เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 30, 2007, 06:55:45 PM



หัวข้อ: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 30, 2007, 06:55:45 PM
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you03300950p1.jpg)

เกิดข่าวเครื่องบินตกขึ้นทีไร ใครๆ ก็ถามหาแต่กล่องดำ

กล่องดำ แท้จริงมีอยู่หลายสี ไม่เฉพาะสีดำ สีที่เห็นกันบ่อย คือสีส้ม เพื่อให้ค้นหาง่ายหากเครื่องบินตก แต่ไม่นิยมเรียกว่า กล่องส้ม จะรวมๆ เรียกว่า กล่องดำ ซึ่งอาจมีที่มาจากคำว่า Black Box ที่หมายถึงกล่องซึ่งเราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น หรือกล่องปริศนานั่นเอง


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 30, 2007, 06:56:30 PM
เครื่องบินแต่ละลำจะมีกล่องดำ 2 กล่อง กล่องหนึ่งใช้บันทึกข้อมูลการบิน สภาพอากาศ ความเร็ว ระดับความสูง การเร่งผ่อนคันบิดปิดเปิดน้ำมัน แรงขับของเครื่อง และตำแหน่งของปีก

อีกกล่องบันทึกเสียงสนทนาในห้องนักบิน การติดต่อระหว่างนักบินกับหอบังคับการบิน เสียงของลูกเรือที่เข้ามาในห้องนักบิน โดยจะเริ่มบันทึกตั้งแต่นักบินติดเครื่องไปจนถึงดับเครื่อง

เวลาเครื่องบินตก กล่องดำมักไม่เสียหาย เพราะตำแหน่งที่ติดตั้งจะอยู่ส่วนหางของเครื่องบิน ซึ่งเป็นบริเวณที่แข็งแรงและได้รับผลกระทบกระเทือนน้อยที่สุดเวลาเครื่องบินตก


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ กันยายน 30, 2007, 06:57:06 PM
นอกจากนี้ ตัวกล่องยังแข็งแรง ทนแรงกระแทกแรงระเบิด ทนน้ำ ทนไฟ เพราะประกอบด้วยวัสดุ 3 ชั้น ชั้นในสุดทำจากแผ่นอะลูมิเนียมบางๆ ห่อหุ้มอุปกรณ์บันทึกข้อมูลไว้ ชั้นที่สองเป็นฉนวนทนความร้อน และชั้นที่สามทำด้วยเหล็กกล้าไร้สนิมทนความร้อนสูง

โลกเริ่มมีการนำกล่องดำมาใช้ตั้งแต่ปีพ.ศ.2493


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2007, 07:00:42 PM
มาขอความรู้ต่อครับพี่...


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ กันยายน 30, 2007, 07:02:30 PM

        ขอบคุณครับลุงรูญ ....... ได้เสริมความรู้เพิ่มเติมอีกแยะเชียว



หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2007, 07:03:21 PM
นักเรียน....เคาร๊พ....สวัสดีครับลุงรูญ ;D ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Sig228-kolok ที่ กันยายน 30, 2007, 07:12:46 PM
สวัสดีครับคุณครู ... (http://www.kapook.com/msn/upload/emoticons/thumbnail/kapook-16514-2098.gif)


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: A111 ที่ กันยายน 30, 2007, 08:49:36 PM
ขอบคุณอาจารย์มากได้ความรู้


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: แจ็ค ที่ กันยายน 30, 2007, 09:05:26 PM

....... อ้าว .... ท่าน ผอ. จรูญ เป็นไงมาไงถึงได้มาเข้าห้องสอน  เป็นผู้บริหารสงสัยว่าจะเบื่อหรือไม่ก็เซ็ง ๆ เอายังไงดีล่ะทีนี้  ถึงว่ากระทู้ตรวจสอบนักการเมืองเลยไม่ค่อยได้ไปทำงาน ...... เล่นหลายทางจังท่าน เอาสักทางนะ ...... อ้อ ... ลืมชมไป ... ทำการสอนได้ดีมาก .... เยี่ยม ....  ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JJ-รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2007, 09:39:40 PM
ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ กันยายน 30, 2007, 10:18:34 PM
ขอบคุณมากครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ กันยายน 30, 2007, 10:24:44 PM
ขอบคุณมากๆครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ ตุลาคม 01, 2007, 03:17:48 AM
ขอบคุณมากค่ะ  :D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ตุลาคม 01, 2007, 07:02:02 AM
ขอบคุณครับ..เช่นกันครับเห็นแต่สีส้ม.แต่เรียก.กล่องดำ.. ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 01, 2007, 08:11:52 AM
กล่องดำ หรือ Black Box สมัยก่อนอุปการณ์นี้จะพ่นสีดำ จะติดตั้งบริเวณที่จะเกิดความเสียหายน้อยที่สุดของเครื่องบิน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ พอมาตอนหลังจึงมีการเปลี่ยนแปลงโดยพ่นเป็นสีส้ม ทั้งนี้เพื่อจะได้ง่ายต่อการค้นหาในซากเครื่องบิน กล่องดำ (ภาษาชาวบ้าน) ประกอบด้วย
Cockpit Voice Recorder คือ การบันทึกเสียงภายในห้องนักบิน ซึ่งจะรวมถึงการบันทึกการติดต่อระหว่างเครื่องบินกับหอบังคับการบิน และระหว่างห้องนักบินกับห้องโดยสาร
การทำงาน ขึ้นอยู่กับแบบของเครื่องบิน แต่ส่วนใหญ่จะบันทึกเมื่อเปิดแบตฯ ห้วงเวลาทำงานนั้น ตัวเทปจะบันทึกได้เพียงสามสิบนาทีเท่านั้น เมื่อครบตัวเทปจะเริ่มบันทึกใหม่โดยการลบของเก่าออก ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวบันทึกจะหยุดทันที่ และการถอดเทปนั้นจะฟังการสนทนาในสามสิบนาทีสุดท้ายก่อนเกิดอุบัติเหตุ ปล. ในการทำงานปรกตินักบินสามารถลบทิ้งได้ทุกเวลา (โดยเฉพาะเวลาด่าผู้บริหาร)
Flight Data Recorder คือการบันทึกการทำงานของตัวเครื่องบิน ท่าทางการบินต่างๆ
การทำงานนั้น จะเริ่มทำการบันทึกเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ และจะบันทึกต่อเนื่องจนกระทั่งเต็มตัวเทปบันทึก บางแบบจะใช้เวลาประมาณสามเดือนจึงถอดออกแล้วนำเทปตัวใหม่ใส่ลงไป โดยปรกติทั่วไปแล้วเมื่อนักบินรายงานข้อบกพร่องของระบบต่างๆ เพื่อทำการแก้ไขนั้น ช่างสามารถถอดเจ้า FDR นี้ออกไปแปลเพื่อหาสาเหตุของข้อบกพร่องนี้ได้ ในประเทศไทยมีที่ถอดอระหัสนี้ที่การบินไทยเท่านั้นครับ แต่ศักย์ภาพของการบินไทยมีไว้เพื่อการทำงานของตัวเองไม่ได้มีเพื่อการสอบสวนอุบัติเหตุ
ทั้ง CVR และ FDR เมื่อเกิดอุบัติเหตุทั้งบนบกและในน้ำ ตัวของมันเองจะส่งสัญญาณออกมาเพื่อการค้นหา แต่ถ้ามันตกในน้ำเมื่อนำขึ้นมาจะต้องเอาใส่ถังและหล่อน้ำไว้ แต่ถ้าอยู่บบนบกไม่จำเป็น

ยังมีอีกระบบหนึ่งคือ Emergency Locator Transmitter เจ้าตัวนี้จะส่งสัญญาณตำแหน่งของเครื่องบินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้หน่วยกู้ภัยจะได้ทราบตำเหน่ง บนเครื่องบินโดยสารจะมีติดกับเครื่องบิน และที่เป็น Portable เจ้า Portable มีการทำงานที่ตลกที่สุดคือ เมื่อจะเปิดใช้งานต้องใช้น้ำหล่อกับแบตฯที่ติดอยู่กับเสื้อชูชีพ และที่ดีที่สุดคือใช้"ฉี่"ของเรากรอกลงไปจะทำให้การทำงานของเครื่องดีที่สุด การส่งสัญญาณนั้นจะส่งออกไปทุกทิศทางโดยสัญญาณนั้นจะลิ้งค์กับช่องความถี่ฉุกเฉินคือ 121.50 MhZ หรือ 345 Mhz ในระบบ UHF ซึ่งนักบินที่บินอยู่ในรัศมีจะได้ยินสัญญาณนี้เป็นระหัสเสียงสูงต่ำ ยิ่งบินใกล้ก็จะยิ่งได้ยินเสียงดังขึ้น
แต่เครื่องบินเล็ก หรือเครื่องบินฝึกไม่ได้ติดตั้ง ELT ไว้เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดจากประเทศผู้ผผลิต ดังนั้นเครื่องบินที่ตกที่เขาใหญ่จึงหาไม่เจอ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: จอยฮันเตอร์ ที่ ตุลาคม 01, 2007, 08:22:17 AM
ขอบคุณครับ แล้วผลบันทึกการบิน วันทูดก ไปถึงใหนแล้วครับ ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ห ม า ย จั น ท ร์ ที่ ตุลาคม 01, 2007, 09:12:19 AM
เข้าใจว่าเราเองยังไม่สามารถถอดรหัสเหล่านี้เองได้ จึงต้องส่งไปถอดที่อื่น

ผลของการถอดรหัสสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ครับเพราะไม่มีใครรู้ว่ามีข้อมูลอะไร

อาจมีการบิดเบือนเพื่อชื่อเสียงหรือผลประโยชน์ทางธุรกิจ  (  โห้ คิดไปใหญ่โตแล้วผม ) ;D ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: รัตตรา ที่ ตุลาคม 01, 2007, 11:16:00 AM
ผมมาช้าครับอาจารย์ จะหมดชั่วโมงเรียนแล้ว.... ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ ตุลาคม 01, 2007, 11:28:56 AM
เฮ้อ......หาทั้งวันไอ้กล่องดำนี่.....ถ้าบอกว่าหากล่องสีส้มน่ะลุงหาเจอตั้งนานแล้ว   ::007::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 01, 2007, 12:07:16 PM
แล้วทำไมค้นหาแทบตาย... แต่พอเจอแล้วเราไม่เห็นได้ทราบอะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากเจ้ากล่องนี้เลยเล่าครับ...

แถมยังมีเรื่องการอ่านข้อมูลข้างในนั้นอีก... เทคโนโลยีมันคงสูงส่งมากครับ สมัยเครื่องตกตั้งสิบกว่าปีมาแล้วประเทศไทยไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลข้างในนั้น... จนป่านนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลอีกอยู่ดี...

หากมันสูงส่งมากมายนัก ทำไมเขาถึงไม่สร้างไอ้แบบที่อ่านได้ง่ายๆเล่าครับ... เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีระบบเก็บข้อมูลไปไกลมากแล้ว วิธีเก็บข้อมูลในตัวไมโครชิปโดยไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทางกลเลยก็เป็นเรื่องง่ายในชีวิตประจำวันแล้วครับ... ทนแรงจีได้เป็นร้อยฯ ทนอุณหภูมิได้มากเท่าที่สร้างฉนวนหุ้มเอาไว้... ความจุสูงแบบเก็บหนังยาวมาตรฐานฮอลลีวู้ดตั้งเป็นสิบเรื่องในไมโครชิบเม็ดเดียวเองครับ...

คือนายสมชายสงสัยว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราครับ... แล้วทำไก๋บอกเราว่าเทคโนโลยีมันสูงส่งเสียจนกระทั่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญครับ... เย้


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม - รักในหลวง - ที่ ตุลาคม 01, 2007, 12:14:33 PM
แล้วทำไมค้นหาแทบตาย... แต่พอเจอแล้วเราไม่เห็นได้ทราบอะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากเจ้ากล่องนี้เลยเล่าครับ...

แถมยังมีเรื่องการอ่านข้อมูลข้างในนั้นอีก... เทคโนโลยีมันคงสูงส่งมากครับ สมัยเครื่องตกตั้งสิบกว่าปีมาแล้วประเทศไทยไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลข้างในนั้น... จนป่านนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลอีกอยู่ดี...

หากมันสูงส่งมากมายนัก ทำไมเขาถึงไม่สร้างไอ้แบบที่อ่านได้ง่ายๆเล่าครับ... เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีระบบเก็บข้อมูลไปไกลมากแล้ว วิธีเก็บข้อมูลในตัวไมโครชิปโดยไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทางกลเลยก็เป็นเรื่องง่ายในชีวิตประจำวันแล้วครับ... ทนแรงจีได้เป็นร้อยฯ ทนอุณหภูมิได้มากเท่าที่สร้างฉนวนหุ้มเอาไว้... ความจุสูงแบบเก็บหนังยาวมาตรฐานฮอลลีวู้ดตั้งเป็นสิบเรื่องในไมโครชิบเม็ดเดียวเองครับ...

คือนายสมชายสงสัยว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราครับ... แล้วทำไก๋บอกเราว่าเทคโนโลยีมันสูงส่งเสียจนกระทั่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญครับ... เย้


เห็นด้วย...ครับ.....


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ตุลาคม 01, 2007, 12:35:54 PM
ครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 01, 2007, 03:24:26 PM

ภายในกล่องดำมีอะไรอยู่บ้าง ตัวใครตัวมันแปลกันเอาเอง


(http://www.dsto.defence.gov.au/gallery/464/BlackBox19850-11.jpg)
(http://static.howstuffworks.com/gif/black-box-cutaway.gif)


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sopon7 ที่ ตุลาคม 01, 2007, 04:12:02 PM
โถมีเท่านี้เอง...รู้แบบนี้ให้พี่สมชายผลิตเองก็ได้  ::007::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 02, 2007, 08:26:33 AM
แล้วทำไมค้นหาแทบตาย... แต่พอเจอแล้วเราไม่เห็นได้ทราบอะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากเจ้ากล่องนี้เลยเล่าครับ...

แถมยังมีเรื่องการอ่านข้อมูลข้างในนั้นอีก... เทคโนโลยีมันคงสูงส่งมากครับ สมัยเครื่องตกตั้งสิบกว่าปีมาแล้วประเทศไทยไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลข้างในนั้น... จนป่านนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลอีกอยู่ดี...

หากมันสูงส่งมากมายนัก ทำไมเขาถึงไม่สร้างไอ้แบบที่อ่านได้ง่ายๆเล่าครับ... เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีระบบเก็บข้อมูลไปไกลมากแล้ว วิธีเก็บข้อมูลในตัวไมโครชิปโดยไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทางกลเลยก็เป็นเรื่องง่ายในชีวิตประจำวันแล้วครับ... ทนแรงจีได้เป็นร้อยฯ ทนอุณหภูมิได้มากเท่าที่สร้างฉนวนหุ้มเอาไว้... ความจุสูงแบบเก็บหนังยาวมาตรฐานฮอลลีวู้ดตั้งเป็นสิบเรื่องในไมโครชิบเม็ดเดียวเองครับ...

คือนายสมชายสงสัยว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราครับ... แล้วทำไก๋บอกเราว่าเทคโนโลยีมันสูงส่งเสียจนกระทั่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญครับ... เย้

ในวงการการบิน กว่าจะสร้างอุปกรณ์ใดๆที่จะมาใส่ในเครื่องบินนั้นมันต้องใช้เวลา ยกตัวอย่างเช่น การสับเปลี่ยนเก้าอี้นั่งทั้งลำ จาก 195 ที่นั่ง มาเป็น 207 ที่นั่ง ถ้ายังไม่มีพิมพ์เขียวในแบบที่ต้องการ จะต้องส่งแบบพิมพ์เขียวให้กับรัฐบาลของประเทศผู้ผลิตก่อนเพื่อรับรอง ซึ่งจะต้องทำการทดลองการตกการกระแทก กว่าจะได้การรับรองใช้เวลาร่วมปี เป็นต้น
และไอ้ที่ว่าเครื่องบินใช้เทคโนโลยีสูงนั้นมันไม่ใช่หรอกครับ ระบบนำร่องของเครื่องบินยังใช้เทคดนโลยีสมัยเมื่อห้าสิบปีที่แล้วอย่างไรอย่างนั้น คอมพิวเตอร์ที่ใช้เพื่อการนำร่อง ก็ใช้ CPU ที่ล้าสมัยกว่าคอมพิวเตอร์โง่ๆที่เราใช้กันอยู่เลยครับ
ส่วนการถอดระหัสใน FDR นั้นไม่ใช่ว่าประเทศไทยไม่มีศักย์ภาพเพียงพอที่จะถอดระหัส แต่ตามสนธิสัญญาที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางอากาศ จะต้องส่ง FDR & CVR ไปยังประเทศที่เป็นกลางเพื่อการถอดระหัสทั้งนี้เพื่อที่จะได้ไม่เป้นการเข้าข้างใคร แต่ในกรณีของ วันทูโกนั้นผมไม่ทราบว่าเจ้าของเครื่องบินนั้นเป็นประเทศไหน เพียงแต่วันทูโกเป็นผู้ครอบครองเท่านั้น และเครื่องบินจดทะเบียนไทย ดังนั้นจะต้องส่งอุปกรณ์ที่ว่านี้ไปยังประเทศที่สาม แต่ยังไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงต้องส่งไปยังสหรัฐฯ เพราะเครื่องบินแบบ MD-82 นั้นผลิตในสหรัฐฯ
ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อทำการถอดระหัสแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเอาข้อมูลที่ถอดรวมทั้งเสียงบันทึกการสนทนา มาทำการสร้างในรูปแบบภาพและเสียงเคลื่อนไหว เพียงแต่ไม่มีหน้านักบิน ทั้งนี้เพื่อที่จะทราบถึงการทำงานของนักบินการทำงานของเครื่องบิน รวมไปถึงว่าในช่วงเวลานั้นใครเป็นคนบินจนกระทั่งเครื่องเกิดอุบัติเหตุ ผมมีข้อมูลของการสอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศไทยซึ่งจะไม่เหมือนกับที่นำออกฉายทางช่อง National Geographic หรือ Discovery Channel แต่ข้อมูลนี้ยังเผยแพร่ไม่ได้เนื่องจากยังไม่มีผลสรุปออกมาอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชน แต่นำมาศึกษาเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น
ในปัจจุบันนี้ทุกๆสายการบินจะมีการอบรมวิชา CRM (Crew Resource Management) โดยการเอานักบิน, ลูกเรือ, ช่าง, ฯลฯ เข้ามาอบรมพร้อมกัน เอาอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจาก นักบิน ลูกเรือ ช่าง จากคนทำความสะอาด มาศึกษาและวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่น่าจะเกิดขึ้น และวิธีการป้องกัน ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมนี้ร้อยละ 95 สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ และผู้ที่เข้าจะต้องกลับเข้าอบรมย่อยทุกๆปี และอบรมใหญ่ทุกๆสองปี

บางเรื่องหลังไมค์ได้ครับ มันมีหลายๆอย่างที่ไม่สามารถบอกได้ เอาไว้ถ้ามีโอกาสกันข้าวกันจะเล่าให้ฟัง สนุกกว่าเรื่องปืนเยอะ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 02, 2007, 08:34:24 AM
ขอบคุณ คุณ FlyingKob ครับ...

ว่าแล้วครับ นายสมชายถึงว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นนอกจากข้ออ้างเรื่องเทคโนโลยีสูงครับ...


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ramon-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 02, 2007, 09:41:05 AM
Aviation distress signals
The civilian aircraft emergency frequency is 121.5 MHz. Military aircraft use 243 MHz (which is a harmonic of 121.5 MHz, and therefore civilian beacons transmit on this frequency as well). Aircraft can also signal an emergency by setting one of several special transponder codes
  ช่วยแก้ไขให้คุณกบบินครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 02, 2007, 10:53:10 AM
Aviation distress signals
The civilian aircraft emergency frequency is 121.5 MHz. Military aircraft use 243 MHz (which is a harmonic of 121.5 MHz, and therefore civilian beacons transmit on this frequency as well). Aircraft can also signal an emergency by setting one of several special transponder codes
  ช่วยแก้ไขให้คุณกบบินครับ

ขอบคุณครับ 
ระบบการสื่อสารบนเครื่องบินนั้นจะใช้ความถี่ในระบบ VHF-AM สำหรับเครื่องบินพลเรือน ส่วนเครื่องบินทางทหาร(เครื่องบินรบ)นั้นจะใช้การสื่อสารระบบ UHF เป็นส่วนหลัก และศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศจะใช้ทั้งสองระบบ เพราะต้องควบคุมการจราจรทางอากาศของเครื่องบินทุกลำที่บินอยู่ในน่านฟ้า
ช่องสัญญาณความถี่ที่ใช้เพื่อการติดต่อฉุกเฉินนั้นได้กำหนดใน ICAO Annex10 Communications ในเครื่องมือสื่อสารระบบ VHF-AM จะใช้ความถี่ 121.50 MHz. ส่วนการสื่อสารระบ UHF จะใช้ช่องสัญญาณ 243 MHz. และช่องสัญญาณนี้เมื่อนักบินทำการติดต่อกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศเพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉินไม่ว่ากรณีใดการตามที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน นักบินจะต้องทำการเปลี่ยนระหัสจากปรกติเป็น 7700 ซึ่งศูนย์ควบคุมจะทราบถึงตำแหน่งของเครื่องบินนั้น ในกรณ๊ที่อยู่ในขอบเขตของเรดาร์ เพื่อทำการนำร่องให้นักบินนำเครื่องบินกลับมาลงยังสนามบินที่ใกล้เคียง และความถี่ช่องสัญญาณฉุกฉินนี้นักบินจะต้องเปิด Standby ไว้ตลอดเวลาทั้งนี้ในกรณ๊ที่ บางครั้งระบบนำร่องอาจจะผิดพลาดจนเครื่องบินบินล้ำน่านฟ้าของประเทศอื่นๆจนถึงขนาดที่ประเทศนั้นส่งเครื่องบินรบขึ้นมาประกบดู ซึ่งในกรณีนี้นักบินรบสามารถติดต่อกับเครื่องบินที่บินล้ำน่านฟ้าของตนเองได้และพาออกจากน่านฟ้าของตนเองโดยศูนย์ควบคุมจราจรจะเป็นคนเคลียร์เส้นทางบินให้ใหม่
และอุปกรณ์ที่ว่านี้คือ Transponder มีหน้าที่อะไร.... มันมีหน้าที่บอก Flight number ตำแหน่ง ทิศทาง ความเร็ว ความสูงของเครื่องบิน ก่อนที่เครื่องบินจะออกเดินทางนักบินจะได้รับระหัสเป็นตัวเลขสี่ตัวซึ่งแล้วแต่ทางศูนย์ควบคุมจะให้มา พอเมื่อเครื่องบินอยู่บนท้องฟ้าแล้ว ไอ้เจ้าเลขสี่ตัวจะปรากฎอยู่บนจอเรดาร์ซึ่งทางศูนย์ควบคุมจะทราบถึงตำแหน่งของเครื่องบินตลอดเวลา เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนักบินจะเปลี่ยนระหัสมาเป็น 7700 อย่างที่ว่าเพื่อศูนย์ควบคุมจะได้ทราบว่าตอนนี้มีเครื่องบินต้องการความช่วยเหลืออยู่ เพราะบนจอเรดาร์นั้นมันมีเครื่องบินเต็มไปหมดจึงต้องใช้ระหัสที่ไม่เหมือนกับชาวบ้านเขา ปัจจุบันนี้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศได้กำหนดระหัสฉุกเฉินไว้สี่ความหมายด้วยกันครับ ไม่เป็นความลับอะไรแล้วผมจะบอกให้เป็นวิทยาทาน
7700 คือสัญญาฉุกเฉินทั่วไป
7600 คืออุปกรณ์สื่อสารบนเครื่องใช้การไม่ได้ เช่น ส่งวิทยุไม่ได้ รับวิทยุไม่ได้ หรือทั้งรับทั้งส่งไม่ได้
7500 คือ มีการจี้เครื่องบิน
7400 คือมีการจี้เครื่องบินและมีระบิดบนเครื่องบิน



หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ing เด็ก ส.จ. ที่ ตุลาคม 02, 2007, 12:19:22 PM
แล้วทำไมค้นหาแทบตาย... แต่พอเจอแล้วเราไม่เห็นได้ทราบอะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากเจ้ากล่องนี้เลยเล่าครับ...

แถมยังมีเรื่องการอ่านข้อมูลข้างในนั้นอีก... เทคโนโลยีมันคงสูงส่งมากครับ สมัยเครื่องตกตั้งสิบกว่าปีมาแล้วประเทศไทยไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลข้างในนั้น... จนป่านนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีศักยภาพอ่านข้อมูลอีกอยู่ดี...

หากมันสูงส่งมากมายนัก ทำไมเขาถึงไม่สร้างไอ้แบบที่อ่านได้ง่ายๆเล่าครับ... เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีระบบเก็บข้อมูลไปไกลมากแล้ว วิธีเก็บข้อมูลในตัวไมโครชิปโดยไม่มีชิ้นส่วนเคลื่อนไหวทางกลเลยก็เป็นเรื่องง่ายในชีวิตประจำวันแล้วครับ... ทนแรงจีได้เป็นร้อยฯ ทนอุณหภูมิได้มากเท่าที่สร้างฉนวนหุ้มเอาไว้... ความจุสูงแบบเก็บหนังยาวมาตรฐานฮอลลีวู้ดตั้งเป็นสิบเรื่องในไมโครชิบเม็ดเดียวเองครับ...

คือนายสมชายสงสัยว่ามันน่าจะมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราครับ... แล้วทำไก๋บอกเราว่าเทคโนโลยีมันสูงส่งเสียจนกระทั่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญครับ... เย้

ต้องลองทำเป็นธุรกิจการค้าดูครับ

แป๋บเดียวเดี่ยวคนไทยก็ก๊อปได้ ว่ามั้ย ;D ;D


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ENOLA GAY ที่ ตุลาคม 02, 2007, 01:30:20 PM
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารู้สนุกๆอย่างนี้ครับ  :)


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ตุลาคม 02, 2007, 01:48:27 PM
โถมีเท่านี้เอง...รู้แบบนี้ให้พี่สมชายผลิตเองก็ได้  ::007::

ต้องลองทำเป็นธุรกิจการค้าดูครับ

แป๋บเดียวเดี่ยวคนไทยก็ก๊อปได้ ว่ามั้ย ;D ;D

ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีครับ... อ่านคุณ FlyingKob เขียนซิครับ คือมันมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราอีกแยะ...



หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gummy44 ที่ ตุลาคม 02, 2007, 05:06:03 PM
สนุกและได้ความรู้ดีครับ
ขอบคุณครับ :)


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 02, 2007, 07:00:33 PM
โถมีเท่านี้เอง...รู้แบบนี้ให้พี่สมชายผลิตเองก็ได้  ::007::

ต้องลองทำเป็นธุรกิจการค้าดูครับ

แป๋บเดียวเดี่ยวคนไทยก็ก๊อปได้ ว่ามั้ย ;D ;D

ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีครับ... อ่านคุณ FlyingKob เขียนซิครับ คือมันมีเรื่องอื่นที่เขาไม่ได้บอกเราอีกแยะ...



คนไทยไม่ต้องก๊อปหรอกครับ.....ทำได้หลายอย่าง เพียงแต่.....เรามีการส่งเสริมหรือไม่ เรามีการสนับสนุนเงินทุนหรือไม่ ขั้นตอนกว่าจะได้การรับรองนั้นมันไม่ใช่ง่ายๆ ผมขอยกตัวอย่างแล้วลองคิดเอานะครับว่าทำไม่เครื่องบินจึงราคาแพง
เรื่องการเปลี่ยนยาง มีขั้นตอนดังนี้
ยางเครื่องบินจะต้องได้รับการรับรองจาก
1. รัฐบาลประเทศผู้ผลิต
2. องค์กรการบินสหรัฐฯ FAA
3. องค์กรการบินแห่งชาติยุโรป JAA
4. รัฐบาลของประเทศที่จดทะเบียนเครื่องบิน
ต่อมาขั้นตอนในการเปลี่ยนยาง
สถานที่เปลี่ยน พูดง่ายๆ "ร้านยาง" จะต้องได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะรวมถึงช่างที่จะเปลี่ยน ไม่ใช่เอาเด็กจบช่างกลใหม่ๆมานั่งเปลี่ยน คนทำจะต้องมีวิชาเฉพาะด้านเป็นพิเศษ หลังจากเปลี่ยนใครเปลี่ยนคนนั้นต้องลงนามรับรองการเปลี่ยน และคนเปลี่ยนจะต้องมีใบอนุญาตด้วยครับ  ต่อมาจะต้องมีวิศวกร(นายตรวจ)ลงนามรับรองอีกครั้ง พอเอามาใส่เครื่องบินก็จะต้องลงสมุดปูมการบิน และต้องลงนามรับรองก่อนทำการบิน สุดท้ายนักบินลงนามรับรอง ดูๆไปมันยุ่งนะครับแต่มันเป็นการทำงานตามขั้นตอนที่ทุกๆขั้นตอนจะต้องมีการรับรองมีการบันทึกทั้งหมดซึ่งจะรวมไปถึงเหตุผลของการเปลี่ยน ก็ยางมันราคาแพงครับ เปลี่ยนบ่อยๆบริษัทเจ๊ง แต่บริษัทยางรวย อย่างนี้เป็นต้น
มาถึงชิ้นส่วนวัสดุต่างๆที่มาใส่ในเครื่องบิน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆจะเอามาใส่เหมือนรถยนต์ได้นะครับ ขนาดไอ้ที่ง่ายที่สุด คือแผ่นกรองแสงยังต้องมีการรับรองของวัสดุที่ทำเลยครับ ตั้งแต่ใยผ้า ตัวโครง จุ๊บยาง ว่าเมื่อเกิดไฟไหม้แล้วจะมีสารพิษที่ระเหยออกมาเป็นอันตรายได้กี่เปอร์เซนต์ เป็นต้น ดังนั้นจะเอาแผ่นกรองแสงที่มีรูปสนู๊ปปี้มาติดบนเครื่องไม่ได้ครับ
ตอนนี้เห็นภาพรึยังว่ามันไม่ง่ายเลยครับที่จะนำวัสดุอุปกรณ์มาติดตั้งบนเครื่องบิน แต่ในปัจจุบันนี้มีชิ้นส่วนหลายๆชิ้นที่ผลิตขึ้นในบ้านเมืองของเราแล้วนำไปติดตั้งบนเครื่องบิน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการบริการ เช่น ชุดรถเข็นที่บรรดาสาวๆเข็นเอาอาหารมาบริการท่านทั้งหลาย ตู้เก็บกระเป๋าและสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน ถาดอาหารต่างๆ รวมไปถึงโลงศพที่ฝรั่งมาเที่ยวแล้วตายในบ้านเรา ก็มันมีตัง (ประกันจ่าย) ขามาบ้านเรานั่งข้างบนขากลับนอนสงบใต้ท้องเครื่องบิน และชิ้นส่วนลำตัวของเครื่องบิน อย่างนี้เป็นต้นครับ
ส่วนการซ่อมนั้น บ้านเราสามารถซ่อมได้โดยได้รับการรับรองจากนานาประเทศทั่วโลก ดังนั้นเรามีมาตรฐานสูงครับ
ตอนนี้ยังเหลือด้านการผลิตเท่านั้น ที่เรายังไม่ได้รับการสนับสนุนที่ดีเท่าที่ควร เคยมีบริษัทAir bus industries จะมาตั้งฐานใหญ่ในการซ่อมบำรุงเครื่องบินแอร์บัสที่บินกันอยู่ในภูมิภาคนี้ แต่ก็ยังไม่ประสพความสำเร็จเท่าที่ควรทั้งๆที่เรามีศักย์ภาพเพียงพอทั้งกำลังคน สถานที่ (สนามบินร้างเรายังมีอีกเยอะ) ก็เพราะอะไร......ทุกๆท่านคงทราบดี ก็เหมือนกับพวกเราชาวปืนทั้งหลาย ที่อยากให้มีโรงงานผลิตในบ้านเรา มันยังมีไม่ได้เลย แล้วเราจะเอาอะไรมาพัฒนาประเทศชาติหละครับ ในเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่มองคนละขั้ว ไม่สนับสนุนไม่ว่า แต่อย่ากีดกัน

พอแล้วครับเดี๋ยวฟิวส์ขาด


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 02, 2007, 07:13:49 PM
ยิ่งอ่านยิ่งรู้  มันส์เหมือนอ่านนิยายจีน

ขอบคุณครับ กัปตัน FlyingKob ::008::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ ตุลาคม 02, 2007, 08:17:24 PM
ยังมีอีกระบบหนึ่งคือ Emergency Locator Transmitter เจ้าตัวนี้จะส่งสัญญาณตำแหน่งของเครื่องบินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้หน่วยกู้ภัยจะได้ทราบตำเหน่ง บนเครื่องบินโดยสารจะมีติดกับเครื่องบิน และที่เป็น Portable เจ้า Portable มีการทำงานที่ตลกที่สุดคือ เมื่อจะเปิดใช้งานต้องใช้น้ำหล่อกับแบตฯที่ติดอยู่กับเสื้อชูชีพ และที่ดีที่สุดคือใช้"ฉี่"ของเรากรอกลงไปจะทำให้การทำงานของเครื่องดีที่สุด การส่งสัญญาณนั้นจะส่งออกไปทุกทิศทางโดยสัญญาณนั้นจะลิ้งค์กับช่องความถี่ฉุกเฉินคือ 121.50 MhZ หรือ 345 Mhz ในระบบ UHF ซึ่งนักบินที่บินอยู่ในรัศมีจะได้ยินสัญญาณนี้เป็นระหัสเสียงสูงต่ำ ยิ่งบินใกล้ก็จะยิ่งได้ยินเสียงดังขึ้น
แต่เครื่องบินเล็ก หรือเครื่องบินฝึกไม่ได้ติดตั้ง ELT ไว้เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดจากประเทศผู้ผผลิต ดังนั้นเครื่องบินที่ตกที่เขาใหญ่จึงหาไม่เจอ

[/quote] กัปตันหมายถึงเครื่อง172 ลำนั้นไม่มีELTบนเครื่องใช่ไม๊ครับ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่เคยได้ยินใครพูดถึงELTเลยว่ามีอยู่บนเครื่องรึปล่าว แต่ยิ่งสงสัยว่าทำไมโรงเรียนถึงไม่จัดหาไว้บนเครื่อง แล้วมันไม่ผิดกฎการบินหรือครับ ขึ้นบินโดยไม่มีELTจะแบบ Fitted or portable unit ตัวไหนก็ได้ครับ จะมีพูดถึงก็หมอดูเอยพระเอยรวมถึงปาติหานนนน ::004::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 02, 2007, 08:36:51 PM
ยังมีอีกระบบหนึ่งคือ Emergency Locator Transmitter เจ้าตัวนี้จะส่งสัญญาณตำแหน่งของเครื่องบินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพื่อให้หน่วยกู้ภัยจะได้ทราบตำเหน่ง บนเครื่องบินโดยสารจะมีติดกับเครื่องบิน และที่เป็น Portable เจ้า Portable มีการทำงานที่ตลกที่สุดคือ เมื่อจะเปิดใช้งานต้องใช้น้ำหล่อกับแบตฯที่ติดอยู่กับเสื้อชูชีพ และที่ดีที่สุดคือใช้"ฉี่"ของเรากรอกลงไปจะทำให้การทำงานของเครื่องดีที่สุด การส่งสัญญาณนั้นจะส่งออกไปทุกทิศทางโดยสัญญาณนั้นจะลิ้งค์กับช่องความถี่ฉุกเฉินคือ 121.50 MhZ หรือ 345 Mhz ในระบบ UHF ซึ่งนักบินที่บินอยู่ในรัศมีจะได้ยินสัญญาณนี้เป็นระหัสเสียงสูงต่ำ ยิ่งบินใกล้ก็จะยิ่งได้ยินเสียงดังขึ้น
แต่เครื่องบินเล็ก หรือเครื่องบินฝึกไม่ได้ติดตั้ง ELT ไว้เนื่องจากไม่มีข้อกำหนดจากประเทศผู้ผผลิต ดังนั้นเครื่องบินที่ตกที่เขาใหญ่จึงหาไม่เจอ

กัปตันหมายถึงเครื่อง172 ลำนั้นไม่มีELTบนเครื่องใช่ไม๊ครับ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องผมไม่เคยได้ยินใครพูดถึงELTเลยว่ามีอยู่บนเครื่องรึปล่าว แต่ยิ่งสงสัยว่าทำไมโรงเรียนถึงไม่จัดหาไว้บนเครื่อง แล้วมันไม่ผิดกฎการบินหรือครับ ขึ้นบินโดยไม่มีELTจะแบบ Fitted or portable unit ตัวไหนก็ได้ครับ จะมีพูดถึงก็หมอดูเอยพระเอยรวมถึงปาติหานนนน ::004::
[/quote]

แบบที่ติดถาวรนั้นมันคงต้องดูในแบบพิมพ์เขียวครับ แต่ถ้าเป็นแบบ Portable คงไม่ยากแต่ขึ้นกับงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน เพราะผมไม่ทราบจริงๆว่าราคาประมาณเท่าไหร่ และมันมีหลากหลายยี่ห้อครับ หรือจะลงทุนหน่อยเป็นของส่วนตัวก็นาฬิกาไบร์ลิ่งรุ่นที่มีตัวส่งสัญญาณฉุกเฉินได้ครับ ราคาคงหลักหกขึ้นไป เพราะผมใช้คาซิโอก็พอแล้ว เคยใช้ของแพงก็ไม่ได้ทำให้เราไปตรงเวลาเท่าไหร่ พอใช้ของถูกเลยมาได้ตรงเวลากว่าครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Enruoblem ที่ ตุลาคม 02, 2007, 08:52:51 PM

แบบที่ติดถาวรนั้นมันคงต้องดูในแบบพิมพ์เขียวครับ แต่ถ้าเป็นแบบ Portable คงไม่ยากแต่ขึ้นกับงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน เพราะผมไม่ทราบจริงๆว่าราคาประมาณเท่าไหร่ และมันมีหลากหลายยี่ห้อครับ หรือจะลงทุนหน่อยเป็นของส่วนตัวก็นาฬิกาไบร์ลิ่งรุ่นที่มีตัวส่งสัญญาณฉุกเฉินได้ครับ ราคาคงหลักหกขึ้นไป เพราะผมใช้คาซิโอก็พอแล้ว เคยใช้ของแพงก็ไม่ได้ทำให้เราไปตรงเวลาเท่าไหร่ พอใช้ของถูกเลยมาได้ตรงเวลากว่าครับ
ขอบคุณครับกัปตัน


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: vichai01++รักในหลวง++ ที่ ตุลาคม 02, 2007, 09:34:52 PM
 ;D ;D ;Dตามเข้ามาอ่านครับ เรื่องนี้สนุกไม่แพ้เรื่องปืนอย่างที่ท่าน flyingkob กล่าวไว้เลยครับ ::002:: ::002:: ::002::


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 03, 2007, 07:31:01 AM
สวัสดีครับ กัปตัน FlyingKob  หากเกิดเหตุ 7500 ต้องกดปุ่นไหนก่อนครับ  ::005::

(http://www.thaitechnics.com/webboard/picture/4749_11.gif)


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 03, 2007, 08:32:11 AM
ตัวอย่างของ Transponder ครับ ;)
สองตัวล่างเป็นตัว Cockpit voice recorder ครับ ซึ่งที่ตัวมันจะมีไมค์โครโฟนด้วย เอาไว้เวลาที่นักบินเปิด speaker เวลาบินไกลๆ เพราะใส่แต่หูฟังก็พอดีครับ ลงมาเป็นไอ้หนวกเลยครับ ถึงแม้ว่าจะใช้แบบเบาบางแล้วยังไม่ไหวครับ อีกอย่างสายมันเกะกะด้วยครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 03, 2007, 08:37:51 AM
รูปตัวกล่องบันทึกครับ ลักษณะคล้ายกันกับ Flight data recorder


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: flyingkob-รักในหลวง ที่ ตุลาคม 03, 2007, 08:51:51 AM
ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ปัจจุบันนี้เราเดินทางทางอากาศมากขึ้น ซึ่งโอกาสที่เครื่องบินชนกันบนท้องฟ้าก็จะมีมากขึ้นตามตัว องค์กรการบินระหว่างประเทศได้กำหนดให้สายการบินต้องติดตั้งระบบเตือนภัยสำหรับเครื่องบินซึ่งเรียกว่า TCAS (Traffic Collision Alert System) เจ้าตัวนี้ทำงานโดยเอาสัญญาณจาก Transponder มาคล้ายๆกันกับจอเรดาร์ของศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศ แต่มันอยู่บนเครื่องบิน
การทำงานของมัน เมื่อเราเปิด Transponder มันก็จะทำงาน พอบินๆอยู่มีเครื่องเข้ามาในรัศมี 25 ไมล์ทะเล ระยะสูง +6000 -2000 (แล้วแต่ยี่ห้อของ TCAS) มันจะปรากฎบนจอของเราเป็นสีขาวก่อน พอใกล้ๆเข้ามา จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ใกล้ที่สุดจะเป็นสีแดง หลังจากนั้นมันจะสั่งให้เครื่องของเราไต่ หรือลดระดับ ถ้ามันให้เราไต่ อีกเครื่องมันจะให้ลดระดับ พอผ่นกันเป็นที่ปลอดภัยแล้วมันจะบอกเราอีกว่า Clear of conflick แค่นี้ครับ


หัวข้อ: Re: มารู้จัก"กล่องดำ"กันม๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ ตุลาคม 03, 2007, 10:41:47 AM
โอเค ครับ ท่านกัปตัน flyingkob พอเข้าใจแล้วครับ คราวนี้ ผมขับเองนะ ท่านเป็นผู้ช่วยแล้วกัน ได้ครูดี เป็นเร็วครับ ....


อ้าวแล้วท่านกัปตัน หายไปไหน............. ตัวใครตัวมันละหวา..... :~)

(http://www.tourlok.com/blahdocs/uploads/lpc_7708.jpg)