เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

 สวัสดีครับพี่ๆ และทุกๆท่าน ก่อนอื่นต้องขออภัยครับมาตั้งกระทู้ซะดึกเลย ส่วนใหญ่เท่าที่ผมสังเกตมาเรามักจะทราบข้อมูลส่วนใหญ่จากร้านปืนในส่วนกลาง(กรุงเทพฯ)ไม่ค่อยได้พูดถึงร้านปืนในต่างจังหวัดที่เราอยู่กันเท่าไหร่ วันนี้ก็เลยขอเริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ก่อน แล้วหลังจากนั้นขอเรียนเชิญพี่ๆ และทุกๆท่าน บรรเลงตามอัธยาศัยครับ หากการแสดงความคิดเห็นต่อไปนี้มีข้อผิกพลาดประการใด หรือทำให้ใครไม่พอใจ ขอให้ยกโทษให้เด็กน้อยคนนี้ด้วยนะครับ
   อดีตเมื่อนานมาแล้ว ร้านปืนในเชียงใหม่จะมีกี่ร้านคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ ณ ปัจจุบันเชียงใหม่มีร้านปืน 3 ร้านครับ แบ่งตามภูมิศาตร์ประเทศเชียงใหม่ และความเห็นส่วนตัวดังนี้
   ร้านที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณใกล้ตลาดวโรรส ร้านนี้ปืนเยอะ อัธยาศัยปานกลาง เป็นร้านเก่าแก่ยุคโบราณ ราคาปืนแพงกว่าส่วนกลางประมาณห้าถึงหกพันบาทหรือมากกว่านั้น เช่นเรมิตัน 870 18 นิ้ว พานท้ายซินเธติก ราคา 29,500บาท หรือซีเซดคอมแพ็ครางเต็มคันลดนกตัวใหม่ 67,500 บาท สำคัญสุดคนขายเป้นชาวไทยเชื้อสายอินเดีย คนมีอายุ  เขี้ยวครับขอบอกเขี้ยวมาก(ค้าขายเป้น) :OO ไม่ค่อยลดไม่ค่อยแถม ปืนออโตเมติกต้องถามให้ดีนะครับว่าราคานี้ได้แม็กกาซีนกี่ตัวเพราะมักอ้างว่าแถมให้ตัวเดียว ถ้าอยากได้ตัวที่สองต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าคุยตกลงได้เรียบร้อยก็ตรงไปตรงมาดี
   ร้านที่ 2 ตั้งอยู่แถวๆทางไปตลาดวโรรสติดกับร้านขายตั๋วโดยสาร(กิจการในเครือเดียวกัน) ร้านนี้ปัจจุบันปืนมีน้อย อัธยาศัยดีมากถึงมากที่สุด ราคาใกล้เคียงกับร้านแรก เจ้าของเป้นชาาวไทยเชื้อสายอินเดียเช่นกัน แต่โพกหัวครับ ร้านนี้ส่วนใหญ่คนที่เข้าไปจะประทับใจครับ ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมาก :DD
   ร้านที่ 3 ตั้งอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาลใกล้ๆตลาดช้างเผือก ร้านนี้สุดยอดครับ วีรกรรมเยอะสุด วินาทีแรกที่ท่านก้าวเท้าเข้าร้านท่านจะถูกสแกนทั้งตัวทันที พร้อมได้รับสายตาเซ็งๆจากคนขายประมาณว่าเข้ามารบกวนเวลาหายใจ ทำให้หงุดหงิด วันไหนคนขายยิ้มคุยกับท่านดีๆ วันนั้นพายุเข้าเชียงใหม่ครับ  :~)เพื่อนผมเเป้นทนายความเจ้าของร้านสะดวกซื้อพกเงิน70,000บาทจะไปซื้อสมิท5906 ผมแนะเค้าไปว่าเข้าไปถามก่อนถ้ามีปืนราคารับได้ให้จ่ายเงินซื้อเลยไม่ต้องฟังใครทั้งนั้น แต่ถ้าไม่มีให้วิ่งออกจากร้านทันที  (เคยมีประสบการณ์วันหลังจะเขียนมาบอกครับ) บังเอิญเพื่อนผมดันแต่งเสื้อยืดขาสั้นรองเท้าแตะไปซื้อเลยโดยคนขายทรมานทางสายตาและคำพูดประมาณว่ามีเงินมาซื้อหรือเปล่า มันเลยประชดชีวิตคว้ากล็อค19 หกหมื่นกว่าบาทมานอนกอดสบายไป  :~)คนขายเป็นชาวไทยเชื้อสายอินเดียครับ ว่ากันว่าเป้นลูกของร้านที่ 1 ครับ  :VOV:
 

แพร่พันธุ์ไกลเหมือนกันนะ ::)

เทคนิคการขายโดยการมองดูถูก เหยียดหยามลูกค้า  พอเจอลูกค้าบ้าจี้รักศํกดิ์ศรีไม่ยอมเสียหน้า  เท่าไหร่ก็ซื้อ  สุดท้ายเข้าทางบังเลยบังได้ตังค์ :-X

อยู่ไกลก็ลองโทรมาหาร้านปืนใน กทม.ก็ได้ครับ ถามราคา ถามโควต้า แล้วขอ ป.3 ให้ตรงกัน และให้ทางร้านส่งไปให้ก็จะได้ราคาไม่แพงแล้วครับ

.....นึกว่าจะมีแต่ในเมืองหลวง  ระบาดไปไกลเหมือนกัน.... :OO

ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น หล่นติดๆกันหลายร้านเลยอ่ะ :<<

สรุปร้านปืนที่เชียงใหม่เป็นเครือข่ายเดียวกันใช่หรือเปล่าครับ คุณ Dhong  :'( :'(  ผูกขาดตลาดปืนในเขตนี้ :'( :'( :'(

 :( สรุปว่า ร้านปืนทีเชียงใหม่ ก็ถูกผูกขาดโดยบุคคลกลุ่มเดียว ไม่แน่นะว่า หากสืบหาสายพันธุ์ของคนกลุ่มนี้ อาจเกี่ยวดองกับร้านแถวๆหลังวัง..... >:(

กลัวแขกอ่ะ  กัว กัว

น่ารวมเป็นเล่มครับ "เรื่องเล่าร้านปืน" :P

ร้านแรกน่าจะเป็น ร้าน "ปืนเชียงใหม่" อยู่ในหลืบที่เป็นคิวรถสองแถว และมีร้านทองสองสามร้านนะแถวนั้น
ร้านสองน่าจะเป็นร้าน  "ปืนจรัล" อยู่ใกล้คลองระบายน้ำ ริมถนนช้างม่อย หรือช้างคลานบ่ได้
ร้านที่สามนามว่า "ร้านจักรินทร์" น่ะเจ้า
ผมชอบร้านสองที่สุด  อัธยาศัยดี ครับ

;D ;D มีความคิดแบบนี้เหมือนกันครับสมมุติว่าเราซื้อมาแล้วพวกมันแอบหัวเราะเยาะตามหลังมาคงเจ็บใจแย่นะครับ ;D ;D ;D ;Dเป็นความคิดที่ดีมากครับและน่าจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้คนไม่โดนหลอก ;D ;D

 :)..ขอบคุณมากครับ..คุณDhong...
   ..ร้านค้าอาวุธปืนที่เชียงใหม่ ฟังที่เล่ามา ผมยังเห็นเป็นปรกติ ราคาสูงเป็นธรรมดา ก็เพราะมันขายได้น้อย..ซื้อ-ขาย อยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อ.. ไม่ใช่ค้าขายพูดโกหก หลอกลวง อย่างร้านแขกดอย ที่กรุงเทพมหานคร..เชียงใหม่ร้านจำหน่ายอาวุธปืน มีเพียง ๓ ร้าน ทำการค้าแบบไม่ต้องแข็งขัน อาจไม่จำต้องเน้นบริการให้ประทับใจ.ก็ออกมาอย่างที่เล่า.. อย่าไปเครียดเลยครับ. คนอินเดีย บางคนที่พูดถึงก็เป็นคนสัญชาติไทยเหมือนกัน.. การทำธุรกิจ มันคือการค้า คนขาย คนซื้อ มันอยู่คนละมุม ต่างมุมมอง. ดีอุดหนุน ก็ชมกัน ไม่ดีก็ไม่ซื้อ อาจต้องถูกด่าได้อีกด้วย.. :D

อิจฉา เขามีร้านปืนในจังหวัด
ที่เชียงรายไม่มีครับ  สอบถาม เขาว่าเคยมี แล้วปิดตัวไป
ไม่อนุญาตตั้งร้านยังอยู่ แต่ไม่ขายต่อ เขาเล่ามาอย่างนั้นครับ

ผมไม่เข้าใจว่าการขออนุญาติเปิดร้านนำเข้า  ขายปืน  ยากมากหรือป่าว    ตอนนี้ปืนกระบอกนึงกำไร 20,000-30,000 บาท  เป็นธุรกิจที่ดีมาก   นึกแล้วผมยังอยากทำเลย      เพราะความต้องการเยอะคนขายก็เลยเป็นแบบนี้แหละจะฟันกำไรเท่าไหร่ก็ได้ตามใจชอบ   เหมือนไปอ้อนวอนขอร้องให้ขายให้  :-\ :-\

ผมเคยเข้าไปดูๆในร้านปืนเชียงใหม่  เดินดูโน่นดูนี่ตามประสาคนรอขึ้นรถสองแถวแดง  สุดท้ายยังอุตส่าห์ได้กระสุนยิงแห้งขนาด .380  มาหนึ่งนัด  :D

 ;D ;D ;D ;D ผมไม่กลัวครับ แต่เกลียดแขกเป็นทุนอยู่แล้ว เลย เกลียดขี้นไปอีก  ;D ;D ;D

;D ;Dปีนึงไม่ทราบเหมือนกันว่าขายได้เท่าไรแต่คิดว่าคงน้อยเป็นธุรกิจที่ดีหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจแต่ความต้องการปืนนี่เยอะจริงๆครับส่วนอำนาจการซื้อจะมากตามไปด้วยหรือเปล่าน่าคิดนะครับ ;D ;D

 ;Dแต่ก่อนเห็นผี ขนหัวลุก แต่เดี๋ยวเห็นแขก ขนหัวลุกครับ ;D

ถูกครับ ร้านที่ 3 เป็นลูกร้านที่ 1 ครับ แล้วร้านที่ 1 ก็เป็นญาติๆ กับ ปืน เอ... ใน กทม. ครับ ร้านที่ 2 ก็เคยเข้าไปแต่ราคาปืนแพงเอามาก ล่าสุด G19 ก็ 68-70K เอาราคาที่แพงกว่ามาเป็นค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับและค่า Taxi มาเดินเล่นแถวหลังวัง มีร้านให้เลือกมากกว่า แล้วยังเหลือให้ซื้อ Accessory (ถ้าคุณมีเวลานะครับ)

ทำไมคนขายปืนต้องเป็นพวกแขก......แล้วคนไทยไปไหน ??? ???

เห็นด้วนกับคุณ engine1 ครับ ชอบอย่างเดียวลูกกระสุนที่ว่า กทม.หาไม่ได้ยังไงก็หาได้จากร้านทางเชียงใหม่ได้ไม่ยากครับ   ;D ;D ;D ;D

คนไทยก็ไปซื้อไงครับ    :~)

เขาเอาไว้ขายโควต้าครับ... ::)

 :D :Dอยากให้สรรพากรเข้าตรวจสอบบัญชีร้านที่ขายปืนแพงๆจังเลย อิอิ :DD :DD

เห็นด้วยกับคุณ Dhong ทุกประการ ผมเพิ่งกลับจากบ้านที่เชียงใหม่เมื่อวานนี้เอง แวะไปคุยที่ร้านที่ 2 มาแล้ว( น้องC ของผมก็มาจากที่นี่แหละ ) เลยได้ ไฮดร้า มาหนึ่งชุดเป็นแบบ +P+ ไม่ทราบว่าใช้กับลำกล้องสั้นได้รึเปล่า แต่ก็เอามาไว้ก่อน นัดละ 62บาทครับ แต่ที่สำคัญไปเจอลูกปรายขนาด 9 มมที่เสาะหามานาน มันมีอยู่จริงและมีที่นี่แหละครับนัดละ 90 บาท แต่ไม่ทราบว่าอะไรผลักให้คว้า ไฮดร้า มาซะงั้นแหละเลยหมดงบได้ครอบครองน้องปรายที่ใฝ่หา แต่กลับบ้านคราวหน้าไม่พลาดแน่