เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03093jpg1-1.jpg)

HN. 0150009405
AN. 50018111 WARD พิเศษ 4

จุดเริ่มต้น

งาน Aquarama 2005 ที่ประเทศสิงคโปร์เดิอนพฤษภาคมสองปีที่ผ่านมาที่ผมเดินทางไปดูงาน  ระหว่างเดินดูสินค้าต่างๆ พร้อมถ่ายภาพไปด้วยช่วงบ่ายๆ เกิดอาการปวดปัสสาวะ(ต่อไปอาจจะเขียนสั้นๆ ว่า ปวดฉี่นะครับ)  จีงเดินตรงไปยังห้องน้ำ...แต่รู้สึกผิดปกติเพราะปวดมากและเมื่อพยายามอั้นปรากฏว่า...กางเกงเปียกไปหมดครับ

ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำแล้วโทรศัพท์บอกให้ตัวแทนสินค้าที่ผมจำหน่ายในประเทศทราบ เค้าก็ออกไปซื้อกางเกงขายาวมาให้ผมสองตัวเมื่อผมเปลี่ยนกางเกงเรียบร้อยก็ยังอยู่ในงานและอาการดังกล่าวก็เหมือนหายไปเฉยๆ ครับ

ช่วงค่ำออกไปทานมื้อเย็นกับตัวแทนสินค้าก็ยังดิ่มเบียร์ตามปกติวิสัยที่เป็นคนดิ่มเบียร์มานานกว่า 20 ปี  พอปวดฉี่ก็เดินเข้าห้องน้ำได้ทันไม่เกิดอาการดังกล่าวอีก  กลับมาถึงบ้านก็ไม่ได้สนใจจะไปหาหมอเพราะคิดว่า พี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งก็เป็นหมออายุรกรรมเอาไว้โทรปรึกษาอีกที

ช่วยครึ่งปีหลังของปี 2005  ผมก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมสำหรับมื้อค่ำมื้อดึก  ทานอาหารได้ตามปกติพร้อมเบียร์อีก 3 ขวดทุกวันเกือนไม่ได้ได้เว้นสักวันในหนึ่งอาทิตย์  นอกจากป่วยนิดๆ หน่อยๆ อย่างเป็นไข้หรือท้องเดินก็จะไม่ได้ดิ่มครับ

ประมาณเดือนมีนาคม 2006  อาการกลับมาอีกครั้งและเริ่มเรื้อรังคือถ้าเริ่มรู้สึกปวดฉี่เมื่อใดเตรียมตัววิ่ง 100 เมตรเพื่อแข่งกับการไม่ฉี่ราดกางเกงทุกครั้ง ผ่านไปถึงช่วงครึ่งปีเริ่มมีอาการปวดและฉี่ไม่สุด บางครั้งมีเลือดออกเหมือนสีน้ำล้างเนื้อหรือปลา แต่ก็ยังไม่ไปหาหมอหรือพี่ชาย  อาศัยการค้นหาข้อมูลจากเว๊บไซด์

หาพบครับ...ต่อมลูกหมาก...อาการเหมือนกับที่ผมเป็นเกือบทุกขั้นตอน มีแร่ธาตุและวิตามินที่กินบำบัดโรคนี้ได้ (ผมเคยนำข้อมูลลงที่เว๊บ อวป  ครั้งหนึ่ง) จัดการหาซื้อมากินดู...อาการก็ทุเลาลงไปเกือบหาย อาการเลือดปนฉี่ก็หายไปด้วยแต่ต้องดิ่มน้ำเปล่ามากๆ  เบียร์ผมก็ยังดิ่มอยู่เหมือนเดินตามที่เรียนให้ทราบ

ปลายปี 2006  ไม่มีอาการอะไรเพิ่มเติมยังเหมือนตอนต้นปีครับ

ให้พี่ๆ ได้พักสายกันกันก่อนครับ
ด้วยความเคารพ




 ขออนุญาตปักหมุดกระทู้นี้ไว้เป็นกรณีศึกษา   เป็นเวลา 30 วันครับ   จนถึงวันที่ 08/01/08  RO 02

กำลังคิดถึงอยู่พอดีครับ  ทราบเพียงแค่ว่าป่วย  ขอให้พี่ RroamD แข็งแรงในเร็วๆวันครับผม  ::002::

อาการดีขึ้นหนรือยังครับพี่

 ;Dขอให้หายไวๆ ครับ :VOV:

อ้าว..ผมไม่รู้เรื่องครับเฮีย...ขอให้หายเร็ววันครับเฮีย

 :) ดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับ คุณ.อารมณ์ดี สุขภาพเราต้องมาก่อน อะไรที่หมอห้ามก็เว้นไว้ก่อน เป็นห่วงนะครับ

ขอให้หายป่วยโดยเร็วครับ

            หายไปนาน คิดถึงคนถ่ายภาพ เป็นอย่างนี้นี่เอง รักษาตัวด้วยนะ เร็วๆเลย ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

รอฟังต่อขอเป็นกำลังใจให้พี่อารมณ์ดีครับ  ::002::

     ยังไงซะก็ขอให้หายป่วยเร็ววันนะครับ

               ขอเป็นกำลังใจให้สุขภาพแข็งแรง เอาชนะให้ได้ครับ  กำลังใจสำคัญมากครับ   ;D ;D ;D

ขอให้หายป่วยเร็วๆๆนะครับ. ;) ;) ;)

ขอให้หายเร็วๆ นะครับ

หายเร็วๆนะครับพี่

ขอให้หายป่วยไวๆนะครับ....

 พ่อตาผมก็เป็นโรคนี้เหมือนกัน อะไรที่งดได้ก็งดนะครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  ขอให้หายไวๆนะครับพี่ :D

เข้ามาเอาใจช่วยครับพี่

ด้วยความเคารพครับ

เป็นกำลังใจให้ครับ หายป่วยไวๆนะครับ

หายป่วยไวไวครับ พี่ สุขภาพสำคัญที่สุด ไม่ใช่เฉพาะต่อตัวเรานะครับ แต่ยังมีคนที่รักเราอีกเยอะแยะ
ด้วยความเคารพครับ
 แค่อ่านชื่อก็ยิ้มแล้ว *0*

เป็นกำลังใจ ให้หายป่วยโดยเร็วครับ

(http://img413.imageshack.us/img413/5084/p538373610mt4.jpg)

เป็นกำลังใจ ให้หายป่วยเร็วๆนะครับ ... 

ผมตรวจโดยทำอัลตร้าซาวน์ปีละครั้งครับ....ขอให้หายไวๆนะครับท่านอาฯ

หายเร็ว ๆ นะคะ.... ::002::

สมาชิกชมรมขนมหวานรออยู่ด้วยความเป็นห่วง... :VOV:

ขอให้พี่RroamD หายเร็วๆๆน่ะครับ
เป็นกำลังใจครับ

ขอให้คุณอารมณ์ดีสุขภาพแข็งแรงในเร็ววันครับ...

ให้กำลังใจครับพี่RroamD รักษาสุขภาพครับ ...

สู้ สู้ ครับท่านอารมณ์ดี........ขอให้หายป่วยไวไว ครับ  ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

ขอให้พี่ RroamD หายป่วยโดยเร็วครับ...

ผมก็แย่ไปหน่อย อ่านเจอก็คิดว่าพี่ไม่เป็นอะไรมาก...

รักษาตัวด้วยนะครับ...:D

หวาดเสียว........ขอให้หายเร็ว ๆ นะครับ

อาการดีขึ้นหรือยังคะ ยังไงขอให้หายป่วยไวๆละกันค่ะ ;)

หายไวๆนะครับ..เป็นกำลังใจให้ครับ..

ทุกข้อความของพี่ๆ เป็นกำลังใจให้ผมได้มาก ผมจะพยายามรักษาสุขภาพให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ
ขอบพระคุณครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน



ขอบคุณครับพี่  ผมขอโทษด้วยที่ไม่ได้เรียนให้ทราบครับ


ดีขึ้นตามขั้นตอนการรักษาแล้วแต่ก็ยังต้องอดทน
ขอบคุณครับพี่


รับทราบและปฏิบัติครับพี่วัฒน์
ขอบคุณครับ


ขอบคุณครับพี่  พักฟื้นแล้วคงต้องหาโอกาสไปพักผ่อนถ่ายภาพบ้างแล้วครับ


ผมจะลำดับช่วงของการเจ็บป่วยมาให้อ่านต่อ
ขอบคุณครับพี่


ใช่ครับพี่  เพราะกำลังใจที่ทำให้ผมฟื้นไข้เร็วด้วยครับ
ขอบคุณครับ


ขอบคุณมากสำหรับขัอแนะนำครับพี่  ถ้ามีเวลาอ่านข้อความที่ผมจะโพสต่อไปด้วยนะครับคงพอเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ


ใช่ครับพี่ คนรอบข้างสำคัญไม่น้อยกว่าตัวผมเองโดยเฉพาะลูกสาวผมปีนี้เธอเพิ่งจะ 8 ขวบ
ขอบคุณครับ


ไม่ประมาทเป็นสิ่งที่ดีแล้วครับ
ขอบคุณครับพี่


ขอบคุณครับพี่  ยังไงก็คงต้องให้พี่โอดำเนินรายการแทนผมไปก่อน ดูคะแนนแล้วพี่ก็ได้ของขวัญจากผมอยู่แล้วครับ


พี่หมอมาให้กำลังใจ ยังไงผมก็จะสู้ต่อไปครับ
ขอบคุณครับ


พี่ป้อมทองครับ...กระบี่ไม่ได้อยู่ที่ใจเสียแล้วงานนี้
ขอบคุณครับ


ดีขึ้นตามลำดับขั้นตอนแล้วครับ
ขอบคุณครับพี่


13 มกราคม 2007

ผมกับแฟนและลูกสาวไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำเจ้าพระยาพร้อมทานอาหารมื้อค่ำ  อาหารอร่อยไม่ผิดหวังเครื่องดื่มเย็นๆ ขวดสีเขียวมีเตรียมไว้มากพอให้ลูกค้าที่อยู่บนเรือ  ผมดื่มไปขวดกว่าเข้าห้องน้ำบนเรือพอฉี่ก็เริ่มรู้ว่า...อาการมันกลับมาอีกแต่ที่สำคัญคือวันนี้มันแดงไปทั้งโถฉี่แล้วครับ

กลับถึงบ้านวันรุ่งขึ้นคุยกับแฟนเรื่องอาการล่าสุดพร้อมโทรศัพท์ปรึกษาพี่ชาย  ได้รับคำแนะนำในเชิงบังคับให้ไปตรวจที่ รพ. ด่วนที่สุด  ผมได้ไปทำบัตรผู้ป่วยใหม่ที่เวชระเบียน รพ. ของรัฐแห่งหนึ่งที่อาจารย์ทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะเป็นเพื่อนสนิทนักเรียนแพทย์รุ่นเดียวกัยพี่ชาย

ผ่านการตรวจเบื้องต้นจากแพทย์ของตึกผู้ป่วยนอกก็ได้ส่งตัวไปพบแพทย์เฉพาะทางตามที่พี่ชายได้นัดหมายไว้  ตรวจต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนักก็ยังไม่พบความผิดปกติ ทำอัตร้าซาวด์พบว่าที่กระเพาะปัสสาวะมีก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นด้านในแต่ยังไม่เด่นชัดนัก

แพทย์สั่งให้ทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจดูค่าอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องโรคมะเร็ง  พร้อมกันนี้ก็ให้ทำเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan)  แล้วนัดให้มาดูและฟังผลในช่วงสองสัปดาห์ต่อไป  ซึ่งช่วงเวลานี้ผ่านวันตรุษจีนไปแล้วและผมเริ่มหยุดดิ่มเบียร์อย่างเด็ดขาดด้วยครับ

เป็นกำลังใจให้ท่านหายป่วยเร็วๆ

กลับมาสุขี กับ เบียร์เย็นๆได้เหมือนเดินนะครับ

ส่วนกระผม ขอปนโซดา+น้ำ ต่อไปครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับพี่ หายไว่ๆนะครับ :)

ขอเอาใจช่วยครับ
หายป่วยเร็วๆนะครับ :VOV:

   ด้วยความเคารพ

 

ขอให้หายไวๆ งดดื่มเบียร์ดีครับ ต้องรักษาสุขภาพก่อน

         นึกว่าเป็น forward mail ...... อิ อิ ...... และสมรรถนะล่ะ ........ กระซิบเบาๆที่ข้างหูนะ

         ข่าวชายไทยกับปัญหาบูชลูกหมาก เอ้ย ...... ต่อมลูกหมาก เป็นปัญหาระดับชาติทีเดียว

         มีทางป้องกันได้อย่างไรบ้างครับ ........... ช่วยตะโกนดังๆให้รู้กันหน่อย   :DD :DD :DD

ขอให้หายไวๆนะครับ  :D

อวยพรให้หายเจ็บ หายป่วยโดยเร็วนะครับ

โรคนี้ทรมานพอได้เลย

รอพี่ RroamD มาเล่าเรื่องต่อครับ...

เรื่องยังอีกหลายตอน...

ขอให้พี่หายป่วยโดยเร็วครับ...:D

อย่าประมาทนะครับ   เตี่ยผมผ่าตัดแล้วหมอนัดไปตรวจแรกๆก็ไป     ตอนหลังไม่ไปสุดท้ายก็ลามจนรักษาไม่ได้     เสียชีวิตไปเมื่อ9ปีก่อน     สมัยนี้ตรวจง่ายรักษาง่ายครับ    อย่าไปคิดว่าไม่เป็นไร

เคยได้ยินมาให้ขมิบทวารหนักครับ   ช่วยได้หลายอย่างที่อยู่บริเวณนั้น...

ขมิบทวารหนัก  ช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อ PC
ช่วยในการ ควบคุม หรือชะลอการหลั่งได้
หญิงก็ได้ ชายก็ได้  ขมิบได้ทุกที่ ทุกเวลา...........
หญิงทำให้กระชับไม่หย่อนยาน
ชายทำให้สู้โว๊ย........ แข็งได้ทน ไม่อ่อนก่อนเวลา ( อันควร )


ขอให้ พี่ RroamD  หาย( จากอาการเจ็บ ) เร็ววันเร็วคืน ครับ

                         (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif)               (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif)

ขอให้พี่หายไวๆนะครับ :D

ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าพี่เป็นอะไร ผมก็อวยพรให้ปลอดภัย อายุยืนยาวแล้วกันครับ  :)

ขอบคุณกำลังใจและคำอวยพรจากพี่ๆ ทุกท่านครับ



หยุดหมดครับ อย่างแรกเบียร์ตามที่ได้เรียนให้ทราบแล้วก็บุหรี่ครับ
ขอบคุณครับ


พี่ปูปรึกษาพี่หมอรุตสิครับ
รับรองไม่ผิดหวัง


ความทรมานสุดจริงๆ เมื่อถึงช่วงที่โรคเริ่มเข้าระยะรุนแรงครับ


ขอบคุณครับพี่  นอกจากเรื่องการตรวจสม่ำเสมอแล้วเรื่องการกินก็เป็นปัจจัยอีกอย่างหนึ่งด้วยเท่าที่ผมได้รับข้อมูลครับ


กำลังใจของพี่หมอและพี่ทุกท่าน ช่วยให้ผมมีจิตใจเข้มแข้งมากขึ้นอีกหลายเท่า
ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งครับ
ด้วยความเคารพ


ผมไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อฟังผล

ผลที่ดูจากเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์แสดงให้เห็นถึงอวัยวะที่พบก้อนเนื้องอกคือกระเพาะปัสสาวะซึ่งดูจากฟิล์มเหมือนทะลุออกมาทางด้านบนและเบียดท่อไตด้านซ้ายทำให้ท่อไตเกิดตีบ ผลเลือดเมื่อดูค่าตัวหนึ่ง (ผมจำไม่ได้จริงๆ นะครับ) ระบุว่าเป็นมะเร็งแน่นอน

ในวันเดียวกันที่ดูฟิล์มแพทย์ได้แจ้งให้ผมทราบเพื่อทำการตรวจเพิ่มด้วยการส่องกล้องและตัดเนื้อเยื่อเพื่อส่งตรวจทางด้านพยาธิวิทยา  ผมก็ตกลงและลงลายมือชื่อยินยอมให้ทำการตรวจได้  ขั้นตอนครงนี้ก็เจ็บและทรมานพอสมควรในช่วงสั้นๆ ระหว่างทำการแล้วครับ

เสร็จจากการส่องกล้องตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจ  แพทย์ได้นัดผมมาฟังผลอีกครั้งในอีกสองสัปดาห์  ผมก็ไม่คิดอะไรมากยังคงทำงานปกติและใช้ชีวิตประจำวันตามปกติเพียงแต่เลิกดิ่มแต่ยังสูบบุหรี่อยู่

วันที่ไปฟังผลการตรวจชิ้นเนื้อ  ผมไปรับฟิล์มที่แผนกรังสีวิทยาของ รพ. แล้วก็ขึ้นไปพบแพทย์รอคิวอยู่พักใหญ่ก็ได้พบเพื่อนพี่ชายที่เป็นผู้ตรวจให้  สรุปผลการตรวจคือเป็น มะเร็งกระเพาะปัสสาวะและไตซ้ายอักเสบรุนแรง 

วิธีการบำบัดรักษาที่ได้ผลดีที่สุดคือการผ่าตัด  แต่เนื่องจากกรณีของผมเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่เกินความสามารถของแพทย์เฉพาะทางที่แผนกระบบทางเดินปัสสาวะ  จึงส่งตัวผมต่อไปที่แผนกศัลยกรรมระบบปัสสาวะเพื่อปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางอีกท่านหนึ่งครับ

สรุป...ศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแจ้งให้ผมทราบขั้นตอนคือ ตัดกระเพาะปัสสาวะออกแล้วใช้ลำไส้มาทำเป็นกระเพาะปัสสาวะแทนซึ่งสามารถฉี่ได้เหมือนปกติประมาณ 90%  และอาจจะต้องตัดไตด้านที่อักเสบออกด้วยแต่ทั้งนี้จะพิจารณาขณะทำการผ่าตัดเพราะดูจากเอ๊กซ์เรย์ไม่ชัดเจนครับ

 :) โอ้ ไม่เป็นไรครับพี่  ยังสู้ต่อได้ครับ  ยังปัสสาวะได้อยู่  ทำความดีได้อยู่
เอาใจช่วยให้เข้มแข็งครับ ::002::

.........เป็นกำลังใจให้ครับ    สู้ ๆ ต่อไป อย่าไปหมดกำลังใจนะครับ  ต้องเอาใจสู้โรคครับ.......
       ผมเคยเป็น ทีแรกหมอบอก เป็นต่อมลูกหมาก แต่ไป ๆ มา ๆ ..หลังจากหยุดเบียร์ได้เกือบเดือน เครียดให้กับตัวเอง เพราะไม่ยอมหาย เลยซื้อเบียร์มาซดซะ ๖ ขวด ..ผลคือ นิ่ว เม็ดขนาด ประมาณ เม็ดในละมุด หลุดออกมา ๒ เม็ด  หลังจากนั้น ก็ปกติ  พอไปอัลตร้าซาวด์ พบว่า มีอีกเม็ด ค้างอยู่ในไต ขนาด ประมาณ ๖ ม.ม. หมอบอกว่า ให้ทานน้ำเยอะ ๆ อีกซักปีค่อยไปตรวจอีกรอบ เพราะนิ่วประเภทนี้ ขนาดเล็กมาก เอ็กซเรย์ ไม่เจอ  ..(จริงด้วยเพราะทีแรกเอ็กซ์ฯ ไปตั้งหลายรอบแต่ไม่เจอนิ่ว)  ....ตอนนี้สบาย ๆ ครับ หลังจากปัสสวะขัด ๆ ติด ๆ สีปนเลือด มาเป็นปี ๆ เพราะเป็น ๆ หาย ๆ ตอนนี้ โล่งอก ครับ..แต่ ก็ทานน้ำวันละอย่างต่ำ ๓ ลิตรเชียว...

         ขอให้ท่านอารมณ์ดี หายเร็ว ๆ ครับ   ::002::

ขอให้หายไวไวอย่าเป็นอะไรมากไปกว่านี้นะครับ.....

งดของมึนเมาอย่าดื่มมากไปนะพี่ .... บุหรี่ด้วย....หมั่นออกกำลังกาย กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

ที่สำคัญ..... อย่าเสียกำลังใจครับ.....ใจต้องสู้นะครับ

ด้วยความเคารพครับพี่...

...ผมเพิ่งมีโอกาสอ่านกระทู้ของท่าน RroamD  ครับ ตกใจเมื่อได้ทราบข่าว เพราะผมเป็นแฟนที่ติดตามผลงานที่ท่าน RroamD นำเสนอในเว็ปนี้มาโดยตลอด...

...ผมขออวยพรให้ท่าน RroamD หายป่วยเร็วๆ ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนที่อยู่ในเว็ปแห่งนี้คงคิดเหมือนผมเช่นกัน...

...ผมเองก็ผ่านวิกฤตในเรื่องสุขภาพมาเหมือนกันตอนต้นปี เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมอยู่บนเส้นแบ่งระหว่างการมีชีวิตอยู่กับความตายเลยทีเดียว ตอนนี้ผมใช้ชีวิตได้อย่างปกติทุกอย่าง แต่ผมต้องอยู่ในการควบคุมของหมออย่างใกล้ชิด ผมพบคุณหมอทุกสองอาทิตย์และคงจะต้องดำเนินชีวิตในลักษณะนี้ไปตลอดชีวิต ยังไงผมขอเป็นกำลังใจให้ท่าน RroamD สู้ต่อไปนะครับ...
 

 ขอเป็นกำลังใจช่วยครับ..รักษาสุขภาพกายจิตใจให้เข้มแข็งนะครับ..   ::002::

 :D  ขอให้หายป่วยโดยเร็วไว.........เดี๋ยวจะไปเยี่ยมนะครับเฮีย ::002::

 :D ขอเป็นกำลังใจให้ครับ   ขอให้หายป่วยโดยเร็วไวครับ  สู้ต่อไปครับ อย่าท้อ  ::002::

หายไวๆครับพี่

เป็นกำลังให้ครับพี่ อย่ายอมแพ้นะครับ ยอมแพ้ง่ายนิดเดียว ต่อสู้เพื่อสิ่งยิ่งใหญ่ การชนะใจตัวเองได้ น่าภูมิใจครับ

ขอให้หายไว ๆ ครับ

ขอให้หายป่วยโดยเร็วไวครับ

เติมกำลังใจครับท่าน สำคัญทีเดียวกำลังใจ

แต่อนิจจัง ก็คืออนิจจังครับพี่


สู้โว้ย...............

ฝากเยี่ยมด้วยครับพี่เสือ...:D

เป็นกำลังใจให้นะคะ...ขอให้เข้มแข็งและพบชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้... ::002::

ฝากไปด้วยคนค่ะ...

หายเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ::002::

 ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002::ขอให้หายเร็วๆนะคะ จะเป็นอีกกำลังใจให้

ขอให้หายป่วยไวๆ มีกำลังใจเข็มแข็งครับ

ขอให้พี่หายป่วยเร็วๆนะครับ เป็นกำลังใจให้ครับ  ::002::

ขอให้หายป่วยไวๆนะค่ะ  ::002::

ขอให้พี่หายป่วยเร็วๆนะครับ

  ขอให้หายป่วยไว ๆครับ พี่

...ขอให้หายป่วยเร็วๆ ครับ  :)

ขอบคุณข้อความและทุกกำลังใจจากพี่ๆ ครับ
ผมจะพยายามดูแลรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดีที่สุดครับ


สรุป...ศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแจ้งให้ผมทราบขั้นตอนคือ ตัดกระเพาะปัสสาวะออกแล้วใช้ลำไส้มาทำเป็นกระเพาะปัสสาวะแทนซึ่งสามารถฉี่ได้เหมือนปกติประมาณ 90%  และอาจจะต้องตัดไตด้านที่อักเสบออกด้วยแต่ทั้งนี้จะพิจารณาขณะทำการผ่าตัดเพราะดูจากเอ๊กซ์เรย์ไม่ชัดเจนครับ
 
การรักษาตามการวินิจฉัยโรคด้านบนทำให้ผมคิดหนักและต้องปรึกษาแฟนและพี่ชายที่เป็นแพทย์ 
สิ่งแรกคือเรื่องการใช้ลำไส้มาสร้างเป็นอวัยวะแทนกระเพาะปัสสาวะที่ต้องตัดออกเนื่องจากเป็นมะเร็ง  ผมได้สอบถามศัลยแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดให้ท่านก็บอกว่าหลังผ่าตัดแล้วผู้ป่วยต้องทำการสวนน้ำกลั่นผ่านท่อปัสสาวะเพื่อกระตุ้นลำไส้เป็นช่วงเพื่อฝึกการฉี่และอั้นฉี่  ผมฟังตรงนี้ก็รู้สึกแหยงๆ แล้วครับ

สิ่งต่อมาที่ออกมาจากความคิดตัวเองหากทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วเกิดโรคเดิมซ้ำผมก็คงต้องกลับมาพบกับความปวดทรมานเหมือนเดิมอีก  ถามแพทย์เพิ่มเติมเรื่องความเป็นไปได้มากน้อยกับการเป็นมะเร็งเพิ่มเติมหลังการผ่าตัด  ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีใครติบได้ต้องตรวจเลือดและติดตามผลหลังผ่าตัดหากพบว่าเกิดขึ้นอีกก็บำบัดด้วยเคมีหรือรังสีแล้วแต่กรณีครับ

แพทย์ได้เร่งให้ผมเข้าทำการผ่าตัดเพราะทางพยาธิวิทยารายงานผลว่าชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาจากกระเพาะปัสสาวะตรวจแล้วเป็นแบบ High Grade ซึ่งมี่การขยายตัวเร็วไม่ควรปล่อยไว้เกินกว่าสองเดือน  จึงนัดให้ผมเข้า รพ. วันที่ 30 เมษายน 2007  เพื่อเตรียมตัวและจะทำการผ่าตัดในวั่นที่ 2 พฤษภาคม  ผมได้พบแพทย์อีกครั้งและแจ้งให้ท่านทราบว่าอยากให้ผ่าตัดและทำระบบฉี่ทางหน้าท้องแทน  แต่ก็ได้รับการปฏิเสธว่าเป็นรูปแบบการรักษาแบบเก่าทาง รพ. ไม่ทำให้ครับ  ผมจีงได้แจ้งยกเลิกการผ่าตัดครับ 

การผ่าตัดมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด 150000 บาท  ไม่รวมค่าห้องพักฟื้นหลังผ่าตัดแต่ศัลยแพทย์ได้กำหนดให้การรักษาผมครั้งนี้เป็นกรณีศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์  ประกอบกับผมได้ทำพินัยกรรมโดยแจ้งความประสงค์บริจาคร่างกายไว้เมื่อ 8 ปีก่อน (คุณแม่ผมถึงแก่กรรมที่ รพ. แห่งนี้ ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หลังจากผ่าตัดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะได้ประมาณ 1 ปีให้หลัง)  ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงเหลือ 20000 บาท แต่ต้องพักฟื้นในหอผู้ป่วยรวมเท่านั้นครับ
 

ลุงแก้วอวยพรข้ามประเทศมาเลย

เข้ามาให้กำลังใจครับผม สู้สู้ ผมเข้าใจความเจ็บปวดของคนเป็นโรคนี้ครับ
พี่ชายผมเสียชีวิตด้วยมะเร็งในเม็ดเลือดครับ

30ลิขิตฟ้า 70ต้องฝ่าฟันครับพี่ อย่ายอมแพ้ มันไม่ได้เก่งไปกว่าเราหรอกครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับพี่  ขอให้หายไวๆ  สุขภาพกลับมาดีดังเดิมในเร็ววันครับ ...

..ขอเป็นกำลังใจและขอให้หายไว ๆ นะครับพี่ 

ขอบคุณพี่ coda และพี่ปูที่แจ้งให้ทราบครับ


ขอบคุณครับพี่  ผมเสียใจด้วยกับพี่ชายนะครับ


ขอบคุณอีกหนึ่งกำลังใจจากพี่ครับ


ขอบคุณครับพี่ภูชี้ฟ้า 


เมื่อผมรู้แน่นอนแล้วว่าไม่สบายเพราะเป็น มะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ และ ไตข้างซ้ายอักเสบรุนแรง แต่ก็ไม่สามารถผ่าตัดตามรูปแบบที่อยากทำ (ฉี่ทางหน้าท้อง+แขวนถุง) จึงทำให้ผมพยายามค้นหาวิธีรักษาทางอื่นนั่นคือยาและสมุนไพร

เริ่มต้นจากการโทรศัพท์บอกให้เพื่อนที่สิงคโปร์ช่วยหาซื้อยาจากประเทศจีนให้สองตัว  เพื่อนก็หาซื้อให้ได้เพียงตัวเดียวแต่ได้ยาอีกตัวที่ผลิตในสิงคโปร์ซึ่งสกัดจาก สปอร์เห็ดหลินจือ มาแทน  ผมก็ทานยาทั้งสองตัวมาเรื่อยๆ วันละสองครั้ง

ไม่ได้สนใจจะไปทำการตรวจเพื่อดูว่าเจ้า มะเร็ง ที่เกิดในกระเพาะปัสสาวะจะเจริญเติบโตไปเพียงใด  เพียงแต่ดูจากอาการปวดเวลาฉี่และเลือดที่ออกมาด้วยซึ่งก็เป็นๆ หายๆ  ความถึ่ในการที่ต้องฉี่ก็เอาอะไรแน่นอนไม่ได้แต่ที่เด่นชัดคืออั้นฉี่ไม่ได้แล้วครับ

แฟนผมเป็นห่วงมากพยายามพูดให้ผมไปทำการตรวจด้วยเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์อีกครั้ง แม้กระทั่งลูกสาวผมก็พูดบ่อยว่า ทำไมพ่อไม่ไปหาหมอ กลางคืนพ่อเข้าห้องน้ำหลายครั้ง จะบอกว่าผมดื้อก็ได้แต่อยากลองยา

กินยาจีนมาสองเดือนกว่าเพิ่มสมุนไพรอีกตัว หญ้าปักกิ่ง ซึ่งจะพบสรรพคุณในเว๊บว่า ต่อต้านโรคมะเร็ง ก็หาซื้อแบบคั้นเสร็จพร้อมดิ่มและซื้ออย่างเป็นต้นมาคั้นเองที่บ้าน  ช่วงกลางวันอยู่ที่ทำงานก็ดิ่มแทนน้ำเพราะอยากรู้สรรพคุณ 

โธ่...พี่ RroamD ครับ ทำไมไม่ปรึกษาผม...

ไม่น่าไปกินยาสมุนไพรอยู่เลยครับ...

ยังดีที่กินแค่สองเดือน... :~)

...ไม่ทราบว่าในกรณีของท่าน RroamD พอจะมีแนวทางในการรักษาแบบใดครับคุณหมอ rute...

หายเร็วๆนะคะ  :D

สมุนไพรที่บอกผมกินประมาณสองเดือนครับพี่หมอ แต่ยาจีนสองตัวนี่สิครับกินตลอดครับ

พี่ CT_Pro4 ถามคำถามนี้พี่หมอ rute คงแจ้งวิธีรักษา+การตรวจสุขภาพให้พี่ๆ ได้ทราบเพื่อเป็นประโยชน์ทางสุขภาพได้แน่นอน
ขอบพระคุณครับ


ขอบคุณครับ  ;)

ขอให้เคราะห์หายคลายทุกข์เป็นสุขขี

ขอให้มีสุขภาพที่สดใส

ขอให้โชคร้ายมลายไป

ให้แจ่มใสอารมณ์ดีอย่างที่เคย

ขอเป็นกำลังใจและขอให้หายไว ๆ นะครับพี่.

ขอบคุณพี่ป้อมทองมากๆ ครับ


ขอบคุณครับพี่


มิถุนายน-สิงหาคม 2007

อาการเริ่มเปลี่ยนแปลง (ไปในทางที่แย่ลง) ช่วงกลางวันต้องเข้าห้องน้ำเพื่อฉี่ประมาณสองชั่วโมงต่อครั้งพร้อมกับอาการปวดทที่ท่อปัสสาวะอย่างรุนแรง เรียกว่าพอมีอาการปวดฉี่ก็กลัวตัวเอง  กลางคืนแทบจะไม่ได้นอนและพักผ่อนเลยเพราะต้องเข้าห้องน้ำและฉี่ทุกชั่วโมงทุกคืน 

เพื่อนๆ ที่พบกันทุกคนทักเหมือนกันหมดว่าทำไมดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งที่ผมก็ยังกินได้ทุกมื้อแต่นอนไม่ได้นี่สิครับเรื่องใหญ่  ยาจีนกับน้ำสมุนไพรก็ยังพยายามกินต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะไปพบแพทย์หรือแม้กระทั่งชั่งน้ำหนักดูว่าตัวเองผอมลงไปมากน้อยเพียงใดครับ

กันยายน 2007

แฟนและลูกสาวขอร้องให้ไปพบแพทย์อีกครั้งเพราะอดสงสารผมไม่ได้  ผมโทรไปคุยกับพี่ชายและได้รับคำแนะนำกึ่งบังคับให้ไปตรวจอีกครั้งแต่เปลี่ยน รพ. ซึ่งผมก็ได้พบศัลยแพทย์ทางด้านระบบปัสสาวะคนใหม่ที่ รพ. แห่งใหม่ซึ่งก็ยังเป็นของรัฐบาล

นำฟิล์มเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์เก่าไปให้ดู อาจารย์ก็สั่งให้ไปทำใหม่เพราะฟิล์มเก่าอายุหลายเดือนแล้วใช้ในการวินิจฉัยโรคไม่ได้  หลังจากได้ฟิล์มใหม่แล้วท่านก็วางแผนการรักษาให้โดยยืนยันว่าต้องตัดกระเพาะปัสสาวะออกแล้วตัดต่อลำไส้เพื่อระบายฉี่ออกทางหน้าท้อง

ส่วนนี้ตรงตามที่ผมต้องการ  ผมจีงขอทราบรายละเอียดและขั้นตอนในการผ่าตัดซึ่งท่านก็ไม่ได้ปิดบังอะไร  รวมถึงขั้นตอนการบำบัดต่อเนื่องหลังผ่าตัดและพักฟื้นแล้วด้วยการใช้รังสีบำบัดครับ

สวัสดีครับ...ขอเป็นกำลังใจ.....และหายจากโรคภัยด้วยครับ

 :VOV: เข้ามาเป็นกำลังใจอีกครั้ง สู้ๆๆนะครับ อย่าท้อถอย

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ แต่อ่านกระทู้นี้แล้วรู้ว่าเข็มแข็งมากครับ

......กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นะครับ  ...อีกอย่าง การปฏิบัติตัว ด้าน การรับประทานอาหาร ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน . ผมจำได้ว่า เคยมีหนังสือ การปฏิบัติตัว ของผู้ป่วยมะเร็ง ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนของคุณพ่อผมเอง ท่านเป็นอดีตครู  เขียน เรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าเป็นมะเร็ง" เขียนตั้งแต่ เริ่มรู้ตัว เมื่อตรวจพบ มะเร็งในต่อมลูกหมาก  และเขียน เรื่องเกี่ยวกับการทานอาหาร การออกกำลังกาย การทำสมาธิ สงบจิต และอีกหลายอย่าง  เสียดายตอนนี้ หาไม่เจอครับ หนังสือเล่มนี้ดีมาก ๆ  เจ้าของหนังสือนี้ สามารถมีชีวิต เป็นปกติธรรมดา ได้ หลายสิบปี ครับ

    เพราะการเข้าใจในโรคของตัวเองที่เป็นอยู่ ไม่ได้โทษตัวเอง หรือโทษสิ่งอื่น ใด  ..พยายามปรับตัวเข้าหามัน จนอยู่ด้วยกันได้อย่างปกติ   จำได้พอเลา ๆ ก็คือ สำคัญ ที่อาหารนะครับ  โดยเฉพาะ โปรตีนจากสัตว์  ทานแล้ว โรคมักจะกำเริบ ..ควรทานผัก งดอาหารรสจัดทุกชนิด สรุป ง่าย ๆ คือ ทานแบบเจ ไปเลย  ภาชนะปรุง หรือ ใส่อาหาร ควรเป็นพวก สแตนเลส  พวกน้ำหอม น้ำยาดับกลิ่นกาย พวกสารเคมี ที่ใช้กับร่างกาย ควรงด ยาสีฟัน ที่มีส่วนผสมของ ฟลูออไรต์  ควรงด และอีกหลายอย่างครับ ผมจำได้ไม่หมด ต้องขออภัยจริง ๆ ...ครับ

  ...เป็นกำลังใจให้ครับ....ถ้าผมหาหนังสือเล่มนั้นเจอ จะส่งไปให้นะครับ... :)

ขอบคุณพี่ๆ ที่ช่วยผมเรื่องกำลังใจครับ


เป็นความรู้สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับพี่


ผมเล่าตามระยะเวลาที่เริ่มพบอาการผิดปกติไม่มากจนถึงช่วงสามเดือนแห่งความเจ็บปวดทรมานครับ

ขอบคุณพี่แจ๊คสำหรับข้อมูลเกี่ยวกับยาจีน...ขอแลกประสบการณ์
ด้วยความเคารพทุกท่านครับ


ตุลาคม 2007

12 ตุลาคม 2007  อาจารย์นัดให้ผมทำเอ็กซ์เรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ  อย่างที่เรียนให้ทราบผมหยุดดิ่มตั้งแต่ต้นปีแล้วส่วนเรื่องบุหรี่ยังสูบอยู่แม้กระทั่งวันที่ทำเอ็กซ์เรย์ปอดก็ยังสูบอยู่  พี่ชายผมที่เป็นแพทย์เตือนว่าถ้าไม่เลิกก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 1 เดือน  มีโอกาสติดเชื้อที่ปอดและหลอดลมแน่นอน ผมสูบมวนสุดท้ายวันที่ 17 ตุลาคม ครับ

24 ตุลาคม 2007 เวลา 8.00 น. ผมไปถึง รพ. ตามที่นัดให้เข้าไปนอนเพื่อเตรียมตัวก่อนทำการผ่าตัดเพราะต้องทำการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาค่าต่างๆ เช่น คลอเรสเตอรอล ระดับน้ำตาลในเลือด เอชไอวี  กำหนดวันผ่าตัด 29 ตุลาคม 2007 เวลา 9.00 น.

อาจารย์ศัลยกรรมได้มาพบผมที่หอผู้ป่วยรวมศัลยกรรมชายและให้รายละเอียดเพิ่มเติม  ขั้นตอนการผ่าตัดเริ่มจากการตัดกระเพาะปัสสาวะ ตัดต่อมลูกหมาก ตัดชิ้นเนื้อในท่อไตด้านซ้ายบางส่วนเพื่อทำการตรวจเพิ่ม ตัดและต่อลำไส้เล็กหลังจากนำลำไส้เล็กส่วนหนึ่งมาทำท่อฉี่ทางหน้าท้อง

27 ตุลาคม 2007 สั่งทำเอ็กซ์เรย์ปอดและคลื่นหัวใจซ้ำอีกครั้ง  ผมยังมีโอกาสตัดสินใจยกเลิกการผ่าตัดได้เพราะยังมีเวลาอีกประมาณ 4-5 วัน  ระหว่างที่พักเพื่อเตรียมตัวที่ รพ. ผมมุ่งมั่นและต้องการทำการผ่าตัดให้เสร็จเร็วที่สุดแต่ก็ต้องรอผลการตรวจเลือด

ในช่วงตั้งแต่เข้าพักที่ รพ. ก็ยังต้องเข้าห้องน้ำเพื่อฉี่และทรมานเพราะความเจ็บปวดทั้งที่ท่อปัสสาวะและท้องน้อย (ตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ) ตลอดเวลาทั้งที่ได้รับประทานยาแก้ปวดและยาฆ่าเชื้อแล้วก็ตามครับ

อูย....แค่ฟังขบวนการผ่าว่าต้องทำอะไรบ้างนี่ก็...... :OO สู้ๆครับพี่

...พี่ RroamD ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเชื่อว่าพวกเราจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่เสมอครับ...  ;)

ขอให้ทุกอย่างคลี่คลายสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆครับ เป็นกำลังใจให้อีก 1 แรงใจ

เมื่อคืนเข้านอนเร็ว 4 ทุ่มกว่าหลับแล้ว
วันนี้จึงตื่นเช้าเหมือนตอนอยู่ที่ รพ ครับ  :D


สู้ครับพี่ไม่ต้องห่วง
ขอบคุณครับ


กำลังใจของพี่ๆ ทุกท่านช่วยผมได้มาก
ขอบคุณทุกท่านครับ


1 แรงใจที่ให้ผมเท่ากับ X 100 ให้ผมต่อสู้ครับ
ขอบคุณครับ


ขอบคุณพี่แจ๊คครับ

ปัญหาสุขภาพหรือโรคภัยไข้เจ็บที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่ได้หรือต้องทำการรักษาด้วยการผ่าตัด การปลูกถ่ายอวัยวะ
พี่ๆ ลองติดต่อขอที่อยู่จากพี่แจ๊คนะครับ

ก่อนที่ผมจะเข้า รพ. เพื่อเตรียมตัวผ่าตัดลืมเรียนให้พี่ทราบว่า พี่แฟนที่ศรีราชาเคยโทรมาบอกให้ไปหาหมอท่านหนึ่งซึ่งปรุงยาเรียกว่า ยาผีบอก รักษาโรคมะเร็งให้คนป่วยหายมามากแล้วและไม่คิดเงินด้วย  แต่ผมบอกว่าคงไม่ไหวแล้วเพราะปวดทรมานมากต้องเข้า รพ. แล้วครับ

28 ตุลาคม 2007

งดอาหารและน้ำตั้งแต่ 12.00 น. เริ่มให้กินยาระบายให้ถ่ายต่อเนื่องเป็นกระบวนการล้างลำไส้ก่อนเข้าทำการผ่าตัด  หลังจากกินยาแล้วประมาณ 3 ชั่วโมงก็เข้าห้องน้ำอย่างต่อเนื่องเรียกว่าอะไรที่ตกค้างในลำไส้ถูกไล่ออกมาจนเป็นน้ำเลยครับ

เข็มน้ำเกลือถูกแทงเข้าเส้นเลือดครั้งแรก 18.00 น.  เพื่อปรับและให้แร่ธาตุแก่ร่างกายเพราะงดการกินแล้ว  อาจารย์แวะมาเยี่ยมผมพร้อมแนะนำหมอบ้าน (Resident Doctor) ที่เป็นนักศึกษาแพทย์แผนกศัลยกรรมระบบปัสสาวะผู้ช่วยเหลือในการทำผ่าตัดครั้งนี้

ได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่าการผ่าตัดต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 5 ชั่วโมงทั้งตัดทั้งต่อและทำระบบระบบฉี่ด้วยลำไส้เล็กทางหน้าท้อง  ร่างกายของผมมีความพร้อมเต็มที่ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งหัวใจ ปอด อวัยวะในช่องท้องส่วนล่างอื่นๆ ดีหมด  ไม่ต้องเครียดไม่ต้องคิดทำใจให้สบายแต่ผมก็หลับไม่ได้แถมต้องลากถุงน้ำเกลือเข้าห้องน้ำอีกครับ

29 ตุลาคม 2007 ในเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้...ฝ่ายหนึ่งบาดเจ็บอีกฝ่ายหนึ่งตาย

8.30 น. เจ้าหน้าที่มารับและให้ลงจากเตียงนอนนั่งรถเข็น (wheel chair) นำแฟ้มเอกสารการตรวจจาก ward ผู้ป่วยศัลยกรรมชายให้ผมเซ็นชื่อในส่วนผู้ป่วยและให้แฟนเซ็นชื่อในส่วนของญาติผู้เกี่ยวข้องเพื่ออนุญาตให้แพทย์ทำการรักษาด้วยการผ่าตัด

เซ็นเรียบร้อยผมบอกกับแฟนว่าผ่าเสร็จแล้วเย็นๆ พบกันไม่ต้องห่วงเพราะอาจารย์บอกไว้แล้วว่าจะส่งตัวกลับมาที่พักที่ห้องพิเศษ ไม่ต้องเข้าห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ccu) ผมนั่งรถเข็นจนชั้นที่ 22 ลงมาที่ห้องผ่าตัดชั้น 4 ของ รพ.  เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดถามชื่อ นามสกุล พร้อมวัดความดันและวัดไข้ครั้งสุดท้าย

29 ตุลาคม 2007

ถึงเวลาเข้าห้องผ่าตัด 

ผมมองดูนาฬิกาเห็นเวลา 9.30 น.  เจ้าหน้าที่เข็นเตียงเข้าสู้ห้องผ่าตัดผมเห็นแต่โป๊ะไฟนีออนที่ฝ้าเพดานเลื่อนจากเท้าขึ้นไปที่หัว เมื่อเตียงหยุดนิ่งเจ้าหน้าที่ก็ยกผ้ารองฟูกเตียงแล้วยกตัวผมจากเตียงเข็นขึ้นบนเตียงหรือแท่นผ่าตัด

รอบๆ ตัวผมด้านบนเป็นไฟในห้องผ่าตัดที่ค่อนข้างสว่างมาก มองไปทางด้านซ้ายเห็นอาจารย์กับหมอบ้านที่จะทำการผ่าตัดกำลังดูฟิล์มเอ๊กซ์เรย์คอมพิวเตอร์และพูดคุยกัน  เจ้าหน้าที่สองคนให้ผมกางแขนทั้งสองข้างๆ ขวาใส่ที่วัดความดันและเครื่องวัดอ๊อกซิเจนทีคีบไว้ที่นิ้วกลาง

แขนซ้ายที่แทงเข็มน้ำเกลือก็กางไว้  เจ้าหน้าที่แนะนำตัวให้ทราบว่าเป็นวิสัญญีแพทย์และถามผมอีกครั้งว่ารู้หรือไม่ว่าป่วยเป็นอะไรจึงต้องผ่าตัดซึ่งผมก็ตอบไปว่าเป็นมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ เค้าก็ยิ้มพร้อมกับบอกว่าอีกสักครู่กับจะหลับสบายไม่ต้องคิดอะไร

อาจารย์กับหมอบ้านมาคุยด้วยอีกครั้งพร้อมถามว่า ไม่เปลี่ยนใจแน่นะครับ ถ้าเปลี่ยนใจยังทันครับ จะได้ให้กลับไปที่ห้องพัก  ผมตอบไปอย่างมั่นใจว่า อาจารย์...ลุยเลยครับผมอยากหายจากความเจ็บปวดและทรมานที่เป็นมานานแล้ว  แกก็บอกว่าได้อย่างนั้นเดี๋ยวจะจัดการให้ดีที่สุด

วิสัญญีแพทย์บอกกับผมว่าอีกสักครู่หนึ่งจะรู้สึกง่วงนอนมากๆ อย่าฝืนอย่าคิดอะไรหลับตาแล้วพักผ่อนให้สบายเลยนะคะ (ลืมบอกไปคุณหมอผู้หญิง) ครับ  พอฟังจบประโยคก็เหมือนกับอยากจะหาวและตาที่มองอยู่ก็มองเบลอๆ หนังตาหนักจนลืมไม่ขึ้นครับ

นึกถึงตอนผมผ่าตัดแล้วเค้าให้ดมไนต๊อก สูดเต็มๆปอดไปประมาณสามเฮือกก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวเลยทั้งที่พยายามจะลองฝืนดู  ::012::

อูย..บรรยายได้เห็นภาพจริงๆ  เป็นผมอาจเป็นลมไปแล้ว ไม่ต้องใช้ยาสลบ

ขออย่าได้ท้อนะคะ ชีวิตคนเราย่อมมีความหวังและเพื่อคนที่อยู่ข้างหลังคะ
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่กำลังใจ เชื่อว่ากำลังใจของทุกๆ คน และกำลังใจจากครอบครัว
จะเป็นแรงผลักดันให้ คุณ RroamD เข้มแข็งและต่อสู้กับโรคที่เป็นอยู่นะคะ

เอาใจช่วย และขอให้สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ คะ

เรียกว่า "บรรยากาศพิศวง" ก็ได้ครับแต่แค่แป๊บเดียวเพราะหลับสนิทจริงๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนครับพี่


ความรู้สึกคงเบากกว่าของผมเพราะเริ่มจากการเดินยาเข้าเส้นเลือดแล้วค่อยสอดท่อช่วยหายใจพร้อมให้ยาทางระบบหายใจครับพี่
ขอบคุณครับ


เป็นลมหมดสติแพทย์ต้องปลุกให้ตื่นก่อนแล้วถึงวางยาสลบเพราะต้องควบคุมความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ระบบการหายใจให้สม่ำเสมอด้วยนี่สิครับ
ขอบคุณครับ ผมเตรียมยาดมไว้ให้พี่ครับ


ผมคิดอย่างที่พี่บอกเสมอเพราะลูกสาวเพิ่งจะ 8 ขวบ ยังไงก็ต้องสู้เพื่อให้มีชีวิตอยู่ให้นานที่สุด  ถ้าไม่เข้าผ่าตัดเพื่อรักษาตามที่แพทย์แนะนำก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มีชีวิตสำหรับวันนี้และวันต่อไป 
ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจครับ

ด้วยความเคารพทุกท่าน


วันนี้มาดึกหน่อยครับ  วันนี้ครบสองอาทิตย์ที่ผ่าตัดต้องทานยาระบายเพื่อให้ถ่ายเพราะลำไส้เล็กที่มีการตัดต่อเข้าที่และลำไส้ใหญ่เริ่มมีการตอบสนอง เข้าห้องน้ำทั้งวัน เพลียเลยต้องพักผ่อนเกือบทั้งวันครับ

29 ตุลาคม 18.15 น.

ผมเริ่มได้ยินเสียงและลืมตาก็เห็นแฟนกับลูกสาวและเพื่อนสนิทอยู่ที่ห้องพัก (ห้องพิเศษ) จำได้ว่าผมพูดประโยคแรกว่า "เจ็บท้องมาก" แฟนบอกว่าอีกเดี๋ยวก็คงหายเจ็บอดทนนิดนึง  สิ่งต่อมาก็คือรู้สึกเจ็บคอซึ่งพยาบาลบอกว่าห้ามดื่มน้ำเด็ดขาดให้อมน้ำแข็งก่อนเล็กๆ ได้แต่อย่าบ่อย

20.00 น. อาจารย์และหมอบ้านมาเยี่ยมผมครั้งแรก  ไม่ได้บอกหรือพูดอะไรนอกจากถามผมว่าเจ็บตรงไหนบ้างซึ่งผมก็ตอบไปว่า เจ็บท้องและเจ็บคอมาก แล้วก็ได้ยินแกสั่งพยาบาลเรื่องมอร์ฟีนครับ

พยาบาลเริ่มปรับตั้งเครื่องผสมมอร์ฟีนกับน้ำเกลือเพื่อลดอาการปวดให้โดยปริมาณ 60 ซี.ซี. ต่อชั่วโมง  เมื่อได้รับมอร์ฟีนผมก็ไม่ค่อยรู้สึกปวดและตัวเบาเหมือนจะลอยและหลับได้สบายขึ้น แต่ก็จะตื่นเวลาที่พยาบาลมาวัดความดันและวัดไข้เป็นช่วงๆ ครับ

30 ตุลาคม 2007

7.30 น. อาจารย์และหมอบ้านมาเยี่ยมอีกครั้งพร้อมแจ้งให้ทราบว่า ตัดกระเพาะปัสสาวะออกพร้อมต่อมลูกหมาก ไส้ติ่งและต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียงที่โต ก้อนเนื้องอกใน่ท่อไตด้านซ้ายตัดออกไม่ได้แต่ได้ตัดบางส่วนออกมาเพื่อทำการตรวจเพิ่ม 

แกให้ผมดูที่หน้าท้องได้ตัดต่อลำไส้และทำท่อปล่อยปัสสาวะพร้อมติดถุงเรียบร้อยซึ่งก็ไม่มีอาการเจ็บแต่อย่างใด  แผลเย็บกลางท้องน้อยต่ำกว่าสะดือก็มีผ้าก๊อดปิดอยู่รู้สึกตึงแต่ก็ไม่เจ็บเท่าไหร่ครับ

15.30 น. อาจารย์กับหมอบ้านมาเยี่ยมอีกครั้ง  ผมก็บอกว่าเจ็บคอมากซึ่งแกก็บอกว่าต้องอดทนอีกสองวันเพราะท่อดูดน้ำย่อยซึ่งสอดเข้าทางรูจมูกด้านซ้ายผ่านคอลงไปที่กระเพาะอาหารยังต้องคาไว้แล้วใช้เครื่องดูดน้ำย่อยออกเป็นช่วงเพื่อไม่ให้น้ำย่อยไปกัดแผลที่ตัดต่อลำไส้เล็กครับ

ขอเป็นกำลังใจให้สุขภาพดีในเร็ววันครับ

ขออภัยพี่ RroamD นิดนึงครับ...

หมอบ้านที่ว่า ผมเข้าใจว่าเป็นแพทย์ประจำบ้านน่ะครับ...

มาจากคำว่า resident ครับ ซึ่งเป็นแพทย์ที่จบการศึกษาและมีใบประกอบโรคศิลป์แล้ว...

แต่กำลังเข้ามาศึกษาต่อเป็นแพทย์เฉพาะทางครับ...

ซึ่งแล้วแต่ว่ามาต่อทางด้านไหน เช่น ศัลยกรรม อายุรกรรม ครับ...

กรณีของพี่น่าจะเป็นแพทย์ประจำบ้านศัลยกรรมครับ...:D

เข้ามาเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ ขอให้ฟันฝ่าอุปสรรค ความเจ็บป่วย และรักษาสุขภาพให้เยอะๆด้วยค่ะ  

ขนาดพึ่งจะผ่าตัดมา    ยังสามารถนำเสนอให้สมาชิกรับทราบได้

สุดยอดเลยครับท่าน    ขอให้ดีวันดีคืน  ดี ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ขอให้หายเร็วๆเช่นกันครับ

ขอให้หายไวๆนะครับพี่ จอมยุทธอินทรี

ชอบคุณพี่บ้านชายหาดสำหรับกำลังใจจากข้อความในกระทู้และโทรศัพท์ครับ ;)


1 กำลังใจจากสาว = 10 กำลังใจจากหนุ่มครับ...พูดเล่น... ;D
ขอบคุณมากครับ


ขอบคุณครับพี่ ;)


Oh, พี่ครับผมเป็นเพียงผู้นำเสนอให้ชม มิได้เป็น จอมยุทธอินทรี ครับ :D
ขอบคุณครับ


กำลังใจผมพอไหวก่อนผ่าตัดครับพี่ป้อมทอง
หลัง่ผ่าตัดแล้วได้จากพี่ๆ ในเว๊บช่วยมากมาก
ขอบคุณครับ


ผมอาจจะเรียกไม่ถูกอย่างที่พี่หมอกรุณาแจ้งให้ทราบ แพทย์ประจำบ้านศัลยกรรม ถูกต้องแล้วครับ

แพทย์ประจำบ้านศัลยกรรม ท่านนี้ผมพบตั้งแต่เริ่มให้อาจารย์ตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกแผนกทางเดินปัสสาวะแล้วครับ

ขอบคุณพี่หมอครับ



30 ตุลาคม 2007

18.00 น.  วิสัญญีแพทย์สองท่านมาเยี่ยม...คุณหมอผู้หญิงทั้งสองดูแฟ้มคนไข้ของผมแล้วถามว่ามีอาการคลื่นไส้อาเจียนหรือไม่ ผมก็ตอบว่าไม่มีครับ ทั้งสองก็ดีใจและบอกว่าผมฟื้นเร็วกว่าคนไข้ทั่วไปที่เคยวางยาสลบเพื่อผ่าตัดเพราะใช้เวลานานพอสมควร ขอให้หายไวๆ

31 ตุลาคม 2007

7.30 น.อาจารย์และหมอประจำบ้านมาเยี่ยมพร้อมพูดคุยกันต่อ ดูแผลเย็บและระบบถ่ายปัสสาวะทางหน้าท้องทุกอย่างน่าพอใจ อาจารย์ได้พูดถึงเรื่องการบำบัดขั้นต่อไปด้วยการฉายรังสีกับเนื้องอกในท่อไตซ้าย แต่ขอให้พักฟื้นให้สุขภาพแข็งแรงก่อน ยาแก้อักเสบถูกฉีดเข้าท่อน้ำเกลือวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นครับ

15.30 น. หมอบ้านมาเยี่ยมและนำอุปกรณ์มาให้

ให้ผมทดลองทันทีโดยดูดลมจากท่อสีน้ำเงินเต็มที่ ปรากฏว่าลูกบอลลอยขึ้นได้แค่ 2 ลูก  หมอประจำบ้านแนะนำให้ผมบริหารปอดด้วยเครื่องมือตัวนี้โดยดูดให้ลูกบอลลอยทั้งสามลูก เพื่อป้องกันปอดหดตัวเพราะการวางยาสลบเป็นเวลานาน
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC030982.jpg)

ผมพยายามอยู่เป็นช่วงๆ แต่รู้สึกเหนือยมากและยังทำให้ลูกบอลลอยขึ้นได้เพียงสองลูก  เริ่มท้อถอยและหมดกำลังใจซึ่งแฟนก็บอกว่าค่อยบริหารไม่ต้องรีบเพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ผมคิดในใจว่าจะไม่ใช้เครื่องมือตัวนี้อีกแล้วครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC030981.jpg)
เมื่อผมคิดอย่างที่เรียนให้พี่ๆ ทราบ  ผมก็ใช้วิธีสูดหายใจเข้าด้วยตัวเองแต่ก็รู้สึกว่าทำไมช่วงหายใจเข้ามันสั้นกว่าปกติ แต่ก็พยายามฝืนสูดอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดแล้วค่อยๆ หายใจออกช้าๆ

1 พฤศจิกายน 2007

7.30 น เช้าวันนี้อาจารย์มาเยี่ยมคนเดียวและพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระซึ่งไม่เกี่ยวกับการรักษาและบอกว่าอาการของผมน่าพอใจและฟื้นไข้ได้เร็วกว่าผู้ป่วยที่เข้าผ่าตัดทั่วไปอย่างที่หาพบได้ยาก  แกถามผมว่าก่อนผ่าตัดกินสมุนไพรหรือยาอะไรมา ผมก็เรียนว่าไม่มีครับ

15.30 น หมอประจำบ้านมาดูผลการบริหารปอดด้วยเครื่องมือโดยหยิบเครื่องมือแล้วให้ผมลอง  ผมดูดลมผ่านท่อสี้น้ำเงินตามปกติปรากฏว่าลูกบอลลอยขึ้นทั้งสามลูก หมอประจำบ้านอมยิ้มและบอกว่าดีมากครับแต่วันพรุ่งนี้ต้องพยายามลุกเดินเพื่อป้องกันลำไส้ติดกัน

19.00 น วันนี้ผมขอให้แฟนช่วยพยุงผมลงจากเตียง พอเท้าแตะพื้นได้ก็คิดว่าไม่มีปัญหาเดินได้สบายแต่ปรากฏว่าไม่ไหวเพราะเจ็บและหน้าทองตึงมาก  ผมจึงขอให้พยาบาลนำรถเข็นมาให้ พอได้รถเข็นทีนี้ผมก็เดินด้วยการเข็นรถเข็นรอบๆ ห้องครับ

2 พฤศจิกายน 2007

7.00 น. ผมเข็นรถเข็นออกจากห้องพักเพื่อนเดินรอบๆ ทางเดินบนขั้น 22 ของหอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม ward 4 โดยแฟนเดินเป็นเพื่อน ถุงน้ำเกลือก็ยังแขวนอยู่ทีแขวนของรถเข็น  พยาบาลประจำ ward เริ่มแซวผมว่า อย่างนี้ได้กลับบ้านเร็วแน่ๆ

7.20 น กำลังจะเดินและเข็นรถเป็นรอบสุดท้ายโดยตรงกลับไปที่ห้องพัก ผ่านหน้าลิฟท์อาจารย์กับหมอประจำบ้านออกจากลิฟท์มา...จ๊ะเอ๋..
กันพอดี...ทั้งสองคนยิ้มและเดินกลับมาที่ห้องพักพร้อมกับผม  ผมขอให้นำท่อดูดน้ำย่อยออกซึ่งอาจารย์อนุญาตให้พยาบาลจัดการ

15.30 น แพทย์ประจำบ้านมาเยี่ยมตรงเวลาเหมือนเดิม  ได้คุยกันซึ่งแกก็ค่อนข้างพอใจและพูดกับผมว่า ปีหน้าลุงอายุจะ 50 แล้วแต่ผมยอมรับเรื่องกำลังใจจริงๆ ยังไงขอให้พยายามทำตามคำแนะนำครับ

  มาให้กำลังใจอีกครับครับพี่ ...... ตามอ่านมาตลอด ..... เห็นว่าพี่เป็นคนที่มีกำลังใจที่เข้มแข็งมากครับ ...... หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสุขภาพพี่จะกลับมาแข็งแรงโดยเร็วครับ

ขอให้หายเร็วๆ นะครับ

แวะเอากำลังใจมาให้เต็มที่ครับพี่RroamD  ::002::
   แสดงว่าตอนนี้พี่ยังอยู่โรงพยามบาลใช่มั๊ยครับ  :VOV:
   จะแวะมาบ่อยๆครับผม พร้อมกำลังใจ สู้ สู้ครับ  ::002::

กำลังใจเป็นเลิศจริงๆครับพี่  ::002:: เป็นข้อคิดที่ดีสำหรับคนไม่สบายและขาดกำลังใจครับ  ::002::

สู้กับมันนะครับ เป็นกำลังใจให้
จาก....เอี้ยก้วย

อโรคา ปรมาลาภาครับ

หายไวๆ ร่างกายแข็งแรงครับ

สู้ๆๆครับพี่ นับถือความอดทนจริงๆ ... ::002::

...ยังคอยเป็นกำลังใจให้อยู่นะครับพี่ RroamD ขอให้หายเร็วๆ นะครับ... ;D ;D ;D

แวะมาเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD อีกคนครับ  สู้ๆ ขอให้หายไวๆ ครับ...  :D

มาเติมกำลังใจให้ครับ
ผมเคยมีประสบการณ์  ต้องเฝ้าคุณแม่หลังผ่าตัดลำใส้ใหญ่
แทบรับรู้ได้เลยว่าเจ็บมาก...
ขอให้พี่หายไวๆ นะครับ

มาเอาใจช่วยครับ ท่านจอมยุทธอินทรี ท่านมีแม่นางเซียวเหล่งนึ้งคอยให้กำลังใจอยู่แล้ว ท่านต้องหายดีในเร็ววันนี้แน่เลย(ถ้าสะกดผิดก็ต้องขออภัยท่านจอมยุทธมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
ขอให้หายไวๆ ครับพี่

สวัสดีครับ.....แวะมาเป็นกำลังใจครับ....คุณคือูผู้ชนะครับ

พี่ RroamD ท่านกลับมานอนอยู่บ้านแล้วครับ...

แข็งแรงล่ำบึกครับ...อิ..อิ.. ;D



เล่าแถมจากที่พี่ RroamD เล่าหน่อยนะครับ...

ลูกบอลสีฟ้าในหลอดพลาสติกเป็นเครื่องมือช่วยให้เราใช้ปอดได้ขยายตัวเต็มที่ครับ...

เราเรียกว่า tirflow ครับ เห็นเล็กๆอย่างนั้นดูดทีเดียวให้ขึ้น 3 ลูกไม่ง่ายนะครับ... ::002::

กำลังใจส่วนหนึ่งมาจากพี่และทุกท่านที่เขียนในกระทู้นี้ด้วยครับ
ขอบคุณครับ


ขอบคุณครับพี่


ผมยังต้องติดตามและต่อสู้อีกช่วงหนึ่ง ขอบคุณครับพี่



อาจารย์หมออนุญาตให้ผมกลับมาพักฟื้นที่บ้านเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2007 เพราะฟื้นไข้เร็วครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่


ขอบคุณครับพี่แมวบ้า ผมยังต้องสู้ต่อหลังพักฟื้น...หวังว่าคงพอเป็นกำลังใจให้ท่านอื่นๆ ที่ไม่สบายบ้างครับ


Oh, จอมยุทธอินทรีมาให้กำลังใจด้วย
ขอบคุณครับพี่


ขอบคุณพี่ซับ มากๆ ครับ


เจ็บนี้ไม่นาน สีทนได้ครับ...ฮา...นิดหน่อย...ฮามาก...ปวดแผลครับ
ขอบคุณครับพี่


ขอบคุณครับพี่ CT_Pro4 ที่ให้กำลังใจทั้งเรื่องการนำเสนอภาพยนตร์ที่นี่และกำลังใจในการต่อสู้กํบโรคภัย


ขอบคุณครับพี่


เหมือนตอนที่ผมไปเฝ้าไข้คุณแม่หลังผ่าตัดโรคเดียวกับที่ผมเป็น ท่านอายุ 70 ปีกำลังใจก็ยังดีมากแต่เรื่องความอดทนต่อแผลที่เจ็บก็ต้องอาศัยยานะครับ
ขอบคุณครับพี่


Oh, จอมยุทธอินทรีบาดเจ็บทั้งกายและใจ  ส่วนผมบาดเจ็บกายอย่างเดียว  ยังไงก็ต้องขอบพระคุณพี่มากๆ ครับ


ขอบคุณพี่แจ๊คครับ
ผมเขียนจากความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดในแต่ละช่วงตั้งแต่เริ่มมีอาการผิดปกติจนกระทั่งเข้ารับการรักษา การพักหลังผ่าตัดใน รพ. จึงทำให้พี่ๆ ที่อ่านเห็นภาพหวาดเสียวบ้างในบางช่วง
เรื่องพ๊อคเก๊ตบุ๊คคงไม่ไหวเพราะอาจจะไม่มีคนอุดหนุนครับ


ขอบคุณพี่หมอสำหรับข้อมูลเครื่องมือตัวที่แพทย์ประจำบ้านให้ผมใช้ทันทีหลังผ่าตัด  ไม่ง่ายอย่างที่บอกครับแต่ผมก็พยายามฝึกการหายใจเข้าให้ได้แล้วก็ได้ผลอย่างที่เรียนให้ทราบ  ตอนนี้นำมาทดลอง...สบายมาก...แล้วครับ


ขอบพระคุณกำลังใจจากพี่ๆ ทุกท่าน
ด้วยความเคารพครับ


3 พฤศจิกายน 2007

งดการให้มอร์ฟีนแล้ว แต่ถ้าปวดแผลมากก็มียาฉีดเข้าท่อน้ำเกลือให้ครับ

ผมบอกกับอาจารย์และแพทย์ประจำบ้านว่าอาการเจ็บคอเกือบหายเป็นปกติแล้วหลังจากนำท่อดูดน้ำย่อยออกจากจมูก  อาจารย์ถามผมว่าเริ่มมีอาการปั่นป่วนในท้องบ้างหรือยังผมก็บอกท่านว่าเริ่มโครกครากนิดหน่อย

ช่วงบ่ายผมเริ่มมีอาการเหมือนอยากถ่ายหนัก...แต่ไม่มีอะไรออกนอกจาก...ลม (ผายลม) ซึ่งผมได้บอกให้แพทย์ประจำบ้านทราบในช่วงที่มาเยี่ยมผมรอบบ่าย แกก็บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะลำไส้เริ่มฟื้นตัว แต่ก็ยังให้งดน้ำและอาหาร นับแล้ว 6 วันหลังผ่าตัดยังไม่มีอะไรลงไปในท้องครับ

4 พฤศจิกายน 2007

ผมเริ่มลุกเดินโดยไม่ต้องใช้รถเข็นแต่เปลี่ยนเป็นเสาน้ำเกลือที่มีล้อไปเป็นเพื่อนเวลาเดินในชั้น 22 ของหอผู้ป่วยพิเศษศัลยกรรม  พยาบาลประจำหอผู้ป่วยเดินเป็นเพื่อนพร้อมกับผมและแฟนทั้งช่วงเช้าและค่ำ

อาจารย์และแพทย์ประจำบ้านมาเยี่ยมรอบบ่ายพร้อมกับนำหูฟังมาฟังเสียงที่บริเวณท้อง  แจ้งว่าระบบลำไส้ที่ตัดต่อเริ่มเข้าที่เพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้ชัดเจนมาก  จึงให้เริ่มจิบน้ำได้แต่ยังงดอาหารเพราะต้องการดูระยะสุดท้ายว่าลำไส้รั่วหรือไม่ครับ

เข้มแข็งมากครับ  ขอให้หายในเร็ววัน  :D

เป็นกำลังใจให้ครับ หายป่วยไวๆนะครับ :) :)

ขอบคุณพี่ๆ ทั้งสองท่านมากครับ

5 พฤศจิกายน 2007

ข่วงเข้าแพทย์ประจำบ้านแวะมาเยี่ยมไข้พร้อมบอกว่าผลการตรวจชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาทั้งหมดน่าพอใจมาก ยังไงรอให้อาจารย์มาสรุปช่วงบ่าย  เช้านี้สั่งให้พยาบาลตัดไหมที่เย็บแผลที่ท้องน้อย 11 เข็มและถอดท่อสวนปัสสาวะที่ใช้ถ่ายเทเลือดออกอีกหนึ่งอย่างและอนุญาตให้ทานอาหารเหลวและน้ำดิ่มได้ครับ

15.30 น. อาจารย์มาพร้อมกับแพทย์ประจำบ้านทั้งหมดอีกสามคน (คงเป็นตามที่พี่หมอรุตเรียนไว้ครับ)  แจ้งให้ผมทราบว่ารายงานผลการตรวจเนื้อเยื่อจากแผนกพยาธิวิทยาแจ้งว่า

พบมะเร็งในผนังบุกระเพาะปัสสาวะด้านในแบบไฮเกรดแต่ไม่ลุกลามและทะลุออกมาด้านนอก ไม่โดนอวัยวะใกล้เคียง  ต่อมลูกหมาก ไส้ติ่ง ต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ชิ้นเนื้อในท่อไตด้านซ้ายไม่พบเซลล์มะเร็ง

อาจารย์พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและบอกว่าดีใจมากที่ผลออกมาผิดคาดเพราะเบื้องต้นที่ดูจากฟิล์มเอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์เหมือนเนื้องอกทะลุกระเพาะปัสสาวะออกมาเบียดท่อไตด้านซ้ายแล้ว  เมื่อผลออกมาดังนี้ขอให้สบายใจได้ในระดับหนึ่งว่าไม่เกิดการกระจายเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองและเลือด

สั่งให้แพทย์ประจำบ้านช่วยกันถอดท่อถ่ายเทเลือดจากลำไส้ที่หน้าท้องด้านซ้ายออก หยุดการให้น้ำเกลือแต่ยังค่าเข็มไว้เพื่อฉีดยาแก้อักเสบต่อ ตรวจดูแผลที่ตัดไหมแล้วก็เป็นที่น่าพอใจ

6 พฤศจิกายน 2007

7.30 น. อาจารย์และแพทย์ประจำบ้านมาเยี่ยมและแจ้งให้กลับบ้านได้ในวันนี้ช่วงบ่าย  พยาบาลฉีดยาแก้อักเสบเข็มสุดท้ายพร้อมถอดเข็มน้ำเกลือที่คาไว้ออกจากแขน  ผมถามว่าขั้นตอนในการรักษาต่อไปเป็นอย่างไรบ้าง  อาจารย์ท่านนัดให้มาตรวจวันที่ 20 เดือนนี้

ก่อนจะออกจากห้องแกสั่งไว้ว่ากลับบ้านให้พักผ่อนมากๆ เพราะรู้ว่าอยู่ที่ รพ. พักได้ไม่เต็มที่เหมือนที่บ้าน  ให้ทานอาหารเหลวไปอีก 2 วันแล้วจึงเริ่มทานอาหารอ่อน ยาแก้อักเสบที่สั่งให้ต้องทานจนหมด ยาแก้ปวดทานเมื่อปวดเท่านั้น หลังจากทานอาหารอ่อนได้แล้วถ้าไม่ถ่ายก็ทานยาระบายตามที่สั่ง มีปัญหาให้มาพบทันที

นี่คือทั้งหมดที่เป็นที่มาของกระทู้นี้ ในเมื่อใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้ ฝ่ายบาดเจ็บคือผม...ฝ่ายที่ตายคืออวัยวะในร่างกายที่เป็นมะเร็ง

ช่วงเที่ยงแฟนผมไปชำระค่าห้องพักพิเศษเดี่ยว 14 วัน ค่ายานอกบัญชีที่ไม่สามารถเบิก 200 กว่าบาท  รวมทั้งหมด 22700 บาท เพราะใช้บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ;) 

แฟนถามที่แผนกการเงินว่าถ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์จากบัตรนี้ค่ารักษาและห้องพักรวมทั้งหมดต้องจ่ายเท่าไหร่ ???
ประมาณ 200000 บาทครับ :o

ตั้งแต่ผมเข้ามาที่ รพ.วันแรก เช้าวันผ่าตัดจนถึงวันที่กลับบ้าน  ผมได้ไปจุดเทียนจุดธูปพร้อมถวายพวงมาลัยดอกมะลิสักการะบูชาและอธิษฐานกับรูปเหมือนของท่าน
บรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ ที่ศาลใต้ต้นโพธิ์บริเวณลานจอดรถเพราะแฟนผมเห็นท่านตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามานอนเพือเตรียมตัว

ทุกวันผมจะให้แฟนซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ 2 พวง  พวงหนึ่งแฟนผมถวายให้ท่านที่ศาลอีกหนึ่งพวงนำขึ้นมาที่ห้องพักแล้วผมนั่งและนอนภาวนาอธิษฐานที่เตียงเท่าที่ทำได้ก่อนและหลังผ่าตัด ถึงผู้มีจิตกุศลบริจาคเตียง ผู้ที่เจ็บป่วยและเคยนอนที่เตียงนี้แต่ต้องจากไป เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งในชาติปัจจุบันและชาติอดีตพร้อมอุทิศส่วนบุญกุศลให้ทุกครั้งครับ

ส่วนนี้เป็นความเชื่อที่ผมได้รับการสอนมาจากคุณแม่ของผมซึ่งท่านก็เป็นลูกคนจีนแท้ๆ (คุณตาคุณยายมาจากเมืองจีน) เกิดที่บางบัวทอง  เวลาไปเยียมคนป่วยที่ต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ. ท่านก็จะซื้อพวงมาลัยและสอนผมเรื่องนี้ซึ่งผมก็ได้ทำให้ท่านเมื่อครั้งท่านป่วยเป็นโรคเดียวกับผมและได้ทำการผ่าตัดแต่ไม่ได้ตัดออกทั้งหมด หลังจากนั้นก็ขาดการเฝ้าและติดตามโรคจึงเกิดขึ้นที่ลำไส้ใหญ่ทำให้ท่านต้องจากไปเมื่อปี พ.ศ.2542

นอกจากนี้ผมก็ภาวนาคาถาอธิษฐานระลึกถึงคุณและบารมีของท่านทั้งหลายที่ผมนับถือพร้อมขอพร มีดังนี้ครับ
อาจารย์ทอง วัดราชโยธา ปรมาจารย์ต้นสายของอาจารย์ผม
พระรอดวัดมหาวัน จังหวัดลำพูน
หลวงพ่อโสธร วัดโสธร
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดไผ่เงิน ยานนาวา (ผมไปทำบังสกุลเป็น ก่อนเข้า รพ. ครับ)
พระเกจิอาจารย์ที่ผมบูชารูปเหมือนที่หิ้งพระที่ทำงานทุกท่านมี 
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆัง
หลวงปูศุข วัดมะขามเฒ่า
หลวงปู่ทวด วัดช้างให้
หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน
หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หลวงปูคง วัดบางกระพ้อม
กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์

พระโพธิสัตว์ กวนอิม ประเทศสิงคโปร์และทั่วสากลโลก
http://universes-in-universe.de/car/singapore/eng/ort/kwan/index.htm

พระยูไล
เทพเจ้ากวนอู เตียวหุย เล่าปี่ บางพระ จังหวัดชลบุรี
เจ้าพ่อลิง ไต้เซียฮุ้กโจ้ว หนองรี บ้านบึง จังหวัดชลบุรี
 

ผมขอขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่าน ทุกข้อความที่เป็นกำลังใจให้ผมตั้งแต่หน้าแรกของกระทู้จนถึงหน้านี้ 
ขอบพระคุณสำหรับความเป็นห่วงและสละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้ของผม
ผมจะพักผ่อนให้มากและรักษาสุขภาพไปพบแพทย์ตามที่นัดทุกครั้งไม่ให้ขาด

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย คุณของมารดาบิดา คุณของครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ครูทั่วสารทิศครูครอบจักรวาล พระภูมิเจ้าที่เจ้าทางเจ้าเขาเจ้าป่า คุณของแม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระโพสพ คุณของเทพและเทวดาทุกพระองค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก จงอำนวยพรให้พี่ๆ ทุกท่าน ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ประสพแต่โชคดีมีความสุข ตลอดกาลนาน เทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ
อามะภันเต

ด้วยความเคารพนับถือทุกท่านครับ


อย่าประมาท ชะล่าใจ รักษาด้วยสมุนไพร เหมือนผมครับ
ฝากให้พี่ๆ ทุกท่าน

ประวัติของท่าน บรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์
http://www.google.co.uk/search?hl=th&q=%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%81&meta=

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
http://www.google.co.uk/search?hl=th&q=%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2

โรคต่อมลูกหมาก
http://www.google.co.uk/search?hl=th&q=%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%81

ขอบพระคุณพี่อารมณ์ดีมากๆเลยครับที่อุตส่าห์แบ่งปันข้อมูลดีๆให้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนไตรดลบันดาลให้พี่อารมณ์ดีมีสุขภาพแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บครับ  :D

ยินดีกับท่านพี่ RroamD ครับ...

มิใช่สำหรับความเจ็บป่วย...

แต่ยินดีกับผลการตรวจชิ้นเนื้อที่ออกมาน่าพอใจ...

และยินดีกับกำลังใจที่เข้มแข็งและมีครอบครัวที่อบอุ่น...

ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปัน...

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกดลบันดาลให้พี่ RroamD และครอบครัวมีสุภาพที่แข็งแรงตลอดไปครับ...:D

 :) อ่านมาถึงตอนนี้ก็ดีใจกับคุณ.อารมณ์ดีด้วยครับที่ผลออกมาดี ต่อไปนี้เรื่องการพักผ่อน และการรับประทานอาหารคงจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อร่างกายจะได้สมบูรณ์ เป็นกำลังใจให้นะครับ ขอบคุณมากครับสำหรับประสบการณ์ที่นำมาแบ่งปันให้ทราบ 

...ขอบคุณครับกับเรื่องราวที่พี่ RroamD มาแบ่งปันให้ความรู้ ยังไงขอให้พี่หายไวๆ นะครับ...  ;D ;D ;D

ดีใจที่ได้กลับบ้านครับ หายไวๆ นะครับพี่จอมยุทธอินทรี

เมื่อคืนเข้านอนเร็ววันนี้ตื่นเช้ามากครับ ;)




เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตเรื่อง เกิด เจ็บ แก่ ตาย ครับ
สูบบุหรี่จัดในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาวันละซองกว่าเกือบสองซองถึงแม้จะเป็นแบบ light ซึ่งว่าโทษน้อยกว่าทั่วไปแต่ความจริงสารในการปรุงแต่งกลิ่นมากกว่าปกติเสียอีกครับ
ดิ่มเบียร์ 3 ขวดทุกคืนติดต่อกันมากว่า 15 ปีแบบดิ่มเบียร์ไปสูบบุหรี่ไป นิโคตินและสารพิษต่างๆ คงทำละลายได้ง่ายและสะสมในระบบทางเดินปัสสาวะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นมะเร็ง (คิดเองนะครับ)

ตามที่เรียนให้ทราบผมหยุดดิ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นปีแล้วส่วนเรื่องสูบบุหรี่ก็หยุดตั้งแต่ก่อนเข้า รพ. เพื่อทำการผ่าตัดจนออกมาพักฟื้นก็ไม่สูบอีกแล้ว คงลดความเสี่ยงต่อโรคที่เป็นอยู่และโรคอื่นๆ ได้บ้างครับ

ขอบคุณครับ


ผมพยายามพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เรื่องอาหารแฟนเป็นพยาบาลเก่าก็จัดตามความเหมาะสมในช่วงพักฟื้นครับ


พี่หมอมีความเห็นเรื่องผลการตรวจชิ้นเนื้อตามที่ผมได้เรียนให้ทราบ การเฝ้าติดตามผลในระยะต่อไปด้วยการตรวจเลือดและวิธีอื่นใด กรุณาบอกให้ทราบด้วยเพื่อเป็นความรู้ให้ผมและพี่ๆ ที่เข้ามาอ่านจะดีมากครับ

ขอบคุณพี่วัฒนและพี่หมอ rute ครับ

ด้วยความเคารพทุกท่าน


8 พฤศจิกายน 2007

ผมนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วรู้สึกว่าที่แผลที่ตัดไหมแล้วแฉะ  ลุกขึ้นเห็นที่เก้าอี้นั่งเปียกนิดหน่อยจึงเรียกให้แฟนมาเปิดดูปรากฏว่าที่แผลมีอาการอักเสบและเหมือนเป็นหนองไหบเยิ้มออกมาบางจุด  แฟนบอกว่าคงเป็นเพราะการตัดไหมเพราะดูอยู่ด้วยเห็นน้องพยาบาลใช้ใบมีดตัดไหมแล้วใช้ปากคีบดึงอาจเกิดการอักเสบ

อาจารย์ได้สั่งชุดทำความสะอาดแผลซึ่งประกอบด้วยสำลี ผ้าก๊อด ฆ่าเชื้อโรคแล้ว น้ำเกลือ แอลกอฮอล์ เบตาดีน ตัวคีบพลาสติด เทปกาว ให้กลับมาตอนออกจาก รพ. แฟนผมล้างแผลตรงส่วนที่มีปัญหาให้และบอกว่าติดเชื้อ

9 พฤศจิกายน 2007

ออกจากบ้านถึง รพ. 8.30 น.  วันอังคารและวันศุกร์เป็นวันที่อาจารย์และแพทย์ประจำบ้านออกตรวจผู้ป่วยนอก  ได้พบอาจารย์ตามคิวประมาณ 9.30 น. แกดูแผลให้และบอกว่าเป็นเพราะการตัดไหมทำให้อักเสบและติดเชื้อ สั่งยาแก้อักเสบและเพิ่มโดสการใช้จาก 1X3 เป็น 2X2 ต่อวันและให้ผมไปทำแผลอีกครั้ง

กลับมาที่บ้านเห็นได้ว่าตรงรอยเย็บจุดหนึ่งที่ตัดไหมปากแผลเปิดเป็นวงกลม แฟนก็ล้างแผลให้วันละครั้งพร้อมใส่ยาทำให้แผลดีขึ้นเรื่อยๆ และแห้งเกือบตกสะเก็ดแล้ววันนี้ ส่วนที่ตัดไหมในจุดอื่นๆ ปกติดีครับ

เข้ามาเป็นกำลังใจให้อีกทีครับพี่อารมณ์ดี :D

อ่านหัวข้อคิดว่าต้องเป็นเรื่องสยดสยองนองเลือดซะอีก แต่ขอให้หายใวๆครับเรื่องชอบดื่มเบียร์นี่ผมก็เป็นกลัวเจอแบบเดียวกันแต่ไม่เข็ดที่จะดื่ม

ขอเป็นกำลังใจให้แล้วกันนะครับ

ยินดีด้วยครับกับ ผลตรวจ      เป็นกำลังใจให้นะครับ ..ดูแลรักษาตัวเองให้ดีที่สุด ...ขอให้พระคุ้มครอง ..ครับ..

ขอบคุณพี่บาร์ท พี่สิงห์บ้า และ ทุกท่านอีกครั้ง
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ครับ

10-13 พฤศจิกายน 2007

ต่อสู้กับอาการท้องผูกด้วยการกินอาหารอ่อน+ผักบด+ยาระบาย  เป็นอาการปวดถ่วงอยากถ่ายแต่กระปิดกระปอยที่ทรมานกว่าอาการปวดแผลเพราะไม่มียาแก้ปวดโดยตรงให้กิน  เข้าห้องน้ำครั้งหนึ่งก็นั่งพร้อมเอาหน้าฟุ๊บกับเก้าอี้พลาสติคที่วางเตรียมไว้+ยาดมแบบน้ำมันหอมระเหย

ทานยาระบายไปวันเดียวครับ  วันท้ายๆ การระบายดีขึ้นเพราะลำไส้เริ่มปรับตัวเข้าที่อาการเตือนว่าต้องเข้าห้องน้ำจะเริ่มด้วยการปวดและผายลมก่อนซึ่งต้องลุกและเดินเข้าห้องน้ำให้ทัน ไม่อย่างนั้นเตรียมกางเกงตัวใหม่ไว้เปลี่ยนได้เลย...ไม่ทันครับ

การนอนในช่วงกลางวันหลังอาหารมื้อเที่ยงประมาณ 3 ช.ม. ช่วงบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น  กลางคืนหลับได้ยาวเพราะไม่มีอาการปวดฉี่อีกแล้วเนื่องจากอวัยวะถูกตัดออกและมีการตัดต่อลำไส้ทำทางระบายออกทางหน้าท้อง

เวลาอยู่ที่บ้านก็มีถุงเก็บฉี่ซึ่งต่อท่อพ่วงกับถุงที่มีแป้นกาวติดหน้าท้องด้านขวาช่วยให้ไม่ต้องเปิดท่อระบายที่ก้นถุงบ่อยๆ  แต่ถ้าออกไปทำธุระนอกบ้านก็จะไม่พาถุงพ่วงไปด้วย มีแต่ถุงที่หน้าท้องใบเล็กใบเดียวถ้ามีอาการถ่วงนิดหน่อยก็เข้าห้องน้ำแล้วเปิดก้นถุงทิ้งฉี่ลงชักโครกครับ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่าน
หวังไว้ว่าคงพอเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณRroamD.. มากๆเลยครับ... ::002::

ขอบคุณครับพี่


14 พฤศจิกายน 2007 ถึงขณะนี้
อาการทั่วไปโดยรวมดีขึ้นเรื่อยๆ นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เวลาลุกเดินก็จะปวดลึกๆ ในท้อง  ทานอาหารได้ตามปกติและรู้สึกอยากและหิว  ระบบขับถ่าย(หนัก)เริ่มทำงานแต่ยังไม่ปกติเพราะต้องเข้าห้องน้ำวันละสองสามรอบไม่เป็นเวลา ก่อนผ่าตัดวันละสองรอบตอนสายเพราะผมเป็นคนธาตุอ่อนอยู่แล้วครับ  แผลจุดหนึ่งจากการตัดไหมที่หน้าท้องเริ่มหายและตกสะเก็ดแล้วแต่ผมก็ยังคงล้างแผลอยู่เป็นประจำ ยาแก้อักเสบที่จ่ายมายังทานอยู่แต่คงหมดในสองวันข้างหน้า ยาแก้ปวดไม่ได้ทานแล้ว วันอังคารที่ 20 เดือนนี้อาจารย์นัดให้ไปตรวจครับ

ด้วยความเคารพครับ

...หายไวๆ นะครับพี่ RroamD...  :D :D :D

สู้ต่อไปครับ ::002::

พอพี่อารมณ์ดีบอกว่าแผลอักเสบนี่ตกใจแทนเลยครับ ::012::

ขอบคุณครับพี่ๆ ผมสู้ต่อได้เพราะพี่ๆ ให้กำลังใจมาตลอด 
พี่แมวบ้าไม่ต้องตกใจครับแผลติดเชื้อนิดเดียวเริ่มแห้งเป็นสะเก็ดแล้วครับ

หวาดเสียวและกลัวครับ
วันนี้บ่ายสามโมงกว่าผมหลับไปพักใหญ่รู้สึกว่าเสื้อและกางเกงที่ใส่อยู่เปียก ตื่นและลุกจากที่นอน...อ้าวได้เวลาเปลี่ยนถุงรับปัสสาวะที่ติดอยู่ที่หน้าท้องด้านขวาแล้วเพราะเริ่มซึม  แฟนมาดูให้และเข้าไปที่ห้องน้ำผมจัดการแกะแป้นกาวที่ติดหน้าท้องออกด้วยความที่เพิ่งตื่นไม่ได้ระวัง...แกะแป้นกาวพร้อมถุงออก...เฮ้ย...ท่อพลาสติกเล็กๆ สองท่อที่ออกมาจากลำไส้ที่อาจารย์ทำไว้มันหลุดออกมาหมด >:(

ท่าจะไม่ค่อยดีซะแล้วอย่างนี้...แฟนผมโทรไปที่ รพ. พยาบาลให้ไปที่ห้องฉุกเฉิน...ผมเช็ดทำความสะอาดและติดถุงใหม่แต่งตัวแล้วนำท่อที่หลุดออกมาเพราะฝีมือผมไปพร้อมแฟนทันที  ยื่นบัตร...รอสักพักหนึ่งพยาบาลก็เรียก แพทย์ห้องฉุกเฉินดูจากแฟ้มการรักษาและบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะผ่าตัดมากว่า 2 อาทิตย์แล้วยังไงก็ต้องถอดท่อดังกล่าวที่ยึดท่อไตกับลำไส้ที่ทำระบบระบายไว้ช่วงแรกออกตามเวลา  วันอังคารผมมีนัดตรวจกับอาจารย์ให้แกดูอีกครั้งหนึ่ง :(

กลับมาบ้านทานมื้อค่ำเสร็จแล้วก็ยังไม่ค่อยสบายใจจึงโทรศัพท์ไปปรึกษาพี่หมอรุตเรื่องที่เกิดขึ้น  พี่หมอรุตก็ให้ข้อมูลผมอย่างละเอียดและบอกว่าไม่ต้องกังวลเพราะยังไงท่อดังกล่าวก็ต้องถอดออกเมื่อถึงเวลาซึ่งโดยประมาณหลังผ่าตัดแล้ว 2 ถึง 3 อาทิตย์  ที่ใส่ท่อไว้เหมือนกันดามช่วงต่อท่อไตและลำไส้เล็กที่นำมาทำระบบฉี่ทางหน้าท้องไว้ไม่ให้เกิดการตีบและรั่วในช่วงแรก พี่หมอรุตให้ผมดูปริมาณฉี่ที่ถุงเก็บและแจ้งให้อาจารย์ทราบอีกครั้งในวันอังคารที่จะถึงครับ

ขอบพระคุณพี่หมอรุตมากๆ ที่ให้คำปรึกษากับผมวันนี้ครับ

ด้วยความเคารพพี่ๆ ทุกท่านครับ

...ยังติดตามเป็นห่วงพี่ RroamD อยู่เสมอนะครับ...  :D :D :D

ทราบจากคุณหมอ rute เพิ่งได้เข้ามาอ่าน เห็นใจในความเจ็บปวดทรมานมากครับ 

เป็นกำลังใจให้อยู่นะครับ :)

 ผมติดตามอ่านมาตั้งแต่หน้าแรก ขอให้หายไวๆครับพี่เป็นกำลังใจให้ครับ

ผมเพิ่งเข้ามาอ่านก็เลยเพิ่งทราบและอ่านตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย...ผมขอชื่นชมในความเข้มแข็งของท่านอารมณ์ดีและขออำนาจของคุณพระศรีฯได้โปรดช่วยปกปักรักษาให้ท่านอารมณ์ดีหายเป็นปกติเหมือนเดิมด้วยเถิด....

ตั้งแต่กระทู้ มังกรหยก, ตำนานศึกจอมยุทธอินทรี รวมถึงกระทู้นี้
ผมได้กำลังใจจากพี่เสมอมา
ขอบคุณมากครับ


ผมชอบชื่อของพี่เพราะเป็นกำลังใจอย่างแรงครับ
ขอบคุณครับ


ขอบคุณสำหรับกำลังใจและทสละเวลาเข้ามาอ่าน คงได้ประโยชน์บ้างนะครับพี่

 
หัวข้อกระทู้เหมือนเรื่อง ผิดหวังจากความรัก น่ะครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำอวยพรครับพี่


หลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้วความเจ็บเหมือนยกความเจ็บปวดทรมานมากออกไป เหลือแต่เจ็บลึกๆ นิดหน่อยเพราะแผลผ่าตัดยังไม่หายสนิท คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก
ขอบคุณครับพี่

19 พฤศจิกายน 2007

วันนี้ผมก็ตื่นเร็วเพราะเมื่อคืนเข้านอนเร็ว  ตื่นมาเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน ดูถุงเก็บปัสสาวะที่ต่อเพิ่มจากถุงติดหน้าท้องตามที่พี่หมอรุตแนะนำ
ปริมาณฉี่ที่ระบายออกยังอยู่ในระดับปกติตั้งแต่ 6 โมงเย็นเมื่อวานจนถึงตี 5 เศษวันนี้ 1500 ซี.ซี.
ได้จดบันทึกไว้และวันนี้อีกหนึ่งวันเพื่อรายงานให้อาจารย์ทราบในวันนัดตรวจพรุ่งนี้ พร้อมกันนี้ได้ส่ง pm ถึงพี่หมอรุตเรียบร้อยแล้วครับ

ขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านครับ
ด้วยความเคารพครับ

ตามมาให้กำลัึงใจครับ ขอให้หายไวๆ นะครับ ท่านจอมยุทธอินทรี

ยังเป็นกำลังใจให้อยู่ค่ะ รักษาสุขภาพนะคะ ::002::

ขอบคุณมากครับ

20 พฤศจิกายา 2007

10.00 น.  อาจารย์ไม่ได้ออกตรวจคนไข้นอกวันนี้เพราะทำการผ่าตัดให้คนไข้  แพทย์เวรทำหน้าที่แทนโดยผมได้แจ้งให้ทราบเรื่องท่อที่หลุดเมื่อวันอาทิตย์  แกของดูที่หน้าท้องแล้วก็ดูแฟ้มผู้ป่วยของผมพร้อมบอกว่าท่อดังกล่าวทำหน้าที่ไม่ให้ระบบระบายฉี่เกิดการตีบตันและเช็ตดูทีแผนกว่ามีท่อสำรองเพื่อจะใส่ให้ผมหรือไม่  ปรากฏว่าไม่มีท่อสำรองจึงไม่ได้ใส่ให้พร้อมแนะนำว่าให้คอยดูถ้าฉี่ที่ระบายออกทางหน้าท้องน้อยให้มาพบแพทย์ทันที  จ่ายยาแก้อักเสบมาให้กินต่อพร้อมนัดอีกครั้ง 4 ธันวาคม 2007 ครับ

มารายงานให้ทราบเพิ่มเติมครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน

อูยยยย มีต้องตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้ามาอ่านครับ เป็นกำลังใจให้พี่อารมณ์ดีครับ  ::002::

ขอบคุณพี่แมวบ้าครับ

อีก 5 วันจะครบ 1 เดือนของการผ่าตัด อาการเจ็บลึกๆ ที่แผลและในท้องลดลงไปเรื่อยๆ เมื่อวานนี้ไปถ่ายรูปที่โรงเรียนลูกสาวเดินและยืนมากๆ ก็มีอการปวดต้องนั่งพักเป็นช่วงๆ  ปริมาณปัสสาวะที่ระบายออกยังปกติครับ

วันนี้ 24 พฤศจิกายน 2007
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/35199.jpg)
ขอให้พี่ๆ ทุกท่านมีความสุขในวันลอยกระทงครับ

ด้วยความเคาพทุกท่านครับ

...ดีใจที่อาการดีขึ้นตามลำดับครับ

...ผมว่าจะถามนานแล้ว  แต่รอให้อาการดีขึ้นจึงกล้าถามน่ะครับ  คือคุณอารมณ์ดีคิดว่าสาเหตุของการป่วยครั้งนี้คืออะไรครับ  ทั้งในความเห็นของแพทย์และความเห็นของตัวเอง  ถ้าเป็นการรบกวนก็ไม่เป็นไรครับ

ไม่รบกวนครับพี่ coda

ความเห็นของแพทย์จากการซักข้อมูลผู้ป่วยและสถิติการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ 
พบอุบัติการณ์สูงในคนที่สูบบุหรี่ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสีย้อมผ้า สีย้อมไม้ สีย้อมหนังที่มีสาร
เคมีบางชนิด เช่น สีอะนีลีน (aniline) หรือสารพวกไฮโดรคาร์บอน และผู้บริโภคขัณทสกร นอกจาก
นี้การระคายเคืองและการอักเสบเนื่องจากก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะก็เป็นสาเหตุชักนำให้เกิดโรคนี้ได้

ความเห็นส่วนตัวของผม
ก็ตรงกับการวิจัยของแพทย์เพราะผมดิ่มเบียร์คืนละ 2 ขวด ตั้งแต่อายุ 20 กว่ามาตลอด พออายุย่างเข้า 30 ก็ 3 ขวด ยิ่งถ้าทานมื้อค่ำกับเพือนหรือลูกค้าก็จะดื่มเหล้าพอกลับถึงบ้านก่อนนอนก็ต่อด้วยเบียร์อีก 2 ขวด  สูบบุหรี่ 1 คำดิ่มเหล้าตาม 1 คำ เป็นพฤติกรรมปกติเพราะได้รสชาติ+การพูดคุยในวงสุราอาหาร ไม่เข้ารับการตรวจเมื่อพบอาการผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ

ลองดูจากลิงค์ทั้งหมดนี้ครับ
http://www.google.co.uk/search?hl=th&q=%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B0&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2+Google&meta=


ก่อนตัดสินใจเข้าผ่าตัดเพื่อบำบัดโรคด้วยการตัดอวัยวะต่างๆ ออก กระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมาก ต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง ไส้ติ่ง ก้อนเนื้อในท่อไตซ้าย และ ส่งตรวจซ้ำทางแผนกพยาธิวิทยาเพื่อวางแผนการติดตามมะเร็ง  ผมได้รับทราบเรื่องผลกระทบอย่างแรกคือเรื่องความรู้สึกทางเพศซึ่งหายไปแน่นอน (รับได้เพราะมีลูกแล้ว) ระบบถ่ายหนักต้องมีการปรับตัวตามระยะเวลาเพราะมีการนำลำไส้เล็กส่วนหนึ่งมาทำระบบฉี่หน้าท้องและส่วนที่ตัดต่อให้เข้าที่

สิ่งที่จะติดตัวผม(หน้าท้องด้านขวา)ไปตลอดชีวิต
แป้นกาวพร้อมถุงเก็บปัสสาวะ เวลาออกไปทำธุระถ้ารู้สึกถ่วงๆ ก็เข้าห้องน้ำแล้วเปิดจุกระบายทิ้งจากถุงครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03177.jpg)

ถุงเก็บปัสสาวะ 2 ลิตร ใช้ต่อจากถุงด้านบนกรณีอยู่บ้าน เวลานอนครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03176.jpg)

...... ขอให้สุขภาพกลับมาเข้มแข็ง  และเป็นปกติดังเดิมโดยเร็วครับผม .....  

ขอให้กำลังใจครับ    หมั่นภาวนาจิตนะครับท่าน ;D :D ;D

สวัสดีครับ....ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ....และขอให้หายไวๆด้วยครับ

...ขอบคุณครับคุณอารมณ์ดี 

...ขอให้ผลบุญที่นำข้อมูลอันเป็นวิทยาทานมาเผยแพร่ให้รู้พิษภัยของเหล้าบุหรี่โดยทั่วกัน  จงส่งผลให้คุณอารมณ์ดีมีอาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว  มีสุขภาพแข็งแรง  ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บอีกครับ

ขอให้หายไวๆนะครับท่านอาฯ

...ยังตามเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD เสมอนะครับ...  ;D ;D ;D

ดูแลสุขภาพมากๆค่ะตอนนี้ คุณอารมณ์ดีเข้มแข็งและกำลังใจดีมาก แถมยังเล่าประสบการณ์ให้แก่คนอื่น เพื่อเป็นความรู้อีกด้วย  ::002:: ::002::

  ตามอ่านและตามให้กำลังใจครับ  ขอให้สุขภาพแข็งแรง ดีวันดีคืนครับ .....

สู้ต่อไป จอมยุทธอินทรีย์
ผมและครอบครัวเป็นกำลังใจให้พี่ มีหัวใจที่เข้มแข็งครับ
หายเร็วๆ นะครับ

ขอบคุณครับพี่แจ๊ค อย่าลืมให้ข้อคิดเห็นหรือมีอะไรแนะนำผมเพิ่มด้วยครับ


ขอบคุณครับพี่  การภาวนาจิตผมยังทำไม่เป็น ได้เพียงภาวนาพระคาถาบูชาพระเกจิอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ
พี่พอจะแนะนำได้ขอความกรุณาด้วยครับ


ขอบคุณพี่หรอยครับ




ขอบคุณท่าน
จอมยุทธ Audy452 และจอมยุทธ CT_Pro4

อย่าลืมคาราวะปรมาจารย์ มังกรหยก อีกท่านนะครับ  ท่าน Desperado
ขอบคุณพี่และครอบครัวด้วยครับ


ขอบคุณพี่ Iron ที่เป็นกำลังใจให้ผมครับ

อีกสองวันจะครบ 1 เดือนหลังผ่าตัดครับ  อาการเจ็บลึกๆ ที่หน้าท้องน้อยลดลงแต่ยังรู้สึกได้บ้างเวลาลุกจากที่นั่งหรือที่นอน ดูยาแก้อักเสบที่กินวันละสองครั้ง เช้า-เย็น จะหมดวันที่ 4 เดือนหน้าซึ่งต้องไปพบแพทย์ตามนัด อาการถ่ายหนักยังไม่เข้าที่เหมือนปกติ มีอาการปวดและถ่ายกระปิดกระปอยช่วงเช้าและเย็นแต่ได้ทราบว่าจะค่อยๆ เป็นปกติเพราะต้องใช้เวลา อาหารที่ทานต้องมีส่วนผสมของผักทุกมื้อและทานผลไม้ช่วยด้วยครับ

ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

ขอเป็นกำลังใจให้พี่RroamD หายป่วยไวๆนะครับ

เมื่อสิบแปดปีก่อน พี่ชายกลับมาจากอเมริกาเพื่อเยี่ยมบ้านเยี่ยมพ่อและครอบครัว พร้อมหน้าท้องที่โตขึ้น มียามาเต็มกระเป๋าและมีถุงคล้ายๆแบบนี้มาเยอะครับ แถมยังพกบุหรี่ที่แกสูบประจำมาเยอะเลย  แกบอกว่าทางอเมริกาเขาให้กลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะว่าพี่จะอยู่ได้อีกไม่เกิน6เดือน ด้วยโรคมะเร็ง แกไปอยู่5ปี ได้กรีนการ์ดแล้ว รักษาพยาบาลฟรี แต่คงด้วยวิทยาการแพทย์สมัยนั้นยังไม่ทันสมัยเท่าเดี๋ยวนี้ แกกลับไปไม่นาน ก็มีพัสดุส่งมา ผมเป็นคนรับเอง นึกว่ามีของขวัญจากอเมริกา แกะดูเป็น........... :~)

ตอนแกมา ผมยังพาแกนั่งมอไซร์ไปหาซื้อของฝากพวกเสื้อที่สกรีนPuket Thailand แกซื้อไปเป็นโหลๆเลยครับ  บอกว่าเพื่อนที่โน้นจะตื่นเต้นถ้าได้ของฝากแบบนี้ แกพูดพร้อมกับรอยยิ้ม :)

ทุกวันนี้ผมจะคิดเสมอว่า คนเราชีวิตไม่แน่นอน คิดจะทำดีกับใคร ก็จงทำเสีย ไม่ว่าเราหรือเขา จะจากไปก่อน เราจะไม่เสียใจว่าเรายังติดค้างอะไรที่ยังไม่ทำ และผมบอกคนรอบข้างเสมอ ว่าผมทำเต็มที่แล้วนะ  :)

ขอให้กำลังใจพี่อารมณ์ดีครับ ชีวิตต้องสู้ครับ  ::002::

...พี่ RroamD ไม่ต้องห่วงนะครับ ถึงแม้หลายๆ ท่านในที่นี้จะไม่เคยพบพี่เป็นการส่วนตัว แต่พวกเราคอยให้กำลังใจพี่เสมอครับ... ;D ;D ;D

ขอบคุณพี่ muk และ พี่ CT_Pro4
สำหรับกำลังใจที่ให้ผมมาตลอดครับ


เสียใจด้วยครับเรื่องพี่ชายที่พีเล่าให้ฟัง การค้นคว้าเพื่อหาทางต่อสู้กับโรคมะเร็งที่เกิดกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของคนเราส่วนใหญ่ต้องอาศัยสัตว์ทดลองไม่ว่าจะด้วยการใช้สารเคมีหรือรังสี เมื่อเห็นผลจากการทดลองแล้วก็ค่อยปรับมาใช้กับมนุษย์ซึ่งในระยะแรกอาจจะหวังผลไม่ได้เต็มที่ แต่การพัฒนาทางการแพทย์ก็ไม่ได้หยุดนิ่งจึงทำให้โรคมะเร็งที่เกิดขึ้นและตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกมักจะรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ยังมีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ไม่หาย ยกตัวอย่าง ภรรยาของเพื่อนผมคนหนึ่งตรวจพบก้อนมะเร็งที่ทรวงอกด้านซ้ายแล้วได้ทำการผ่าตัด การใช้เคมีบำบัดจนครบถ้วน แต่กลับตรวจพบว่าเกิดมะเร็งในกระดูกอีกซึ่งระยะของโรคลุกลามแบบสกัดไม่อยู่ ต้องพบกับความเจ็บปวดทรมานมากกว่าผมหลายเท่า ซึ่งนอกเหนือจากการบำบัดรักษาตามวิธีทางการแพทย์แผนปัจจบันแล้ว ทั้งแผนจีนโบราณ ในประเทศต่างประเทศไปลองมาจนหมดก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแต่เธอกับเข้มแข็งและต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้เข้าปีที่ 5 ตั้งแต่พบมะเร็งทรวงอก เธอยังได้ให้กำลังใจผมหลังจากทราบว่าผมต้องผ่าตัดครับ

วันนี้ 29 พฤศจิกายน 2007

ครบหนึ่งเดือนหลังจากผ่าตัดพอดี  ถ้าเป็นวันที่ 29 เดือนก่อน ขณะนี้ผมกำลังหลับอยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่หลัง 9.30 น. หลังจากได้คุยกับอาจารย์และวิสัญญีแพทย์เป็นคนสุดท้าย  วันนี้ลุกจากที่นอน 6 โมงเศษ นั่งคุยกับลูกสาวซึ่งกำลังทานอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียน  เปิดโทรทัศน์ดูข่าวหลายช่องสลับไปมา ทานยาแก้อักเสบตอน 7.30 น. แล้วทานโจ๊กหลังยาประมาณครึ่งชั่วโมง หลับในห้องดูหนังไปพักหนึ่งลืมตาอีกครั้ง...10 โมงแล้วอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแฟนมาส่งผมที่ทำงาน ทานอาหารเที่ยงเสร็จก็มาเข้าเว๊บ อวป. และเขียนตอบในกระทู้ครับ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจ
ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

              ใจสู้ ซะอย่างอย่ายอมแพ้ เดินหน้าสู้กับโรคแบบไม่ถอย ตลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

เป็นกำลังใจให้ค่ะ  :D

เป็นกำลังใจให้ครับผม

      เพิ่งเข้ามาอ่านเป็นครั้งแรกครับ   ที่ไม่เคยเข้่ามาอ่านเพราะผมตีความของกระทู้ผิดไป   คิดว่าเป็นเรื่องฆ่าฟันเหมือนกับที่เกิดขึ้นตามหน้าหนังสือพิมพ์  แต่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเเชิง  แท้ที่จริงเป็นเรื่องที่มีคุณค่า และ สาระ อย่างใหญ่หลวง   ต่อแต่นี้ขอให้สิ่งดี ๆ ความสุข สมหวังเข้ามาสู่ห้วงชีวิตของพี่โดยไม่ขาดสาย

      เรียนถามพี่อารมณ์ดีหน่อยครับว่าอายุเท่าไร   เพื่อที่ว่าผมจะได้เรียก " พ"ี่ได้อย่างสนิทใจ  ::014::

สุดยอดในเรื่องกำลังใจ และการมองโลกครับ ::002::

ขอแสดงความนับถือ และชื่นชม อย่างจริงใจครับผม ::014::

เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ  สู้  สู้ ค่ะ  :D

พี่อารมณ์ดีมาถึงห้าแยกปากเกร็ดครับพี่ไพโรจน์...:D

ผมผ่านแยกหลักสี่มา ถึงประมาณช่วงเมืองทองธานีเท่านั้น   อีกพักใหญ่คงตามถึงห้าแยกปากเกร็ด 

เหตุที่ถามเพราะว่าพี่เขามีลูกสาวอายุ 8 ขวบ   แต่เผอิญลูกสาวผมอายุ 14 ปี  เมื่อได้ทราบแล้ว จะได้เรียก " พี่ " อย่างเต็มปาก  เป็นการนับถือลำดับอาวุโสจากใจจริง   ไม่อยากใช้คำว่า " คุณ "  เพราะจะเรียกคุณกับน้อง ๆ หรือระดับเดียวกันเท่านั้น

พี่อารมณ์ดีน่ารักมากครับ...

พี่เขาเรียกเพื่อนๆสมาชิกทุกท่านว่าพี่หมดเลย...

เข้าใจว่าเพื่อเป็นการให้เกียรติและลดอัตตาของตัวเองครับ...:D

เสียดายไม่ได้ร่วมดื่มกับพี่อารมณ์ดีซักครั้ง เพราะพี่คงเลิกดื่มแล้ว ทานพวกแกงจืดฟักทอง,ใส่หัวไช่เท้า,เห็ดหอม,ใส่มะเขือเทศสดต้มกระดูกหมูก็ดีนะครับ ย่อยง่ายครับ ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระด้วยครับ เคยได้ยินมาครับ   :VOV:

สวัสดีครับ.....อรุณสวัสดิ์ครับ....พี่อารมณ์ดี

สู้ครับ...แต่ก็ต้องพึ่งการตรวจและติดตามของแพทย์ตามนัดด้วยครับพี่



ส่งมาทำให้กำลังใจผมเพิ่มและเข้มแข็งมากขึ้นครับ
ขอบคุณครับ


ตอนที่รู้ว่าเป็นมะเร็งจากผลการตรวจซึ่งแพทย์สมัยใหม่จะไม่ปิดบังคนไข้ ผมถามเรื่องขั้นตอนในการรักษาตามที่ได้เรียนในกระทู้แต่ใจยังไม่สู้เท่าไหร่ มาจนถึงช่วงแห่งความเจ็บปวดทรมานพักผ่อนนอนหลับไม่ได้...การตัดสินใจ+กำลังใจที่มีอยู่...เท่านั้นคือทางออกครับ
ขอบคุณครับ


ทั้งดื่มทั้งสูบเลิกหมดแล้วครับ
ขอบคุณสำหรับอาหารสำหรับผู้ป่วยที่เป็นมะเร็ง ผมทานอยู่ในหมวดหมู่ที่พี่บอกเป็นประจำ อาจจะตามใจปากบ้างหลังผ่าตัดแล้วครับ


อรุณสวัสดิ์ไม่ทันครับพี่สำหรับวันนี้ ขอเป็น Good afternoon เพราะมาตอบช่วงบ่ายแล้วครับ


อย่างที่พี่หมอบอก...ถูกต้องที่สุด...ผมเรียกทุกท่านว่าพี่เพราะให้เกียรติและเคารพ...แต่ อัตตา ต้องให้พี่หมอช่วยแปลครับ
พี่หมอครับ...ผมกำลังจะผ่าน 4 แยกพระราม 9...ยังไม่ถึง 5 แยกปากเกร็ดนะครับ (อีกสองเดือน) ;D

จะเป็นกำลังใจให้บ่อยๆเลยครับ.... ::002:: ::002::

ขอบคุณมากครับ คุณอารมณ์ดี .. ที่กรุณาเล่าให้เพื่อนคอปืน รับทราบ
เป็นประโยชน์มากครับ..

ต้องขออภัยด้วยครับ ผมเพิ่มเริ่มอ่าน กระทู้ เมื่อราว ไม่เกิน ๔๐ นาทีก่อนหน้านี้..

ขอเอาใจช่วย อย่างเต็มที่ครับ .. การต่อสู้..  กำลังใจ จากเพื่อน คนข้างกาย สำคัญที่สุด.
ร่างกายของเรา บิดา-มารดา .. และสวรรค์ เป็นผู้สร้างมาให้ สืบทอดกันมาแต่มนุษย์เกิดขึ้นบนโลกใบนี้.
หรืออาจเป็นเผ่าพันธุ์.. เพื่อที่จะสืบทอดจักรวาลนี้.. ต่อไป.

ยังโชคดีครับ ที่ได้รู้ถึงปัญหา และได้จัดการอย่างถูกต้อง ตรงทาง.
คนเราสู้ชีวิตแต่เริ่มแรกที่มีลมหายใจ .. แต่ยังมีบางสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับตัวเรา
ที่แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่ทราบ.. แต่ตระหนักได้เพียง.. การปกป้องชีวิตเรา..
เหมือนมีใครคอยช่วยเหลือเราอยู่เสมอ . .
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น.. คือพระประจำตัวของเราเอง.. ที่จะปกป้องคุ้มครอง ตัวเรา.

ทำบุญ ทำกุศล นั่งสมาธิ ให้จิตสงบ.. ไปพร้อมกัน.. ให้ พระประจำตัวของเรา ด้วย.
เป็นความเชื่อโดยส่วนตัวของผมครับ..
ผมผ่านเรื่องร้าย เกี่ยวกับความเป็นความตาย มากกว่า ๑๐ ครั้ง.. และรู้สึกได้ถึงสิ่งนี้ ครับ.       :)  
 

มาอรุณสวัสดิ์...พี่หรอย...เช้าวันเสาร์ครับ


ผมอ่านข้อความของพี่หลายรอบเพราะให้ความรู้สึกที่ดีและทำให้รู้จักคำว่า สัจธรรม มากขึ้นในเรื่อง

เจ็บ เพราะโรคร้ายและการต่อสู้ด้วย ถ้าคิดถึงในสมัยโบราณที่คนเราต้องเสียชีวิตเพราะโรคมะเร็งเนื่องจากยังไม่สามารถค้นพบวิธีการบำบัดรักษาอย่างถูกต้องใช้เพียงสมุนไพรอันนี้คือ ตาย ซึ่งต่างกับผ่าตัด เคมีและรังสีบำบัดในปัจจุบันทำให้ผู้ป่วยมีรอดและชีวิตอยู่ต่อได้ เหมือนกับเป็นวงจรของการควบคุมจำนวนมนุษย์ที่ตรงกับคำว่า เกิด ส่วนการดำรงชีวิตอยู่จนเป็นผู้สูงอายุได้และยังมีสุขภาพดีตามวัยจะถูกเรียกว่ามีบุญคงมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์...พระประจำตัวของเรา...ที่พี่กล่าวถึงซึ่งอาจจะคล้ายๆ กับที่ผมคิดว่าคนเราเกิดมาก็จะมีเทวดาหรือนางฟ้าประจำตัวที่จะคอยดูแลชีวิตตั้งแต่วันที่เกิดจนตาย 

ผมทำบุญเป็นประจำแต่อาจจะไม่ครบถ้วน ส่วนใหญ่จะเป็นการถวายสังฆทานให้พระสงฆ์ การใส่บาตรหรือถวายอาหารเพลน้อยมาก ร่วมทำบุญถวายผ้าป่า กฐิน ก็แล้วแต่โอกาสไม่ได้ทำทุกปี  สิ่งที่ผมคิดเสมอคือไม่เบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน ช่วยเหลือบ้างตามกำลังและความสามารถ เรื่องของบุญกุศลกับเจ้ากรรมนายเวร สัตว์โลกทั้งหลายก็ทำบุญอุทิศให้เป็นช่วงๆ ไม่ได้ทำเฉพาะเมื่อมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นหรือไม่สบายใจเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่าต้องทำบุญเพื่อเป็นการสะสมไว้เพื่อชาติหน้าเพราะคิดเสมอว่าทำสิ่งดีๆ ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ให้กับครอบครัว ญาติ เพื่อนฝูง ก็ทำให้เกิดความสบายใจแล้วครับ

พี่ Ro@d ผ่านเรื่อง เฉียด มาได้เป็น 10 ครั้ง ด้วยความเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของพี่ พระประจำตัว เป็นเรื่องที่ผมก็เชื่อและคิดว่าพี่ๆ ที่ได้อ่านคงจะได้คิดถึงด้วย

ขอบคุณพี่ Ro@d มากๆ ครับ
ด้วยความเคารพ

วันนี้ตื่นเร็วเพราะเมื่อคืนเข้านอนไม่ดึก อาการทั่วไปดีขึ้นตามระยะเวลาพักฟื้น ระบบถ่ายหนักก็ยังไม่เข้าที่ 100 เปอร์เซนต์ วันอังคารที่ 4 ธันวาคม ไปพบอาจารย์ที่ รพ. ตามนัดครับ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านครับ

มาให้กำลังใจพี่อารมณ์ดีอีกคนครับ
เพิ่งอ่านเมื่อวันก่อนแต่เพิ่งอ่านจบถึงหน้า 13 เอาสักครู่นี้เอง
นับถือจิตใจของพี่และครอบครัวจริง ๆ ครับ หวังว่าคงมีแต่
ข่าวดี ๆ หลังจากไปพบแพทย์ตามนัดนะครับ  ::014::

ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับพี่

พักสายตาจากการอ่านเรื่องสุขภาพของผมสำหรับวันหยุดเสาร-อาทิตย์
มาชมสิ่งๆ ดีๆ สักนิดครับพี่ๆ


วันนี้ทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วหลับถึงบ่ายสองโมงเศษ บอกแฟนกับลูกสาวออกไปด้วยกันเพราะอยากไปกราบและโมทนาขอบพระเดชพระคุณท่านตามที่ผมได้ขอพรไว้ก่อนเข้าทำการผ่าตัด วันนี้ครบ 1 เดือนกับ 2 วันแล้ว...ไม่ได้บนเพราะอาจารย์ผมสอนไว้ว่าอย่าบนแต่ให้ขอพรครับ

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งแห่งที่ผมสักการะบูชามาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน
ศาลหลักเมือง
ถนนหน้าหับเผย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
(http://img77.imageshack.us/img77/1854/zz005il0.jpg) (http://imageshack.us)

ซื้อชุดใหญ่พิเศษมีดอกไม้ ธูป เทียน ทองคำเปลว ผ้าแพรสามสี น้ำมันพืช ที่จำหน่ายภายในศาลครับ
นั่งรอให้ครู่หนึ่งเพราะคนเยอะครับ
(http://img122.imageshack.us/img122/5311/zz001zq4.jpg) (http://imageshack.us)

แม่ลูกไหว้ก่อนครับ
(http://img84.imageshack.us/img84/8687/zz007yb6.jpg) (http://imageshack.us)

(http://img128.imageshack.us/img128/8761/zz002oy8.jpg) (http://imageshack.us)
อ่านคำบูชา
(http://img128.imageshack.us/img128/3307/zz003jo2.jpg) (http://imageshack.us)

เติมน้ำมันกับพระประจำวันเกิดครับ
(http://img50.imageshack.us/img50/7884/zz004yc9.jpg) (http://imageshack.us)

             น่ารักจัง ขณะที่ไหว้ศาลหลักเมืองในใจคงอธิษฐานขอให้ปะป๊าหายไวๆนะ ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

..... พระพุทธังรักษา  พระธัมมังรักษา  พระสังฆังรักษา  ศรัตรูบีฑา  โรคาบีฑาวินาศสันติ นะโมพุทธายะ  อะสังวิสุโร ปุสะพุพะ อุทธังหะเรจะ  นะมะพะธะ ..... ขอคุณพระคุ้มครอง  รักษา ... สาธุ ...

(http://img514.imageshack.us/img514/6526/cr2ts9pe2.jpg)

ผมต้องอ้างอิงข้อความของพี่แจ๊คก่อนเพราะเป็นรูปและพระคาถาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะไม่อย่างนั้นรูปลูกสาวผมอยู่ด้านบนไม่เหมาะสมครับ
ขอบคุณมากครับ


แฟนและผมสอนลูกสาวเรื่องไหว้พระไหว้เจ้าตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นก็เข้าใจอะไรมากขึ้น บางครั้งก็สงสารเวลาไปศาลเจ้าแล้วคนเยอะมากแสบตาเพราะควันธูปครับ

รูปตอนไปไหว้หลวงพ่อซัมปอกงที่วัดกัลยาณิมิตร ก่อนผมตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดครับ
อธิษฐานบอก เทพฟ้า ว่ามาสักการะบูชา หลวงพ่อซัมปอกง
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/7.jpg)

ก่อนนำธูปไปปักที่กระถางในรูป
รอคำตอบรับจาก เทพฟ้า i
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/8-1.jpg)

พรุ่งนี้ช่วงสายไปตรวจตามนัดที่ รพ. เมื่อวานนี้ตอนบ่ายมีอาการปวดเอวด้านซ้าย ได้โทรศัพท์ไปคุยกับพี่ชายที่เป็นหมอ แกบอกให้ดูปริมาณปัสสาวะและลักษณะว่าขุ่นขึ้นหรือไม่แล้วให้บอกให้อาจารย์ทราบในวันตรวจ อาการนี้เคยเป็นก่อนผ่าตัดตอนที่ปัสสาวะลำบากเพราะไตบวมน้ำ
พรุ่งนี้บ่ายจะมารายงานให้ทราบอีกครั้ง

ขอบคุณพี่ ทุกท่านครับ
ด้วยความเคารพ

   ขอให้ พี่อารมณ์ดี ได้รับข่าวดีจากอาจารย์หมอ  ขอให้หายเจ็บหายป่วยเป็นปกติในเร็ววันครับ ผมติดตามอ่านมาตลอดนับถือน้ำใจครับ 
    เป็นกำลังใจให้ครับ
           

ขอบคุณพี่ day สำหรับคำอวยพรแลกกำลังใจครับ

4 ธันวาคม 2007

วันนี้ได้พบอาจารย์ที่ทำการผ่าตัดให้หลังจากที่ครั้งล่าสุดแพทย์เวรเป็นผู้ตรวจ  ผมได้เรียนให้ทราบเรื่องแรกคือท่อพลาสติกเล็กๆ สองเส้นที่ยึดท่อไตตอนผ่าตัดต่อกับลำไส้เพื่อระบายปัสสาวะหลุดออกมาทั้งชุดตอนเปลี่ยนถุง  ท่านก็ยิ้มและบอกว่าลืมบอกผมว่ายังไงท่อประคองทั้งสองเส้นก็ต้องถอดออกหรือหลุดเองได้เพราะเย็บไว้ด้วยไหมละลายตอนผ่าตัด (ตามที่พี่หมอรุตได้กรุณาแจ้งให้ผมทราบในกระทู้แล้ว ขอบคุณครับ) ตรวจดูลำไส้ที่หน้าท้อง (คล้ายลูกเชอรี่สีแดง) รอยเย็บของแผลที่หน้าท้องน้อยแล้วบอกว่าน่าพอใจ

ผมได้เรียนให้ทราบเพิ่มเรื่องที่สองคืออาการปวดเอวด้านซ้ายเมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์หลังจากที่วันเสาร์ออกไปเตร่อยูช่วงบ่ายแถมขับรถให้แฟนและลูกสาวนั่ง (เกียร์ออโต้ไม่ต้องเหยียบคลัทช์ด้วยขาซ้าย) ท่านก็บอกว่าถ้าไม่ปวดลงไปถึงขาซ้ายก็ไม่เกี่ยวกับไต อาการดังกล่าวเป็นผลจากการนั่งขับรถและการเกร็งของกล้ามเนื่อหน้าท้องและด้านข้างซ้ายซึ่งผมมีการใช้แขนและมือซ้ายขยับคันเกียร์บางครั้ง (เกียร์ออโต้) อาการจะทุเลาโดยไม่ต้องทานยาแต่ขอให้อย่าเพิ่งขับรถหรือนั่งรถเดินทางเป็นเวลานานๆ ครับ

ผมถามเรื่องการติดตามมะเร็งกับอาจารย์ ท่านก็บอกว่าจะเริ่มตรวจในช่วงเดือนที่หกหลังจากผ่าตัดแล้ว แต่ถ้าไม่สบายใจก็จะให้ตรวจเลือดและเอ๊กซเรย์ปอดเมื่อครบสามเดือน ท่านแจ้งว่ารายงานของแผนกพยาธิวิทยาตามที่บอกผมเป็นที่น่าพอใจจึงไม่มีการใช้รังสีบำบัดแต่ก็ไม่ทิ้งเรื่องการติดตาม การตรวจผลเลือดในช่วงหลังผ่าตัดมาไม่นาน (ไม่ถึงสามเดือน) ไม่สามารถพิสูจน์หรือค้นหาอะไรเกี่ยวกับโรคมะเร็งได้ งดยาแก้อักเสบพร้อมสั่งวิตามินรวมให้ผมทานได้หนึ่งเดือนพร้อมนัดตรวจครั้งต่อไป วันที่ 4 มกราคม 2008

ท่านบอกผมว่าอย่ากังวลเรื่องน้ำหนักที่ค่อยๆ ขึ้น รับรองว่าอ้วนกว่าเดิมแน่แต่เมื่อน้ำหนักขึ้นแล้วให้คุมอาหารเพื่อให้น้ำหนักสมดุลย์กับส่วนสูง อย่าให้หนักเกินไปจะลดยากเพราะผมจะออกกำลังกายด้วยการวิ่งเหมือนคนปกติทั้วไปไม่ได้ครับ

  ::014::::002:: ::002:: :VOV: :VOV:

เป็นกำลังใจให้เช่นกันครับ  สู้ต่อไปครับ   ::002::

...ยังเป็นกำลังใจให้เสมอครับพี่ RroamD...  ;D ;D ;D

ขอบคุณครับพี่

วิตามืนบี 1, 6, 12
(http://img141.imageshack.us/img141/200/p1030210vw7.jpg) (http://imageshack.us)

ตามที่ท่าน RO 2 ได้กรุณาปักหมุดกระทู้นี้เพื่อเป็นกรณีศึกษา
ผมได้เรียนถามอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งตัวผมก็ได้ยินมาหลายรูปแบบตั้งแต่ช่วงก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด 
อาจารย์ท่านไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงแต่บอกให้หลีกเลี่ยงอาหารมันมากๆ รสจัด และเปิดหา website จากโทรศัพท์ที่เหมือนเป็นคอมพิวเตอร์ในตัว จดชื่อ website ให้ผมไปอ่านเพื่อทำความเข้าใจ
ผมอ่านแล้ว...งง...เพราะตรงกันข้ามกับการวิธีจำกัดสารอาหารที่นิยมใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งซึ่งเข้าใจว่าจะลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและทำให้ก้อนเนื้อที่ตรวจพบไม่ใหญ่ขึ้น พี่ๆ ลองอ่านดูผมคิดว่าข้อมูลคงพอเป็นประโยชน์บ้างครับ

 อาหารสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง

 ความสำคัญของอาหารต่อผู้ป่วย
ท่านทราบหรือไม่ว่าผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากไม่ได้เสียชีวิตจากการลุกลามของโรค แต่กลับเป็นเพราะการขาดอาหาร
การศึกษาวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าในระยะที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆรวมทั้งมะเร็ง ถ้าร่างกายได้อาหารที่เหมาะสม เพียงพอที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยา การผ่าตัด หรือการฉายรังสี ช่วยให้ร่างกายฟื้นสภาพได้เร็วและดียิ่งขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้คงสุขภาพนั้นไว้ ไม่ให้เสื่อมโทรมกว่าที่ควรจะเป็น จึงเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบันว่า "อาหารที่ดีจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วยมะเร็ง"

 ภาวะขาดอาหารกับผู้ป่วยมะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มีภาวะขาดอาหาร ถ้าปล่อยให้ลุกลามไปเรื่อยๆ อาจผอมแห้งจนหนังหุ้มกระดูก อ่อนเพลียไม่มีแรง หมดความกระตือรือร้น อวัยวะต่างๆทำงานผิดปกติ เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย จนมีผลเสียที่รุนแรงได้ การขาดอาหารพบได้ทั้งการขาดพลังงาน ขาดโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ

 สาเหตุที่ผู้ป่วยโรคมะเร็งขาดสารอาหาร

1. ร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น เซลล์มะเร็งมีการสร้างสารเคมีบางอย่างทำให้มีการเผาผลาญอาหารที่รับประทานเข้าไปให้หมดโดยเร็วเพื่อใช้เป็นพลังงาน ถ้าได้อาหารไม่เพียงพอ จะมีการเผาผลาญอาหารจากอาหารส่วนที่สะสมไว้ในร่างกาย แล้วลุกลามไปถึงกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆได้
2. ผู้ป่วยรับประทานอาหารน้อยในขณะที่ร่างกายต้องการอาหารเพื่อนำไปสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น แต่ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากรับประทานอาหารได้น้อย จึงยิ่งขาดอาหารง่ายขึ้น

อุปสรรคของการรับประทานอาหาร
ผู้ป่วยรับประทานอาหารน้อยลงจากปัญหาต่อไปนี้หรือไม่
1. เบื่ออาหาร มักจะรู้สึกชัดเจนในช่วงที่รักษาด้วยยาหรือการฉายรังสี เมื่อจบการรักษาอาการมักจะดีขึ้น ตำแหน่งของมะเร็งที่ต่างกัน และระยะต่างๆของโรคจะมีอาการมากน้อยต่างกัน
2. การรับรสผิดปกติทานอาจรู้สึกขมในปาก รับประทานอาหารหวานแล้วไม่ค่อยรู้สึกรสหวาน บางครั้งรสเปรี้ยวและเค็มก็รับรสได้ผิดไป เกิดจากความผิดปกติของเยื่อบุในปากและต่อมรับรสที่ลิ้นมักเกิดมากเพียงบางระยะของโรคหรือการรักษา
3. คลื่นไส้อาเจียนท้องเสีย เกิดอาการในช่วงของการรักษาด้วยยาหรือแสง
4. อาการไม่สุขสบายอื่นๆ เช่นมีความเจ็บปวด แน่นท้องปวดท้อง ท้องผูก มักเป็นอาการที่เกิดเป็นผลโดยตรงหรือโดยอ้อมจากมะเร็ง หรือเป็นผลข้างเคียงของการรักษา
5. การงดอาหารแสลง ถ้าท่านงดสิ่งที่มีโทษก็จะเป็นผลดี แต่ถ้างดอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็จะเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะจะยิ่งขาดอาหารมากยิ่งขึ้น
6. ขาดกำลังใจ ถ้าท่านรู้สึกเศร้า ท้อแท้ใจ หมดหวังจะยิ่งทำให้เบื่ออาหารและมีอาการไม่สุขสบายต่างๆมากขึ้น
ดังนั้นท่านจึงควรพยายามทำจิตใจให้เข้มแข็ง สงบและสดชื่นตามสมควร ทำความเข้าใจถึงความไม่สุขสบายต่างๆ ว่ามีโอกาสที่จะทุเลาลง ปรึกษาแพทย์และพยาบาลเพื่อหาทางบรรเทาอาการเหล่านั้นเท่าที่จะทำได้ แล้วมารับประทานอาหารตามคำแนะนำ ซึ่งเป็นทางหนึ่งที่ท่านสามารถช่วยสนับสนุนให้การรักษามะเร็งได้ผลดีขึ้นด้วยตัวของท่านเอง

 ทำอย่างไรผู้ป่วยจึงจะรับประทานอาหารได้มากขึ้น

ถ้าท่านผอมลงและน้ำหนักลด ลองหาทางปฏิบัติดังต่อไปนี้
* หลังอาหารทุกมื้อ ตามด้วยเครื่องดื่ม ผลไม้ หรือขนมหวาน
* เพิ่มจำนวนมื้ออาหาร จากที่เคยรับประทาน 2 - 3 มื้อ ให้เป็น 4 - 6 มื้อ
* เพิ่มอาหารว่างระหว่างมื้อ เป็นผลไม้เครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง
* เลือกชนิดของอาหารที่ท่านชอบมารับประทาน
* ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนอาหารหลายๆชนิด เพื่อที่จะได้ไม่เบื่อ และได้สารอาหารที่มีประโยชน์ครบ
* อาหารที่มีลักษณะอ่อนนุ่ม อาจช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น เช่น ไอศกรีม เยลลี่ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ มะกะโรนี ไข่ลวก
* รับประทานอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ หรือของร้อนควรรับประทานเมื่อร้อน ของเย็นรับประทานเมื่อเย็น
* จัดบรรยากาศในการรับประทานให้รื่นรมย์เท่าที่สามารถทำได้
* พยายามทำจิตใจให้สดชื่น

 อาหารที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
1. อาหารทีมีคุณค่าทางอาหารสูง คือมีสารอาหารที่มีประโยชน์ครบถ้วน ในแต่ละวัน  ควรได้รับประทานอาหารหลักครบทั้ง 5 หมู่คือ
* แป้งและน้ำตาล ได้แก่ ข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่ ขนมจีน มะกะโรนี เป็นต้น เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย
* ไขมัน ได้แก่ น้ำมันจากสัตว์และพืชต่างๆ เป็นสารอาหารที่ให้พลังงานสูง ส่วนน้ำมันที่สกัดจากข้าวโพด ถั่วเหลือง รำข้าว จะให้กรดไขมันที่จำเป็นแก่ร่างกาย
* เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่นเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ไข่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นแหล่งของสารอาหารโปรตีนที่มีราคาถูกและมีคุณค่าสูงมาก
* ผักสดได้แก่ผักใบเขียวต่างๆ เช่น ตำลึง คะน้า ผักกาด และผักอื่นๆ เช่นมะเขือเทศ ฟักทอง เป็นแหล่งของเกลือแร่
* ผลไม้ ทั้งผลไม้สด และน้ำผลไม้คั้น เช่น ส้ม มะละกอ กล้วย ฝรั่ง ให้วิตามินหลายชนิด

2. รับประทาน อาหารที่สะอาด ท่านมักจะมีความต้านทานต่อเชื้อโรคน้อยลง จึงควรเอาใจใส่เรื่องของความสะอาดให้ดีเช่น
* เนื้อสัตว์ ไข่ ต้องปรุงให้สุก
* ผักสดผลไม้ ล้างน้ำให้สะอาดหลายๆครั้ง
* การคั้นน้ำผลไม้ ควรล้างเปลือกผลไม้ก่อน อุปกรณ์ที่ใช้และมือผู้คั้นควรล้างให้สะอาด
* ถ้ามีความจำเป็นต้องเก็บอาหารไว้ ควรเก็บให้ถูกวิธี ป้องกันการบูดเน่าเสีย และอุ่นใหม่ก่อนรับประทาน ระวังแมลงวันและสัตว์อื่นๆไต่ตอมอาหาร
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ค่อยมีประโยชน์และอาจมีโทษ เช่น
* อาหารหมักดอง
* อาหารใส่สีฉูดฉาด
* อาหารเผ็ดจัด
4. อาหารเสริมที่ผลิตสำเร็จ หรืออาหารทางการแพทย์ ปัจจุบันมีการผลิตอาหารเป็นชนิดผงใช้ชงกับน้ำอุ่นดื่ม หรือเป็นชนิดน้ำดื่มได้เลยโดยมีการเติมสี กลิ่น เพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ควรเลือกชนิดที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน และมีโปรตีนสูง ท่านสามารถ เลือกซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป ตามกลิ่นรสที่ชอบและพิจารณาคุณค่าอาหารจากข้างกล่อง ร่วมกับขอคำแนะนำจากแพทย์ พยาบาลหรือโภชนากร ตัวอย่างเช่น ไอโซคาล ซัสตาคาล ซัสตาเยน เอ็นชัวร์ เจน-ฟอร์มูล่า ส่วนใหญ่ราคาค่อนข้างแพงแต่ใช้ได้สะดวก และมีประโยชน์ดี
       
ถ้าท่านไม่มีปัญหาเรื่องเบื่ออาหารน้ำหนักลด ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแต่ควรเลือกชนิดของอาหารที่มีคุณค่าสูง

ยินดีกับพี่RroamDด้วยครับที่ผลการผ่าตัดผ่านพ้นไปได้ด้วยดี   อีกทั้งไม่ต้องมีการใช้รังสีบำบัด และ เคมีบำบัด ขอให้ส่ิงศักดิ์สิทธิคุ้มครองพี่ให้ดีวันดีคืน  หายขาดเร็ว ๆ  สู้ ๆ นะครับ   ::014::

พี่RroamDจะออกกำลังกายด้วยการวิ่งไม่ได้  อย่างนี้ก็คงตีปิงปองไม่ได้้ด้วยสิครับ  เสียดายจังเลยอยากให้พี่สอนให้หน่อย  ผมเดาเอาว่าช่วงที่พี่เป็นนักกีฬาปิงปองของแบงค์กรุงเทพ   ช่วงที่พีเรียนในระดับปริญญาตรี  ผมคงอยู่ในระดับมัธยมต้น  ช่่วงนั้นพี่ซ้อมอยู่ใต้ยิม 1 ของสนามกีฬาแห่งชาติหรือเปล่าครับ 

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรและกำลังใจครับพี่ไพโรจน์

ปิงปองคงพอเล่นได้แต่ต้องให้ร่างกายแผลผ่าตัดที่ท้องหายสนิทเพราะอาศัยกล้ามท้องค่อนข้างมาก ให้สอนคงไม่ได้ดีขอเพียงแค่แนะนำดีกว่าครับ ;)
ผมฝึกซ้อมที่ยิมของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตอนเรียนมัธยมต้น  พอเป็นนักกีฬาเยาวชนของแบงค์กรุงเทพเคยไปฝีกซ้อมกับนักกีฬาเยาวชนทีมชาติสมัยนั้นเช่น คุณศรีชัย คุณวัลลภ คุณกนก คุณอดิศร ภายใต้การฝึกสอนของคุณจันทน์ ชูสัตตยานนท์ ที่ใต้ถุนยิมเนเซียม 1 สนามกีฬาแห่งชาติ สองสามครั้ง พบกันเวลาแข่งทั้งแมทช์สโมสรแบบทีมเยาวชนและเยาวชนชายเดี่ยวก็พลัดกันแพ้ชนะ ผมค่อนข้างได้เปรียบคู่แข่งเวลาลงแข่งชายเดี่ยวและชายคู่เพราะเล่นมือซ้ายครับ

ข้อมูลที่ท่านพี่อารมณ์ดีได้มาจากอาจารย์และโพสท์ลงมานั้นถูกต้องดีแล้วครับ...

มึความเชื่อผิดๆอีกมาก ที่หลงเชื่อแล้วอาจเกิดอันตรายได้...

ดังนั้นต้องคิดก่อนเชื่อและปฎิบัติครับ...:D

ได้ความรู้ใหม่ ๆ จากพี่อารมณ์ดีอีกแล้ว
จะแวะเข้ามาดูกระทู้นี้บ่อย ๆ ครับ เพราะเหมือนได้กำลังใจ
ในการต่อสู้ชีวิตโดยดูจากประสบการณ์ของพี่ครับ

ข้อมูลความรู้เรื่องโภชนาการ พี่หมอจะไม่มาให้เป็นความรู้และวืทยาทานกับผมบ้างหรือครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ด้วยความเคารพ


ดีใจถ้ากระทู้นี้สามารถให้กำลังใจพี่และผู้อ่านได้ 
ชีวิตคนเราต้องต่อสู้ถึงแม้จะไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง
สู้เพื่อคนที่เรารักในครอบครัวและตัวเอง
ขอบคุณครับ



อะไรจะเกิดให้มันเกิด...ภาษิตนี้ใช้ได้แต่ไม่เสมอไปกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บนะครับ
โรคอะไรถ้าเกิดขึ้นกับตัวเรา อย่าปล่อยให้มันเกิดโดยไม่หาทางรักษาที่ถูกต้อง
การแพทย์สมัยใหม่มีทางเลือก แพทย์ พยาบาล บุคคลากร รุ่นใหม่เป็นคนใจดีครับ

หลังจากรับวิตามินบีรวมจากห้องจ่ายยาของ รพ. แต่ไม่ได้รับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ตลอดชีวิตเพิ่มเพราะเภสัชกรแจ้งว่าไม่มีของทางฝ่ายพัสดุอุปกรณ์แจ้งมา  เป็นครั้งที่สองในช่วง 1 เดือนที่ผมมาตรวจตามนัด 2 ครั้ง ทั้งแป้นติดครอบลำไส้ที่เปิดไว้ที่หน้าท้องและถุงเก็บปัสสาวะ ยังไงก็ต้องรอเบิก ส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะใช้บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าครับ

เมื่อวานนี้ก่อนเข้าที่ทำงานผมได้ไปที่ร้านขายยาและอุปกรณ์ตรงข้าม รพ. จุฬา ถนนพระรามสี่ ทั้งสองร้านใหญ่แจ้งว่าสินค้าขาดตลาด ผมจึงไปที่ร้าน ศาลาโอสถ ตรงข้ามมาบุญครองซึ่งก็ไม่มีของเหมือนกัน  เริ่มพะวงแล้วเพราะผมเหลือถุงอีกเพียง 3 ใบ แป้นยังมีอยู่จากที่ได้รับจาก รพ. ปกติใช้อาทิตย์ละ 1 ชุด เป็นผลิตภัณฑ์ของประเทศอังกฤษครับ

พีหมอรุตได้กรุณาถามให้แล้วที่ รพ. ที่ท่านทำงานไม่ได้ใช้ถุงแบบเดียวกับที่ทาง รพ. ที่ผมผ่าตัดจ่ายให้ พี่ชายผมที่เป็นหมอจึงให้เบอร์โทรติดต่อได้ตัวแทนอีกยี่ห้อหนึ่งของญี่ปุ่น ผมจึงสั่งแป้นและถุงมาสำรองไว้เพราะเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้ขาดไม่ได้อย่างแน่นอน สั่งแป้นมา 1 กล่อง 5 อัน ถุง 1 กล่อง 10 ใบ ราคาเอาเรื่องเหมือนกันครับ แป้นอันละ 160 บาท ถุงใบละ 130

อุ่นใจขึ้นเพราะวันนี้ได้รับของเรียบร้อยแล้ว

ขอบพระคุณกำลังใจจากพี่ๆ ทุกท่าน
ด้วยความเคารพครับ

ได้ความรู้มากค่ะในกระทู้นี้
และก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

หายไวๆครับพี่

เอ่อ...ขอสารภาพตามตรงว่า เท่าที่ท่านพี่ RroamD โพสท์ลงมานั้นก็ละเอียดมากอยู่แล้วครับ... ::002::

มากกว่าที่ผมจำได้เสียด้วยซ้ำไปครับ คงไม่กล้าเพิ่มเติมครับ... ::012::

...ยังติดตามอาการพี่ RroamD อยู่เสมอครับ...

...ผมเองก็กำลังอยู่ในวิกฤตเรื่องสุขภาพเช่นเดียวกัน เพิ่งย้ายออกจากICU เมื่อวานศุกร์ ตอนนี้หมอยังไม่ยอมให้กลับบ้านเหมือนกัน ที่ต้องอาศัย wi-fi เซอร์วิสในโรงพยาบาลแก้เบื่อไปวันๆ เหมือนกัน ไม่งันแย่เลยเหมือนกันครับ...  ::004:: ::004:: ::004::

คุณCT_Pro4เป็นอะไร  พอจะเล่าให้ฟังเพื่อเป็นข้อเสนอแนะ หรือ เป็นวิทยาทานให้่กับเพื่อน ๆ ในเวปเหมือนพี่RroamDได้ไหมครับ

เป็นอะไรเหรอคะ ตอนนี้อาการดีขึ้นหรือยัง ดูแลสุขภาพด้วยละกันค่ะ  ::002::

สำคัญที่สุด คือ กำลังใจ และอารมณ์นะครับ  อย่าเครียด  ...ทำใจให้สบายที่สุด  .. ครับ ไม่ว่าโรคภัยไข้เจ็บร้ายแรงแค่ไหน ก็สามารถเอาชนะได้  ...เป็นกำลังใจให้ครับ ::002::

...เรื่องสุขภาพของผมสาเหตุหลักเกิดจากการเป็นความดันสูงครับ ประกอบกับการขาดเอาใจใส่ในการดูแลสุขภาพของตัวเองที่ดีครับ...

...ผมเป็นโรคความดันสูงมาได้ซักสามสี่ปีแล้ว สาเหตุหลักคงเกิดมาจากความเครียด ประกอบกับหน้าที่การงานที่รับผิดชอบที่สูงพอสมควร เรื่องร้อยแปดพันเก้าเก็บมาคิดจนแย่ ทานยาไม่สม่ำเสมอ ปีนี้ผมเข้า ICU เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรก BP ขึ้นไป 190/140 ครั้งนี้ 180/120 อาการก็เลย rebound กลับไปกลับมา อาการที่เกิดข้างเคียงก็กลายเป็นเรื่องปลายประสาทอักเสบ ไม่มีแรง โชคยังดีที่เส้นเลือดในสมองยังแข็งแรงไม่แตก เลยไม่มีอาการเลือดออกในสมอง...

...ครั้งล่าสุดนี้ ผมกำลังตีกอล์ฟอยู่ที่สนาม Saim Country Club พอที-ออฟหน้าไม้กระทบลูกก็หมุนหมดสติไปเลย อาการที่เกิดขึ้นก็คือปวดหัวมากแล้วมีอาการปวดที่ท้ายทอยในเวลาเดียวกันแล้วก็สลบไปเลย Caddy และเพื่อนร่วมก๊วนมาช่วยกันปั๊มหัวใจขึ้นมา พอฟื้นผมก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพ เพราะประวัติผมอยู่ที่ร.พ. บำรุงราษฎร์และคุณหมอสั่งไว้ว่าถ้ายังไงมีเวลาประมาณ 3 ชม. ให้ถึงมือหมอ...

...ผมเลยตัดสินใจเดินทางกลับกรุงเทพทันที พอถึงร.พ. คุณหมอให้ทำ CT Scan ทันทีเพราะกลัวว่าจะมีเลือดซึมหรืออกในสมอง โชคดีที่ผลเป็นลบ แต่ผลข้างเครียงที่เกิดขึ้นอย่างที่ผมเรียนในเบื้องต้นก็คืออาการปลายประสาทอักเสบ เหมือนคนไม่มีแรง อยู่ ICU อยู่สองคืนก่อนย้ายเข้าห้องพิเศษ ผมหวังว่าพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้จะได้ออกเพราะงานยังรออีกมาก แถมยังโปรแกรมประชุมอีกหลายเรื่องเลยครับ...

...สรุปแล้วผมว่าโรคความดันโลหิตสูงต้องการเอาใจใส่ดูแลมากๆ เพราะผมเองไม่ว่าเรื่องระบบประสาท หัวใจโต เกิดกับผมหมดแล้วครับ ผมคงให้รายละเอียดเรื่องโรคผมไม่ดีเท่าพี่ RroamD แต่หวังว่าคงใช้เป็นข้อมูลได้บ้างครับ...

กรณีที่เป็นความดันโลหิตสูงอย่างท่านพี่ CT_Pro4 นั้นต้องดูแลสุขภาพมากๆครับ...

ข้อแนะนำนะครับ...

1.รับประทานยาให้สม่ำเสมอ ทั้งยาควบคุมความดัน ยารักษาภาวะแทรกซ้อน และยาป้องกันเกล็ดเลือดเกาะตัวกัน ไม่ควรซื้อยากินเองเด็ดขาด ถึงแม้ว่าจะเป็นยาตัวเดิมที่เคยกินอยู่แต่การรักษาความดันโลหิตสูงที่มีภาวะแทรกซ้อนนั้นอาจต้องปรับยาตามความเหมาะสมเป็นระยะๆครับ...

2.ไปพบแพทย์ตามนัด และตรวจสุขภาพตามหมายกำหนดการ เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนและควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมครับ...

3.ควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด อาหารที่มีไขมันสูงๆ เลือกบริโภคเนื้อสัตว์ที่ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น เนื้อปลาจากทะเลลึก บริโภคผักและผลไม้เป็นประจำ...

4.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายที่เหมาะสมควรเลือกการออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง การว่ายน้ำ การปั่นจักรยาน การออกกำลังกายที่เป็นแอนแอโรบิค คือการออกกำลังกายที่ไม่ค่อยสม่ำเสมอ มีการเร่งและการหยุด เช่น เทนนิส บาสเกตบอล แบทมินตัน ไม่ค่อยเหมาะกับผู้ป่วยที่มใความดันโลหิตสูงครับ อีกอย่างก่อนออกกำลังกายควรวอร์มอัพทุกครั้ง และก่อนหยุดก็ควรคูลดาวน์ด้วยครับ ผมแนะนำให้ออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 20 - 30 นาทีเป็นอย่างน้อยครับ...

5.การทำสมาธิและลดความเครียดจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ครับ (ข้อนี้ผมแนะนำได้แต่ทำเองไม่ได้ซักที)...

6.การพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยรักษาระดับความดันให้เหมาะสมครับ การนอนหลับในเวลาที่ควรและนอนให้นานพอก็จะช่วยครับ ผมแนะนำให้นอนต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อวันครับ...

7.ลดปัจจัยเสี่ยงอื่นๆลง เช่น งดการบริโภคแอลกอฮอล์ หยุดสูบบุหรี่ หากใช้ฮอร์โมนชดเชยในกรณีวัยทองต้องอยู่ในความควบคุมของแพทย์ครับ...

8.ถ้าหากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ครับ...

ผมคิดออกแค่นี้เองครับ ถ้าหากคิดออกจะเข้ามาเพิ่มครับ...:D

ขอให้พี่CT_Pro4หายเร็วๆ.........เป็นกำลังใจครับ

...ขอบคุณมากครับท่านหมอ rute ผมพยายามทำตามแนะนำของคุณหมอที่ดูแลผม แต่สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการจัดระเบียบการใช้ชีวิตของตัวเองครับ ผมต้องเดินทางเป็นประจำ เวลาเปลี่ยนปลงตลอด อีกเรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องคสามเครียด ทั้งงาน ทั้งเรื่องสนตัว เหนื่อยจริงๆ ครับ ผมพยายามปลงว่าเป็นกรรมเก่าก็ช่วยบ้างครับ ผมเพิ่งรุ้ว่าเป็นเรื่อวอันตรายตริงๆ ผมไม่กลังตายแต่ห่งแต่คนที่บ้าน อีกหลายชีวิต ถ้าเกิดอะไรกับผม ผมไม่รู้ว่าคนที่ผมรักไม่รู้จะเป็นอน่างไร...  ::004:: ::004:: ::004::

...ขอเอาใจช่วยคุณ CT_Pro4 ขอให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็วครับ  :)

ขอบคุณพี่ CT_Pro4 ที่ให้กำลังใจผมมาตลอดขณะที่ตัวพี่ก็ไม่สบายอยู่ด้วย ขอให้รักษาสุขภาพและพยายามปรับตัวเรื่องชีวิตประจำวัน การทำงาน ถ้าส่วนใดให้ลูกน้องหรือคนที่ไว้ใจทำแทนได้ก็สั่งงานนะครับ

ขอบคุณพี่หมอรุต ที่ได้ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับความดันโลหิตสูงซึ่งผมได้อ่านและทราบว่าอันตรายถึงชีวิตที่อาจเกิดแบบเฉียบพลันได้ พี่ๆ ต้องเริ่มต้นตรวจเช็คร่างกายกันบ้างแล้วอย่าละเลยนะครับ


ขอบคุณครับพี่ Ramsjai ผมจะพยายามดูแลตัวเองให้ดีที่สุดครับ


ขอบคุณครับพี่


9 ธันวาคม 2007

นัดกับเพื่อนนักเรียนตั้งแต่ ป.5 และครอบครัวไปทานข้าวมื้อเย็นกันที่ร้านบึงวาปี ถนนศรีนครินทร์ หกโมงเย็น  แฟนกับลูกสาวชวนไปสวนหลวง ร.9 เพื่อดูและซื้อไม้ประดับเพราะมีงานประกวด  ผมอาสาขับรถให้เมื่อจอดรถยังที่หมายเรียบร้อยเตรียมกล้องเพื่อถ่ายรูปดอกไม้ เดินถ่ายรูปได้สักสามสี่ภาพเริ่มรู้สึกปวดเอวและหลังซ้ายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน  บอกให้แฟนไปเดินกับลูกสาวผมขอนั่งรอที่รถดีกว่า ปรับเบาะเอนหลังที่รถลงเพื่อจะได้นอนแต่มันไม่ราบเหมือนที่นอนทำให้ปวดมากขึ้น ยาแก้ปวดก็ไม่มีจึงต้องปรับเบาะขึ้นนั่งให้หลังตรงที่สุดและหลับไปพักหนึ่งครับ

แฟนกับลูกสาวมาปลุกหลังจากซื้อไม้ดอกมาสองต้นและบอกว่าผมหลับไปประมาณ 40 นาที  ขับรถออกจากสวนหลวง ร.9 ไปที่ร้านอาหาร อาการปวดของผมน้อยลงจึงนั่งทานมื้อเย็นกับเพื่อนจนถึงสองทุ่มเศษแยกย้ายกัน  กลับถึงบ้านระหว่างอาบน้ำผมก็รู้สึกปวดอีกครั้งจึงบอกให้แฟนเตรียมยาแก้ปวด (พาราเซทตามอล) ไว้ให้พร้อม หลังจากนั้นลูกสาวเอายาและน้ำมาให้กิน ผมดูเวลาประมาณ 3 ทุ่มเศษ รู้สึกปวดมากขึ้น หนาว ลูกสาวเอามือแตะที่คอและหน้าผากและตะโกนบอกแม่ว่า แม่ค่ะ...พ่อตัวร้อนจี๋เลยค่ะ แฟนผมนำกาลามังพลาสติคใส่น้ำกับน้ำแข็งมาไว้ข้างเตียงนอน ลูกสาวเอาผ้าขนหนูแช่แล้วบิดหมาดๆ โปะไว้ที่หน้าผากผมจนผมหลับครับ

ตื่นและลุกจากที่นอนดูนาฬิกา...8 โมงกว่า พาถุงเก็บปัสสาวะที่ต่อพ่วงจากถุงติดหน้าท้องไปด้วยทำกิจวัตรในห้องน้ำเสร็จ เทปัสสาวะจากถุงพ่วงเหมือนทุกวันสังเกตุว่าขุ่นกว่าปกติแต่ปริมาณที่อ่านได้ยังเท่ากับทุกวัน อาการปวดทุเลาลงเกือบหายผมทานอาหารเช้าแล้วทานยาแก้ปวดอีก 1 เม็ด  ช่วงบ่ายให้แฟนขับรถออกไปไหว้พระที่วัดมังกรกมลาวาส พร้อมกับลูกสาวเพราะผมตั้งใจจะไปไหว้หลังจากออกจาก รพ. เมื่อพักฟื่นได้สักพัก ตรงนี้พี่ๆ อาจจะตำหนิผมก็ได้ว่ายังไม่ควรอย่างยิ่งสำหรับการนั่งรถหรือออกไปนอกบ้านบ่อยๆ เพราะเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาไม่ถึงเดือนครึ่ง...ผมขอโทษด้วยที่อาจะประมาทเกินไปครับ

11 ธันวาตม 2007

ตื่นเช้าเพราะตั้งใจจะไปพบอาจารย์วันอังคารและวันศุกร์เป็นวันที่ออกตรวจคนไข้นอก  ทำตามขั้นตอนเหมือนผู้ป่วยนอกที่ไม่มีใบนัดเพราะตามนัดตรวจผมเดือนหน้าวันที่ 8 ครับ ไปที่ห้องตรวจแผนกศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะซึ่งคนไข้รอตรวจเต็มตลอดยื่นและรับบัตรคิว พยาบาลจำได้ว่าเพิ่งมาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาและถามว่ามีอาการผิดปกติอะไรจะได้เขียนในแฟ้มผมแจ้งให้ทราบแล้วพยาบาลก็บอกให้ไปหาข้าวกินแล้วค่อยกลับมาเพราะคิวตรวจผมอีกประมาณชั่วโมงกว่า ผมขอบคุณแล้วก็เดินลงจากห้องตรวจชั้น 2 ลงมาชั้นล่างของ รพ. เดินออกไปหาอาหารเช้าแบบย่อยง่ายๆ ทานครับ

ระหว่างทานโจ๊กก็คิดอยู่ว่าพบอาจารย์แล้วจะให้เขียนในใบสั่งยาขอเบิกแป้นติดหน้าท้องและถุงที่อาทิตย์ก่อนทางห้องจ่ายยาแจ้งว่าของหมด ระหว่างกำลังเดินกลับไปที่ รพ. แวะซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ 1 พวงเพื่อนำไปไหว้ท่าน บรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ ที่ศาลบริเวณที่จอดรถ จุดธูปภาวนาพระคาถาบูชาท่านเสร็จแล้วถวายพวงมาลัยแล้วเดินกลับไปที่ห้องตรวจรออีกประมาณครึ่งชั่วโมงพยาบาลก็เรียก ยกมือไหว้สวัสดี...อาจารย์พูดว่า...อ้าวเพิ่งมานี่...เป็นยังไงบ้าง  ผมก็เรียนให้ท่านทราบซึ่งท่านก็บอกว่าเป็นอาการติดเชื้อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ท่านขอดูจุดเปิดทวารที่หน้าท้องเสร็จแล้วก็สั่งยาฆ่าเชื้อให้มาทาน ผมจึงขอให้ช่วยเบิกอุปกรณ์ให้อีกครั้ง

ท่านก็เขียนในใบสั่งยาและบอกว่าคนไข้มาบ่นให้ฟังว่าอุปกรณ์ขาดแคลน ออกไปหาซื้อจากร้านขายยา+อุปกรณ์ใหญ๋ๆ แถว รพ.ศิริราช และตรงข้าม รพ.จุฬา เหมือนที่ผมไปหาซื้อก็ไม่มี  อาจารย์บอกว่าได้เรียนให้ ผอ. ทราบด้วยแล้วว่าอุปกรณ์เหล่านี้มึความจำเป็นและสำคัญต่อผู้ป่วยที่ผ่าตัดเปิดทวารที่หน้าท้องทั้งระบบปัสสาวะและอุจจาระ ดังนั้นคิดว่าวันนี้น่าจะได้อุปกรณ์แน่นอน ลาอาจารย์แล้วลงมายื่นใบสั่งยาที่ชั้นล่างคนเยอะมากเหมือนทุกครั้งผมได้บัตรคิวรับยาแล้วก็ไม่ได้รอเรียกรับสำเนาใบสั่งยา เดินออกจาก รพ.อีกครั้งไปหาซื้อโดนัทมา 12 ชิ้นแล้วขึ้นไปบนตึกชั้นที่ 22 (ไม่ได้คิดฆ่าตัวตายนะครับ)

ออกจากลิฟต์เดินไปตามทางเดินซึ่งผมเคยเดินเข็นเก้าอี้ (wheel chair) หลังจากผ่าตัดได้ไม่กี่วันตามที่แพทย์ประจำบ้าน (Residence Doctor) แนะนำเพราะเป็นการป้องกันลำไส้ติดหลังตัดต่อลำไส้ เดินตรงไปที่ห้องที่ผมเคยนอนพักรักษาตัว  WARD พิเศษ 4 (หอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษชาย) แล้วก็เดินกลับมาที่ห้องปฏิบัติงานของ WARD ยกมือสวัสดีพยาบาลซึ่งผมจำได้ว่าเป็นหัวหน้าหอ แกก็รับไหว้พร้อมถามว่ามาเยี่ยมคนไข้ห้องไหนผมก็ยิ้มและบอกว่า พี่...ผมซื้อขนมมาฝากครับ...แกก็เรียกเพือนพยาบาลหลายคนออกมาและพูดว่า...แข็งแรงและดูดีขึ้นมากแล้วเอาเก้าอี้ให้ผมนั่งและคุยกันเพราะเป็นช่วงเที่ยงวันแล้ว

แกถามผมว่าวันนี้มาตรวจตามนัดหรือ...ผมก็เล่าให้ฟังซึ่งก็ได้คำตอบว่า...ขนาดที่หอผู้ป่วยเบิกอุปกรณ์ชนิดเดียวกับผมยังต้องรอสองอาทิตย์กว่าเพราะทางแผนกพัสดุแจ้งว่าของขาดตลาด แต่คิดว่าคงมีพร้อมแล้ว พี่พยาบาลขออนุญาตดูที่หน้าท้องผมและให้คำแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้หาอุปกรณ์อีกหนึ่งตัวคล้ายกล่องซึ่งมีเข็มขัดคาดปิดบริเวณแป้นและถุงรับปัสสาวะที่เปิดทวารหน้าท้องด้วยลำไส้เพื่อป้องกันการกระแทกในสถานที่ๆ มีคนมากต้องเดินเบียดกันซึ่งผมก็ได้ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ คุยกันประมาณ 20 นาทีก็ลาและลงจากตึกกลับไปที่ห้องจ่ายยา รับสำเนาใบสั่งแล้วไปยื่นที่ช่องรับยา...ถามเภสัชกรว่าได้ครบมั้ยครับ

ดีใจมากครับ
ถุงรับปัสสาวะหน้าท้อง 5 ใบ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03188.jpg)

แป้นติดหน้าท้องเพื่อติดถุง 10 ชิ้น
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03189.jpg)

ถุงสำหรับต่อพ่วง 1 ใบ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03187.jpg)

ยาฆ่าเชื้อ 14 เม็ด
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03190.jpg)

ผมก็เป็นความดันโลหิตสูงครับเพิ่งเป็นในช่วงปีนี้เองครับ...

ผมแปลกใจมากเพราะอายุขนาดผมไม่น่าจะเป็น...............

วันพุธที่แล้วเองครับผมวูบ อาการเหมือนเป็นลม แต่โชคดีที่เป็นที่บ้าน..ผมนอนพักครึ่งชั่วโมงแล้วอาการดีขึ้น

พอวันต่อมาไปพบแพทย์วัดความดัน ได้ 150/90 ระหว่างนี้หมอเลยให้ยามาทาน...

แล้วก็รอผลตรวจเลือด..หลังจากทานยาได้สักสองสามวัน อาการหวิวๆ ก็ดีขึ้น...

ขอบคุณ คุณ rute มากครับที่ช่วยแนะนำ....

คืบหน้าอย่างไรผมจะมาเล่าเป็นระยะ...

...ขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ ผมพยายามที่จะรักษาตัวเองให้มากที่สุด อีกไม่นานผมก็จะมีห่วงขึ้นมาอีกหนึ่งคนหลังจากห่างหายไปถึงห้าปี อายุก็มากขึ้นทุกวัน ภาระหน้าที่การงานก็หนักขึ้น แม้จะไม่ได้ใช้แรงกายแต่การใช้สมองมากๆ คิดเรื่องต่างๆ ก็ทำให้สุขภาพแย่เหมือนกัน ผมเริ่มปลงว่าอะไรมันจะเกิดเราห้ามไม่ได้ ทุกอย่างเป็นเวรกรรมที่เราสร้างมาครับ...

...แต่ที่แน่ๆ ความเครียดเป็นสาเหตุสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ อาการของผมเรียกได้ว่าเกิดจากความเครียดแท้ๆ อาการของโรคที่ผมเจอนอกจากความดันแล้ว ยังมีเรื่องหัวใจโตอยู่ช่องหนึ่ง (เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติที่มากับเรื่องของความดัน) แถมด้วยอาการปลายประสาทอักเสบทั้งตัว โดยเฉพาะวันที่ความดันขึ้นไป 190/140 นะครับ ผมขออย่าให้ใครประสบโรคเดียวกับผมเลยครับ ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่คุณหมอบอกว่าอันตรายมาก ปีนี้เกิดขึ้นกับผมมาสองครั้งแล้วที่ต้องรักษาตัวอยู่ใน ICU ผมยังโชคดีที่ได้รับความกรุณาจากอาจารย์หมอชาติ และอาจารย์เกษียรสมที่ร.พ.บำรุงราษฎร์ ช่วยดูแลผมมาตลอด ผมต้องพบคุณหมอทุกสองอาทิตย์ และคงจะต้องทำอย่างนี้ไปจนตลอดชีวิต จนกว่าวันของชีวิตจะมาถึงน่ะครับ...  :( :( :(

ขอเป็นกำลังใจให้พี่ CT_Pro4 หายป่วยไวๆนะครับ.

คุณหมอจ่ายยาจ่ายยาให้ทานแสดงว่าอายุพี่ยังน้อยเมื่อเทียบกับระดับความดันโลหิตที่วัดได้

ตอนที่ออกจากห้องผ่าตัดในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรกความดันโลหิคของผมอยู่ที่ 170-180/100-110  หลังจากนั้นลดลงมาที่ 140-150/85-95 โดยที่ไม่ได้ใช้ยาลดความดัน  อาจารย์แจ้งให้ผมทราบว่าความดันจะลดลงมาอยู่ในระดับปกติหลังจากระบบขับถ่ายของเสียทางปัสสาวะทำงานปกติ ความดันสูงเพราะระบบบกพร่องเนื่องจากพิ้นที่ในกระเพาะปัสสาวะน้อยลงเพราะก้อนมะเร็งทำให้ไตอักเสบบวมน้ำอันเป็นสาเหตุทำให้ความดันเพิ่มขึ้น 

เมื่อวานนี้ก่อนเข้าพบอาจารย์ วัดด้วยเครื่องอัตโนมัติสองครั้งได้เท่านี้ครับ
(http://www.khonkaenlink.com/upload/pics/40ecd4f87b35082470acd2c0a73f6fce.jpg) (http://www.khonkaenlink.com/upload/#40ecd4f87b35082470acd2c0a73f6fce.jpg)

เป็นกำลังใจให้พี่ wasanami อีกท่านด้วย ต้องรักษาสุขภาพและทำตามที่คุณหมอสั่งอย่างเคร่งครัดเพราะที่พี่ CT_Pro4 เล่าให้ฟังโรคนี้มีผลกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายและอันครายมากครับ

ด้วยความเคารพและเป็นห่วงครับ

...วันนี้คุณหมอตรวจร่างกายผมเมื่อตอนเช้าแล้วลงความเห็นให้ออกจากร.พ.ได้แล้ว เมื่อคืนผมต้องทำ sleep test เพื่อดูภาวะการหายใจด้วยเป็นขั้นตอนสุดท้าย สรุปแล้วคงจะต้องใช้เครื่อง CPAP ไปตลอดชีวิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการนอน ผมมีภาวะหยุดหายใจเป็นบางช่วงแต่ยังไม่อันตรายมากนัก คุณหมอแนะนำว่าอาการโรคต่างๆ ที่ผมเป็นน่าจะถูกรักษาไปพร้อมๆ กัน ถ้าสุขภาพในการนอนดีขึ้น รักษาระดับความดันได้ ดูแลสุขภาพได้ อัตราเสี่ยงก็จะลดลง ผมเลยจำเป็นต้องซื้อเครื่อง CPAP นี้มาใช้ แต่ราคาสูงพอสมควร หลายหมื่นบาทอยู่ ไม่ทราบว่าท่านใดพอจะแนะนำร้านที่ขายอุปกรณ์ CPAP เครื่องนี้ราคาถูกๆ บ้างมั้ยครับ ผมหมดค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวครั้งนี้จนเหนื่อยเลยครับ...  ::004:: ::004:: ::004::

พี่ CT_Pro4 ลองเข้าไปดูครับ

http://www.msg-hosplities.co.th/p_product_category.php?&ID=18

http://www.amcmedisure.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=420034&Ntype=7

เครื่อง cpap ใช้แล้วราคาถูก (ลองติดต่อดูครับพี่)
http://www.sleepgroup.com/webboard.php?id=10&wpid=0022

              ขอให้สองท่านนี่ รักษาตัวให้เป็นปรกติด้วยนะครับ ขอใจสู้ๆ อย่าถอยแม้ลมหายใจเฮือกสุดท้าย ไม่ได้เข้ากระทู้นี้หลายวัน มีพี่ C.T.อีกคนที่ป่วย ขอให้กำลังใจสู้ด้วยครับ ชีวิตอันน่าพิสมัยนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ ตั้งใจกันลุกขึ้นมาทำกันเถอะครับ  ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

ขอให้พี่ RroamD  คุณCT_Pro4 และ คุณwasanami   หายเป็นปกติโดยเร็วที่สุดทุกท่านนะครับ
โดยเฉพาะคุณCT_Pro4  เรื่องเครียด ๆ ของงานขอให้พยายามปล่อยวางบ้างนะครับ  ทำเท่าที่ทำได้   แค่พอประมาณก็พอ  ไม่จำเป็นต้องดีที่สุด    อิ อิ ..ไม่รู้ว่าเห็นด้วยกับผมหรือเปล่า   แต่ออกจากใจจริงครับ

...ขอบคุณครับพี่ RroamD...

อาการของผมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมากเพราะเป็นการรักษาแบบค้นหาและทำลายแหล่งแล้วติดตามผล

เป็นกำลังใจให้พี่ CT_Pro4 ต่อสู้กับโรคที่เป็นอยู่และขอให้ได้เครื่องมือช่วยในการนอนหลับพัก่ผ่อนเพื่อให้การรักษาโรคในระดับต่อไปทำได้ผลมากขึ้น

ในส่วนของพี่ wasanami ที่รอฝังผลจากแพทย์อยู่ก็ขอให้ไม่เป็นอะไรมากแต่ก็ต้องระวังและทำตามคำแนะนำของแพทย์ด้วยครับ

ขอบคุณพี่ทุกท่านครับ
ด้วยความเคารพ

...ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจครับ ผมยังพอมีโชคอยู่บ้างอาจารย์ที่ดูเคสผม ท่านช่วยติดต่อซื้อเครื่อง CPAP จากเพื่อนอาจารย์ทำให้ราคาถูกลงมาก ท่านอยากให้ผมมีคุณภาพในการนอนที่ดีขึ้น พยายามลดความเครียดที่มีอยู่ ประกอบกับรักษาอาการปลายประสาทอักเสบที่เป็นอยู่ ก็คงจะดีขึ้นครับ ความเครียดทำให้ร่างกายผมทรุดลงอย่างไม่น่าเชื่อ ผมถือว่าเป็นกรรมเก่าที่ต้องมาชดใช้ในชาตินี้ ผมเชื่ออย่างนั้นครับ...  ::014:: ::014:: ::014::

ขอให้หายป่วยไวๆครับ    ทำใจให้สบาย

สวัสดีครับ...ขอให้คุณอารมณ์ดี  และทั้ง 2 ท่านหายป่วย โดยไวครับ  เป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลที่ดีด้วยครับ.....อ่านแล้วเป็นประโยชน์มากครับผม

ขอบคุณมากครับ...  ::014::

อาการป่วยของผมนี่เล็กน้อยครับ...ช่วงนี้ทำตัวไม่เครียด..ทานยาตามหมอสั่ง...

มีโอกาสก็ทำบุญบ้างตามกำลัง...อาการดีขึ้นจนผมรู้สึกว่าเป็นปกติแล้วครับ....

ขอให้ คุณRroamD และ คุณCT_Pro4 หายเป็นปกติโดยเร็วนะครับ

ผมจะพยายามนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเพิ่มให้ครับ
ขอบคุณครับ


ยินดีด้วยครับ พยายามรักษาร่างกายและควบคุมอาการของโรคให้ได้ตลอด จะได้ไม่อันตรายครับ


ดีใจด้วยที่ได้เครื่อง CPAP แล้ว  ขอให้พักผ่อนนอนหลับได้ยาวและนานต่อเนื่องเหมือนผมหลังผ่าตัด  เรื่องความเครียดคงมาจากงานของพี่ อย่างที่เรียนแล้วต้องปล่อยให้ผู้ช่วยทำบ้างแล้วครับ 
กรรมเก่าจากหนักจะกลายเป็นเบาได้ด้วยการทำบุญ
ลองดูเพราะทำให้จิตใจสบายขึ้นครับ

จากการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะที่เกิดขึ้นกับผม ขั้นตอนการตรวจการรักษาจนถึงการพักฟื้นทำให้ผมมีอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หายเป็นปกติ 100% เพราะยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับระบบทวารเทียมที่หน้าท้องซึ่งใช้แทนการระบายปัสสาวะเดิมที่ถูกปิดถาวร การเดินเป็นการออกกำลังที่ช่วยลำไส้และระบบถ่ายหนักแต่ถ้าเดินมากเกินไปกลับมีผลทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในระบบลำไส้ที่ทวารเทียมทำให้ปวดที่หน้าท้องไปถึงเอวด้านซ้ายซึ่งได้ทราบจากอาจารย์ว่าท่อไตด้านซ้ายสั้นกว่าด้านขวาเนื้องจากตัดก้อนเนื้อที่พบด้านในออกมีผลในระยะแรกๆ จะหายดีในช่วง 4-6 เดือนครับ

ผมขออนุญาตนำขัอความที่อ่านพบและเห็นว่าเป็นประโยชน์เกี่ยวกับ โรคมะเร็ง มาฝากพี่ๆ ครับ

รู้จักเนื้องอกและมะเร็ง
     โดยทั่วไปการเจริญเติบโตของเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย จะถูกควบคุมเพื่อรักษาภาวะสมดุล ระหว่างอัตราการแบ่งตัวและอัตราการสลายตัวของเซลล์ มีผลทำให้อวัยวะนั้น ๆ มีขนาดคงที่ หากส่วนของเนื้อเยื่อมีการเจริญเติบโตของเซลล์มากเกินกว่าปกติ และขาดความสัมพันธ์กับเซลล์ปกติ จะมีอัตราการแบ่งตัวของเซลล์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่หยุดยั้ง และไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของร่างกาย ทำให้มีจำนวนเซลล์เพิ่มมากขึ้นเกิดเป็นก้อนโตขึ้น เรียกว่า ก้อนเนื้องอกหรือทูเมอร์ (tumor) เนื้องอกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

1.  เนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง (benign tumor) เป็นส่วนของเนื้อเยื่อที่งอกขยาย และเจริญเติบโตเป็นก้อนเนื้อที่นูนขึ้นมา แต่มีรูปร่างเหมือนเนื้อเยื่อปกติ ไม่รุกรานเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง และไม่ลุกลามไปที่อื่น
2.  เนื้องอกชนิดร้ายแรง (malignant tumor) เป็นส่วนของเนื้อเยื่อที่งอกขยายเจริญเติบโต เป็นก้อนเนื้อที่มีรูปร่างผิดแปลกไปจากเนื้อเยื่อปกติ และมักรุกรานเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างเคียง โดยการเบียดแทรกเข้าไปในเซลล์ที่อยู่รอบด้าน เซลล์ชนิดนี้จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของร่างกาย แต่จะลุกลามเข้าไปในหลอดเลือดและหลอดน้ำเหลือง ทำให้กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ และเกิดเนื้องอกขึ้นใหม่ที่เนื้อเยื่อบริเวณอื่น ซึ่งห่างจากเนื้องอกตำแหน่งแรก ทำให้เนื้อเยื่อของอวัยวะอื่น ๆ เกิดความผิดปกติไปด้วย เนื้องอกใดที่สามารถ ทำให้เกิดเนื้องอกขึ้นใหม่ได้อีกบริเวณหนึ่งที่ห่างจากตัวมันเอง เรียกว่า metastasizing tumor ซึ่งจัดเป็นเนื้องอกชนิดร้ายแรง และเรียกชื่อใหม่ว่า มะเร็ง (cancer) หากเป็นมะเร็งที่อวัยวะสำคัญของร่างกาย ก็จะทำให้ผู้นั้นเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว

     ดังนั้น เนื้องอก จึงหมายถึง การบวมโตที่เกิดขึ้นเนื่องจากได้รับสารก่อมะเร็ง และอาจมีการอักเสบหรือติดเชื้อ

เนื้องอกที่เกิดจากการขยายตัวของเซลล์ เรียกว่า นีโอพลาซึม (neoplasm)
เนื้องอกที่ลุกลามไปยังเนื้อเยื่อรอบๆ และแผ่ขยายไปทั่วร่างกายได้ เรียกว่า มะเร็ง
เนื้องอกชนิดร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเซลล์ของเยื่อบุผิว (epithelial cells) เรียกว่า คาร์ซิโนมา (carcinoma)
เนื้องอกชนิดร้ายแรงเกิดขึ้นกับเซลล์ของเนื้อเยื่อส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น เซลล์ของเนื้อเยื่อโครงร่างและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เรียกว่า ซาร์โคมา (sarcoma)
สารเคมีที่ทำให้เกิดเนื้องอก เรียกว่า tumorigenic agents
สารที่ทำให้เกิดเนื้องอกชนิดร้ายแรงหรือเป็นมะเร็งได้ เรียกว่า สารก่อมะเร็ง ( carcinogenic agents หรือ carcinogens)

     โดยปกติในอวัยวะหนึ่ง ๆ เซลล์ของเนื้อเยื่อประมาณ 99% จะไม่มีการแบ่งตัว แต่จะมีเซลล์เพียง 1% เท่านั้นที่มีการแบ่งตัว การแบ่งตัวแต่ละครั้ง จำนวนเซลล์ที่เพิ่มขึ้นใหม่จะเท่ากับจำนวนเซลล์ที่สลายไป ทำให้มีจำนวนเซลล์อยู่เท่าเดิม ในกรณีที่มีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นเพียง 1 เซลล์ เมื่อเซลล์มะเร็งแบ่งตัวไปแล้ว เซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่จะเป็นเซลล์มะเร็งทั้งหมด และสามารถแบ่งตัวไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ถูกควบคุม จะทำให้จำนวนของเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นใหม่ สามารถแบ่งตัวได้เพียง 25% การเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งก็จะเกิดช้าลง

การเจริญเติบโตของเนื้องอก
     การเจริญเติบโตโดยทั่วๆ ไปของเนื้องอกแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะเริ่มแรก : เซลล์จะเพิ่มสารอาหารขึ้นภายในเซลล์ โดยการดูดซึมสารอาหารจากของเหลวที่อยู่ระหว่างเซลล์ ซึ่งอยู่รอบ ๆ เซลล์นั้น
ระยะที่สอง : จะเกิดการขยายตัวของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเซลล์เหล่านี้ จะพาสารอาหารผ่านผนังเซลล์เข้าสู่ภายในเซลล์ได้ดีกว่าเซลล์ปกติ เช่น การพากรดอะมิโน น้ำตาล นิวคลีโอไซด์ และสารอื่น ๆ เนื้องอกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 มิลลิเมตร มักจะมีลักษณะกลม และสามารถเจริญเติบโตได้โดยไม่จำเป็นต้องมีเลือดมาเลี้ยงเพิ่ม แต่ถ้ามีขนาดใหญ่กว่านี้ จะต้องการสารอาหารเพิ่มขึ้น ดังนั้น ปริมาณสารอาหารจะเป็นตัวจำกัดอัตราการขยายตัว หากขาดสารอาหารจะทำให้เซลล์ตายได้ อย่างไรก็ตาม เนื้องอกที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 มิลลิเมตร จะปล่อยสาร angiogenesis factors ซึ่งไปกระตุ้นให้เส้นเลือดขยายใหญ่ขึ้น เส้นเลือดใหม่นี้จะแทงทะลุทะลวงออกมาอยู่ชั้นนอกของเซลล์ ทำให้เนื้องอกเจริญเติบโตและขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว เซลล์มะเร็งอาจแบ่งตัวได้ทั้งหมด หรือแบ่งตัวได้เพียง 25% แต่เซลล์ปกติแบ่งตัวเพียง 1%
     ตัวอย่างเช่น อวัยวะหนึ่งมี 100 เซลล์ โดยปกติแล้ว 99 เซลล์จะไม่แบ่งตัว มีเพียง 1 เซลล์เท่านั้นที่แบ่งตัว ในการแบ่งตัวแต่ละครั้ง ก็จะเกิดเซลล์ใหม่เพียง 1 เซลล์ ที่จะแบ่งตัวต่อไปได้เท่านั้น ทำให้จำนวนเซลล์ที่เพิ่มขึ้นเท่ากับจำนวนเวลล์ที่สลายไป จึงมีจำนวนเซลล์ทั้งหมดอยู่คงที่ ในกรณีที่มีเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นเพียงหนึ่งเซลล์ และเมื่อมันแบ่งตัวแล้ว เซลล์ที่เกิดใหม่ก็เป็นเซลล์มะเร็งทั้งหมด ซึ่งเซลล์ทุกเซลล์ก็สามารถแบ่งตัวได้ จึงทำให้มีจำนวนเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้นในเนื้อเยื่อ และเป็นการเพิ่มแบบเท่าตัว แต่ถ้าเซลล์ที่เกิดใหม่มีเพียง 25% เป็นเซลล์ที่แบ่งตัวได้จาก 1 เป็น 2 การเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งในเนื้อเยื่อ ก็จะช้ากว่าในกรณีที่เซลล์ใหม่ทุกเซลล์เป็นเซลล์มะเร็ง และแบ่งได้ทั้งหมด

การลุกลามของเซลล์มะเร็งไปยังเนื้อเยื่ออื่น
     เซลล์มะเร็งที่เริ่มเกิดในอวัยวะหนึ่ง จะเกิดการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ห่างออกไป ซึ่งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์มะเร็งที่จุดเริ่มต้น และเกิดการถ่ายทอดไปยังเซลล์ใหม่ เรียกว่า metastatic cells ระยะแรกของการแพร่กระจาย คือ การที่เซลล์มะเร็งลุกลามไปยังเนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ และในระยะต่อมา ก็จะลุกลามเข้าไปในระบบน้ำเหลืองและระบบเลือด

     ท่อน้ำเหลืองมีหน้าที่เป็นตัวพาของเหลวที่อยู่ภายนอกเซลล์ไปตามส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เมื่อเซลล์มะเร็งแตกตัวออกมาจากเนื้อเยื่อ และลุกลามเข้าไปสู่ระบบน้ำเหลืองได้ มันจะถูกกักไว้ที่ตาข่ายของปุ่มน้ำเหลือง เมื่อเซลล์มะเร็งเกิดการแบ่งตัวขยายเพิ่มมากขึ้น จะทำให้ปุ่มน้ำเหลืองมีขนาดโตกว่าปกติ เรียกว่า โรคต่อมน้ำเหลือง หากมีการขยายตัวของเซลล์มะเร็งไปเรื่อย ๆ จะทำให้เซลล์มะเร็งหลุดเข้าไปยังท่อน้ำเหลืองส่วนนำออก ทำให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง จากปุ่มน้ำเหลืองหนึ่งไปยังอีกปุ่มน้ำเหลืองหนึ่ง ที่อยู่เหนือขึ้นไปเรื่อย ๆ หลังจากนั้น เซลล์มะเร็งก็มีโอกาสจะแพร่กระจายเข้าไปยังต่อมน้ำเหลืองใหญ่ ที่เรียกว่า thoracic duct ซึ่งเป็นท่อน้ำเหลืองที่บรรจบรวมกับเส้นเลือดดำใหญ่ ก่อนที่จะนำเลือดเข้าสู่หัวใจ จึงทำให้เซลล์มะเร็งมีโอกาสแพร่กระจายเข้าไปสู่กระแสเลือดได้ เซลล์มะเร็งที่ลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดเหล่านี้ จะทำให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นใหม่ในอวัยวะที่ห่างออกไปจากจุดเริ่มต้น เรียกว่า hematogenous metastasis หมายถึงเกิดมาจากเลือด

     ถ้าเซลล์มะเร็งที่แพร่กระจายได้และมาหยุดอยู่ที่ปลายเส้นเลือดฝอย อาจทำให้เกิดการลุกลามย้อนกลับไปยังช่องว่างภายนอกเซลล์ ทำให้มีจุดเริ่มต้นของเซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้นใหม่ได้อีกด้วย

     การที่ทราบว่าเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปทางท่อน้ำเหลือง หรือทางกระแสเลือด จะช่วยในการป้องกันและรักษามะเร็งเป็นอันมาก เช่น มะเร็งเต้านม ที่เซลล์มะเร็งมาตามท่อน้ำเหลืองด้านใต้ของเต้านมผ่านรักแร้ หรือเซลล์มะเร็งอาจจะเกิดมาจากส่วนกลางของเต้านม แล้วแผ่ไปตามท่อน้ำเหลืองที่อยู่ใต้ซี่โครงอันที่ถัดไปจากกระดูกอก หากเป็นในกรณีที่ลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด เซลล์มะเร็งก็จะกระจายอยู่ทั่วร่างกาย การรักษาโดยใช้วิธีผ่าตัดหรือฉายแสงจะทำได้ยาก ฉะนั้นมะเร็งที่เกิดในกระแสเลือด จึงรักษายากกว่าที่เกิดในระบบน้ำเหลือง และเซลล์มะเร็งที่มีอายุมากขึ้น ก็มีโอกาสที่จะมีการแพร่กระจายมากขึ้นด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอกและความรุนแรงของเซลล์มะเร็ง

ค่อยๆ อ่านข้อความค่อข้างยาวเพราะผมไม่อยากให้ขาดตอนครับ ;)

สาเหตุของการเกิดมะเร็ง
     สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งมีได้หลายประการ จัดแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้

1  กัมมันตรังสีต่างๆ การที่ส่วนของร่างกาย หรืออวัยวะ หรือเนื้อเยื่อถูกสัมผัสกับรังสีต่างๆ เช่น รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ์ รังสีแกมมา และสารกัมมันตรังสีต่างๆ อานุภาพของรังสีเหล่านี้สามารถทำให้เกิด "การก่อกลายพันธุ์" (mutation) ขึ้นได้ ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่โมเลกุลของหน่วยพันธุกรรม คือ DNA ซึ่งอาจเกิดขึ้นที่นิวคลีอิกเบสตัวใดตัวหนึ่งภายในโมเลกุลของ DNA เพียงตำแหน่งเดียวหรือหลายตำแหน่งก็ได้ ทำให้ DNA มีองค์ประกอบของนิวคลีอิกเบสผิดไปจากเดิม

2  สารเคมีต่างๆ สารเคมีที่มีฤทธิ์ทำให้เกิดมะเร็ง แบ่งออกได้เป็นกลุ่ม คือ
    1  สารเริ่มก่อมะเร็ง(initiator) เป็นสารเคมีที่ออกฤทธิ์ที่เซลล์เป้าหมาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมอย่างถาวร การเกิดนี้ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็งก็ได้ เรียกสารเคมีเหล่านี้ว่าเป็น สารเริ่มก่อมะเร็ง (ดูตาราง)
    2  สารเร่งการเกิดมะเร็ง (Promoters) สารเคมีหลายชนิดเป็นตัวเร่งเซลล์มะเร็งให้แบ่งตัวและเจริญเติบโตได้รวดเร็วขึ้น การทำงานของสารเร่งการเกิดมะเร็งเป็นแบบไม่ถาวร ตัวมันเองไม่ได้เป็นสารก่อมะเร็ง แต่มันจะเป็นตัวเสริมหลังจากที่เซลล์ได้รับสสารเริ่มก่อมะเร็งแล้ว ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ปกติไปเป็นเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น (ดูตาราง)
    3  กลไกการออกฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งที่ทำให้เซลล์ที่ดีกลายเป็นเวลล์มะเร็งได้นั้น มีสารก่อมะเร็งบางชนิดที่ทราบการไกการออกฤทธิ์แล้ว เช่น อะฟลาทอกซิน ซึ่งทราบแน่ชัดแล้วว่า มันเข้าไปรวมตัวกับเบากัวนีนในโมเลกุลของ DNA ที่เซลล์ตับ ตรงตำแหน่ง N-7 ของเบสกัวนีน
   4  สารเคมีบางชนิดเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นสารก่อมะเร็งที่รุนแรง ส่วนใหญ่พบว่าตับเป็นอวัยวะที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ ตับมีหน้าที่เปลี่ยนสารที่ร่างกายไม่ต้องการให้เป็นเอสเทอร์ของกลูคูโรไนด์ ซึ่งถูกสังเคราะห์มาจากน้ำตาลกลูโคส ทำให้สารนั้นหมดฤทธิ์ที่จะเป็นพิษต่อร่างกาย และขับออกจากร่างกายผ่านทางไตออกมากับปัสสาวะ หากอัตราการสร้างสารก่อมะเร็งเร็วกว่าอัตราการเปลี่ยนเป็นกลูคูโรไนด์เอสเทอร์ จะทำให้สารก่อมะเร็งมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น จนทำให้เกิดมะเร็งได้

3  ไวรัส เมื่อเซลล์ปกติเกิดการติดเชื้อไวรัส จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโมเลกุลของเซลล์ปกติ เนื่องจากมีบางส่วนของไวรัส DNA จะเข้าไปรวมกับ DNA ของเซลล์ปกติ ทำให้โมเลกุลของ DNA ปกติเปลี่ยนไปจากเดิม การเกิดนี้เรียกว่า transduction คือเป็นการสอดหน่วยพันธุกรรมของไวรัสเข้าไปใน DNA ของเซลล์ปกติ

4  เกิดการเปลี่ยนแปลงที่โครโมโซม ในบางครั้งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่โครโมโซมได้ เช่น มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง หรือสลับตำแหน่งที่ชิ้นส่วนของโครงสร้างโครโมโวม หรืออาจมีการพลิกกลับของชิ้นส่วนของโครโมโซม ทำให้ลักษณะของเซลล์ใหม่ที่เกิดขึ้นผิดไปจากเดิม หรืออาจเกิดขึ้นเนื่องจากมีการสูญเสียส่วนใดส่วนหนึ่งของโครโมโซมไป หรือมีการสร้างโครโมโซมมากกว่าปกติ เช่น มีโครโมโซมซ้ำซ้อน ทำให้เกิดโครโมโซมมากกว่าปกติ และเกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น นอกจากนั้นเซลล์บางชนิดอาจมีการปลดปล่อยหน่วยพันธุกรรมที่หยุดทำงานให้กลับทำงานได้ใหม่อีก ทำให้เซลล์ใหม่มีลักษณะผิดไปจากเดิม เช่น การสร้างแอลฟา-ฟีโตโปรตีน เป็นต้น

5  สาเหตุอื่นๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งอีกอย่างหนึ่ง คือ สิ่งแวดล้อม เช่น สภาพภูมิประเทศ แหล่งที่อยู่อาศัย สารพิษในอากาส บริโภคนิสัย ขนบธรรมเนียมประเพณี อาชีพการงาน อาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งเชื้อชาติและกรรมพันธุ์ ภาวะการผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย เช่น มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง นอกจากนั้นการสูบบุหรี่ ถุนยาสูบ กินหมาก กินอาหารร้อนๆ เป็นประจำ จะทำให้เกิดการระคายเคือง สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งได้ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น มะเร็งในช่องปากและบริเวณกระพุ้งแก้มของคนที่กินหมาก มะเร็งในหลอดคอของคนที่ชอบดื่มน้ำชาร้อนๆ หรือเครื่องดื่มร้อนๆ เป็นประจำทุกวัน

การจำแนกชนิดของสารเคมีก่อมะเร็ง และสาเหตุ
สารเคมีก่อมะเร็งสามารถจำแนกออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

Genotoxic agent เป็นสารเคมีก่อมะเร็งที่มีผลกระทบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่สารพันธุกรรม คือ มีการเปลี่ยนแปลงเบสที่เป็นโครงสร้างโมเลกุลของ DNA
Epigenetic (nongenotoxic) agent เป็นสารเคมีก่อมะเร็งที่ไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นิวคลีอิกเบสที่เป็นโครงสร้างในโมเลกุลของ DNA

(http://img403.imageshack.us/img403/1336/z1rs0.jpg) (http://imageshack.us)

อาการของการเกิดโรคมะเร็งต่าง ๆ

• มะเร็งปากมดลูก

ได้แก่ อาการมีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติ อาการเจ็บปวดและมี เลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูดเนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ได้

• มะเร็งมดลูก

ได้แก่ อาการมีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อ หรือมีอาการบวมในช่องท้อง

• มะเร็งรังไข่

ได้แก่ อาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือการมีอาการเจ็บปวดหลังมีเพศสัมพันธ์ มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ อาการท้องอืด อาหารไม่ย่อย น้ำหนักลด และมีอาการปวดหลัง

• มะเร็งเม็ดเลือด (ลูคีเมีย)

ได้แก่ อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติ มักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือด ออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และมักจะเกิดร่วมกับอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย บางครั้งจะท้องอืด และเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของช่องท้อง

• มะเร็งปอด

ได้แก่ อาการมักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดและมีเสมหะปนมากับน้ำลาย น้ำหนักลดอย่างฮวบฮาบ เจ็บหน้าอกและหายใจลำบาก หรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

• มะเร็งตับ

ได้แก่ อาการปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ตาและผิวเป็นสีออกเหลือง และ เหลืองจัดจนเห็นได้ชัด

• มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ***

ได้แก่ อาการมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ

• มะเร็งสมอง

ได้แก่ อาการปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น อาเจียน หรือการผิดปกติของการมองเห็นตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลา ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือการเป็นลมโดยกะทันหัน อวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงาน เช่น มีอาการชาและเป็นอัมพาตชั่วคราว

• มะเร็งช่องปาก

ได้แก่ อาการมีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือที่ลิ้นเป็นเวลานาน มีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับ การรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือก เนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือเป็นเวลานาน

• มะเร็งในลำคอ

ได้แก่ อาการเสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันที ทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึกได้

• มะเร็งกระเพาะอาหาร

ได้แก่ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว อาเจียนออกมาเป็นเลือด ท้องอืด หรืออาหารไม่ ย่อยบ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้อง หรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ

• มะเร็งทรวงอก

ได้แก่ อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนม บวม หรือผิวเนื้อทรวง อกหนาขึ้น มีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้ บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิว เกิดขึ้นที่เต้านมเป็นเวลานาน ควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คน จะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า ซีสต์ ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกันแน่

• มะเร็งลำไส้

ได้แก่ อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อย ผิดปกติ อุจจาระมีขนาดเล็กลงหรือแบน มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ

• มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

ได้แก่ อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้ หรือใต้ขาหนีบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้เกิด อาการติดเชื้อในบางส่วนของร่างกาย

• มะเร็งผิวหนัง

ได้แก่ อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจน ไฝหรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า เมลาโนม่า (Melanoma) คือ เนื้องอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระ จุดด่าง หรือไฝ ถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกาย หรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะมีอัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่น ๆ

การรักษาโรคมะเร็ง

การผ่าตัด
โดยทั่วไปแพทย์จะพิจารณาเงื่อนไขหลาย ๆ ด้านของผู้ป่วย รวมทั้งตำแหน่งและขนาดของเนื้อร้าย เปอร์เซนต์การทุเลามีโอกาสมากเพียงใด จึงจะสามารถตัดสินใจว่าจะผ่าตัด การผ่าตัดมี 2 ลักษณะ คือ ผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออก หรือผ่าตัดอวัยวะออก บางครั้งหากก้อนเนื้อใหญ่เกินไป ก็ต้องรักษาด้วยการฉายรังสี หรือเคมีบำบัดให้ก้อนเนื้อเล็กลงก่อน วัตถุประสงค์การผ่าตัดก็คือ เพื่อการบำบัดและผ่าตัดเพื่อเป็นการรักษาอาการ ไม่ให้เลวร้ายลง แม้บางอวัยวะไม่ควรผ่าตัดออกก็ตาม แต่เพื่อให้สามารถขับถ่ายหรือรับประทานอาหารได้ หรือให้หายใจสะดวก แพทย์ก็ต้องตัดสินใจผ่าตัด การผ่าตัดเป็นทางเลือกแรกในการรักษา แต่การลงมีดกับร่างกายผ่าตัดเอาเนื้องอกออกไป อวัยวะส่วนหนึ่งก็หายไปด้วย ดังนั้นยิ่งผ่าตัดใหญ่เท่าใด ร่างกายก็จะได้รับความเสียหายมากขึ้นเท่านั้น ยังผลให้พลังชีวิตและภูมิคุ้มกันเสียไป แม้ผ่าตัดเนื้องอกออกไปได้ แต่ก็ใช้เวลานานกว่าที่สภาพร่างกายจะฟื้นฟู กลับคืน

การฉายรังสี
ในช่วงต้นของการรักษาโดยวิธีนี้จะใช้ในเพื่อทำให้เนื้องอกขนาดเล็กลง ง่ายต่อการผ่าตัดออก แต่วิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบัน ทำให้มะเร็งที่เป็นในขั้นแรกบางส่วน ใช้วิธีการรักษาด้วยรังสีเพียงอย่างเดียว ก็ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ มีการเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยประกอบ ทำให้ลำแสงของรังสีมีพลังงานสูงมาก สามารถทะลุทะลวงเข้าถึงอวัยวะในส่วนลึกที่เป็นเนื้อร้ายได้ และสามารถควบคุมให้กระจายความเข้มของรังสีได้ทั่วถึง ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้อุปกรณ์นำเอาวัตถุรังสีใส่เข้าไปในอวัยวะที่เป็นมะเร็งโดยตรง ซึ่งการแผ่รังสีอานุภาพสูงในระยะใกล้ ทำให้การรักษาได้ผลดีมากขึ้น แต่เมื่อต้องอาบรังสีปริมาณมาก แม้จะทำให้ก้อนเนื้องอกฝ่อตัวลง แต่ในขณะเดียวกันภูมิคุ้มกันก็จะได้รับผลเสียด้วย คุณภาพชีวิตก็ลดลงด้วยเช่นกัน

การเคมีบำบัด
ยาเคมีบำบัด ก็คือยาที่ออกฤทธิ์ในช่วงเวลาที่เซลล์แตกตัว แล้วมีผลทำให้เซลล์ตายลง เซลล์มะเร็งมีลักษณะที่สามารถ แตกตัวและเพิ่มจำนวนได้อย่างมากมายในเวลาอันสั้น จึงนำเอาคุณลักษณะนี้มาใช้ในการฆ่าเซลล์มะเร็ง และทำให้เนื้องอกหดตัวลง แต่ในร่างกายของเราไม่ได้มีแต่เซลล์มะเร็งที่แตกตัวและเพิ่มจำนวนเท่านั้น ยังมีเซลล์อื่น ๆ ที่แตกตัวและผลัดเปลี่ยนเซลล์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นยาพวกนี้ก็ออกฤทธิ์กับเซลล์ปกติด้วยเช่นกัน เมื่อใช้ยาเคมีจะทำให้เกิดผลข้างเคียงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ผมร่วง กระเพาะและลำไส้ไม่ดี เบื่ออาหาร ภูมิต้านทานลดลงทำให้ติดเชื้อง่าย เป็นต้น เพราะในจำนวนเซลล์ปกติในร่างกาย จะมีเซลล์ที่มีการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว ในส่วนของเซลล์ผนังกระเพาะและลำไส้ หรือเซลล์รากขน รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกัน (เม็ดเลือดขาว) เมื่อให้ยาเคมีเข้าไปในร่างกายแล้ว เซลล์ปกติเหล่านี้จึงได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว

วิธีการรักษาเสริมอื่น ๆ
มีผู้ป่วยโรคมะเร็งบางรายต้องได้รับการรักษาเสริม เพื่อเป็นการรักษาร่วมตามเงื่อนไขสภาพร่างกายเช่น การรักษาโดยใช้ฮอร์โมน การเสริมภูมิคุ้มกัน หรือ การฉีดแอลกอฮอล์เข้าในตับ และวิธีการรักษาแบบอุดหลอดเลือดแดง ปัจจุบันการรักษามะเร็งด้วย 3 วิธีหลักของแพทย์แผนตะวันตก ยังเป็นการรักษาโดยตรงที่สัมฤทธิ์ผลมากที่สุด แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาก็ทิ้งความเจ็บปวดทั้งกายและใจแก่ผู้ป่วยไม่น้อย ดังนั้นจึงเริ่มมีการบำบัดร่วมกันระหว่างแพทย์แผนตะวันตก กับแพทย์ทางเลือก เช่น แผนจีน กับ แผนตะวันตก และไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญในเรื่องการรักษาอย่างเดียว ประเด็นเรื่องภูมิคุ้มกัน การฟื้นฟูร่างกายและจิตใจก็ได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น  

เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้... อ่านหน้าแรกๆ รู้สึกตกใจมากๆ อ่านหน้าต่อๆมาก็ค่อยโล่งใจขึ้น... ขอเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD หายจากอาการเจ็บป่วย ดีขึ้นทุกวันคืนครับ  ::014:: ::014:: ::014::

ขอให้พี่ CT_Pro4 และพี่ Wasanami สุขภาพดีขึ้นเช่นกันครับ...

ผมยังอายุไม่เยอะ ( ::005::  ::007:: ) อ่านแล้วก็ได้ข้อคิดให้รู้จักดูแลตัวเองให้ดี... เบียร์ สุรา นี่ดื่มทุกวันครับ... บุหรี่เลิกแล้ว... พยายามออกกำลังกายสัปดาห์ละ ๔ วัน ครั้งละประมาณ ๒ ชม ถ้าหากไม่เดินทาง... แต่ถ้าหากเดินทางก็กินๆอย่างเดียว ::003:: :~) เครียด กิน อ้วน  ;D ::004:: ::012::

ขอบคุณที่ให้ความรู้ เอาใจช่วยครับ... ::002::

ผมคิดว่าเรื่องการดื่มไม่ว่าเบียร์หรือเหล้าอยู่ทีความเคยชินของแต่ละท่าน  อย่างผมดิ่มเบียร์มาตั้งแต่สมัยเรียน ปวช. ปี 3 อาทิตย์ละวัน ทำงานแล้วก็เพิ่มเป็น 2 วัน  ทำกิจการส่วนตัวแล้วก็เริ่มดิ่มมากวันขึ้น อายุ 30 ปี เบียร์ 2-3 ขวดทุกคืน อย่างที่เรียนให้ทราบถ้าทานมื้อเย็นกับเพือนก็เหล้าก่อนตามด้วยเบียร์อีก 2 เมื่อถึงบ้าน จะให้บอกว่าไม่มีผลต่อโรคที่ผมเป็นก็ไม่ได้แต่อาจารย์เน้นเรื่องโทษร้ายแรงจากบุหรี่กับ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะสูบจัดก่อนนอนเพราะสารพิษจะตกค้างภายในอวัยวะของระบบทางเดินปัสสาวะเพราะเมื่อหลับแล้วไม่ได้ปัสสาวะจนกว่าจะตื่น  ดีใจด้วยที่พี่ไม่สูบบุหรีแล้ว ผมก็เช่นเดียวกันครับ


ขอบคุณพี่ rattra ครับ

มะเร็งเต้านม

" มะเร็งเต้านม เป็นมะเร็งที่พบบ่อย เป็นอันดับ 2 ในหญิงไทย รองจากมะเร็งปากมดลูก และเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ อัตราการเป็นมะเร็งเต้านม พบมากขึ้นเรื่อยๆ ประมาณว่า 1 ใน 10 ของผู้หญิง มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งเต้านมในช่วงหนึ่งของชีวิต.. "

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านม

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ การมีประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุยังน้อย, การหมดประจำเดือนช้า, ไม่มีลูก หรือมีลูกคนแรก เมื่ออายุเกิน 30 ปี, มีประวัติครอบครัว มีเนื้อเยื่อเต้านมที่ผิดปกติ การรับประทานอาหารไขมันมาก, การดื่มเหล้า ก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้พบเพียง 25% ของผู้ป่วย ขณะที่ 3 ใน 4 ของผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง กล่าวคือ... ผู้หญิงทุกคนล้วนเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้ !!

การรักษา

การรักษาหลักของมะเร็งเต้านม คือ การผ่าตัด อาจร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง หรือการให้ยาฮอร์โมน มะเร็งเต้านม ...เนื่องจากเรายังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งเต้านม และผู้ป่วยส่วนใหญ่ ก็ไม่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมา

การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการค้นพบให้เร็วที่สุด ซึ่งต้องอาศัยองค์ประกอบ 3 อย่างคือ ..

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง : แนะนำให้เริ่มตรวจเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป โดยตรวจเป็นประจำทุกเดือน
การตรวจเต้านมโดยแพทย์ : แนะนำในอายุ 20-40 ปี ควรตรวจทุก 3 ปี อายุมากกว่า 40 ปี ควรตรวจทุกปี
การตรวจด้วยเครื่องแมมโมแกรม : ควรเริ่มทำเมื่ออายุ 35 ปี และเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจทุก 1-2 ปี

อาการและอาการแสดง

มีก้อนหรือเนื้อเต้านมที่หนาตัวขึ้น คลำดูแข็งแต่ไม่เจ็บปวด
ก้อนโตเร็ว
แข็งขอบไม่ชัดเจน ติดแน่นกับเนื้อเยื่อรอบข้าง
มีเลือดออกทางหัวนม
หัวนมปอด /มีหัวนมบุ๋มลงไป
รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป เช่น ข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้างหนึ่ง เวลามองดูในกระจก
มีรอยบุ๋มปรากฏบนผิวหนังที่เต้านม
มีรอยแดงหรือผิวหนังเปลี่ยนไปมีลักษณะคล้ายผิวส้ม
มีต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้โตร่วมด้วย
ถ้ามีอะไรที่สงสัยว่าผิดปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที

              พิมพ์ยาวจัง   ว่างหรือเปล่าครับเห็นชื่อหลายกระทู้ก็ดีใจด้วย ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

 ::014::วันนี้เป็นยังไงมั่งครับ      ทำใจให้สบายพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารที่มีประโยชน์     หาหมอตามนัดอาการคงจะดีขึ้นนะครับ

ขอให้หาย เจ้บป่วย ครับ ผมว่าเรื่องแอลกอล์ฮอล เลิกดื่มก้ดีครับ เพราะ ผมเองเลิกดื่ม มา5ปีแล้วครับ พี่ สุขภาพดีขึ้นครับ

สวัสดีครับ.....อรุณสวัสดิ์ครับ......คุณอารมณ์ดี และคุณ CT_PRO 430 หายป่วยไวๆด้วยครับ

ยังไหวเพราะผมพักผ่อนได้มาก
ขอบคุณครับพี่


ไม่ค่อยสบายเพราะเข้าเว๊บ อวป ไม่ได้หลายวัน ขอบคุณที่แนะนำครับ อาจารย์นัดตรวจผมอีกครั้ง 8 มกราคม 2551 ครับ


เรื่องแอลกอฮอลเลิกไม่ยากขนาดผมดื่มมานานมากอย่างที่ได้เรียนให้ทราบ ตอนนี้ร่างกายเริ่มฟื้นตัวผมเกิดความอยากสูบบุหรีมาก แต่ก็เอาชนะได้ไม่ตามใจตัวเอง
ยินดีกับพี่ด้วยเรื่องการเลิกดิ่มครับ


สวัสดีประจำวันครับพี่หรอย...อย่าเปลี่ยนชื่อให้พี่ CT_PRO 4 สิครับ :D

***มะเร็งปากมดลูก
     
***เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย พบมากในช่วงอายุ 35 - 50 ปี

สาเหตุ

ปัจจุบันเชื่อว่า มะเร็งปากมดลูกเกิดจากไวรัส HPV พบในกลุ่มสตรีที่มีประวัติการอักเสบเรื้อรังของปากมดลูก

ภาวะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก

สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย (ต่ำกว่า 18 ปี)
มีคู่นอนหลายคน
มีประวัติเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
มีโรคเรื้อรัง หรือโรคที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำ เช่น โรคเอดส์
เคยมีความผิดปกติของปากมดลูกจากการตรวจภายใน และทำ แป๊ปเสมียร์ (Pap Smear)
มีการอักเสบติดเชื้อระหว่างคลอด หรือหลังคลอด หรือมีการติดเชื้อช่องคลอดบ่อยครั้ง
อาการแสดง
ในระยะเริ่มแรก อาจจะไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ เลย มักตรวจพบเมื่อได้รับการตรวจภายในประจำปี หรือเมื่อมาตรวจเพื่อรับการคุมกำเนิด และจากการตรวจภายหลังคลอด
มีเลือดออกจากช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือหลังการร่วมเพศ
ประจำเดือนมาผิดปกติไปจากเดิม อาจมีเศษเนื้อปนออกมา ปวดท้องน้อยร่วมด้วย
มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เช่น มีเลือดออกกะปริบกะปรอย
ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก สีผิดปกติ หรืออาจปนเลือด

การรักษา

ในระยะเริ่มแรก สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการผ่าตัด หรือการฉายรังสี แม้ในระยะลุกลาม ซึ่งไม่สามารถ ผ่าตัดได้ ก็สามารถใช้วิธีการฉายรังสีในการรักษา ซึ่งมีโอกาสหายถึงร้อยละ 50 จึงอาจกล่าวได้ว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้อย่างแน่นอนในระยะเริ่ม

การป้องกัน

ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหาสิ่งผิดปกติหลังอายุ 35 ปีขึ้นไป หรืออายุต่ำกว่านั้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้มีบุตรยาก มีการอักเสบเรื้อรังของปากมดลูก หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์บ่อย
หากมีประวัติตกขาวบ่อย ๆ มีเลือดออกหลังร่วมเพศ หรือประจำเดือนผิดปกติ ควรไปพบแพทย์ตรวจร่างกายเป็นประจำตามความเหมาะสม
แนะนำให้ตรวจภายในทุก 1 - 3 ปี
ไม่สูบบุหรี่
ใช้ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์  

ยังอยู่ในส่วนของสุภาพสตรีครับ

มะเร็งมดลูก
     มะเร็งมดลูกพบได้น้อยกว่ามะเร็งปากมดลูก พบมากในสตรีที่อายุ 40-60 ปี และมักพบภายหลังหมดประจำเดือนแล้ว รวมทั้งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในชั้นเยื่อบุมดลูก จึงเรียกว่า มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

สาเหตุ
     ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีผู้เสนอว่า อาจเกิดจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ส่วนสาเหตุ หรือปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดมะเร็งมดลูก ได้แก่

สตรีที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรเมื่ออายุมาก
สตรีที่เคยได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นเวลานาน หรือเคยได้รับการฉายรังสีที่บริเวณเชิงกราน
กรรมพันธุ์
มักพบร่วมกันโรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง

อาการ
มีเลือดออกทางช่องคลอดในสตรีวัยหมดประจำเดือนแล้ว หรือมีเลือดออกผิดปกติในสตรีที่ยังคงมีประจำเดือนอยู่
คลำพบก้อนที่บริเวณท้องน้อย
ปวดท้องน้อย ปวดหลัง เนื่องจากมดลูกโตไปกดแผงประสาท

การวินิจฉัย
     การวินิจฉัยจำเป็นต้องใช้การตรวจหลายอย่างประกอบกัน ดังนี้คือ

ศึกษาประวัติของผู้ป่วย
การตรวจภายใน เพื่อดูขนาดและรูปร่างของมดลูก อาจเห็นมีเลือดออกจากโพรงมดลูก คลำได้มดลูกโต
การทำแป๊ปสเมียร์ (Pap smear) ซึ่งปกติจะใช้ตรวจหามะเร็งปากมดลูก แต่บางครั้งอาจจะใช้วินิจฉัยมะเร็งเยื่อบุมดลูกได้ ถ้ามีเซลล์ผิดปกติหลุดลอกออกมาจากโพรงมดลูก
การขูดมดลูก เพื่อนำชิ้นเนื้อที่บุโพรงมดลูก มาตรวจทางพยาธิวิทยาด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจสอบจากเลือด เอกซ์เรย์ อัลตราซาวด์ และเอกซ์เรย์ชนิดพิเศษ เมื่อพบว่ามีเซลล์มะเร็งแล้ว แพทย์จะต้องค้นหาว่า โรคได้ลุกลามแพร่กระจายออกนอกมดลูกไปยังอวัยวะส่วนอื่นของร่างกายหรือไม่ โดยใช้การตรวจดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
การรักษามะเร็งมดลูก
การผ่าตัดเอามดลูก พร้อมทั้งรังไข่ และท่อนำไข่ทั้งสองข้างออกทางหน้าท้อง
การฉายรังสี และใส่เรเดียม แพทย์บางท่านแนะนำให้ใช้รังสีรักษาก่อนการผ่าตัด เพื่อให้เซลล์มะเร็งหยุดชะงักการเจริญเติบโต การใช้รังสีรักษา มีทั้งการฉายแสงจากภายนอก และการฝังแร่ภายในร่างกาย ถ้าผู้ป่วยกลับเป็นซ้ำอีก หรือมีการแพร่กระจายภายหลังการใช้รังสีรักษา แพทย์ก็จะใช้ฮอร์โมน (กลุ่ม progesterone) หรือเคมีบำบัดเพื่อการรักษาต่อไป
เคมีบำบัด ใช้ในรายที่มะเร็งกระจายไกลออกไปจากช่องเชิงกรานแล้ว

การป้องกัน
     เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งมดลูก ดังนั้นการป้องกันจึงอาจทำได้โดย

ระวังเรื่องโรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง
สตรีวัยหมดประจำเดือน ควรได้รับการตรวจร่างกาย และตรวจภายในอย่างน้อยปีละครั้ง
ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนรักษาอาการหมดประจำเดือนอย่างระมัดระวัง
รีบปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการเลือดออกผิดปกติ

ปีใหม่ได้ไปฉลองที่ไหนไหมครับ     

ปีใหม่2551นี้ ขอให้พี่อารมณ์ดีพักฟื้นสุขภาพให้ดีขึ้นโดยเร็วครับ  ;)

ปีนี้คงอยู่บ้านที่ กทม เพราะยังไม่อยากนั่งรถนานๆ ครับพี่
ฉลองได้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังถูกห้ามอยู่ครับ
ขอบคุณครับ

เช่นเดียวกันครับพี่ Glock_pk
ขอให้พี่มีความสุขกายสบายใจ โชคดีครับ
ขอบคุณครับ

มะเร็งรังไข่ (Cancer of Ovary)

สาเหตุของโรค

     สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ปรากฏแน่ชัด แต่พบสาเหตุส่งเสริมที่ทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ มีดังนี้คือ

สภาพแวดล้อม เช่น สารเคมี อาหาร เนื่องจากพบว่าในประเทศ อุตสาหกรรมมีผู้ป่วยเป็น มะเร็งรังไข่ มากกว่าประเทศเกษตรกรรม
สตรีที่ไม่มีบุตร หรือมีบุตรน้อย
ผู้ที่เคยเป็นมะเร็งที่เต้านม มะเร็ง มดลูก และมะเร็งระบบทางเดินอาหาร โอกาสเป็นมะเร็งรังไข่มีมากกว่าคนปกติ
ผู้ที่มักรับประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำ
เคยใช้ยากระตุ้นการทำงานของรังไข่ เพื่อให้มีบุตร
อาการแสดงของโรค
มีอาการท้องอืดเป็นประจำ
การมีก้อนในช่องท้อง หรือช่องเชิงกราน จึงอาจทำให้เกิดอาการแน่นหรือปวดท้อง
ก้อนเนื้ออาจกดเบียดลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย ทำให้รู้สึกปวดถ่วง ถ่ายอุจจาระไม่สะดวก หรือลำบาก
เมื่อก้อนมะเร็งโตขึ้น จะกดเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ถ่ายปัสสาวะ ปัสสาวะบ่อยและขัด
เมื่อเซลล์มะเร็งมีการกระจายไปในช่องท้อง จึงอาจทำให้เกิดมีน้ำในช่องท้อง ซึ่งจะทำให้ดูเหมือนอ้วนขึ้นได้ ท้องโตขึ้นกว่าเดิม
เบื่ออาหาร ผอมแห้ง น้ำหนักลด
อาจมีประจำเดือนผิดปกติ บางรายอาจพบการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เช่น มีเสียงห้าว มีหนวด หรือขนขึ้นตามลำตัวคล้ายผู้ชายได้ เนื่องจากผลของมะเร็งรังไข่ที่ทำให้ร่างกายมีการผลิตฮอร์โมนผิดปกติไป
ในบางรายอาจไม่มีอาการแสดงเลย แพทย์อาจตรวจพบโดยบังเอิญว่ามีก้อนในท้องน้อย

การวินิจฉัย
     สามารถตรวจพบมะเร็งรังไข่ได้โดย

การตรวจภายใน อาจคลำพบก้อนในบริเวณท้องน้อย การคลำพบก้อนรังไข่ได้ในสตรีวัยหมดประจำเดือน ควรนึกถึงมะเร็งของรังไข่ไว้ด้วย เพราะตามปกติวัยหมดประจำเดือน รังไข่จะฝ่อ
การทำแป๊ปสเมียร์จากในช่องคลอดส่วนบนทางด้านหลัง อาจพบเซลล์มะเร็งของรังไข่ ได้
การตรวจด้วยเครื่องความถี่สูง อาจช่วยบอกได้ว่า มีก้อนในท้องในรายที่อ้วนหรือหน้าท้องหนามาก ทำให้การคลำด้วยมือตามปกติตรวจไม่พบ
การผ่าตัดเปิดช่องท้องเพื่อตรวจ วิธีนี้เป็นวิธีที่สำคัญ และแม่นยำที่สุดในการวินิจฉัยโรค อย่างแน่นอน สามารถขลิบหรือตัดเอาเนื้อมาตรวจหาชนิดของมะเร็ง และทราบถึงระยะของโรคด้วย

การรักษา
     ใช้การผ่าตัดเป็นหลัก แต่ถ้าไม่สามารถผ่าตัดออกได้หมด เนื่องจากโรคแพร่กระจายออกไปมากแล้ว แพทย์จะพยายามตัดออกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วจะให้การรักษาต่อด้วยเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัด

ข้อควรปฏิบัติ
ควรได้รับการตรวจภายในปีละครั้ง หลังอายุ 40 ปี
หากมีความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ขาดประจำเดือนก่อนวัยอันควร การมีเลือดออกผิดปกติ ปวดท้องน้อย หรือสงสัยมีก้อนบริเวณท้องน้อย ควรพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจภายใน

คุณผู้ชายอ่านตรงนี้ครับ

มะเร็งต่อมลูกหมาก

ต่อมลูกหมากคืออะไร ?

     " มะเร็งต่อมลูกหมาก เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ต่อมลูกหมากที่ผิดปกติ ทำให้ต่อมลูกหมากโตขึ้น อาจพบได้ในชายที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไป แต่พบมากขึ้นในคนขึ้นในคนที่อายุเลย 60 ปี สาเหตุของมะเร็งต่อมลูกหมากที่แท้จริงยังไม่มีใครทราบ แต่ก็คาดว่าอาหารอาจมีส่วนให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะอาหารพวกที่มีไขมันสัตว์ นอกจากนั้นยังอาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์อีกด้วย "

ลักษณะอาการของโรค
     ในระยะแรกที่มะเร็งเริ่มเกิด มักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ ต่อเมื่อมะเร็งเจริญเติบโตขึ้นใหญ่ขึ้น ก็ทำให้เกิดการกดและเบียดท่อปัสสาวะส่วนต้น ทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ ในระยะนี้ผู้ป่วยเริ่มจะมีการปัสสาวะบ่อยกว่าปกติต่อมาเริ่มปัสสาวะ ลำบากขึ้น ต้องเบ่งมากขึ้น บางคนปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด หรืออาจมีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิในขณะร่วมเพศ ในระยะหลังๆ ของโรคมะเร็งจะแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง,กระดูก อวัยวะใกล้เคียง ทำให้เกิดอาการปวดกระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน ปวดหลัง และข้อสะโพก อ่อนเพลีย ซีด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด และบางรายอาจเดินไม่ได้ เป็นอัมพาต

แนวทางในการตรวจวินิจฉัยโรค

การตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination)
การเจาะเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker) คือ พี เอส เอ (Prostate Specific Antigen, PSA)
การตรวจอัลตราซาวน์ของต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก (Transrectal Prostatic Ultrasound)
การตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy)

การรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก

การเฝ้ารอดูอาการ เหมาะสำหรับมะเร็งที่เริ่มเป็น และผู้ป่วยสูงอายุหรือมีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา

การผ่าตัด [Prostatectomy] เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในการรักษามะเร็งในระยะเริ่มต้น

Radiation therapy คือ การให้รังสีรักษาเป็นการให้ในกรณีที่มะเร็งนั้นก้อนขนาดเล็กหรือให้หลังจากผ่าตัดต่อมลูกหมากไปแล้ว การให้รังสีรักษาอาจจะให้โดยการฉายแสงจากภายนอกหรือการฝังวัตถุอาบรังสีไว้ใกล้เนื้องอก [implant radiation หรือ brachytherapy]
Hormonal therapy เนื่องจากมะเร็งต่อมลูกหมากต้องใช้ฮอร์โมนในการเจริญเติบโต การให้ฮอร์โมนจะใช้ในกรณีที่มะเร็งได้แพร่กระจายแล้วหรือเพื่อป้องกันการกลับเป็นซ้ำหลังการรักษา

Chemotherapy คือ การให้เคมีบำบัดเป็นการฆ่าเซลล์มะเร็ง โดยการให้สารเคมีซึ่งการรักษายังไม่ดีพบใช้ในกรณีที่โรค แพร่กระจายแล้ว
ใช้สารที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิหรือภูมิที่สร้างจากภายนอกเพื่อให้ภูมิต่อสู้กับเชื้อโรค

cryotherapy คือ เป็นการรักษาใหม่โดยใช้เข็มสอดเข้าในต่อมลูกหมากแล้วฉีดสาร liquid nitrogen เพื่อแช่แข็งมะเร็งต่อมลูกหมากใช้ในกรณีที่ไม่เหมาะในการผ่าตัดผลการรักษายังไม่ยืนยันว่าได้ผลดี

อ่านแล้วได้ความรู้และกำลังใจดีมากครับ...

และในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2551 ขออนาจคุณพระศรีรัตนไตรและสิ่งศักดิ์สิทธ์ทั้งหลายในสากลโลกโปรดช่วยปกปักษ์รักษาคุณ RroamD และครอบครัวให้พบแต่สิ่งดีๆมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงด้วยเถิด...

ขอบคุณครับพี่ เช็ค pm ด้วยครับ

มะเร็งอัณฑะ
     
     มะเร็งอัณฑะเป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนักเมื่อเปรียบเทียบกับมะเร็งชนิดอื่น ๆ โดยจะพบประมาณ 1 % ของมะเร็งทั้งหมดที่พบในผู้ชาย ซึ่งมักจะเกิดกับคนหนุ่มมากกว่า ส่วนใหญ่พบในอายุ 20-40 ปี แต่วัยอายุอื่น ๆ ก็อาจพบได้บ้างเช่นกัน

สาเหตุ
     ยังหาสาเหตุของมะเร็งอัณฑะที่แน่นอนไม่ได้ แต่พบว่ามีปัจจัยเสริมหรือปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคดังนี้ได้แก่

การที่ลูกอัณฑะเจริญเติบโตผิดปกติหรือตกลงมาในถุงอัณฑะไม่เข้าที่ตั้งแต่ตอนเป็นทารก หรือตอนเด็กเล็ก ๆ
มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งอัณฑะมาก่อน
มีคู่แฝดเป็นมะเร็งอัณฑะ
คนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ เช่น ต่อมสร้างเชื้ออสุจิ หรืออัณฑะเสื่อม
เคยติดเชื้อไวรัสรุนแรงมาก่อน เช่น เป็นคางทูม
มีอาการเจ็บที่ถุงอัณฑะ อันอาจเป็นผลจากเนื้องอกที่เจริญขึ้น
ผู้ชายที่มารดาได้รับฮอร์โมนดีอีเอส (Diethylstilbestrol: DES) ระหว่างตั้งครรภ์เพื่อป้องกันการแท้งบุตร อาจส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติกับลูกอัณฑะได้

อาการแสดง

     บางคนอาจไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ แต่ส่วนใหญ่มักจะมีอาการให้สังเกตได้ ซึ่งหากพบว่าอัณฑะมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ควรรีบไปพบแพทย์เฉพาะสาขาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย โดยมีสัญญาณเตือนเหล่านี้นานเกิน 10 วันติดต่อกัน ได้แก่ มีก้อนแข็งเล็ก ๆ เกิดที่อัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง ไม่เจ็บ, ถุงอัณฑะบวม หรือมีขนาดโตขึ้น, รู้สึกปวดตื้อ ๆ หรือถ่วง ๆ บริเวณอัณฑะ ท้องน้อยส่วนล่างหรือขาหนีบ, เจ็บบริเวณลูกอัณฑะ หรือถุงอัณฑะ , มีเลือดเจือปนในน้ำอสุจิ เป็นต้น

การวินิจฉัย

การตรวจอุลตราซาวด์ โดยแพทย์จะทำอุลตราซาวด์ที่บริเวณถุงหุ้มอัณฑะ เพื่อตรวจหาก้อนเนื้อ
การตรวจเลือดและปัสสาวะ วัดระดับโปรตีนเอเอฟพี (Alpha-fetoprotein: AFP) และฮอร์โมนเฮชซีจี (Human Chorionic Gonadotrophin : HCG)
การตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อมาตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจพิเศษด้วยเครื่องมือซีทีสแกน (CT Scan) เพื่อตรวจสอบว่ามะเร็งได้มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือปอด หรืออวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ห่างไกลออกไปแล้วหรือไม่อย่างไร การรักษา
การผ่าตัด โดยจะผ่าตัดลูกอัณฑะที่มีก้อนมะเร็งออก และมักนำเนื้อเยื่อไปตรวจวิเคราะห์ถึงระยะของมะเร็งเพื่อ ทำการวางแผนการรักษาต่อไป
การฉายรังสี
การให้เคมีบำบัด

มะเร็งองคชาติ (Penile Cancer)
     
     อุบัติการณ์ ในปี 1990 พบมะเร็งองคชาติในประเทศไทย ประมาณ 417 ราย ในปี 1995 ผู้ป่วยมะเร็งองคชาติมารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จำนวน 9 ราย อายุโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 58-60 ปี

อาการและอาการแสดง

อาการที่พบบ่อยคือ mass หรือ persistent sore, ulcer of the glans, foreskin or shaft of penis
อาการที่พบน้อยในระยะแรก ได้แก่ inguinal lymphadenopathy
กระบวนการวินิจฉัยโรค

ซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะบริเวณ primary lesion และบริเวณ inguinal area ทั้ง 2 ข้าง
Incisional หรือ Excisional biopsy
CT หรือ MRI scan เพื่อใช้ประเมิน pelvic and abdominal node

ลักษณะทางพยาธิวิทยา

     เกือบทั้งหมดของ penile carcinoma จะเป็น squamous cell carcinoma สำหรับ cell type ชนิดอื่น ๆ ที่อาจพบได้ ได้แก่ malignant melanoma, basal cell carcinoma, Bowen's disease (carcinoma in situ), mesenchymal tumor, metastatic lesion

ชนิดของการรักษา

การผ่าตัด แบ่งเป็น
1.1 การรักษา primary lesion จะต้อง remove lesion และ adequate margin (2 เซนติเมตร) total penectomy ต้อง remove both corpora และทำ perineal urethrostomy

1.2 การรักษา regional lymph node ถ้าพบ positive groin metastasis เมื่อเริ่มรักษาหรือภายใน 6 เดือน หลังจากรักษาจะต้องทำ Bilateral pelvic and inguinal node dissection เนื่องจากว่า lymphatic crossover ที่ base of penis ทำให้เกิด contralateral groin metastasis ได้ 60% แต่ถ้าพบ unilateral groin node หลังจากที่รักษามากกว่า 6 เดือน สามารถทำผ่าตัดแบบ ipsilateral ilioinguinal node dissection ได้

รังสีรักษา

- ข้อดีของรังสีรักษา คือ functional preservation of penis มีหลายการศึกษาพบว่า การใช้รังสีสามารถควบคุมโรคได้ประมาณ 80-90%
- วิธีการให้รังสีใน penile cancer มีหลายวิธีคือ

2.1 Interstitial implantation ด้วย radium needle หรือ iridium-192 wire ซึ่งสามารถควบคุมโรคได้ประมาณ 95% ในกรณีที่ขนาดของก้อน 4 เซนติเมตร และ 80% ไม่มี major impairment ใน function ของ penis

2.2 External-beam radiotherapy ซึ่งสามารถ control disease ได้ 70-80% ใน low-stage tumor

เคมีบำบัด

-ได้แก่ cisplatin-based chemotherapy มี response rate ประมาณ 30% ปัจจุบันใช้เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการและอาจจะใช้เป็นการรักษาเสริม การผ่าตัดหรือรังสี แต่ผลที่ได้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด

ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ
ด้วยความเคารพครับ

เมื่อวันที่ 30 ธ้นวาคมที่ผ่านมาช่วงค่ำผมไปงานสวดพระอภิธรรมภรรยาของเพื่อนนักเรียนท่านหนึ่งที่วัดเทพศิรินทราวาสเพราะได้ทราบตอนเที่ยง เธอผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งทรวงอกและรักษาด้วยเคมีบำบัดครบตามขั้นตอน แต่ปรากฏว่าตรวจพบในกระดูกซึ่งเธอต้องต่อสู้กับความเจ็บปวดทรมานมาตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาจนกระทั่งช่วงเย็นวันที่ 28 ธันวาคม เป็นวันสุดท้ายของชีวิต อายุยังไม่ถึง 45 ปีครับ


มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ***
     มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นมะเร็งของระบบทางเดินปัสสาวะที่พบบ่อยเป็นอันดับ 2 ซึ่ง เป็นมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในระบบอวัยวะขับถ่ายและอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชายรองจากมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยพบประมาณ 2.88 % ของมะเร็งทั้งหมด ส่วนใหญ่พบในคนอายุ 60-70 ปีขึ้นไป พบได้น้อยในคนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี โดยเพศชายพบมากกว่าเพศหญิงในอัตรา 2 : 1

สาเหตุ
     พบอุบัติการณ์สูงในคนที่สูบบุหรี่ และผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมทำสี โรงงานทอผ้า โรงงานฟอกหนัง อุตสาหกรรมยาง พลาสติก สิ่งพิมพ์ โลหะบางชนิด รวมถึงช่างทำผม สารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรม

     นอกจากนี้ยังพบว่า อาหารจำพวกหมักดอง อาหารใส่สารกันบูด อาหารที่เก็บไว้นาน ๆ รวมถึงอาหารผสมสารให้ความหวานจำพวกแซคคารีน ไซคลาเมต ขัณฑสกร เครื่องดื่มและยาที่มีคาเฟอีน ยาแก้ปวด ฟีนาเซตินเหล่านี้

     การระคายเคืองและอักเสบเรื้อรังของกระเพาะปัสสาวะ ไม่ว่าจะเนื่องจากการติดเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อไวรัส พยาธิพวกชิสโตโชม่า (Schistosoma Haematobium) หรือจากก้อนนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ การคั่งของน้ำปัสสาวะนาน ๆ จากโรคอัมพาตครึ่งล่างของร่างกาย หรือโรคอื่น ๆ เช่น โรคไขสันหลัง โรคเบาหวาน ตลอดจนจากการอักเสบเนื่องจากการใช้ยา สารเคมี การใช้รังสีรักษาในบริเวณอุ้งเชิงกราน ก็เป็นสาเหตุชักนำของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้เช่นกัน

อาการแสดง
     พบว่าประมาณ 75 % ของผู้ป่วยมักมีอาการปัสสาวะเป็นเลือด โดยไม่มีอาการเจ็บปวด บางรายอาจมีเพียงเลือดหยดออกมาเมื่อปัสสาวะสุด บางครั้งอาจจะมีอาการคล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ถ่ายปัสสาวะบ่อยแสบหรือขัดเนื่องจากเลือดที่ออกจับตัวเป็นลิ่ม ในระยะลุกลามจะมีอาการปวดได้มาก และบางรายมีการอุดตันของท่อไต ทำให้มีอาการปวดหลังได้ด้วย

การวินิจฉัย
     การตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค โดยการตรวจปัสสาวะนั้นมักจะพบว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงหรือเลือดมีจำนวนมาก หากสงสัยจะทำการตรวจโดยการส่องกล้องเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะ หรือเอกซ์เรย์โดยการฉีดสารทึบรังสีที่ขับออก ทางปัสสาวะ เพื่อแสดงทางเดินปัสสาวะ

การรักษา
     ในระยะเริ่มแรกที่มีเพียงรอยแผลตื้น ๆ อาจรักษาให้หายขาดได้ด้วยการผ่าตัดส่วนในระยะลุกลามจะใช้การรักษาร่วมระหว่างการผ่าตัด การฉายรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด

 ::014::ปีใหม่นี้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โปรดดลบันดาลให้คุณRroamD     หายจากอาการเจ็บป่วยโดยเร็ววันนะครับ

ขอบคุณครับพี่ lek
ผมยังต้องไปตรวจตามที่อาจารย์นัดวันที่ 8 เดือนนี้ครับ

มะเร็งถุงน้ำดีและท่อน้ำดี
     
     มะเร็งถุงน้ำดี พบได้น้อยกว่ามะเร็งท่อน้ำดี และมักจะพบในผู้มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และก็พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ส่วนมะเร็งท่อน้ำดีนั้นจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

สาเหตุ
     พบว่า มะเร็งถุงน้ำดี มีความสัมพันธ์กับโรคนิ่วในถุงน้ำดี กล่าวคือ ผู้ที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของถุงน้ำดีนั่นเอง ส่วนสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดีนั้น ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากพยาธิใบไม้ในตับ และสารก่อมะเร็งพวกไนโตรซามีน ซึ่งมีอยู่ในสารถนอมอาหารพวก ดินประสิว รวมทั้งยังพบว่า นิ่วในตับ ก็มีความสัมพันธ์กับมะเร็งท่อน้ำดีในตับเช่นเดียวกัน

อาการ
     มะเร็งถุงน้ำดี มักมีอาการเหมือนถุงน้ำดีอักเสบ คือ

เจ็บปวดชายโครงขวา
ถุงน้ำดีโต
ท้องอืด
ปวดท้อง
น้ำหนักลด
มีไข้
เป็นดีซ่าน
     สำหรับมะเร็งท่อน้ำดี มักทำให้เกิดอาการของดีซ่าน มีไข้ ปวดท้อง

การตรวจวินิจฉัย
ใช้วิธีการตรวจเลือด ดูว่ามีดีซ่านหรือไม่
ใช้อุลตราซาวด์ หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อตรวจดูก้อนในถุงน้ำดี และท่อน้ำดี
ในกรณีที่มีอาการอุดตันท่อน้ำดี จะใช้วิธีการตรวจพิเศษ คือ การฉีดสีเข้าไปในท่อน้ำดี เพื่อดูว่าส่วนใดที่มีการอุดตัน และวินิจฉัยแยกจากโรคอื่น
การเจาะเลือด เพื่อดูสารที่มะเร็งถุงน้ำดีปล่อยออกมา ที่เรียกว่า ทูเมอร์ มาร์คเกอร์ (Tumor marker) ก็ช่วยในการวินิจฉัยได้ดีเช่นเดียวกัน

การรักษา
     การผ่าตัด เป็นวิธีที่ดีที่สุด มะเร็งถุงน้ำดีจะผ่าตัดโดยตัดถุงน้ำดี และบางครั้งต้องตัดตับบางส่วนพร้อมต่อมน้ำเหลืองรอบข้างไปด้วย มะเร็งท่อน้ำดีจะตัดท่อน้ำดี และอวัยวะข้างเคียงออกด้วย .. แต่ในกรณีที่ผ่าตัดออกไม่ได้ การผ่าตัดเพื่อบรรเทาอาการดีซ่าน ก็ยังเป็นวิธีการรักษาแบบประคับประคองที่ดีที่สุด การลดอาการดีซ่าน อาจใช้วิธีใส่ท่อเข้าไปในท่อน้ำดีผ่านทางผิวหนัง (PTBD) หรือการผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัดมักไม่ได้ผล แต่เป็นการบรรเทาอาการ การใช้รังสีรักษามักใช้ในรายที่ผ่าตัดไม่ได้ แต่เพื่อบรรเทาอาการ และประคับประคองเท่านั้น หรือบางครั้งอาจช่วยเสริมการผ่าตัดได้

มะเร็งตับอ่อน
     เป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่เนื่องจากตับอ่อนเป็นอวัยวะที่อยู่หลังเยื่อบุช่องท้อง การตรวจวินิจฉัยค่อนข้างยาก และอาการจะปรากฏ เมื่อมะเร็งมักจะลุกลามมากแล้ว

อุบัติการณ์
     การเกิดมะเร็งตับอ่อนในประเทศไทย พบว่า มีประมาณ 1% ของมะเร็งทางเดินอาหาร พบมากในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 4 เท่า อายุที่พบเฉลี่ย 40-70 ปี

สาเหตุ
     สาเหตุของมะเร็งชนิดนี้ไม่ทราบแน่ชัด แต่เนื้องอกในตับอ่อนบางชนิดอาจกลายเป็นมะเร็งได้ ปัจจัยบางอย่างที่เชื่อว่าอาจทำให้เกิดมะเร็งตับอ่อนได้ คือ บุหรี่ และโรคเบาหวาน

อาการ
     จะมีอาการแล้วแต่ตำแหน่งของมะเร็งที่พบ ว่าอยู่ส่วนใดของตับอ่อน มะเร็งตับอ่อนส่วนใหญ่มักพบที่ส่วนหัวของตับอ่อน ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการของตัวเหลืองตาเหลือง จากการอุดตันของท่อน้ำดีที่หัวตับอ่อน นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจจะคลำได้ก้อนที่ท้อง ตับโต ถุงน้ำดีโต เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มะเร็งตับอ่อนที่เกิดขึ้นที่ส่วนตัวและส่วนปลายของตับอ่อน จะมีอาการของการปวดท้องร่วมกับปวดหลัง น้ำหนักลด ตับโต หรือมีอาการที่เกิดจากมะเร็งกระจายไปยังที่อื่น เช่น ต่อมน้ำเหลือง ไหปลาร้า

การตรวจวินิจฉัย
     การตรวจวินิจฉัยทำได้โดยการตรวจเลือด หรือทางอุลตราซาวด์ เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) บางครั้งต้องใช้วิธีตรวจพิเศษ คือ การส่องกล้อง และฉีดสีเข้าไปในท่อตับอ่อน เรียกว่า การทำ อีอาร์ซีพี (ERCP)

การรักษา
การผ่าตัด
รังสีรักษา
เคมีบำบัด
     การผ่าตัด เป็นวิธีที่ดีที่สุด การตัดเอามะเร็งออก พร้อมอวัยวะข้างเคียง เพื่อหวังผลในการรักษาให้หายขาดได้ แต่กรณีที่ตัดเอาก้อนมะเร็งออกไม่ได้ การผ่าตัดเพื่อทำทางเบี่ยงน้ำดี เพื่อลดอาการดีซ่าน หรือทำทางเบี่ยงให้กระเพาะอาหาร เพื่อลดการอุดตันของทางเดินอาหาร ก็เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการและอาการแสดงของรอยโรคของผู้ป่วยได้ดีที่สุด

     สำหรับการรักษาด้วยรังสีรักษา และเคมีบำบัด มักจะใช้ในรายที่ทำผ่าตัดไม่ได้ ทั้งนี้เพียงเพื่อประคับประคองอาการเท่านั้น

มะเร็งตับ
     อุบัติการณ์เกิดโรคมะเร็งตับ พบได้บ่อยมากในประเทศไทย และพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพบในเพศชาย เป็นอันดับที่ 1 และในเพศหญิงในอันดับที่ 4 อัตราเฉลี่ย ชายต่อหญิง 3:1 มักเกิดในระหว่างอายุ 35-65 ปี เป็นมะเร็งที่มีการดำเนินโรคเร็วมาก ถ้ามีอาการแล้วจะ เสียชีวิตใน 3-6 เดือน

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับมีอะไรบ้าง ?

การเป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง เช่น ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี หากเป็นเรื้อรังแล้วจะพบว่ามีอัตราการเกิดมะเร็งตับสูง
การได้รับสารแอลฟาท๊อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ผลิตจากเชื้อราที่อยู่ในอาหารพวก ถั่ว แป้งสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าว
การเป็นโรคตับแข็ง ตับอักเสบ เป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ
เคยเป็นพยาธิใบไม้ในตับ
การดื่มสุราเป็นประจำ และการเคี้ยวหมาก
การรับประทานอาหารที่มีดินประสิว เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน ฯลฯ
การได้รับสารวินิล คลอไรด์ (vinyl chloride)
การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ๆ
การรับประทานยาฮอร์โมนเพศชายที่ใช้รักษาโรคโลหิตจาง หรือการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ พบว่ามีการเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
การได้รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนสารหนู หากได้รับติดต่อกันก็เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
สูบบุหรี่ บางรายงานกล่าวว่าการสูบบุหรี่ทำให้มะเร็งตับเพิ่ม

อาการของโรคมะเร็งตับ
     ในระยะแรกๆ ของมะเร็งตับ มักไม่มีอาการใดที่ทำให้ผู้ป่วยรู้ตัว จนกว่าก้อนมะเร็งจะโตขึ้นเรื่อยๆ จนผู้ป่วยเริ่มมีอาการแน่นอึดอัดท้องทั่วๆ ไป เหมือนอาหารไม่ย่อย จนวินิจฉัยได้ยาก บางครั้งอาการเหมือนเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดเฉพาะที่ บริเวณชายโครงขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ ยังมีอาการทั่วไปอื่น ๆ เมื่อก้อนโตมากขึ้นอีก เช่น เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ถ้าเป็นมากขึ้นอาจมีท้องบวมขึ้นเหมือนท้องมาร เนื่องจากมีน้ำแทรกในช่องท้อง

การตรวจวินิจฉัยโรค
     แพทย์จะซักประวัติ และตรวจร่างกายแล้วส่งตรวจดังนี้ ได้แก่ การทำอัลตราซาว์ด (ultrasound) การทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การฉีดสีเข้าเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงตับ (Angiography) การส่องกล้องเข้าช่องท้อง (Laparoscopy) การนำชิ้นเนื้อที่สงสัยส่ง ตรวจทางพยาธิ (Biopsy) หรือ การเจาะเลือดเพื่อส่งตรวจหาค่าแอลฟาฟีโตโปรตีน ( alfa-fetoprotein) เป็นต้น

การรักษา
     การรักษา ขึ้นกับชนิดของมะเร็งตับ และระยะการดำเนินของโรคว่าเป็นมากหรือยัง

การผ่าตัด เป็นวิธีการรักษาเดียวที่มีโอกาสหายขาดได้
การฉีดสารบางอย่างให้อุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงมะเร็ง (embolization) ทำให้ก้อนมะเร็งขาดเลือดไปเลี้ยง
การให้เคมีบำบัด เนื่องจากโรคมะเร็งตับมักจะดื้อต่อยาเคมี จึงไม่ค่อยได้ผล การใช้ยาเคมีส่วนใหญ่รักษาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
การฉายรังสี ไม่ค่อยได้ผลเนื่องจากตับที่ดีมีผลเสียจากรังสี
การผสมผสานวิธีการดังกล่าว
การฉีดยาเข้าก้อนมะเร็งโดยตรงในระยะแรกเริ่ม
สิ่งผิดปกติที่ควรปรึกษาแพทย์

ผู้เป็นพาหนะของไวรัส บี หรือโรคตับแข็ง
เบื่ออาหารโดยไม่มีสาเหตุ
แน่นท้อง ท้องผูก ท้องอืด ท้องเพ้อเป็นประจำ
อ่อนเพลีย น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว
มีไข้ต่ำ ๆ เป็นประจำ
ปวดหรือเสียดชายโครงขวา หรือคลำก้อนในช่องท้องได้

ผมมีเหลืออยู่เครื่องหนึ่งเป็นของใหม่แกะกล่อง
สั่งซื้อจากอเมริกาเป็นชุดยี่ห้อ Respironic (คนอเมริกานิยมใช้มากที่สุด)
เป็นระบบออโต้ มีการเก็บค่าการใช้งานในสมาร์ทการ์ดด้วย ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งค่าต่างๆ
ส่วนตัวก็ใช้อยู่  มีโปรแกรมการอ่านค่าอยู่  ขอดูได้

ทั้งชุดประกอบด้วย
M Series Auto CPAP with A-Flex  ตัวเครื่องออโต้ มีการ์ดในตัว  ดูข้อมูลตัวเองได้
M Series Heated Humidifier(เครื่องทำความชื้น)
ComfortGel Nasal CPAP Mask (หน้ากาก)with Headgear Size S
Disposable Fine White Filters(แผ่นกรอง) for  M Series Auto (6 Pack)

ทั้งชุดขาย 48,000 ถูกกว่าในนี้เกือบครึ่ง เอาเข้ามาเกินเนื่องจากฝากซื้อไปหลายคน
ทั้งหมดซื้อมาฝากให้ ก็เลยรับซื้อไว้หมด(เกรงใจ)
 
ติดต่อ คุณป๊อบ
0876765434

ขอบคุณครับพี่
ลองส่ง pm ถึงพี่ CT_Pro 4  ผมไม่แน่ใจพี่เค้าอาจจะได้จากคุณหมอแล้วครับ

มะเร็งกระเพาะอาหาร

สาเหตุ

     ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร คือ

เชื้อชาติ พบว่ามะเร็งกระเพาะอาหาร มีมากในบางชนชาติ เช่น ญี่ปุ่น คอสตาริก้า
เพศ พบว่า เพศชายเป็นมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2 เท่า
พันธุกรรม ญาติผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารมากกว่า คนทั่วไป
โรคของกระเพาะอาหารบางประเภท เช่น กระเพาะอาหารอักเสบ Atrophic โรคแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรัง ซึ่งไม่สามารถแยกออกจากมะเร็งได้
บุหรี่ พบว่าผู้ที่เริ่มสูบบุหรี่ ยิ่งอายุน้อยเท่าใด ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งมากเท่านั้น
อาหารการรับประทานอาหารที่มีสารไนโตรซามีน เช่น ไส้กรอก แหนม ปลาร้าเป็นประจำ อาจทำให้เกิดเป็นมะเร็งได้
     นอกจากนี้พบว่าผู้ที่รับประทานอาหารมีรสเค็มจัด ก็เป็นมะเร็งมากกว่าผู้รับประทานอาหารไม่ เค็ม การดื่มนมและรับประทานผัก ผลไม้สีเขียว ทำให้มีความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร น้อยลง

อาการ

ปวดท้อง แน่นท้อง บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือ เหนือสะดือ ท้องอืด อาหารย่อยยาก
คลื่นไส้ อาเจียน
ถ่ายอุจจาระดำ
มีก้อนในท้อง ตรงกลางส่วนบน
เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
อาการทางตับ ทางปอด หรือต่อมน้ำเหลืองที่เหนือไหปลาร้าโต ในกรณีที่มะเร็งลุกลาม มากแล้ว

การวินิจฉัย

Upper Endoscopy เป็นการส่องตรวจกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
การเอ็กซเรย์ตรวจกระเพาะอาหาร
การตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิสภาพ เพื่อนำชิ้นเนื้อไปตรวจหาเซลล์มะเร็ง
การรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร
การผ่าตัดเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุด อาจตัดกระเพาะออกบางส่วน หรือตัดทั้งหมด
การใช้ยา มักใช้ยาหลังการผ่า เพื่อป้องกันการกระจายของมะเร็งหรือกรณีที่ทำการผ่าตัดไม่ได้
การฉายรังสี

การรักษาตามอาการ
การป้องกัน

ลดปัจจัยที่น่าจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารดังกล่าว
มีอาการผิดปกติดังกล่าวควรรีบปรึกษาแพทย์แต่อย่างไรก็ตามมะเร็งในระยะแรก
เริ่มมักจะไม่มีอาการผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารจึงควรได้รับการตรวจกระเพาะ อย่างน้อย ปีละครั้ง ไม่ว่าจะโดยการกลืนแป้งแบเรี่ยมหรือการส่องกล้องตรวจ  

 ::014::  ขอให้ทุกท่านแข็งแรง    ::014::

อ่านแล้วได้ความรู้ด้านสุขภาพครับ  ขอบพระคุณครับ ;D :D ;D

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้พี่อารมณ์ดีค่ะ   ::014::

ต้องคอยสังเกตุตัวเองด้วยครับ


ขอบคุณครับพี่ จันทร์เจ้า

วันนี้ไปพบอาจารย์ตามนัดตรวจเดือนละ 1 ครั้ง ตรวจดูทวารเทียมที่หน้าท้องแล้วชี้ให้แพทย์ฝึกหัดดูพร้อมพูดถึงวิธีการผ่าตัดเป็นศัพท์ทางแพทย์ เสร็จแล้วก็หันมาบอกผมว่า สะอาดดี ผมก็เรียนท่านไปว่าทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือฆ่าเชื่อโรควันละสองครั้งซึ่งแกก็ยิ้ม
เดือนหน้าจะเริ่มการตรวจต่อเนื่องด้วยการเจาะเลือด ทำอัลตร้าซาวด์อวัยวะช่องท้องด้านบนทั้งหมดและเอ๊กซเรย์ปอดครับ

ในใบสั่งยาเดือนนี้ท่านเบิกอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้อีกครับ
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03222.jpg)


มารู้จักโรคที่รักษาให้หายได้ถ้าตรวจพบในระยะแรกๆ กันต่อครับ

มะเร็งลำไส้เล็ก
     
     มะเร็งลำไส้เล็ก พบได้น้อย และเป็นบ่อยในผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป

สาเหตุ
     ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่พบอุบัติการณ์ของโรคนี้สูงในกลุ่มคนที่ชอบบริโภคอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไขมันในปริมาณสูง ดื่มสุรา และมีการอักเสบระคายเคือง หรือมีแผลเรื้อรังในบริเวณลำไส้เล็ก รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้เล็ก

อาการแสดง
     ส่วนใหญ่มักมาด้วยอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายดำ น้ำหนักลด เป็นไข้ หรือมีภาวะลำไส้อุดตัน คือ จะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน อาจคลำได้ก้อนในบริเวณช่องท้อง

การวินิจฉัย
     ในระยะเริ่มแรกไม่จำเป็นต้องมีอาการ ซึ่งยากที่จะทราบได้ถ้าไม่ตรวจเช็คแต่เนิ่น ๆ โดยเฉพาะในบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งแตกต่างกันไปในมะเร็งแต่ละชนิด บางชนิดสามารถตรวจเช็คทางห้องปฏิบัติการหรือการตรวจเอ็กซเรย์ได้ เช่น มะเร็งลำไส้ ตรวจเลือดซ่อนเร้นในอุจจาระ (stool occult blood) ส่วนในผู้ป่วยที่มีอาการ อาจเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจาะจง เช่น เบื่ออาหาร ผอมลง อ่อนเพลีย ต้องเริ่มวิเคราะห์จากอาการที่เป็น ซึ่งในบางอาการ อาจพอที่จะระบุได้ว่าเป็นอวัยวะใด แต่มักไม่จำเพาะว่าต้องเป็นมะเร็ง จำเป็นต้องทำการตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม

     ด้วยความก้าวหน้าในระบบไฟเบอร์ออปติก (Fiberoptic) แพทย์สามารถใช้กล้องส่องดูระบบทางเดินอาหารบริเวณ ลำไส้เล็กส่วนบน ลำไส้เล็ก และมีการนำระบบอุลตราซาวด์มาใช้กับกล้องได้ด้วย ได้แก่

การส่องกล้องดูหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนบน (Esophagogastroduodenoscopy)
การส่องกล้องดูลำไส้เล็ก (Enteroscopy)
การใช้ระบบอุลตราซาวน์กับการส่องกล้อง (Endoscopic Ultrasonography)

การรักษา
     ในระยะแรกของโรค จะใช้การผ่าตัด แต่หากไม่สามารถเอารอยโรคออกได้หมด จะใช้การฉายรังสีและการให้เคมีบำบัด ร่วมด้วย เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการรักษา การทำการผ่าตัดรักษา อาจต้องตัดลำไส้ออกเป็นจำนวนมาก ขึ้นกับความรุนแรง และระยะของโรค ถ้าเป็นการผ่าตัด ส่วนของลำไส้เล็กส่วนปลาย จะเรียกว่า ileostomy ซึ่งถือว่าเป็นเทคนิคการผ่าตัดที่สำคัญของศัลยกรรมระบบทางเดินอาหาร ซึ่งได้แก่การตัดต่อลำไส้ และการผ่าตัดยกลำไส้มาเปิดที่ผนังหน้าท้อง ระหว่างการผ่าตัดลำไส้เล็ก ศัลยแพทย์อาจต้องทำการตัดต่อลำไส้และนำลำไส้ส่วนปลายมาเปิดไว้ที่ผนังหน้าท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่เกิดการอุดตันของลำไส้ส่วนปลายหรือเกิดการอักเสบเน่าตายของผนังลำไส้ที่รุนแรงและกินบริเวณ กว้างขวาง  

...เรื่องเป็นประโยชน์ทั้งนั้นเลยครับพี่ RroamD ยังไงขอให้พี่มีสุขภาพแข็งแรงนะครับ ผมเริ่มกลับมาเป็นปกติแล้วครับ แต่ยังต้องอยู่ในความควบคุมของหมออย่างใกล้ชิดเหมือนกันครับ...

 ;D ;D ;D

ขอบคุณและเช่นกันครับ
ขอให้พี่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจดีตลอดเวลาครับ



มะ้เร็งลำไส้ใหญ่***
     
     สาเหตุของการเกิดมะเร็งลำไส้ เกิดได้หลายสาเหตุดังนี้

การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารต่ำหรืออาหารที่มีปริมาณแคลเซียม (Calcium) น้อย ทำให้เกิดอาการท้องผูก/ท้องเสียบ่อยๆและเป็นเวลานาน
เกิดก้อนเนื้องอกขึ้นในระบบทางเดินอาหารโดยเฉพาะที่บริเวณลำไส้ ซึ่งอาจเกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้
อาการที่สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ซึ่งผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้มาก่อนก็จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งชนิดนี้ได้สูงขึ้น
รับประทานอาหารที่มีไขมันในปริมาณสูง
มีการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกายและไปตกค้างที่ลำไส้
เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณลำไส้เกิดการเสื่อมสภาพ สูญเสียความยืดหยุ่นไป ทำให้เลือดไม่สามารถเข้าไปเลี้ยงที่บริเวณลำไส้ได้อย่างเพียงพอ
อาการและอาการแสดงของโรค
     มะเร็งลำไส้ใหญ่ อาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ จนกว่าก้อนมะเร็งจะโตมาก โดยอาการแรกที่จะพบได้ คือ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสามารถเหตุ ถ้าเป็นมากขึ้นจะมีอาการถ่ายเป็นเลือด หรือมูกปนเลือด ส่วนน้อยที่จะมีอาการท้องอืด อาเจียน จากลำไส้อุดตัน มะเร็งของลำไส้ใหญ่ทุกส่วนมีโอกาสมีเลือดออกมาทั้งเลือดสด ๆ หรือเลือดเก่า จึงขอให้สังเกตดู หากมีลักษณะสีของอุจจาระเปลี่ยนไปขอให้ปรึกษาแพทย์ทันที !!

การตรวจวินิจฉัย
     จากการซักประวัติ และตรวจร่างกาย รวมถึงการตรวจโดยใช้นิ้วตรวจทางทวารหนักร่วมกับการส่องกล้องภายในลำไส้

เมื่อไรต้องเริ่มทำการตรวจหามะเร็ง
     เมื่อมีอาการเบื่ออาหาร และน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือด แต่การตรวจหามะเร็งก่อนที่จะมีอาการจะได้ผลดีที่สุดได้แก่ ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือผู้ที่มีพ่อแม่พี่น้องเป็นมะเร็ง โดยทำการตรวจหาเลือดในอุจจาระทุกปี

การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาสารมะเร็ง(CEA)
หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ชนิดยาว(Colonocope)
การตรวจหาเลือดในอุจจาระที่ได้ผลดี ต้องงดการรับประทานอาหารหรือยาที่มีสารเหล็ก เป็นส่วนประกอบอยู่อย่างน้อย 3 วันได้แก่ เลือด ตับ อวัยวะภายในของสัตว์ ยาที่มีธาตุเหล็กเช่นยาเพิ่มเลือด

การรักษา
การรักษาโดยการผ่าตัด
การรักษาโดยการให้เคมีบำบัดและรังสีรักษา ใช้ประกอบกับการผ่าตัดเพื่อลดโอกาสกำเริบของมะเร็งและโอกาสรอดชีวิตยืนยาวขึ้น
หลังการผ่าตัดแล้ว จะต้องพบแพทย์เป็นระยะ ๆ เพื่อติดตามดูว่าไม่มีเนื้องอกกำเริบหรือกลับเป็นใหม่

มะเร็งไต
     อุบัติการณ์พบว่า ในปี 1990 มีผู้ป่วยถูกวินิจฉัยเป็นมะเร็งของไตในประเทศไทย 462 ราย (ชาย 245 ราย, หญิง 217 ราย) และในปี 1995 ผู้ป่วยถูกวินิจฉัยเป็นมะเร็งของไตที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 10 ราย (ชาย 6 ราย, หญิง 4 ราย) ซึ่งอายุโดยเฉลี่ยของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 50-60 ปี, พบผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 40 ปีน้อย

ปัจจัยเสี่ยง
การสูบบุหรี่
กลุ่มโรคบางโรค เช่น von Hippel-Lindau, Tuberous sclerosis
โลหะหนัก เช่น แคดเมียม, ตะกั่ว
รังสีจากสาร Thoratrast
การรับประทานวิตามินเอน้อยเกินไป
อาจจะมีสาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงที่ Eshort arm of chromosome 3(3p)

อาการและอาการแสดง
     อาการที่พบบ่อยเรียงตามลำดับ คือ ปัสสาวะเป็นเลือด (56%), ปวด (38%), คลำได้ก้อน (36%), น้ำหนักลด และอ่อนเพลีย (27%), ไข้ (11%), พบโดยบังเอิญจากการตรวจเนื่องจากสาเหตุอื่น ๆ (6%) อาจจะพบอาการเนื่องจากการกระจายของมะเร็งไปที่ตำแหน่งอื่น เช่น การกระจายของมะเร็งไปที่ปอด, กระดูก, ตับ, สมอง และตำแหน่งอื่นซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก ได้แก่ผิวหนัง, ถุงน้ำดี, iris, epididymis, corpus cavernosum อาการเนื่องจาก Paraneoplastic syndrome, ประมาณ 30% ของผู้ป่วยจะมีอาการของ Paraneoplastic syndrome ได้แก่Eanemia, erythrocytosis, thrombocytosis, hypertension, hypercalcemia, gynecomastia, Cushing's syndrome, nephrotic syndrome, amyloidosis, polymyositis, dermatomyositis and hepatic dysfunction without metastases (Stauffer's syndrome)

การวินิจฉัย
     การตรวจเพื่อการวินิจฉัย อาจทำได้โดยการตรวจปัสสาวะซึ่งจะพบเม็ดเลือดแดง อาจพบเซลล์ผิดปกติอื่นๆ การตรวจเอ็กซเรย์ระบบทางเดินปัสสาวะโดยการฉีดสารทึบรังสี เข้าทางหลอดเลือดดำ ( Intravenous pyelography หรือ IVP ), การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ( CT scan ) , การตรวจด้วยอุลตราซาวนด์ จนถึงเอมอาร์ไอ ( Magnetic resonance imaging ) ซึ่งจะเห็นเป็นก้อนเนื้อ หรืออาจมีลักษณะเป็นซิสต์ที่บริเวณไต

การพยากรณ์โรค
     สำหรับการพยากรณ์โรคนั้น ผลการรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะโรค โดยหากอยู่ในระยะที่ 1 คือ ก้อนเนื้องอกอยู่เฉพาะในไต จะมีอัตราการอยู่รอดที่ 5 ปีถึงร้อยละ 95 แต่จะลดลงเหลือเพียงร้อยละ 18 ในระยะที่ 3 คือมีการลุกลามในหลอดเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง

การรักษา
     การรักษาโรคมะเร็งไต ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก เพราะมักตรวจพบช้า การรักษาที่ใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่าตัดเพื่อเอารอยโรคออก ซึ่งจะได้ผลดีเฉพาะในรอยโรคขนาดเล็กและยังไม่มีการลุกลาม การฉายรังสีและเคมีบำบัด เป็นเพียงการรักษาเสริมเพื่อให้การควบคุมโรคดีขึ้น หรือเป็นการบรรเทาอาการใน ระยะลุกลามหรือแพร่กระจาย

มะเร็งกระดูก
     เป็นมะเร็งที่พบได้น้อยมาก แต่ถ้าเกิดเป็นแล้วอาการมักจะรุนแรง และกระจายไปสู่อวัยวะอื่นได้รวดเร็วมาก ส่วนใหญ่จะพบในคนอายุต่ำกว่า 35 ปี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 10-20 ปี พบได้มากที่สุด

สาเหตุ
     ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่มีสาเหตุบางประการซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดมะเร็งของกระดูกได้ เช่น มะเร็งของกระดูกมักเป็นหลังจากกระดูกได้รับอันตราย เช่น หกล้มกระแทกถูกกระดูกบริเวณนั้นมาก่อน พอมาเอกซเรย์ก็จะพบว่าเป็นมะเร็งของกระดูก ซึ่งเชื่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงมาก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีอาการอะไรแสดง ออกมา หรือในรายผู้ที่ได้รับสารกัมมันตรังสีบางอย่าง เช่น เรเดียม สตรอนเซียม จะมีโอกาสเป็นมะเร็งของกระดูกได้มากกว่าคนธรรมดา เป็นต้น

อาการ
     จะพบว่ามีก้อนแข็ง หรือปุ่มยื่นออกมาจากกระดูก และจะไม่เจ็บในระยะแรก ก้อนจะโตเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดอาการปวดกระดูก ผิวหนังที่หุ้มกระดูกบริเวณที่เป็นมะเร็งจะบวมขึ้น ตึง เส้นเลือดรอบ ๆ จะโป่งพอง และมีความร้อนสูงกว่าบริเวณอื่น ๆ บางรายเมื่อเป็นมากขึ้น จะตามมาด้วยอาการกระดูกหักแตกได้ง่ายจากการกระทบกระเทือนเพียงเบา ๆ เล็กน้อย

การวินิจฉัย
     แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างละเอียด มักต้องอาศัยเอกซ์เรย์ร่วมด้วย บางรายแพทย์อาจตัดชิ้นเนื้อไปตรวจดูทาง พยาธิวิทยา เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ และวางแผนการรักษาต่อไป โดยสังเกตจากอาการดังกล่าว

ถ่ายภาพเอกซเรย์
ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อช่วยในการวินิจฉัยแยกโรค

การรักษา
     โดยทั่วไปอาศัยการผ่าตัดเป็นหลัก อาจใช้การฉายแสง หรือยาเคมีบำบัดร่วมด้วยในบางราย ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา การผ่าตัด โดยตัดเอากระดูกชิ้นที่เป็นมะเร็งออกทั้งอัน เช่น ผ่าตัดแขน หรือขาทิ้ง หรือตัดกระดูกขากรรไกรออกแล้วทำศัลยกรรมตกแต่งภายหลัง การรักษาด้วยรังสี หรือให้ยาเคมี เป็นวิธีรักษาในรายที่เป็นมะเร็งบริเวณกระดูก ซึ่งไม่สามารถตัดได้ เช่น มะเร็งของกระโหลกศีรษะหรือในราย ที่มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่นเป็นการรักษาเพื่อประคับประคอง ทุเลา ความเจ็บปวด ลดขนาดของมะเร็งลง การรักษาโดยการผสมผสานกันหลาย ๆ วิธี เช่นการผ่าตัดร่วมกับฉายรังสี หรือการฉายรังสีร่วมกับการให้ยาเคมี ทั้งนี้ตามความเหมาะสม ซึ่งแพทย์จะ พิจารณาเป็นราย ๆ ไป

การป้องกัน
      เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งกระดูก การป้องกันที่สามารถทำได้คือ การป้องกันสาเหตุเสริม ซึ่งอาจเป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคมะเร็งกระดูก คือ ระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดกับกระดูก เช่น หกล้ม การเล่นกีฬา ฯลฯ พยายามหลีกเลี่ยงหรือหาทางป้องกันไม่ให้สัมผัสกับสารกัมมันตรังสีต่าง ๆ  

...พี่ RroamD มีเรื่องดีๆ มาฝากพวกเราเสมอ ขอบคุณครับ...  ::014:: ::014:: ::014::

ขอให้หายไวๆนะครับ เอาใจช่วยครับ

อ้าวพอผมมาหลุดเลย :OO :OO

ตอนนี้ใกล้จะเป็นปกติแล้วครับ มีแต่ความรู้สึกตึงๆ ที่ท้องน้อยด้านขวาเพราะมีแป้นกาวสำหรับติดถุงปัสสาวะอยู่ครับ
เดือนหน้าก็จะได้รับการตรวจละเอียดตามที่ได้เรียนให้ทราบเป็นครั้งแรกหลังจากผ่าตัดครับ
ขอบคุณครับพี่

มะเร็งกล่องเสียง
     พบมากในเพศชายมากกว่าเพศหญิงด้วยอัตราส่วนเพศชายต่อเพศหญิง เป็น 10 ต่อ 1 ซึ่งพบประมาณ 2.8% ของมะเร็งทั้งหมดโดยจะพบบ่อยในผู้สูงอายุ อายุเฉลี่ยประมาณ 50-65 ปี

สาเหตุ
     พบว่าสาเหตุสำคัญที่บ่งชี้ได้ชัดเจน คือ การสูบบุหรี่ และจะพบมากขึ้นในคนที่ดื่มสุราร่วมด้วย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค
การสูบบุหรี่จัด
การดื่มสุราเป็นประจำ
เคยได้รับรังสี หรือเคยได้รับการฉายแสงบริเวณคอ เป็นต้น
อาการแสดง
เสียงแหบเรื้อรัง
กลืนอาหารลำบาก สำลัก
มีเสมหะปนเลือด
หายใจขัด ลำบาก
มีก้อนโตที่คอ
เจ็บคอเรื้อรัง มีความรู้สึกเหมือนก้างติดคอ

การวินิจฉัย
     สำหรับการวินิจฉัย อาจทำได้โดยวิธีการดังนี้ คือ

การใช้กระจกส่องลงไปตรวจที่กล่องเสียง เพื่อตรวจดูว่ามีเนื้องอกบริเวณกล่องเสียงหรือไม่
การส่องกล้อง และการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิสภาพ
การตรวจเลือด
การเอกซ์เรย์ 5.
การตรวจพิเศษอื่น ๆ
การรักษา
การผ่าตัด
รังสีรักษา
เคมีบำบัด
การรักษาแบบผสมผสาน

ข้อควรปฏิบัติและป้องกัน
     ข้อควรปฏิบัติและป้องกันไม่ให้เกิดมะเร็งกล่องเสียง มีข้อควรปฏิบัติดังนี้คือ

งดเว้นการดื่มสุราและสูบบุหรี่
รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อย่าปล่อยให้เป็นหวัดหรือเจ็บคอเรื้อรังอยู่บ่อย ๆ
ถ้ามีอาการเจ็บคอเรื้อรัง รู้สึกเหมือนมีก้างปลาติดคออยู่เกือบตลอดเวลา หรือมีเสียงแหบ ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด
เมื่อมีอาการเสียงแหบเกินกว่า 2 สัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ได้แก่ อาการไอ และเจ็บคอ ควรพบแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับหู คอ จมูก หรือแพทย์ผู้ชำนาญทางโรคมะเร็ง เพื่อส่องตรวจดูในคอบริเวณกล่องเสียง ไม่ใช่เพียงการตรวจคอตามปกติ

มะเร็งต่อมธัยรอยด์
     มีลักษณะเหมือนผีเสื้ออยู่ที่คอใต้ลูกกระเดือก ขนาด 1-2 เซนติเมตร ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมน เพื่อควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย อุณหภูมิของร่างกาย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ระดับไขมันในเลือด รวมทั้งอารมณ์และความรู้สึก

อาการและอาการแสดง
     ผู้ป่วยมะเร็งต่อมธัยรอยด์ มักจะมาพบแพทย์ด้วยเรื่อง ก้อนที่คอโดยที่ไม่มีอาการปวด แต่ก็มีบางรายที่มาด้วยเรื่อง ต่อมน้ำเหลืองโต หรืออาการเสียงแหบเนื้อจากก้อนไปกดเส้นประสาท ดังนั้นมะเร็งต่อมธัยรอยด์ในระยะแรก มักไม่มีอาการ จะพบเพียงก้อนที่ต่อมธัยรอยด์ ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของลำคอเคลื่อนขึ้นลงตามการกลืนเท่านั้น บางรายจะมีก้อนอยู่นานหลายปีก่อนที่จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในระยะลุกลามอาจพบก้อนบริเวณด้านข้างลำคอ ด้วย ซึ่งเกิดจากมะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง นอกจากนี้อาจพบมะเร็งแพร่กระจายไปที่กระดูก ทำให้ กระดูกหัก หรือมีก้อนขึ้นตามกระดูกในที่ต่างๆ เช่น กะโหลกศีรษะ ไหปลาร้า กระดูกซี่โครง กระดูกเชิงกราน เป็นต้น อาจพบมีอาการเสียงแหบ หรือกลืนลำบาก

การวินิจฉัยแยกโรค
     การตรวจร่างกาย ไม่สามารถแยกระหว่างมะเร็งและเนื้องอกธรรมดาต้องใช้การตรวจพิเศษ ดังนี้คือ

การตรวจธัยรอยด์สแกน (thyroid scan) เพื่อตรวจต่อมธัยรอยด์
การเจาะชิ้นเนื้อต่อมธัยรอยด์ เพื่อส่องกล้องจุลทรรศน์ โดยการใช้เข็มเจาะดูดทั้งเนื้อและน้ำส่งตรวจหาเซลล์มะเร็ง
การได้ชิ้นเนื้อจากการผ่าตัดมาพิสูจน์
ปัจจัยเสี่ยง
ได้รับการฉายรังสีในบริเวณคอมาก่อน
มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งชนิดนี้

การรักษา
     การรักษาขึ้นกับชนิดของเนื้องอก โดยหากผลการทำสแกน (scan) พบว่าเป็นชนิด cold nodules และผลชิ้นเนื้อ สงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง การรักษาต้องตัดผ่าตัดเอาก้อนนั้นออก หากการตรวจพบว่าเป็นชนิด warm หรือ hot nodule การรักษาอาจจะให้แค่ยารับประทาน พวกเนื้องอกธรรมดา และได้ยาฮอร์โมนธัยรอยด์รักษา ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจซ้ำทุก 6 เดือน หากก้อนไม่โตขึ้น ก็ไม่ต้องทำการรักษาเพิ่มเติม แต่หากก้อนใหญ่ขึ้น ก็พิจารณาผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่มีก้อนหลายก้อน และมีขนาดของ ต่อมธัยรอยด์โตมาก ต้องรักษาโดยการผ่าตัด

      จึงสรุปได้ว่า การผ่าตัดเป็นการรักษาหลัก หากเป็นมะเร็งชนิดที่แพร่กระจาย ก็อาจจะต้องต่อมตัดธัยรอยด์ทิ้งทั้งหมด แต่หากเป็นชนิดที่ไม่แพร่กระจาย อาจจะตัดเนื้อต่อมธัยรอยด์บางส่วนออก รวมถึงการให้ไอโอดีน 131

     มะเร็งต่อมธัยรอยด์ จัดเป็นมะเร็งที่ได้ผลดีในการรักษา หากเป็นมะเร็งในระยะแรก สามารถใช้การผ่าตัดรักษา และตามด้วยการกินยาเพื่อควบคุมการเติบโตของมะเร็งตลอดชีวิต ...หากมะเร็งเป็นในระยะลุกลามมักจะต้องใช้การผ่าตัดร่วมกับการกินสารกัมมันตรังสี ไอโอดีน 131 และตามด้วยการกินยาเพื่อควบคุมการเติบโตของมะเร็งตลอดชีวิตนั่นเอง

การพยากรณ์โรค
   
มะเร็งต่อมธัยรอยด์ จัดเป็นมะเร็งที่มีการพยากรณ์โรคดีมากที่สุดอันดับ 1 ในมะเร็งทั้งหลาย ในผู้ป่วยที่เป็นไม่มาก และได้รับการรักษาที่ถูกต้องสามารถมีชีวิตอยู่โดยปราศจากโรคอีก10-20 ปี สูงถึง 80-90%

มะเร็งปอด
     
     เป็นมะเร็งที่พบมากในประเทศไทย โดยพบมากเป็นอันดับ 2 ในชาย อันดับ 4 ในหญิง

สาเหตุของมะเร็งปอด
     สารก่อมะเร็งที่สำคัญที่สุด คือ โพลีนิวเคลียร์ อโรมาติค ไฮโดรคาร์บอน (polynuclear aromatic hydrocarbon) ในบุหรี่ ผู้ที่มีความเสี่ยงอีกกลุ่มก็คือ ผู้ที่ประกอบอาชีพที่ต้องสูดดมฝุ่น ควัน สารระเหย หรืออากาศที่ไม่สะอาดอยู่เป็นประจำ รวมถึงผู้ที่เคยเป็นมะเร็งบริเวณ หู คอ จมูก มีโอกาสเกิดมะเร็งปอดได้มากเช่นกัน

อาการและอาการแสดง
     ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของรอยโรค ทั้งรอยโรคปฐมภูมิและตำแหน่งที่มีการแพร่กระจาย ได้แก่ ต่อมน้ำเหลือง รวมถึงการกระจายไปในตำแหน่งที่ห่างไกล...ผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการ แต่อาการที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ ไอเป็นเลือด เสียงผิดปกติขึ้นภายในปอด เช่น เสียงวี้ดซิ่ง (wheezing) เสียงสไตรดอร์ (stridor) รวมถึงเกิดภาวะปอดแฟบ (atelectasis)

วิธีการตรวจวินิจฉัย
การวิเคราะห์ขั้นต้นที่สำคัญที่สุด คือ เอกซเรย์ปอด ..
การซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด
การตรวจเสมหะ
ภาพเอกซเรย์เพิ่มเติม
การตัดชิ้นเนื้อบริเวณต่อมน้ำเหลือง (Lymph node biopsy) ไปส่งตรวจทางพยาธิ
การทำสแกน (scan)

การรักษา
     การรักษามะเร็งปอดมีอยู่ 3 วิธีหลัก ๆ คือ การผ่าตัด การฉายรังสี และเคมีบำบัด ซึ่งอาจใช้ร่วมกัน

การผ่าตัด (Surgery) ควรทำเฉพาะในรายที่คาดว่ายังมีหวังตัดมะเร็งออกได้หมด และปอดที่เหลืออยู่ยังเพียงพอ
รังสีรักษา หรือการฉายแสง (Radiation therapy) ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ผ่าตัดไม่ได้ และในรายที่ผ่าตัดแล้วแต่ตัดมะเร็งออกไม่หมดหรือคาดว่ามะเร็งจะงอกขึ้นมาอีก
เคมีบำบัด (Chemotherapy) มีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็งปอด ในปัจจุบันนิยมใช้ยาหลายตัวสลับกันเป็นระยะ (cyclical treatment) เพราะได้ผลดีกว่าการใช้ยาตัวเดียว ผลการรักษามักจะดีในผู้ป่วยที่สภาพร่างกายสมบูรณ์และมีมะเร็งในร่างกายน้อย ยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง
การพยากรณ์โรค (Prognosis)
     มะเร็งปอดมีการพยากรณ์โรคไม่ดี เพียงประมาณร้อยละ 10 ของผู้ป่วยทั้งหมดมีโอกาสรอดชีวิตถึง 5 ปี ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งปอดสามารถทำผ่าตัดได้ และประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่ได้รับการผ่าตัด สามารถทำ ให้การรักษาแบบประคับประคองต่อได้ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ (ประมาณร้อยละ 25 ของผู้ป่วยทั้งหมด) มีโอกาสอยู่รอด 5 ปี ประมาณร้อยละ 30

ดีใจด้วยครับที่ดีขึ้น    หาหมอตามนัดด้วยนะครับ

ปลายเดือนนี้ตรวจอวัยวะส่วนบนของท้องทั้งหมดด้วยอัลตร้าซาวด์
ต้นเดือนหน้าเจ็บข้อพับแขนขวาเพราะเจาะเลือด
ฉายรังสี X ผ่านปอดลงฟิล์มด้วยครับ
ขอบคุณครับพี่


มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
     โดยทั่วไป แบ่งเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ

มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนันฮ๊อดกิ๊น (Non-Hodgkin'S Lymphoma : NHL) พบได้ในผู้ใหญ่ และพวกติดเชื้อโรคเอดส์ ซึ่งในประเทศไทยจะพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนี้มากที่สุด
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองฮ๊อดกิ๊น ( Hodgkin's disease : HD) ซึ่งมักมีอาการร่วมคล้าย ๆ กัน คือ มีต่อมน้ำเหลืองโตเป็นหลัก แต่ชนิด Non-Hodgkin'S Lymphoma (NHL) อาจมีก้อนโตที่อวัยวะอื่น ๆ ได้บ่อยกว่า เช่น ลำไส้ , ปอด , สมอง เป็นต้น ทั้งสองชนิดอาจมีตับม้ามโตได้จากมะเร็งไปแทรกในอวัยวะ
     
สำหรับอาการที่สำคัญของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ได้แก่

ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีก้อนโตเร็ว ไม่เจ็บบริเวณคอ ขาหนีบ รักแร้ นานกว่า 3 สัปดาห์
ปวดท้อง ท้องเสียเรื้อรัง
แผลเรื้อรังที่กระพุ้งแก้ม โพรงจมูก รักแร้
มีก้อนที่เต้านม
เลือดออกทางช่องคลอด

การรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง
     ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง สำหรับหลักการรักษา คือ การรักษาด้วยเคมีบำบัด รังสีรักษา และการผ่าตัด กล่าวโดยสรุป มะเร็งต่อมน้ำเหลืองสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าตรวจพบตั้งแต่แรก โดยจะพบว่า มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮ๊อดกิ๊น สามารถรักษาให้หายได้โดยง่ายด้วยเคมีบำบัด หรือร่วมกับการฉายแสง สำหรับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนันฮ๊อดกิ๊น มีหลายแบบทั้งแบบโตช้า หรือแบบโตเร็ว โดยที่แบบโตช้า อาจไม่ต้องรักษา ถ้าไม่มีอาการ หรืออาจให้ยาเคมีบำบัดขนาดอ่อน ๆ หรือฉายแสง เพื่อควบคุมการเติบโตของเนื้องอก ถ้าก้อนโต กดอวัยวะอื่น สำหรับแบบโตเร็ว ถ้าไม่รักษาจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิตอย่างรวดเร็ว จำเป็นต้องได้ยาเคมีบำบัดขนาดสูง มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้ง 2 ชนิด ถ้ารักษาแล้วตอบสนองไม่ดี อาจพิจารณาทำการปลูกถ่ายไขกระดูก

การพยากรณ์โรค
     มีปัจจัยบางประการ สัมพันธ์กับการพยากรณ์โรคของผู้ป่วย ได้แก่

ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ขอบเขตการแพร่กระจายของโรค (tumor burden) ผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นการดำเนินโรคที่สูง มักจะมีการแพร่กระจายไปที่ไขกระดูกหรือระบบประสาทส่วนกลางตั้งแต่ต้น ทำให้การพยากรณ์โรคไม่ดี
ระดับสารบางอย่างที่เซลล์มะเร็งปล่อยออกมา หรือสะสมในเลือดเมื่อเซลล์มะเร็งตาย มีความสัมพันธ์กับขอบเขตการแพร่กระจายของโรคด้วย ดังนั้นผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนันฮ๊อดกิ๊น จะพยากรณ์โรคไม่ดี ถ้าตรวจเลือดพบระดับ serum LDH เกิน 1,000 U/L, soluble interleukin-2 receptor (SIL-2R) เกิน 1,000 U/ml, และ uric acid เกิน 7.1 mg/dl เป็นต้น

ลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์ของเนื้อเยื่อ (histology) ของก้อนมะเร็งมีความสัมพันธ์กับพยากรณ์โรค อยู่บ้าง แต่ยังไม่สำคัญเท่ากับยาเคมีบำบัดที่ใช้
ปัจจัยที่สำคัญมาก คือ ชนิดของเคมีบำบัดและความเข้มข้น (dose intensity) การใช้ยาขนาดสูงในระยะเวลาสั้นจะได้ผลดีกว่า
อายุ เช่น เด็กเล็กมีพยากรณ์โรคดีกว่าเด็กโต หรือผู้ใหญ่

มะเร็งเม็ดเลือดขาว
     
     เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการสร้างเซลล์เม็ดเลือดผิดปกติในไขกระดูก พบว่าเซลล์เม็ดเลือดจะเจริญเติบโตนอกเหนือการควบคุมของร่างกาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการตับและม้ามโตร่วมด้วย

ชนิดของมะเร็งเม็ดเลือด
     มะเร็งสามารถเกิดจากเม็ดเลือดขาวได้ 2 ชนิด คือ ลิมโฟไซม์ (lymphocyte) และไมอีลอยด์ (myeloid) และแบ่งการดำเนินของโรคเป็น 2 ชนิดเช่นกัน คือ ชนิดเฉียบพลัน (acute) โรคเกิดเร็ว หรือดำเนินเร็ว โดยที่มีเซลล์ตัวอ่อน (blast cell) จำนวนมาก ส่วนชนิดเรื้อรัง (chronic) โรคจะดำเนินช้า เซลล์ตัวอ่อนไม่มาก ซึ่งสามารถแบ่งย่อยอย่างละเอียดออกได้เป็นดังนี้คือ

Acute lymphocytic leukemia [ALL] เซลล์ส่วนใหญ่เป็น lymphocyte มักพบในเด็ก
Acute myeloid leukemia [AML] พบมากในเด็กและผู้ใหญ่
Chronic lymphocytic leukemia [CLL] พบมากในอายุมากกว่า 55 ปี
Chronic myeloid leukemia [CML] พบในผู้ใหญ่

สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
     สรุปสาเหตุที่อาจทำให้เกิดมะเร็ง คือ

สารเคมีที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของยีน และข้อมูลพันธุกรรมภายในเซลล์ (Chemical carcinogens)
รังสี (Ionizing radiation) ทำให้สารพันธุกรรม คือ ดีเอ็นเอ (DNA) เกิดการแตกหัก จึงอาจทำให้เกิดข้อมูลผิดพลาดในระหว่างการซ่อมแซมเส้นดีเอ็นเอ
ความผิดพลาดในการสร้างโครโมโซม (Chromosomal aberration) ซึ่งอาจเกิดขึ้นในระหว่างการแบ่งตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาวตามปกติ
ไวรัสบางชนิด (Viruses ) ทำให้เกิดการสอดแทรกของยีนของไวรัสไปในระหว่างยีนต่างๆ ของเซลล์เม็ดเลือดขาวจึงทำให้ข้อมูลทางพันธุกรรมผิดปกติไป

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือด
การได้รับรังสีเป็นจำนวนมาก เช่นระเบิดปรมาณู
การได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ยังต้องรอการศึกษายืนยัน
ทางพันธุกรรม เช่น เด็ก Down' syndrome
ผู้ที่ทำงานสัมผัสสารเคมีเช่น benzene

อาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือด
     อาการต่าง ๆ เกิดจากเม็ดเลือดเสียหน้าที่เช่น เม็ดเลือดขาวเสียหน้าที่ผู้ป่วยจะมีการติดเชื้อง่าย มีไข้ เซลล์มะเร็งมีมากจะทำให้เม็ดเลือดแดง และเกร็ดเลือดมีน้อย ทำให้เกิดอาการซีดและเลือดออกง่าย นอกจากนี้ยังเกิดอาการต่าง ๆ ตามที่เซลล์มะเร็งไปอยู่ เช่น ปวดศีรษะ

สรุปอาการที่พบบ่อยๆ มีดังนี้
ไข้หนาวสั่น บางครั้งเหมือนหวัด
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร และน้ำหนักลด
มีการติดเชื้อบ่อย
บวมและเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง ตับ ม้าม
เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง ไรฟัน ตา
ปวดกระดูก

วิธีการรักษา
เคมีบำบัด (Chemotherapy) สามารถให้ได้ทั้งการฉีดและการกิน มะเร็งบางชนิดอาจต้องให้เข้าทางไขสันหลัง
รังสีรักษา (Radiotherapy) สามารถให้ได้ 2 กรณี คือ ให้รังสีบริเวณที่มะเร็งอยู่ เช่น ม้าม อัณฑะ หรืออาจให้ฉายรังสีทั้งตัว เพื่อเตรียมการปลูกถ่ายไขกระดูก

การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone marrow transplantation) โดยการให้เคมีบำบัดขนาดสูงร่วมกับรังสี เพื่อทำลายเซลล์ หลังจากนั้นจึงนำไขกระดูกของคนปกติฉีดเข้าไป ผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่โรงพยาบาล จนกระทั่งร่างกายสามารถสร้างเม็ดเลือดได้
การสร้างภูมิคุ้มกัน (Biological therapy) โดยการใช้ interferon กับเซลล์มะเร็งได้บางชนิด
การรักษาอื่นๆ ที่จำเป็น.. เนื่องจากการรักษามะเร็งเม็ดเลือดมีโรคแทรกซ้อนมาก ดังนั้นการรักษาอื่น ๆก็มีความจำเป็นไม่แพ้กัน เนื่องจากผู้ป่วยอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อง่าย ดังนั้นผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนมากโดยเฉพาะช่วงที่เกิดการระบาดของโรค ถ้าได้รับการติดเชื้อที่รุนแรง จำเป็นต้องได้รับยาปฏิชีวนะ (antibiotic)

มะเร็งต่อมน้ำลาย
     บริเวณเพดานปาก เป็นเนื้องอกของต่อมน้ำลายบ่อยที่สุด และมีโอกาสเป็นมะเร็งได้สูง

อาการและธรรมชาติของโรค
     ต่อมน้ำลายใต้หู (parotid glands) ต่อมพาโรติก หรือต่อมน้ำลายใต้หู เป็น 1 ในจำนวน 3 ต่อมน้ำลายที่มีอยู่ในร่างกายคน ต่อมพาโรติกเป็นน้ำลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ตรงกกหูด้านล่าง ไม่ติดกับกระดูกขากรรไกรมีท่อน้ำลายเรียกว่า Stensen's ducts มาเปิดเข้าด้านในของแก้ม บริเวณฟันกรามบนซี่ที่ 2 ต่อมน้ำลายชนิดนี้ประกอบด้วย เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างน้ำลาย ถ้าต่อม นี้อักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส เรียกว่า คางทูม (Mump)

การวินิจฉัยโรค
     ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ก็คือ การทำ Biopsy หรือการตัดชิ้นเนื้อนั้นมาตรวจ

การรักษา
     วิธีการรักษามักจะใช้การผ่าตัดเป็นหลัก ยกเว้นในกรณีที่ก้อนเนื้อนั้น มีขนาดใหญ่มากหรือตำแหน่งของก้อนเนื้อนั้นอยู่ชิดกับกระดูกขากรรไกร แพทย์ผู้รักษาจึงจะใช้วิธีการฉายรังสี

การฉายรังสีสำหรับมะเร็งต่อมน้ำลาย มีข้อบ่งชี้ ดังนี้คือ
มะเร็งชนิด High grade
มะเร็งที่ลุกลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง
มะเร็งลามไปต่อมน้ำเหลือง
Recurrence หลังผ่าตัด
มะเร็งลุกลามไปที่ deep lobe ของต่อม parotid
ผ่าตัดออกไม่หมด
     
สำหรับวิธีการให้เคมีบำบัดนั้น จะใช้สำหรับรายที่มีการแพร่กระจายของโรค ในมะเร็งชนิด Adenocarcinoma

ขอบคุณครับ  ไม่ทราบว่าพี่ RroamD เช้านี้เป็นอย่างไรบ้าง
กิจวัตรประจำวันตอนนี้เป็นอย่างไรครับ  เสาร์-อาทิตย์ลูกสาวอยู่ด้วย ผมว่าช่วยได้มากเลย

ช่วงเช้าบรรยากาศตอนนอนอยู่ที่ห้องพิเศษของ รพ. ต่างกับการพักฟื้นที่บ้านมากครับ
ช่วงสองเดือนหลังผ่าตัดจนถึงวันนี้แทบจะไม่ได้ตื่นเช้าอีกเลยเพราะร่างกายเริ่มเข้าที่ น้ำหนักเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ คืนไหนนอนดึกก็จะตื่นสายเป็นประจำเหมือนเดิม
กิจวัตรประจำวันก็เหมือนเดิม ไปทำงานแล้วเมื่อก่อน จันทร์-เสาร์   เจริญอาหารแต่ต้องงดของมันและรสจัด ตอนนี้เพิ่มวันหยุดเป็น เสาร์-อ่าทิตย์
ผมดีใจที่ได้ลูกสาวคนนี้เพราะคอยดูแลผมได้ตั้งแต่ไปเยี่ยมผมตอนโรงเรียนเลิกทุกวัน วันศุกร์-เสาร์ก็นอนค้างเป็นเพื่อนผมกับแฟนที่ รพ. กลับมาบ้านแล้วก็คอยเตือนเรื่องกินยามื้อเย็น
ยิ่งเวลาผมทำความสะอาดส่วนนี้ของท้องด้านขวาด้วยแล้ว
(http://www.khonkaenlink.com/upload/pics/90cb0446689b170306138f44de0eb162.jpg) (http://www.khonkaenlink.com/upload/#90cb0446689b170306138f44de0eb162.jpg)
จะมาช่วยนำสำลีฆ่าเชื้อโรคแล้วชุบน้ำเกลือส่งให้ผม บางทีก็ลงมือเช็ดทำความสะอาดให้เพราะเคยเห็นแฟนผมทำให้ดู
อีกสองเดือน 9 ขวบเต็มครับ
(http://i15.tinypic.com/5y9yd5l.jpg)

ขอบคุณพี่ Choltit (พี่อ๋อง) ครับ
ด้วยความเคารพ

มะเร็งต่อมน้ำลาย
     บริเวณเพดานปาก เป็นเนื้องอกของต่อมน้ำลายบ่อยที่สุด และมีโอกาสเป็นมะเร็งได้สูง

อาการและธรรมชาติของโรค
     ต่อมน้ำลายใต้หู (parotid glands) ต่อมพาโรติก หรือต่อมน้ำลายใต้หู เป็น 1 ในจำนวน 3 ต่อมน้ำลายที่มีอยู่ในร่างกายคน ต่อมพาโรติกเป็นน้ำลายที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งอยู่ตรงกกหูด้านล่าง ไม่ติดกับกระดูกขากรรไกรมีท่อน้ำลายเรียกว่า Stensen's ducts มาเปิดเข้าด้านในของแก้ม บริเวณฟันกรามบนซี่ที่ 2 ต่อมน้ำลายชนิดนี้ประกอบด้วย เซลล์ที่มีหน้าที่สร้างน้ำลาย ถ้าต่อม นี้อักเสบ ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส เรียกว่า คางทูม (Mump)

การวินิจฉัยโรค
     ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ ก็คือ การทำ Biopsy หรือการตัดชิ้นเนื้อนั้นมาตรวจ

การรักษา
     วิธีการรักษามักจะใช้การผ่าตัดเป็นหลัก ยกเว้นในกรณีที่ก้อนเนื้อนั้น มีขนาดใหญ่มากหรือตำแหน่งของก้อนเนื้อนั้นอยู่ชิดกับกระดูกขากรรไกร แพทย์ผู้รักษาจึงจะใช้วิธีการฉายรังสี

การฉายรังสีสำหรับมะเร็งต่อมน้ำลาย มีข้อบ่งชี้ ดังนี้คือ
มะเร็งชนิด High grade
มะเร็งที่ลุกลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง
มะเร็งลามไปต่อมน้ำเหลือง
Recurrence หลังผ่าตัด
มะเร็งลุกลามไปที่ deep lobe ของต่อม parotid
ผ่าตัดออกไม่หมด
     สำหรับวิธีการให้เคมีบำบัดนั้น จะใช้สำหรับรายที่มีการแพร่กระจายของโรค ในมะเร็งชนิด Adenocarcinoma

มะเร็งในคอ

      การมีก้อนที่ลำคอ มักเป็นอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ก่อนได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งเสมอ ๆ ก้อนที่คอนี้อาจเป็นต่อมน้ำเหลืองที่อาจเป็นมะเร็งหรือไม่เป็นก็ได้ หรืออาจเป็นต่อมธัยรอยด์ หรือความผิดปกติของอวัยวะอื่น ๆ

อุบัติการณ์ของโรค

      เนื้องอกของต่อมน้ำเหลือง (Lymph node tumor) พบได้ค่อนข้างบ่อยตาม internal jugalar vein และต้องให้การวินิจฉัยแยกจากกรณีดังต่อไปนี้คือ

ก้อนอื่น ๆ ของลำคอ เช่น ต่อมธัยรอยด์ thyroglossal duct cyst ต่อมน้ำลาย carotid body tumor และ branchial cyst
ต่อมน้ำเหลืองโตจากการอักเสบเฉียบพลันของจมูก ไซนัส เหงือก และฟัน
ต่อมน้ำเหลืองอักเสบเรื้อรัง เช่น วัณโรค

อาการแสดง

     ผู้ป่วยส่วนมากมักมาด้วยก้อนที่ด้านข้างของคอใต้มุมกระดูกขากรรไกร อาการมักจะมีน้อย ยกเว้นถ้าก้อนมีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจไปกดเส้นประสาทหรือเส้นเลือดใกล้เคียง ก้อนมีลักษณะแข็ง จับโยกไปหน้าหลังได้ แต่โยกขึ้นลงไม่ได้ ก้อนมักจะเต้นตามจังหวะชีพจร และอาจฟังได้ bruit ถ้าเส้นเลือดแดงถูกรัดจนตีบ

การวินิจฉัย

... การวินิจฉัยก้อนในคอ ต้องอาศัยการซักประวัติและการตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมทั้งส่องดูจมูก ปาก และกล่องเสียง ทั้งนี้เพื่อวินิจฉัยแยกจากก้อนต่าง ๆ ใต้มุมกระดูกขากรรไกร
การตรวจด้วยอุลตราซาว์ด หรือเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) มักจะเห็นก้อนชัดเจน แต่ควรยืนยันด้วยการสวนดูหลอดเลือดที่คอ (Carotid angiogram)
การวินิจฉัยยืนยันอาศัยการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา (biopsy) หรือ การเจาะดูดเซลล์ไปตรวจทางเซลล์วิทยา (aspiration cytology) ของต่อมน้ำเหลืองที่ผิดปกติ
การรักษา... การรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง พบว่า การรักษาโดยการผ่าตัด ในรายที่ทำได้ ... ในรายที่ผ่าตัดไม่ได้ หรือผ่าตัดลำบาก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อชีวิตสูง อาจต้องทำ shunt ก่อนที่จะตัดก้อน เพื่อป้องกันสมองขาดเลือด

ข้อควรสังเกต

1) เนื่องจากอวัยวะส่วนใหญ่ ไม่สามารถตรวจดูได้ด้วยตา หรือการคลำ จากภายนอก ต้องอาศัยการแสดงเป็นตัวช่วย ดังนี้


เสียงแหบเกินกว่า 2 สัปดาห์ อาจมีหรือไม่มีอาการเจ็บคอร่วมด้วย จะต้องระวังโรคมะเร็งของกล่องเสียง ซึ่งพบมากในเพศชายในช่วงอายุ 50-65 ปี
กลืนอาหารลำบาก อาจมีอาการเจ็บคล้ายก้างปลาติดคอ หรือสำลักเวลากลืน การกลืนลำบากที่เพิ่มความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ จากอาหารแข็งเป็นอาหารเหลว และในที่สุดแม้แต่น้ำก็กลืนไม่ได้ ซึ่งแสดงว่า อาจเป็นมะเร็งของคอหอย หรือหลอดอาหารส่วนต้น
อาจมีอาการอาเจียน หรือไอเป็นเลือดในรายที่เป็นมา

2) การมีก้อนที่ลำคอ มักเป็นอาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์ ก้อนที่คอนี้อาจเป็นต่อมน้ำเหลือง
ที่อาจเป็นมะเร็งหรือไม่เป็นก็ได้ หรืออาจเป็นต่อมธัยรอยด์ หรือความผิดปกติของอวัยวะอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและการตรวจพบอื่น ๆ ร่วมด้วย

3) ต่อไปเป็นการตรวจโดยการคลำ ซึ่งการคลำด้วยตนเองนั้นอาจจะดูเหมือนยาก แต่หากคลำไปตามตำแหน่งของต่อมน้ำเหลืองก็อาจทำได้โดยไม่ยากนัก ... โดยเริ่มไปตามลำดับ ตั้งแต่หลังหูเรื่อยมาตามคอและไหปลาร้า รวมทั้งหน้าหู ต่อมน้ำเหลืองที่โตนี้ อาจไม่ใช่จากโรคมะเร็งเสมอไป ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยคือ มีการอักเสบในช่องปากหรือลำคอ ซึ่งมักทำให้เกิดการโตของ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณใต้ต่อขากรรไกร และที่คอตอนบน แต่จะมีลักษณะนุ่มและกดเจ็บ ในขณะที่ต่อมน้ำเหลืองในโรคมะเร็งจะค่อนข้างแข็งไม่เจ็บ และอาจยึดติดกับเนื้อเยื่อรอบข้าง หากมีความรู้สึกว่าไม่เหมือนกันทั้งสองข้าง หรือพบความผิดปกติอย่างไร ควรรีบมาปรึกษาแพทย์

เมื่อวานนี้ไม่ได้เข้ามาเพราะไปทำอัลตร้าซาวด์อวัยวะส่วนบนของท้องทั้งหมดตามนัดที่อาจารย์สั่ง ครบ 3 เดือนหลังผ่าตัดแล้ว วันที่ 5 เดือนนี้เจาะเลือดและเอ๊กซเรย์ปอดแล้วดูผลอีกครั้งครับ

มะเร็งหลังโพรงจมูก

     มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยเป็นอันดับ 6 ของมะเร็งทั้งหมด เป็นมะเร็งที่พบในกลุ่มอายุที่ค่อนข้างน้อย และมักจะอยู่ในวัยอายุประมาณ 30-50 ปี โอกาสหายของโรคมีความสัมพันธ์ชัดเจนกับระยะของโรค

สาเหตุ ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งหลังโพรงจมูก แต่มีปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจเพิ่มอุบัติการณ์ของมะเร็งหลังโพรงจมูก ได้แก่


คนที่ดื่มเหล้ามาก ๆ เป็นเวลานาน
มะเร็งหลังโพรงจมูกมีความสัมพันธ์กับเชื้อชาติ คือ พบมากในประเทศจีนทางตอนใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับประเทศไทย พบว่า อุบัติการณ์ของโรคนี้ในคนเชื้อสายจีน สูงกว่าคนไทย
ไวรัส Ebsuein - Barr โดยตรวจพบอนุภาคของไวรัสในเซลล์มะเร็ง และตรวจพบภูมิคุ้มกันต่อไวรัสชนิดนี้ในเลือดของผู้ป่วย
สารไนโตรซามีน ซึ่งพบในอาหารประเภทปิ้ง ย่าง รมควัน และอาหารหมักดอง
การระคายเคืองเรื้อรัง เช่น สารระเหย ควันเขม่า ควันธูป และกำยาน เป็นต้น

อาการและอาการแสดง

     ส่วนใหญ่ มักพบอาการทั่ว ๆ ไป ได้แก่ มีเลือดกำเดาหรือเลือดออกในโพรงจมูก หายใจคัดจมูก แน่นจมูก ปวดหรือชาบริเวณฟันและแก้ม บางรายมีก้อนที่คอจากต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งเป็นต่อมน้ำเหลืองที่มีโรคกระจายมา นอกจากนี้ยังพบอาการปวดศีรษะ ปวดหู หูอื้อหรือหูตึง ซึ่งมักเป็นข้างเดียว บางรายอาจมีอาการทางระบบประสาท คือ ตาเข บางครั้งอาจมีลักษณะบวมที่บริเวณโหนกแก้มหรือจมูก โดยอาจมีหรือไม่มีอาการเจ็บก็ได้

การวินิจฉัย

1) การตรวจร่างกาย แพทย์จะทำการตรวจบริเวณคอและศีรษะอย่างละเอียด โดยสำรวจเยื่อบุภายในโพรงจมูกด้วยกล้องส่องจมูก (Nasal speculum) และส่องหู (Otoscope) บางรายอาจต้องส่องกล้องพิเศษพร้อมตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ
2) การเอกซ์เรย์ และเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ รวมถึงการตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม ช่วยในการวินิจฉัยโรคว่ามะเร็งมีการแพร่กระจายไปบริเวณอื่น ๆ หรือไม่ เช่น กระดูก สมอง หรือตับ
3) การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา เพื่อทราบการวินิจฉัยได้แน่นอน
4) การตรวจเลือดดูค่า IgG หรือภูมิคุ้มกันต่อไวรัส Ebsuein - Barr จะช่วยในการวินิจฉัย และการติดตามภายหลังการรักษาได้เป็นอย่างดี

การรักษา

      โดยทั่วไปการรักษาหลักมักใช้วิธีการฉายรังสีที่บริเวณโพรงจมูก และที่ต่อมน้ำเหลือง เนื่องจากมะเร็งบริเวณนี้ทำศัลยกรรมหรือผ่าตัดได้ลำบากมาก ซึ่งการทำการรักษาด้วยการฉายรังสีนี้จะให้ผลการรักษาที่ดีในระยะแรก ๆ ของโรค อาจรักษาให้หายขาดได้ แต่ในระยะลุกลาม อาจมีการใช้เคมีบำบัดร่วมในการรักษาด้วย ทั้งนี้เพื่อลดขนาดของก้อนลงก่อนเริ่มการฉายรังสี

ตื่นนอนเวลา 6.00 น. แป้นและถุงติดหน้าท้องครบ 6 วันพอดี ได้เวลาเปลี่ยนแล้วอาบน้ำแต่งตัวไป รพ.

ออกจากบ้าน 6.45 น. นั่งแท๊กซี่เพราะที่จอดรถของ รพ. มีน้อยมาก  7.20 น. หยิบใบนัดไปลงทะเบียนที่เคาเตอร์เวชระเบียนเสร็จแล้วรอเรียกชื่อเพื่อรับใบสั่งยา

ไปตรวจปัสสาวะ เจาะเลือดตามด้วยเอ๊กซเรย์ปอด ใช้เวลาที่สองแผนก 1 ชั่วโมงเศษ แล้วกลับไปที่แผนกศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะ วันนี้มาเช้ามาแต่ก็ยังได้บัตรคิวเบอร์ 11

พี่พยาบาลที่แผนกแซวว่าวันนี้เช้าผิดปกติผมจึงบอกว่าไปสองแผนกมาก่อนแล้ว แกก็บอกว่าไปหาข้าวกินเพราะเพิ่งเจาะเลือด อาจารย์จะมาถึงห้องตรวจประมาณ 9.00 น.


เกาเหลาเลือดหมูเจ้าเดิมที่บางรักพร้อมน้ำกระเจี๊ยบหนึ่งขวดอิ่มท้องแล้วกลับมาที่แผนกของ รพ. เห็นอาจารย์นั่งโต๊ะตรวจคนไข้นอกแล้ว

ผมก็นั่งรอพร้อมกับผู้ป่วยรายอื่นๆ ที่นัดตรวจวันนี้ เป็นเรื่องปกติที่จะได้พบผู้ป่วยทั้งหน้าเก่าและใหม่ที่พูดคุยสอบถามอาการกัน

ลุงที่ผมพบเป็นครั้งที่ 4 ตั้งแต่มาตรวจหลังผ่าตัดได้บัตรคิวเบอร์ 3 ก็ถามผมว่าวันนี้มาเร็วได้คิวเท่าไหร่ ผมบอก 11 ครับ

แกก็บอกว่าโดนแซงคิวเพราะรอผลตรวจปัสสาวะ ผมก็บอกว่าเหมือนกันครับเพราะเท่าที่ทราบผลจะส่งมาทางคอมพิวเตอร์ประมาณ 10.00 น.


ผมก็ไม่ได้เอะใจ จนพี่พยาบาลแจ้งว่าผลตรวจปัสสาวะมาที่คอมแล้ว ฟิล์มอัลตร้าซาวด์+เอ๊กซเรย์ปอด อยู่ที่ไหน ???

โถ่...ถัง นึกว่าจะส่งมาที่แผนก ต้องลงไปตามฟิล์มด้วยตัวเองที่แผนกรังสียื่นบัตรประจำตัวผู้ป่วยให้ที่แผนกนั่งรอนานพอสมควร

ดูเวลา...11.15 น. แล้ว วันนี้จะได้ตรวจหรือเปล่าที่ช่องรับฟิล์มเรียกชื่อ ผมรีบไปรับฟิล์มแล้วกลับไปแผนกยื่นฟิล์มให้พี่พยาบาล

โอ้...เดินกลับไปอีกรอบเพราะลืมขอฟิล์มอัลตร้าซาวด์อีก >:(


ภายใน รพ. อากาศก็เย็นเพราะแอร์แต่ผมเหงื่อตกครับ

ได้ฟิล์มอัลตร้าซาวด์เรียบร้อย เข้าห้องตรวจยกมือไหว้อาจารย์...ท่านแซว...นึกว่าไม่มาซะแล้ววันนี้ บอกให้ผมนอนบนเตียง

มีแพทย์ประจำบ้านมาใหม่อีกสองท่าน อาจารย์ให้ผมปลดกางเกงแล้วอธิบายและชี้ให้ดูทวารเทียมสำหรับปัสสาวะที่หน้าท้อง

ลงจากเตียงตรวจแล้วให้ผมนั่งพร้อมหยิบ ฟิล์มอัลตร้าซาวด์+เอ๊กซเรย์ปอด  


ใจผมเต้นแรงแต่ไม่ใช่เพราะเดินหลายรอบนะครับ ตื่นเต้นกับการดูและรอฟังผลครับ
อาจารย์ท่านพูดถึงการเจ็บป่วยของผมให้แพทย์ประจำบ้านฟัง การผ่าตัด CA Bladder นำฟิล์มออกมาติดบนบอร์ดข้างโต๊ะตรวจ
พูดศัพท์ทางการแพทย์ที่ผมไม่ทราบความหมายอยู่ประมาณสิบนาที แล้วถามผมว่า...ฉี่ขุ่นบ้างหรือเปล่าครับ
ผมก็ตอบว่า...ไม่มีครับ...ขอดูอีกครั้ง...แล้วก็ยิ้มพร้อมพูดว่า...ดีมากครับ

ผมถามว่า...ผลเป็นยังไงบ้างครับ 
ท่านก็บอกว่า ตอนนี้ยังไม่พบอะไรผิดปกติ >:(
ดูจากผลเลือด
ปอดก็ปกติดี
อวัยวะส่วนบนของข่องท้องทั้งหมดเป็นปกติ
แต่ต้องตรวจค่อนข้างถึ่คือทุกสามเดือนในช่วงปีนี้ครับ

ให้แพทย์ประจำบ้านเขียนเบิกอุปกรณ์ในใบสั่งยา แล้วนัดให้ผมมาตรวจอีกครั้ง 4 มีนาคม 2551

ขอบคุณพี่ๆ ที่สละเวลาอ่านครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน

น่ากลัวจังครับ
มีเจาะใส่ท่อออกจากตัวด้วย
(ไม่เคยมีประสบการณ์ในโรงพยาบาล,ไม่เคยไปเฝ้าใครในโรงพยาบาล)

...ยังคอยเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD เสมอครับ...  ;D ;D ;D

ยินดีกับผลการตรวจรอบสามเดือนครั้งนี้ครับพี่...

หวังว่าจะสอบผ่านอย่างนี้ไปเรื่อยๆทุกครั้งนะครับ...:D

เป็นสิ่งน่ากลัวที่ต้องยอมรับเพราะช่วยปลดความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสออกจากร่างกาย
ไม่ใช่ท่อออกจากตัวแต่เป็นส่วนของลำไส้เล็กครับ :D


เป็นกำลังใจให้พี่ CT_Pro4 ให้มีสุขภาพดีขึ้นเช่นกันครับ
ขอบคุณครับ


คงยังหวังอะไรแน่นอนไม่ได้นอกจากรอเวลาและผลการตรวจตามเวลาที่อาจารย์บอกไว้ อีกอย่างก็คงต้องคอยสังเกตุตัวเองด้วยน่ะครับ

เรียนถามพี่หมอ rute ครับ
เพื่อนผมเข้าทำการผ่าตัดมะเร็งทรวงอก ต่อมน้ำเหลืองใต้รักแร้ด้านขวาก่อนผมประมาณสามเดือน (กรกฎาคม พ.ศ.2550) มาถึงขณะนี้ได้ทำเคมีบำบัดมาถึงครั้งที่เจ็ดและต้องทำทั้งหมดแปดครั้งตามแผนการรักษา สุขภาพโดยทั่วไปดีทานอาหารและพักผ่อนได้เพียงแต่ผมร่วง
ที่ผมสงสัยนิดหนึ่งเท่าที่ได้คุยกันทำไมยังต้องรักษาต่อด้วยการฉายรังสีอีกสามสิบครั้งครับ :o

ขอบคุณพี่หมอ rute ที่ให้กำลังใจและคำปรึกษากับผมมาตลอดตั้งแต่พักฟื้นครับ
ด้วยความเคารพครับ

ขอเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ต่อไป ครับ

ผมเคยเข้านอน หนักๆ รพ. 3 ครั้ง รวม 65 วัน


   

เป็นเพราะไม่สบายหรือเกิดอุบัติเหตุ ถ้าพอจะนำมาเล่าเพื่อเป็นวิทยาทานได้จะดีมากครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ รับไป 1 แต้ม ;)

รอพี่หมอ rute มาให้ความรู้เพิ่ม
ดูและอ่านกันต่อครับ

มะเร็งช่องปาก

     อวัยวะในช่องปาก อาจเกิดโรคมะเร็งได้ในทุกตำแหน่ง ได้แก่ ลิ้น กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก เหงือก เพดานปาก พื้นปากใต้ลิ้น ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และส่วนบนของลำคอ

สาเหตุ

     ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของมะเร็งช่องปาก แต่มีปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งเสริมและเพิ่มอุบัติการณ์ของมะเร็ง เช่น กินหมาก สูบบุหรี่ ดื่มสุรา รวมถึงผู้ที่มีฟันเก กดเบียดลิ้นในตำแหน่งเดิมอยู่เสมอ ๆ และผู้ที่ใช้ฟันปลอมที่หลวม ทำให้มีการกดกระแทกเหงือกจากการขยับเขยื้อนอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค

พบว่าประมาณ 90% ของผู้ป่วยมะเร็งในช่องปาก เป็นผู้ที่สูบบุหรี่ และดื่มสุรา
การรับประทานอาหาร และเครื่องดื่มที่ร้อนจัดเกิน
หมากพลู พบว่าในหมากพลูนี้ จะมีสารก่อมะเร็ง ส่วนปูนที่ใช้ทานกับหมากก็จะกัดเนื้อเยื่อในช่องปาก
สุขภาพในช่องปากไม่ดี เช่น ฟันผุเรื้อรัง รวมถึงการระคายเคืองจากฟันที่แหลมคมผู้ที่ที่มีฟันแตก ฟันบิ่น ขอบฟันที่คม
แสงแดดทำให้เกิดมะเร็งที่บริเวณริมฝีปาก
โรคติดเชื้อเรื้อรัง เช่น ซิฟิลิส วัณโรค
การระคายเคืองเรื้อรัง เช่น แผลจากฟันปลอม
เคยได้รับรังสีเอกซเรย์
     
     อาการและอาการแสดง โดยมากที่พบ คือ มีก้อนหรือแผลที่ตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งมักไม่มีอาการเจ็บในระยะแรก ๆ แต่เมื่อเป็นมากขึ้น โดยเฉพาะในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการกลืน เช่น ลิ้น เพดานปาก และในลำคอ จะมีอาการเจ็บเวลากลืน หากเป็นมะเร็งของลิ้น อาจมีอาการพูดไม่ชัด หรือแลบลิ้นได้ไม่เต็มที่

การรักษา

     การรักษาขึ้นอยู่กับชนิด และตำแหน่งของมะเร็ง รวมทั้งระยะของโรค สำหรับรอยโรคขนาดเล็ก อาจผ่าตัดออกได้โดยไม่ทำให้เกิดการผิดรูปของใบหน้า แต่สำหรับในบางตำแหน่ง เช่น ริมฝีปาก การใช้รังสีรักษา จะให้ผลการรักษาที่ดีเท่ากันกับการผ่าตัด แต่มีข้อดีที่เหนือกว่า คือ ยังสามารถรักษาโครงสร้างและการทำงานปกติไว้ได้ ส่วนในระยะลุกลาม จะใช้การรักษาร่วมระหว่างการผ่าตัด และการฉายรังสี ส่วนเคมีบำบัดนั้น อาจมีบทบาทร่วมในการลดขนาดก้อนที่ใหญ่มากก่อนเริ่มการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉายรังสี

มาร่วมเป็นกำลังใจให้พี่ด้วยครับ

ขอให้แข็งแรงเหมือนๆเดิมไวไวครับผม ::014::

ตรุษจีนพี่หมอคงพักผ่อน ไม่ได้มาตอบ ยังไงก็รอนะครับ
ขอบคุณครับ


ขอบคุณครับพี่

มะเร็งหู คอ จมูก

สาเหตุและปัจจัยเสริม

     สาเหตุสำคัญของมะเร็งบริเวณ หู คอ จมูก ก็คือ บุหรี่และเหล้า โดยพบว่า เหล้าเป็นตัวเสริม นอกจากนี้ยังพบว่าการอมยาเส้น (smokeless tobacco) การสูบกัญชา และการเคี้ยวหมาก ก็เป็นสาเหตุของมะเร็งบริเวณนี้ด้วย สำหรับ อาชีพที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งบริเวณนี้ คือ ช่างไม้ และคนงาน โรงงานทอผ้า

อาการ

     พบว่าผู้ป่วยมะเร็งของช่องปาก มักจะมาหาแพทย์ด้วยแผลเรื้อรัง มักจะไม่มีอาการปวดในระยะแรก ๆ แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการปวดมากเฉพาะที่ แสดงว่ามะเร็งนั้นอาจลุกลามลึกลงไปในส่วนนั้น ๆ หรือลุกลามไปตามเส้นประสาทหรือกระดูก ผู้ป่วยจะมาด้วยต่อมน้ำเหลืองที่คอโต ประมาณ 30-45%

การตรวจวิเคราะห์ (Investigation)

     มะเร็งหู คอ จมูก มักเกิดในผู้ป่วยอายุมาก โดยเฉพาะมากกว่า 50 ปี ในผู้ที่ สูบบุหรี่ มะเร็งบางตำแหน่งมักไม่ก่อให้เกิดอาการในระยะแรก ๆ หรือถ้าแสดงอาการ อาการนั้น ๆ ก็มักจะคลุมเครือ ไม่ชี้บ่งเฉพาะโรคเช่นระยะแรก ๆ ของมะเร็ง

การรักษา

     การรักษามะเร็งหู คอ จมูก ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ คือ ผลการรักษา (cure rates) ผลทางด้านหน้าที่ของอวัยวะ และความต้องการของผู้ป่วย การผ่าตัดและรังสีรักษาเป็น standard treatment ในมะเร็งหู คอ จมูก โดยทั่ว ๆ ไป มะเร็งในระยะที่ I และ II จะรักษาด้วยการผ่าตัด หรือการฉายรังสีเพื่อมุ่งหวังให้หายขาด ส่วนในระยะที่ III และ IV จะใช้การผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสีเพื่อมุ่งหวังให้หายขาดเช่นกันส่วนในรายที่โรคเป็นมากเกินกว่าที่จะรักษาให้หายขาดได้นั้น อาจใช้การผ่าตัด หรือการฉายรังสีอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อรักษาบรรเทาอาการเท่านั้น

ขอบคุณสำหรับข้อมูลของพี่อารมณ์ดี..นับมีประโยชน์ต่อพวกเรามาก..
ขอให้ผลบุญที่เสียสละความรู้แบ่งปันครั้งนี้..ช่วยดลบันดาลให้พี่อารมณ์ดีอายุยืนยาวนะครับ....... ::014::

ขอบคุณครับ ขอให้พี่และทุกท่านมีสุขภาพดีปราศจากโรคภัยไข้เจ็บครับ

มะเร็งสมอง และเนื้องอกสมอง***

เนื้องอกของระบบประสาท แบ่งได้เป็น

เนื้องอกของสมอง กลุ่มนี้พบได้มากที่สุดประมาณ 75%
เนื้องอกของไขสันหลัง พบได้ประมาณ 20%
เนื้องอกของประสาทส่วนปลาย พบน้อยกว่า 5%

สาเหตุของเนื้องอกระบบประสาท

     ทั้งในผู้ใหญ่และเด็กยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่พบว่ามีการเจริญแบ่งตัวรวดเร็วผิดปกติของเซลล์อื่นๆ ในระบบประสาท เช่น เนื้องอกจากเซลล์ประสาท เนื้องอกจากเยื่อหุ้มสมอง และไขสันหลัง เนื้องอกจากต่อมต่างๆ ในสมอง เนื้องอกจากเซลล์ปลอกประสาท เป็นต้น

อาการที่นำผู้ป่วยมาพบแพทย์

อาการของเนื้องอกในสมอง คือ ปวดศีรษะ ตามัว อาเจียน เป็นอัมพาตแขน ขา ตาบอด เดินเซ หูหนวก ชักกระตุก ความจำเสื่อม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าก้อนเนื้องอกนั้นเกิดขึ้นที่ใด และกดอวัยวะส่วนใดของสมอง
อาการของเนื้องอกในไขสันหลัง คือ ปวดหลัง แขนขาชา และอ่อนแรง เดินเซ เดินไม่ถนัด หรือเป็นอัมพาต การควบคุมการถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะลำบาก
อาการของเนื้องอกที่ประสาทส่วนปลาย คือ คลำพบก้อน หรือรู้สึกชา หรือร่วมกับอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
     
อาการต่างๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้อาจเกิดจากสาเหตุ หรือโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่เนื้องอกก็ได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อทำการ ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดต่อไป บางครั้งอาจต้องอาศัยวิธีตรวจพิเศษร่วมด้วย เช่น การเอ็กซเรย์ การตรวจเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นต้น

หลักการรักษา (PRINCIPLES OF TREATMENT )

การรักษาเนื้อสมองแบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้คือ

1) CURATIVE TREATMENT เป็นการผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออกหมด เพื่อให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรค วิธีนี้ทำได้ในรายที่มีเนื้องอกแบบ extra-axial เช่น meningioma, acoustic neuroma และเนื้องอก intra-axial บางชนิด เช่น cystic astrocytoma ของ cerebellum ในเด็ก
2) PALLIATIVE TREATMET ใช้รักษาเนื้องอกสมองแบบ intra-axial ที่ไม่สามารถจะตัดเอาเนื้องอกออกได้หมดเพราะอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญของสมอง การที่ศัลยแพทย์พยายามจะตัดเอาเนื้องอกออกหมดอาจทำให้อัตราตายและทุพพลภาพสูง การรักษาวิธีนี้มีหลายแบบ

ขออนุญาตขั้นรายการครับ

ความสำคัญของอาหารต่อผู้ป่วย
ท่านทราบหรือไม่ว่าผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากไม่ได้เสียชีวิตจากการลุกลามของโรค แต่กลับเป็นเพราะการขาดอาหาร การศึกษาวิจัยจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าในระยะที่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆรวมทั้งมะเร็ง ถ้าร่างกายได้อาหารที่เหมาะสม เพียงพอที่จะช่วยให้การรักษาได้ผลดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยา การผ่าตัด หรือการฉายรังสี ช่วยให้ร่างกายฟื้นสภาพได้เร็วและดียิ่งขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ช่วยให้คงสุขภาพนั้นไว้ ไม่ให้เสื่อมโทรมกว่าที่ควรจะเป็น จึงเป็นที่ยอมรับกันในปัจจุบันว่า "อาหารที่ดีจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วยมะเร็ง"

หลังจากผ่าตัด พักฟื้น จนถึงขณะนี้ผมก็ไม่ได้จำกัดหรืองดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ไก่ หมู ปลา ทานหมดยกเว้นจำพวกหอยที่อาจารย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือทานให้น้อยที่สุดเนื่องจากหอยเป็นสัตว์ที่เก็บสารพิษบางชนิดไว้ในตัวถึงแม้จะปรุงสุกแล้วก็ไม่อาจทำลายสารดังกล่าวได้
เมื่อได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวแล้ว ผมก็ทานมื้อเย็นแบบนี้สัปดาห์ละสองครั้งมาตลอดครับ
(http://img139.imageshack.us/img139/2682/p1030509bc1.jpg) (http://imageshack.us)

มะเร็งเนื้อเยื่อ

เนื้อเยื่อแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

เนื้อเยื่อบุผิว Epithelial tissue เกิดจากการรวมของ Epithelial cells
เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน Connective tissue เกิดจากการรวมกันของ Connective tissue cells
เนื้อเยื่อกล้าม Muscular tissue เกิดจากการรวมตัวของ Muscle cells
เนื้อเยื่อประสาท Nervous tissue เกิดจากการรวมตัวของ Nerve cells
     เนื้องอกหรือมะเร็งของส่วนเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย รวมทั้ง เนื้องอกของไขมัน เส้นประสาท และ กระดูก พบได้น้อยมากประมาณแค่ 0.84 % ของเนื้องอกร้ายแรงที่พบใหม่ในแต่ละปี (เช่น พบเนื้องอกนี้ที่ต้นขาพบแค่ 500 รายต่อปี) ส่วนใหญ่พบ 76 % เกิดจากเนื้อเยื่อปกติ ส่วนที่เหลือ (24%) โตมาจากกระดูก

      เนื่องจากเป็นเนื้อเยื่อที่พบได้น้อยมาก จึงประมาณว่าการดำเนินโรคร้ายหรือดีอย่างไร การรักษาอย่างไหนได้ผลดี ไม่สามารถประมาณได้อย่างแน่ชัดนัก และยังขาดการศึกษาในหลาย ๆ คำตอบอยู่มาก จึงพบว่าเมื่อเป็นโรคนี้แล้วมักมีการทำนายโรคที่ไม่ดี คือต้องมีปัญหาสุขภาพการดำเนินชีวิต หรือเสียชีวิตโดยรวมครึ่งต่อครึ่ง การรักษาต้องดูแลโดยทีมหลายส่วนคือ ทีมศัลยกรรม อายุรกรรม แผนกกระดูกกล้ามเนื้อและข้อ รวมทั้งมะเร็งวิทยา และ รังสีวิทยา

อาการ

     ส่วนใหญ่มักมาด้วยก้อนซึ่งไม่ปวดพบเป็นเวลาเป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือน บางรายซึ่งพบน้อยอาจมาด้วยอาการปวด หรือ มีแรงดันกดทับอวัยวะข้างเคียงเช่นระบบเส้นประสาท กระดูก หรือเส้นเลือด อาจพบการแพร่กระจายไปที่ต่าง ๆ ได้ตั้งแต่ระยะแรกก็ได้แต่พบน้อยมักปวดลามเฉพาะที่มากกว่า (พบการแพร่กระจายขณะพบครั้งแรกแค่ 7 % ในการศึกษาในประเทศสวีเดน

ในการศึกษา 4508 ราย ในประเทศอเมริกา พบว่าเกิดได้ในตำแหน่งต่าง ๆ ดังนี้ :

ต้นขา ก้น หรือขาหนีบ 46 %
แขน 13 %
ศีรษะ และ คอ 9 %
หลังมือ 18 %
ท้องส่วนหลังคือส่วนใกล้เส้นเลือดต่อมน้ำเหลือง กระเพาะ 13 %
     ปกติแล้วมักไม่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงยกเว้นเนื้องอกของ กล้ามเนื้อ rhabdomyosarcoma, เยื่อบุ epithelioid sarcoma, และเนื้องอกของระบบเส้นเลือด vascular sarcomas

การรักษา

การรักษา soft tissue sarcoma ขึ้นอยู่กับขนาด ตำแหน่ง ชนิด และ histologic grade ของมะเร็ง

การผ่าตัด พบว่า วิธีนี้ยังพบการกลับมาเป็นใหม่ร้อยละ 30-60 ในขณะที่อวัยวะนั้นยังสามารถใช้งานได้
การให้เคมีบำบัด การให้เคมีบำบัดเป็นการรักษาเดียวที่ช่วยได้ แต่การให้ขึ้นกับแต่ละคน เช่นผลชิ้นเนื้อ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายผู้ป่วย และ ความต้องการของผู้ป่วย เนื่องจากเนื้องอกที่ไม่สามารถผ่าตัดได้มักต้องเสียชีวิตแทบทั้งหมด การให้เคมีบำบัดอาจมีผลการรักษาที่ดีอยู่รอดได้มากขึ้น บางรายถึงหายได้เป็นเวลานาน มีรายงานจำนวนมาก ว่าอาจหายได้นานมากกว่า 10 ถึง 20 ปีหลังให้การรักษาหลายอย่างได้ด้วย การให้เคมีบำบัดยังช่วยลดขนาดของเนื้องอก ลดอาการ และทำให้คุณภาพชีวิตขณะอยู่รอดดีขึ้นได้ด้วย แต่ยังไม่มีการศึกษาที่ดีที่จะพิสูจน์จุดนี้ รวมทั้งผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้ หรือ มีพิษต่อการให้เคมีบำบัดด้วย

มะเร็งผิวหนัง

ประเภทของมะเร็งผิวหนังที่พบ ได้แก่

1) Basal cell carcinoma (BCC)
2) Squamous cell carcinoma (SCC)
3) Melanoma
4) KAPOSI’S SARCOMA

     พบว่า มะเร็งผิวหนังชนิด Basal cell carcinoma (BCC) เป็นมะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด มะเร็งงอกมาจาก basal cell ของ epidermal appendage และเกิดเฉพาะบริเวณผิวหนังที่มีขน ส่วนมากเป็นที่ใบหน้าในผู้ป่วยสูงอายุ เชื่อว่าการถูกแสงอัลตร้าไวโอเลตเป็นปัจจัยสำคัญ มะเร็งมักโตช้าและลามไปเนื้อเยื่อข้างเคียง แต่ไม่แพร่กระจายไปไกล

     สำหรับมะเร็งผิวหนังชนิด melanoma หรือ malignant melanoma เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดที่ร้ายแรงที่สุด และพบบ่อยในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวเหลืองหรือดำ เชื่อว่าแสงแดดอาจเป็นปัจจัยสำคัญ แต่บางรายอาจเกิดมาจาก junctional nevus ที่เป็นมานานแล้ว

     ในอดีต Kaposi’s sarcoma พบบ่อยเฉพาะในแอฟริกา แต่ปัจจุบันพบบ่อยขึ้น โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานชนิด cell-mediated ลดลง เช่น ผู้ป่วยที่ได้ยา immunosuppression (ยากดภูมิต้านทาน) หลังปลูกถ่ายอวัยวะ และในผู้ป่วยที่เป็น AIDS

การรักษา (Treatment)

     วิธีการรักษามะเร็งผิวหนังชนิด Squamous cell carcinoma (SCC) คล้ายกับ BCC แต่เนื่องจาก SCC แพร่กระจายได้ลึกและกว้างกว่า จึงควรตัดห่างจากขอบอย่างน้อย 1-2 เซนติเมตร ในรายที่เป็นมากต้องตัดกว้างกว่านี้และตัดต่อมน้ำเหลืองที่โตออกด้วย สำหรับการฉายรังสีให้ได้ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด ผลการรักษาไม่ดีเท่า BCC และขึ้นอยู่กับ Stage ของมะเร็งและ differentiation ของเซลล์มะเร็ง

     ในหลักของการรักษามะเร็งผิวหนังชนิด malignant melanoma คือ ตัดเอา melanoma ออก โดยทั่วไปควรตัดห่างจากมะเร็ง 4-5 เซนติเมตร ยกเว้นที่ใบหน้าซึ่งอาจจะตัดน้อยกว่านั้น ควรส่งชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิเพื่อประเมินความลึกของมะเร็ง (Clark’s level) ในรายที่ลึกกว่าระดับ 3 ควรพิจารณาตัดต่อมน้ำเหลือง (regional node) ออกไปด้วย ส่วนการให้Chemotherapy จะอาศัยยาหลายตัวร่วมกัน อาจช่วยบรรเทารักษาในรายที่เป็นมากแล้ว ในรายที่เป็นมะเร็งที่แขนขาอาจใช้วิธี regional infusion (ฉีด) เข้าเส้นเลือดแดง แต่สำหรับอีกวิธีหนึ่ง คือ Immunotherapy อาศัยการกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายแบบ nonspecific โดยให้ BCC, C.parvum หรือ interferon แต่ยังไม่ได้ผลแน่นอน

     กรณีการรักษามะเร็งผิวหนังชนิด KAPOSI’S SARCOMA โดยทั่วไปควรเลือกวิธีฉายรังสีเป็นอันดับแรก แต่ในรายที่ลุกลามแล้วควรฉายรังสี และให้ยาเคมีบำบัดหลายตัวร่วมกัน

มะเร็งไฝ

     มะเร็งไฝ เป็นมะเร็งผิวหนังชนิดหนึ่งที่แพร่กระจายเร็วมาก เกิดจากเซลล์สร้างสีผิว melanocyte การที่จะเข้าใจโรคนี้ท่านจะต้องเข้าใจโครงสร้างของผิวหนัง

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง

ประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งไฝ จะมีความเสี่ยงเพิ่มมาก กว่า 2 เท่าดังนั้นสมาชิกในครอบครัวควรได้รับการตรวจจากแพทย์
Dysplastic nevi ไฝที่มีลักษณะชิ้นเนื้อแบบนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูง
เคยเป็น melanoma
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น AIDS
มีไฝจำนวนมาก เช่นมากกว่า 50 เม็ดจะมีโอกาสเป็นมะเร็งมาก
เคยถูกแสงจนไหม้เมื่อวัยเด็ก
สีผิว ผิวขาวมีโอกาสเกิดมะเร็งได้ง่ายกว่าผิวคล้ำ
อาการของมะเร็งไฝ

     อาการเริ่มแรก มักเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง ขนาด สี รูปร่าง ขอบ บางรายอาจมีอาการคัน มีขุยหากเป็นมากขึ้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงของความแข็ง หากพบมะเร็งเริ่มต้นการรักษาจะหายขาด แต่หากรุกลามเข้าใต้ผิวหนังมะเร็งอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น

การวินิจฉัย

     หากแพทย์สงสัยว่า ไฝ ที่เห็นว่าจะเป็นมะเร็ง แพทย์จะตัดก้อนนั้นส่งพยาธิแพทย์ตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์ หากก้อนนั้นใหญ่มาก แพทย์จะตัดเพียงบางส่วนส่งตรวจ ถ้าพบเซลล์มะเร็งแพทย์จะตรวจพิเศษเพิ่มเพื่อตรวจดูว่ามะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นหรือยัง

วิธีการรักษา

การผ่าตัด เป็นการรักษามาตรฐานแพทย์จะพยายามตัดเนื้อร้าย ออกให้หมดร่วมทั้งต่อมน้ำเหลืองที่ใกล้เนื้อร้าย ถ้ามะเร็งแพร่กระจายไปอวัยวะอื่นแพทย์จะให้การรักษาอย่างอื่น
เคมีบำบัด เป็นการให้สารเคมีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งโดยอาจเป็นยากินหรือยาฉีด
รังสีรักษา เป็นการฆ่ามะเร็งเฉพาะที่ โดยเฉพาะมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น สมอง ปอด ตับ
การสร้างภูมิคุ้มกัน อาจให้ภูมิโดยการฉีด เช่นการให้ interferon หรือ interleukin โดยการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิขึ้นมา เช่น การฉีดวัคซีน

กลุ่มสุดท้ายของโรคมะเร็งครับ

มะเร็งในเด็ก

     มะเร็งที่เกิดขึ้นในเด็ก ก็เหมือนกับมะเร็งที่เกิดขึ้นในผู้ใหญ่ คือสามารถรักษาได้ในระยะเริ่มแรก เมื่อพบอาการผิดปกติของเด็กควรรับพบแพทย์โดยด่วน มะเร็งที่พบในเด็กมีชนิดใดบ้าง

มะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) เรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า "ลิวคีเมีย" พบมากที่สุดที่เกิดขึ้นกับเด็ก
มะเร็งของสมอง
มะเร็งของต่อน้ำเหลือง
มะเร็งของระบบประสาทอื่น ๆ
มะเร็งของไต
มะเร็งของกล้ามเนื้อลาย
มะเร็งของกระดูก
     
     ในประเทศเรามะเร็งของประสาทตา หรือที่เรียกว่า เรตติโนบลาสโตมา (Retinoblastoma) พบว่าสูงกว่าต่างประเทศ

เด็กที่เป็นมะเร็งจะมีอาการอย่างไรบ้าง

     มะเร็งที่เกิดขึ้นในเด็กนั้น เกิดได้ในอวัยวะต่าง ๆ ดังนั้นอาการของโรคที่เกิดขึ้นจึงมีความแตกต่างกันออกไปแล้วแต่อวัยวะที่เกิด เช่นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เด็กจะมีอาการซีด มีจ้ำเลือด หรือจุดเลือดออกตามผิดหนัง เลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดออกตามจมูก มีไข้โดยไม่มีสาเหตุ อ่อนเพลีย ผอมลง ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดตามกระดูก มะเร็งของสมอง เด็กจะบ่นปวดศีรษะโดยเฉพาะปวดตอนตื่นเช้า อาเจียน ตาพร่า การทรงตัวและการเดินผิดปกติ มะเร็งของต่อมน้ำเหลืองตามร่างกาย เช่น ที่คอ รักแร้ ขาหนีบ ตับ และม้ามโต ถ้าแพร่ไปไขกระดูกจะ มีอาการเหมือนมะเร็งเม็ดเลือด เป็นต้น

เด็กที่เป็นมะเร็งจะรักษาได้อย่างไร

      การรักษาที่ถูกต้อง เด็กจะสามารถมีชีวิตตลอดได้เกือบ 50% เด็กเหล่านี้จะมีชีวิตปกติ หรือเกือบปกติเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าเป็นโรคนี้ และรักษาไม่หาย อาจเสียชีวิตภายใน 1 - 2 ปี มะเร็งของต่อมน้ำเหลือง. มะเร็งของไต. มะเร็งของระบบประสาท โดยเฉพาะเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ก็ได้ผลดีเช่นกัน เฉพาะฉะนั้นจะเห็นว่า มะเร็งในเด็กนั้นรักษาได้ผลดีพอสมควร  

 :VOV: มาเป็นกำลังใจให้ครับพี่...

คนที่เป็นมะเร็งนี่ ทรมานนะคะ
เพราะว่าพ่อก็เป็นค่ะ เป็นมะเร็งลำไส้ค่ะ
รักษาและทรมานอยู่ เป็นปี ก็หมดเวรหมดกรรมค่ะ  :~) :~)

ร่วมเป็นกำลังใจให้พี่อารมณ์ดีครับ.....

ไม่เครียด มีชัยไปกว่า ครึ่ง ...ยิ่งกว่า ครึ่ง ครับ.. ::002::

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญทั้งเรื่องการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เรื่องงานและเรื่องต่างๆ อีกมากมายครับ
ขอบคุณพี่วัฒน์ครับ


ครับพี่ เพราะเท่าที่ทราบผู้ที่เครียดไม่ว่าจะด้วยเรื่องใดก็ตามร่างกายจะหลั่งสารที่เรียกว่า อะดรินาลีน ออกมาซึ่งเป็นการกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติ มะเร็ง (เท่าที่ได้ยินมา) ครับ
ขอบคุณพี่สิงห์บ้าครับ


อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากการเป็นมะเร็งในอวัยวะต่างๆ จะมากน้อยขึ้นอยู่กับระยะของโรค ตัวอย่างของผมที่ได้เรียนให้ทราบในกระทู้นี้จากเริ่มมีอาการปวดและอั้นฉี่ไม่ได้แล้วอาการก็หายไปเพราะดิ่มน้ำมากๆ แต่พบอีกครั้งคือปวดถี่ขึ้นและ นอนไม่ได้เพราะต้องเข้าห้องน้ำทุกชั่วโมงในเวลากลางคืน มีเลือดออก  การวินิจฉัยก่อนผ่าตัดคือ ระยะลุกลามรุนแรง (stage 4) ซึ่งโอกาสหายเป็นปกติเกือบไม่มีแล้ว  ต้องตัดอวัยวะที่ตรวจพบและที่อยู่ใกล้ออกหมด ต้องใช้เคมีหรือรังสีบำบัดร่วมด้วย แต่ก็จัดว่าโชคดีที่ผลจากการตรวจ อวัยวะที่ตัดออก (ต่อมลูกหมาก, ไส้ติ่ง, ก้อนเนื้อในท่อไต, ต่อมน้ำเหลือใกล้เคียง) พบมะเร็งทีผนังด้านในของกระเพาะปัสสาวะเท่านั้น (ไม่ต้องเพิ่มการบำบัด) แต่ยังต้องตรวจละเอียดทุก 3 เดือนในช่วงปีนี้ครับ

ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับพี่ cylinder

หลังจากได้ทราบราคาจากเพื่อนทีอยุ่ใกล้ รพ.ศิริราช ไปถามให้และแจ้งว่ามีของ เมื่อวานจึงไปหาซื้ออุปกรณ์ที่ต้องใช้ไปตลอดชีวิตเพราะ  เข้าไปที่ร้านขายยาและอุปกรณ์ตามที่เพื่อนบอกพร้อมกับลูกสาว คนขายหยิบให้ดูผมเห็นแล้วว่าไม่เหมือนกัน (60 บาท) จึงไม่ได้ซื้อ พาลูกสาวเดินดูและซื้อขนมที่วางขายบนทางเท้าตรงข้าม รพ. ระหว่างเดินกลับไปที่รถ (จอดอยู่ริมถนนอรุณอัมรินทร์ใหม่และแฟนนั่งรออยู่) เดินเข้าร้านขายยาอีกหลายร้านก็ไม่มีของ

ความคิดที่จะซื้อสำรองไว้หากทาง รพ. ที่ผมไปตรวจตามนัดทุกเดือนไม่มีเพราะของขาดตลาดจะได้ไม่หงุดหงิดและต้องใช้แบบประหยัดซึ่งมีโอกาสติดเชื้อของข้างสูง  ลูกสาวทักผมว่ายังเหลืออีกร้านลองเข้าไปดู ผมหยิบตัวอย่างที่เอาไปด้วยให้ เธอเดินนำหน้าเข้าไปถามคนในร้านซึ่งในใจผมก็คิดว่าคงไม่มีเหมือนร้านที่ถามมาทั้งหมด  คนขายดูตัวอย่างแล้วให้รออยู่สักครู่หนึ่งถือกล่องยี่ห้อเดียวกับที่ผมใช้อยู่ 

มีเป็นรุ่นนี้ขนาดเดียวกับที่พี่ถามใช้กับแป้นติดหน้าท้อง 45 ม.ม. ราคา 135 บาทครับ
(http://img99.imageshack.us/img99/5222/dsc03281ox9.jpg) (http://imageshack.us)

ผมถามว่าลดได้มั้ย ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นราคาส่งแล้วซื้อกี่ใบก็ได้ไม่ต้องยกกล่อง (กล่องละ 10 ใบ) ตอนแรกคิดว่าจะซื้อสักกล่องหนึ่ง คนขายถามผมว่ายังมีเหลือและพอเอาไว้ใช้กี่ใบ ผมก็เกิดอาการ งง ครับ ไม่อยากให้ซื้อไปเก็บนานเกินไปเพราะวัสดุที่ใช้ผลิตเป็นแบบย่อยสลายตามเวลา
ผมจึงซื้อมาเพียง 5 ใบเพื่อสำรองไว้เพราะที่บ้านยังมีอยู่ 6 ใบ ต้นเดือนหน้าไปตรวจตามที่อาจารย์นัด ท่านก็จะเบิกให้อีก (เดือนละ 5 ชุด แป้น+ถุง) 

ความแตกต่าง
แป้นติดอยู่คนละด้าน แต่ก็ใช้ได้เพราะขนาดเท่ากัน
(http://img99.imageshack.us/img99/2614/dsc03279nv6.jpg) (http://imageshack.us)

ท่อปล่อยทิ้งแบบลูกบิดกับจุกอุด
(http://img86.imageshack.us/img86/5151/dsc03280ou1.jpg) (http://imageshack.us)

อุปกรณ์เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินปัสสาวะที่ได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัดต้องใช้และมีค่าใช้จ่ายไปตลอดที่ยังมีลมหายใจอยู่
(http://i193.photobucket.com/albums/z155/RroamD/DSC03222.jpg)
อยางน้อยเดือนละ 5 ชุดคิดเป็นเงิน 1300 บาท (แป้น 125 + ถุง 135 บาท) ปีละ 15600 บาท ซึ่งอาจจะไม่มากสำหรับผมถ้าต้องจ่าย

ผมได้รับการดูแลรักษาโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง เป็นอย่างดีด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าอุปกรณ์ ค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาล ค่าเวชภัณฑ์ นับจากวันที่เข้ารับการตรวจครั้งแรกจนถึงขณะนี้ (ยกเว้นค่าห้องพักพิเศษเดี่ยว+ปรับอากาศ)
ขอขอบพระคุณ ::014::
โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ท่านผู้อำนวยการ
ศัลยแพทย์ (ท่านอาจารย์และแพทย์ประจำบ้าน)
วิสัญญีแพทย์
เจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัด ชั้น 4 ตึกกาญจนาภิเษก 
พยาบาลและเจ้าหน้าที่ประจำหอผู้ป่วยศัลยกรรมพิเศษชาย ward 4
แผนกพยาธิวิทยา
แผนกรังสี
ห้องตรวจคนไข้นอก (204) แผนกระบบทางเดินปัสสาวะ
แผนกเวชระเบียน
แผนกเภสัชกรรมและห้องจ่ายยา
และที่ขาดไม่ได้   
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)

ทั้งนี้ขอบพระคุณ ท่าน วมต. RO ทุกท่าน
พี่ๆ และทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ::014::
“อโรคา ปรมา ลาภา”
“การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ”
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายและจิตใจสมบูรณ์แข็งแรงครับ

ผมจะนำข้อมูลที่มีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับเรื่อง โรคมะเร็ง มาให้ทุกท่านอ่านอีกครั้งถ้าอ่านพบครับ

อีกหนึ่งทางเลือก
http://www.nhso.go.th/NHSOFront/FrontWebIndexAction.do;jsessionid=0a0302a730d54324b7f3b99e4cd1b911ef7647869c81.e3uTaN4RchaOe38Ka3iMa3iMb3j0n6jAmljGr5XDqQLvpAe

เมื่อวันเสาร์ตอนสายๆ หลังตื่นนอนดูที่ถุงเก็บปัสสาวะใหญ่ที่ต่อพ่วงไว้นอกตัวแล้วก็ไม่ค่อยสบายใจเพราะสีออกไปทางสีโค๊กอ่อนๆ เคยมีอาการอย่างนี้มาครั้งหนึ่งตอนพักฟื้นได้ประมาณหนึ่งเดือนหลังผ่าตัด อาจารย์แจ้งให้ทราบว่าเกิดจากการติดเชื้อ
วันนี้ไปตรวจตามนัดหลังจากเดือนที่ผ่านมาตรวจละเอียดตามที่ได้เรียนให้ทราบแล้ว อาจารย์ไม่ได้ออกตรวจคนไข้ตามตารางแพทย์เพราะต้องทำผ่าตัดให้ผู้ป่วย 

ได้พบแพทย์เวรทำหน้าที่แทน ผมจึงแจ้งอาการให้ทราบและได้รับการตรวจดูทวารที่หน้าท้องและดูสีของปัสสาวะ แพทย์ซักนิดหน่อยแล้วดูจากแฟ้มประวัติผู้ป่วยของผมพร้อมถามว่าเคยเป็นแบบนี้หลังผ่าตัดกี่ครั้ง ผมก็บอกว่า 1 ครั้ง แกก็พูดต่อว่าดูจากผลตรวจล่าสุดก็ปกติดีแต่อาจจะเป็นซ้ำได้ (ผมเริ่มวิตกนิดหน่อยหลังจากได้ยิน) ถามผมต่อว่าแล้วอาจารย์เคยบอกไว้อย่างไรถ้ามีเลือดออก ผมก็ตอบว่าเกิดจากติดเชื้อแต่ถ้าปัสสาวะที่ออกมาเป็นสีดังกล่าวตลอดเวลาไม่ค่อยน่าไว้ใจต้องรีบมาพบแพทย์ แกก็พูดว่าดูให้แล้วไม่ซีเรียสให้กินยาฆ่าเชื้อพร้อมนัดให้มาพบอาจารย์วันอังคารหน้า แต่ถ้า 1-2 วันนี้ไม่ดีขึ้นให้เข้ามาที่แผนกทันที

เบิกยาฆ่าเชื้อให้ 15 เม็ด กินวันละ 2 เม็ดเช้าเย็น, แป้นและถุงหน้าท้องให้อย่างละ 5 ชุด
ครั้งล่าสุดผมลืมดูราคา วันนี้ดูด้านหลังใบสั่งยาแล้วถ่ายสำเนาไว้เพื่อจะซื้อที่ รพ. จะได้ไม่ต้องไปแถวศิริราช
ตรวจสอบรายการที่ 2 และ 3 แล้วผิดที่ระบุว่าเบิกไม่ได้ ทางห้องจ่ายยาแก้ไขให้เรียบร้อยครับ

(http://img201.imageshack.us/img201/6821/p1030614qs9.jpg) (http://imageshack.us)

             ยังเห็น ID ของพี่ขึ้นมาก็แอบดูประจำ ขอให้สุขสบายดีนะครับยังแอบเอาใจช่วยอยู่ แม้นไม่ค่อยได้ตอบ ขอส่งกำลังใจช่วยครับ ;D ;D ;D ;D

ขอบคุณครับ

วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2551

ไปถึง รพ. 7.30 น. ลงทะเบียนแล้วไปที่ห้องตรวจได้บัตรคิวเบอร์ 11  ออกไปหาข้าวมื้อเช้ากินแถวบางรักแล้วซื้อดอกไม่กลับมาพร้อมจุดธูปกล่าวคำบูชาอธิษฐาน ท่านบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ เหมือนทุกครั้งที่มาตรวจ  9.30 น. ได้เข้าพบอาจารย์และแจ้งให้ทราบว่ายังมีเลือดออกเป็นช่วงๆ 
ท่านตรวจดูภายนอกแล้วสั่งอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในใบสั่งยาเรียบร้อย ให้นำปัสสาวะไปตรวจและให้ไปที่แผนกรังสีเพื่อนัดทำการฉีดสีทำเอ๊กซเรย์ หลังจากนำปัสสาวะไปส่งที่ห้องตรวจแล้วไปที่แผนกรังสีได้วันนัดทำวันที่ 27 เดือนนี้ กลับขึ้นไปพบอาจารย์ท่านบอกว่าไม่ต้องเครียดยังไงก็ต้องดูแลกันต่อไป
ให้มาดูผลกันอีกครั้งวันที่ 1 เมษายน ครับ

ทางแผนกรังสีสั่งยาตัวนี้มาให้ล้างท้องก่อนเอ๊กซเรย์เหมือนก่อนผ่าตัด หมดไส้หมดพุงอีกแล้วครับ ;)
(http://img509.imageshack.us/img509/7161/za2hx6.jpg) (http://imageshack.us)

คำสั่งที่ให้ไปติดต่อเพื่อทำเอ๊กซเรย์ครับ
(http://img182.imageshack.us/img182/8540/za4tz6.jpg) (http://imageshack.us)

ขอขอบคุณสำหรับบทความเกี่ยวกับ โรคา พยาธิ

และ ขอเป็นกำลังใจให้ ได้รับชัยชนะจากโรคร้ายครับผม

ด้วยความเคารพครับ
 ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

ผมจะพยายามอดทนและต่อสู้ครับ
ขอบคุณครับพี่


วันนี้ออกจากบ้านสายได้เพราะแผนกเอ๊กซเรย์นัดไว้ 9.30 น.  ถึง รพ. ประมาณ 8.50 น. ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่โจ๊กมื้อเย็นเมื่อวานนี้ กินยาถ่ายเมื่อวานเพื่อล้างลำไส้เหมือนก่อนทำ ซีทีสแกน และ เข้าผ่าตัด
เข้าห้องเอ๊กซเรย์ 5 หลังจากเปลี่ยนชุดของ รพ. เจ้าหน้าที่ให้นอนบนเตียงของเครื่องเอ๊กซเรย์แล้วปรับระดับความสูง ปรับอุปกรณ์เหมือนหัวฉายแสงมาอยู่แถวทวารเทียมหน้าท้อง

ดูที่ทวารเทียมแล้วให้ผมแกะถุงเก็บปัสสาวะออก ผมจึงขอให้ช่วยนำกระดาษชำระที่เตรียมไปด้วยมาให้ ไม่อย่างนั้นเลอะหมดทั้งตัวผมและเตียงเอ๊กซเรย์ เจ้าหน้าที่ก็ฉีกและพับกระดาษให้พร้อมแล้วผมแกะถุงออกจากแป้นเอากระดาษวางไว้รอบทวารเทียม ผมถามว่าวันนี้ฉีดสีตรงไหน เธอก็บอกว่าอาจารย์สั่งไว้ให้ตรวจลำไส้ช่วงที่ต่อกับท่อไตพร้อมกับนำถุงใส่น้ำยาทึบแสงแล้วก็นำท่อนำน้ำยาขนาดท่ออากาศ (ท่ออ๊อกซิเจนตู้ปลา) เสียบเข้าไปจากลำไส้ที่เป็นทวารเทียมหน้าท้อง

ผมไม่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการใดจนเธอพูดว่า ทนสักช่วงหนึ่งจนคุณหมอทำเอ๊กซเรย์เสร็จนะคะ แล้วก็เริ่มดันน้ำยาจากท่อฉีดยาผ่านลำไส้เข้าไปซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกตึงและปวดบริเวณหน้าทองตามแนวจากขวาไปซ้าย  คุณหมอมาเริ่มขั้นตอนการเอ๊กซเรย์ด้วยการดูจอภาพซึ่งอยู่ด้านหล้ง (ผมมองไม่เห็น) แล้วก็ให้ผมตะแคงตัว กลั้นหายใจ และทำการเอ๊กซเรย์ แต่ก็พูดกับผเจ้าหน้าที่ว่า คอนทราสต่ำมาก มองไม่ค่อยเห็นให้ผสมน้ำยาทีบแสงมาเพิ่มแล้วฉีดเข้าไปอีก อาการปวดเพิ่มขึ้นจนไปถึงด้านหล้งของเอวซึ่งผมคิดว่าน้ำยาทึบแสงก็ไปถึงไตทั้งสองข้างแล้ว

คุณหมอให้ผู้ช่วยนำถุงที่แขวนไว้ลงต่ำกว่าเตียงที่ผมนอนและใช้ลูกยางที่ต่อกับท่อในระบบเพื่อปั้มน้ำยากลับออกมาจากลำไส้ อาการปวดลดลงไปทันทีแต่ผมก็รู้ว่าอีกสักพักผมคงปวดอีกเพราะเธอต้องปั้มกลับเข้าไป ประมาณนาทีเศษคุณหมอก็ให้ผู้ช่วยแขวนถุงไว้ที่เดิมแล้วก็ปั้มน้ำยากลับเข้าไปอีกครั้ง...ผมปวดครับ...คุณหมอได้ยินและบอกว่าทนอีกแป๊บนึงเห็นชัดขึ้นแล้ว ให้ผมกลั้นหายใจเป็นช่วงๆ และก็ทำเอ๊กซเรย์ต่อจนเสร็จ ผมนอนพักประมาณ 10 นาที ได้คุยกันต่อนิดหน่อยซึ่งผมก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะจะมาดูผลอีกครั้งวันที่ 1 เมษายน ครับ

อ่านแล้วอย่าหวาดเสียวแทนผมนะครับพี่ๆ  ;)

ตามที่ตั้งใจไว้ว่าจะออกจากบ้านสายหน่อยสำหรับวันนี้....แต่

1 เมษายน 2551

เมื่อคืนเข้านอนดึกเหมือนเดิม (เที่ยงคืนกว่า) ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 6.30 น. ทำอะไรพร้อมแล้วจะได้ออกจากบ้านสัก 8 โมง  แต่ลืมตาแล้วไม่หลับต่อดูเวลาแล้วกดสวิทซ์ปิดการปลุก ตี 5 ครึ่ง เปิดเครื่องวิทยุสมัครเล่นในห้องนอนฟังไปสักพักแล้วอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยไปนั่งดิ่มกาแฟกับน้ำเปล่าพร้อมกับดูข่าวจากโทรทัศน์ หมดกาแฟกับน้ำหนึ่งขวดใหญ่ออกไปเรียกรถแท๊กซี่ปากซอยบ้านเพื่อไป รพ. เลี้ยวเข้าถนนนราธิวาสราชนครินทร์ยังไม่ได้ครึ่งทางจากถนนจันทน์ไปยังแยกสาทรการจราจรก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่งเป็นช่วงๆ ครับ
ดูเวลา...เพิ่ง 7 โมงยังไม่ครึ่งทำไมรถเริ่มติดแล้ววันนี้จึงคิดว่าไม่ผิดหวังที่ออกจากบ้านเช้า ถ้าสายกว่านี้สักชั่วโมงมีหวังวันนี้อาจจะไม่ได้ตรวจแน่ จ่ายค่ารถ 51 บาทแล้วเดินไปยื่นใบนัดแล้วรอเรียกชื่อดูเวลาให้แน่ใจอีกครั้ง 7.40 น. (เช้าเหมือนเดิม) ได้ใบสั่งยา(เปล่า)แล้วขึ้นไปที่ห้องตรวจวันนี้ได้บัตรคิวเบอร์ 11 อีกแล้วแสดงว่าได้พบอาจารย์เร็วแน่ พยาบาลที่ห้องตรวจบอกว่าอย่าลืมไปขอฟิล์มเอ๊กซเรย์ที่แผนกรังสีมาด้วย ผมจึงไปยื่นบัตรผู้ป่วยที่ช่องขอฟิล์มเจ้าหน้าที่ถามว่าเอาอะไรบ้างผมบอกว่าเอาทั้งหมด ยืนรอแป๊บเดียวก็ได้รับซองฟิล์มเรียบร้อยครับ

เดินถือซองฟิล์มไปคิดไปแล้วสงสัยวันนี้ไม่ได้ออกไปกินเกาเหลาเลือดหมูที่ร้านข้าวแกงเก่าบางรักมื้อเช้าแน่ เพราะว่าผมเบิกฟิล์มมาแล้วคงถือออกไปนอก รพ. ไม่ได้แต่ไม่ลองก็ไม่รู้อย่างมากก็ถูกถาม  เดินตรงออกไปหน้า รพ. จนพ้นประตูก็ไม่มีใครว่าอะไร...ได้กินเกาเหลาเลือดหมูเหมือนเดิม อิ่มแล้วกลับไปที่ห้องตรวจ...อาการอยากเข้าห้องน้ำมาแล้วจึงต้องพาซองฟิล์มเข้าไปด้วย กลับไปที่ชั้นสองเดินเล่นอยู่พักหนึ่งเกือบ 9 โมงแล้ว เข้าไปที่ห้องตรวจ...โอ้โห...คนไข้มากผิดปกติวันนี้ขนาดยืนเบียดกันในบริเวณห้องตรวจผมจีงออกมาหาที่นั่งข้างนอกครับ
ได้ที่นั่งที่พอจะได้ยินเวลาเจ้าหน้าที่เรียกผ่านไมโครโฟน ในใจก็เริ่มคิดถึงตอนที่ผมรับฟิล์ม ซีที สแกน ครั้งแรกแล้วเป็นช่วงพักเที่ยงรอเข้าพบแพทย์ที่ รพ. แห่งแรก(ผมยกเลิกการผ่าตัด)ว่าเป็นอะไรขนาดไหนร้ายแรงหรือไม่ แล้วอีกความคิดหนึ่งก็แซงขึ้นมาแทนทำนึกถึงเจ้าก้อนเซลล์ที่อาจจะพบในระบบทวารเทียมจากฟิล์มในซองหลังจากพบและอาจารย์ชี้ให้ดูวันนี้เป็นเหตุทำให้มีเลือดออกมากับปัสสาวะร่วมเดือนแล้ว ผมพยายามข่มใจตัวเองไม่ให้คิดแต่ก็ทำไม่สำเร็จเพราะมันวนเวียนอยู่ตลอดเวลาจนได้ยินเสียงคุ้นๆ เรียกชื่อและนามสกุล ผมจึงหยุดคิดครับ

พี่ศรี(พยาบาล)เรียกนี่หว่า...รีบลุกแล้วเดินเข้าไปในห้องตรวจ...แกบอกว่าคิว 11 ฟิล์มพร้อมแต่อาจารย์ยังไม่ลง opd เลยวันนี้สงสัยจะนานกว่าทุกครั้งแน่ คนไข้นัดก็เกือบ 60 คน ให้ผมหาที่นั่งที่สามารถนั่งยาวได้ไว้เลย ผมก็กล่าวขอบคุณแกแล้วออกไปหาที่นั่งอีกรอบแต่ก็ไม่ยากนั่งๆ เดินๆ อีกอย่างผมต้องเข้าห้องน้ำเป็นช่วงๆ เนื่องจากต้องปล่อยน้ำออกจากถุงที่ติดหน้าท้องด้วย ความคิดที่เรียนให้ทราบก็กลับมาวนเวียนจนผมต้องหยิบน้ำมันทาหอมขวดเล็กในกระเป๋าเสื้อมาทาเป็นระยะเผื่อช่วยผ่อนคลาย(อย่าถือสาคนแก่นะครับ)
10 โมงกับอีก 20 นาที พี่ศรีเรียกผมอีกครั้ง...เดินไปหน้าห้องตรวจได้พบคนไข้หลายคนได้ทักทายกันตามประสาคนป่วย(มีผมคนเดียวที่เป็นมะเร็งและอายุน้อยที่สุดต่างหาก) พี่ศรีขอบัตรคิวผมแล้วบอกว่ารอนักศึกษาชุดใหม่(3 คน)ที่มาเรียนกับอาจารย์เรียกชื่อ ผมคุยกับน้า ลุง พี่อีกท่านหนึ่ง(เป็น่ต่อมลูกหมากโต อายุน้อยกว่าผม)เพิ่งเข้ามาก็ทักทายผมคุยกันเบาๆ อยูทั้งกลุ่มประมาณ 15 กว่านาทีทำให้ผมลืมความคิดที่หลอนไปอย่างอัตโนมัติ ต่างคนต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกันและบอกว่าผมดูอ้วนขึ้นกว่าเดิมมากพอควร

เข้าพบอาจารย์ได้เห็นนักศึกษาแพทย์ที่เรียนเฉพาะทางอีก 3 คนนั่งอยู่ด้วย ผมสวัสดีทั้งหมดแล้วส่งซองฟิล์มให้แล้วนั่งลง อาจารย์เปิดแฟ้มการตรวจรักษาและพูดให้ นศพ. ทราบถึงขั้นตอนการรักษาผมตั้งแต่เริ่มต้น นำฟิล์มตั้งแต่ก่อนผ่าตัด หลังผ่าตัดติดที่บอร์ดไฟชี้นให้ดูถึงตำแหน่งของโรค เสร็จแล้วก็หยิบฟิล์มชุดล่าสุดออกมาพร้อมพูดว่า ผ่านมา 5 เดือน ตอนนี้มีปัญหาเลือดออกอีกครั้งมาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้น ความกลัวกลับมาที่ผมอีกครั้งแต่ก็ดูฟิล์มอยู่สักพักแล้วก็บอกให้ นศพ.อ่านรายงานผลของรังสีแพทย์ซึ่งก็ปรากฏว่า ไม่พบอะไรเพิ่มในระบบที่สั่งให้ตรวจ ผมโล่งใจทันทีแต่ก็ถามอาจารย์ว่าขั้นตอนต่อไปของผมจะเป็นอย่างไรบ้างผมเป็นไข้มาสองสามวันหลังจากฉีดสีสองรอบ ท่านก็บอกว่าขอดูอาการอีกสามอาทิตย์หากยังไม่ดีขึ้นจะส่งไปตรวจด้วยการส่องกล้อง ช่วงนี้ให้พักผ่อนก่อนเพราะไม่อยากให้กระทบกับระบบทวารเทียม ให้ผมขึ้นนอนที่เตียงตรวจแล้วขออนุญาตให้ นศพ.ดูทวารเทียมที่หน้าท้องพร้อมอธิบายถึงข้อดีเทียบกับการฝังลำไส้แทนที่กระเพาะปัสสาวะแล้วใช้ระบบขับถ่ายแบบเดิม

สั่งยาพร้อมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ให้แล้วถามผมว่าต้องการอุปกรณ์ตัวใดเพิ่มหรือไม่ ผมก็เรียนท่านว่าที่เบิกให้เพียงพอกับการใช้ ท่านก็บอกว่าอย่าเครียด
นัดครั้งต่อไป 29 เมษายน ครับ

(http://img353.imageshack.us/img353/1560/dsc03381mk8.jpg) (http://imageshack.us)

ขอบคุณพี่ๆ ที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ
ด้วยความเคารพทุกท่าน

ยังเป็นกำลังใจให้อยู่นะครับ... ::002::

กำลังใจจากผมด้วยอีกคนครับ

ขอบคุณพี่รัตตรามากๆ ที่ให้กำลังตลอดเวลาครับ ::014::


ขอบพระคุณครับพี่อ้วน  008 ::014::

ตั้งแต่วันพฤหัสช่วงสายๆ หลังจากตื่นนอนแล้วทำกิจวัตรประจำวันที่เพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างคือเทปัสสาวะจากถุงพ่วง สังเกตุว่าสีเริ่มจางและเปลี่ยนจากสีโค๊กอ่อนมาทางสีเขียวทำให้ผมสบายใจขึ้น ช่วงกลางวันทำงานและเข้าห้องน้ำเพื่อปล่อยน้ำออกจากถุงติดหน้าท้องก็ดูว่าเลือดจางลงเกือบมองไม่ออกแล้ว ยาที่อาจารย์สั่งมาให้ถึงวันนี้นับแล้วเพิ่งกินไป 5 เม็ด แต่ก็ต้องกินให้หมด 28 เม็ดตามคำสั่ง ถ้าอาการทุเลาลงจนไม่มีเลือดออกมาปนกับปัสสาวะที่พบ วันที่ 29 เดือนนี้ผลจากการตรวจปัสสาวะคงเป็นปกติและผมคงจะไม่ต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มด้วยการสอดกล้องผ่านทวารเทียมหน้าท้องเพื่อตรวจอีกครั้งครับ


จากเรื่องของมะเร็งชนิดต่างๆ มาอ่านต่อครับ
อาหารเพื่อสุขภาพ

โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในสตรี โดยสาเหตุที่เกิดมีหลากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม อาหารที่มีไขมันสูง ฮอร์โมน ความอ้วนและกัมมันตภาพรังสี เป็นต้น โดยสตรีควรทำการตรวจคลำเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำทุกเดือนเพื่อสำรวจความผิดปกติ ในปัจจุบันทางการแพทย์เชื่อว่ามะเร็งเต้านมไม่ใช่โรคเฉพาะที่ แต่เป็นโรคทั้งระบบของร่างกาย ดังนั้น การรักษาด้วยการผ่าตัดจึงไม่เพียงพอ อาจต้องได้รับเคมีบำบัด และยาต้านฮอร์โมนร่วมด้วย โดยการผ่าตัดจะมีทั้งแบบผ่าตัดเลาะเต้านมออกทั้งหมด และผ่าตัดบางส่วนในกรณีที่ก้อนเนื้อมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถเก็บรักษาเต้านมไว้ได้ แต่หลังผ่าตัดอาจต้องรับการฉายแสงเพื่อควบคุมส่วนที่เหลือ

ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมส่วนใหญ่มักจะต้องได้รับการรักษาทั้งเคมีบำบัดและการฉายรังสี ดังนั้นผลข้างเคียงจึงมีมาก นอกจากนี้ ยังพบได้บ่อยที่มะเร็งเต้านมมักจะกลับมาเป็นซ้ำ เช่น เป็นข้างขวารักษาจนไม่พบมะเร็งแล้วแต่ต่อมาพบการกลับมาเป็นข้างซ้ายอีก เพราะฉะนั้นหากดูแลตนเองไม่ดีทั้งเรื่องของอาหารและการปฏิบัติตัว ก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดมาเป็นซ้ำอีกได้สูง การดูแลน้ำหนักตัวถือเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ และการป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านม เนื่องจากเซลล์ไขมันสามารถส่งเสริมการทำงานของฮอร์โมนเอสโตรเจนได้

โภชนบำบัด
ข้าวแป้ง

รับประทานข้าวแป้งโดยได้รับคาร์โบไฮเดรต 50-55% ของพลังงานที่ร่างกายต้องการทั้งหมดต่อวัน ควรรับประทานข้าวแป้งเป็นอาหารหลักทั้ง 3 มื้อ ในผู้ที่อยู่ในภาวะเจ็บป่วยควรได้รับข้าวอย่างน้อยมื้อละ 2-3 ทัพพี พบว่าการได้รับธัญพืช โดยเฉพาะธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นต้น จะช่วยให้ร่างกายได้รับโฟเลทซึ่งสามารถให้ผลดีต่อผู้ป่วยมะเร็งได้

เนื้อสัตว์

เนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูงควรหลีกเลี่ยง อีกทั้งเนื้อสัตว์ที่ผ่านกระบวนการปิ้งย่างจนเกิดเขม่าควันควรหลีกเลี่ยง รวมไปถึงเนื้อสัตว์ที่ผ่านการแปรรูป เช่น ไส้กรอก กุนเชียง ควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้การรับประทานเต้าหู้หรือน้ำนมถั่วเหลืองวันละ 1 แก้วสามารถให้ผลดีต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งและลดอัตราการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ แต่ทั้งนี้ต้องไม่รับประทานในปริมาณมากเกิน เพราะการได้รับถั่วเหลืองในปริมาณมากเกิน ก็สามารถส่งผลให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตขึ้นจากฤทธิ์ที่คล้ายคลึงกับฮอร์โมนเพศหญิงของถั่วเหลืองได้

ไขมัน

ควรได้รับไขมันวันละ 30% ของพลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน และไม่รับประทานไขมันอิ่มตัว รวมไปถึงอาหารที่ใช้น้ำมันทอดซ้ำ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันแฝง เช่น เบเกอร์รี่ ไอศกรีม เนื่องจากจะเสี่ยงต่อการได้รับพลังงานมากเกินทำให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งเป็นสาเหตุส่งเสริมการเกิดโรคมะเร็งได้ สำหรับไขมันชนิดไม่อิ่มตัว โอเมก้า-3 จะมีผลในการลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็ง แต่บางงานวิจัยก็ไม่มีผล ดังนั้นการรับประทานไขมันจึงควรรับประทานแต่พอดี

ผัก

ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านมหากได้รับผักเป็นปริมาณมาก จะดีกว่าการได้รับผลไม้ในปริมาณมาก เพราะในผลไม้จะมีน้ำตาลสูงทำให้เกิดไขมันสะสมได้ โดยหากรับประทานพวกผักใบเขียวจะไม่จำกัดจำนวนในการรับประทาน แต่ในผู้ป่วยบางกลุ่มที่ได้รับยาต้านฮอร์โมนกลุ่ม Tamoxifen ควรได้รับแครอทและดอกกะหล่ำเพิ่มบ้าง เพื่อลดอาการร้อนๆ หนาวๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างได้รับยา

ผลไม้

เลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจัด และควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีเส้นใยสูง เช่น ฝรั่ง ชมพู่ ผลไม้ที่มีสีแดงสดและมีสีออกแดงหรือสีส้ม ที่สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือกเพราะให้สาร flavonoid ลดการเกิดมะเร็งได้


ตัวอย่างรายการอาหาร
เช้า
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี
แกงจืดกะหล่ำปลีพันเต้าหู้ โดยใส่เต้าหู้ขาวชนิดอ่อน 1-2 หลอด)
ผัดผักรวม 

กลางวัน
ข้าวต้ม 1 ถ้วย
ต้มยำปลากระพง ใส่เห็ด ใส่ปลากระพง 5-6 ชิ้น
ไก่ผัดขิง ใส่ขิงซอย และใช้น้ำมันรำข้าว 1-2 ช้อนชา 

เย็น
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี
ยำไก่ฉีก รสเผ็ดน้อย เลือกใช้เฉพาะเนื้ออกไก่
ซุปบร็อคโคลี่ ใส่แครอท น้ำผลไม้ 1 แก้ว 

โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว

มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือ Leukemia หมายถึง ภาวะที่ร่างกายสร้างเซลล์เม็ดเลือดชนิดใดชนิดหนึ่งมากกว่าปกติหลายเท่า ยังผลให้เซลล์เม็ดเลือดชนิดอื่นๆ ถูกสร้างลดน้อยลง สาเหตุการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัด อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ การได้รับสารเคมีบางชนิด หรือการติดเชื้อไวรัส เป็นต้น อาการที่บ่งบอกว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คือ เลือดจาง ซีด หน้ามืด เวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย เลือดออกง่ายบริเวณผิวหนัง เหงือกเป็นจ้ำ ตามตัวอาจพบต่อมน้ำเหลืองโต ติดเชื้อง่าย เป็นไข้บ่อยๆ และอาจพบก้อนในท้องเนื่องจากตับ ม้ามโต ด้วย

มะเร็งเม็ดเลือดขาวแบ่งเป็นสองชนิดคือ Acute leukemia จะเกิดขึ้นเฉียบพลัน เกิดรอยจ้ำขึ้นตามตัว เม็ดเลือดแดงต่ำ ภายในระยะเวลา 1 เดือน ชนิดที่สอง Chronic leukemia เกิดจากเซลล์ไขกระดูกสร้างเม็ดเลือดขาวโครงสร้างผิดปกติ ทำให้อายุของเม็ดเลือดขาวยืนนานกว่าปกติ แต่เม็ดเลือดขาวในชนิดนี้ยังพอทำงานได้บ้าง ผู้ป่วยมักจะมีอาการซีดร่วมด้วย แต่ก็ไม่รุนแรงเท่าชนิดแรก การรักษามีทั้งใช้เคมีบำบัด รังสีรักษาและการใช้การปลูกถ่ายไขกระดูก

เนื่องจากโรคมะเร็งชนิดนี้เกี่ยวข้องกับเม็ดเลือดทำให้การได้รับอาหารไม่ดี อาจส่งผลต่อการสร้างเม็ดเลือดที่แย่ลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย 

โภชนบำบัด
ข้าวแป้ง

รับประทานได้ตามปกติโดยควรรับประทานอย่างน้อยมื้อละ 2-3 ทัพพี แต่ถ้าหากได้รับรังสีรักษาหรือเคมีบำบัดแล้วเกิดอาการไม่อยากอาหาร สามารถให้ขนมปังหรือแครกเกอร์(ขนมปังกรอบ) แทนข้าวได้ หรืออาจจะลดส่วนข้าวลงแล้วเพิ่มน้ำผลไม้ให้ผู้ป่วยแทน แต่น้ำผลไม้ที่เลือกใช้ควรผ่านการพลาสเจอไรซ์เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่น น้ำส้ม พลาสเจอร์ไรซ์บรรจุกล่อง น้ำผักผลไม้รวมชนิดกล่อง เป็นต้น

เนื้อสัตว์

ควรได้รับโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยเน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์คุณภาพดีไม่ติดมันมากจนเกินไป สามารถรับประทานได้ทุกชนิด หากรับประทานเป็นไก่ก็ควรเลือกเฉพาะเนื้อหน้าอกไม่เอาหนัง และควรรับประทานไข่ไก่สัปดาห์ละ 2-3 ฟอง หรือดื่มนมพร่องมันเนย

ไขมัน

ยังสามารถรับประทานได้ แต่ไม่แนะนำให้รับประทานมาก และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีการใช้น้ำมันทอดซ้ำๆ 

ผัก

ผักใบเขียวต้องรับประทานอย่างสม่ำเสมอเพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง และควรได้รับผักที่ปรุงสุกแล้ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นได้ สัดส่วนของผักจะไม่จำกัดปริมาณสามารถรับประทานได้ตามต้องการ ผักที่มีสี เช่น มะเขือเทศ แครอท สามารถลดการก่อตัวของเซลล์มะเร็งได้

ผลไม้

สามารถรับประทานได้ทุกชนิด โดยเฉพาะผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม เป็นต้น นอกจากผลไม้รูปแบบสดยังสามารถรับประทานผลไม้รูปแบบน้ำผลไม้ได้อีกด้วย ข้อควรระวังผลไม้ควรล้างให้สะอาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค เพราะผู้ป่วยโรคนี้มักจะติดเชื้อง่ายกว่าคนปกติ ผลไม้ประเภทแอปเปิ้ลควรรับประทานเป็นประจำ เพราะมีสาร flavonoid ลดการเกิดมะเร็งได้ และยังมีงานวิจัยถึงการได้รับผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย ร่วมกับผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงจะสามารถลดการเกิดความรุนแรงของลูคิเมียได้

ตัวอย่างรายการอาหาร
เช้า
น้ำส้มคั้น 1 แก้ว
แครกเกอร์รสจืด 3-5 แผ่น 

กลางวัน
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี
ส้มตำไทยรสไม่จัด ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์แทนถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ
ลาบเต้าหู้ไม่เผ็ด ใช้เต้าหู้แผ่น

เย็น
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี
ผัดบร็อคโคลี่ ใส่น้ำมันน้อย
แกงข่าไก่ใช้น้ำเต้าหู้แทนกะทิ
กล้วยหอม 1-2 ผล 

เรียนพี่ RroamD ครับ...

พี่ใจเย็นและอดทนดีมากครับ...

ต้องถือเป็นคนไข้ตัวอย่างครับ...

ยังเอาใจช่วยอยู่เสมอครับ...:D

...ช่วงนี้ไม่ได้เข้ามาบ่อยนัก แต่ขอเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD ครับ ขอให้หายเร็วๆ นะครับพี่...

ผมก็ีอีกคนครับ   ขอให้พี่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ    ::014::

ที่พี่เอารูปมาลง  พ่อใช้มาหมดแล้วค่ะ จากที่กินไม่ได้
ต้องให้ทางอาหารทางจมูก โดยการสอดสายยางลงไป
จากนั้นร่างกายไม่รับ  ต้องเปลี่ยนมาให้ทางท้องนี่แหละค่ะ
แล้วถุงนี้ก็ไว้เก็บกากอาหารที่ขับถ่าย  เห็นแล้วสงสารค่ะ
ทรมาน  :~) :~)

เข้ามาร่วมเป็นกำลังใจให้พี่ อารมณ์ดี อีกครั้งครับ... ::002::

ขอบพระคุณพี่หมอรุตมากๆ ที่ให้คำปรึกษากับผมมาตลอดหลังการผ่าตัดจนถึงทุกวันนี้ ผมใจเย็นและอดทนมากขึ้นส่วนหนึ่งจากกำลังใจของพี่หมอและพี่ๆ ทุกท่านที่เว๊บบอร์ด อวป. แห่งนี้ อีกส่วนหนึ่งจากครอบครัวและพี่น้องของผมด้วยครับ
ขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านอีกครั้งครับ


เป็นทางที่ผมเลือกตั้งแต่แรกเรื่องการผ่าตัดทำทวารเทียมเพื่อถ่ายปัสสาวะทางหน้าท้องแทนการทำระบบลำไส้ฝังในแทนที่กระเพาะปัสสาวะที่ถูกตัดออก ทำให้ผมไม่เครียดนักเมื่อมีอาการเลือดออกปนกับปัสสาวะอย่างที่พบอยู่เพราะอาจารย์ท่านตรวจแล้วบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก วันที่ 29 เดือนนี้จะตรวจปัสสาวะแล้วรอดูผลอีกครั้งว่าจะต้องตรวจเพิ่มด้วยการส่องกล้องหรือไม่หลังจากที่การฉีดสีเอ๊กซเรย์ไม่พบอะไรผิดปกติครับ

ส่วนของคุณพ่อของพี่ก็เป็นการผ่าตัดใหญ่เพื่อบำบัดรักษาโรคนี้ซึ่งคุณแม่ผมไม่ได้ทำการผ่าตัดลำไส้ใหญ่แต่ใช้เคมีบำบัดได้เพียงครั้งเดียวท่านก็มีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว (อายุ 72 ปี เมื่อปี พ.ศ.2542) และจากไปหลังจากการให้เคมีสองเดือนครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

โภชนบำบัดสำหรับมะเร็งกระเพาะอาหาร

มะเร็งกระเพาะอาหารสามารถเกิดขึ้นที่ส่วนใดของกระเพาะอาหารก็ได้ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นเซลล์ชนิด adenocarcinoma ปัจจัยเสี่ยงเกิดจาก การสูบบุหรี่ การติดเชื้อ Helicobacter pyroli การมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง เพศชายจะเสี่ยงมากกว่าเพศหญิง 2 เท่า การป่วยเป็นโรคโลหิตจางชนิด Pernicious anemia Hereditary nonpolyposis (HNPCC หรือ lynch syndrome) , familial adenomatous polyposis (FAP) และโรคอ้วน เหล่านี้จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

อาการของโรคบางครั้งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใด หรือมีอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนก็ได้ การวินิจฉัยอาจทำการส่องกล้องหรือกลืนแป้งเพื่อดูชิ้นเนื้อที่เป็นอยู่ การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของก้อนเนื้อร้าย การกระจายไปอวัยวะอื่นๆ หรือไม่ และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย ในหลายกรณี คณะแพทย์ซึ่งประกอบด้วยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร ศัลยแพทย์ อายุรแพทย์โรคมะเร็ง และแพทย์รังสีรักษา ต้องปรึกษากันเพื่อวางแผนการรักษาที่ดีที่สุด

โภชนบำบัด
ข้าวแป้ง

ผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารคงต้องหันมาให้ความสำคัญต่อการควบคุมคาร์โบไฮเดรตร่วมด้วย เนื่องจากพบว่า หากคาร์โบไฮเดรตมากไปอาจทำให้เกิดผลเสียต่อโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ได้ พลังงานจากอาหารหมู่นี้ยังคงได้รับเท่าเดิม คือ  55-60% ของพลังงานทั้งหมด แต่การได้รับนั้นควรกระจายให้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเท่ากันทุกมื้ออาหาร ยกเว้นในกรณีที่เพิ่งผ่าตัดกระเพาะออกไปบางส่วน ควรแบ่งมื้ออาหารและลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตให้น้อยเท่าที่ทำได้ เพื่อลดอาการไม่สบายท้องรวมไปถึงคลื่นไส้อาเจียน ควรรับประทานอาหารที่หลากหลาย วันไหนเบื่ออาหารประเภทข้าวอาจจะเปลี่ยนเป็นขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยวราดหน้าบ้างก็ได้

เนื้อสัตว์

การรับประทานเนื้อสัตว์มากจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเนื้อสัตว์ที่ติดมันมาก หรือในกรณีที่มีการปนเปื้อนของสารเคมี เช่น ในเนื้อหมูอาจจะมีไขมันอยู่เยอะ และมีการปนเปื้อนของสารเร่งเนื้อแดง ดังนั้น ควรเลือกเนื้อสัตว์ที่มีไขมันต่ำและจากแหล่งหรือร้านที่เชื่อถือได้ว่าไม่มีการปนเปื้อนสารเคมี  ควรได้รับโปรตีนวันละ 15% ของปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการแต่ละวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุด คือ ไข่ไก่ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่มีกรดอะมิโนครบทุกชนิด

ไขมัน

ไขมันยังคงเป็นสิ่งที่ควรจำกัด และดูแลเป็นพิเศษ ควรงดเว้นของทอด กะทิ และอาหารอื่นๆ ที่มีส่วนประกอบไขมันสูง การปรุงประกอบอาหารโดยใช้น้ำมันมะกอกจะสามารถส่งผลดีต่อผู้ป่วยมะเร็งได้ ดังมีรายงานของการรับประทานอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งจะใช้น้ำมันมะกอกปรุงอาหาร พบว่าอัตราเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารลดลง  แต่อย่างไรก็ตาม ถึงมีข้อมูลว่าน้ำมันมะกอกให้ผลดีต่อผู้ป่วย แต่ไม่ได้หมายถึงการรับประทานไขมันมากๆ และจะส่งผลดีต่อร่างกายดังนั้นควรลดการรับประทานไขมันเท่าที่เป็นไปได้

ผัก

พืชในกลุ่มผักที่มีสาร Isoflavone มีรายงานทั้งช่วยควบคุมเซลล์มะเร็งและไม่มีผลต่อการควบคุมมะเร็ง แต่อย่างไรก็ตาม สารเหล่านี้ก็ยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ จึงถือว่าการรับประทานผักกลุ่มกะหล่ำ บร็อคโคลี่ ยังให้ผลดีในการต้านอนุมูลอิสระอยู่ ควรรับประทานผักให้ได้วันละ 5 ทัพพี ขึ้นไป และมีรายงานถึงเห็ดหัวลิง ว่าสามารถให้ผลดีในการลดการเกิดมะเร็งกระเพาะรวมไปถึงแผลในกระเพาะอาหารได้

ผลไม้

ผลไม้สามารถรับประทานได้ทุกชนิด แต่ให้ระมัดระวังในกรณีของการผ่าตัดกระเพาะแล้วเท่านั้น หลังจากนั้นสามารถเลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่มีเนื้อหยาบเกินไปได้ตามต้องการ อาทิ มะละกอสุก ส้ม เป็นต้น

ตัวอย่างรายการอาหาร
เช้า
ข้าวต้มทรงเครื่อง 1 ถ้วยใส่ไก่สับ
น้ำเต้าหู้ 1 แก้ว

กลางวัน
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี แกงจืดผักกาดขาวใส่อกไก่สับ
ผัดเห็ดหัวลิงน้ำมันหอย
ส้ม 1 ผล
น้ำผัก 1 แก้ว

เย็น
ข้าวสวย 2-3 ทัพพี
ต้มจับฉ่ายโดยไม่ต้องนำผักไปผัดก่อนต้ม
น้ำพริกอ่องใช้เนื้อไก่สับแทนหมูบด
น้ำผลไม้ 1 แก้ว

          ขึ้นเวป เห็นชื่อก็ดีใจกับชายสู้ชีวิต คนนี้ครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

ขอบคุณครับพี่ ผมคงต้องสู้ไปตลอดครับ


29 เมษายน 2551

ตั้งใจว่าจะไปถึง รพ. ประมาณ 8 โมงเช้า จากประสบการณ์คงได้เข้าตรวจอย่างเร็วก็ 10-11 โมงเพราะว่าต้องรอผลการตรวจปัสสาวะ เมื่อคืนเข้านอนเที่ยงคืนกว่าแต่ก็ลุกจากที่นอนแล้วดูเวลา...6 โมงเช้าพอดี ในเมื่อตื่นเช้าแล้วก็เปลี่ยนความตั้งใจรีบเข้าห้องน้ำทำกิจวัตรและพอดีครบ 6 วันจึงต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ที่รองรับปัสสาวะจากทวารเทียมที่หน้าท้องด้วย นั่งที่เบาะรถแท๊กซี่ไปตามทางที่คนขับไม่ต้องถาม (นราธิวาสราชนครีนทร์เลี้ยวขวาเข้าถนนสีลม ผ่านแยกมเหสักข์) รถจอดหน้า รพ. เดินไปถึงเวชระเบียนยื่นใบนัดแล้วรอเรียก...ได้รับใบสั่งยา (เปล่า) เพื่อใช้ประกอบการตรวจ...ดูเวลา 7 โมง 45 นาที

เดินไปที่ห้อง 107 เพื่อนำปัสสาวะส่งตรวจตามที่ระบุในใบนัด  ส่งตรวจเสร็จแล้วนำใบแจ้งลำดับและชื่อไปที่ห้องตรวจแผนกศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ OhO...วันนี้มาเช้าแล้วยังได้บัตรคิวเบอร์ 21 แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะผลตรวจปัสสาวะจะส่งถึงห้องตรวจก็ 10 โมงกว่าพอดีกับคิวที่ได้ เดินไปกินโจ๊กที่ปากซอยทางเข้าโรงภาพยนตร์ปริ๊นซ์ บางรัก อิ่มท้องแล้วซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ 1 พวง เดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อซื้อน้ำมันพืช 1 ขวด นึกขึ้นได้ว่าลืมนำไฟแช๊คมาจากบ้านด้วยจึงเสียเงินอีก 10 บาท กลับเข้า รพ. แล้วเดินไปที่ลานจอดรถหน้าตึกกาจนาภิเษกที่ผมเคยเข้ารับการผ่าตัดและพักรักษาตัวครับ

เดินไปเกือบถึงศาลของท่านบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ เห็นไฟในตะเกียงสแตนเลสตั้งพื้น (ผมซื้อไปถวายท่านไว้) ยังติดอยู่รู้สึกดีใจเพราะปกติผมจะแวะมาเติมน้ำมันในตะเกียงอาทิตย์ละ 1 ครั้งไม่วันเสาร์ก็อาทิตย์ ถือพวงมาลัยพร้อมถูปในมือคุกเข่าลงกล่าวนะโม 3 จบ กล่าวคำบูขาท่านเสร็จพร้อมอธิษฐานแล้วถวายพวงมาลัย กำลังจะเดินไปที่ตึกอำนวยการด้านถนนสีลมซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องตรวจ ท้องเกิดอาการปั่นป่วนแต่อาการยังไม่รุนแรงนักดูเวลาเกือบ 9 โมงแล้ว จึงเดินเข้าตึกขึ้นลิฟท์ไปที่หอผู้ป่วยชั้น 22 ที่ผมเคยอยู่ ออกจากลิฟท์เดินไปทาง ward พิเศษ 4 ครึ่งทางแล้วเข้าห้องน้ำครับ (ห้องน้ำสะอาดที่สุดเมื่อเทียบกับตึกอื่นๆ) :D

ผมเดินเล่นอยู่ที่ชั้น 2 ของตึกอำนวยการเพราะต้องรอผลการตรวจปัสสาวะตอนเช้าที่ยังส่งมาไม่ถึงห้องตรวจเมื่อยก็นั่งเล่น เดินสวนกับอาจารย์ที่รักษาให้ผมก็ยกมือไหว้และทักทาย ช่วง 11 โมงกลับไปที่ห้องตรวจพี่พยาบาลขอดูบัตรคิวผมส่งให้แกก็บ่นว่าทำไมผลตรวจวันนี้ช้ามากและคนไข้ที่ยังไม่ได้เข้าตรวจก็มีอีกหลายคนรวมทั้งผมด้วยกลัวจะไม่ทันเที่ยง อีก 15 นาทีจะเที่ยงวันผมก็ได้เข้าตรวจ อาจารย์ดูผลตรวจปัสสาวะแล้วถามผมว่าเลือดยังออกมากหรือไม่ ผมก็เรียนท่านว่าเป็นๆ หายแต่จะเห็นได้ชัดเจนช่วงตื่นนอน ท่านก็บอกว่ารายงานจากผลตรวจแจ้งว่าพบเม็ดเลือดแดงซึ่งไม่ค่อยดีนัก

ผมถามท่านต่อว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร ท่านก็บอกว่าอาจจะเป็นเนื่องอกในระบบอีกที่เคยพบคือท่อหรือปลายท่อไต (ตอนผ่าตัดให้ผมตรวจแล้วไม่พบ) พร้อมบอกว่าจะให้นัดทำการฉีดสีเอ๊กซเรย์อีกครั้ง ผมจีงเรียนท่านว่าเพิ่งทำเมื่อปลายเดือนก่อน (มีนาคม) ที่ทำให้ผมเป็นไข้ 3 วัน ท่านก็รีบพลิกบันทึกการตรวจแล้วหัวเราะและบอกผมว่า..."ดีนะที่คุณบอก ไม่อย่างนั้นผมสั่งให้ทำอีกครั้งแน่ๆ ครับ" อย่างนี้คงไม่ต้องทำและไม่ต้องส่องกล้องตรวจเพราะถ้าเป็นเนื่องอกส่องกล้องก็คงไม่เห็นเพราะชิ้นเนื้อคงเล็กมาก ขอทิ้งช่วงประมาณ 3 เดือนจึงจะให้ฉีดสีเอ๊กซเรย์ว่าพบหรือไม่ หากพบก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขั้นตอนเหมือนตอนที่ตรวจพบครั้งแรกแล้วใช้กล้องตัดชิ้นเนื่อเพื่อส่งตรวจเพื่อดูว่าเป็นแบบใด ไม่ต้องผ่าตัดแต่จะใช้รังสีบำบัดครับ

ผมถามท่านเพิ่มเติมเรื่องเลือดออกกับโลหิตจาง ท่านตรวจดูด้วยการเปิดเปลือกตาล่าง (ตามที่ผมได้ทำและให้แฟนช่วยดูตามคำแนะนำของพี่หมอรุตครับ) และบอกว่าไม่ต้องห่วงเพราะไม่มีอะไรผิดปกติ หากไม่แน่ใจหรือไม่สบายใจท่านจะสั่งเจาะเลือดเพื่อตรวจซึ่งผมก็เรียนท่านว่ายังไม่ต้องครับ ท่านให้ผมขี้นนอนเพื่อตรวจทวารเทียม ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ลงจากเตียงตรวจผมเรียนท่านว่าผมปวดแขนขวามากในช่วงเดือนนี้เวลาเอิ้อมมาถูหลังเวลาอาบน้ำ ท่านบอกว่าเป็นอาการเริ่มต้นของไหล่ติดหลังผ่าตัด สั่งยาให้แต่ถ้ากินหมดแล้วไม่หายให้มาพบในวันออกตรวจแล้วท่านจะส่งไปพบอ่าจารย์ทางกระดูก ผ่านไปสำหรับการตรวจติดตามอีกหนึ่งครั้งกับเวลา 6 เดือนหลังผ่าตัดครับ

อุปกรณ์ที่ต้องใช้พร้อมยาเกี่ยวกับอาการปวดแขนที่ท่านได้กรุณาเบิกให้วันนี้ครับ
(http://img225.imageshack.us/img225/6381/dsc03446rs3.jpg) (http://imageshack.us)

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ ::014::

เยี่ยมมากครับพี่ RroamD เป็นคนไข้ตัวอย่างจริงๆครับ...:D

สวัสดีครับ จอมยุทธอินทรีย์
สู้ต่อไป เป็นกำลังใจให้เต็มที่ครับ

แอบอ่านอยู่เรื่อยๆ

ลุ้น ตาม...อย่างใจจดใจจ่อ....

เป็นกำลังใจให้ครับพี่...

ขอบคุณครับพี่หมอ อนาคตอันใกล้อาจจะได้เป็นพรีเซนเตอร์ระบบทวารเทียมสำหรับผู้ป่วยที่กำลังมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ท่านพูดเกริ่นๆ ไว้ แต่ขอติดตามอาการของผมก่อนเป็นอย่างแรกครับ


ขอบคุณพี่ Deaperado ที่ให้กำลังใจครับ


ขอบคุณครับพี่ ปลายเดือนมิถุนายนจะต้องตื่นเต้นและปวดกับการฉีดสีเอ๊กซเรย์อีกครั้งครับ


8 พฤษภาคม 2551

ยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้ปวดหมดมื่อวันจันทร์ อาการปวดแขนด้านขวาและหัวไหล่ยังไม่ทุเลาลง
ผมถึง รพ. 6.30 น. เพราะต้องวันนี้คงต้องใช้เวลามากแน่ๆ ได้รับบัตรคิวแล้วเจ้าหน้าที่เรียกเข้าห้องตรวจผู้ป่วยนอกทั่วไปเพื่อพบแพทย์ ท่านซักอาการพร้อมดูแฟ้มประวัติการรักษาของผมด้วย แจ้งว่าอาจจะเป็นโรคไหล่ติด จะให้แพทย์เฉพาะทางตรวจและบำบัดรักษาต่อ นำแฟ้มออกมาให้พยาบาลหน้าห้องตรวจดูและติดเอกสารส่งต่อพร้อมบอกให้ผมไปที่ห้องตรวจ 900

ออกจากห้องตรวจ 8.25 น. เดินขึนบันไดและคิดไปด้วยจำได้ว่าห้องตรวจโรคกระดูกคือ 209 แต่นี่ให้ผมไปที่ห้อง 900 ???
ผมเดินไปจนถึงเคาเตอร์หน้าห้อง 900 คือห้องตรวจเวชกรรมฟื้นฟูและกายภาพบำบัด ยื่นแฟ้มให้แล้ว 9.05 น. เจ้าหน้าที่เรียกให้เข้าไปที่ห้องเบอร์  5 ทำการวัดความดันโลหิตได้ 150/80 แล้วเข้าไปพบแพทย์ที่ออกตรวจวันนี้เป็นสุภาพสตรี (แพทย์หญิง) ท่านดูประวัติในแฟ้มแล้วก็ซักอาการพร้อมกับให้ผมยกแขนขึ้น ไขว้ไปที่หลังระดับเอว กดที่ด้านหลังหัวไหล่แล้วถามว่าปวดตรงที่กดใช่หรือไม่

ท่านตรวจตรงจุดที่ผมยอมรับจริงๆ ท่านถามว่ากลัวเข็มมั้ย...ผมตอบอย่างมั่นใจว่า...ไม่ครับ ท่านพูดต่อว่า...ดีแล้วอย่างนั้นจะได้ฉีดยาแก้อักเสบให้เพราะเป็นอาการอักเสบของเส้นเอ็นหัวไหล่ ให้ผมรอด้านนอกเพราะให้พยาบาลเตรียมยาและอุปกรณ์ ท่านก็ตรวจผู้ป่วยรายอื่นๆ ต่อ สักพักหนึ่งพยาบาลก็มาเรียกอีกครั้งแล้วให้ผมถอดเสื้อแล้วนอนทีเตียงตรวจ ผมคิดในใจ...งานนี้ฉีดที่แขนแน่ๆ...พลิ๊กล๊อค...คุณหมอให้ผมนอนคว่ำแล้วกดจุดที่ปวดด้านหลังหัวไหล่ขวาแล้วก็ฉีดยา...นอนหงายแล้วให้ผมกำมือ ข้อศอกตั้งกับเตียงแล้วบอกว่าออกแรงเหมือนงัดข้อ

กดจุดปวดที่ด้านหน้าหัวไหล่ขวา...ฉีดยาเข้าไปอีกครั้ง...ผมไม่รู้สึกเจ็บนิดเดียวตอนแทง เสร็จแล้วบอกว่า ยาแก้อักเสบตัวนี้มี สเตียรอยด์ ผสมนิดหน่อย :o นำแฟ้มออกไปที่เคาเตอร์เพื่อรับใบนัด (29 พ.ค. 51) พยาบาลให้ผมนำยาฉีดมาคืนเพราะในใบสั่งยาได้เบิกไว้ ไปที่ห้องทำกายภาพบำบัด...ผมได้พบกับนักกายภาพบำบัดที่อัธยาศรัยดีมากๆ ถามว่าสะดวกวันใดในสัปดาห์เพราะคุณหมอสั่งให้ทำ 3 วัน ต่อ สัปดาห์ ผมก็บอกว่า จันทร์ พุธ ศุกร์ เธอก็ออกใบนัดทำกายภาพบำบัดให้แล้วบอกให้ผมทราบว่าเวลามาตามนัดไม่ต้องลงทะเบียนเพื่อข้อแฟ้มที่เวชระเบียน ให้ไปยื่นใบนัดที่แผนกบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้วขึ้นมาพบกันได้ครับ

ลงไปยื่นใบสั่งยาแล้วออกไปซื้อดอกไม้มาไหว้ท่านบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ พร้อมกับปรับไส้ตะเกียงและเติมน้ำมันปาล์มไปหนึ่งขวด กลับไปที่ห้องยารับยาแล้วกลับมาที่ทำงานครับ

1.  DICOFENAC 25MG 30 เม็ด
2.  BAMOLIN TAB 30 เม็ด
3.  DICOFENAC 1% GEL 30G 1 หลอด
4.  KANALONE 10ML 1 ชุด ยาฉีดมีส่วนผสมสเตียรอยด์ที่ผมต้องคืนทางแผนก

...เป็นกำลังใจ..ให้เสมอนะครับพี่... ::002::

เป็นกำลังใจให้เสมอครับ...สู้ สู้ สู้ ครับ

ขอบคุณครับพี่ ::014::


12 พฤษภาคม 2551

วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมต้องไปทำกายภาพบำบัดเรื่องปวดแขนขวาเพราะเส้นเอ็นไหล่อักเสบ ยื่นเอกสารที่ประทับตราจากแผนกประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ที่เคาเตอร์หน้าแผนกเวชศาสตร์ฟิ้นฟู เจ้าหน้าที่เรียกแล้วเข้าไปที่ห้องกายภาพบำบัดนอนที่เตียงเจ้าหน้าที่นำถุงน้ำร้อนที่ห่อด้วยผ้าขนหนูรองและทับไหล่ขวาประมาณครึ่งชั่วโมง  เสร็จแล้วนักกายภาพบำบัดคนเดิมเริ่มต้นทำการยึดเส้นเอ็นไหล่ด้วยการดึงแขนขวาด้วยท่าต่างๆ อย่างชำนาญ ทำไปคุยกับผมไปด้วยซึ่งบางช่วงก็เจ็บมากจนน้ำตาไหลครับ

ผมถามว่าผู้ป่วยแบบเดียวกับที่ผมเป็นมีมากหรือไม่ เธอก็บอกว่ามีมากพอสมควรส่วนใหญ่อายุ 45 ปีขึ้นไปที่มารับการบำบัด โรคนี้หาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้แต่การรักษาด้วยวิธีนี้หายแน่นอน หลังจากยึดเส้นเอ็นด้วยท่าต่างๆ แล้วให้ผมไปดึงรอกโดยมือซ้ายดึงลงมือขวาไขว้หลังจะถูกดึงขึ้น...อย่าให้พูดครับ...ปวดสุดๆ เธอบอกให้ผมดึง 50 ครั้งแบบไม่เร่งแต่ให้ดึงให้แขนขวางอขึ้นสูงสุดเท่าที่ทนความปวดได้ ผมก็สู้กับความปวดที่ตัวเองเป็นคนทำจากเครื่องกายภาพบำบัดนี้นับไปเรื่อยจนถึง 100 ครั้งแล้วก็เธอ เธอก็ยิ้มและบอกว่า ดีมากค่ะ วันนี้เสร็จแล้วกลับได้

ผมจะต้องไปทำกายภาพบำบัดอีก 7 ครั้งแล้วคุณหมอนัดตรวจอีกครั้งวันที่ 29 เดือนนี้ครับ
ขอบคุณที่สละเวลาเข้ามาอ่านครับ ::014::

...ขอให้พี่ RroamD หายไวๆ นะครับ...  ;D ;D ;D

ขอบคุณครับพี่ โรคเก่ายังอยู่ในการติดตาม โรคใหม่ก็ต้องทำการบำบัดครับ


27 พฤษภาคม 2551

วันนี้ไปถึง รพ. สายเหมือนกับไปทำกายภาพบำบัด ยื่นใบนัดที่เวชระเบียนและได้รับใบสั่งยาในเวลาไม่เกิน 5 นาทีเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่มากันตั้งแต่เช้าตรู่  ผมนำใบนัดและใบสั่งยาที่ประทับสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าแล้วไปยื่นที่ห้องตรวจได้คิดเบอร์ 42 พี่พยาบาลแซวว่าวันนี้สายกว่าทุกวันแล้วบอกให้ไปที่ห้อง 107 (ห้องชัณสูตรโรค) เพื่อตรวจปัสสาวะ ผมคิดในใจว่าวันนี้สงสัยจะไม่ได้ตรวจแน่ๆ หลังจากหยิบบัตรคิวเบอร์ 261 เพื่อรอยื่นเอกสารทีอาจารย์สั่งตรวจปัสสาวะ เพราะดูเวลา 9.15 น. แล้วเพิ่งเรียกคิวเบอร์ 200 ต้นๆ

เสร็จจากส่งปัสสาวะ 10.05 น. ใช้เวลานั่งรอคิวเกือบหนึ่งชั่วโมง ได้รับบัตรรับผลให้ถือกลับไปส่งที่ห้องตรวจ ดูแล้วระบุการตรวจในช่อง UA และทำเครื่องหมายในช่อง Cell count ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าคืออะไร เดินออกไปซื้อพวงมาลัยดอกมะลิหนึ่งพวงพร้อมธูปหอมหนึ่งห่อมาถวายที่ศาลท่านบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ กลับขึ้นไปนั่งรอจนพยาบาลเรียกเข้าห้องตรวจประมาณ 11.30 น. วันนี้มีนักศึกษาแพทย์ที่เรียนเฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะสองท่าน เป็นผู้ชาย 1 และผู้หญิง 1 อาจารย์เปิดแฟ้มของผมแล้วก็พูดให้ทั้งสองท่านฟังตามขั้นตอนของโรค การผ่าตัด จนถึงอาการที่ยังมีเลือดออกในการตรวจครั้งล่าสุด

อาจารย์ได้อธิบายให้นักศึกษาแพทย์ทั้งสองทราบถึงการตรวจตามอาการหลังการผ่าตัดพักฟื้นแล้ว ท่านดูผลการตรวจปัสสาวะแล้วให้ผมนอนที่เตียงตรวจเพื่อดูสีของปัสสาวะในถุงเก็บที่ติดหน้าท้อง พร้อมตรวจดูลำไส้ที่เปิดหน้าท้องเป็นทวารสำหรับระบายปัสสาวะแล้วให้นักศึกษาลองดูซึ่งทั้งสองท่านก็ไม่ค่อยกล้าเข้ามา คงยื่นอยู่ห่างๆ จนอาจารย์ท่านต้องบอกว่าให้เข้ามาดูใกล้ๆ อีกหน่อยต้องทำผ่าตัดให้ผู้ป่วยแล้วจะทำยังไงแล้วก็ยิ้ม กลับมานั่งที่โต๊ะท่านบอกว่า เซลล์ที่นับได้น้อยลงกว่าเมื่อเดือนที่ผ่านมาซึ่งนับว่าเป็นผลที่ดี นัดให้มาตรวจปัสสาวะและพบอีกครั้งเดือนหน้า ยังไม่สั่งให้ทำการฉีดสีเอ๊กซเรย์ครับ

ผมยกมือสวัสดีท่านอาจารย์และคุณหมอนักศึกษาแพทย์เฉพาะทางซึ่งท่านเกือบรับไหว้ไม่ทัน ผมลงมายื่นใบสั่งและรอรับวัสดุทางการแพทย์ที่อาจารย์สั่งให้ ประมาณครึ่งชั่วโมงก็เรียกชื่อแล้วผมไปที่ช่องจ่ายยา เภสัชกรแจ้งว่าให้โทรมาถามทุกสองวันตามหมายเลขของแผนกเภสัชกรรมที่สติ๊กเกอร์ในถุงยาเล็กเพราะ แป้นติดหน้าท้องและถุงไม่มีในคลัง ผมไม่เครียดเพราะได้ซื้อและสำรองสิ่งเหล่านี้ไว้จำนวนหนึ่งแล้ว วันพรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำกายภาพบำบัดแต่วันพฤหัสนี้ต้องไปพบแพทย์ทางเวชศาสตร์ฟื้นฟูตามนัดเพื่อตรวจเส้นเอ็นและข้อไหล่ครับ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาอ่าน
ด้วยความเคารพทุกท่านครับ

...ยังเอาใจช่วยอยู่เสมอครับพี่ RroamD...  ;D ;D ;D

ยังคงติดตามและขอเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD อยู่เสมอครับ...:D

เป็นกำลังใจให้พี่จอมยุทธอินทรีย์อยู่เสมอครับ

ขอบคุณพี่ CT_Pro4 พี่หมอ rute และ พี่ Desperado มากๆ ครับ

29 พฤษภาคม 2551

วันนี้ไปพบแพทย์ทางเวชศาสตร์ฟิ้นฟูช่วงสายๆ ประมาณ 9 โมงกว่า ท่านให้ยกแขนขวาขึ้นให้สูงสุดดูในแฟ้มของฝ่ายกายภาพบำบัดแล้วบอกว่าไม่ต้องทำกายภาพต่อให้พักก่อน ถามว่ายังปวดมากเวลาใช้แขนท่าใดผมก็เรียนท่านว่าเวลาไขว้แขนลงแล้วเอื้อมขี้นไปแตะที่กลางแผ่นหลัง ท่านถามว่ายาที่กินหมดแล้วทำให้มีอาการแสบกระเพาะอาหารหรือไม่ซึ่งผมก็บอกว่าไม่เป็น สั่งยาใหม่พร้อมยาลดกรดและแนะนำให้กินทันทีหลังจากกินข้าวและดิ่มน้ำตามมากๆ ท่านถามว่าผมมีนัดตรวจทางแผนกศัลยกรรมวันใดจะได้นัดให้ห่างกันสัก 1 อาทิตย์ ผมเรียนท่านวันที่ 24 เดือนหน้า ท่านนัดมาตรวจอีกครั้งวันที่ 19 เดือนหน้าและเตือนเรื่องท่าบริหารที่นักกายภาพแนะนำให้ทำทุกวัน ผมขอบคุณพร้อมยกมือไหว้และลาท่านครับ

ลงมายื่นใบสั่งยาพร้อมสติ๊กเกอร์เบิกแป้นติดหน้าท้องและถุงของเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รออยู่ 20 นาที เจ้าหน้าที่ห้องยาเรียกแล้วผมถามเรื่องของตกเบิก คุณเภสัชกรชายท่านหนึ่งบอกให้ผมรอสักครู่หนึ่งเพราะจะไปเบิกที่คลังซึ่งอยู่อีกตึกให้ผม ผมรับยาที่แพทย์ทางเวชศาสตร์สั่งเรียบร้อยรออยู่อีกเกือบ 15 นาทีก็ได้รับอุปกรณ์ที่ตกเบิก คุณเภสัชกรถามผมว่า ทำไมไม่ให้หมอเบิกเผื่อไว้สักครั้งละ 10 ชุดเพราะของมักจะขาดจากคลังเป็นช่วงๆ จากบริษัทที่นำเข้าและจำหน่าย ทำให้ผู้ป่วยที่สามารถใช้สิทธิ์ไม่ได้รับและบ่นกันเป็นประจำ ผมบอกเธอว่าคงต้องแบ่งกันถ้าเบิกกันครั้งละมากๆ คงจะได้กันไม่ทั่วและ รพ.ต้องใช้งบมากถึงแม้จะเบิกจากกระทรวงสาธารณสุขได้ก็ตาม คุณเภสัชกรยิ้มแล้วพูดว่า " ถ้าคนป่วยคิดแบบพี่เยอะๆ ก็ดีสิครับ ส่วนใหญ่คิดแต่อยากได้ของฟรี " :o

(http://www.khonkaenlink.info/upload/images/20085292041101.jpg) (http://www.khonkaenlink.info)

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านอาฯด้วยครับ

ผมเพิ่งเข้ามาในเวปนี้ได้ไม่นาน แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้พี่อีกหนึ่งคนครับ

ขอให้ท่านอารมณ์ดี กลับมาแข็งแรงปกติดังเดิมครับ

ขอบคุณที่ให้กำลังใจกับผมตลอดครับ


ขอบคุณมากครับ

วันที่ 19 เดือนนี้ไปพบแพทย์ที่แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูตามนัด ยาที่สั่งมาหมดแล้ว ผมทำกายภาพบำบัดด้วยท่าที่นักกายภาพแนะนำมาตลอดครับ

วันที่ 24 เดือนนี้ก็ต้องไปพบอาจารย์ที่แผนกศัลยกรรมระบบทางเดินปัสสาวะตามนัดเพื่อตรวจและดูผลการนับจำนวนเซลล์เม็ดเรื่องแดงเหมือนสองครั้งที่ผ่านมาครับ

วันนี้บ่ายๆ ออกไปทำบุญถวายสังฆทานที่วัดไผ่เงินใกล้บ้าน
ลูกสาวเขียนชื่อลงบนแผ่นเทียนที่ทำบุญถวายเทียนพรรษาให้ผมกับแฟนครับ ;)
(http://www.khonkaenlink.info/upload/images/20086151735561.jpg) (http://www.khonkaenlink.info)

เสร็จแล้วผมซื้อพวงมาลัย น้ำมันปาล์ม ธูปหอม น้ำดื่ม ไปถวายที่ศาลบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ บริเวณลานจอดรถหน้าตึกกาญจนาภิเษกของ รพ.เลิดสิน
วันนี้ตะเกียงสแตนเลสตั้งพื้นสำหรับจุดธูปเทียนบูชาที่ผมถวายไว้ไฟดับ ผมนำตัวแป้นลูกลอยสำหรับร้อยเชือกไส้ตะเกียงออกมาทำใหม่แล้วจุดไฟ จุดธูปอธิษฐานกับท่านแล้วนำน้ำมันปาล์มเติมตะเกียงครับ ::014::
(http://img81.imageshack.us/img81/2484/zzss2lm3.jpg) (http://imageshack.us)

 ::002::  ติดตามอ่านอยู่ครับ ขอเป็นกำลังใจให้อีกครั้ง และหลายๆครั้ง ครับ  ::002::

สู้ค่ะ... ::002::

เรียนพี่ RroamD ครับ...

ป้ายหินอ่อนของท่าน ชีวก โกมารภัจจ์ แตกแล้วครับ...:D

ขอเป็นกำลังใจให้พี่อารมณืดีครับ...

ขอให้ท่านจอมยุทธอินทรีหายในเร็ววันครับ

ขอให้กำลังใจพี่อารมณ์ดีครับ..... ลูกสาวของพี่อารมณ์ดีน่ารักมากครับ.....

ขอบคุณครับ


สู้ครับ
วันนี้เจ็บอีก...พี่ลองอ่านต่อครับ :(


แตกตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมมาอธิษฐานกับท่านก่อนเข้าทำการผ่าตัดแล้วครับพี่หมอ
ผมรับปากท่านไว้แต่ไม่ใช่การบน จะทำป้ายใหม่มาแทนของเดิมครับ


ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ


ตอนนี้เป็นที่พึ่งของพ่อได้บ้างเวลาผมขอให้ช่วยนิดๆ หน่อยๆ ครับ

ขอบคุณครับ



ช่วงหลายที่ผ่านมาผมอาจจะเข้ามาในเว๊บไม่ต่อเนื่องเพราะ ปวดขามาก ครับ

19 มิถุนายน 2551
ได้เข้าพบคุณหมอประมาณสิบโมงกว่า ให้ยกแขนหลายๆ ท่าซึ่งผมก็ทำได้โดยอาการปวดน้อยลงมาก ท่านพอใจกับผลการบำบัดด้วยยาและการบริหารตามท่าที่ช่วยเรื่องเส้นเอ็นและข้อไหล่
ผมเรียนท่านว่ามีอาการปวดขาข้างขวาช่วงด้านซ้ายของหน้าแข้งและน่องโดยกดจุดที่ปวดให้ท่านดู ท่านยิ้มๆ แล้วถามว่า จะรักษายังไงดี ผมบอกท่านว่าแล้วแต่ความเห็นของท่าน

ให้ผมนอนที่เตียงตรวจแล้วแทงเข็มเข้าด้านข้างหน้าแข้งตามตำแหน่งนี้ครับ (ขออภัยหากภาพไม่น่าดูครับ) :~)
(http://img518.imageshack.us/img518/5899/dsc03513xg4.jpg) (http://imageshack.us)

จ่ายยาที่เคยสั่งให้เหมือนครั้งล่าสุด ไม่ต้องทำกายภาพบำบัดสำหรับอาการปวดขา แล้วนัดตรวจอีกครั้งเดือนหน้าครับ

วันอังคารไปพบอาจารย์ตามนัดตรวจระบบทางเดินปัสสาวะครับ

ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจและสละเวลาเข้ามาอ่าน ::014::
ด้วยความเคารพครับ

ลูกสาวน่ารักมากค่ะพี่

มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ  ::002::

ขอบคุณพี่ Ramsjai สำหรับคำชมครับ
ผมให้เธอมาอ่านด้วย...ยิ้มใหญ่ครับ

24 มิถุนายน 2551

วันนี้รอผลการตรวจปัสสาวะ (urine analysis>cell count) ถูกส่งขึ้นมาที่คอมพิวเตอร์ห้องตรวจศัลยกรรมช้ามากเนื่องจากมีผู้ป่วยหลายๆ แผนกที่ต้องตรวจปัสสาวะ ผมได้พบอาจารย์ก็เที่ยงสิบห้านาทีแล้วยังมีผู้ป่วยคิวหลังจากผมอีกห้าคน อาจารย์ดูผลการตรวจแล้วแจ้งว่ายังไม่ค่อยดีนักเพราะยังพบเม็ดเลือดแดงถึงแม้ปริมาณจะลดลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

ให้ผมไปนัดแผนกรังสีวิทยาเพื่อทำการฉีดสีเอ็กซเรย์และท่านบอกผมว่าไม่ต้องเครียดแต่ต้องอดทนกับการตรวจตามขั้นตอน หากผลครั้งนี้ออกมายังไม่เห็นสิ่งผิดปกติก็จะใช้การตรวจด้วยการส่องกล้องเป็นวิธีต่อไป ผมเรียนท่านว่าผมทนได้ถึงแม้จะมีอาการอึดอัดในช่วงที่ฉีดสารทึบแสงเข้าไปทางทวารเทียมหน้าท้องแล้วรู้ว่าสารเหลววิ่งไปตามลำไส้ที่ต่อกับท่อไตจนรู้สึกปวดเอว ท่านก็บอกว่าเข้มแข็งดีแล้วครับ

ท่านสั่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ผมต้องใช้ให้เหมือนทุกเดือน ผมลงไปยื่นใบสั่งยาแล้วออกไปหาข้าวมื่อเที่ยงกินเพราะแผนกรังสีวิทยาพักเที่ยง กลับเข้ามาที่ห้องจ่ายยารับของเรียบร้อยแล้ว แผนกรังสีนัดทำเอ๊กซเรย์วันที่ 9 กรกฎาคม 9-10 โมงเช้า ออกใบสั่งยาระบายอย่างแรงที่ผมเคยกินเพื่อล้างลำไส้ก่อนทำเอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์ ก่อนผ่าตัด และการฉีดสีเอ๊กซเรย์ครั้งที่ผ่านมา
ผมกลัวยาระบายตัวนี้มากกว่าการทำเอ๊กซเรย์แต่ละแบบ :o
เพราะแรงเหมือนกระสุน magnum ครับ  :D
(http://www.khonkaenlink.info/upload/images/20086262116341.jpg) (http://www.khonkaenlink.info)

                                           เป็นกำลังใจให้ครับ........จากใจจริง   อดทนสู้...นะครับ...
                                                                           nit-ninja
                                                         

ขอบคุณครับพี่


9 กรกฎาคม 2551

ตามที่ได้เรียนให้ทราบเรื่องการฉีดสีทำเอ๊กซเรย์เพื่อค้นหาว่าอะไรเป็นต้นเหตุทำให้เลือดออกมาปนกับปัสสาวะ วันนี้ผมถึง รพ. 8.45 น. ยื่นใบนัดที่แผนกรังสีวิทยา รอประมาณ 1 ขั่วโมง เจ้าหน้าที่เรียกให้ไปที่ห้องเอ๊กซเรย์พิเศษ 5 เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นนอนบนเตียงของเครื่องที่เคยนอนมาครั้งหนึ่งเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา วันนี้คุณหมอเป็นผู้เหญิงเข้ามาคุยด้วยพร้อมถามประวัติเพราะถ้าไม่ได้นัดตรวจทางเชระเบียนจะไม่ส่งแฟ้มผู้ป่วยครับ

ผู้ช่วยคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญแผนกได้เตรียมสารทึบรังสีและท่อฉีด ผมได้เรียนให้คุณหมอทราบถึงระยะเวลาตั้งแต่เข้ารับการผ่าตัดจนถึงวันนี้ซึ่งเป็นการฉีดสีเอ็กซเรย์ครั้งที่ 2 ตามที่อาจารย์สั่งเพราะครั้งแรกไม่พบสิ่งผิดปกติ เมื่อทุกอย่างพร้อมผมแกะถุงออกจากแป้นติดที่หน้าท้องแล้วนำกระดาษชำระที่นำติดตัวมาด้วยซับไว้รอบทวารเทียม ท่อยางถูกสอดเข้าที่ทวารเทียมหน้าท้อง ผมไม่รู้สึกอะไรครับ

อาการตึงที่หน้าท้องจากด้านขวาไปทางซ้ายถึงข้างเอวเริ่มขึ้นเมื่อสารทึบรังสีถูกฉีดเข้าไปตามลำไส้ที่ต่อกับท่อไต ผู้ช่วยฯ บอกว่าถ้าปวดให้บอกทันที ผมรู้สึกปวดตึงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่มากเหมือนครั้งแรก คุณหมออยู่ที่หน้าเครื่องบังคับการฉายแสง หัวฉายแสงเอ๊กซเรย์เริ่มเคลื่อนที่ไปตามตำแหน่งต่างๆ แล้วผมจะกลั้นหายใจตามที่คุณหมอสั่ง ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็เสร็จ ปล่อยสารทึบแสงออกจากระบบทวารเทียม ผมติดถุงกลับเข้าแป้นเรียบร้อย

คุณหมอขออนุญาตผมเพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เพื่อให้นักศึกษาแผนกรังสีวิทยาได้ศึกษา เมื่อถ่ายภาพเสร็จให้ผมนอนพักแล้วบอกผมว่า เท่าที่ดูจากมอนิเตอร์ระหว่างการบันทึกก็ไม่พบเห็นสิ่งผิดปกติ รอดูผลจากคณะแพทย์แผนกรังสีอีกครั้งแล้วให้ผมมารับฟิล์มพร้อมผลไปให้อาจารย์ดูอีกครั้งวันที่นัดตรวจ 15 กรกฎาคม 2551
หัวไหล่หายเกือบเป็นปกติแล้วแต่ขาขวายังเจ็บอยู่ คุณหมอแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูนัด 21 กรกฎาคม 2551

ขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านที่เป็นกำลังใจให้ผมครับ ::014::
ด้วยความเคารพ

สู้ ๆ  ครับ

             ขอให้ใจสบาย มีกำลังใจสู้ครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::002:: ::002::

มาให้กำลังใจเหมือนเช่นเคยค่ะพี่

อยากให้ผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง และกำลังท้อแท้ มาอ่านเยอะๆค่ะ

ถ้าเราสู้ ไม่ว่าโรคจะร้ายแรงเพียงใด ก็จะผ่านพ้นได้ด้วยกำลังใจค่ะ

ให้กำลังใจครับ http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=1867  (http://music.siamza.com/music.php?k=64K&id=1867)

ลูกสาวพี่อารมณ์ดีน่ารักมากๆเลย :D

ขอเป็นกำลังใจให้หายเร็วๆครับพี่ :D

ขอให้หายเร็วๆ นะครับ

...มาให้กำลังใจคุณอารมณ์ดีครับ  :) หายเร็วๆ มีโอกาสจะได้ไปออกรอบถ่ายภาพกันครับ

   มาร่วมให้กำลังใจพี่ครับ ขอให้หายไวๆ แข็งแรงโดยเร็วครับพี่...

ขอเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD ครับ....

มาเป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ ;D

ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ  หายจากโรคภัยเร็วๆ  เมื่อยังมีลมหายใจก็ต้องมีความหวัง  อย่าพึ่งท้อแท้สู้ต่อไปนะครับ ::002:: 

สู้ครับพี่... ขอให้หายป่วยไวๆครับ...

แอบอ่านมาหลายครั้ง  แต่ยังไม่เคยโพสลงเลย อ่านครั้งแรกๆ ตอนนั่นประมาณหน้าที่สิบกว่าๆแล้ว
ขอนับถือด้วยใจจริงครับ " คุณ RroamD " กับจิตใจที่แข็งแกร่ง.. ขอส่งกำลังใจร่วมด้วยอีกคนครับ


 

ติดตามอ่านกระทู้นี้อยู่หลายชั่วโมง อดทน ต่อสู้ดีค่ะ ขอชมเชยคุณภรรยาและลูกสาวที่เป็นกำลังใจอย่างใกล้ชิดด้วย
ขอให้แข็งแรง แข็งแรง หายป่วยเร็วๆ นะค่ะ

ขอให้หายเร็วๆนะครับ...สุขภาพแข็งแรง...สู้..สู้ครับ... ::014::

ผมเคยทานยาตัวนี้เหมือนกัน...ตอนต้องสองกล้องตรวจลําไส้ใหญ่....

อย่างที่บอกครับ....ผมแทบเดินไม่ไหว....ถ่ายอย่างเดียว....

เก็บขวดเก็บกลองไว้เป็นที่ระลึกเลย....



ผมขอให้หายวันหายคืนนะครับ....ตามอ่านมานานด้วยความห่วงใย....ขอส่งกําลังใจไปช่วยครับ....

พี่ RroamD รับประทาน Swiff อย่างไรครับ...

90 ซีซี ทีเดียว...

หรือ 45 ซีซี สองครั้งห่างกันสามถึงสี่ชั่วโมง...

แต่ว่าก็ว่าเถิดครับ...

Swiff นี่เป็นยาที่ดีจริงๆครับ...

สมัยก่อนผมเคยให้คนไข้กินน้ำยาสำหรับเตรียมลำไส้( Polyethyleneglycon) ทีละ 4 ลิตร...

ถึงจะเตรียมได้สะอาดอย่างเจ้า Swiff นี่แค่ 90 ซีซี ครับ...:D

...ขอเป็นกำลังใจให้พี่ RroamD ครับ...  ::008:: ::008:: ::008::

...ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยคำแนะนำของพี่ ตอนนี้ผมเป็นนักวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นถูกต้องแล้วครับ E22GDG รายงานตัวครับ...   ::014:: ::014:: ::014::

ขอร่วมเป็นกำลังใจให้พี่อารมณ์ดีครับ

พี่อารมณ์ดีเป็นตัวอย่างเรื่องความเข้มแข็งและการมองโลกในแง่ดี ให้ผมเองเอาไปเป็นตัวอย่างให้กับตัวผมเอง

 ::002:: เป็นกำลังใจให้อีกครั้งครับ  ::002::

ยกนิ้วให้เลยครับ สำหรับการครองสติ รับกับสถานการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น

ขอเป็นกำลังใจให้อีกเสียงหนึ่งครับ..   ::014:: :D

ไม่สบายจากอาการแพ้เหมือนครั้งแรก ไม่ได้เข้ามาตั้งแต่ที่มาโพสครั้งล่าสุด เป็นไข้อย่างแรง 3 วันครับ ::013::

ป้อมทอง
rockguns
lek
jungle
ฮิวโก้
bundit-loadsopa
จินตา <Jinta>
wutthi
peedta
kong
dig5712

ขอบพระคุณกำลังใจจากพี่ๆ ทุกท่านมากครับ ::014::


ผมเป็นคนตั้งชื่อให้เธอว่า ชนกนาถ มีความหมายว่า เป็นที่พึ่งของพ่อ
หลายวันนี้เธอทำหน้าที่ได้ดีมาก พี่บาร์ทอ่านต่อด้านล่าง
ขอบคุณครับ



ผมตั้งกระทู้หลังจากออกกลับมาพักฟื้น พฤศจิกายน 06, 2008 จะครบ 1 ปีแล้ว
ขอบคุณพี่ SA-KE, พี่ซาร่า ครับ
ภรรยาผมและลูกสาวจะได้อ่านกระทู้นี้ด้วยเป็นช่วงๆ มีกันอยู่ 3 คน พ่อ แม่ ลูก ต้องช่วยดูแลซึ่งกันและกัน
แต่ผมจะเป็นภาระบางครั้งเวลาเข้ารับการตรวจบางอย่างแล้วมีผลกระทบครับ


ขอบพระคุณพี่ coda มากครับ
หวังไว้ว่าจะมีโอกาสร่วมถ่ายภาพและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้วยกัน ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวฟ้าสวยๆ ครับ


ขอบคุณมากครับพี่
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ข่ายสื่อสารของกิจการวิทยุสมัครเล่นขั้นต้นของประเทศไทย
กลางวันถ้าพี่มีเวลาว่างช่วงใดเข้ามาฟังที่ 144.9375 MHz จันทร์-ศุกร์ หลังเที่ยงผมจะคุยกับเพื่อนๆ บ่อยครับ


ผมเริ่มรู้สึกเป็นห่วงแฟนและลูกสาวเพราะกลัวว่าจะไม่สามารถอยู่กับพวกเธอได้นานนักเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคนี้ คุณแม่ผมก็ถึงแก่กรรมด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่หลังจากผ่าตัดก้อนมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะประมาณ 2 ปี แต่ท่านไม่ได้ตัดออกทั้งกระเพาะและทำทวารเทียมแบบผมซึ่งอาจารย์ที่ผ่าตัดให้ท่านบอกว่าเป็น การกำจัดต้นตอและส่วนที่อยู่ใกล้ให้หมด ครับ
ขอบคุณมากครับพี่


ที่ รพ. มีอยู่แผนกหนึ่งเรียกว่า คลินิคกำลังใจ อยู่ชั้นเดียวกับส่วนงาน เวชศาสตร์ฟื้นฟู ที่ผมไปรับการบำบัดอาการข้อไหล่กับปวดขาครับพี่ เคยเดินไปอ่านข้อความหน้าแผนกเป็นส่วนงานที่ดูแบบประคับประคองผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายอย่างใกล้ชิดด้วยวิธีผสมผสานเพื่อลดความเจ็บปวดและทรมาน
ผมตั้งสติและเลิกคิดต่างๆ นาๆ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดจนถึงวันนี้ แต่ก็ยังคงต้องดูและติดตามต่อครับ
ขอบคุณพี่ Ramsjai มากๆ ครับ


เป็นยาถ่ายที่แรงมากครับพี่ การเตรียมลำไส้ก่อนเข้าผ่าตัด 48 ชั่วโมง พยาบาลเตรียมให้ผมกินตามกำหนดเวลาและเตือนแฟนผมว่าให้กดสัญญานเรียกถ้าจะเข้าห้องน้ำเพราะไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุจากอาการหน้ามืดหกล้มครับ
ขอบคุณมากครับพี่


น่าจะเป็นผลผลิตที่ทำให้การเตรียมลำไส้สำหรับศัลยแพทย์สะดวกขึ้นและผู้ป่วยทรมานน้อยลงกว่าที่ใช้สารเคมีตัวที่บอกนะครับพี่หมอ
วิธีใช้จากข้อบ่งบ่งใช้ของแผนกรังสีวิทยา
สองวันก่อนทำการฉีดสีเอ๊กซเรย์
ให้ทานอาหารอ่อน งดผักและผลไม้
หนึ่งวันก่อนทำการฉีดสีเอ๊กซเรย์
ให้ดื่ม Swiff รอบแรก 12.00 น. 15 ซี.ซี. ไม่ผสมอะไรแล้วดื่มน้ำตาม 500 ซี.ซี. ทั้งหมด 3 ครั้งๆ หนึ่งห่างกัน 10 นาที
แล้วดิ่มรอบที่สองเวลา 16.00 น. ขนาดและวิธีเหมือนรอบแรกครับ

ขออนุญาตเรียนถามพี่หมอครับ

ผมมีอาการเป็นไข้หนาวสั่นหลังจากการฉีดสีทำเอ็กซเรย์ครั้งนี้เป็นครั้งที่สอง อาการเหมือนกับครั้งแรกซึ่งผมได้เรียนถามอาจารย์แล้วท่านก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นอะไร ผมเสร็จจากขั้นตอนเอ๊กซเรย์ประมาณ 10 โมงกว่าของวันพุธที่ 9, วันพฤหัสช่วงสายๆ เริ่มมีอาการปวดศรีษะมีไข้และระยะของไข้จะสูงมากในวันศุกร์และเสาร์แบบว่าไม่ต้องลุกเดินทานอาหารไม่ค่อยได้เพราะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน มีอาการปวดไตเวลานอนตะแคงและหายใจเข้าลึกๆ ยาที่ผมให้แฟนเตรียมไว้มียาแก้ปวดพาราเซทตามอล 500 ม.ก. นอร์ฟล๊อกซาซีน 400 ม.ก. ครับ มาถึงวันนี้อาการไข้ ปวดไต ลดลงยังมียังมีเลือดปนกับปัสสาวะนิดหน่อย อาจารย์บอกไว้ว่าถ้าไม่พบอะไรในผลเอ๊กซเรย์จะส่งตรวจด้วยการส่องกล้องเป็นวิธีต่อไป

ผมยังพอจำความรู้สึกและประสบการณ์จากการตรวจด้วยการส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อที่พบจากการทำ ซีทีสแกนในครั้งแรกได้ ขอความกรุณาพี่หมอให้ข้อมูลเป็นวิทยาทานในส่วนอาการป่วยหลังทำ Loo pogram (ถ้าเขียนผิดขออภัยเพราะไม่ได้ทำสำเนาใบสั่งตรวจไว้) เป็นเพราะเกิดการอักเสบในระบบทวารเทียมและไตเนื่องจากสารทึบรังสีที่ฉีดผ่านทวารเทียมหน้าท้องเข้าไปถึงท่อไต และสารตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่สวนเข้าทางทวารหนักเวลาทำ ซีทีสแกน หรือเปล่าครับ ส่วนการตรวจด้วยการส่องกล้องสามารถตรวจได้ละเอียดกว่าวิธีที่ใช้มาสองครั้งมากน้อยเพียงใดครับ     

ผมจะเข้าตรวจตามนัดกับอาจารย์วันอังคารนี้ ถ้าท่านอ่านผลครั้งนี้แล้วผมจะมาเรียนให้พี่หมอและพี่ๆ ทราบเพิมเติม
ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้ง
ด้วยความเคารพครับ   

เรียนพี่ RroamD ครับ...

1. อาการไข้หลังจากฉีดสี อาจเกิดได้หลายสาเหตุครับ สาเหตุหนึ่งคือการติดเชื้อย้อนขึ้นไปตามท่อไต การรักษาเบื้องต้นออย่างที่พี่ทำนั้นเหมาะสมแล้วครับ...

2. สารทึบแสงที่แพทย์เลือกใช้นั้นมีได้หลายชนิดครับ ผมเดาว่าไม่น่าใช้ Barium เพราะว่า Barium ไม่ละลายน้ำ การฉีดย้อนตามทางเดินปัสสาวะน่าจะใช้กลุ่มที่ละลายน้ำได้ครับ...

3. การส่องกล้องสามารถดูได้ละเอียดกว่าการฉีดสีครับ เปรียบเทียบง่ายๆก็เหมือนการดูภาพขาวดำจากฟิลม์เนกาทีฟกับดูภาพจากวิดีโอครับ ที่สำคัญการส่องกล้องสามารถเก็บชิ้นเนื้อมาตรวจเพิ่มได้ด้วยครับ...

หากท่านพี่ RroamD สงสัยอะไรถามเพิ่มได้นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าตอบครอบคลุมทุกข้อสงสัยของพี่หรือเปล่าครับ...:D

สู้ต่อไปครับ ขอเป็นกำลังใจให้ครับพี่

ขอบคุณครับพี่


ตอนที่รอผมเห็นผู้เชี่ยวชาญแผนกรังสีเปิดกล่องเครื่องมือและภาชนะฆ่าเชื้อแล้วทำการผสมสารทึบแสง เห็นเป็นของเหลวขวดเล็กสองขวดเทผสมกันแล้วผสมน้ำอีก 200 ซี.ซี. เพื่อใช้ฉีดครับ
ขอบคุณพี่หมอมากครับ
วันอังคารผมรอผลการอ่านฟิล์มจากอาจารย์แล้วถ้ามีข้อสงสัยจะมาเรียนถามพี่หมออีกครั้งครับ

ชื่อเพราะจังเลยครับ :D หายไวๆนะครับพี่  อยากไปถ่ายรูปกับพี่จัง :D

เพิ่งเข้ามาอ่านเพิ่มเติม ให้กำลังใจอีกครั้งครับ พี่มีสติดีมากครับ
สู้ๆ  ::002::

...อ่านเรื่องของพี่ทีไร ผมได้ข้อคิดดีๆ ทุกที ผมขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่พี่เคารพ จงดลบันดาลให้พี่หายยป่วยเร็วๆ ครับ...

 ::014:: ::014:: ::014::

เพิ่งได้อ่านครับ...ขอให้หายป่วยเร็วนะครับ......

สู้ๆค่ะพี่อารมณ์ดี มาเป็นกำลังใจให้ค่ะ

แล้วท่าน CT_pro 4 ล่ะครับ...

อาการเป็นอย่างไรบ้าง...

หวังว่าจะสบายดีนะครับ...:D

ขอบคุณครับพี่บาร์ท เรื่องถ่ายรูปผมต้องนัดกันเวลาพี่กลับมา คงมีโอกาสครับ




ขอบคุณครับพี่


สู้ครับ ผมยังอยากเห็นลูกสาวเรียนจบชั้นสูงสุดในอนาคต
ขอบคุณครับ


ขอบคุณพี่  CT_pro 4 ครับ


เมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม 2551)

เป็นวันที่ผมใช้เวลาอยู่ที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกนานที่สุด ถึง รพ. 08.45 น.
ไปรับฟิล์มที่ฉีดสีเอ็กซเรย์ไว้เมื่อวันที่ 9 จากแผนกรังสีแล้วนำไปที่ห้องตรวจรับบัตรคิว เห็นแพทย์ออกตรวจแทนอาจารย์ ถามพี่พยาบาลก็ได้ทราบว่าอาจารย์ไม่ออกตรวจเพราะไปเฝ้าไข้ภรรยาคลอดบุตรคนที่สอง ในใจก็คิดว่าวันนี้ไม่ได้พบถ้านัดตรวจเดือนหน้าไปเบิกฟิล์มมาให้อาจารย์ดูอีกครั้งก็ได้ไม่เป็นไร ลงไปจุดธูปไหว้ท่านบรมครูหมอชีวก โกมารภัจจ์ ที่ศาลบริเวณลานจอดรถ

11 โมงเศษ พี่พยาบาลเรียกเบอร์คิวและชื่อผม เข้าห้องตรวจพร้อมกับยกมือสวัสดีคุณหมอที่ออกตรวจ (resident doctor) คุณหมอเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาสะอาด เธอดูข้อมูลการตรวจจากแฟ้มของผมไปครวญเพลงเบา (อารมณ์ ;)) หยิบใบแจ้งผลของแพทย์ทางแผนกรังสีออกมาแล้วนำแผ่นฟิล์มขึ้นติดบนบอร์ดแล้วเปิดไฟ ดูฟิล์มอยู่สักพักแล้วก็อ่านผลพร้อมแจ้งให้ทราบว่า ไม่พบสิ่งผิดปกติหรือการเกิดมะเร็งในระบบที่ตรวจ

ผมเรียนให้คุณหมอทราบว่าผมเป็นไข้ไม่สบายตัวมากๆ สองครั้งแล้วหลังจากฉีดสีทำเอ๊กซเรย์ เธอก็บอกว่าไม่น่าจะเกี่ยวเพราะถ้าแพ้สารทึบแสงส่วนใหญ่มักจะพบอาการเป็นผื่น ดูผลเพิ่มเติมแล้วก็แจ้งเพิ่มเติมว่าพบการอักเสบที่หมวกไตหรือกรวยไต (ผมจำไม่ได้แน่นอน) ถามผมว่ายังมีเลือดออกกับปัสสาวะหรือไม่ ผมก็เรียนเธอว่าอาการเริ่มเป็นปกติไม่มีเลือดออกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่าน ผมเรียนเพิ่มว่ามีอาการปวดข้างเอวด้านขวามาก เธอให้ผมยืนหันหลังแล้วลองเคาะดูสั่งให้ไปเก็บปัสสาวะส่งตรวจทันทีแล้วช่วงบ่ายมาดูผล

ผมรับใบส่งตรวจจากพี่พยาบาลแล้วรีบลงไปที่ห้องชัณสูตรโรคเพราะดูเวลาแล้วอีกสิบห้านาทีจะเที่ยงวัน ถึงหน้าห้องกำลังจะหยิบบัตรคิวพี่เจ้าหน้าที่บอกไม่ต้อง ดูใบสั่งแล้วให้กระบอกเก็บปัสสาวะผมไปห้องน้ำแล้วรีบกลับมา ผมใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีพี่ที่ห้องให้แปะสติ๊กเกอร์ที่กระบอกแล้วไปส่งที่ช่องตรวจพร้อมเอกสาร ผมดูเอกสารแจ้งผลตรวจระบุว่าผลออก 13.30 น. นำเอกสารกลับไปให้พี่พยาบาลที่ห้องตรวจเที่ยงวันพอดี ไปทานข้าวที่ศูนย์อาหารของ รพ.

บ่ายเกือบสองโมงพี่พยาบาลโทรแจ้งคุณหมอว่าผลตรวจปัสสาวะของคนไข้มาถึงแล้ว ผมเข้าพบเธออีกครั้งและได้ทราบผลว่ามีการติดเชื่อจากการตรวจปัสสาวะ เธอสั่งยาฆ่าเชื้อให้ผมแล้วนัดให้มาเก็บปัสสาวะและตรวจอีกครั้งวันอังคารที่ 22 เดือนนี้ ถามผมว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ต้องใช้ต้องการเบิกหรือไม่เพราะในแฟ้มอาจารย์เบิกให้ด้วยทุกครั้ง ผมก็ขอเบิกซึ่งเธอก็เขียนรายการเพิ่มลงในใบสั่งยา ผมสวัสดีและกล่าวคำขอบคุณ รับยาเสร็จออกจาก รพ. 15.30 น.

รับยาและอุปกรณ์จากห้องจ่ายยา ผม งง นิดหน่อยเพราะไม่ได้ดูในใบสั่งยา
คุณหมอ (resident doctor) สั่งเบิกอุปกรณ์ยกกล่องให้ผมครับ
(http://img136.imageshack.us/img136/434/dsc03535ly0.jpg) (http://imageshack.us)

เรียนพี่หมอ rute ครับ
ผมได้ขออนุญาตคุณหมอที่ออกตรวจทำสำเนาใบแจ้งของแพทย์แผนกรังสี มาให้พี่หมอช่วยดูและแปลให้เพื่อเป็นประโยชน์กับผมและผู้ที่เข้ามาอ่าน จากอุบัติการณ์ของโรคและผลการติดตาม
โดยเฉพาะผลล่าสุด (9 กรกฎาคม 2551) เรื่องการอักเสบของส่วนไตที่ผมไม่แน่ใจตามที่ได้เรียนไว้ครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้า
ด้วยความเคารพครับ

ผลการตรวจก่อนผ่าตัด (5 ตุลาคม 2550)
(http://img174.imageshack.us/img174/7804/copy4sz9.jpg) (http://imageshack.us)

ผลการตรวจหลังผ่าตัด 3 เดือน (31 มกราคม 2551)
(http://img112.imageshack.us/img112/2039/copy1ry4.jpg) (http://imageshack.us)

ผลการตรวจหลังผ่าตัด 5 เดือน (27 มีนาคม 2551)
(http://img151.imageshack.us/img151/5746/copy2ju9.jpg) (http://imageshack.us)

ผลการตรวจหลังผ่าตัด 8 เดือน (9 กรกฎาคม 2551)
(http://img137.imageshack.us/img137/3697/copy3ew7.jpg) (http://imageshack.us)