หัวข้อ: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ สิงหาคม 28, 2007, 03:47:09 PM อ่านกี่ครั้งก็................รู้สึก...อยู่เสมอ.......... ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ ของฉันมีกัน จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน " ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ" พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้ แล้วพูดว่า "ผมขโมยเองครับ" ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง > พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย" คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว" ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้ ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ หลายปีผ่านไป แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี... เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า "ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ" แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า > " แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน" ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า "ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว" พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่ "ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้" คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ ทั่วทั้งหมู่บ้าน เพื่อขอยืมเงิน ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า " ต้องให้น้องได้เรียนต่อ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้" แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้ ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน ขณะฉันกำลังหลับ " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ .... ผมจะไปหางานทำ แล้วจะส่งเงินมาให้พี่" ฉันนั่งอยู่บนเตียง อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ... > ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี . ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม คนที่เป็นพี่สาว อย่าน้ำตาไหลนะ ที ไซท์ก่อสร้าง ... ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3 > วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก > เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ > อยู่ข้างนอกแน่ะ" > ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ωωω > ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่ > ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง > ... > ฉันถามเขาว่า > " ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ" > น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ > สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้ > ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ > ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี" > ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง > และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ > " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง > เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม" > > จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง > เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน > แล้วพูดว่า > " ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง" > ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด > ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี . > วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก > ฉันสังเกตเห็นว่า > หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้วเมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก > หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า > " แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก > เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ" > แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก > น้องชายลูกต่างหาก > วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน > ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ > น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ" > ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา > > ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ > ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม" > ฉันถาม > "ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ > มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด > แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ และ..." > น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด > เพราะฉันหันหน้าหนีเขา > น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23ปี ส่วนฉันอายุ 26ปี... > หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง > หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วย กัน > แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ > ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง > แต่เมื่อออกไปแล้ว > ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี > จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม > > น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป > เขาบอกกับฉันว่า > "พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ > ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง" > > สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว > เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท > แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้ > เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา > > วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล > และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด > เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล > ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล > น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา > ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า > "ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!! > ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ > ดูตัวเองซิ > เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง" > คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด > ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา > " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน > ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ > ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ > คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด" > น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย . > ฉันบอกกับน้องว่า > "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..." > "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ" > น้องชายของฉันจับมือฉันไว้ > ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี... > > เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30ปี > เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน > ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า > "ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้" > > น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" . > และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ > "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง > เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน > และเดินกลับบ้าน > วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง > พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง > และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล > เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว > เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น > ผมสาบานกับตัวเอง > ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี > และจะทำดีกับเธอ" เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว > สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน > คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้ > คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ" > ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้ > น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง... > จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ > วันในชีวิตของคุณและเขา > คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ > น้อยๆ แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง > ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ > พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ สิงหาคม 28, 2007, 03:54:18 PM ขอบคุณครับ หล่อนมีน้องชายที่มีสติและน่ารักที่สุดในโลก หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ สิงหาคม 28, 2007, 03:56:51 PM ขอบคุณครับเฮีย....
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ สิงหาคม 28, 2007, 04:09:24 PM ....จำได้ว่าเคยอ่านแล้วครั้งหนึ่ง แต่อ่านอีกครั้งความรู้สึกก็ยังคงเหมือนเดิม ดีครับ ความรักระหว่างพี่กับน้องที่หาไม่ค่อยได้สักเท่าไรในสังคมปัจจุบัน ..... หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: nine รักในหลวง ที่ สิงหาคม 28, 2007, 04:19:15 PM อ่านแล้วรู้สึกจุกที่อก....สุดยอดแห่งความรักครับ...
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ สิงหาคม 28, 2007, 04:21:31 PM น้ำตาซึม..อยากบรรยายเป็นกลอนหวานๆเศร้าสัก5-6บทจัง :~)
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ สิงหาคม 28, 2007, 04:53:20 PM อ่านแล้ว น้ำตาคลอเป้า...........
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: Narin CZ ที่ สิงหาคม 28, 2007, 06:34:03 PM อ่านแล้วรู้สึกดีมากครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ สิงหาคม 28, 2007, 06:56:51 PM ขอบคุณมากครับ มีความรู้สึกดีๆซึ้งครับ
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ สิงหาคม 28, 2007, 08:47:03 PM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: อ่านแล้ว อย่าแอบร้องไห้นะจ๊ะ เริ่มหัวข้อโดย: apc275 ที่ สิงหาคม 28, 2007, 10:03:41 PM อ่านแล้วรู้สึกดีครับ
|