก็บเมล็ดกาแฟนี้ กาแฟชะมดก็ยิ่งขาดแคลนมากขึ้น แต่ปีที่ผ่านมา ได้เกิดวิกฤตการณ์ครั้งสำคัญที่ทำให้ยอดสั่งกาแฟชะมดเริ่มลดลง นั่นคือเมื่อมีการค้นพบว่า โรคซาร์สที่ระบาดหนักในประเทศจีน ติดมาจากคนจีนที่นิยมกินเนื้อชะมดที่มีเชื้อโรคชนิดนี้อยู่ในตัว และเนื้อชะมดที่ขายในตลาดเมืองจีน ส่วนหนึ่งลักลอบจับมาจากประเทศอินโดนีเซีย ทำให้หลายประเทศในตะวันตกยกเลิกการนำเข้ากาแฟชะมด บรรดาผู้ผลิตกาแฟชะมดจึงวางแผนเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ทันที
 
- บริษัทราเวน บรูว์ คอฟฟี่ ได้วางแผนจะทดลองนำกาแฟพันธุ์นี้ไปปลูกที่ประเทศศรีลังกา ให้ช้างกิน แล้วคอยไปเก็บเมล็ดกาแฟจากอึของช้างอีกทีหนึ่งเขียนถึงตอนนี้ หลายคนอาจนึกสงสัยว่า กะอีแค่เมล็ดกาแฟ ทำไมต้องไปลำบากลำบนให้ช้าง หรือชะมดกินก่อนจะถ่ายเป็นอึออกมาให้มนุษย์อย่างเรากินอีกที

- ผู้เชี่ยวชาญกาแฟระดับโลกบอกว่า เมล็ดกาแฟที่ผ่านการย่อยในกระเพาะของสัตว์จะเกิดรสชาติดีขึ้น
 "ความเอร็ดอร่อยและความหอมกรุ่นของกาแฟโกปิ ลาวักเกิดจากน้ำย่อยและเอ็นไซม์ในกระเพาะของตัวชะมดที่ซึมเข้าไปในเมล็ดกาแฟ และเมื่อเราเอาเมล็ดกาแฟนี้มาคั่ว ความร้อนปฏิกริยาในเมล็ดกาแฟ จนเกิดกลิ่นหอมอย่างน่าประหลาด" ดร. มาส์สิโม มาร์โคเน่ นักวิทยาศาสตร์ทางอาหารแห่งมหาวิทยาลัยแคนาดา ผู้เคยทดสอบกาแฟชะมดเปิดเผยให้นักข่าวฟังว่าหอมกรุ่นอร่อยจริง ๆ หมดจากกาแฟชะมด อีกหน่อยเราก็คงได้ชิมรสกาแฟช้าง เวลาเอามาคั่ว หากติดกลิ่นเหม็นเขียวนิดหน่อย นั่นแหละรสชาติของกาแฟระดับโลก

 :) ที่มา : บทความนี้มาจาก Sarakadee สารคดี http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=61


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มิถุนายน 19, 2007, 04:55:13 PM
เมื่อก่อนผมดื่มคาบาชิโน ดับเบิ้ล วันละ1-2แก้ว ใช้เอสเปสโซ่แก้วละ2ช๊อต
ถ้าหยุดดื่มสักสองวัน จะเกิดอาการปวดหัวอย่างหนัก กินยาแก้ปวดหัวก็ไม่หาย
แต่ถ้าได้ดื่มกาแฟสักแก้วสองแก้ว สักพักอาการปวดหัวจะหายไป ปรึกษากับพี่น้องซึมเศร้า
หลายท่านบอกเป็นอาการของคนติดกาแฟ ;D ผมเลยหักดิบ วางแก้วไม่ดื่มกาแฟอีกเลย
ทนอาการปวดหัวอยู่ประมาณ1อาทิตย์  หลังจากนั้นก็สบายตัว ไม่ดื่มกาแฟมาได้หลายเดือนแล้ว
ตอนแรกผมเองคิดว่าตัวเองไม่ได้ติดกาแฟ เพราะไม่ดื่มก็ไม่มีอาการอยากดื่มแต่อย่างไร เห็นกาแฟก็รู้สึกเฉยๆ
แต่อาการไปออกตรงปวดหัวแบบสุดๆ :~)




หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: เทพ กังฟูแพนด้า รักในหลวง ที่ มิถุนายน 19, 2007, 08:07:42 PM
ที่ผมชอบดื่มตอนเช้าคือ กาแฟโบราณ   ที่ร้านข้าวแกงครับ ;D..... กลางวันก็ ลาเต้ ร้อนๆ 1 แก้ว + ขนมปังทาเนยราดนมข้น :D~ เย็นเอสเปสโซ่ 1 ช็อตไม่ใส่น้ำตาลแต่ใส่น้ำผึ้งแทน กลิ่นหอมนุ่มดีครับหรือไม่ก็อเมริกาโน่เย็นครับ  รสเข้มดี  ;)  ...... พอดี :D~


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มิถุนายน 21, 2007, 09:16:12 AM
แล้วมุดสัง/อีเห็น แถวบ้านเรา กินผลกาแฟ  อึเม็ดกาแฟออกมาจะได้กิโลละ 20,000 มั๊ยครับ


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 21, 2007, 11:25:38 AM
แล้วมุดสัง/อีเห็น แถวบ้านเรา กินผลกาแฟ อึเม็ดกาแฟออกมาจะได้กิโลละ 20,000 มั๊ยครับ


 :D คุณ.Chayanin ลองก่อนเลยครับ อาจรวยไม่มีสาเหตุได้นะครับ....ได้ผลอย่างไงมาแจ้งเพื่อนๆทราบด้วย


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ มิถุนายน 21, 2007, 11:29:16 AM
เมื่อก่อนทำงานดึก ผมชงแต่กาแฟ กับน้ำร้อน ดื่ม เพียว  ๆ ตอนนี้ ดื่มไม่ได้แล้ว...ดื่มทีไร ใจสั่นทุกที.....เสียดาย จะติดใจในรสชาติอยู่..


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มิถุนายน 21, 2007, 04:29:53 PM
แล้วมุดสัง/อีเห็น แถวบ้านเรา กินผลกาแฟ อึเม็ดกาแฟออกมาจะได้กิโลละ 20,000 มั๊ยครับ


 :D คุณ.Chayanin ลองก่อนเลยครับ อาจรวยไม่มีสาเหตุได้นะครับ....ได้ผลอย่างไงมาแจ้งเพื่อนๆทราบด้วย

 รวยเหมือนชื่อรุ่นจตุคาม เลยนะครับ
ผมคงลงโรบัสต้าให้พอชงดื่มในครอบครัวก็พอครับ  สัก 30-40 ต้น  :D
แต่ตอนเด็กๆไม่เคยสังเกตนะครับว่ามุดสังกินผลกาแฟ(coffee chery)หรือเปล่า ผู้ใหญ่ก็ไม่เคยบ่นเรื่องมุดสังมากินผลกาแฟ(กลับไปจะไปถามยายให้ละเอียด)
แต่โกโก้ชัวร์ครับ มุดสังชอบมาก อึออกมาเม็ดโกโก้เรียงเป็นฝักข้าวโพดเลย  ถ้าเม็ดโกโก้มีคุณสมบัติดูดกลิ่นดูดสารที่ดี  นี่แหละอาหารวิเศษจากผู้เป็นเจ้าล่ะครับ ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: carrera ที่ มิถุนายน 21, 2007, 04:33:24 PM
อร่อย หอม หวาน ขม ดำ ร้อน ;D ;D ;D


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE ที่ มิถุนายน 21, 2007, 05:01:18 PM
สมัยเรียน ป.ตรี... มีเพื่อนคนหนึ่ง... ที่บ้านเปิดเขียงเนื้อ... ต้องตื่นดึกๆ ติดกาแฟขนาดหนัก... มาเรียนมันเอากาแฟผงเพียวๆ แบบซองละ 5 บาท... กินทีละสองซอง... โดยเปิดซองออกแล้วเทรวมกัน... น้ำเย็นตั้งใกล้ๆ แล้วก็กรดกเอาผงกาแฟที่ยังไม่ได้ชงเข้าปาก... ตามด้วยน้ำเย็น... เห็นแล้วผมตะลึงเลยครับ... คนอะไร... กินกาแฟผง... น้ำตบตูดยังกะเหล้าขาว...


หัวข้อ: Re: เสน่ห์แห่งปีศาจชื่อ..กาแฟ
เริ่มหัวข้อโดย: snowwhite ที่ มิถุนายน 21, 2007, 05:09:14 PM
ไม่มีความรู้เรื่องการปรุงกาแฟเลย ถึงร้านก็ กาแฟเย็น 1 ถุง(กาแฟโบราณ) ถ้ากาแฟสดจำไม่เคยได้ว่า คาปูฯ เอสเปสโซ เป็นยังไง บอกอย่างเดียว "น้องขอไม่หวาน ไม่มันมาก 1 แก้ว"... ที่เหลือจ่ายตังค์ และรอดูดดดอย่างเดียว 5555