เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

เอามาจากนี่ครับ... http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=55683

อุทธาหรณ์ครับใจดีเกินไป... คู่อริชักปืนจ้อง แต่ปรานีเห็นว่าเมาไม่ยิงก่อนตั้งแต่แรก เลยโดนคนเมายิงใส่...

เคยบาดหมางกันมาก่อนถึงขั้นพรรคพวกเคยยิงกันตายขึ้นโรงขึ้นศาลมาแล้ว... เลยโดนก่อนครับ สวนกลับก็ไม่แม่นยำแล้ว...


อริยิง 5 นัดซ้อนดับ กำนัน'แหนบทอง' [30 ก.ค. 50 - 04:15]
 
เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 29 ก.ค. พ.ต.ท.เฉลิมพร แฝงจันทร์ สารวัตรเวร สภ.อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุยิงกันตายภายในลานเบียร์สด สถานที่จัดงานเทศกาลวันผลไม้อำเภอทุ่งตะโก ติดถนนเอเชีย 41 ห่างสี่แยกเขาปีบราว 30 เมตร หมู่ 6 อ.ทุ่งตะโก จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.เอกวัฒน์ โพธิ์เย็นญาติ ผกก. พ.ต.ท.ธีรภูมิ ธุรกิจ รอง ผกก.ป. พ.ต.ท. สุริยา นาคแก้ว รอง ผกก.สส. และหน่วยกู้ภัยพุทธประทีปหลังสวน ไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบประชาชนนับพันคนยืนมุงดูกันเนืองแน่บริเวณลานเบียร์สดโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนนระนาด บนพื้นมีรอยเลือดสาดกระเซ็น ส่วนผู้ถูกยิงมีผู้ นำส่ง รพ.ทุ่งตะโก ไปแล้ว ในที่เกิดเหตุพบปลอก กระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่ 5 ปลอก และปืนลูกโม่ .357 ตกอยู่ 1 กระบอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากนั้นตามไปสอบสวนที่โรงพยาบาล ปรากฏว่าผู้ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ทราบชื่อนายสมยศ ม่วงขาว หรือกำนันต้อย อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/3 หมู่ 6 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก และเป็นกำนันตำบลทุ่งตะไคร ถูกยิงด้วยปืน 9 มม. เข้ากลางอก 2 นัด และเข่าซ้าย 1 นัด ส่วนมือปืนรายนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน คือนายมาโนช สังข์ไชย หรือเสี่ยโนช อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/13 หมู่ 6 ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก เป็นเจ้าของกิจการรับเหมาถมดิน มีรถแบ็กโฮ รถแทรกเตอร์ และรถสิบล้อบรรทุกดินจำนวนหลายสิบคัน มีฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีและเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งในตำบลทุ่งตะไคร เบื้องต้นทราบว่านายมาโนช ก็ถูกยิงที่ขาขวาได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน หลังก่อเหตุยิงนายสมยศแล้ว ลูกน้องที่ติดตามมาด้วย 6 คน พานายมาโนชขึ้นรถปิกอัพเชฟโรเลตสีดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหลบหนีไป

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุตอนหัวค่ำ นายสมยศ ซึ่งเป็น 1 ในคณะกรรมการจัดงานเทศกาลวันผลไม้อำเภอทุ่งตะโก ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. และจะไปสิ้นสุดในวันที่ 3 ส.ค.นี้ พร้อมเพื่อนอีก 4 คน เดินตรวจตราความเรียบร้อยในงาน หลังจากเดินเที่ยวชมงานและทักทายบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักกันจนเหนื่อยล้าแล้ว จึงพากันไปนั่งดื่มเบียร์สดที่ลานเบียร์ ซึ่งจัดโดยอำเภอทุ่งตะโก มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนเต็มเกือบทุกโต๊ะจำนวนหลายร้อยคน ทั้งนี้ นายสมยศพร้อมพวกได้นั่งใกล้กับโต๊ะของนายมาโนชที่พาลูกน้อง 6 คน มานั่งดื่มเบียร์อยู่ก่อนแล้ว หลังดื่มกินกันไปพักใหญ่ นายสมยศหันไปเห็นนายอภิญญา คนดี ปลัดอาวุโสอำเภอทุ่งตะโก นั่งอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะใกล้กัน จึงลุกขึ้นไปหาและยกมือไหว้ ทันใดนั้นเองนายมาโนชซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาก็ลุกขึ้นจากโต๊ะปรี่เข้าหานายสมยศ พร้อมต่อว่าต่อขานเรื่องที่เคยบาดหมางกัน 

นายสมยศเห็นว่านายมาโนชเมามากแล้ว จึงพูดตัดบทไปว่าหายเมาแล้วค่อยมาคุยกัน ทำให้นายมาโนช ไม่พอใจคิดว่าถูกหยาม จึงชักปืน 9 มม. ออกจากเอว นายสมยศเห็นดังนั้นก็ชักปืน .357 ออกมาถือไว้เช่นกัน โดยไม่มีใครคาดคิด นายมาโนชยกปืนขึ้นกระหน่ำยิงเข้าใส่นายสมยศทันทีถึง 5 นัดซ้อนจนเหยื่อกระสุนทรุดฮวบลงกับพื้น ขณะเดียวกันนายสมยศก็ยิงตอบโต้ไป 3 นัด กระสุนพุ่งเข้าใส่ขาของนายมาโนชเลือดสาด เสียงปืนที่ดังขึ้นส่งผลให้ประชาชนที่มาเดินเที่ยวชมงานนับพันคนต่างวิ่งหนีตายอลหม่าน และเหตุการณ์ทำท่าจะลุกลามบานปลาย เมื่อพรรคพวกของนายมาโนชและนายสมยศต่างลุกฮือจะเข้าห้ำหั่นกัน เดชะบุญตำรวจที่มารักษาความสงบในงานรีบเข้ามาห้ามไว้ นายมาโนชมือปืนพร้อมพวกรีบอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวนายมาโนชแต่อย่างใด 

พ.ต.ท.เฉลิมพร แสงจันทร์ สารวัตรเวร เจ้าของคดี เปิดเผยว่า สาเหตุของการฆ่ากันในครั้งนี้น่าจะเกิดจากการที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีเรื่องผิดใจกันมานานแล้วจนกลายเป็นคู่อริกัน สืบเนื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นายพรหม พ่อของนายสมยศถูกคนร้ายยิงตาย นายสมยศสงสัยว่าพวกของนายมาโนช เป็นคนยิง จากนั้น ถัดมาอีก 5 ปี ญาติสนิทของนายมาโนช ถูกยิงตาย นายมาโนชกล่าวหาว่านายประภาส ม่วงขาว น้องชายของนายสมยศ ซึ่งช่วงนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นคนยิง จนในที่สุดตำรวจจับกุมนายประภาสส่งฟ้องศาล ศาลจังหวัดหลังสวนพิพากษาจำคุก 20 ปี นับแต่นั้นทั้ง 2 ฝ่ายก็ผูกใจเจ็บกันตลอดมา เมื่อพบหน้ากันครั้งใดก็จะต่อว่าต่อขานกันอยู่เสมอ ที่ผ่านมาต่างฝ่ายต่างเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ กระทั่งครั้งนี้นายมาโนชอยู่ในอาการมึนเมา เก็บอารมณ์ไม่อยู่ จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันออกติดตามจับกุมตัวนายมาโนชอย่างเร่งด่วนแล้ว

ด้านนางมณฑา ม่วงขาว อายุ 47 ปี ภรรยาของนายสมยศกล่าวว่า สามีเป็นกำนันมานานกว่า 20 ปี ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งรุนแรงกับใคร ยกเว้นเรื่องที่น้องชายสามีไปยิงญาตินายมาโนชเสียชีวิต แต่สามีก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย และพยายามหลีกเลี่ยงการพบปะกับฝ่ายนายมาโนชมาตลอด ที่ผ่านมาสามีทุ่มเททำงานจนได้รับเลือกเป็นประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อ.ทุ่งตะโก และประธานชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อ.ทุ่งตะโก จากผลงานด้านการเป็นนักอนุรักษ์ ทำให้ได้เข้ารับพระราชทานธงอาสาสมัครพิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิต จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ล่าสุดเพิ่งได้รับการเลือกให้ได้เข้ารับรางวัล “กำนันแหนบทองคำ ประจำปี 2550” ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย โดยจะขึ้นไปรับรางวัลที่กรุงเทพฯในวันที่ 10 ส.ค. นี้ สามีเตรียมตัดชุดสูทที่จะใส่ในวันเข้ารับรางวัลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ใช้ยามมีชีวิตอยู่

ขอบคุณครับ....
อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้....

ชักแล้วไม่ยิงก็เลยโดนสอย... แต่หากยิงไปก่อนก็คงวุ่นว่ายเรื่องคดียิงคนตาย... แต่ก็ดีกว่าตายที่หมดโอกาศใดๆทั้งปวง...

       ไม่น่าเลย  วัยวุฒิไม่ช่วยอะไรได้หากขาดความคิดและสติ

กำนันไม่ได้ชัก ปืนก่อนซักหน่อย คนที่ชักปืนก่อน คือ นายมาโนช ???

นายสมยศเห็นว่านายมาโนชเมามากแล้ว จึงพูดตัดบทไปว่าหายเมาแล้วค่อยมาคุยกัน ทำให้นายมาโนช ไม่พอใจคิดว่าถูกหยาม จึงชักปืน 9 มม. ออกจากเอว นายสมยศเห็นดังนั้นก็ชักปืน .357 ออกมาถือไว้เช่นกัน  โดยไม่มีใครคาดคิด นายมาโนชยกปืนขึ้นกระหน่ำยิงเข้าใส่นายสมยศทันทีถึง 5 นัดซ้อนจนเหยื่อกระสุนทรุดฮวบลงกับพื้น ขณะเดียวกันนายสมยศก็ยิงตอบโต้ไป 3 นัด กระสุนพุ่งเข้าใส่ขาของนายมาโนชเลือดสาด เสียงปืนที่ดังขึ้นส่งผลให้ประชาชนที่มาเดินเที่ยวชมงานนับพันคนต่างวิ่งหนีตายอลหม่าน และเหตุการณ์ทำท่าจะลุกลามบานปลาย เมื่อพรรคพวกของนายมาโนชและนายสมยศต่างลุกฮือจะเข้าห้ำหั่นกัน เดชะบุญตำรวจที่มารักษาความสงบในงานรีบเข้ามาห้ามไว้ นายมาโนชมือปืนพร้อมพวกรีบอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบตัวนายมาโนชแต่อย่างใด 

ถูกยิงไปตั้ง ๕ นัดซ้อน ยังมีโอกาส เหนี่ยวไกยิงโต้ตอบได้อีก....แสดงว่า ๙ ม.ม. ยังไม่ค่อยเฉียบขาด...หรือด้วยปัจจัยอื่นประกอบ... 

ปืนกับสุรา(ซึ่งทำให้ขาดสติ)  มีแต่เรื่อง

ประเด็น คือ ยิง 5 นัด  เข้าเป้าหมายกี่นัด  และเป้าหมายดังกล่าว

เป็นที่ตั้งของอวัยวะสำคัญด้วยหรือเปล่า

ตำแหน่งที่กระสุนถูกนั้น เกิดการฉีกขาดมากน้อยเพียงใด

เพราะเพียง เฉียด ๆ การพูดถึงมันก็คลุมเคลือ

ถูกยิงด้วยปืน 9 มม. เข้ากลางอก 2 นัด และเข่าซ้าย 1 นัด

ยิงตอบโต้ไป 3 นัด กระสุนพุ่งเข้าใส่ขา

ของแบบนี้ ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตอบยากครับ

กฎแห่งความปลอดภัย --อย่าผสมดินปืนกับแอลกอฮอร์--

นั่นสิ

หมดกัน...ตายหนึ่ง..อาจติดคุกอีกหนึ่ง

เอาสูตรทั่วไปนะครับ...

ส่วนอยู่ในเหตุการณ์แล้วจะคุมสติ คุมลูกน้องตลอดจนคุมคนอื่นที่อยู่รอบข้างได้หรือไม่ นั้นเป็นอีกเรื่องนึง... เพราะการถอยก่อนอาจทำให้เสื่อมบารมี เพราะเด็กๆอาจไม่เข้าใจชั้นเชิง...

หากกำนันไม่ปรานี... จะถอยให้พ้นระยะปืนก่อน เพราะเป็นลานเบียร์คนแยะหลบฉากง่าย...
จากนั้นโทร.มือถือเรียกตำรวจเก็บปืนฝ่ายคนเมาให้หมด... เข้าข้อห้ามอย่างนี้ต่อให้มีใบ ป.12 ก็พกไม่ได้ครับ ขึ้นศาลสามารถเรียกปลัดอาวุโสเป็นพยาน... กระบอกคุ้นมือจะโดนปลดไว้ที่โรงพักสามเดือน...

ฝ่ายคนเมาถูกปลดปืนคงหยุดความก้าวร้าว... หลังจากนั้นจะมีมือมืดคอยซ้ำระหว่างทางกลับบ้านหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวกับกำนัน...

บทสรุปแห่งการมึนเมาและใช้อารมณ์ มักเป็นเช่นนี้ครับ...

งานเทศกาลแบบนี้แสดงว่ามีตำรวจและจนท.อยู่เยอะพอสมควร ไม่กล้าเข้าจับกุม แสดงว่าคนยิงก็มีอิทธิพลไม่เบา น่าสงสารกำนันครับ เป็นกำนันที่มีผลงานดีเด่นขนาดนี้  :(

กฎตายตัว
ขาดสติ(เมา+เบ่ง+ศักดิ์ศรี)+ พกปืน = ตาย1+ติดคุก1
Ans. เมียก็ไปมีผัวใหม่ ลูกเสียอนาคต ทั้งสองฝ่ายต้องเจ็บปวด ไม่มีอะไรดีเลย

ถ้าใช้หลักยุทธวิธี.... เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ชักปืน อันดับแรกเมื่อเราชักปืนต้องเข้าหาที่กำบังโดยด่วน บางทีคนเราก็คิดไม่ถึง (ต้องเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมา)    ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ  สุภาษิตที่ว่า อย่าถือคนบ้า  อย่าว่าคนเมา คงใช้ไม่ได้กับกรณีอย่างนี้   

เรื่องนี้อาจมีสาเหตุบาดหมางกันมาก่อนด้วย + เมาสุราประกอบด้วย
เลยจบลงเอยแบบนี้ 

ท่านกำนันตลอดจนสารวัตรกำนันและผู้ที่ได้รับการร้องขอ"มีหน้าที่"ต้องดูแลความเรียบร้อยในเขตที่ตนเองรับผิดชอบครับ... ดังนั้นหากไม่พกปืนจะไม่เป็นที่เกรงขาม ยกเว้นบารมีมากพอไม่ต้องพกก็มีคนเกรงใจครับ...