หัวข้อ: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ...wahoo... ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:11:05 PM ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ?
ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น เป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีประชากรอาศัยอยู่มาก (200 กว่าล้านคน) จากข้อมูลและสถิติของหน่วย ATF (The Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม สหรัฐอเมริกา (US Department of Justice) ได้รายงานว่าในปี 2003 (พ.ศ.2547) มีการผลิตปืนพก (Pistol & Revolver) ในประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น 1,121,024 กระบอก ส่งออกไปขายเพียง 42,864 กระบอก หรือเพียง 3.8% เท่านั้น ในปีถัดมา (2004) มีการผลิตปืนพกทั้งสิ้น 1,000,610 กระบอก ส่งออกไปขาย 39,081 กระบอก เทียบเป็นเปอร์เซ็นต์เท่ากับ 3.8% ต่อมาในปี 2005 มีการผลิตปืนพกทั้งสิ้น 1,090,798 กระบอก ส่งออกไปขาย 47,260 กระบอก หรือ 4.3% จากสถิติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ปืนพกกว่าร้อยละ 96% ถูกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเอง ในการซื้อขายอาวุธปืนในสหรัฐอเมริกานั้น ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากหากเทียบกับบ้านเรา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกฎหมายการซื้ออาวุธปืนของแต่ละรัฐว่าข้อกำหนดเป็นเช่นไรบ้าง ผมขอยกตัวอย่างการซื้ออาวุธปืนในบางรัฐนะครับ รัฐ California เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงจะรู้จักกันดี เพราะเป็นที่ตั้งของเมือง Los Angeles, San Francisco ฯลฯ ที่รัฐนี้อนุญาตให้ประชาชนทั่วไปซื้อปืนยาว (ปืนไรเฟิลกับปืนลูกซอง) และปืนพกได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากทางการก่อน แต่ปืนพกต้องลงเลขทะเบียนกับตำรวจตอนที่ซื้อกับทางร้านที่จำหน่ายอาวุธปืน ส่วนการพกพาอาวุธนั้นต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน (Concealed Weapon) จึงจะพกพาได้ นอกจากนี้ เยาวชน (อายุ 18 ปี) มีสิทธิครอบครองอาวุธปืนในรัฐนี้ได้ มาดูรัฐ New York กันบ้าง ประชาชนในรัฐนี้สามารถซื้อปืนยาวได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ส่วนปืนสั้นต้องขออนุญาตจากทางการก่อน ยกเว้นที่ New York City การซื้อปืนยาวต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนจึงจะซื้อได้ และอีกเช่นกัน เยาวชนอายุ 18 ปี สามารถครอบครองอาวุธปืนได้ รัฐ Florida ประชาชนทั่วไปสามารถซื้ออาวุธได้ทั้งปืนสั้นและปืนยาว โดยไม่ต้องขออนุญาตจากทางการ ยกเว้นใบอนุญาตพกพาปืนสั้นที่ต้องขออนุญาตจากทางการก่อนจึงจะพกพาได้ แวะมาที่รัฐ Massachusetts กันบ้าง รัฐนี้เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่ขึ้นชื่อหลายแห่ง เช่น Harvard, MIT ฯลฯ ประชาชนสามารถซื้อปืนพกได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อน ส่วนปืนยาวต้องอายุเกิน 21 ปีขึ้นไป ถึงจะซื้อได้ ส่วนใบพกพาต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อน เรามาดูรัฐ Virginia กันบ้าง การซื้อปืนสั้นและปืนยาวไม่ต้องขออนุญาตจากทางการ ประชาชนสามารถซื้อมาไว้ในครอบครองได้เลย แต่การพกพาปืนสั้นต้องได้รับอนุญาตจากทางการก่อนครับ นอกจากนี้ รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา จะอนุญาตให้เยาวชนสามารถมีสิทธิครอบครองอาวุธปืนได้เป็นส่วนใหญ่ บางรัฐอาจจะมีการกำหนดเพิ่มเติมอีกว่า ครอบครองสำหรับการล่าสัตว์เท่านั้น :VOV: :VOV: :VOV: :VOV:อยากไปอยู่อเมริกาจัง :VOV: :VOV: :VOV: :VOV: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:15:32 PM ข้อมูลยังไม่ถูกต้องนะครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:21:44 PM ผมว่าสำหรับคนที่ประวัติไม่ดี ซื้อปืนในบ้านเราง่ายกว่าครับ แต่ราคาอาจจะสูงกว่ามาก
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: KENG 92FS ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:44:18 PM ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่นำมาฝาก บวกให้ 1 แต้มแล้วกันครับ สำหรับความตั้งใจ
แต่พี่ๆในนี้อาศัยอยู่อเมริกาหลายคน มีข้อมูลที่แน่นกว่านี้ครับ และขณะนี้ก็กำลังเล่นเวปอยู่ด้วย ผมเคยไปอเมริกาอยู่หนนึง ไป LA และ Vagus เห็นปืนวางขายในห้างสรรพสินค้า แผนกกีฬา แล้วน้ำลายไหลครับ อยากจะซื้อแล้วซุกกลับบ้านซักกระบอก สองกระบอก อิ อิ อิ (คงได้แต่ฝันล่ะครับ) ;D ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นายฉาบฉวย ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:44:24 PM เอ.....กำลังจะแกงไก่อยู่เชียว.... ::005::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 05, 2007, 11:47:41 PM ไม่เป็นไรครับ น้องเค้าอุตส่าห์เอามาให้อ่าน เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Hatyai ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:05:18 AM ก็ดีครับถึงข้อมูลยังไม่แน่นเหมื่อนที่พี่เค้าว่า แต่ก็ขอขอบคุณครับ
และยังไงซะผมว่าก็ยังซื้อง่ายกว่าบ้านเรามาก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:32:47 AM ไม่เป็นไรครับ น้องเค้าอุตส่าห์เอามาให้อ่าน เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ เห็นด้วยกับพี่ครับ :) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:43:47 AM แต่เคยดูรายการหนึ่งเกี่ยวกับคุกอเมริกา เขาก็บอกนะครับ อาชญากรรมอเมริกาก็สูงมากเหมือนกัน ผู้ชายอเมริกัน1-2คนต่อร้อยคน อยู่ในคุก :) จริงหรือเปล่า รอพี่ๆมาเฉลย
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 06, 2007, 04:13:57 AM เพือนผู้รวมงานคนไทยของผมคนหนึ่ง เคยติดคุกในอเมริกา(แคริฟอเนีย)
โทษฐานเมาแล้วขับหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเลยต้องติดคุก จากชายหนุ่มหน้าตาดีธรรมดาๆคนหนึ่ง หลังจากออกมากจากคุก เพื่อนผมเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้สักคิ้ว แต่งหน้าทาปาก แล้วก็เดินบิดก้น ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 06, 2007, 05:47:44 AM เพือนผู้รวมงานคนไทยของผมคนหนึ่ง เคยติดคุกในอเมริกา(แคริฟอเนีย) :<< :OO ::003:: แกอาจจะคันแต่ไม่กล้าเอามือเกาก้นก็เป็นได้ ;Dโทษฐานเมาแล้วขับหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเลยต้องติดคุก จากชายหนุ่มหน้าตาดีธรรมดาๆคนหนึ่ง หลังจากออกมากจากคุก เพื่อนผมเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้สักคิ้ว แต่งหน้าทาปาก แล้วก็เดินบิดก้น ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 06, 2007, 06:57:48 AM เพือนผู้รวมงานคนไทยของผมคนหนึ่ง เคยติดคุกในอเมริกา(แคริฟอเนีย) :OO..คุกในอเมริกา.ขลัง.จริงๆ...... ;D..... :~)โทษฐานเมาแล้วขับหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเลยต้องติดคุก จากชายหนุ่มหน้าตาดีธรรมดาๆคนหนึ่ง หลังจากออกมากจากคุก เพื่อนผมเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้สักคิ้ว แต่งหน้าทาปาก แล้วก็เดินบิดก้น ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ ธันวาคม 06, 2007, 08:03:05 AM เพือนผู้รวมงานคนไทยของผมคนหนึ่ง เคยติดคุกในอเมริกา(แคริฟอเนีย) โทษฐานเมาแล้วขับหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเลยต้องติดคุก จากชายหนุ่มหน้าตาดีธรรมดาๆคนหนึ่ง หลังจากออกมากจากคุก เพื่อนผมเปลี่ยนไปมาก ตอนนี้สักคิ้ว แต่งหน้าทาปาก แล้วก็เดินบิดก้น ;D โทษของการดื่มสุรา และ ทำสบู่ตกในคุกเมกา หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 06, 2007, 08:16:32 AM ไม่เป็นไรครับ น้องเค้าอุตส่าห์เอามาให้อ่าน เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ มีข้อมูลตรงไหนที่ขาดตกบกพร่อง รบกวนคุณ USP40 ช่วยเพิ่มเติมให้หน่อยครับ ผมว่าท่าน จขกท ไม่เสียใจแน่นอน อย่าน้อยก็เป็นความรู้แก่เพื่อนๆสมาชิกครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:04:58 AM California ประชาชนสามารถซื้อปืนยาวและสั้นได้ ปืนยาวซื้อได้เลย แต่ปืนสั้นต้องมี Handgun Safety Certificate ซื้อปืนแล้วยังเอากลับบ้านไม่ได้ต้องรอ 10 วัน ตอนซื้อต้องกรอกแบบฟอรม์ เพื่อบันทึกไว้ว่าขายปืนกระบอกนั้นให้ใคร( ต้องทำทั้งปืนสั้นและยาว) ไม่ต้องมีการจดทะเบียน ( ยกเว้น assult weapons )
ปืนสั้นซื้อได้เดือนละ 1 กระบอก ปืนยาวและปืนลูกซองไม่จำกัด บุคคลที่อายุ 18 ซื้อปืนยาวและลูกซองได้ แต่ซื้อปืนสั้นไม่ได้ ต้องรอให้อายุ 21 ก่อน เกี่ยวกับใบพกที่ California ไม่ใช่ shall issue state หมายถึงว่า รัฐจะออกให้ก็ได้ ไม่ออกให้ก็ได้ และเป็นรัฐที่ออกใบพกให้ยากมากๆ ใครมีใบพกพาของ California ได้ถือว่า โชคดีเหมือนถูกหวย รัฐ California ห้ามใช้แม็กกาซีนความจุเกิน 10 นัด และห้ามมีไว้ในครอบครอง อาวุธปืนที่ขายในรัฐนี้จะเรียกว่า California approved firearms อาวุธกึ่งอาวุธสงครามห้ามขาย ห้ามซื้อ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:17:46 AM California ประชาชนสามารถซื้อปืนยาวและสั้นได้ ปืนยาวซื้อได้เลย แต่ปืนสั้นต้องมี Handgun Safety Certificate ซื้อปืนแล้วยังเอากลับบ้านไม่ได้ต้องรอ 10 วัน ตอนซื้อต้องกรอกแบบฟอรม์ เพื่อบันทึกไว้ว่าขายปืนกระบอกนั้นให้ใคร( ต้องทำทั้งปืนสั้นและยาว) ไม่ต้องมีการจดทะเบียน ( ยกเว้น assult weapons ) ปืนสั้นซื้อได้เดือนละ 1 กระบอก ปืนยาวและปืนลูกซองไม่จำกัด บุคคลที่อายุ 18 ซื้อปืนยาวและลูกซองได้ แต่ซื้อปืนสั้นไม่ได้ ต้องรอให้อายุ 21 ก่อน เกี่ยวกับใบพกที่ California ไม่ใช่ shall issue state หมายถึงว่า รัฐจะออกให้ก็ได้ ไม่ออกให้ก็ได้ และเป็นรัฐที่ออกใบพกให้ยากมากๆ ใครมีใบพกพาของ California ได้ถือว่า โชคดีเหมือนถูกหวย รัฐ California ห้ามใช้แม็กกาซีนความจุเกิน 10 นัด และห้ามมีไว้ในครอบครอง อาวุธปืนที่ขายในรัฐนี้จะเรียกว่า California approved firearms อาวุธกึ่งอาวุธสงครามห้ามขาย ห้ามซื้อ ผมรู้ละว่าไอเดียซองกระสุนไม่เกิน10นัดของ มท. มาจากที่ใด อิๆๆ ขอบคุณมากครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Excavation ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:22:40 AM ขอบคุณสำหรับข้อมลูครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:53:04 AM สำหรับแถวบ้านผม สามารถซื้อปืนยาว ปืนลูกซอง ปืนสั้น ปืนยาวรูปทรงปืนสงคราม ( AR15 , AK47 , M1A , MP5 ฯล ) ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างใด จะซื้อเดือนละกี่กระบอกก็ได้ มีแม็กความจุเกิน 10 นัดได้
ทุกคนมีสิทธิ์ซื้ออาวุธปืนได้ ถ้าไม่มีประวัติทางอาชญากรรม ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา ไม่เคยถูกไล่ออกจากการเป็นทหาร ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องมีใครเซ็นค้ำประกัน ไม่ดูเรื่องอาชีพและฐานะการงาน เดินเข้าร้านปืน เลือกปืน กรอกแบบฟอรม์ ATF 4473 เพื่อบันทึกไว้ว่าขายปืนให้ใคร กรอกเสร็จ แสดงหลักฐารว่าเป็นประชาชนของรัฐ ถ้าไม่มีใบเขียวก็ต้องเป็น Citizen หลังจากนั้นทางร้านจะโทรเข้าศูนย์ NICS เพื่อเช็คประวัติ ใช้เวลาเช็คประมาณ 15-20 นาที ถ้าผ่านก็จ่ายตังค์ รับปืนกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องรอ สำหรับบุคคลที่มีใบพกพา เวลาซื้อปืนจะแสดงใบพกพา ให้ร้านปืนดูทางร้านจะจดข้อมูลไว้ แล้วไม่ต้องโทรเช็คประวัติซื้อได้เลย สำหรับใบพกพา รัฐที่ผมอยู่จะเป็น shall issue state คือถ้าประชาชนผ่านหลักสูตรการใช้อาวุธ และผ่านการสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติแล้ว มาขอใบพกพา หลังจากที่รัฐตรวจสอบประวัติแล้วผ่าน ทางรัฐจะต้องออกใบอนุญาตพกพาอาวุธให้ โดยไม่มีข้อแม้ ระยะเวลาการดำเนินการทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ระยะเวลาในการซื้อปืนจากเลือกปืนจนถึงจ่ายเงินแล้วเอาปืนกลับบ้าน ไม่เกิน 1 ชม. ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน แต่ถ้าทำผิดแล้วถูกพิพากษาว่าผิดตามขบวนกฏหมายในคดีอาญา สิทธิอันชอบธรรมนี้ก็จะหมดไปด้วย ซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:19:46 AM ผมก็อยากให้ บ้านเรา เป็นแบบนี้
ใครทำผิด ก็หมดสิทธิ์ ทั้งก่อน และ หลัง หมดสิทธิ์ ซื้ออาวุธ ครอบครองอาวุธ (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:34:20 AM สำหรับแถวบ้านผม สามารถซื้อปืนยาว ปืนลูกซอง ปืนสั้น ปืนยาวรูปทรงปืนสงคราม ( AR15 , AK47 , M1A , MP5 ฯล ) ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างใด จะซื้อเดือนละกี่กระบอกก็ได้ มีแม็กความจุเกิน 10 นัดได้ ทุกคนมีสิทธิ์ซื้ออาวุธปืนได้ ถ้าไม่มีประวัติทางอาชญากรรม ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา ไม่เคยถูกไล่ออกจากการเป็นทหาร ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องมีใครเซ็นค้ำประกัน ไม่ดูเรื่องอาชีพและฐานะการงาน เดินเข้าร้านปืน เลือกปืน กรอกแบบฟอรม์ ATF 4473 เพื่อบันทึกไว้ว่าขายปืนให้ใคร กรอกเสร็จ แสดงหลักฐารว่าเป็นประชาชนของรัฐ ถ้าไม่มีใบเขียวก็ต้องเป็น Citizen หลังจากนั้นทางร้านจะโทรเข้าศูนย์ NICS เพื่อเช็คประวัติ ใช้เวลาเช็คประมาณ 15-20 นาที ถ้าผ่านก็จ่ายตังค์ รับปืนกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องรอ สำหรับบุคคลที่มีใบพกพา เวลาซื้อปืนจะแสดงใบพกพา ให้ร้านปืนดูทางร้านจะจดข้อมูลไว้ แล้วไม่ต้องโทรเช็คประวัติซื้อได้เลย สำหรับใบพกพา รัฐที่ผมอยู่จะเป็น shall issue state คือถ้าประชาชนผ่านหลักสูตรการใช้อาวุธ และผ่านการสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติแล้ว มาขอใบพกพา หลังจากที่รัฐตรวจสอบประวัติแล้วผ่าน ทางรัฐจะต้องออกใบอนุญาตพกพาอาวุธให้ โดยไม่มีข้อแม้ ระยะเวลาการดำเนินการทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ระยะเวลาในการซื้อปืนจากเลือกปืนจนถึงจ่ายเงินแล้วเอาปืนกลับบ้าน ไม่เกิน 1 ชม. ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน แต่ถ้าทำผิดแล้วถูกพิพากษาว่าผิดตามขบวนกฏหมายในคดีอาญา สิทธิอันชอบธรรมนี้ก็จะหมดไปด้วย ซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป ขอบคุณครับ พี่ USP 40 ที่ Texas ก็คล้ายๆ กันครับ ผม ที่มีแค่ วีซ่านักเรียน และ วีซ่าทำงาน ก็สามารถซื้อได้ เพียงแต่ต้องมีหลักฐานว่าอยู่ในรัฐเกิน 90 วัน มี Hunting License แต่บางครั้งเมื่อตรวจสอบประวัติกับทาง NICS แล้วต้องรอ 2-3 วันเพื่อรอการยืนยันกลับมา เมื่อขอซื้อปืนแล้ว ถ้าภายใน 7 วัน ต้องการซื้อปืนประเภทเดิมอีก สั้นก็สั้น ยาวก็ยาว สามารถซื้อได้เลยไม่ต้องรอตรวจสอบประวัติอีกครั้ง ผมเคยซื้อมากที่สุด วันละ 3 กระบอก เป็นปืนกระสุนเล็กทั้งนั้น .22/.223 แต่ขนาดกระสุนและชนิดปืนไม่ได้มีผลต่อการขอซื้อ AR15 (M4), Beretta M21a, Walther P22 Stainless เป็น 3 กระบอกที่ซื้อวันเดียวกัน กลับมาเมืองไทย มันไม่ได้ยากกว่าหรอกครับ เป็นแค่ข้าราชการบางคนที่ทำให้การขอซื้อปืนยากและยาวนาน ระบบบางอย่างที่น่าจะต้องแก้ไขทำให้ระยะเวลาในการขออนุญาตต้องใช้เวลานาน ต้องจ่ายเงินแพงๆเพื่อเป็นค่าหล่อลื่นเพื่อให้ได้ใบอนุญาตซื้อปืนมาทั้งๆที่เป็นสิทธิโดยชอบทำโดยกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ข้าราชการบางคนที่ตรงไปตรงมา ให้ใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ง่ายและเร็วพอๆกับในอเมริกาครับ ข้าราชการเหล่านี้ต้องขอชื่นชมจากใจจริงครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::014:: ::014:: ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ช็อปเปอร์ ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:35:50 AM "ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน แต่ถ้าทำผิดแล้วถูกพิพากษาว่าผิดตามขบวนกฏหมายในคดีอาญา สิทธิอันชอบธรรมนี้ก็จะหมดไปด้วย ซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป"
จากตรงนี้ ขออนุญาตถามพี่ usp40 ต่อครับ ว่า นอกจากซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป แล้วปืนที่มีอยู่ในครอบครองต้องถูกทางการยึดด้วยหรือไม่ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Theera ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:46:35 AM ด้วยความเคารพครับ
ขอบพระคุณ..พี่USP 40 สำหรับข้อมูลมากครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:49:24 AM กลับมาเมืองไทย มันไม่ได้ยากกว่าหรอกครับ เป็นแค่ข้าราชการบางคนที่ทำให้การขอซื้อปืนยากและยาวนาน ระบบบางอย่างที่น่าจะต้องแก้ไขทำให้ระยะเวลาในการขออนุญาตต้องใช้เวลานาน ต้องจ่ายเงินแพงๆเพื่อเป็นค่าหล่อลื่นเพื่อให้ได้ใบอนุญาตซื้อปืนมาทั้งๆที่เป็นสิทธิโดยชอบทำโดยกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ จำได้ว่ากฏหมายฉบับนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อรับรองสิทธิในการมีอาวุธครับ แต่ออกเพื่อควบคุมอาวุธปืนเท่านั้น หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: KENG 92FS ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:53:06 AM สำหรับเมืองไทย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองตั้งข้อสังเกตว่าประชาชนเป็นคนไม่ดีไว้ก่อน จนกว่าจะหาข้าราชการมารับรอง และต้องมีทรัพย์สินมากพอที่จะแสดงให้นายทะเบียนพึงพอใจว่าเป็นคนดี ถึงมีสิทธิ์ซื้อปืนได้
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 06, 2007, 10:56:23 AM กลับมาเมืองไทย มันไม่ได้ยากกว่าหรอกครับ เป็นแค่ข้าราชการบางคนที่ทำให้การขอซื้อปืนยากและยาวนาน ระบบบางอย่างที่น่าจะต้องแก้ไขทำให้ระยะเวลาในการขออนุญาตต้องใช้เวลานาน ต้องจ่ายเงินแพงๆเพื่อเป็นค่าหล่อลื่นเพื่อให้ได้ใบอนุญาตซื้อปืนมาทั้งๆที่เป็นสิทธิโดยชอบทำโดยกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ จำได้ว่ากฏหมายฉบับนี้ไม่ได้ออกมาเพื่อรับรองสิทธิในการมีอาวุธครับ แต่ออกเพื่อควบคุมอาวุธปืนเท่านั้น ขอบคุณครับมากพี่ ที่ชี้แนะแก้ไขข้อผิดพลาดให้ผมครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 06, 2007, 11:31:56 AM ผมรู้ละว่าไอเดียซองกระสุนไม่เกิน10นัดของ มท. มาจากที่ใด อิๆๆ ขอบคุณมากครับ คือแบบว่า กฎหมายเกี่ยวกับซองกระสุนเกินสิบนัดของไทยมีมานานแล้วครับ มีข้อห้ามเขียนไว้ในกฏหมายหรือเปล่าครับ หรือเห็นว่าอเมริกาเขาห้ามก็เอาบ้าง เพื่อให้เจ้านายเห็นว่าทันสมัย เวลานี้ก็ไม่ห้ามแล้ว นอกจากในรัฐที่คุณ Boon บอก เป็นกฎหมายครับ ใช้ก่อนอเมริกาเสียอีก (พ.ศ.2512) เพียงแต่ไม่มีใครสนใจ แม้แต่ศุลกากร ซึ่งเป็น จนท.ด่านแรก ที่พอเห็นซองกระสุนเกินใบ ป.2 เข้ามา ก็นับไปจดใส่กระดาษเอาไว้ซ้อมบวกเลขกับชิปปิ้งเท่านั้นเอง ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 06, 2007, 11:56:22 AM สำหรับแถวบ้านผม สามารถซื้อปืนยาว ปืนลูกซอง ปืนสั้น ปืนยาวรูปทรงปืนสงคราม ( AR15 , AK47 , M1A , MP5 ฯล ) ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแต่อย่างใด จะซื้อเดือนละกี่กระบอกก็ได้ มีแม็กความจุเกิน 10 นัดได้ ทุกคนมีสิทธิ์ซื้ออาวุธปืนได้ ถ้าไม่มีประวัติทางอาชญากรรม ไม่เคยต้องโทษคดีอาญา ไม่เคยถูกไล่ออกจากการเป็นทหาร ไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องมีใครเซ็นค้ำประกัน ไม่ดูเรื่องอาชีพและฐานะการงาน เดินเข้าร้านปืน เลือกปืน กรอกแบบฟอรม์ ATF 4473 เพื่อบันทึกไว้ว่าขายปืนให้ใคร กรอกเสร็จ แสดงหลักฐารว่าเป็นประชาชนของรัฐ ถ้าไม่มีใบเขียวก็ต้องเป็น Citizen หลังจากนั้นทางร้านจะโทรเข้าศูนย์ NICS เพื่อเช็คประวัติ ใช้เวลาเช็คประมาณ 15-20 นาที ถ้าผ่านก็จ่ายตังค์ รับปืนกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องรอ สำหรับบุคคลที่มีใบพกพา เวลาซื้อปืนจะแสดงใบพกพา ให้ร้านปืนดูทางร้านจะจดข้อมูลไว้ แล้วไม่ต้องโทรเช็คประวัติซื้อได้เลย สำหรับใบพกพา รัฐที่ผมอยู่จะเป็น shall issue state คือถ้าประชาชนผ่านหลักสูตรการใช้อาวุธ และผ่านการสอบข้อเขียนและภาคปฏิบัติแล้ว มาขอใบพกพา หลังจากที่รัฐตรวจสอบประวัติแล้วผ่าน ทางรัฐจะต้องออกใบอนุญาตพกพาอาวุธให้ โดยไม่มีข้อแม้ ระยะเวลาการดำเนินการทั้งหมดไม่เกิน 3 เดือน ระยะเวลาในการซื้อปืนจากเลือกปืนจนถึงจ่ายเงินแล้วเอาปืนกลับบ้าน ไม่เกิน 1 ชม. ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นสิทธิของประชาชนทุกคน แต่ถ้าทำผิดแล้วถูกพิพากษาว่าผิดตามขบวนกฏหมายในคดีอาญา สิทธิอันชอบธรรมนี้ก็จะหมดไปด้วย ซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป ขอบคุณครับ พี่ USP 40 ที่ Texas ก็คล้ายๆ กันครับ ผม ที่มีแค่ วีซ่านักเรียน และ วีซ่าทำงาน ก็สามารถซื้อได้ เพียงแต่ต้องมีหลักฐานว่าอยู่ในรัฐเกิน 90 วัน มี Hunting License แต่บางครั้งเมื่อตรวจสอบประวัติกับทาง NICS แล้วต้องรอ 2-3 วันเพื่อรอการยืนยันกลับมา เมื่อขอซื้อปืนแล้ว ถ้าภายใน 7 วัน ต้องการซื้อปืนประเภทเดิมอีก สั้นก็สั้น ยาวก็ยาว สามารถซื้อได้เลยไม่ต้องรอตรวจสอบประวัติอีกครั้ง ผมเคยซื้อมากที่สุด วันละ 3 กระบอก เป็นปืนกระสุนเล็กทั้งนั้น .22/.223 แต่ขนาดกระสุนและชนิดปืนไม่ได้มีผลต่อการขอซื้อ AR15 (M4), Beretta M21a, Walther P22 Stainless เป็น 3 กระบอกที่ซื้อวันเดียวกัน กลับมาเมืองไทย มันไม่ได้ยากกว่าหรอกครับ เป็นแค่ข้าราชการบางคนที่ทำให้การขอซื้อปืนยากและยาวนาน ระบบบางอย่างที่น่าจะต้องแก้ไขทำให้ระยะเวลาในการขออนุญาตต้องใช้เวลานาน ต้องจ่ายเงินแพงๆเพื่อเป็นค่าหล่อลื่นเพื่อให้ได้ใบอนุญาตซื้อปืนมาทั้งๆที่เป็นสิทธิโดยชอบทำโดยกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ข้าราชการบางคนที่ตรงไปตรงมา ให้ใบอนุญาตซื้ออาวุธปืน แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ง่ายและเร็วพอๆกับในอเมริกาครับ ข้าราชการเหล่านี้ต้องขอชื่นชมจากใจจริงครับ ::002:: ::002:: ::002:: ::014:: ::014:: ::014:: ด้วยความเคารพครับ อยากไปอเมริกาครับ หากมีโอกาสอยากให้บริษัทส่งไปอบรมนะครับ ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 06, 2007, 12:08:05 PM ในแคริฟอเนียสำหรับแมกที่จุกระสุนเกิน10นัดที่เรามีก่อนกฎหมายกำหนด ถือว่าไม่ผิดกฎหมายครับ สามารถถือครองได้ต่อไป
แต่เมื่อเราขายหรือโอนปืนให้คนอื่น แมกนั้นไม่สามารถรับโอนได้ คนซื้อจะซื้อได้แต่ปืนเพียงอย่างเดียว ต้องหาแมก10นัดมาใช้แทนแมกที่จุเกิน10นัด ถ้าเจ้าของใหม่มีแมกจุเกิน10นัดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: หรอย ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:12:29 PM สวัสดีครับ....ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:18:35 PM ถ้าผมเป็นเมกันกะล่อนๆ นะ จะไปเที่ยวร้านขายแมกเก่าที่อริโซน่า...
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:32:04 PM พูดไม่ทันขาดคำ ข่าวจากอเมริกา เด็กวัยรุ่นอายุ19 เอาปืนไปกราดในห้างสรรพสินค้า ตายไป9ศพ ร่วมทั้งมือปืน ::012:: ::012::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:49:20 PM พูดไม่ทันขาดคำ ข่าวจากอเมริกา เด็กวัยรุ่นอายุ19 เอาปืนไปกราดในห้างสรรพสินค้า ตายไป9ศพ ร่วมทั้งมือปืน ::012:: ::012:: อย่างไรก็ตาม....ปืนก็เป็นแค่อุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้ คนต่างหาก....ที่ใช้มันไม่ถูก ไม่ควร :)หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 06, 2007, 01:50:48 PM ถ้ามีพลเมืองดีพกปืน/หัดยิงปืนเก่งๆ ในห้างมากกว่านี้ เด็กผู้ร้ายยิงชาวบ้านได้น้อยกว่านี้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 06, 2007, 02:43:24 PM ถ้ามีพลเมืองดีพกปืน/หัดยิงปืนเก่งๆ ในห้างมากกว่านี้ เด็กผู้ร้ายยิงชาวบ้านได้น้อยกว่านี้แน่ๆ เป็นอีก1มุมมองที่เห็นด้วยครับพี่ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: e.k.1911 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 02:47:42 PM ถ้ามีพลเมืองดีพกปืน/หัดยิงปืนเก่งๆ ในห้างมากกว่านี้ เด็กผู้ร้ายยิงชาวบ้านได้น้อยกว่านี้แน่ๆ ::002:: ::002:: ::002:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 06, 2007, 03:27:31 PM ถ้ามีพลเมืองดีพกปืน/หัดยิงปืนเก่งๆ ในห้างมากกว่านี้ เด็กผู้ร้ายยิงชาวบ้านได้น้อยกว่านี้แน่ๆ บางที่ที่ประชาชนมีอาวุธในมือเยอะ อัตราอาชญากรรมมีน้อยลง ก็มีเยอะครับ เมื่อโจรรู้ว่าประชาชนมีอาวุธและตอบโต้ได้ โจรก็ต้องชั่งใจก่อนคิดทำการชั่ว บางที่ที่ยึดปืนประชาชนเพื่อให้มีอาวุธน้อยลง อัตราอาชญากรรมกลับมีมากขึ้น เพราะคนใต้กฎหมายมักไม่ทำความผิด แต่คนเหนือหรือนอกกฎหมายเป็นส่วนที่ทำความผิด หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ ธันวาคม 06, 2007, 03:33:41 PM ถ้ามีพลเมืองดีพกปืน/หัดยิงปืนเก่งๆ ในห้างมากกว่านี้ เด็กผู้ร้ายยิงชาวบ้านได้น้อยกว่านี้แน่ๆ บางที่ที่ประชาชนมีอาวุธในมือเยอะ อัตราอาชญากรรมมีน้อยลง ก็มีเยอะครับ เมื่อโจรรู้ว่าประชาชนมีอาวุธและตอบโต้ได้ โจรก็ต้องชั่งใจก่อนคิดทำการชั่ว บางที่ที่ยึดปืนประชาชนเพื่อให้มีอาวุธน้อยลง อัตราอาชญากรรมกลับมีมากขึ้น เพราะคนใต้กฎหมายมักไม่ทำความผิด แต่คนเหนือหรือนอกกฎหมายเป็นส่วนที่ทำความผิด ถ้าผมเป็นโจร ก็ไม่เสี่ยงเข้าเข้าปล้นบ้านคนมีปืนแน่........ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Geo ที่ ธันวาคม 06, 2007, 03:44:00 PM ในอเมริกาซื้อปืนง่ายครับ ป๊1994 ที่ Washington ผมซื้อ Benjamin Sheridan Air rifle .22 ราคา US$109 ตอนนั้น 1 $ =25 บาท :) ไม่ต้องใช้หลักฐานอะไรเลยครับ กระบอกนี้ยังอยู่และไม่เคยคิดนำกลับไทย , จำได้ว่ากระสุนปืนดินขับส่วนใหญ่ซื้อได้จาก Supermarket และ Surplus , สมัยก่อน State of Washington อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวซื้ออาวุธปืนลูกซองยาวได้ในกรณีที่มีบ้านครับ ปืนพกสั้นไม่อนุญาตครับ :D
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Chanapat ที่ ธันวาคม 06, 2007, 04:54:45 PM จากประสบการณในรัฐ CA นั้นไม่ว่าปืนสั้นหรือยาวก็ต้องขึ้นทะเบียนครับ ยกเว้นแต่ปืนลมและปืนสะสม(ปืนโบราญ)ที่ไม่ต้องขึ้นทะเบียน ขั้นตอนคือ
1.ผู้ซื้อต้องผ่านการอบรม(basic firearm)และสอบข้อเขียน หรือสอบข้อเขียนอย่างเดียวสำหรับผู้มีประสบการณ์แล้วและอายุเกิน 18 ปี เมื่อผ่านแล้วจะใด้บัตร(basic firearm) 2.เตรียมหลักฐานแสดงตัวตนเบื้องต้นพร้อมแสดงบัตร(basic firearm) ให้กับร้านที่ซื้อหรือร้านที่เราจะรับปืนด้วย(กรณีสั่งซื้อจากร้านอื่นเมืองอื่นแต่รับของจากร้านใกล้บ้าน) เพื่อทางร้านจะส่งต่อให้หน่วยงานของรัฐเพื่อตรวจประวัติอาชญกรรม (ใช้เวลา 10 วัน) 3.เช็คแล้วประวัติดีก็นัดรับปืนใด้เลย หมายเหตุ รวดเร็วตรงเวลาไม่ต้องรอลายเซ็นต์จากใคร จะใด้ครอบครองปืนหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวเองล้วนๆ ส่วนราคาและความหลากหลายไม่ต้องพูดถึงครับ ยกตัวอย่าง SIG P226 ($700-800) ,HK usp9 ($700-800) นึกแล้วเครียดครับ คุณภาพชีวิตของเราคนไทยขึ้นอยู่กับกลุ่มคนซึ่งเราก็ไม่รู้จัก และก็ไม่มีสิทธิ์โต้ตอบหรือออกความเห็นอันใดที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขและการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Daimyo ที่ ธันวาคม 06, 2007, 05:02:04 PM มองในมุมของโจร....ถ้ารู้ว่าเหยือมีปืนหรือในบ้านเหยื่อมีปืน...ก็เลี่ยงไปหารายอื่นก่อนดีกว่า...
แต่ผมไม่ใช่โจรนะ... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: P 5906 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 08:13:53 PM แล้วที่อเมริกาเวลาประชาชนซื้อปืนต่อจากประชาชนด้วยกันเวลาโอนไปทำเรื่องที่ไหน
แล้วโอนต่างรัฐ ต่างเมืองได้หรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 08:48:19 PM ราคาปืนที่ขายใน CA แพงครับ ส่วนมากเป็น SRP ที่โรงงานตั้งมา อย่างซิก ที่ CAขายราว ๆ $700 แต่ในโอกลาโฮม่า ซิตี้ อยู่ไม่เกิน $600 ยี่ห้ออื่นเหมือนกันราคาต่างกัน ราว ๆ $100
ซื้อปืน ที่ OKC ง่ายกว่าใน CA มากครับ แค่มีใบเสร็จค่าไฟ 3 เดือน กับ ใบขับขี่ก็เข้าไปซื้อได้แล้ว ไม่ดู อะไรเลย แค่กรอกข้อความในฟอร์ม ที่ให้มา แล้ว รอ 5 นาที แล้วเอาปืนออกไปได้เลย ส่วนปืนยาว ง่ายกว่า ไม่ต้องดู ใบเสร็จ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:04:53 PM อ้างถึง จากตรงนี้ ขออนุญาตถามพี่ usp40 ต่อครับ ว่า นอกจากซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป แล้วปืนที่มีอยู่ในครอบครองต้องถูกทางการยึดด้วยหรือไม่ครับ จะถูกยึดครับ ไม่สามารถมีไว้ในครอบครองอีกต่อไปได้ และถ้าบุคคลใดที่มีใบพกกาแล้วทำผิดกฏหมายคดีอาญา ถูกตัดสินว่าผิดจะต้องคืนใบพกพาทันที ถ้าไม่คืนจะมีคนมาเคาะประตูบ้านยึดคืน ;Dคุณ " POR " ครับที่จริงแล้ว กฏหมายของรัฐบาลกลาง ( Federal law ) คนต่างด้าวที่ไม่มีใบเขียว ไม่ได้เป็นประชาชนที่นี่ ไม่สามารถซื้ออาวุธปืนได้ ยกเว้นปืนลมทุกชนิดกับปืนดินดำ ถ้าคุณลองดูที่ Form 4473 จะต้องกรอกข้อความว่า เป็น Citizen หรือป่าว ถ้าไม่ใช่ต้องมีใบเขียว ยกตัวอย่างถ้าใครที่ไม่มีใบเขียวเดินเข้าร้านที่ California , Nevada , South Carolina แล้วขอซื้อปืน อย่างแรกคือเค้าจะไม่ขายให้ สองมีหวังได้นั่งรถตำรวจเล่นฟรีๆ การที่ร้านปืนในบางรัฐขายให้กับบุคคลที่ไม่มีใบเขียวนั้น เป็นช่องโหว่ของกฏหมายที่ยังไม่ได้แก้ และเป็นความโลภความบกพร่องของผู้ขายที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองครับ ไม่ต้องถึงเรื่องซื้อปืนหรอกครับครับ ทุกวันนี้ถ้าคนที่มีใบเขียวไปต่อใบขับขี่ ( สำหรับรัฐที่ผมอบู่นะครับ ที่อื่นไม่ทราบ) ยากกว่าซื้อปืีนอีกครับ ต้องนำหลักฐานต่างๆไปแสดงให้ครบ ผมอยากขอเตือนนักเรียนไทยที่มาเรียนว่า เวลาจะไปซื้อปืนจงศึกษากฏหมายของรัฐนั้นๆก่อนนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเรียนไม่จบครับ สมัย 20 กว่าปีก่อนง่ายมากจริงครับ ทุกวันนี้ไม่อย่างนั้นแล้ว อ้างถึง ในแคริฟอเนียสำหรับแมกที่จุกระสุนเกิน10นัดที่เรามีก่อนกฎหมายกำหนด ถือว่าไม่ผิดกฎหมายครับ สามารถถือครองได้ต่อไป นอกจากแม็กจุเกิน 10 นัดแล้วยังรวมไปถึงปืน assult weapons ที่มีมาก่อนกฏหมาย California assult weapons ban จะออกมาบังคับใช้ด้วยครับ ปีนจำพวก assult weapons ที่มีมาก่อนกฏหมายออกบังคับใช้ จะต้องนำไปขึ้นทะเบียน ปีนธรรมดาไม่ต้องขึ้นทะเบียนครับแต่เมื่อเราขายหรือโอนปืนให้คนอื่น แมกนั้นไม่สามารถรับโอนได้ คนซื้อจะซื้อได้แต่ปืนเพียงอย่างเดียว ต้องหาแมก10นัดมาใช้แทนแมกที่จุเกิน10นัด ถ้าเจ้าของใหม่มีแมกจุเกิน10นัดต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย อ้างถึง ถ้าผมเป็นเมกันกะล่อนๆ นะ จะไปเที่ยวร้านขายแมกเก่าที่อริโซน่า... มันก็มีคนที่ทำแบบนั้นครับ ต๊อก แต่เป็นส่วนน้อย คนส่วนมากเคารพกฏหมาย คนเมกันเกิดที่นี่โตที่นี่จะถูกปลูกฝังให้เคารพกฏหมาย แต่ที่ไม่ปฏิบัติตามก็มีไม่งั้นคงไม่ต้องมีตำรวจ คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ซิครับโดยมากทำอะไรตามใจฉัน ไม่สนใจว่ากฏหมายเค้าว่าไว้ไงบ้าง แกล้งโง่ก็เยอะ พวกนี้คนเค้าเกลียดและดูถูก และคนอื่นที่ดีก็โดนเหมาไปด้วยเลย วัดไทยใน LA เกือบจะโดนปิดไปก็เพราะ ข้าจะทำของข้าอย่างเงี้ยใครจะทำไม เวลามีงานที ที่จอดรถก็มีแต่ฉันไม่จอด ฉันจะไปจอดขวาง ทางเข้าออกของชาวบ้านแถวนั้น เมากันแอ้ทิ้งขยะเกลื่อนตามทางเดินถนน อับอายขายขี้หน้าครับ ที่รู้เพราะเคยไปช่วยงานวัด ในนามของชมรมอดีตทหารไทย ช่วยขับรถตู้รับส่งคนจากที่จอดรถไปส่งที่วัด อ้างถึง บางที่ที่ประชาชนมีอาวุธในมือเยอะ อัตราอาชญากรรมมีน้อยลง ก็มีเยอะครับ จริงครับ รัฐที่ประชาชนมีใบพกได้ง่ายๆ อาชญากรรมจะน้อยกว่าครับเมื่อโจรรู้ว่าประชาชนมีอาวุธและตอบโต้ได้ โจรก็ต้องชั่งใจก่อนคิดทำการชั่ว บางที่ที่ยึดปืนประชาชนเพื่อให้มีอาวุธน้อยลง อัตราอาชญากรรมกลับมีมากขึ้น เพราะคนใต้กฎหมายมักไม่ทำความผิด แต่คนเหนือหรือนอกกฎหมายเป็นส่วนที่ทำความผิด อ้างถึง จากประสบการณในรัฐ CA นั้นไม่ว่าปืนสั้นหรือยาวก็ต้องขึ้นทะเบียนครับ ถ้าหมายถึงตอนซื้อปืน กรอกแบบฟอรม์ 4473 ไม่ใช่การขึ้นทะเบียนนะครับ อ้างถึง ผมซื้อ Benjamin Sheridan Air rifle .22 ราคา US$109 ตอนนั้น 1 $ =25 บาท ไม่ต้องใช้หลักฐานอะไรเลยครับ ปืนลมเด็กก็ซื้อได้ครับ เพราะไม่ถือว่าเป็นอาวุธปืนแต่อย่างใดครับอ้างถึง มองในมุมของโจร....ถ้ารู้ว่าเหยือมีปืนหรือในบ้านเหยื่อมีปืน...ก็เลี่ยงไปหารายอื่นก่อนดีกว่า... สำหรับรัฐที่ผมอยู่ ( และอีกหลายๆรัฐ) จะมีกฏหมายที่เรียกว่า My castle doctrine คือถ้าใครเข้ามาในบ้านหรืออาณาเขตของบ้าน และตั้งใจจะทำร้ายเราหรือบุคคลในครอบครัว เราสามารถใช้ deadly force ได้เลยโดยที่จะไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด เมื่อไม่นานมานี้ที่ในตัวเมืองก็มีคนร้ายถูกยิงตายคาบ้าน ตำรวจมาสอบสวน สรุปว่าเจ้าของบ้านทำถูกต้องจบ เรียกรถมาหามศพไปส่งโกดัง จบข่าว หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 06, 2007, 09:15:51 PM แล้วที่อเมริกาเวลาประชาชนซื้อปืนต่อจากประชาชนด้วยกันเวลาโอนไปทำเรื่องที่ไหน จะต้องไปที่ร้านปืนให้จัดการให้ครับ ผมเคยซื้อปืนจากต่างรัฐโดยดูปืนที่ Gunsamerica.com เป็นเว็ปขายปืน ดูปืนที่ชอบแล้วก็ติดต่อผู้ขาย ถ้าผู้ขายถ้าไม่ใช่ร้านปืน จะต้องเอาปืนไปให้ร้านปืนทำการโอนปืนให้ ทางผู้ซื้อจะต้องไปร้านปืนแถวบ้านรับโอนมาเป็นชื่อของผู้ซื้อ โดยที่ผู้ซื้อยังต้องผ่านการตรวจประวัติก่อนถึงจะได้รับปืนครับแล้วโอนต่างรัฐ ต่างเมืองได้หรือเปล่าครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 07, 2007, 08:24:18 AM อ้างถึง สำหรับรัฐที่ผมอยู่ ( และอีกหลายๆรัฐ) จะมีกฏหมายที่เรียกว่า My castle doctrine คือถ้าใครเข้ามาในบ้านหรืออาณาเขตของบ้าน และตั้งใจจะทำร้ายเราหรือบุคคลในครอบครัว เราสามารถใช้ deadly force ได้เลยโดยที่จะไม่ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด เมื่อไม่นานมานี้ที่ในตัวเมืองก็มีคนร้ายถูกยิงตายคาบ้าน ตำรวจมาสอบสวน สรุปว่าเจ้าของบ้านทำถูกต้องจบ เรียกรถมาหามศพไปส่งโกดัง จบข่าว ผมชอบกฎหมายมาตรานี้มากเลยครับ อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง ถ้าเป็นเมืองไทยแม้โขมยขึ้นบ้านทำร้ายเจ้าทรัพย์ ยิงโขมยตายก็ยังถูกอัยการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาอยู่ดี แม้จะอ้างว่าป้องกันได้แต่เรื่องยาวครับ เสียเวลาไปศาล ศาลเมตตามากหน่อยก็ยกฟ้อง อันนี้ดีไป แต่ถ้าศาลเห็นเกินกว่าเหตุ อย่างน้อยๆก็รอลงอาญา คนดีเลยกลายเป็นคนมีประวัติไปซะงั้น ::009:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ธันวาคม 07, 2007, 08:43:05 AM My castle doctrine :o :o ใครอย่ามาชวนผมไปเที่ยวบ้านเชียว ::005:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 08:49:30 AM My castle doctrine :o :o ใครอย่ามาชวนผมไปเที่ยวบ้านเชียว ::005:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:07:10 AM อ้างถึง ผมชอบกฎหมายมาตรานี้มากเลยครับ อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง ถ้าเป็นเมืองไทยแม้โขมยขึ้นบ้านทำร้ายเจ้าทรัพย์ ยิงโขมยตายก็ยังถูกอัยการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาอยู่ดี แม้จะอ้างว่าป้องกันได้แต่เรื่องยาวครับ เสียเวลาไปศาล ศาลเมตตามากหน่อยก็ยกฟ้อง อันนี้ดีไป แต่ถ้าศาลเห็นเกินกว่าเหตุ อย่างน้อยๆก็รอลงอาญา คนดีเลยกลายเป็นคนมีประวัติไปซะงั้น ขออธิบายต่อครับ บางรัฐจะมีกฏหมายที่เรียกว่า Duty to retreat และ No duty to retreat. อย่างเช่นที่ California จะเป็น Duty to retreat ยกตัวอย่าง ถ้ามีคนร้ายเข้ามาในบ้านเรา เราไม่สามารถใช้ deadly force ได้ ถึงแม้ว่าเราจะคิดว่าคนร้ายจะทำอันตรายถึงชีวิตก็ตาม แต่ถ้าคนร้ายยังไม่ได้ทำอะไรเรา เราเกิดยิงคนร้ายตาย ทางอัยการสามารถตั้งข้อหาฆ่าคนตายได้ เพราะกฏมหาย Duty to retreat ที่มีอยู่ จะมีการสอบสวนว่า ในขณะที่คนร้ายเข้ามา เรามีทางหนีได้โดยที่หนีแล้วจะพ้นอันตรายได้ แต่ไม่หนีและกลับยิงคนร้ายตาย ก็จะโดนข้อหาฆ่าคนตายครับ Duty to retreat หมายถึงว่า เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหนีหรือหลีกเลี่ยงการใช้ deadly force โดยไม่จำเป็น กฏหมายข้อนี้ป้องกันการทำเกินกว่าเหตุ No duty to retreat ถ้าคนร้ายเข้ามา และเราคิดว่ามีอันตรายถึงชีวิตเราสามารถใช้ deadly force ได้โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องต้องหนีออกจากบ้าน My castle doctrine คนร้ายเข้ามายิงได้เลย หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ...wahoo... ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:13:19 AM ::005:: ::005:: ::005:: ::005::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:25:14 AM ::005:: ::005:: ::005:: ::005:: ??? ??? ???หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:28:19 AM Duty to retreat หมายถึงว่า เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหนีหรือหลีกเลี่ยงการใช้ deadly force โดยไม่จำเป็น
อันนี้ผมเห็นด้วยนะครับที่เป็นการป้องกันการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่ยังงงๆตรงที่ถ้าคนร้ายเข้ามาในบ้าน แล้วเราต้องเลือกหนีถ้าหนีได้ ผมว่าบ้านเป็นอณาเขตส่วนบุคคลทำไมเราต้องหนีคนที่ทำละเมิดกฎหมาย ด้วยละครับพี่น้อง ::012:: แม้จะไม่ป้องกันถึงตายแต่ถ้าเป็นผมคงยิงแขน ขาคนร้ายให้เดี้ยงก่อนละครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:28:42 AM ผมจำไม่ได้ว่ารัฐไหน นักศึกษาญี่ปุ่นหลงทาง เข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อจะขอความช่วยเหลือถามทาง
โดนเจ้าของบ้านยิงตายด้วยปืน.44แมกนั่ม(คิดว่าใช่ขนาดนี้)สรุปเจ้าของบ้านไม่ผิด บางครั้งคนดีๆที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายก็ตายฟรีได้ ;D กฎหมายบางครั้งก็เป็นดาบสองคน แบบว่ายิงก่อนแล้วค่อยถาม หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ...wahoo... ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:29:43 AM น้า usp40 เเละน้าคนอื่นๆเยี่ยมจริงๆครับได้ความรู้เยอะดี ::002:: ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:32:21 AM ผมจำไม่ได้ว่ารัฐไหน นักศึกษาญี่ปุ่นหลงทาง เข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อจะขอความช่วยเหลือถามทาง โดนเจ้าของบ้านยิงตายด้วยปืน.44แมกนั่ม(คิดว่าใช่ขนาดนี้)สรุปเจ้าของบ้านไม่ผิด บางครั้งคนดีๆที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายก็ตายฟรีได้ ;D กฎหมายบางครั้งก็เป็นดาบสองคน แบบว่ายิงก่อนแล้วค่อยถาม แบบนี้เด็กส่งพิซซ่าท่าทางจะไม่มีใครอยากทำนะครับ :~) :~) :~) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:32:27 AM Duty to retreat หมายถึงว่า เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหนีหรือหลีกเลี่ยงการใช้ deadly force โดยไม่จำเป็น น่าจะหมายถึงในเขตรั้วบ้านมากกว่า เช่นคนมาเคาะประตูบ้านแล้วเราเกิดกลัว ยิงสวนออกไปก่อนค่อยถามอันนี้ผมเห็นด้วยนะครับที่เป็นการป้องกันการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่ยังงงๆตรงที่ถ้าคนร้ายเข้ามาในบ้าน แล้วเราต้องเลือกหนีถ้าหนีได้ ผมว่าบ้านเป็นอณาเขตส่วนบุคคลทำไมเราต้องหนีคนที่ทำละเมิดกฎหมาย ด้วยละครับพี่น้อง ::012:: แม้จะไม่ป้องกันถึงตายแต่ถ้าเป็นผมคงยิงแขน ขาคยร้ายให้เดี้ยงก่อนละครับ ถ้างัดประตูบ้านเข้ามา หรือพังประตูบ้านเข้ามาในบ้านได้ ผมก็คงยิงก่อนละ ถึงแม้ว่าผมจะอาศัยอยู่ในแคริฟอเนียก็ตาม หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:41:29 AM ผมจำไม่ได้ว่ารัฐไหน นักศึกษาญี่ปุ่นหลงทาง เข้าไปเคาะประตูบ้านเพื่อจะขอความช่วยเหลือถามทาง ถ้าผมจำไม่ผิดหลุยส์เซียน่าครับพี่ เด็กคนนั้นพึ่งไปถึงอเริกาไม่นาน พึ่งเริ่มเรียนภาษาโดนเจ้าของบ้านยิงตายด้วยปืน.44แมกนั่ม(คิดว่าใช่ขนาดนี้)สรุปเจ้าของบ้านไม่ผิด บางครั้งคนดีๆที่ไม่รู้เรื่องกฎหมายก็ตายฟรีได้ ;D กฎหมายบางครั้งก็เป็นดาบสองคน แบบว่ายิงก่อนแล้วค่อยถาม วันฮาโลวีน แต่งเป็นผีเดินไปตามบ้านต่างๆ ไม่เจ้าของบ้านคนนี้เห็นแต่งตัวแปลกๆเข้าเคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในบ้าน บอกให้หยุดก็ไม่หยุด(เพราะคงฟังไม่รู้เรื่อง) เดินกระย่องกระแย่ง แบบผีๆ อีก จากปากคำเจ้าของบ้านซึ่งเป็นคนยิง คิดว่าเขาอัพยามา เกิดความกลัวเลยเอาปืนล่าสัตว์ที่มี Ruger Super Redhawk ติดกล้อง ยิงไป1 นัด เป้นเรื่องน่าเศร้าครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:46:45 AM ขอบคุณมากครับคุณชิว ที่ช่วยเล่าแก้ไขรายละเอียดให้ถูกต้องตรงความเป็นจริง
ผมพอจำเนื้อเรื่องได้ลางๆ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 09:49:53 AM Duty to retreat หมายถึงว่า เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องหนีหรือหลีกเลี่ยงการใช้ deadly force โดยไม่จำเป็น อันนี้ต้องถามผู้ออกกฏหมายของ California ล่ะครับ เค้าหมายความว่า ถ้าเกิดยิงคนร้ายตายขึ้นมา ทางอัยการจะดูว่า มีช่องทางไหนไหมที่ไม่ต้องยิงอันนี้ผมเห็นด้วยนะครับที่เป็นการป้องกันการกระทำที่เกินกว่าเหตุ แต่ยังงงๆตรงที่ถ้าคนร้ายเข้ามาในบ้าน แล้วเราต้องเลือกหนีถ้าหนีได้ ผมว่าบ้านเป็นอณาเขตส่วนบุคคลทำไมเราต้องหนีคนที่ทำละเมิดกฎหมาย ด้วยละครับพี่น้อง ::012:: แม้จะไม่ป้องกันถึงตายแต่ถ้าเป็นผมคงยิงแขน ขาคนร้ายให้เดี้ยงก่อนละครับ ที่นี่นะครับ ยิงตายแล้วสู้คดียังมีหลุด แต่ถ้ายิงแขนยิงขา ถึงไม่ติดคุกก็หมดตัวได้ครับ dead man can't speak ครับ ถ้าเป็น California อย่างน้อยก็รอให้คนร้ายอยู่ในบ้านก่อนที่จะยิงเขา เพราะถ้าคนร้ายอยู่นอกบ้านนี่ไม่รู้จะอ้างว่าอะไรดีครับ เหตุการที่นักเรียนญี่ปุ่นถูกยิงตายที่รัฐ Louisiana เป็นคดีที่เศร้าครับ นาย Yoshihiro ไปเคาะประตูบ้านผิด เจ้าของบ้านสั่งว่า freeze ( สั่งให้หยุด) แต่เค้ากลับเดินเข้าหา ก็เลยโดนยิงครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:13:44 AM ถ้า เขา บอก STOP คงจะรู้เรื่องมากกว่านะครับ...
ขอถาม ในเรื่องของการใช้คำ ด้วยครับ ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร ในความหมายครับ (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:19:59 AM อ้างถึง จากตรงนี้ ขออนุญาตถามพี่ usp40 ต่อครับ ว่า นอกจากซื้อปืนไม่ได้อีกต่อไป แล้วปืนที่มีอยู่ในครอบครองต้องถูกทางการยึดด้วยหรือไม่ครับ จะถูกยึดครับ ไม่สามารถมีไว้ในครอบครองอีกต่อไปได้ และถ้าบุคคลใดที่มีใบพกกาแล้วทำผิดกฏหมายคดีอาญา ถูกตัดสินว่าผิดจะต้องคืนใบพกพาทันที ถ้าไม่คืนจะมีคนมาเคาะประตูบ้านยึดคืน ;Dคุณ " POR " ครับที่จริงแล้ว กฏหมายของรัฐบาลกลาง ( Federal law ) คนต่างด้าวที่ไม่มีใบเขียว ไม่ได้เป็นประชาชนที่นี่ ไม่สามารถซื้ออาวุธปืนได้ ยกเว้นปืนลมทุกชนิดกับปืนดินดำ ถ้าคุณลองดูที่ Form 4473 จะต้องกรอกข้อความว่า เป็น Citizen หรือป่าว ถ้าไม่ใช่ต้องมีใบเขียว ยกตัวอย่างถ้าใครที่ไม่มีใบเขียวเดินเข้าร้านที่ California , Nevada , South Carolina แล้วขอซื้อปืน อย่างแรกคือเค้าจะไม่ขายให้ สองมีหวังได้นั่งรถตำรวจเล่นฟรีๆ การที่ร้านปืนในบางรัฐขายให้กับบุคคลที่ไม่มีใบเขียวนั้น เป็นช่องโหว่ของกฏหมายที่ยังไม่ได้แก้ และเป็นความโลภความบกพร่องของผู้ขายที่ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองครับ ไม่ต้องถึงเรื่องซื้อปืนหรอกครับครับ ทุกวันนี้ถ้าคนที่มีใบเขียวไปต่อใบขับขี่ ( สำหรับรัฐที่ผมอบู่นะครับ ที่อื่นไม่ทราบ) ยากกว่าซื้อปืีนอีกครับ ต้องนำหลักฐานต่างๆไปแสดงให้ครบ ผมอยากขอเตือนนักเรียนไทยที่มาเรียนว่า เวลาจะไปซื้อปืนจงศึกษากฏหมายของรัฐนั้นๆก่อนนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเรียนไม่จบครับ สมัย 20 กว่าปีก่อนง่ายมากจริงครับ ทุกวันนี้ไม่อย่างนั้นแล้ว ขอบคุณครับพี่ ที่ให้คำแนะนำและตักเตือนน้องๆครับ ในแบบฟอร์ม 4473 ที่ผมกรอกไป http://www.atf.gov/forms/4473/ มีทั้งข้อ 12 L. ถามว่า Are you a nonimmigrant alien? ตอบ YES , 13 ที่ถามว่า If you are a nonimmigrant alien, do you fall within any of the exceptions set forth in important notice 6 exception 2? ตอบ YES คือ Important Notice 6 Exception 2 ยกเว้นให้ซื้อได้ถ้ามี hunting license http://www.atf.gov/forms/4473/page03.htm แล้วเวลาคนขายโทรตรวจสอบข้อมูลกับทาง NICS ก็แจ้งข้อนี้ดังๆว่าผมไม่ใช่ US Citizen and Resident Alien ให้เจ้าหน้าที่ปลายสายที่ทำการตรวจสอบอยู่ทุกครั้งครับ สงสัยเป็นช่องโหว่ที่ถูกต้องตามข้อกำหนดของทางหน่วยงานกระมังครับ ขอบคุณครับ แล้วที่อเมริกาเวลาประชาชนซื้อปืนต่อจากประชาชนด้วยกันเวลาโอนไปทำเรื่องที่ไหน จะต้องไปที่ร้านปืนให้จัดการให้ครับ ผมเคยซื้อปืนจากต่างรัฐโดยดูปืนที่ Gunsamerica.com เป็นเว็ปขายปืน ดูปืนที่ชอบแล้วก็ติดต่อผู้ขาย ถ้าผู้ขายถ้าไม่ใช่ร้านปืน จะต้องเอาปืนไปให้ร้านปืนทำการโอนปืนให้ ทางผู้ซื้อจะต้องไปร้านปืนแถวบ้านรับโอนมาเป็นชื่อของผู้ซื้อ โดยที่ผู้ซื้อยังต้องผ่านการตรวจประวัติก่อนถึงจะได้รับปืนครับแล้วโอนต่างรัฐ ต่างเมืองได้หรือเปล่าครับ ที่ Texas ถ้าซื้อผ่าน Website หรือซื้อทางไปรษณีย์จากต่างรัฐ ต้องให้ร้านปืนดำเนินการโอนให้ คือกรอกแบบฟอร์ม 4473 เหมือนซื้อปืนใหม่ครับ แต่ถ้าซื้อขายกันเอง ไม่ว่าจะเป็นตามงาน Gun Show ที่ถือเอาไปแล้วแขวนป้ายขาย หรือ การลงขายทางเน็ต แต่อยู่ในรัฐเดียวกันหรือเมืองใกล้กัน ที่ไม่ต้องส่งทางไปรษณีย์ ก็สามารถจ่ายเงินและเอากลับไปได้เลย ไม่ต้องโอนหรือกรอกฟอร์ม 4473 ครับ ข้อมูลเหล่านี้ที่ผมกล่าว เป็นเพียงประสบการณ์โดยตรงครับ ไม่สามารถใช้อ้างอิงทางกฎหมายได้นะครับ เวลาผ่านมาตั้งแต่ซื้อกระบอกแรกปี 2000 และกระบอกสุดท้ายปี 2006 ครับ อย่างที่พี่ USP40 แจ้งเตือนไว้ว่า ผมอยากขอเตือนนักเรียนไทยที่มาเรียนว่า เวลาจะไปซื้อปืนจงศึกษากฏหมายของรัฐนั้นๆก่อนนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวจะเรียนไม่จบครับ สมัย 20 กว่าปีก่อนง่ายมากจริงครับ ทุกวันนี้ไม่อย่างนั้นแล้ว ขอบคุณครับ แต่ปืนอัดลม เบอร์ 1-2 บีบี ยังน่าจะหาซื้อได้อยู่นะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:22:44 AM ถ้า เขา บอก STOP คงจะรู้เรื่องมากกว่านะครับ... freeze เป็นคำที่ตำรวจใช้ หมายความว่า ให้หยุดนิ่งทันทีไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ขอถาม ในเรื่องของการใช้คำ ด้วยครับ ว่าจะแตกต่างกันอย่างไร ในความหมายครับ (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif) stop หยุดเหมือนกันแต่ไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือน freeze ( แข็งเป็นไก่ถูกแช่แข็ง อิอิ) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:27:43 AM คนต่างชาติจะไม่ค่อยรู้จักคำว่าfreeze แต่จะเข้าใจของคำว่าSTOPมากกว่า
ก็เลยเป็นเรื่องน่าเศร้า หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:36:04 AM คนต่างชาติจะไม่ค่อยรู้จักคำว่าfreeze แต่จะเข้าใจของคำว่าSTOPมากกว่า ก็เลยเป็นเรื่องน่าเศร้า เป็นเรื่องทางวัฒนธรรมด้วยครับ คือผู้ชายจีน-ญี่ปุ่นจะถูกสอนมาว่า ให้แสดงออกถึงความกล้าเมื่อมีภัยมาคุกคาม ... เด็กคนนั้นเมื่อเจอปืน แทนที่จะหนีไป กลับเดินเข้าหา แล้วแต่งหน้าตาสีแดงด้วย เจ้าของบ้านได้รับคำเตือนให้ระวังวัยรุ่นอัพยาอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเตือนแล้วยังเดินเข้าหา ก็จำเป็นต้องยิง :'( ลองดูบทภาพยนต์จีน หรือการ์ตูนญี่ปุ่น จะมีฉากแสดงความกล้า เดินเข้าหาปืนเสมอ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:41:36 AM คุณ POR ผมถึงบอกว่าให้ศึกษากฏหมายของรัฐที่จะซื้อนะครับ อย่างทีบอกนะครับ อย่างที่ South Carolina ซื้อไม่ได้ครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:44:06 AM ขอบคุณครับ...
ถ้า ใช้คำ freeze กับผม ผมก็ไม่รู้เรื่องแน่ แต่ถ้า stop นี่ รู้ ชัวร์... (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 07, 2007, 10:44:44 AM ::002::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 07, 2007, 11:01:10 AM มันก็มีคนที่ทำแบบนั้นครับ ต๊อก แต่เป็นส่วนน้อย คนส่วนมากเคารพกฏหมาย คนเมกันเกิดที่นี่โตที่นี่จะถูกปลูกฝังให้เคารพกฏหมาย แต่ที่ไม่ปฏิบัติตามก็มีไม่งั้นคงไม่ต้องมีตำรวจ คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ซิครับโดยมากทำอะไรตามใจฉัน ไม่สนใจว่ากฏหมายเค้าว่าไว้ไงบ้าง แกล้งโง่ก็เยอะ พวกนี้คนเค้าเกลียดและดูถูก และคนอื่นที่ดีก็โดนเหมาไปด้วยเลย วัดไทยใน LA เกือบจะโดนปิดไปก็เพราะ ข้าจะทำของข้าอย่างเงี้ยใครจะทำไม เวลามีงานที ที่จอดรถก็มีแต่ฉันไม่จอด ฉันจะไปจอดขวาง ทางเข้าออกของชาวบ้านแถวนั้น เมากันแอ้ทิ้งขยะเกลื่อนตามทางเดินถนน อับอายขายขี้หน้าครับ ที่รู้เพราะเคยไปช่วยงานวัด ในนามของชมรมอดีตทหารไทย ช่วยขับรถตู้รับส่งคนจากที่จอดรถไปส่งที่วัด
**** ขอบคุณครับพี่ กฎหมาย/การปฏิบัติ อาจมีช่องโหว่บ้างแต่บางทีที่ยังอยูได้ด้วย honor system ผมรู้สึกว่าเป็นการให้เกียรติประชาชน ซึ่งก็แสดงว่าประชาชนก็มีคุณภาพดีด้วย ที่อังกฤษถ้าใครดูทีวีช่อง BBC ต้องซื้อสแตมป์ (สติ๊กเกอร์ยักษ์) มาแปะทีวีทุกปี เมื่อก่อนประมาณ 80 ปอนด์ (ผมซื้อทุกปีเพราะยังไม่เป็นอังกฤษกะล่อนๆ อิ อิ) ซึ่งในทางปฏิบัติใครไม่ซื้อแล้วดูก็ไม่มีใครมาจับแน่ๆ แต่ระบบเขาก็ยังอยู่ได้ หรือออสเตรียที่ไม่มีรั้วกั้นเวลาขึ้นรถไฟฟ้า ให้คนสอดบัตรเองที่เสา แล้วเท่าที่เห็นก็ไม่มีใครมาตรวจ พวกนี้เห็นแล้วรู้สึกดีครับ อย่างไรก็ตาม เรื่องแมก 10 นัดนี่ผมว่าไม่มีประโยชน์ในการควบคุมอาชญากรรมเล๊ย กฎหมาย honor system ฉบับนี้ เห็นแล้วขัดใจครับ อิ อิ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 07, 2007, 11:33:37 AM คุณ POR ผมถึงบอกว่าให้ศึกษากฏหมายของรัฐที่จะซื้อนะครับ อย่างทีบอกนะครับ อย่างที่ South Carolina ซื้อไม่ได้ครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับพี่ ::014:: ::014:: ::014:: วกเข้ามาที่เจ้าของกระทู้ถามว่า ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? ในความคิดเห็นของผม ที่ง่ายกว่า น่าจะเป็น ปืนอัดลม เบอร์ 1 และ 2 ที่สามารถซื้อได้โดยที่ผู้ซื้อมีอายุมากกว่า 18 ปี กระมังครับไม่ต้องกรอกเอกสาร เพราะ เท่าที่ไปร้านเครื่องกีฬาหลายๆ รัฐ ก็มีวางขายกันทั่วไป แต่ปืนอัดลม เบอร์ 1 ที่เป็นปืนแข่งขันระบบมาตรฐานสากลนั้น ก็ซื้อได้ง่ายกว่าเมืองไทยแน่นอนถ้าอ้างถึงข้อกำหนดต่างๆ ไม่ต้องมีการขอหรือกรอกเอกสารใดๆ แต่ ปืนอัดลมประเภทนี้ หาร้านซื้อยากกว่าปืนจริงครับ :) :) :) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 07, 2007, 11:38:31 AM ครับปืนลมซื้อได้ง่ายครับ จ่ายเงินก็ถือกลับบ้านได้เลย
ถ้าระดับแข่งขันก็สั่งจากเว๊ปได้เลยเหมือนกัน ถ้าต้องการด่วน วันเดียวก็ได้แล้ว มาส่งถึงประตูบ้านเลย ;D ซื้อแบบนี้ต้องมีบัตร์นะครับ บัตร์เครดิดสำคัญมากๆ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: m1991 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 12:31:16 PM ผมเคยไปเรียนที่ อเมริกา รัฐอลาลามา ในงาน Gun Show ซื้อปืนสองกระบอก m1911 และ S&W M19 ซื้อแล้วเหน็บเอวกลับบ้านได้เลยครับ
ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเลย ส่วนที่ร้านขายปืน ต้องใช้ driver license ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: traipope_s ที่ ธันวาคม 07, 2007, 12:43:27 PM ติดตามอยู่ ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้มากครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 07, 2007, 08:27:57 PM ปืนลมทุกชนิดทุกขนาด เด็ก 8 ขวบก็ซื้อได้ครับ ขอให้มีตังค์จ่ายคนขาย แล้วแบกปืนกลับบ้านไหวก็พอครับ
อ้างถึง ผมเคยไปเรียนที่ อเมริกา รัฐอลาลามา ในงาน Gun Show ซื้อปืนสองกระบอก m1911 และ S&W M19 ซื้อแล้วเหน็บเอวกลับบ้านได้เลยครับ เป็นช่องโหว่ของกฏหมายอีกข้อนึง ตามกฏหมายแล้วทำไม่ได้ แต่ก็มีคนทำ บางรัฐตาม gunshow ห้ามบุคคลที่ไม่มีใบอนุญาตซื้อขายปืน นำปืนไปขาย คนที่ขายไปก็เสี่ยงถ้าคนที่ซื้อเป็นบุคคลที่ต้องห้ามซื้อหรือมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง ซื้อไปแล้วไปก่อเรื่องโดนจับ ตำรวจสาวไปถึงคนขายก็ซวยไป ด้วยเหตุผลนี้พวกที่ต่อต้านปืน ถึงพยายามรณรงค์ให้รัฐบาลออกกฏหมายมา ให้เจ้าของปืนต้องขึ้นทะเบียนทุกกระบอก เมื่อสมัยผมยังอยู่ที่ California จะมี gunshow ที่ใหญ่ที่สุดในเมกา อยู่ห่างจากบ้านผม 45 นาที ที่ LA county fairground มีขายทุกอย่าง ใหญ่ขนาดถ้าจะเดินดูให้ครบไม่เดินดูผ่านๆ ต้องไปสองวันถึงจะทั่ว แต่แล้วทางผมจัดก็เลิกและย้ายไปที่ Las Vegas แทน เพราะทางการ California ออกกฏยุ๋มยิ๋มมาบังคับ ข้อนึงก็คือห้ามขายปืนโดยไม่มีการโอน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 07, 2007, 08:34:52 PM แอบมาเก็บความรู้ครับพี่ USP40
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ ธันวาคม 07, 2007, 11:35:51 PM ขออนุญาตถามเพื่อต่อยอดนะครับ......
แล้วประเทศทางฝั่งยุโรปละครับยากง่ายอย่างไร.... ผมมีเพื่อนชาว สวิส หลายคน....เห็นเล่าให้ฟังว่า เกณฑ์ทหารเสร็จพอปลดประจำการ แบกปืนกลับบ้านคนละกระบอกได้เลย.... :<< ผมเองสังเกตุตามรถไฟในสวิส เห็นทหารในเครื่องแบบ...สะพายปืนกันหน้าตาเฉย ไม่เห็นมีชาวบ้านตื่นเต้น... ;D ด้วยความเคารพ.... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Geo ที่ ธันวาคม 08, 2007, 12:34:55 AM ขอบคุณพี่USPมากครับได้ความรู้เพิ่ม รวมทั้งพี่พี่ทุกท่านด้วยนะครับ :)
สมัยที่เริ่มเรียนมีเพื่อนญี่ปุน หลังเลิกเรียนก็ชวนกันไปเดินเล่นshopping mall ตามภาษาคนไกลบ้าน ผ่านมาถึง Candy Shop มีขนมเยอะมากมีทั้งอยู่ในลังพลาสติก ขวด โหล คือว่ามีขนมโชว์เต็มร้าน เพื่อนญี่ปุ่นของผมดันอ่านป้ายผิด เขาเขียนว่า FAT FREE เขาเข้าใจว่า EAT FREE ชิมกันเพลินซักพักเจ้าของร้านจึงมาสะกิด แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะสำเนียงของพวกเราไม่ใช่คนแถวนั้น :D เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปืนครับ แต่เรื่องภาษานั้นสำคัญ จาก FREEZE เป็น please , จาก FAT FREE เป็น eat free หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 12:40:58 AM ขออนุญาตถามเพื่อต่อยอดนะครับ...... ต้องรอ เด็กเพชรมาเล่าให้ฟังครับ แล้วประเทศทางฝั่งยุโรปละครับยากง่ายอย่างไร.... ผมมีเพื่อนชาว สวิส หลายคน....เห็นเล่าให้ฟังว่า เกณฑ์ทหารเสร็จพอปลดประจำการ แบกปืนกลับบ้านคนละกระบอกได้เลย.... :<< ผมเองสังเกตุตามรถไฟในสวิส เห็นทหารในเครื่องแบบ...สะพายปืนกันหน้าตาเฉย ไม่เห็นมีชาวบ้านตื่นเต้น... ;D ด้วยความเคารพ.... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 12:41:53 AM ขอบคุณพี่USPมากครับได้ความรู้เพิ่ม รวมทั้งพี่พี่ทุกท่านด้วยนะครับ :) ;D ;D ;D ;Dสมัยที่เริ่มเรียนมีเพื่อนญี่ปุน หลังเลิกเรียนก็ชวนกันไปเดินเล่นshopping mall ตามภาษาคนไกลบ้าน ผ่านมาถึง Candy Shop มีขนมเยอะมากมีทั้งอยู่ในลังพลาสติก ขวด โหล คือว่ามีขนมโชว์เต็มร้าน เพื่อนญี่ปุ่นของผมดันอ่านป้ายผิด เขาเขียนว่า FAT FREE เขาเข้าใจว่า EAT FREE ชิมกันเพลินซักพักเจ้าของร้านจึงมาสะกิด แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะสำเนียงของพวกเราไม่ใช่คนแถวนั้น :D เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับปืนครับ แต่เรื่องภาษานั้นสำคัญ จาก FREEZE เป็น please , จาก FAT FREE เป็น eat free หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 12:54:09 AM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ
นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 04:09:09 AM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 08, 2007, 04:19:28 AM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ ธันวาคม 08, 2007, 07:35:04 AM หนังญี่ปุ่นผมก็ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ชอบดูครับ ;D พี่ดูมาก ๆ แล้วอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นบ้างหรือเปล่า .... ผมเป็นครับ ::005:: ::005::หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 07:39:41 AM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ธันวาคม 08, 2007, 07:56:06 AM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ สำเนียงที่ว่าผมเจอทุกประเภท อิอิ แต่หนังพี่บุญน่าดูสุด อิอิ ซึโค่ย............ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: NUMBER8 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 01:01:37 PM เคยได้ยินว่า ในบางประเทศ คนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ถือว่า เป็นกองหนุนทุกคน รู้สึกว่าจะได้ rifle กลับบ้านคนละกระบอก แต่ต้องเก็บไว้ใช้ในกรณี เกิดศึกสงคราม จะได้ระดมพลรวดเร็ว
จริงรึเปล่าครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 01:43:06 PM เคยได้ยินว่า ในบางประเทศ คนที่ผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว ถือว่า เป็นกองหนุนทุกคน รู้สึกว่าจะได้ rifle กลับบ้านคนละกระบอก แต่ต้องเก็บไว้ใช้ในกรณี เกิดศึกสงคราม จะได้ระดมพลรวดเร็ว จริงรึเปล่าครับ มีแต่ สวิส ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 01:58:54 PM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ อาโน ถ้าภาษาไทย ก็ เอ่อ เป็นคำออกเสียง ไม่มีความหมายครับ พูดออกมาเวลาคิดไม่ออกว่า จะพูดว่าอะไร เวลาพูดกับพวกญี่ปุ่น มักเจอ แต่ถ้าพวกนี้เมา ไม่มีหลุด อาโน ออกมาสักคำ พูดอังกฤษ เร็วปรี๊ดเลยครับ คนเอเซีย ส่วนมาก กลัวผิดครับ เลยคิดก่อนพูด ยิ่งเป็นภาษาที่ไม่ไช่ภาษาของตน ยิ่งกลัวพูดผิด เลยใช้เวลาคิดนานเรียงคำพูดให้เป็นประโยคก่อนพูดออกมา โดยคิดเป็นภาษาของตนก่อน ค่อยแปลเป็นภาษา อังกฤษ แล้วเรียงคำ ค่อยพูดออกมา แต่พวก แขก (อินเดีย ปากีฯ บังคลาเทศ ) เหมือนกันหมดคือ มักมี เสียง ร หรือ ชอบกระดกลิ้นตลอด บางคำที่ไม่มีเสียง R ก็ใส่ให้ซ่ะงั๊น แต่พวกแขก ที่ไปเรียน อเมริกา เหมือนกันอยู่อย่างครับ คือ รวมตัวกันทำงานด้วยกัน ทำรายงาน ก็ ลอกกันมาส่ง เวลาสอบก็ โกงสอบด้วยกัน ผมคุยกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน บอก พวกแขก ที่ ยู ที่เขาเรียน ก็เป้นแบบนี้ (สงสัยเป็นทางสายเลือด) นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ป๊อกแมน ที่ ธันวาคม 08, 2007, 02:47:29 PM เรืองสำเนียง ญี่ปุ่นมีอะไรตลก เยอะครับ นักเรียน ญี่ปุ่น ส่วนมากที่ไม่ได้ฝึกการพูดมาก่อน มักพูดภาษาอังกฤษ แบบ ไม่อ้าปาก คือ ปากไม่ขยับ ไม่ห่อปาก ไม่อ้ากว้าง ๆ ตามเสียง เวลาออกเสียง หลาย ๆ คำ มักฟังเหมือนกัน แถมยังต่อให้อีก อย่าง Yes ออกเสียง เป็น เยสึ เรื่องสำเนียง ที่ฟังยากที่สุดคือ พวก แขก ที่พูดแบบรัวลิ้นซ่ะ ไม่รู้เรื่อง จริงอย่างที่คุณ 686 ว่าเลย คนญี่ปุ่นบางทีพูดอยู่ดีก็ อาโน อาโน ไม่รู้แปลว่าอะไร คนเกาหลีอีก ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องครับ อาโน ถ้าภาษาไทย ก็ เอ่อ เป็นคำออกเสียง ไม่มีความหมายครับ พูดออกมาเวลาคิดไม่ออกว่า จะพูดว่าอะไร เวลาพูดกับพวกญี่ปุ่น มักเจอ แต่ถ้าพวกนี้เมา ไม่มีหลุด อาโน ออกมาสักคำ พูดอังกฤษ เร็วปรี๊ดเลยครับ คนเอเซีย ส่วนมาก กลัวผิดครับ เลยคิดก่อนพูด ยิ่งเป็นภาษาที่ไม่ไช่ภาษาของตน ยิ่งกลัวพูดผิด เลยใช้เวลาคิดนานเรียงคำพูดให้เป็นประโยคก่อนพูดออกมา โดยคิดเป็นภาษาของตนก่อน ค่อยแปลเป็นภาษา อังกฤษ แล้วเรียงคำ ค่อยพูดออกมา แต่พวก แขก (อินเดีย ปากีฯ บังคลาเทศ ) เหมือนกันหมดคือ มักมี เสียง ร หรือ ชอบกระดกลิ้นตลอด บางคำที่ไม่มีเสียง R ก็ใส่ให้ซ่ะงั๊น แต่พวกแขก ที่ไปเรียน อเมริกา เหมือนกันอยู่อย่างครับ คือ รวมตัวกันทำงานด้วยกัน ทำรายงาน ก็ ลอกกันมาส่ง เวลาสอบก็ โกงสอบด้วยกัน ผมคุยกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน บอก พวกแขก ที่ ยู ที่เขาเรียน ก็เป้นแบบนี้ (สงสัยเป็นทางสายเลือด) นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าไม่ได้มีเจตนาอื่นใดที่ลึกซึ้งเกินความใคร่อยากจะรู้ครับ ;D ไม่ทราบว่าที่เค้าพูดว่า(เอหรือใช้คำว่าร้องดี :D) "อีเย๊ะ อีเย๊ะ" นี่แปลว่าอะไรครับ แบบฟังมาจากในหนังหน่ะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:04:52 PM ขออนุญาตถามเพื่อต่อยอดนะครับ...... แล้วประเทศทางฝั่งยุโรปละครับยากง่ายอย่างไร.... ผมมีเพื่อนชาว สวิส หลายคน....เห็นเล่าให้ฟังว่า เกณฑ์ทหารเสร็จพอปลดประจำการ แบกปืนกลับบ้านคนละกระบอกได้เลย.... :<< ผมเองสังเกตุตามรถไฟในสวิส เห็นทหารในเครื่องแบบ...สะพายปืนกันหน้าตาเฉย ไม่เห็นมีชาวบ้านตื่นเต้น... ;D ด้วยความเคารพ.... แล้วแต่ประเทศครับ เท่าที่รู้คร่าวๆ ก็ ๑ สวิสแล้วแต่กังตอง (รัฐ) ส่วนมากซื้อง่ายขายคล่อง ไม่ต้องขออนุญาต บางรัฐเคยให้ซื้อแล้วพกพาได้เลย แล้วเพิ่งเปลี่ยนกฎหมายให้ต้องขอบพกก็มี (กังตองเบิร์น) บางรัฐเคยให้มีเครื่องเก็บเสียงง่ายๆ ฯลฯ ทหารกองหนุนรับไรเฟิลทหารกลับบ้านไปเลย รวมๆ พลเรือนมีสิทธิมากๆ ๒ อังกฤษ ห้ามมีปืนพกยกเว้นปืนดินดำบรรจุปาก เหตุเกิดเพราะมีคนบ้ายิงคนตายที่ดันเบลนปี ๑๙๙๖ เลยมาลงที่พลเมืองดีทั้งหมด ปืนยาวก็มียาก ต้องต่ออายุใบอนุญาตเป็นระยะ ไม่แน่ใจว่ากี่ปี ๓ เยอรมันต้องขออนุญาตก่อนซื้อ ใช้เวลาเป็นเดือนก็มี ๔ ออสเตรียซื้อง่ายกว่าเยอรมัน ตรวจประวัติวันเดียวเอาปืนกลับบ้านได้เลย มีไรเฟิลชนวนกลางเซมิออโตได้ ออกใบพกพาปืนสั้นให้ประชาชนด้วย ๕ สวีเดนซื้อปืนยาวง่าย ประชาชนชอบล่าสัตว์ ส่วนปืนพกมีแล้วห้ามพก ตำรวจก็ห้ามพกนอกเวลางานยกเว้นกรณีพิเศษ เช่น ทำคดีร้านแรง เสี่ยงต่อการถูกแก้แค้น ๖ เดนมาร์กห้ามมีปืนพกเล็กๆ ขนาดกล๊อก ๑๗ ยังห้ามมี ๗ อิตาลีก็ออกใบพก แต่ยาก นอกนั้นรู้สึกว่ามีปืนได้ทั้งสั้นและยาว แต่รายละเอียดต่างกันครับ ฯลฯ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:16:47 PM ขอบคุณครับ คุณ Corporal LE >>
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:22:41 PM ใน Texas มีแขกอินเดียเป็นเจ้าของ Motel มาก ทุกคนชื่อ Patel ทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:25:37 PM ใน Texas มีแขกอินเดียเป็นเจ้าของ Motel มาก ทุกคนชื่อ Patel ทั้งนั้น ในแอลเอก็แขกเป็นเจ้าของเหมือนกันครับ ปั้มน้ำมันก็แขก 7-11ก็แขก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:35:54 PM ส่วนเมืองไทย แขกเป็นเจ้าของโควต้าร้านปืนมากๆ ครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 08, 2007, 10:43:35 PM ใน Texas มีแขกอินเดียเป็นเจ้าของ Motel มาก ทุกคนชื่อ Patel ทั้งนั้น ขออนุญาตนอกเรื่องของเจ้าของกระทู้ครับ ในฐานะเคยอยู่ Texas ขอยืนยันครับ แต่ว่า เคยขับรถไปเที่ยวต่างรัฐเกือบทั่วเมกา โรงแรม Motel ที่พักส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเมืองใหญ่หรือเมืองเล็กที่มีประชากรแค่ สองสามพันคน ก็เป็นแขก ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 08, 2007, 11:06:21 PM อิอิ มาช่วยยืนยัน นอนยัน แล้วก็ นั่งยันครับ โอกลาโฮม่า ซิตี้ เจ้าของ โมเตล เป็นแขก ครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 08, 2007, 11:15:36 PM มีท่านผู้ใดยืนยันได้ว่าทุกคนชื่อ Patel เหมือนกันหมดไหมครับ เพื่อนอเมริกันใน Texas บอกผมเรื่องนี้ เข้า Motel เห็นเป็นแขก ผมจะยกมือไหว้ "นามัสการ์" แล้วถามเขาว่าชื่อ Patel ใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 09, 2007, 02:09:01 AM อ้างถึง นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ คุณ 686 รู้จริงเห็นจริง แต่ไม่เฉพาะนักเรียนครับ ตามเมืองใหญ่ๆที่คนไทยอยู่เยอะๆก็เป็นครับ อย่าง L.A. นี่เสือสิงห์ กระทิงแรด กันทั้งนั้น ( ยกเว้นพี่บุญ อิอิอิ ) บางคนก็ดีแต่โดยมาก ยังจะดูถูกกันเอง ยังคิดว่าแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร สำหรับในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ก็ยังเบ่งได้ แต่ก็แค่ในสังคมคนไทยเท่านั้น ไม่กล้าหรือมีอะไรไปเบ่งกะพวกฝรั่งได้ เพราะเค้าไม่สนใจ สังคมคนไทยใน แอลเอ ไม่ทุกคนแต่ส่วนมาก จะทำอะไรไม่ว่าจะหาหมอ ซ่อมรถ ซื้อโลงศพ หย่ากะเมีย ฯล จะทำกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ดีไปอย่างช่วยเหลือกันเอง แต่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย เรื่องดูถูกกันเองนี่ยกให้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องฝรั่งเค้าดูถูกหรอก คนไทยกันเองนี่แหละร้ายนัก โกงกันเองนินทากันเอง บางคนอยู่มาเป็น สิบปี ทำงานอยู่กับคนไทยด้วยกัน ภาษาอังกฤษพูดกับฝรั่ง ฝรั่งงง แต่พอกลับไปเมืองไทย อูยย ไทยคำอังกฤษคำ แบ่งกันเป็นชั้นวรรณะ พวกนักเรียน พวกโรบินฮู้ด พวกเมียฝรั่ง พวกเป็นใหญ่เป็นโตจากเมืองไทยมาก่อน พวกมีกะตังค์มาตั้งธุรกิจหากินกับคนไทย พวกมาเฟียมาหากินที่นี่ เจอคนดีก็ดีไป อยู่ตามบ้านนอกสบายใจกว่า ถึงจะอดๆยากๆอาหารไทยก็ตาม อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเคยถามคนไทยคนนึงว่า ถ้าบ้านเรามีสงครามใหญ่ต้องการกำลังช่วยเหลือ จะกลับไปช่วยไหม เค้าบอกว่าเราคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้วะ ผมถามต่อว่าถ้าที่เมกามีสงครามต้องการช่วยเหลือจะช่วยไหม ( ในกรณีที่ไม่ใช่เมืองไทย) เค้าบอกว่าไม่ใช่บ้านเมืองเราจะไม่ช่วยมันทำไมวะ ;D ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 09, 2007, 02:20:13 AM กระทู้สนุกดีครับพี่ๆ :D :D
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 09, 2007, 04:16:17 AM ป๋าครับ ที่ผมรู้จักนามสกุล Patel ก็มีครับ กวนประสาทสุดๆ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ ธันวาคม 09, 2007, 08:38:09 AM ป๋าครับ ที่ผมรู้จักนามสกุล Patel ก็มีครับ กวนประสาทสุดๆ ขอนอกเรื่องนิดนะครับ.... ที่อยู่ในโลโก คุณ USP40 สายพันธ์อะไรครับ... :D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 09, 2007, 09:01:46 AM อิ อิ ขออนุญาตแทรกครับ สายพันธุ์ "โคลท์" ครับ ของคู่มือสลัดอวกาศคอบร้า ซาเอบะ เรียว และพี่ยูเอสพี ครับ
"ไพธ่อน" งูหลาม นั่นเอง อิ อิ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 09, 2007, 09:23:24 AM อิ อิ ขออนุญาตแทรกครับ สายพันธุ์ "โคลท์" ครับ ของคู่มือสลัดอวกาศคอบร้า ซาเอบะ เรียว และพี่ยูเอสพี ครับ ::005:: ::005:: ::005::"ไพธ่อน" งูหลาม นั่นเอง อิ อิ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 09, 2007, 09:25:49 AM ฮิ ฮิ พี่ยูมาแล้ว
อือม์ เด็กพี่น้องหญิงเชื้อสายแขกใน แฮรี่ พ๊อตเตอร์ ยังนามสกุล พาเตล เลยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ธันวาคม 09, 2007, 07:06:46 PM ผู้รู้ (wikipedia) เขาบอกว่า Patel เป็นนามสกุลฮินดู ที่มีผู้ใช้มากเป็นอันดับสอง รองจาก Singh อิอิ
Patel From Wikipedia, the free encyclopedia Patel (Gujarati પટેલ, paṭel, /pəʈel/) is an Indian title, in tune with the all familiar Hindu caste system, that represent the castes that are predominant in the Indian province of Gujarat that are either "agriculturalists" or "landlords"." [1] The surname is the second most common surname in India, following Singh. [2] The Patel surname is found in Gujarat, Rajasthan, Punjab and Madhya Pradesh.[citation needed] Contents 1 Ethnicity 2 Distribution of the name "Patel" 3 Patels in Hospitality 4 See also 5 References Ethnicity The upper castes, recognized by their Grecian features, are Kurmis/Kunbis,Jats. There are also Gujjar or Khawaja Patels, that can be recognized by their Indo-Aryan features. The surname is also found among Parsis, mainly from the Kutch, and Mumbai. Distribution of the name "Patel" Patel is the most common non-Anglo-Celtic surname in Great Britain. According to the UCL surname profiler, Patel is the 24th most frequent surname for Britons and the only non Anglo name in the top 100 British surnames. This surname has a frequency of 2161 per million British citizens (0.21%).[3] Patidars are wealthy agriculturalists who live primarily in Gujarat and Madhya Pradesh. The surname Patel is the most widely used name for these people today. They were allocated the uncultivated land in the Petlad Taluka by the Solankis, the rulers of Gujarat in the pre-Mughal era. Patidar means "owner of Royal land". Pati means land and dar means the person who owns it. Many of these people were at first called "Patlikhs", which eventually evolved into the surname Patel. Patels are predominantly Gujarati and speak Gujarati language. They often have a deep social attachment to Gujarat and their home town in Gujarat. Two groups in Gujarat make up the Patidar community including: Leuva Patidar[Descendents of Lava (son of Lord Rama)] and Kadava Patidar[Descendents of Kusha (son of Lord Rama)]. Patels in Hospitality It is estimated that as many as 60% of mid-sized motels and hotels in the US are owned by Indians, of that one-third have the surname Patel.[4] See also Forward Castes References ^ Washburn, Edward (1901). India Old and New: With a Memorial Address, 178. ISBN 0543994147. ^ Desai, V.P.. Bharat ke Chaudhary. ^ Lloyd, David; Webber, Richard; Longley, Paul (2006-02-12). Surname (HTML). ^ http://news.bbc.co.uk/2/hi/south_asia/3177054.stm หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 09, 2007, 09:57:15 PM ขอบคุณมากครับ แหม อุตสาห์หามาให้ดู อือม์ ที่อังกฤษผมจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอพาเทล แต่ที่จริงก็ไม่ค่อยได้ถามชื่อแขกครับ ยกเว้นดูป้ายชื่อหมอตาม รพ หรือแคชเชียร์ ชื่อมีคำ "ดารา" "มณี" บ่อยๆ ที่อังกฤษแขกที่เรียนสูงมักชอบเรียนเป็นหมอ ใน รพ เกือบครึ่งเป็นแขก และพูดจาอังกฤษสำเนียงแบบฝรั่งผู้ดี เจ้าของบ้านเช่าผมก็เป็นแขก แต่เป็นมุสลิม พ่อเกิดแคชเมียร์ส่วนที่เป็นปากีฯ ปัจจุบัน
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 09, 2007, 10:31:45 PM อ้างถึง นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ คุณ 686 รู้จริงเห็นจริง แต่ไม่เฉพาะนักเรียนครับ ตามเมืองใหญ่ๆที่คนไทยอยู่เยอะๆก็เป็นครับ อย่าง L.A. นี่เสือสิงห์ กระทิงแรด กันทั้งนั้น ( ยกเว้นพี่บุญ อิอิอิ ) บางคนก็ดีแต่โดยมาก ยังจะดูถูกกันเอง ยังคิดว่าแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร สำหรับในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ก็ยังเบ่งได้ แต่ก็แค่ในสังคมคนไทยเท่านั้น ไม่กล้าหรือมีอะไรไปเบ่งกะพวกฝรั่งได้ เพราะเค้าไม่สนใจ สังคมคนไทยใน แอลเอ ไม่ทุกคนแต่ส่วนมาก จะทำอะไรไม่ว่าจะหาหมอ ซ่อมรถ ซื้อโลงศพ หย่ากะเมีย ฯล จะทำกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ดีไปอย่างช่วยเหลือกันเอง แต่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย เรื่องดูถูกกันเองนี่ยกให้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องฝรั่งเค้าดูถูกหรอก คนไทยกันเองนี่แหละร้ายนัก โกงกันเองนินทากันเอง บางคนอยู่มาเป็น สิบปี ทำงานอยู่กับคนไทยด้วยกัน ภาษาอังกฤษพูดกับฝรั่ง ฝรั่งงง แต่พอกลับไปเมืองไทย อูยย ไทยคำอังกฤษคำ แบ่งกันเป็นชั้นวรรณะ พวกนักเรียน พวกโรบินฮู้ด พวกเมียฝรั่ง พวกเป็นใหญ่เป็นโตจากเมืองไทยมาก่อน พวกมีกะตังค์มาตั้งธุรกิจหากินกับคนไทย พวกมาเฟียมาหากินที่นี่ เจอคนดีก็ดีไป อยู่ตามบ้านนอกสบายใจกว่า ถึงจะอดๆยากๆอาหารไทยก็ตาม อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเคยถามคนไทยคนนึงว่า ถ้าบ้านเรามีสงครามใหญ่ต้องการกำลังช่วยเหลือ จะกลับไปช่วยไหม เค้าบอกว่าเราคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้วะ ผมถามต่อว่าถ้าที่เมกามีสงครามต้องการช่วยเหลือจะช่วยไหม ( ในกรณีที่ไม่ใช่เมืองไทย) เค้าบอกว่าไม่ใช่บ้านเมืองเราจะไม่ช่วยมันทำไมวะ ;D ;D เข้ามายืนยันตามคุณ 686 ครับ... แฮ่ๆ... โดยเฉพาะประธานอ้อด(ประธานนักเรียนไทย)เนี่ย ศูนย์รวมข้อสอบเก่าครับ... ฮา หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 09, 2007, 11:07:31 PM ..โชคดีที่ไม่อยู่เมกา... ::005:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 09, 2007, 11:56:07 PM Patels in Hospitality
It is estimated that as many as 60% of mid-sized motels and hotels in the US are owned by Indians, of that one-third have the surname Patel. ขอบคุณมากครับ คุณทัดมาลา หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 09, 2007, 11:59:33 PM ..โชคดีที่ไม่อยู่เมกา...
กรุณาขยายความหน่อยได้ไหมครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ธันวาคม 10, 2007, 12:04:19 AM Patels in Hospitality It is estimated that as many as 60% of mid-sized motels and hotels in the US are owned by Indians, of that one-third have the surname Patel. ขอบคุณมากครับ คุณทัดมาลา ด้วยความยินดีครับ คุณลุง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 10, 2007, 12:14:44 AM ก่อนผมไปเรียน อเมริกา มีข่าว นักเรียนสาวไทย ซื้อปืนสั้น ไปยิง แฟนชาว ญี่ปุ่น ตาย แต่ไม่แน่ใจว่า มหาลัยอะไร แต่จำได้คลับคล้ายว่า โอกลาโฮม่า แต่ไม่ไช่ OCU ใครจำได้บ้างครับ ??? ข่าวดังมาถึงเมืองไทยด้วย แต่ไม่มีรายละเอียด
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ปาล์มๆ...ซุ่มโป่ง ที่ ธันวาคม 10, 2007, 12:51:25 AM ผลพวงกฏหมายเมกาตกมาถึงผม แม็ก 10 นัด ปกติจะได้แม็ก 17 นัด แต่ปืนดันผ่านเมกาก่อนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเมืองไทย
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 10, 2007, 01:52:44 AM กฏหมายฉบับนี้หมดอายุแล้วครับ กฏหมายของเราเองซีครับที่ยังอยู่
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 10, 2007, 03:32:54 AM ผลพวงกฏหมายเมกาตกมาถึงผม แม็ก 10 นัด ปกติจะได้แม็ก 17 นัด แต่ปืนดันผ่านเมกาก่อนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเมืองไทย กฏหมาย AWB หมดอายุลงเมื่อ September 2004 ครับ ถึงตอนที่ยังไม่หมดอายุก็ไม่ได้เกี่ยวกับต่างชาติ แม็กบรรจุเกิน 10 นัดยังสามารถส่งขายนอกประเทศได้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ ธันวาคม 10, 2007, 04:08:19 AM อ้างถึง นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ คุณ 686 รู้จริงเห็นจริง แต่ไม่เฉพาะนักเรียนครับ ตามเมืองใหญ่ๆที่คนไทยอยู่เยอะๆก็เป็นครับ อย่าง L.A. นี่เสือสิงห์ กระทิงแรด กันทั้งนั้น ( ยกเว้นพี่บุญ อิอิอิ ) บางคนก็ดีแต่โดยมาก ยังจะดูถูกกันเอง ยังคิดว่าแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร สำหรับในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ก็ยังเบ่งได้ แต่ก็แค่ในสังคมคนไทยเท่านั้น ไม่กล้าหรือมีอะไรไปเบ่งกะพวกฝรั่งได้ เพราะเค้าไม่สนใจ สังคมคนไทยใน แอลเอ ไม่ทุกคนแต่ส่วนมาก จะทำอะไรไม่ว่าจะหาหมอ ซ่อมรถ ซื้อโลงศพ หย่ากะเมีย ฯล จะทำกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ดีไปอย่างช่วยเหลือกันเอง แต่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย เรื่องดูถูกกันเองนี่ยกให้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องฝรั่งเค้าดูถูกหรอก คนไทยกันเองนี่แหละร้ายนัก โกงกันเองนินทากันเอง บางคนอยู่มาเป็น สิบปี ทำงานอยู่กับคนไทยด้วยกัน ภาษาอังกฤษพูดกับฝรั่ง ฝรั่งงง แต่พอกลับไปเมืองไทย อูยย ไทยคำอังกฤษคำ แบ่งกันเป็นชั้นวรรณะ พวกนักเรียน พวกโรบินฮู้ด พวกเมียฝรั่ง พวกเป็นใหญ่เป็นโตจากเมืองไทยมาก่อน พวกมีกะตังค์มาตั้งธุรกิจหากินกับคนไทย พวกมาเฟียมาหากินที่นี่ เจอคนดีก็ดีไป อยู่ตามบ้านนอกสบายใจกว่า ถึงจะอดๆยากๆอาหารไทยก็ตาม อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเคยถามคนไทยคนนึงว่า ถ้าบ้านเรามีสงครามใหญ่ต้องการกำลังช่วยเหลือ จะกลับไปช่วยไหม เค้าบอกว่าเราคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้วะ ผมถามต่อว่าถ้าที่เมกามีสงครามต้องการช่วยเหลือจะช่วยไหม ( ในกรณีที่ไม่ใช่เมืองไทย) เค้าบอกว่าไม่ใช่บ้านเมืองเราจะไม่ช่วยมันทำไมวะ ;D ;D เห็นด้วยครับ... คิดว่าที่ผมอยู่อาจจะเลวร้ายกว่านี้ด้วยซ้ำ (เมืองนี้พวกลูกหลานไฮไซฯ มาอยู่กันเยอะ) โดยส่วนตัวผมก็ไม่ค่อยจะสมาคมกับคนไทยด้วยกันเท่าไหร่ สู้อยู่คนเดียวหรือไม่ก็คบกับพวกคนจีน คนไต้หวัน ฯลฯ จะสบายใจกว่า แม้แต่ร้านอาหารไทยที่นี่ก็ส่วนใหญ่จะหน้าเลือด ขูดรีดกับคนไทยด้วยกันเอง ประมาณว่าถ้าเห็นเป็นคนไทย ก็จะบวกราคาเพิ่มจากเมนูทันที แล้วอ้างว่าปรุงให้แบบไทยๆ (แถมให้ปริมาณแบบไทยๆ ด้วย น้อยกว่าของโต๊ะข้างๆ ที่เป็นฝรั่งอีก...) :( หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 10, 2007, 06:40:56 AM ..โชคดีที่ไม่อยู่เมกา... กรุณาขยายความหน่อยได้ไหมครับ ครับป๋า... :D ที่ว่าโชคดี เพราะ กระเป๋าฉีกแน่ๆ ซื้อปืนหมด.. ::008:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 10, 2007, 10:12:25 AM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 10, 2007, 07:32:01 PM อือม์ จริงเลยครับ สังคมไทยเล็กๆ จะรักกัน ใหญ่ๆ จะข่มกัน ที่ลอนดอนก็เป็นอย่างแนว แอลเอ มี พวกรวย พวกเรียน (นักเรียนทุนอาแต่เรียน) ตามร้านที่เป็นแหล่งก็ชอบทะเลาะกัน
มหาลัยผมเมืองเล็กสมัยนั้นคนไทยน้อยมากประมาณ ๕๐ คน ไม่รวมกลุ่มกันใหญ่ๆ แต่ทำดี กันเองทั้งนั้น บางคนเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยเมืองไทยอยู่กลุ่มไฮโซ ไม่เคยคุยกันเลย ที่โน่นกันเองดีมาก บางคนที่รู้จักใหม่ก็ติดดินกันเองดีๆ ทั้งนั้น หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 10, 2007, 08:59:20 PM ตอนผมไปเรียนภาษา ที่ CSU Chico คนไทย ทั้งเมือง มีไม่เกิน 10 คน (ตอนผมไปอยู่น่ะ) นักเรียนไทย มีแค่ 7 คน รวมผมแล้ว ดีครับ รักกันดี ยังคบกันจนทุกวันนี้เลย
พอย้ายไป โอกลาโฮม่า ซิตี้ เจอคนไทย เป็นร้อย งงครับ มีการรวมกลุ่มกันตั้งสมาคมนักเรียนไทย ด้วย แถมมีหลาย มหาลัย เฉพาะ OCU (Oklahoma City University) ก็จำชื่อนักเรียนไทย กันแทบไม่หมดแล้ว ยังมี มหาลัยอื่น อย่าง OU ( Oklahoma University) กับ UCO (University of Central Oklahoma) ที่มีนักเรียนไทย เรียนอยู่ด้วย แล้วก็มี วัดไทย ที่นี่ด้วย โอกลาโฮม่า ซิตี้ ไม่ได้มีแค่คนไทย เยอะ อย่างเดียว แต่ คนลาว เวียตนาม และ กัมพูชา ก็เยอะด้วย อาหารการกินที่นี่ หาได้เกือบทุกอย่าง ที่เมืองไทยมีเลย ไม่ว่าจะเป็นข้าว หอมมะลิ, อาหารกระป๋อง, มาม่า หรือแม้กระทั่ง ปลาร้า ก็มีขาย โดยส่วนมากผมจะไปซื้ออาหารจากร้านเวียตนาม ส่วน ร้านอาหารไทย ก็มีหลายร้าน ทั่วเมือง โอกลาโฮม่า ซิตี้ เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่โต เพราะ เป็นเมืองใหม่ สร้างถนน เป็น บล๊อก ๆ แล้ว แบ่งเมืองออกเป็น 4 ส่วน NE, NW, SE และ SW ถนนก็จะมีชื่อถนน กับ ถนนที่มี ทิศ กับ ตัวเลข อย่า NW39 th ถ้าเข้าไปในเมืองแล้ว เศร้าใจครับ ไม่คึกคักเหมือนเมืองอื่น ๆ เลย ตั้งแต่ เหตุระเบิด ตึก ที่ทำการของ รัฐ แล้ว ทำให้การลงทุน และ ผู้คนย้ายออกไปจากเมืองนี้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 10, 2007, 09:24:21 PM เรียนคุณ 686
เรื่องสาวไทยซื้อปืนยิงแฟนชาวญี่ปุ่นฯ เป็นนักเรียนไทยเรียนที่ UCO แต่ก่อนหน้านั้นปีเดียว(1992)ยังชื่อว่า Central State U. โดยสาวไทยคนนั้นอาศัยอยู่เมืองเอ็ดมอนด์... เรื่องนี้พี่นิคกับพี่เปาคนไทยเจ้าของร้านอาหารศาลาไทยเล่าให้ฟังครับ... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ...wahoo... ที่ ธันวาคม 10, 2007, 09:48:12 PM นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ
คุณ 686 รู้จริงเห็นจริง แต่ไม่เฉพาะนักเรียนครับ ตามเมืองใหญ่ๆที่คนไทยอยู่เยอะๆก็เป็นครับ อย่าง L.A. นี่เสือสิงห์ กระทิงแรด กันทั้งนั้น ( ยกเว้นพี่บุญ อิอิอิ ) บางคนก็ดีแต่โดยมาก ยังจะดูถูกกันเอง ยังคิดว่าแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร สำหรับในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ก็ยังเบ่งได้ แต่ก็แค่ในสังคมคนไทยเท่านั้น ไม่กล้าหรือมีอะไรไปเบ่งกะพวกฝรั่งได้ เพราะเค้าไม่สนใจ สังคมคนไทยใน แอลเอ ไม่ทุกคนแต่ส่วนมาก จะทำอะไรไม่ว่าจะหาหมอ ซ่อมรถ ซื้อโลงศพ หย่ากะเมีย ฯล จะทำกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ดีไปอย่างช่วยเหลือกันเอง แต่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย เรื่องดูถูกกันเองนี่ยกให้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องฝรั่งเค้าดูถูกหรอก คนไทยกันเองนี่แหละร้ายนัก โกงกันเองนินทากันเอง บางคนอยู่มาเป็น สิบปี ทำงานอยู่กับคนไทยด้วยกัน ภาษาอังกฤษพูดกับฝรั่ง ฝรั่งงง แต่พอกลับไปเมืองไทย อูยย ไทยคำอังกฤษคำ แบ่งกันเป็นชั้นวรรณะ พวกนักเรียน พวกโรบินฮู้ด พวกเมียฝรั่ง พวกเป็นใหญ่เป็นโตจากเมืองไทยมาก่อน พวกมีกะตังค์มาตั้งธุรกิจหากินกับคนไทย พวกมาเฟียมาหากินที่นี่ เจอคนดีก็ดีไป อยู่ตามบ้านนอกสบายใจกว่า ถึงจะอดๆยากๆอาหารไทยก็ตาม อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเคยถามคนไทยคนนึงว่า ถ้าบ้านเรามีสงครามใหญ่ต้องการกำลังช่วยเหลือ จะกลับไปช่วยไหม เค้าบอกว่าเราคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้วะ ผมถามต่อว่าถ้าที่เมกามีสงครามต้องการช่วยเหลือจะช่วยไหม ( ในกรณีที่ไม่ใช่เมืองไทย) เค้าบอกว่าไม่ใช่บ้านเมืองเราจะไม่ช่วยมันทำไมวะ :-[ :-[ :-[นี่แหละครับคนไทย :-[ :-[ :-[ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 11, 2007, 12:10:41 AM เรียนคุณ 686 เรื่องสาวไทยซื้อปืนยิงแฟนชาวญี่ปุ่นฯ เป็นนักเรียนไทยเรียนที่ UCO แต่ก่อนหน้านั้นปีเดียว(1992)ยังชื่อว่า Central State U. โดยสาวไทยคนนั้นอาศัยอยู่เมืองเอ็ดมอนด์... เรื่องนี้พี่นิคกับพี่เปาคนไทยเจ้าของร้านอาหารศาลาไทยเล่าให้ฟังครับ... ขอบคุณครับ นายสมชาย (ฮา) ผม อ่าน ผ่าน ๆ ก่อนไป อเมริกา พอไปถึง ก็ไม่มีใครให้รายละเอียด เลยลืมไปเลยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 11, 2007, 09:43:20 PM ผลพวงกฏหมายเมกาตกมาถึงผม แม็ก 10 นัด ปกติจะได้แม็ก 17 นัด แต่ปืนดันผ่านเมกาก่อนข้ามน้ำข้ามทะเลมาเมืองไทย ปืนผ่าน อเมริกา มี 2 แบบ ครับ คือผ่านเฉย ๆ กับ ผ่านไปขาย แล้วผู้นำเข้าไทย สั่งให้ส่งมาขายเมืองไทยอีกที เรื่อง แม็ก 10 นัด น่าจะเป็นอย่างหลัง เพราะ กฎหมาย อเมริกา ไม่ได้ห้าม การส่งออก แม็กที่มีความจุมากกว่า 10 นัดครับ แล้วตอนนี้ก็เลิกแล้วด้วย แสดงว่า เป็นแม็ก เก่า ค้างสต๊อก แล้วเอามาเลหลังขาย แล้วร้านขายปืนเมืองไทย เอามาใส่ในปืนขายคนไทยมากกว่า หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: srimalai_รักในหลวง ที่ ธันวาคม 11, 2007, 10:48:46 PM นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา ก็ไช่ย่อยครับ รวมกลุ่มกัน แน่นไม่แพ้ใคร ถ้ามีคนไทยน้อย ก็ รักกัน ถ้าเมืองไหน มีคนไทยเยอะ ก็จับกลุ่มกันเป็น กลุ่มย่อย ๆ นินทากัน อวดร่ำอวดรวยกัน เหมือน ยกเมืองไทยไปใว้ที่โน่นเลย มีหลากหลายประเภทครับ มีถามด้วยว่าได้ทุนอะไรมาเรียน ก.พ. พ.ก. ตอบว่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ทุน ก.อ.คุณ 686 รู้จริงเห็นจริง แต่ไม่เฉพาะนักเรียนครับ ตามเมืองใหญ่ๆที่คนไทยอยู่เยอะๆก็เป็นครับ อย่าง L.A. นี่เสือสิงห์ กระทิงแรด กันทั้งนั้น ( ยกเว้นพี่บุญ อิอิอิ ) บางคนก็ดีแต่โดยมาก ยังจะดูถูกกันเอง ยังคิดว่าแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร สำหรับในกลุ่มคนไทยด้วยกัน ก็ยังเบ่งได้ แต่ก็แค่ในสังคมคนไทยเท่านั้น ไม่กล้าหรือมีอะไรไปเบ่งกะพวกฝรั่งได้ เพราะเค้าไม่สนใจ สังคมคนไทยใน แอลเอ ไม่ทุกคนแต่ส่วนมาก จะทำอะไรไม่ว่าจะหาหมอ ซ่อมรถ ซื้อโลงศพ หย่ากะเมีย ฯล จะทำกับคนไทยด้วยกัน ซึ่งก็ดีไปอย่างช่วยเหลือกันเอง แต่โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย เรื่องดูถูกกันเองนี่ยกให้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องฝรั่งเค้าดูถูกหรอก คนไทยกันเองนี่แหละร้ายนัก โกงกันเองนินทากันเอง บางคนอยู่มาเป็น สิบปี ทำงานอยู่กับคนไทยด้วยกัน ภาษาอังกฤษพูดกับฝรั่ง ฝรั่งงง แต่พอกลับไปเมืองไทย อูยย ไทยคำอังกฤษคำ แบ่งกันเป็นชั้นวรรณะ พวกนักเรียน พวกโรบินฮู้ด พวกเมียฝรั่ง พวกเป็นใหญ่เป็นโตจากเมืองไทยมาก่อน พวกมีกะตังค์มาตั้งธุรกิจหากินกับคนไทย พวกมาเฟียมาหากินที่นี่ เจอคนดีก็ดีไป อยู่ตามบ้านนอกสบายใจกว่า ถึงจะอดๆยากๆอาหารไทยก็ตาม อยากกินอะไรก็ทำเอง ผมเคยถามคนไทยคนนึงว่า ถ้าบ้านเรามีสงครามใหญ่ต้องการกำลังช่วยเหลือ จะกลับไปช่วยไหม เค้าบอกว่าเราคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้วะ ผมถามต่อว่าถ้าที่เมกามีสงครามต้องการช่วยเหลือจะช่วยไหม ( ในกรณีที่ไม่ใช่เมืองไทย) เค้าบอกว่าไม่ใช่บ้านเมืองเราจะไม่ช่วยมันทำไมวะ :-[ :-[ :-[นี่แหละครับคนไทย :-[ :-[ :-[ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 11, 2007, 11:23:50 PM พวกที่ใช้ทุน กอ. (กูเอง) น่ากลัวครับ เพราะ เท่าที่ผมรู้จัก มักไม่มีเพื่อนครับ ที่เอาเงินตัวเองมาเรียน ส่วนมาก (เกินครึ่ง มีเงินไม่พอ) ต้องออกมาทำงานแบบ ทำไปเรียนไป เลยไม่มีเวลาคบเพื่อน กิจกรรมก็ไม่ค่อยร่วม เวลามีงานของคนไทย ก็อ้างว่า ทำงาน ปลีกตัวไปร่วมงานไม่ได้ เวลาเรียนก็ไปเรียน พอเลิกเรียนก็ไปทำงาน
ทั้งหมดนี้ เป็นช่วงหนึ่งในชีวิตนักเรียนนอก ของผมครับ ตอนค่าเงินปี 40 เพราะ ทางบ้านส่งเงินให้เท่าเดิม แต่ เมื่อแปลงเป็นเงินดอลล่าแล้ว เหลือครึ่งหนึ่ง คือ ตอนไป 24 บาท ต่อดอลล่า พอปี 40 กลายเป็น 58 เลยเหลือไม่ถึงครึ่ง เลยต้องออกมาทำงานครับ ::008:: ::008:: ::008:: แต่หลังจากนั้นหลาย ๆ คนก็ต้องออกมาทำงานด้วยกัน เพราะเงินที่ส่งมาให้ไม่พอกันทั่วหน้า มีบางคนเอาเงินไปเป็นจำนวนมาก โดนคำนวนว่า เพียงพอจนเรียนจบ โดนไม่ต้องส่งเงินจากเมืองไทยไปเพิ่ม แล้วก็อยู่ หอพัก ของมหาลัย เวลากินก็ไปกินร้านอาหารไทยตลอด ทุกมื้อ ไม่ยอมซื้อรถ มีอะไรก็ อาศัยเพื่อนที่มีรถไปไหนต่อไหน ตลอด จนเพื่อนเริ่มเบื่อ แต่คน ๆ นี้เป็นคนที่มีความจำแบบ โฟโต้เมมโมรี่ คือ อ่านอะไรแล้ว จำได้ทุกตัวอักษร เรียนวิชาอะไรก็ได้ A หรือไม่ก็ A+ ตลอด แต่หากพ้นเทอมนั้นไปแล้ว เกือบจะจำอะไรไม่ได้เลย และ ยังประยุคสิ่งที่เรียนมาเอาไปเข้ากับอะไรไม่ได้เลย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ บอกว่า ลืมไปหมดแล้ว ผมว่า ไปลุยอย่างผมดีกว่า เรียนไปทำงานไป ท่องเที่ยวไปทั่ว อเมริกา ขับรถไปตอนปิดเทอม เที่ยวไปทั่ว ตั้งแต่ ฟลอริด้า ยัน แคลิฟลอเนีย บางครั้งก็ไปกับเพื่อน เป็นกลุ่ม บางครั้งก็ไปคนเดียว ได้กำไรชีวิตมากกว่า เห็นแค่ หอพัก กับ ห้องเรียน อย่างเพื่อนผมคนนี้ครับ อิอิ อ้อ เกรดผม จบแบบ เกือบ ไม่จบ ครับ ไม่เคยได้ A+ เลยด้วย ::008:: ::011:: ::012:: :~) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 11, 2007, 11:50:44 PM พวกที่ใช้ทุน กอ. (กูเอง) น่ากลัวครับ เพราะ เท่าที่ผมรู้จัก มักไม่มีเพื่อนครับ ที่เอาเงินตัวเองมาเรียน ส่วนมาก (เกินครึ่ง มีเงินไม่พอ) ต้องออกมาทำงานแบบ ทำไปเรียนไป เลยไม่มีเวลาคบเพื่อน กิจกรรมก็ไม่ค่อยร่วม เวลามีงานของคนไทย ก็อ้างว่า ทำงาน ปลีกตัวไปร่วมงานไม่ได้ เวลาเรียนก็ไปเรียน พอเลิกเรียนก็ไปทำงาน ทั้งหมดนี้ เป็นช่วงหนึ่งในชีวิตนักเรียนนอก ของผมครับ ตอนค่าเงินปี 40 เพราะ ทางบ้านส่งเงินให้เท่าเดิม แต่ เมื่อแปลงเป็นเงินดอลล่าแล้ว เหลือครึ่งหนึ่ง คือ ตอนไป 24 บาท ต่อดอลล่า พอปี 40 กลายเป็น 58 เลยเหลือไม่ถึงครึ่ง เลยต้องออกมาทำงานครับ ::008:: ::008:: ::008:: แต่หลังจากนั้นหลาย ๆ คนก็ต้องออกมาทำงานด้วยกัน เพราะเงินที่ส่งมาให้ไม่พอกันทั่วหน้า มีบางคนเอาเงินไปเป็นจำนวนมาก โดนคำนวนว่า เพียงพอจนเรียนจบ โดนไม่ต้องส่งเงินจากเมืองไทยไปเพิ่ม แล้วก็อยู่ หอพัก ของมหาลัย เวลากินก็ไปกินร้านอาหารไทยตลอด ทุกมื้อ ไม่ยอมซื้อรถ มีอะไรก็ อาศัยเพื่อนที่มีรถไปไหนต่อไหน ตลอด จนเพื่อนเริ่มเบื่อ แต่คน ๆ นี้เป็นคนที่มีความจำแบบ โฟโต้เมมโมรี่ คือ อ่านอะไรแล้ว จำได้ทุกตัวอักษร เรียนวิชาอะไรก็ได้ A หรือไม่ก็ A+ ตลอด แต่หากพ้นเทอมนั้นไปแล้ว เกือบจะจำอะไรไม่ได้เลย และ ยังประยุคสิ่งที่เรียนมาเอาไปเข้ากับอะไรไม่ได้เลย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ บอกว่า ลืมไปหมดแล้ว ผมว่า ไปลุยอย่างผมดีกว่า เรียนไปทำงานไป ท่องเที่ยวไปทั่ว อเมริกา ขับรถไปตอนปิดเทอม เที่ยวไปทั่ว ตั้งแต่ ฟลอริด้า ยัน แคลิฟลอเนีย บางครั้งก็ไปกับเพื่อน เป็นกลุ่ม บางครั้งก็ไปคนเดียว ได้กำไรชีวิตมากกว่า เห็นแค่ หอพัก กับ ห้องเรียน อย่างเพื่อนผมคนนี้ครับ อิอิ อ้อ เกรดผม จบแบบ เกือบ ไม่จบ ครับ ไม่เคยได้ A+ เลยด้วย ::008:: ::011:: ::012:: :~) ผมก็เด็กทุน ก.อ. เหมือนกันครับ ไปพร้อมกันกับแฟน เรียนไป ทำงานไป เที่ยวไป ยิงปืนไป ใช้ชีวิตคุ้มครับ แต่เพื่อนเยอะ ช่วยงานคนไทยบ้างเป็นครั้งคราวครับ เด็กทุนรัฐบาลบางคนเรียนแต่ในห้อง กลับหอ อ่านหนังสือ ไม่คบเพื่อน ไม่มีสังคม แบบนี้เรียนที่เมืองไทยก็ได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน น่าจะไปเปิดหูเปิดตานำสิ่งดีๆของประเทศเขาไปพัฒนาบ้านเราบ้าง เพราะนี่คือเหตุผลที่ทุนเขาส่งมาเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับกลายเป็นตั้งกำแพงกั้นตัวเองไม่รับรู้ความแตกต่างในด้านที่ดีๆ เสียดายครับ ประเทศไทยน่าจะได้อะไรที่ดีๆ กลับมากับนักเรียนทุนเหล่านี้ (บางคนนะครับ) กลายเป็นเอาจุดเลวๆของเขามาเทียบกับจุดดีบ้านเรา แล้วบอกว่าบ้านเราดีกว่า เมืองนอกไม่ดี คิดว่าตัวเองดีกว่า เก่งกว่าชาวบ้าน มิน่าละครับ บ้านเราไม่ค่อยพัฒนาสักที ::004:: ::004:: ::004:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 12:20:16 AM เห็นด้วยกับเรื่อง เด็กทุน ครับ แต่ต้องมองในมุมของเค้าบ้างครับ
เด็กทุน คือ คนที่เรียนเก่ง สอบแข่งขันจนได้ทุนมาเรียน กลับไปก็ต้อง ใช้ทุน อาจเป็น 2 เท่า หรือ เรียน 1 ปี ต้องกลับไปใช้ทุน 2 ปี เลยต้องรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ เพราะ ไม่อยากทำงานใช้ทุนนาน แต่ผมเห็นนักเรียนทุนบางคน หนีทุน อยู่ทำงานต่อ ที่อเมริกา ก็มีครับ คือ เรียนจบ ได้งานดี ๆ ที่นี่ เลย ไม่กลับเมืองไทยเลย ปืนที่มีขาย ในโอกลาโฮม่า กันโชว มีขายเกือบทุกประเภท ปืนสงครามโลกครั้งที่ 1 - 2 มีเอามาขายด้วย แต่ยิงไม่ได้แล้ว ปืนที่เอาใว้ ดวลกัน ก็มีขายเป็นชุดครับ ปืนคาบศิลา เหมือนกัน 2 กระบอก ใส่กล่อง อย่างดี มีกระทั่งปืน แข่งแบบ สากล แต่ นาน ๆ เห็นทีครับ ผมเคยไป เท็กซัส (หลายครั้ง) บางทีก็ขับรถไปกับเพื่อน เพื่อกินอาหารญี่ปุ่นที่ ดาลัส เพราะ อาหาร ญี่ปุ่น ที่ โอกลา ห่วยมากครับ สู้ที่ ดาลัส ไม่ได้ กินกัน จนพุงกางแล้วขับรถกลับ บางทีก็ไปเยี่ยมเพื่อน แล้วก็ไปกิน ตอนไปกิน อาหารทะเล แบบ บุฟเฟ่ ในอเมริกา ถ้ามี อาหารทะเล เพื่อน ๆ ต้องให้ผมทำน้ำจิ้มแบบ เผ็ด ๆ แอบเอาเข้าไปด้วย เพราะ ที่โน่น กินอาหารทะเลแบบใส่ซ๊อส กับเกลือ แค่นั้น หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 12:27:52 AM คุยถึงอาหาร บัฟเฟ่ ผมเคยสอนเพื่อนซี้ฝรั่งวิธีกิน ไปกินอาหารญี่ปุ่นซะเค้าเกือบห้ามเข้าร้าน อิอิอิ ไปกินกันอยู่นาน อยู่ดีๆร้านปิดซะชิบ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:08:46 AM อาหารบัฟเฟ่ เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยกินแล้ว กินตอนแรกๆก็อร่อย กินไปมากๆก็เลี่ยน
และที่แย่ที่สุดคือกินแล้วเป็นทุกข์ คือต้องกินให้คุ้ม กุ้งหอย ปู ปลาที่แพงๆต้องกินให้หนัก กินให้คุ้ม กินกันจนเกินที่กระเพราะจะรับได้ ซูชิ ผมจะไม่กินเลย เขาทำไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควรจะเป็น เข้าใจว่าเขาทำให้อร่อยมากๆก็ทำได้ แต่คงกลัวเปลือง ก็เลยทำให้แค่พอกินได้เท่านั้น หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:34:14 AM ต้องเห็นใจ ผม บ้างครับ ผมอยู โอกลา โฮม่า ที่ห่างไกล ทะเลครับ อาหารทะเลที่นี่ถ้าใครพูดถึง บาป ครับ เพราะ พูดแล้วไม่ได้กิน อิอิ เป็นของหากินยาก เพราะ แพง โคตร ที่ต้องขับรถเป็น ร้อย ไมล์ เพื่อไปกินอาหาร ญี่ปุ่น และ อาหารทะเล ที่ ดาลัส ก็เพราะ ความอยากนี่แหล่ะ
อย่างที่พี่ บุญ ว่า กิน บุฟเฟ่ ต้องกินให้คุ้ม คือ นาน ๆ กินทีครับ ไม่ได้กินกันทุกวัน แล้วก็กินของที่หากินทั่วไปไม่ได้ แต่ผมอยู่ อเมริกา มานาน ได้กินเกือบทุกอย่างที่กินที่เมืองไทย แต่มีอยู่อย่าง ที่อเมริกา ผมไม่เคยกินเลย ก็คือ ผักกะเฉด ครับ หากินไม่ได้เลย ไม่ว่า จะเป็น สด หรือ แช่แข็ง ทั้ง ชะอม สะเดา มะเขือ ผักสารพัดหาได้ในอเมริกา เกือบเหมือนเมืองไทยเลย แต่ ผักกะเฉด หาไม่ได้จริง ๆ ครับ แล้วใครเคยกินผักกะเฉดที่ อเมริกา บ้าง บอกด้วยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:59:01 AM กะเฉดเคยกินครับ เพราะพวกแม่บ้านคนไทยแถวๆ San Bernardino เค้าปลูกเอง คนปลูกชื่อป้าสร้อย แกปลูกใน bath tub ที่คนเค้าทิ้งแล้ว สามีแกไปเก็บมาให้ ที่เป็นขวดมาก็เคยมีแต่ไม่เห็นนานแล้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านนอกไม่ได้กิน ต้อมเลือดหมูอร่อยอีกเลย เพราะร้านเวียตนามที่นี่ ไม่ทำเลือดหมูขายเหมือนคนไทย พอเอาไปต้มแล้วมันแข็งปาหัวหมาร้อง ที่ L.A. มีแบบที่ต้มแล้วไม่แข็งขาย หน่อไม้สดก็มีขายมีคนไปเก็บมาขาย
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 03:10:12 AM ถ้าจะกินอาหารจีนอร่อยๆต้องไป China town ที่ California ก็ที่ Montarey Park มีทุกอย่าง พวกร้าน Dim sum ต้องไปซัก 10โมงครึ่ง ไปยืนเข้าแถวรอ
ระหว่างรอก็ดมกลิ่นอาหารไปพรางๆก่อน น้ำลายยืดหยดไปเป็นทาง กว่าจะได้กิน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 12, 2007, 04:45:28 AM กินอาหารจีนให้อร่อยต้องไปMontarey Parkครับอร่อยมากๆ
ตอนนี้China townที่แอลเอมีแต่เวียตนาม หาร้า้นอาหารจีนอร่อยไม่เจอแล้ว เมื่อก่อนผมเคยไปทานข้าวกัน6ทุ่มตี1 ก็ยังคึกคักอยู่ ตอนนี้China townสามทุมก็ปิดเงียบหมดแล้ว ผมเคยไปตอนสองสามทุ่มครั้งหนึ่ง เหมือนโดนผีหลอก แบบว่าเงียบสนิท หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 12, 2007, 07:44:39 AM แล้วทีอเมริกามีปลาหมอไหมครับ...เอามาย่างเกลือนะ...สุดยอดเลยครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 08:16:08 AM กินอาหารจีนให้อร่อยต้องไปMontarey Parkครับอร่อยมากๆ ตอนนี้China townที่แอลเอมีแต่เวียตนาม หาร้า้นอาหารจีนอร่อยไม่เจอแล้ว เมื่อก่อนผมเคยไปทานข้าวกัน6ทุ่มตี1 ก็ยังคึกคักอยู่ ตอนนี้China townสามทุมก็ปิดเงียบหมดแล้ว ผมเคยไปตอนสองสามทุ่มครั้งหนึ่ง เหมือนโดนผีหลอก แบบว่าเงียบสนิท อ้าว..โดนเวียตนามยึดซะแล้วเหรอครับพี่ อ้างถึง แล้วทีอเมริกามีปลาหมอไหมครับ...เอามาย่างเกลือนะ...สุดยอดเลยครับ ปลาดุกอุย ปลาช่อน ปลาหมอมีที่แช่แข็งมาครับหัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ ธันวาคม 12, 2007, 09:11:49 AM นั่งอ่านที่พี่ๆ เล่านึกภาพตามไปด้วย....อยากกินเลยครับ
:D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 10:29:14 AM กะเฉดเคยกินครับ เพราะพวกแม่บ้านคนไทยแถวๆ San Bernardino เค้าปลูกเอง คนปลูกชื่อป้าสร้อย แกปลูกใน bath tub ที่คนเค้าทิ้งแล้ว สามีแกไปเก็บมาให้ ที่เป็นขวดมาก็เคยมีแต่ไม่เห็นนานแล้ว ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านนอกไม่ได้กิน ต้อมเลือดหมูอร่อยอีกเลย เพราะร้านเวียตนามที่นี่ ไม่ทำเลือดหมูขายเหมือนคนไทย พอเอาไปต้มแล้วมันแข็งปาหัวหมาร้อง ที่ L.A. มีแบบที่ต้มแล้วไม่แข็งขาย หน่อไม้สดก็มีขายมีคนไปเก็บมาขาย คุณ USP 40 โชคดีที่ได้กินครับ ทุเรียน แช่แข็งจากเมืองไทย มีขายตาม ซุปเปอร์ มาเก็ต ทั้งของ จีน และ เวียตนามด้วยครับ พวกคนจีนชอบกิน ทุเรียนมาก เรียกกันว่า Stingy Fruit หรือ ผลไม้เหม็น แต่ไม่ทุกคน ผม เห็นเพื่อนผม ที่เป็น ผู้หญิงจีน ตัวเล็ก ๆ กินคนเดียว เกือบหมดลูก ส่วน กุ้งแกะเปลือก แช่แข็ง มีทั้งของไทย และ อินเดีย ตอนไปแรก ๆ ก็มีแต่ของ ไทยครับ หลัง ๆ เห็นกุ้ง อินเดีย เข้ามาแย่งพื้นที่ใสตู้แช่มากขึ้น ที่สำคัญคือ ข้าวไทย ในอเมริกา ขายดีกว่าข้าวพื้นเมือง คนเอเซีย เกือบทั้งหมด ชอบซื้อข้าวไทย ไปหุงกิน เพราะ อร่อยกว่า ข้าว แม็กซิกัน ผม เคยซื้อข้าว แม็กซิกันมาหุงแล้ว ตอนหุงเสร็จใหม่ ๆ ก็พอทานได้ แต่พอเย็นแล้ว แข็งมากเหมือนกินข้าวดิบเลย ทำได้แต่ข้าวต้ม แต่ก็ไม่หอมอยู่ดี เลยต้องซื้อข้าวไทยกิน แล้ว ข้าว หอมมะลิ ที่อเมริกานี่ อร่อยกว่า ข้าวหอมมะลิ บางยี่ห้อ ที่ขายที่เมืองไทยอีก อากาศ ที่อเมริกา บางรัฐ ก็อยู่สบายครับ อย่าง แคลิฟลอเนีย ที่อากาศ และ ฟลอริด้า ที่ อุณหภูมิ ทั้งปีไม่ต่างกันสุดขั้ว ในบางรัฐ อุณหภูมิ ในฤดู ร้อน กับ ฤดูหนาว ต่างกันเกิน 50 องศาฟาเรนไฮ ก็มี อย่างในฤดูร้อน ก็ขึ้นไป เกือบ ร้อย พอ ฤดูหนาว กลับลงมาที่เกือบ 0 ส่วน แถว ๆ บ้าน พี่ บุญ อากาศ เย็น ๆ สบาย เกือบทั้งปี เพราะ หน้าร้อน ก็มีกระแสน้ำเย็น จากเหนือลงมา พอหน้าหนาว ก็มีกระแสน้ำอุ่นจาก ใต้ขึ้นไป ไม่เหมือน กลางทวีป ที่หนาวจัด ร้อนจัด ผมเคยขับรถผ่านรัฐ อริโซน่า และ ผ่านทะเลทราย คือ ขับจากบ้านพี่ชาย ที่ เมือง Hemet ซึ่งอยู่ใน River Side County ต้องขับกลางคืนอย่างเดียวครับ เพราะ อากาศ ร้อน และ แห้งมาก ขนาดขับตอนกลางคืน ยังร้อนเลย เพราะ รถผมไม่มี แอร์ ครับ ซื้อ ถูก ๆ มือ 2 มา 2 พันเหรียญ เอง ตก เกือบ 5 หมื่นบาทไทย คันนี้ใช้คุ้มมาก ไปกลับ แคลิฟลอเนีย โอกลาโฮม่า กว่า 10 เที่ยว ระยะทาง จาก แคลิฟลอเนีย ไป โอกลาโฮม่า ซิตี้ ตกราว ๆ 1,400 ไมล์ หรือ ราว ๆ 2 พันกิโลเมตร ผม ขับไป ก็แวะข้างทางหลับไปครับ เส้นทาง Inter State ของ อเมริกา จะมีจุดพักรถ หรือ ที่เรียกกันว่า Rest area ใว้สำหรับพักรถที่เดินทางไกล ในนั้นมี ห้องน้ำ ตู้ขายของแบบหยอดเหรียญ พอพักเสร็จ หายง่วง ก็ขับต่อ ไม่เคยแวะพักโรงแรม ข้างทางเลย นอนในรถตลอด หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: BADBOY ที่ ธันวาคม 12, 2007, 10:50:54 AM ..เข้ามาอ่าน ได้ความรู้อีกด้าน จากผู้ที่ได้ประสบมากับตัวเองจริง และมีประโยชน์สำหรับ คนที่ไม่เคยประสบ เช่น ผม ที่ได้แต่เคยเห็น รับรู้ อเมริกา ผ่านทีวี หนังสือบ้าง เท่านั้น ..ขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่านมากครับ ... ::014::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 12, 2007, 11:45:48 AM อ้าวววววว
กลายเป็นกระทู้ ซื้อปืน หรือ ซื้อปลา ในอเมริกากันแล้วครับเนี่ย เห็นด้วยกับพี่บุญครับ เรื่องร้านบัฟเฟต์ (บ้านเราเรียกบุฟเฟต์) ครับ ที่แรกๆกิน ก็สนุกมันดี แต่หลังๆกินแล้วทรมาน เพราะเล่นให้คุ้มครับ คิดไปคิดมาหลังๆนี่ เลือกที่ชอบที่ชอบก็พอครับ ถูกปากถูกเงิน สบายท้องไม่อึดอัดครับ ในดัลลัสแนะนำร้านบัฟเฟต์ญี่ปุ่น Tokyo One อยู่บน BeltLine Rd., Addison ครับอาหารหลากหลายคุณภาพดีทีเดียวครับ แล้วก็ร้านบัฟเฟต์จีนแถวๆ US75-Richardson/Plano ครับ แต่จำชื่อไม่ได้แล้วมี Lobster/Seafood ไม่อั้นครับอยู่ใกล้ๆร้าน Bangkok City ครับ มองจาก US75 ไปทางตะวันออกเห็นป้าย "Lobster and Seafood Buffet- all you can eat " ชัดเจนครับ เดี๋ยวนึกชื่อออกแล้วมาเล่าให้ฟังครับ แค่คนเคยอยู่เกือบสิบปีครับ ปัจจุบันกลับมาเมืองไทยได้หนึ่งปีพอดีๆ ครับ ขอ ป๓ มาใบแรก.22 เดือน เมษายน ใบที่สอง.22 และสาม 9mm พร้อมกันในเดือนกันยายน และกำลังจะขออีกใบสำหรับ .45 ในไม่เกินสองสัปดาห์นี้ครับ เสียเวลานิดนึงครับแต่ไม่ได้ยากเย็นอะไร จริงๆ แล้ว ซื้อปืนในเมืองไทย หรือ อเมริกา ผมว่าก็ง่ายพอกัน ถ้าคุณเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามกฎหมาย แต่ปืนในเมืองไทยราคาแพงกว่าสามถึงสี่เท่าครับ ผมขายปืนที่อเมริกาหมดคลังแสง Bushmaster AR15 M4, Glock19, Kimber Stainless Target, Walther P22, Beretta 21A, S&W M22A, Springfield V10 Stainless Compact, HK USP .40 ได้เงินแค่พอซื้อ Kimber เมืองไทยได้แค่กระบอกเดียวครับ เมืองไทยอาจจะใช้เวลามากหน่อย เอกสารยุ่งยากนิดนึง แต่ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร สำหรับใน กรุงเทพ แต่ในต่างจังหวัด ความยุ่งยาก ไม่ได้อยู่ที่กฎระเบียบ แต่เป็นความยุ่งยากที่มาจากการที่นายทะเบียนท้องที่ หรือ ลิ่วล้อหน้าห้อง ใช้อำนาจในทางที่ผิด หรือ นายทะเบียนอ้างระเบียบบางอย่าง หรือ นายทะเบียนไม่รู้ระเบียบที่แท้จริงครับ เลยทำให้ยุ่งยากไปซะ ขออนุญาตนะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Theera ที่ ธันวาคม 12, 2007, 12:07:35 PM ด้วยความเคารพและนับถือครับ ::014::
เข้ามาอ่าน ได้ความรู้อีกด้านหนึ่งครับ โดยเฉพาะ พี่บุญ ,พี่เจษ ,พี่686 คุณpor ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนครับ อ่านแล้วสนุกดีครับ ขอบพระคุณมากครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:21:09 PM ผมก็เด็กทุน ก.อ. เหมือนกันครับ ไปพร้อมกันกับแฟน เรียนไป ทำงานไป เที่ยวไป ยิงปืนไป ใช้ชีวิตคุ้มครับ แต่เพื่อนเยอะ ช่วยงานคนไทยบ้างเป็นครั้งคราวครับ เด็กทุนรัฐบาลบางคนเรียนแต่ในห้อง กลับหอ อ่านหนังสือ ไม่คบเพื่อน ไม่มีสังคม แบบนี้เรียนที่เมืองไทยก็ได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน น่าจะไปเปิดหูเปิดตานำสิ่งดีๆของประเทศเขาไปพัฒนาบ้านเราบ้าง เพราะนี่คือเหตุผลที่ทุนเขาส่งมาเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับกลายเป็นตั้งกำแพงกั้นตัวเองไม่รับรู้ความแตกต่างในด้านที่ดีๆ ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้ ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5 คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี ส่วนเงินค่าใช้จ่าย ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้ ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง... เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย และไม่กระทบการเรียนด้วย) ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย... อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:31:49 PM ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล
ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้ ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5 คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี ส่วนเงินค่าใช้จ่าย ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้ ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง... เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย และไม่กระทบการเรียนด้วย) ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย... อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ... ::002:: ::002:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:39:24 PM เห็นด้วยกับเรื่อง เด็กทุน ครับ แต่ต้องมองในมุมของเค้าบ้างครับ เด็กทุน คือ คนที่เรียนเก่ง สอบแข่งขันจนได้ทุนมาเรียน กลับไปก็ต้อง ใช้ทุน อาจเป็น 2 เท่า หรือ เรียน 1 ปี ต้องกลับไปใช้ทุน 2 ปี เลยต้องรีบเรียนให้จบเร็ว ๆ เพราะ ไม่อยากทำงานใช้ทุนนาน แต่ผมเห็นนักเรียนทุนบางคน หนีทุน อยู่ทำงานต่อ ที่อเมริกา ก็มีครับ คือ เรียนจบ ได้งานดี ๆ ที่นี่ เลย ไม่กลับเมืองไทยเลย .....ถ้าใช้ทุนคืนเป็นเงินไม่ทำงาน ต้องใช้เงิน 3 เท่า และเขาคำนวนให้คืนเป็นเงินสกุลที่จ่ายไป เช่น เมื่อก่อนจ่ายให้ 100 ปอนด์ = 4,000 บาท ตอนนี้ถ้าจะใช้เงินต้องเป็น 300 ปอนด์ เป็นเงินไทย 68 X 300 = 20,400 บาท (ปล. ผมไม่ใช่เด็กทุนรัฐบาล) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:44:36 PM .....โอ้ และถ้าบางคนเรียนนานเกินเวลาทุน เช่น รับเงินทุน 5 ปี แต่ต้องเรียน 7 ปี รัฐบาลไม่ให้เงินทุนในช่วง 2 ปีหลังแล้ว แต่เวลากลับมาทำงานต้องทำงานให้รัฐรวม 2 เท่าของช่วงที่จ่ายเงินส่วนตัวด้วย คือต้องทำงานใช้ 14 ปี ไม่ใช่แค่ 10 ปี
เผอิญญาติผมชอบไปเรียนทุนเลยพอรู้เรื่องบ้าง ส่วนผมโง่กำลังสอง คือโง่ไม่ได้ทุนรัฐ ไปเรียนให้ พ.ก. ออก แถมยังโง่มาทำงานให้รัฐอีก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: wasanami ที่ ธันวาคม 12, 2007, 02:55:34 PM .....โอ้ และถ้าบางคนเรียนนานเกินเวลาทุน เช่น รับเงินทุน 5 ปี แต่ต้องเรียน 7 ปี รัฐบาลไม่ให้เงินทุนในช่วง 2 ปีหลังแล้ว แต่เวลากลับมาทำงานต้องทำงานให้รัฐรวม 2 เท่าของช่วงที่จ่ายเงินส่วนตัวด้วย คือต้องทำงานใช้ 14 ปี ไม่ใช่แค่ 10 ปี เผอิญญาติผมชอบไปเรียนทุนเลยพอรู้เรื่องบ้าง ส่วนผมโง่กำลังสอง คือโง่ไม่ได้ทุนรัฐ ไปเรียนให้ พ.ก. ออก แถมยังโง่มาทำงานให้รัฐอีก ทำงานให้รัฐไม่โง่หรอกครับ...ผมเรียกว่าทำงานเพื่อชาติครับ... :) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 12, 2007, 04:26:14 PM ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้ ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5 คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี ส่วนเงินค่าใช้จ่าย ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้ ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง... เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย และไม่กระทบการเรียนด้วย) ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย... อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ... ขออนุญาตครับ น้อมรับความคิดเห็น และขอกราบขอโทษถ้าความคิดเห็นของผมอาจจะดูแรงเกินไป ::014:: ::014:: ::014:: ผมไม่ได้หมายความไปยังนักเรียนทุนทุกคนครับ ผมเองก็มีเพื่อนเป็นนักเรียนทุนหลายคน มีทั้งที่ดีและไม่ดีครับ และเข้าใจในปัจจัยเหล่านั้นครับ และไม่ได้หวังจะต้องเที่ยวหรือสังคมมากมากนะครับ การตั้งใจเรียนเป็นสิ่งที่ดี การไปเปิดหูเปิดตา หาความรู้นอกกรอบ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อนำเอามุมมองที่แตกต่าง มาประยุกต์ใช้ครับ ถ้าคิดว่าเรียนอย่างเดียวแต่ไม่มองสังคมเลยไม่ยอมเรียนรู้ในโลกที่แตกต่าง ก็ไม่เหมาะสมกระมังครับ การถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ นอกจากจะได้ภาษาแล้ว ยังควรที่จะได้มุมมองที่เราไม่สามารถหามองได้จากในเมืองไทยอีกด้วยนะครับ ซึ่งไม่ว่าจะเด็กทุนหรือไม่ใช่เด็กทุน ก็ควรหาโอกาสรับเอามุมมองนอกกรอบมาประยุกต์ใช้กันได้บ้างครับ หลายๆคนเอาแต่ปิดกั้นตนเองไม่ยอมรับสิ่งใหม่ที่แตกต่างครับ ผมเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไปในช่วงปี ๔๐ ต้องทำงานหาเงินเรียนเองด้วยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: nuy_rc 3D Extreme ที่ ธันวาคม 12, 2007, 04:55:52 PM ได้ความรู้-ความเป็นอยู่ของคนไทยในอเมริกา สนุกดีครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: STeelShoTS ที่ ธันวาคม 12, 2007, 05:09:27 PM ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยแง้มกะลาที่ครอบผมอยู่... ::002:: ::014::
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 12, 2007, 06:00:10 PM มีข้อสงสัยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมสงสัยเกี่ยวกับ Murphy's law ตรงนี้เป็นอย่างไรครับ
ใครทราบช่วยขยายเป็นไทยให้เข้าใจหน่อยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 08:23:37 PM มีข้อสงสัยครับ อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ผมสงสัยเกี่ยวกับ Murphy's law ตรงนี้เป็นอย่างไรครับ หมายถึงว่า อะไรก็แล้วแต่ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่คาดหมายในทางลบครับพี่ จะเป็นที่เข้าใจกัน ถ้าพูดกันเล่นๆว่า Mr.Murphy อยู่แถวๆนี้แหละ ให้ระวังใครทราบช่วยขยายเป็นไทยให้เข้าใจหน่อยครับ จะเป็นพระคุณอย่างสูง อย่างเช่นการทำงานของทหารจะมีการวางแผนการทำงานไว้ แล้วยังมีแผนสอง แผนสามสำรองไว้ เผื่อมีอะไรที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้น ออกจากบ้านจะเดินทางไกล ตรวจสภาพรถอย่างดี มีอุปกรณ์ฉุกเฉินครบ แต่ขับๆอยู่ดีๆรถตายเพราะ fuel pump เสียนั้นก็คือ Murphy law อย่างนึงครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 08:35:13 PM ก๊อป เค้ามาครับ พี่ บุญ
ซึ่งมีประโยคง่ายๆ ว่า If anything can go wrong, it will. ซึ่งแปลความหมายเป็นไทยก็คือ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากเราปล่อยให้มีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ รับรองได้ว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นแน่นอน ซึ่งมีหลายคนพยายามค้นหาว่ากฎนี้มีที่มาจากผู้ใด จนพบว่าแหล่งที่น่าเชื่อถือมากที่สุดน่าจะมาจาก กับตัน Edward Murphy JR ซึ่งเป็นวิศวกรอยู่ที่ฐานทัพทหารอากาศ Muroc ในสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1949 ได้ทดลองเกี่ยวกับความอดทนของมนุษย์ที่มีต่อแรงโน้มถ่วงของโลก ซึ่งทำการทดลองโดยมัดคนติดกับยานยนต์ที่เคลื่อนที่เหมือนจรวด และให้หยุดอย่างเร็ว แต่การทดลองมักจะเกิดความผิดพลาดจากผู้ช่วยทดลองที่ดูแลสายไฟฟ้าจนทำให้การทดสอบทำงาน จนกัปตันต้องเปล่งประโยคออกมาว่า If theres any way to do it wrong, he will. ซึ่งเชื่อกันว่าประโยคนี้คือจุดเริ่มต้นของ Murphys law ต่อมา Murphys Law แตกลูกหลานออกมาอีกมากมาย เช่น กลายเป็น Murphys Second Law คือ Something takes longer than you expect หรือกฎข้อที่สาม Nothing is simple as it looks. และกฎย่อยๆ อีกมากมาย แล้วแต่โอกาส สถานการณ์ และวงการ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 10:29:49 PM เมื่อก่อนตอนที่ยังอยู่ San Bernardino ก็อยู่ติดกับ Riverside
San Bernardino เป็น County ที่ใหญ่ืั้สุดใน เมกา อาณาเขตจาก L.A. County ไปยัน Navada เวลาขับรถไป Las Vegas ตามทางเป็นช่วงๆ จะบอกให้ปิดแอร์ในรถ เพื่อป้องกันรถ over heat ในหน้าร้อน สมัยก่อนตามบ้านบางบ้านจะมี swamp cooler ใช้แทน แอร์ ผมชอบแบบนี้มากกว่าเย็นแบบชุ่มฉ่ำ แต่ทุกวันนี้เพื่อนบอกว่า ใช้ไม่ได้แล้วเพราะอากาศชื้นขึ้นกว่าเดิม Callifornia จำได้ว่าหน้าร้อน กลางวันจะร้อนจัดแต่ร้อนแห้ง พอตกเย็นพระอาทิตย์ตกดิน อากาศจะเย็นลงไม่ร้อนมาก เหมือนอากาศในทะเลทราย ที่จริงแล้วผมชอบ California แต่ต้องตัดสินย้าย เพราะช่วงนั้นอาชญกรรมสูงมาก และลูกชายก็เพิ่งเกิดมา เลยปรึกษากันสองคนผัวเมียว่าย้ายดีกั่ว ดีใจที่ย้ายแต่ก็ยังคิดถึง California อยู่คิดถึงเพื่อนเก่าๆ คิดถึงอาหารไทยที่หากินง่ายๆ จากขนมครกทำสดๆ ยันน้ำพริกปลาร้าหรือแกงไตปลา อีกอย่างที่ทำให้คิดถึง California คือ วัด ทุกวันนี้เวลาจะไปวัดไปทำบุญต้องขับกันเป็น ชม.ๆ ก่อนจะย้ายมาอยู่ทางใต้ พวกเพื่อนฝรั่งที่หวังดีเตือนว่า เฮ้ยจะย้ายไปอยู่ทางโน้นทำไม ทางโน้นมันไม่ชอบคนผิวอื่น แต่ผมก็ย้ายพอมาอยู่ๆไป ถึงได้รู้ว่าจริง คนทางนี้ไม่ชอบคนผิวอื่นที่ไม่ดี ถ้าเป็นคนดีทำมาหากินไม่ก่อเรื่อง เค้าก็คบและให้เกรียติเหมือนคนของเค้า มีคนไทยเคยพูดว่าพวก red neck นี่น่ากลัว มันเกลียดคนชาติอื่น จากที่ผมได้สัมผัสมา คนที่ถูกเรียกว่า red neck กลับเป็นพวก ใจจริงและจริงใจ เพื่อนผมหลายคนก็ red neck เป็นการเข้าใจผิดระหว่าง white trash กับ red neck White trash คนผิมขาวด้วยกันเองยังไม่คบเลย คนที่ดูถูกผิวหรือรังเกลียดชาติอื่นจริงๆก็มีครับ ไอ้พวกนี้มันเกลียดหมด เป็นพวกปัญญาอ่อน การถูกดูถูกหรือแสดงให้เห็นว่ารังเกลียดเพราะสีผิว ผมและเมียก็เคยเจอ แต่ไม่สนใจมัน ไม่ได้ขอมันกิน พวกนี้เป็นส่วนน้อย เทียบกับคนดีส่วนใหญ่ไม่ได้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ ธันวาคม 12, 2007, 10:49:00 PM ส่วนตัวผมคิดว่า...
สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไทยบางคนไม่ชอบฝรั่งคือการที่ฝรั่งมักพูดตรงๆ มากกว่าคนไทย ซึ่งในบางครั้งเวลาฝรั่งถามข้อมูลต่างๆ เพราะอยากรู้จริงๆ คนไทยมักคิดว่าคำพูดจะต้องมีความหมายแฝง คิดตีความในใจว่าคนถามต้องประเมินค่าไปแล้ว "พูดยังงี้ มันกวนนี่หว่า" และในทางกลับกันคนไทยสงสัยแล้วไม่ค่อยถาม คิดไปเองก่อน เวลาใครถามอะไรก็นึกกว่ากวน ในบอร์ดนี้ก็เห็นบ่อยๆ คนไทยชอบให้บอกอะไรอ้อมๆ ชอบให้คนพูดคิดก่อนว่าคนฟังจะชอบคำถามหรือไม่ เพราะคนไทยมักไม่สบายใจกับคำว่า "ไม่ชอบอย่างนั้น อย่างนี้" ถ้าการสนทนามีคำนี้จะเริ่มเครียด ส่วนฝรั่งยอมรับคำว่า "ไม่ชอบ" "ไม่เห็นด้วย" "ผมคิดอย่างอื่น" ได้ง่ายกว่าคนไทย อิ อิ อย่างข้อความนี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องมีคำว่า "ส่วนตัวผมคิดว่า" ขึ้นต้น มีไปให้ดูเหมือนว่า ผมคิดของผมเอง ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครที่คิดไม่เหมือนกันนะครับ" ที่จริงถ้าผมไม่คิดแล้วจะโพสทำไม? และที่โพสมาก็เป็นความเห็นส่วนตัวอย่แล้วเพราะไม่ได้ตอยในนามองค์กร หรืออยู่ในตำแหน่งอะไร หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ธันวาคม 12, 2007, 11:23:34 PM คนไทยไม่ชอบฝรั่งที่พูดตรงๆ
แต่คนไทยไม่ชอบคนไทยที่พูดตรงๆมากกว่า อิอิ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 12, 2007, 11:59:14 PM อเมริกา นอกจาก รัฐ ต่าง ๆ ที่มีอำนาจในการปกครอง ออกระเบียบในการบริหารแล้ว ยังมีพื้นที่ ๆ นอกเหนือกฎ ระเบียบของ รัฐ คือ ที่ดินของ อินเดียนแดงครับ ไม่ไช่อยู่เหนือ กฎหมาย รัฐ แต่ เหนือ กฎระเบียบ ของ รัฐ เพราะ เป็นดินแดนที่ สามารถ ตั้ง คาสิโน ได้ โดย ถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อก่อน ชาวอินเดียนแดง เป็น ประชาชน ชั้น 2 ที่ยากจน ไร้การศึกษา แต่เดี๊ยวนี้ ที่ดินของ ชาวอินเดียนแดง กลายเป็นทองไปแล้ว เพราะ ข้อตกลงกับ รัฐบาลกลาง ในอดีต ทำให้ ที่ดินของ อินเดียนแดง ไม่ตกอยู่ใน กฎระเบียบ ของ รํฐไปด้วย (รายละเอียด ต้องให้ คุณ USP40 หรือ คนที่รู้มาขยาย ครับ)
ใน รัฐ แคลิฟลอเนีย มีกฎหมาย ห้ามตั้ง คาสิโน แต่ ในที่ดินของ อินเดียนแดง อยู่นอก กฎหมายนี้ นักลงทุน ต่างรุมกันจีบ เจ้าของที่ดินที่เป็นของ ชาว อินเดียนแดง ไม่ไช่แต่เฉพาะ รัฐ แคลิฟลอเนียเท่านั้น แต่รวมถึง ทุกรัฐ ในอเมริกา เลย ยกเว้น เนวาด้า ที่กฎหมาย รัฐ อณุญาติให้มี คาสิโน กับ โสเภณีได้ แต่ทุกอย่าง ต้อง ทำอย่างถูกกฎหมายด้วย อย่าง ถ้าคุณ ไปเที่ยว โสเภณี คุณต้อง เสียภาษี ให้รัฐด้วย ในอเมริกา มีคำพูดหนึ่งที่ เป็นจริงมาตลอดคือ " คุณจะหนีอะไรก็ได้ แต่คุณจะหนี ภาษี กับ ความตายไม่ได้" สหรัฐ อเมริกา มี กฎหมาย อยู่ 2 ระดับครับ คือ กฎหมาย รัฐบาลกลาง กับ กฎหมายรัฐ โดย กฎหมาย รัฐ จะขัดกับกฎหมาย รัฐบาลกลางไม่ได้ กฎหมาย รัฐ จะใช้ปฎิบัติ ในเขตรัฐ นั้น ๆ เท่านั้น จะเอาไปใช้กับรัฐอื่นไม่ได้ เหมือนกับคนละประเทศเลยครับ เรื่อง VAT หรือ ภาษี มูลค่าเพิ่ม ก็เช่นเดียวกัน ที่แต่ละรัฐ ตั้งไม่เท่ากัน แล้ว สินค้าบางอย่าง ก็ไม่ต้องเสียภาษีในบางรัฐ แต่บางรัฐ ต้อง เสีย อย่าง อาหารสด ที่ แคลิฟลอเนีย ไม่ต้องเสีย VAT แต่ โอกลา ต้องเสียหมดทุกอย่าง เรื่อง การซื้อปืน ในอเมริกา ก็เหมือนกัน แต่ละ รัฐ ต่างก็มีกฎหมาย ในการอณุญาติซื้อปืนแตกต่างกันไป บางรัฐก็ ซื้อง่าย บางรัฐ อย่าง แคลิฟลอเนีย ถ้าซื้อปืนพก ซื้อได้ครั้งละ 1 กระบอก เมื่อซื้อแล้ว ต้องรอ 10 วัน หลังจากนั้น ถ้าต้องการซื้ออีกกระบอก ต้อง รออีก 30 วันอย่างนี้เป็นต้น ส่วนกฎหมาย รัฐบาลกลาง จะออกมา เพื่อ ให้ใช้กับทุกรัฐ นำไปใช้ อย่าง กฎหมาย เกี่ยวกับ การก่อการร้าย และ กฎหมายเกี่ยวกับ ความมั่นคง อีกเรื่องที่สำคัญคือ กฎหมาย เกี่ยวกับ กีดกัน เชื้อชาติ ศาสนา เพศ และ วัย หรือ Discrimination Law ที่เมืองไทยไม่มีครับ แล้ว ที่นี่ เคร่งมากด้วย อย่าง เราไปเรียก คนดำ ว่า นิกเก้อ หรือ นิกโกร ไม่ได้ เพราะ ถือว่า ดูถูก อาจเรียก ตำรวจ จับเราได้ ต้องเรียก Black People หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:01:02 AM เรียนคุณ Zenith ... อยากทราบว่าโรงเรียนที่คุณเรียนชื่ออะไรครับ อยากทราบ โรงเรียนที่ผมเรียนไม่มีโรงเรียนไหนติดอันดับเลย
อาหารที่ผมอยากกินที่สุดตอนอยู่อเมริกา คือ เยนตาโฟ ผมไปเรียนด้วยทุนส่วนตัว (ทุนพ่อ) เรียนอย่างเดียว ไม่เคยเที่ยวไหน ไม่มีสตางค์ครับ อยู่ในความดูแลของ กพ. เพื่อความสดวกในการส่งเงิน ได้เดือนละ $150 รับผิดชอบเองหมด ที่อยู่ อาหาร ยกเว้น ค่าเล่าเรียน ถ้าให้ กพ. รับผิดชอบหมด จะได้แค่ $50 ไม่มีเงินซื้อรถหรอกครับ มีรถก็มีรายจ่ายเพิ่ม ผมทำงาน 17 ปี ใน New York City 3 ปี ใน Los Angeles ก็ไม่มีสตางค์อีกครับ เคยเช่ารถไป Florida กับภรรยาและลูกชายครั้งเดียว ผมมาได้เที่ยวเมื่อกลับมาเมืองไทยแล้ว ได้กลับไป 4 ครั้งด้วยกัน ได้ขับรถข้ามทวีปที่ไฝ่ฝันในปี 1995 จาก Los Angeles ไป New York City พัก Motel ตลอด ใช้เวลา 2 เดือน ผมไปอีก 1997 1999 และ 2002 ไม่ได้เหยียบอยู่ 2 รัฐ คือ Maine และ Michigan รัฐ Florida ผมได้ลงไปถึง Key West รัฐ Hawaii และ Alaska เหยียบแค่สนามบิน ผมชอบขับรถครับ ขับคนเดียวตลอด ไม่ยอมให้ใครช่วย ปี 1997 ผมขึ้นไป Alberta, Canada คนเดียว ไปดู Shopping Center ที่ Edmonton เห็นเขาว่าใหญ่ที่สุดในโลก (เห็นใหญ่ที่สุดในอเมริกา ที่ Bloomington, Minnesota แล้ว) และ Canadian Rockies ให้ภรรยามาทีหลังและมาพบกันที่ Los Angeles แล้วไปต่อ เทียวนี้ไปแค่ครึ่งทวีป จบที่ New Orleans และมาขึ้นเครื่องที่ Chicago กลับ ปี 1999 ได้ข้ามทวีปอีกครั้ง ภรรยาชอบ Shopping ผมชอบภูเขา ทะเลทราย ทะเลาะกันครับ ปี 2002 ไปคนเดียว และแค่เดือนเดียว อยู่แต่ทางตวันตก ลงต่ำลงไปแค่ Texas ได้เห็นดวงตวันลงต่ำใกล้ๆ Yuma, Arizona ไม่เคยเห็นดวงตวันใหญ่เท่านี้มาก่อน ผมเคยเห็นดาวเต็มฟ้า สุกปลั่ง มากจนถึงขอบฟ้า ต่ำจนแทบเอามือไปจับได้ กลางทะเลทรายใน Nevada ผมได้ไปที่ Four Corners ที่ Utah, New Mexico, Colorado และ Arizona มาบรรจบกันเป็นกากะบาด ลงนอนกางแขนกางขาให้ได้ชื่อว่าได้อยู่ใน 4 รัฐในเวลาเดียวกัน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:23:10 AM พวกผิวดำเรียกกันเองว่า nigger ได้แต่ถ้าผิวอื่นเรียกล่ะก้อได้เรื่อง ตำรวจไม่จับแต่ได้พะบู๊แน่
สรรพนามที่เรียกแบบดูถูกเหยียดหยามก็ยังมี Gooks , slop , slant , chink ทั้งหมดไว้เรียกคนเอเชีย แต่ gook นี่เจาะจงชาวเวียตนามโดยเฉพาะ เริ่มแรกจากสงครามเวียตนาม สำหรับพวกแม็กซิกันก็จะเรียกว่า wetbacks , beaners ผมเคยโดนคนผิวขาวเรียกว่า Mother fucker เหอะ เหอะ เหอะ ตอนนั้นยังเพิ่งมาใหม่ๆ เพิ่งออกจากทหารมา ร่างกายยังฟิตปั๋ง ผมเลยบอกว่า I never did that but you must have , How did you like it? Did she give you a blow job too? หลังจากได้เลือดได้แผลกันแล้ว อธิบายให้ฟังว่าคนไทยรับไม่ได้ ทุกวันนี้เป็นเพื่อนกัน 20ปีแล้ว คำนี้พวกพี่มืดชอบใช้มาก เรื่อง American Indian เป็นเรื่องเศร้าที่รัฐบาลและคนเมกันอับอายและต้องการจะลืม อีกครั้งคือเรื่อง Japanese American ที่เกิดและอยู่อาศัยในเมกาช่วงสงครามโลก ถูกตอนส่งไปอยู่ค่ายกักกัน สูญเสียทุกอย่าง หลังสงครามแล้วต้องมาเริ่มต้นใหม่หมด เป็นเรื่องอับอายที่ต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน และจะไม่เกิดขึ้นอีก กฏหมาย Affirmative action ออกมาใช้ปกป้องสิทธิของบุคคลที่ไม่ใช่ผิวขาว ในสมัยก่อนมีประโยชน์และดี แต่สมัยนี้พวกผิวดำจะเอามาเป็นข้ออ้างให้เข้าข้างตัวเองซะโดยมาก โดยส่วนตัวผมอยากให้ยกเลิกไปซะที หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:54:31 AM swamp cooler ที่คุณ USP 40 ว่า คือ แอร์ น้ำ คือ จะเป็นเครื่อง ทำความเย็นด้วยน้ำ โดนจะติดตั้ง เจ้า swamp cooler ใว้บนหลังคาบ้าน ภายในจะมีพัดลมดูดอากาศ ที่ผ่าน เส้นไย คล้าย เส้นฟาง ซ้อน ๆ กัน โดยมี น้ำฉีดเลี้ยงใว้ ตลอด เข้าไปในบ้าน
อากาศ ที่แห้งมาก ๆ ของ ทะเลทราย ถ้าใช้ แอร์น้ำ จะเย็น แบบ ชุ่มชื่นครับ ไม่เหมือน แอร์ ที่บ้านเราใช้กัน จะเย็นแบบ แห้ง ๆ ถ้าไปจากเมืองไทย ใหม่ ๆ พอเจอกับอากาศ ทะเลทราย จะทำให้เลือดออกทาง จมูกได้ คนไทย ที่อยู่เมืองไทย ตั้งแต่เกิด โพลงจมูกจะ แห้ง เพราะ อากาศ ในเมืองไทย มีความชื้นอยู่สูง เมื่อเดินทางไปที่แห้งแล้งอย่าง ทะเลทราย ที่อากาศแห้ง จะทำให้หายใจติดขัด และ เลือดไหลได้ ทางแก้คือ หาผ้าชุบน้ำมาป้องใว้ที่จมูก แล้วหายใจผ่านผ้าเปียกจะช่วยได้ครับ แต่ แคลิฟลอเนีย ไม่แห้ง ขนาดนั้น แต่ รัฐ ทะเลทราย อย่าง อริโซน่า เป็น เพราะ อากาศแห้งมาก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 13, 2007, 02:49:10 AM ขอขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ช่วยแชร์ประสบการณ์และความรู้ใหม่ๆ ที่โรงเรียนไหน หรือปริญญาใบไหนก็ให้ไม่ได้ นอกจากประสบการณ์จากการได้ใช้ชีวิตจริง
คนที่เก่งแต่ตำรา หากขาดประสบการณ์จริง ก็เปรียบเสมือนหนังสือดีๆเล่มหนึ่งในห้องสมุดที่วางอยู่เฉยๆ อาจไม่มีประโยชน์ใดๆ หากแต่เมื่อได้อ่านและนำมาคิดและนำไปใช้พร้อมกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งทางตรงและทางอ้อม ก็จะเป็นประโยชน์สูงสุด แต่หากผู้อ่านหนังสือเล่มนั้นไม่ยอมเปิดใจกว้างยอมรับเนื้อหาของหนังสือเล่มนั้น ก็คงไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเสียเวลาอ่านความคิดของผู้เขียนหนังสือเล่มนั้นที่อุตส่าห์เพียรพยายามหาข้อมูลที่แปลกใหม่นอกกรอบและแตกต่างนอกเหนือจากความคิดของคนอื่นมาบรรจงสรรสร้างเป็นผลงานให้เราได้ชื่นชมกัน ขอบคุณครับ ::014:: ::014:: ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 13, 2007, 04:53:47 AM เรื่องแอร์น้ำ ผมเองก็พึ่งมีประสพการณ์ การใช้งานที่แอลเอนี้เอง
ซื้อบ้านหลังแรกเมื่อ20ปีที่แล้ว มีแอร์น้ำแบบที่ว่า เปิดแอรฺ์ต้องเปิดหน้าต่างด้วย ถึงจะได้ผลดีเพราะไอความร้อนจะได้ออกไป หลังจากหมดหน้าร้อน ก็ต้องขึ้นไปเปิดน้ำทิ้ง และปิดก๊อกน้ำ ล้างฝุ่นทำความสะอาด มัดด้วยพลาสติก ผมเองไม่รู้เรื่องพวกนี้ ปล่อยผ่านไปเกือบสิ้นปี โดยไม่ได้ทำอะไร ปรากฎว่าผุ น้ำรั่วลงหลังคาบ้าน ต้องเรียกช่างมาซ่อม ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่ต้องซื้อหามาด้วยเงิน ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2007, 07:03:08 AM ได้ฟังที่เล่าๆ มา เหมือนไปเที่ยวไปอยู่เลยครับ ขอบคุณหลายๆ เด้อ.... :VOV: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 13, 2007, 08:36:45 AM ผมก็เด็กทุน ก.อ. เหมือนกันครับ ไปพร้อมกันกับแฟน เรียนไป ทำงานไป เที่ยวไป ยิงปืนไป ใช้ชีวิตคุ้มครับ แต่เพื่อนเยอะ ช่วยงานคนไทยบ้างเป็นครั้งคราวครับ เด็กทุนรัฐบาลบางคนเรียนแต่ในห้อง กลับหอ อ่านหนังสือ ไม่คบเพื่อน ไม่มีสังคม แบบนี้เรียนที่เมืองไทยก็ได้ครับ เสียดายภาษีประชาชน น่าจะไปเปิดหูเปิดตานำสิ่งดีๆของประเทศเขาไปพัฒนาบ้านเราบ้าง เพราะนี่คือเหตุผลที่ทุนเขาส่งมาเรียนเมืองนอกเมืองนา กลับกลายเป็นตั้งกำแพงกั้นตัวเองไม่รับรู้ความแตกต่างในด้านที่ดีๆ ขออนุญาตครับ... พอดีเข้ามาอ่านแล้วไม่สบายใจกับคำว่า "เสียดายภาษีประชาชน" ของคุณ เพราะผมก็นักเรียนทุนรัฐบาล ประเภทไม่ค่อยเที่ยว (สมัยที่เรียนโท มีเที่ยวบ้าง) ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเที่ยวหรือปิดกั้นตัวเอง แต่เนื่องจากสภาพแวดล้อม และองค์ประกอบบางอย่างบีบบังคับให้ต้องเป็นแบบนี้ ผมอยู่เมืองที่ค่าครองชีพสูงมากๆ เรียนอยู่ U. ที่ติดในอันดับ Top-5 คงไม่ต้องอธิบายว่าสภาพสังคม และการแข่งขันเรื่องเรียนของนักศึกษาที่นี่เป็นยังไง เวลาว่างแทบไม่มี ส่วนเงินค่าใช้จ่าย ที่ได้รับก็แทบไม่พอใช้ ทั้งที่อยู่แบบประหยัดแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับแถวๆ Texas คงไม่ได้ ถ้าให้เที่ยวหรือสังคมมากๆ คงหมดตัวแน่ ผมไม่ได้มีพื้นฐานที่ร่ำรวยครับ ก็ต้องคิดวางแผนเผื่ออนาคตไว้บ้าง... เรื่องทุนรัฐบาลฯ จุดประสงค์หลักคือให้มาเรียนครับ (ส่วนเรื่องการเที่ยวเปิดหูเปิดตา ก็คงมีบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย และไม่กระทบการเรียนด้วย) ในฐานะนักเรียนทุนฯ คงต้องบอกว่าส่วนใหญ่ก็จะมีความกดดัน ซึ่งต่างจากนักเรียนทุนส่วนตัว เหมือนกับเป็นเดิมพันอย่างหนึ่งคือ เอาทุนมาเรียนก็ต้องเร่งรีบเรียน ทำให้ดีที่สุด และโดยส่วนผมก็ไม่เคยคิดหนีทุนด้วย... อยากให้เปลี่ยนทัศนคติ และเข้าใจนักเรียนทุนหลายๆ คนด้วยครับ... อ่ะ... นายสมชายกับเมียก็นักเรียนทุนรัฐบาลอีกสองคนครับ... ทั้งนายสมชายกับเมียก็ไม่ค่อยคบกับคนไทย แต่ขับรถเที่ยวไกลครับ ขับเลาะขอบทวีปข้ามแผ่นดินไกลแบบจาก OKC อ้อมเท็กซัสเลาะขอบล่างไปขึ้นเหนือด้วยเส้นทาง I-101 เลียบชายทะเลแคลิฟอร์เนีย ทริปนี้ 21 วัน กว่าสองหมื่นกิโล... เลาะขอบทวีด้านขวาตั้งแต่หลุยส์เซียน่า ฟลอริด้าแล้วขึ้นเหนือไปดูมิสกรีน ทริปนี้อีกเกือบสองหมื่นกิโลครับ(ทะเลาะกับเมีย โดนเมียดุตลอดทางและครับ... ฮา)... อีกทริปวิ่งผ่าทะเลทรายเนวาด้าตรงดิ่งไป CA (ทริปนี้ที่คุณ 686 เจอนายสมชายกำลังเตรียมรถยนต์อยู่หลังอพาร์ตเม้นของมหาลัยฯ - เลยไม่ได้คุยกันมาก จนถึงบัดนี้... ฮา) นายสมชายเป็นนักเรียนทุนฯ ที่ OCU, เวลาเรียนก็ไม่ได้เรียนอย่างเดียว แต่มีรายงานของหลวงต้องให้ทำด้วย เป็นการรวบรวมข้อมูลสถิติต่างๆ ด้านเศรษฐกิจ ที่ไม่สามารถค้นได้จากห้องสมุด... นักเรียนทุนสมัยนี้ไม่ได้ทำรายงานคงเป็นเพราะว่าสมัยนี้สามารถค้นได้จาก Internet แต่สมัยนายสมชายปี 1993 ทุกอย่างต้องเก็บข้อมูลจากสนามฯ และขอบางส่วนจากทางการ USA โดยสถานทูตประสานเอาไว้ก่อน ถึงแม้ในเวลาไม่กี่ปีหลังจากนั้นจะกลายเป็นของไร้ค่าก็ตามครับ... เมียนายสมชายเรียนที่ OCU ด้วยทุนตัวเอง แล้วไปเรียนที่ McGeorge School of Law ที่แคลิฟอร์เนียด้วยทุนเล่าเรียนหลวง(เป็นโรงเรียนกฏหมายหนึ่งใน 33 แห่ง ในรายชื่อสถานศึกษาที่ กต. ให้การรับรอง)... จากประสบการณ์ของทั้งคู่พบว่านักเรียนทุนมักไม่ค่อยคบกับนักเรียนไทยคนอื่น เป็นเพราะไปไหนไปด้วยกันแต่กระเป๋าไม่เท่ากันครับ... และเบื่อสภาพจับกลุ่มเพื่อนแยะ นินทากัน อวดร่ำอวดรวย ยืมหนังสือ ลอกการบ้าน ลอกข้อสอบ ไปไหนไปกันเป็นกลุ่มใหญ่จับกลุ่มแน่นทำให้ไม่ได้ฝึกภาษา นักเรียนไทยหลายท่านกลับมาเมืองไทยยังพูด ฟัง อ่าน ภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง ตัว R ตัว L ตัว Th ยังแยกการออกเสียงไม่ได้... ซึ่งอย่างนี้ไม่ควรเกิดครับ... ขอยืนยันว่านักเรียนทุนส่วนใหญ่ถูกใช้งานคุ้มค่าภาษีครับ... แต่หลายอย่างบอกใครไม่ได้ถึงแม้จะเป็นข้อมูลประหลาดๆ เช่นจำนวนและที่อยู่ของอู่ซ่อมรถยนต์ที่เป็นเจ้าของโดยคนไทย เวียตนาม และลาว... ฮา หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 10:34:46 AM อิอิ
นายสมชาย อ่านแล้ว มีอารมณ์ อยากโม้แล้วหล่ะสิ :D~ :D~ :D~ นักเรียนไทย ที่ไปเรียน อเมริกา หรือ ประเทศอื่น ที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาหลัก มักไม่ได้ไปเรียนตั้งแต่ มัธยม หรือ ปริญญา ตรี ส่วนมาก ไปเรียน ปริญญาโท และ เอก มีบ้าง ที่พ่อ แม่ ส่งให้ไปเรียน ตั้งแต่ เด็ก หรือไปเรียน ปริญญา ตรี และ ส่วนมากอีกเช่นกัน ที่ไปถึงแล้ว เรียนภาษาเพื่อปรับตัวแค่ไม่กี่เดือน ทำให้เรื่อง การ พูด หรือ การปฎิสัมพันธ์ กับคนอื่นไม่ดีนัก โดนเฉพาะ เรื่อง การพูด และ การถามคำถามในห้องเรียน ห้องเรียนที่มีนักเรียน เอเซีย มักเป็นห้องเรียน ที่ อาจารย์ ที่สอน เป็นคนพูดคนเดียว มักไม่ค่อยมีใครถามคำถามระหว่างการบรรยาย ไม่ไช่เพราะ อาจารย์สอนเก่งจนนักเรียนเข้าใจหมดทุกอย่าง แต่เป็นเพราะ นักเรียนเหล่านั้น ไม่รู้ว่า จะถามอะไร พอคิดคำถามเสร็จ อาจารย์ ก็สอนบทอื่นไปแล้ว แต่ที่สำคัญคือ คนเอเซีย ส่วนใหญ่ กลัวอับอายต่อหน้าคนอื่น กลัวถามด้วยคำพูดที่ไม่ถูกไวยกรณ์ กลัวถามไปแล้วเหมือนกับแสดงความโง่ต่อหน้าคนอื่น กลัวไปหมด ซึ่งผิดกับ ชั้นเรียนที่มี คนอเมริกัน หรือ พวก แขกเรียนอยู่ เพราะ ชั้นเรียนนั้นจะเป็นชั้นเรียนที่มีเสียงถามตอบตลอดเวลา เป็นการพูดคุยเสียมากกว่า หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Zenith ที่ ธันวาคม 13, 2007, 10:45:45 AM เรียนคุณ Zenith ... อยากทราบว่าโรงเรียนที่คุณเรียนชื่ออะไรครับ ผมขออนุญาตตอบเป็นข้อความส่วนตัวไปแล้วนะครับ ขอบพระคุณครับ... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:21:27 AM เรียนคุณสมชาย (ฮา)
อีกทริปวิ่งผ่าทะเลทรายเนวาด้าตรงดิ่งไป CA คงจะเป็น US 50 ... The Loneliest Road in America ... เส้นทางนี้ตลอดทางแทบไม่เห็นใครเลย ผมมาจาก Reno เข้าเส้นทางที่ Fernley ไปหา Utah วิ่งได้ไม่นานก็โดนหาว่าบ้า โกรธมากจนเสียสติ นอนที่ Ely ระหว่างทาง "มิสกรีน" หรือ "ดูมิสกรีน" นึกไม่ออก อยู่ที่ไหนครับ ดูเหมือนจะเคยเล่าให้คุณสมชายฟังว่า เคยถูกรถที่สวนมาวิ่งตรงเข้าใส่ ตอนใต้ของ Utah ในเขต Indian Reservation (ผมกำลังจะไป Four Corners) ถนนแบบสวนกัน ผมคิดว่าเขาหลับ ผมเห็นเขานานพอสมควร ดูรูปการณ์แล้ว เขาชนแน่ แม้ผมจะจอดก็ตาม ผมน่าจะบีบแตร หรือเปิดไฟใส่ ก็ไม่ได้ทำ จวนตัว ผมออกซ้าย ใจไม่ดีเลย เพราะผิดเต็มประตู เขาก็ตรงเข้ามาและลงข้างทางไปเลยครับ ดินอ่อน ลงไปแล้วล้อจมดิน หยุดเลย ผมอยากหยุดลงไปช่วย ภรรยาไม่ยอม กลัวโดนแย่งรถ บอกว่าถ้าเขาฆ่าเรา ก็คงอีก 2 อาทิตย์กว่าจะพบศพ ถ้าภรรยาคุณสมชายได้คุยกับภรรยาผมคงสนุก เราสองคนได้นั่งหัวเราะ ฟังเขาคุย เรียนคุณ 686 .... ยังระลึกถึงความกรุณาที่ได้ให้ Works ฉบับสุดท้ายกับผม เรียนคุณ USP 40 .... คำว่า MF'er นี้ไม่เคยได้ยินกับหูครับ ได้ยินแต่ F_you เพื่อนรุ่นพี่ที่ Waco, Texas บอกเหมือนคุณ USP 40 ว่าคนดำใช้ เป็นยิวชื่อ Greenberg ครอบครัวมีโรงเรียนสอนบินที่ Modesto, California เมื่อผมพบเขาที่ YMCA เขาเป็นช่างแก้นาฬิกา เขามียศทหารเป็น Captain (เห็นจาก Foot Locker) เรียนหนังสือเปะปะ แบบสนใจอะไรก็เรียน พอตั้งใจจะเอาปริญญา เจอ English ได้ F แปลกครับ เวลาพูดก็ดีหรอก แต่ภาษาเขียนไม่เอาไหน มีวงดนตรีคนดำชื่อ MFSB เล่นดีครับ ผมชอบ ผมติดใจ Soul Train สงสัยว่าจะย่อจาก Mother F'ers Son of Bitches ก็แบบ SOB ที่เขต North Carolina ติดกับ South Carolina บน Interstate 95 เขาบอกว่าเขาย่อมาจาก South of the Border ผมว่าเขาตั้งใจ ครั้งแรกที่ได้ยิน F_You ผมไม่โกรธครับ เห็นว่าตลก แต่คนที่ด่ามันก็เพื่อนกัน สมัยเล่นรักบี้กับ Sports Club ฝรั่งด่า "เย็กพ่อ เย็กแม่" ... ครับ ... "เย็ก" ... ผมไม่ได้พิมพ์ผิด หัวเราะกันครืน ไม่มีใครโกรธ Sports Club สมัยนั้นมีแต่ฝรั่ง คนไทยน้อยคน สมัยนี้มีแต่คนไทย ไม่มีฝรั่ง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:47:13 AM เรื่องแอร์น้ำ ผมเองก็พึ่งมีประสพการณ์ การใช้งานที่แอลเอนี้เอง รุ่นใหม่เป็นไฟเบอร์กลาสครับพี่ คุณ 686 ตั้งชื่อได้ดี แอร์น้ำ แอร์น้ำต้องเปิดหน้าไว้นิดนึง สมมุติว่าถ้าอยู่มนห้องนอนก็เปิดหน้าต่างไว้ซักสองสามนิ้ว อากาศที่ถูกดูดจากข้างนอกบ้านผ่านตัวฟิลเตอร์ จะอัดลงเข้าไปในบ้านพอแง้มหน้าต่างไว้ อากาศก็จะวิ่งไปออกทางช่องที่แง้มไว้ ห้องนั้นก็จะเย็นกว่าห้องอื่น แต่อากาศร้อนข้างนอกจะเข้ามาไม่ได้ ซื้อบ้านหลังแรกเมื่อ20ปีที่แล้ว มีแอร์น้ำแบบที่ว่า เปิดแอรฺ์ต้องเปิดหน้าต่างด้วย ถึงจะได้ผลดีเพราะไอความร้อนจะได้ออกไป หลังจากหมดหน้าร้อน ก็ต้องขึ้นไปเปิดน้ำทิ้ง และปิดก๊อกน้ำ ล้างฝุ่นทำความสะอาด มัดด้วยพลาสติก ผมเองไม่รู้เรื่องพวกนี้ ปล่อยผ่านไปเกือบสิ้นปี โดยไม่ได้ทำอะไร ปรากฎว่าผุ น้ำรั่วลงหลังคาบ้าน ต้องเรียกช่างมาซ่อม ถือว่าเป็นความรู้ใหม่ ที่ต้องซื้อหามาด้วยเงิน ;D หน้าต่างตามบ้านในเมกา 90% จะเป็นแบบหน้าต่างกระจกเลื่อนขึ้นลง ก็แค่ยกเลื่อนค้างไว้ซักหน่อยก็พอ พูดถึง American Indian หรือที่เรียกว่าอีกชื่อว่า Native American ที่อยู่ใน Reservations จะมีตำรวจของเค้าเองเรียกว่า Tribal Police ตำรวจธรรมดาไม่มีอำนาจจับใครใน Reservations ยกเว้นตำรวจทางหลวง และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลาง Federal Law enforcement agencies ( FBI , ATF , DEA etc.) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:54:52 AM คุณ ลุง Sundance ครับ มีรถ ไม่ไช่มีแต่ค่าใช้จ่ายครับ ผมมีรถ ก็เอารถไปทำงานหาเงินมากินอยู่ เพราะ ทางบ้าน ส่งให้เฉพาะ ค่าเรียน ค่าเช่าบ้าน กับ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผม ส่งไก่ KFC หาเงินเอามาใช้จ่ายเอง
รถยนต์ ที่ผมใช้ ก็เป็น ปิคอัพ เก่า ๆ แต่ผมถือว่า ผมซ่อมรถเองได้ เลยซื้อ คนที่เห็น ต่างถามว่า ผมซื้อทำไม รถกระบะ ทำไมไม่ซื้อรถเก๋ง แต่พอพวกเค้าจะย้ายบ้าน ต่างก็มายืมรถผมกันทั้งนั้น เพราะ ผมเป็น คนไทย คนเดียว ที่มีรถกระบะ รถกระบะคันนี้ ผมใช้เกินคุ้มอีกครับ คือ นอกจากใช้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ แล้ว ยังใช้ส่ง ไก่ หาเงิน ถ้าว่าง ก็ไปตะเวณ เก็บ ขยะ กับ เพื่อน ๆ ขยะตามถัง ขยะ ไม่ไช่จะมีแต่ของที่ใช้ไม่ได้เท่านั้น ยังมีของดี ๆ ที่ยังใช้ได้แต่ถูกทิ้งอีกมาก ยิ่งช่วงที่นักเรียนต่างชาติกลับประเทศ ส่วนมาก มักจะไม่เอาของติดตัวกลับไปด้วย มีสารพัด ทั้ง หม้อ ทีวี เตียงนอน เครื่องดูดฝุ่น ฯลฯ. นอกจากเอามาใช้แล้ว ผมกับ เพื่อน ยังเอาไปขายด้วย หาเงินเอามาซื้ออาหารมากินกัน บางทีก็มี ออเดอร์ ครับ อย่าง เพื่อนอยากได้อะไร ก็ฝากผมมองหาตามถังขยะด้วย เวลาผมไปส่ง ไก่ ตามอพาตเม้น ก็จะมองตามถังขยะด้วยว่า มีของที่สั่งหรือไม่ อย่าง เตียง เครื่องดูดฝุ่น ทำนองนี้ แต่พอย้ายมา ทำงานที่ San Jose ผม ไม่สามารถเอาอะไรที่ใช้ได้จากถังขยะอีกเลย เพราะ ทุก ๆ วัน จะมีคนคอยมาเดินดู และ คุ้ยหาของในถังขยะ ของ อพาตเม้น ตลอด ผมเลยกลับมาสงสัยว่า รัฐ แคลิฟลอเนีย รวยกว่า รัฐ โอกลาโฮม่า จริงหรือ? เพราะ ไปที่ไหนผมก็เห็น คน จรจัด (Homeless) ส่วน โอกลาโฮม่า เห็นเฉพาะ ตาม แยกที่มาขอเงิน กับข้างร้านเหล้า ไม่มากอย่างที่เห็นในแคลิฟลอเนีย ที่เห็นตามสวนสาธารณะ และ ข้างถนน ที่คนเหล่านี้จะเดิน เข็นรถ ช๊อปปิ้ง ของซุปเปอร์มาเก็ต เดินกันทั่วไปหมด ตามเมือง ใหญ่ ๆ อย่าง LA, San Fransico หรือแม้กระทั้งเมืองหลวง ของ รัฐ อย่าง Scamanto ผมก็เห็นพวก Homeless แต่น้อยกว่า ซานฟราน เมือง San Fransico เป็นเมืองที่น่าเที่ยว แต่ไม่น่าอยู่ครับ ที่ว่า น่าเที่ยว เป็น เพราะ อากาศ ที่เย็นตลอดปี แม้ในหน้าร้อน ก็ไม่ร้อนมาก ไม่ร้อน ทารุณ เพราะ มีกระแสน้ำเย็น จากขั้วโลกเหนือ ไหลผ่านลงมา พอหน้าหนาว ก็มีกระแสน้ำอุ่นจากทางใต้ไหลขึ้นมา ทำให้ อุณภูมิของที่นี่ เย็นทั้งปี ส่วนเมืองก็สวย ดูดี แม้ในที่เก่า แต่ที่นี่ก็บำรุงรักษาตลอด มีการทาสีบ้านเรือน ให้น่าดู ถนนหนทางก็สะอาด (ไม่มีขยะเกลือนเหมือนอย่าง ซิคาโก) ถนนในซานฟราน ก็ตัดเป็นเส้นตรง แม้ทางขึ้นเขา คือ ถนน เค้าตัดแบ่งเป็น บล๊อก ๆ เดินเที่ยวเพลินครับ โดยเฉพาะ ท่าเรือ โดยท่าเรือ 39 (Peer39) ที่มีสิงโตทะเลอาศัยอยู่ แล้ว ก็มีสินค้าของที่ระลึกขายตามข้างทางตลอดเส้นทางเรื่อยไปไปจนถึง สถานีรถราง ซึ่ง เป็น รถรางเคเบิ้ล ขึ้นเขา ส่วนรถเมล์ที่นี่ ก็เป็นรถไฟฟ้า โดยจะมีเสายื่นขึ้นไปสัมผัสกับสายไฟที่ขึงเหนือถนน ตลอดเส้นทาง ซานฟราน แบ่งเขตย่อย ๆ ตามชื้อชาติด้วย มีไชน่า ทาวน์ กับ อิตาเลี่ยน ทาวน์ ถ้าคุณ เดินไปในถิ่น ไชน่า ทาวน์ ป้ายหน้าร้าน จะเป็นภาษา จีน และ ผู้คนในเขตนี้จะพูดภาษาจีน หาคนพูดภาษา อังกฤษ ยาก เหมือนกับอยู่ในเมืองจีนเลยทีเดียว ไม่ว่า มองไปทางไหน ก็เห็นแต่คนจีน มีของขายแบบวางกับพื้น ร้านอาหารก็มี เป็ดย่าง หมูย่าง แขวนเหมือนกับร้าอาหารจีนในเมืองไทย พอเดินไปย่าน อิตาเลี่ยน ทาวน์ ก็จะมองไม่ค่อยออก เพราะ จะคล้าย ๆ กับ ส่วนอื่น ๆ ของเมือง ยังมีจุดชมวิว และ สถานที่ท่องเที่ยวอีกมาก ทั้ง สะพาน โกลเด้นเกจ สวนสาธารณะ และ ท่าจอดเรือ ยอชท์ ที่เที่ยวทั้งวันก็ไม่หมด พอตกค่ำ ก็ ไปเดิน ถนน มาเก็ต ที่มีร้านอาหารไทย หลายร้าน รวมถึง วิหาร และ สถานที่ทำการของ รัฐ ที่สร้างอย่าง สวยงาม ที่บอกว่า ไม่น่าอยู่ คือ คน ครับ เพราะ ถ้ามองไปตามถนน จะเห็นพวก โฮมเลส และ พวกขี้เหล้าเมายา เดินปะปนไปกับคนทั่วไป เดินเซไปเซมา แต่งตัวซอมซ่อ ทำให้เสน่ห์ของเมืองลดลงไปอย่างมาก พอไปสวนสาธารณะ ก็เห็น คนเหล่านี้ เอากล่องกระดาษ มาห่มนอนตามเก้าอี้ พอไปดูตามใต้สะพานข้ามถนน หรือ อุโมง ก็จะเห็นคนเหล่านี้นอนข้างรถเข็นที่ใส่ของใว้เต็ม ทำให้ไม่กล้าเดินคนเดียวในเวลากลางคืนเลยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:56:48 AM เรียนป๋า F you นี่ผมเฉยๆ ไม่มีความหมายอะไร ไอ้พวกยกนิ้วกลางให้นี่ก็อีก ผมเคยบอกว่า I'm gonna break that finger off and shove it up your ass. อิอิอิ เจอครั้งแรกที่ Fort worth ลงเครื่องบินคนไทยมารับ ผมก็นั่งรถแบบตื่นตา พี่ที่ขับก็ขับไปอยู่ดีๆ เห็นฝรั่งขับรถแซงขึ้นหน้าไปแล้วยกนิ้วชี้ให้
ผมก็สงสัยมันคืออะไร ถามพี่เค้า แกอธิบายให้ฟังก็ยังไม่เข้าใจ จนอยู่มานานถึงจะเข้าใจ อย่างคำว่า F you ผมยังนึกไม่ออกว่า เทียบกับคำด่าไทยว่าอะไรครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:05:01 PM คุณ 686 เคยเข้าไปใน L.A. ย่านที่ขายของ whole sale ไหมครับ ผมจำชื่อถนนไม่ได้แล้ว คิดว่าแถวๆ 3rd st ไปถึง 12th st หรือไงนี่แหละ เป็นแหล่งขายของมีแต่ชาวจีนกับเกาหลีเป็นเจ้าของ แถวนั้น homeless เพียบ ตามถนนเหม็นฉี่มากๆ สกปรก อันตรายอีกต่างหาก ถ้าจอดรถพวกนี้จะมาขอตังค์บอกว่าจะเฝ้ารถให้ ที่จริงมันก็ไม่ได้เฝ้าหรอก แต่ถ้าไม่ให้กลับมารถอาจจะเสียหายได้ ก็ต้องให้มัน
ตามเมืองใหญ่ๆจะเป็นเหมือนๆกัน homeless เต็ม เคยเห็นที่ยืนถือป้าย I'll work for food ไหมครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 13, 2007, 12:34:51 PM ยกนิ้วกลาง ... เพือนฝรั่งคนหนึ่งจะบอกว่า "What's that? Number of your IQ?"
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 13, 2007, 01:28:34 PM เรียนป๋า F you นี่ผมเฉยๆ ไม่มีความหมายอะไร ไอ้พวกยกนิ้วกลางให้นี่ก็อีก ผมเคยบอกว่า I'm gonna break that finger off and shove it up your ass. อิอิอิ เจอครั้งแรกที่ Fort worth ลงเครื่องบินคนไทยมารับ ผมก็นั่งรถแบบตื่นตา พี่ที่ขับก็ขับไปอยู่ดีๆ เห็นฝรั่งขับรถแซงขึ้นหน้าไปแล้วยกนิ้วชี้ให้ ผมก็สงสัยมันคืออะไร ถามพี่เค้า แกอธิบายให้ฟังก็ยังไม่เข้าใจ จนอยู่มานานถึงจะเข้าใจ อย่างคำว่า F you ผมยังนึกไม่ออกว่า เทียบกับคำด่าไทยว่าอะไรครับ มีเรื่องตลกจากรุ่นน้องมาเล่าให้ฟังครับ จาก Dallas เมืองใกล้ๆ ที่พี่ USP 40 ลงเครื่องครับ รุ่นน้องคนนี้ เป็นสาวชาวใต้ครับ ทำงานร้านอาหารเหมือนผม เก็บตังเรียนเองเช่นกัน เธอเจอลูกค้าแขกอินเดีย เรื่องมาก ไม่ให้ทิป (มารู้ภายหลังว่า พวกนี้รุ่นเก่าๆไม่รู้ว่าตามธรรมเนียมจะต้องให้ทิปกัน แต่ถ้าเป็นว) มาบ่อยๆ เรื่องก็มาก ตังก็ไม่ได้ เวลาเธอตอบลูกค้าเรื่องมากว่า Yes, Ma'am เธอใช้สำเนียงชาวใต้ ลากเสียงยาวๆ ว่า ......เหยดดดดด แม้มมมมมมมม (ขออภัยถ้าคิดว่าไม่สุภาพนะครับ) ทำให้เพื่อนๆ ได้หัวเราะกันทุกครั้งทุกครา ขออนุญาตครับ และขออภัยในภาษาครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 01:33:58 PM คุณ 686 เคยเข้าไปใน L.A. ย่านที่ขายของ whole sale ไหมครับ ผมจำชื่อถนนไม่ได้แล้ว คิดว่าแถวๆ 3rd st ไปถึง 12th st หรือไงนี่แหละ เป็นแหล่งขายของมีแต่ชาวจีนกับเกาหลีเป็นเจ้าของ แถวนั้น homeless เพียบ ตามถนนเหม็นฉี่มากๆ สกปรก อันตรายอีกต่างหาก ถ้าจอดรถพวกนี้จะมาขอตังค์บอกว่าจะเฝ้ารถให้ ที่จริงมันก็ไม่ได้เฝ้าหรอก แต่ถ้าไม่ให้กลับมารถอาจจะเสียหายได้ ก็ต้องให้มัน ตามเมืองใหญ่ๆจะเป็นเหมือนๆกัน homeless เต็ม เคยเห็นที่ยืนถือป้าย I'll work for food ไหมครับ I'll work for food ที่โอกลาก็มีครับ แต่ยืนอยู่ ตาม สี่แยก ไม่ค่อยเห็นตามท้องถนน แต่ใน L.A., San Fran เห็นเกลื่อนถนนเลยครับ พวก โฮมเลส อเมริกา ไม่น่าสงสารเลยครับ เพราะพวกนี้มีเงินช่วยเหลือจากรัฐ แต่ได้เป็น คูปอง แลกอาหาร บางครั้งยังเอามาขายแลกเหล้า บางครั้งผมยังอิจฉาเลยครับ ไม่ต้องทำงาน แต่ก็มีกิน ผมทำงานไปเรียนไปยังแทบไม่พอกิน เพราะ ทำงานได้ไม่กี่ชั่วโมง ทำเยอะไม่ได้ เพราะ กฎหมายให้ทำได้ไม่เกิน 15 ชั่วโมงต่อ สัปดาห์ เลยแค่พอกินพออยู่ ตอนผมจบ ผมทำงานได้เต็มเวลา ทำได้สัปดาห์ละ 60 ชั่วโมง เดือนนึง ได้กว่า 3 พันเหรียญ หรือ กว่า แสนบาท ซึ่งถ้าส่งไก่ เมืองไทยไม่มีทางได้ L.A. ผมเข้าไป ไม่กี่ครั้งครับ แต่ที่ไปบ่อยคือ ไทยทาวน์ หรือ N. Holliwood Blvd. กับ Sunset Blvd.ไป ตลาดบางรัก กับไปกินข้าว ที่ สนามหลวง คาเฟ่ แล้วไปซื้อนิตยสารไทยที่ ร้าน ดอกหญ้า ชั้นล่างของ สีลม พลาซ่า ไทยทาวน์ ใน L.A. เป็นสังคมคนไทยที่ใหญ่ที่สุด นอก ประเทศไทย เพราะ มีทั้ง วัด ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาเก็ต และ กิจการที่เจ้าของเป็นคนไทยอยู่ที่นี่ บนถนนสายนี้ ถ้าคนพูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้ ไม่อดตายครับ เพราะ ร้านไทยตั้งอยู่ ติด ๆ กันเกือบทั้งถนน เข้าไปในร้าน พูดหรือ สั่ง อาหาร เป็น ภาษาไทยได้เลย ส่วน เรื่องงานก็หาได้ตามร้านอาหารไทย แต่ ค่าจ้างจะต่ำกว่าทำงานข้างนอกมาก โดย ร้านอาหารไทย ส่วนมากจะเลี่ยง ภาษี (คนไทยเก่ง) โดยแจ้งว่า คนที่ทำงาน เป็น ญาติ ไม่ได้จ้าง (ญาติ เปลี่ยนหน้าบ่อยจัง) โดยให้ค่าจ้าง แค่ เหรียญเดียวต่อ ชั่วโมงหรือ บางร้านไม่ให้เลย เพราะ เด็กเสริฟ จะได้ทิพ เป็นกอบเป็นกำ โดยบางคนได้วันละกว่า 100 เหรียญ ก็มี โดยมากมักจะแย่งกันเป็นเด็กเสริฟ ส่วน คนล้างจานจะได้ค่าชั่วโมงมากกว่า โดยได้ ราว ๆ 5 เหรียญ ต่อชั่วโมง ทั้งๆ ที่อัตตราค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่กว่า 6 เหรียญ หรือบางที ก็เหมาเอาไปรายเดือน แบบไม่ต้องเสียภาษีก็มี หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 13, 2007, 08:07:14 PM เคยเจอ Homeless ถือป้าย "I'll work for beer and cigarette" ในDallasครับ เห็นแล้วขำกลิ้งเลยครับ คิดไปคิดมาโดนเข้าจังจังเลยครับ ;D ;D ;D
เคยดูสารคดีพวกนี้บางคนเรียนจบปริญญาเอก แล้วเบื่อโลก ก็มีครับ บางคนตายไป มีเงินเก็บเป็นล้านเหรียญครับ ระหว่างเรียนผมกับแฟน ทำงานกันสัปดาห์ละ 40+ ชั่วโมง เนื่องจากปี 40 รัฐบาลเมกันอนุญาตให้เด็กจากประเทศที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจขออนุญาตทำงานนอกมหาวิทยาลัยได้ ทำงานร้านอาหารกันเป็นทุกอย่างตั้งแต่เด็กล้างจาน ล้างห้องน้ำ เด็กเสิร์ฟ พ่อครัวทำอาหารญี่ปุ่น หรือแม้กระทั่งเป็นผู้จัดการร้านเวลาเจ้าของไม่อยู่ไปเที่ยวเป็นเดือน ก็เลยมีโอกาสได้ทำงานมีเงินเป็นกอบเป็นกำ จ่ายค่าเรียน ค่ากินอยู่ได้ครับ แต่ต้องมีวินัยในตนเองสักนิด ทั้งเรียน ทำงาน สังคม พอว่างก็ขับรถเที่ยวเล่นไปทั่วเมกา จบมาก็ทำงานกันสัปดาห์ละมากกว่า 60 ชั่วโมงต่อคนทั้งงานออฟฟิซ, Executive Chef-Japanese Restaurant, Bartender, Golf Course-Wait Staff เดือนนึง ได้กว่า 4พันเหรียญ หรือ กว่า แสนสองหมื่นบาท ต่อคน ก็ไม่เลวครับ (ขอลอกครับ) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 13, 2007, 09:16:13 PM ผม พาเที่ยว อเมริกา บนตัวหนังสือ ดีกว่า
ตอนปี 39 ก่อน วิกฤติ ต้มยำกุ้ง ผมได้ไปเที่ยว กับเพื่อนที่เรียนอยู่ San Diago อีก 5 คน โดยเช่ารถ แวน ไปเที่ยวกัน เริ่มออกจากซานดิเอโก้ วิ่งไปตามเส้นทาง I-215 แล้ว เลี้ยวขวา ออกเส้น I-10 มุ่งไปยัง เมือง ฟีนิกซ์ ( Phoenix) รัฐ อริสโซน่า ระหว่าง ทาง ผ่าน Out let Kabazon ที่เป็นแหล่งช๊อปปิ้งที่เพื่อน ๆ ผม นิยมกันมา เพราะ ที่นี่ มีของแบรนด์ ดังมาลดราคา แล้ว นักท่องเที่ยวก็มักมา ช๊อปปิ้งที่นี่กันด้วย เห็นได้จากการขยายพื้นที่ขายออกไปอีกกว่าเท่าตัว ที่ คาบาซอน ยังมีร้านอาหาร จีน ที่เจ้าของเป็นคนไทย ด้วย พอไปถึง ฟีนิกซ์ ก็ขึ้นเหนือโดยใช้เส้นทาง I-17 ตลอดเส้นทาง จาก ริเวอร์ไซด์ ไปอริสโซน่า สอง ข้างทาง เป็นพื้นที่ กึ่งทะเลทราย ไปตลอดเส้นทาง ที่กึ่งทะเลทราย ทางตอนใต้ของ แคลิฟลอเนีย ไม่แห้งแล้งขนาดไม่มีต้นไม้ขึ้นเลย มองไปทางไหนก็เห็น ต้นไม้ทะเลทราย ทรงพุ่มกลม เต็มไปหมด พอเข้าเขต อริสโซน่า ก็จะเห็น ต้นกระบองเพรช ขึ้นมา ซึ่งต้นกระบองเพรช อริสโซน่า มีลักษณะ ไม่เหมือนกับ ต้นกระบองเพรชที่เราเห็นกันในเมืองไทย เพราะ กระบองเพรช ที่ขึ้นในแถบนี้จะมีลำต้นเดียว ตรงขึ้นไป แล้วไปแยกออกเป็น 3 แฉก เหมือน กับมือคนยื่นออกมาทั้ง 2 ข้างลำตัว แล้วยกขึ้น พอขึ้นไปตอนบนของ อริสโซน่า ทิวทัศน์ ก็เปลี่ยนไป จากทะเลทรายที่แห้งแล้ง กลับเป็น ป่าสนที่ขึ้นอยู่อย่าง หนาแน่น และ ผมกับเพื่อน ๆ ก็เห็น หิมะ ครั้งแรกของ ทริปนี้ ก็ที่ตอนบนของ อริสโซน่า นี่แหล่ะ (ใครบอกว่า อริสโซน่า มีแต่ทะเลทราย อย่าไปเชื่อครับ) พอเจอป่าสน สักพักก็เจอทางแยกที่ แฟล๊ก สต๊าฟ (Flagstaff) ผมก็ใช้เส้นทาง ไฮเวย์ 180 ขึ้นเหนือ ขึ้นไปยัง แกรนแคนย่อน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2007, 10:18:11 PM ท่านพี่ 686 มีภาพประกอบไหมครับ...
อ่านแล้วได้อารมณ์ดี ชักอยากเห็นภาพประกอบครับ...:D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:06:17 AM รูป ผมเก็บอยู่ที่ไหน ไม่รู้ครับ เดี๊ยวหาก่อนครับ
พอถึงแกรนแคนย่อน ก็ไปหาที่พักครับ เพราะขับรถมาทั้งคืน กับ ทั้งวัน ลืมบอกไปว่า ออกรถตอนเย็น พอฟังราคา อึ้งเลยครับ 139 เหรียญ ต่อห้อง ต่อคืน (แพงโคตร ) อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ พอรุ่งขึ้น ก็ขับรถตระเวณ เที่ยว แกรนแคนย่อน ไปถ่ายรูป เรื่อยไป อากาศ หนาวมาก เพราะ ไปตอนปลายเดือน ตุลาครับ ขับไปเรื่อย ๆ ตามแผนที่ พอลงมาข้างล่าง ตกเย็นก็เข้าพัก โรงแรม พอถามราคา ที่พัก เค้าคิดแค่ 39 เหรียญ เอง ห้องก็ดีกว่า พวกผมก็แอบทำกับข้าว กินกันในห้องพัก โดยเอาถ่าน สัญญาณ เตือนไฟไหม้ออกก่อน พอตื่นเช้า ออกมาเห็น รถเต็มไปด้วย หิมะ แต่ผมไม่มีที่ขูดน้ำแข็งจากกระจก เลยเอาถังใส่น้ำร้อนในห้องน้ำมาราดกระจก (ทีที่กระจกไม่แตก ไม่ควรทำครับ แต่ตอนนั้นไม่รู้) พอลงมา เจอกับ นักท่องเที่ยว ชาว เยอรมัน บอกว่า มาจาก ซอลท์ เลค ซิตี้ (Salt Lake City) บอกว่า หิมะที่ โน่น ตกหนัก ก็เลยเปลี่ยนใจ ไปยัง Bryce Canyon โดนใช้ ไฮเวย์ 89 ขับผ่าน ขับผ่าน ถ้ำเล็ก ๆ ที่เจาะตรงเข้าไปในเขา แต่ถ้ำที่ผ่านมัน ตื้นมาก ถ้าเป็นเมืองไทย คงระเบิดทิ้งจนราบไปแล้ว แกรนแคนย่อน เป็น สิ่งที่ ธรรมชาติสร้างขึ้นมา โดยส่วนใหญ่ เกิดจากการกัดเซาะของ น้ำ, หิมะ, ธารน้ำแข็ง แสงแดด และ ลม ที่ผ่านการเวลามานาน นับล้าน ๆ ปี ผมไปหน้าหนาวครับ ทางบางแห่งก็ปิด อย่าง Bryce Canyon ก็ดูอยู่ ข้างบน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:12:48 AM อ้างถึง อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ ขอถามหน่อยครับ โรงแรมที่นี่ไม่ว่าอะไร แต่ที่เมืองไทยให้แค่ห้องละ 3 คนเกินนั้นต้องเช่าอีกห้อง ทำไมถึงแบบนั้นครับหัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:25:09 AM อ้างถึง อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ ขอถามหน่อยครับ โรงแรมที่นี่ไม่ว่าอะไร แต่ที่เมืองไทยให้แค่ห้องละ 3 คนเกินนั้นต้องเช่าอีกห้อง ทำไมถึงแบบนั้นครับจะได้เงินเยอะขึ้นไงครับ เดี๊ยวพรุ่งนี้ มาโม้ต่อครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:28:11 AM อ้างถึง อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ ขอถามหน่อยครับ โรงแรมที่นี่ไม่ว่าอะไร แต่ที่เมืองไทยให้แค่ห้องละ 3 คนเกินนั้นต้องเช่าอีกห้อง ทำไมถึงแบบนั้นครับจะได้เงินเยอะขึ้นไงครับ เดี๊ยวพรุ่งนี้ มาโม้ต่อครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:03:55 AM พอถึงแกรนแคนย่อน ก็ไปหาที่พักครับ เพราะขับรถมาทั้งคืน กับ ทั้งวัน ลืมบอกไปว่า ออกรถตอนเย็น พอฟังราคา อึ้งเลยครับ 139 เหรียญ ต่อห้อง ต่อคืน (แพงโคตร ) อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ พอรุ่งขึ้น ก็ขับรถตระเวณ เที่ยว แกรนแคนย่อน ผมชอบใช้วิธีจอดรถนอนตาม ที่พักริมทาง ครับ Rest Area แต่ต้องดูที่ที่มีรถเทรลเลอร์จอดเยอะ จะดูปลอดภัยหน่อย หรือถ้าเข้าไปเที่ยวใน อุทยานแห่งชาติพวก National Park, State Park ผมจะไปเช่าที่กางเต็นท์นอนครับ ถ้าไม่ได้เอาเต็นท์ไป ก็นอนในรถครับ ที่พาร์คเหล่านี้มีที่อาบน้ำ ห้องน้ำพร้อม จ่ายค่าที่กางเต็นท์ประมาณ 10-20 เหรียญครับ ได้อากาศดีๆ เสียงสัตว์จำพวก กระต่ายป่า แรคคูน เม่น อมาดิลโล่ หรือ กวาง มาเดินข้างๆ ที่นอนประจำครับ ที่น่าโมโห คือครั้งแรกที่ไปแค้มปิ้ง เอาของกินวางไว้ข้างนอก ทั้งของสดของแห้ง ว่าจะทำปิ้งย่างกันตอนกลางคืน ปรากฎว่าไปพายเรือเล่นกลับมา แรคคูนประมาณครึ่งโหลมารุมทึ้งของกินที่เราสะเพร่าะวางเอาไว้ไปซะ ที่สำคัญ จุดไฟทำอาหารได้ด้วยครับ ไม่ต้องถอดถ่านสัญญาณเตือนไฟไหม้ออก อิ อิ อิ ;D ;D ;D (เคยทำเหมือนกันแหละครับ ;D) แต่คงทำผัดเผ็ด ผัดกระเพราะไม่ได้กระมัง เดี๋ยวฝรั่งเรียกรถดับเพลิงมากันซะ ได้แค่ปิ้งๆย่างๆ ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 04:33:15 AM พอถึงแกรนแคนย่อน ก็ไปหาที่พักครับ เพราะขับรถมาทั้งคืน กับ ทั้งวัน ลืมบอกไปว่า ออกรถตอนเย็น พอฟังราคา อึ้งเลยครับ 139 เหรียญ ต่อห้อง ต่อคืน (แพงโคตร ) อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ พอรุ่งขึ้น ก็ขับรถตระเวณ เที่ยว แกรนแคนย่อน ผมชอบใช้วิธีจอดรถนอนตาม ที่พักริมทาง ครับ Rest Area แต่ต้องดูที่ที่มีรถเทรลเลอร์จอดเยอะ จะดูปลอดภัยหน่อย หรือถ้าเข้าไปเที่ยวใน อุทยานแห่งชาติพวก National Park, State Park ผมจะไปเช่าที่กางเต็นท์นอนครับ ถ้าไม่ได้เอาเต็นท์ไป ก็นอนในรถครับ ที่พาร์คเหล่านี้มีที่อาบน้ำ ห้องน้ำพร้อม จ่ายค่าที่กางเต็นท์ประมาณ 10-20 เหรียญครับ ได้อากาศดีๆ เสียงสัตว์จำพวก กระต่ายป่า แรคคูน เม่น อมาดิลโล่ หรือ กวาง มาเดินข้างๆ ที่นอนประจำครับ ที่น่าโมโห คือครั้งแรกที่ไปแค้มปิ้ง เอาของกินวางไว้ข้างนอก ทั้งของสดของแห้ง ว่าจะทำปิ้งย่างกันตอนกลางคืน ปรากฎว่าไปพายเรือเล่นกลับมา แรคคูนประมาณครึ่งโหลมารุมทึ้งของกินที่เราสะเพร่าะวางเอาไว้ไปซะ ที่สำคัญ จุดไฟทำอาหารได้ด้วยครับ ไม่ต้องถอดถ่านสัญญาณเตือนไฟไหม้ออก อิ อิ อิ ;D ;D ;D (เคยทำเหมือนกันแหละครับ ;D) แต่คงทำผัดเผ็ด ผัดกระเพราะไม่ได้กระมัง เดี๋ยวฝรั่งเรียกรถดับเพลิงมากันซะ ได้แค่ปิ้งๆย่างๆ ครับ แต่ผมชอบที่ Florida อย่างนึงคือ ในร้านอาหารห้ามสูบบุหรี่ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 04:58:57 AM อ้างถึง อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ ขอถามหน่อยครับ โรงแรมที่นี่ไม่ว่าอะไร แต่ที่เมืองไทยให้แค่ห้องละ 3 คนเกินนั้นต้องเช่าอีกห้อง ทำไมถึงแบบนั้นครับจะได้เงินเยอะขึ้นไงครับ เดี๊ยวพรุ่งนี้ มาโม้ต่อครับ เขาก็บอกแล้ว ซิงเกิ้ล , ทวิน ไม่มีสวิงซะหน่อย... ::008:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 05:41:48 AM เข้ามานั่งดูผู้ใหญ่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ได้ความรู้เยอะดีครับ นี่ถ้าได้นั่งล้อมวงคุยกันจริงๆ คงจะสนุกกว่านี้มาก ;D
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 05:54:25 AM อ้างถึง อัดกันอยู่ 6 คน ห้อง เดียวครับ เอาแบบ ประหยัดสุด ๆ ขอถามหน่อยครับ โรงแรมที่นี่ไม่ว่าอะไร แต่ที่เมืองไทยให้แค่ห้องละ 3 คนเกินนั้นต้องเช่าอีกห้อง ทำไมถึงแบบนั้นครับจะได้เงินเยอะขึ้นไงครับ เดี๊ยวพรุ่งนี้ มาโม้ต่อครับ เขาก็บอกแล้ว ซิงเกิ้ล , ทวิน ไม่มีสวิงซะหน่อย... ::008:: อ้างถึง เข้ามานั่งดูผู้ใหญ่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง ได้ความรู้เยอะดีครับ นี่ถ้าได้นั่งล้อมวงคุยกันจริงๆ คงจะสนุกกว่านี้มาก เมื่อไหร่จะได้เจอกันหนอ มีโอกาศจะไปล้มทับ อิอิอิ ที่ Vegas เคยไปกินข้าวร้านอาหารอยู่ร้านนึงจำชื่อไม่ได้แล้ว ร้านนี้จะมีตู้ปลาตู้ใหญ่มากๆ เลี้ยงปลาตัวเบ้อเร่อ อาหารอร่อยมากๆ เกาเหลาเนื้ออร่อยมาก ร้านนี้ยังอยู่ป่าวครับหัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 06:10:20 AM ร้านที่มีตู้ปลาตู้ใหญ่ๆ....เอ...อาเจษพอจำได้ไหมครับว่าในตู้มีปลากี่ตัว ตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว สีอะไรบ้าง ครีบสั้น ยาวแค่ไหน.. ;D :o
ผมคงไม่ทราบหรอกครับว่าร้านอะไร เพราะเดี๋ยวนี้ร้านไทยเยอะมาก คนจากแอลเอย้ายเข้ามาเยอะ แต่ทำไมน้าบุญไม่ย้ายมาซะที กะจะให้มาโหลดลูกปืนให้ ตอนนี้ลูกปืนขึ้นราคายังกับทอง ขึ้นเอา....ขึ้นเอา :-\ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 06:14:30 AM ร้านที่มีตู้ปลาตู้ใหญ่ๆ....เอ...อาเจษพอจำได้ไหมครับว่าในตู้มีปลากี่ตัว ตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว สีอะไรบ้าง ครีบสั้น ยาวแค่ไหน.. ;D :o มีกวน มีกวน เดี๋ยวเหอะจะฟ้องกิ๊กผมคงไม่ทราบหรอกครับว่าร้านอะไร เพราะเดี๋ยวนี้ร้านไทยเยอะมาก คนจากแอลเอย้ายเข้ามาเยอะ แต่ทำไมน้าบุญไม่ย้ายมาซะที กะจะให้มาโหลดลูกปืนให้ ตอนนี้ลูกปืนขึ้นราคายังกับทอง ขึ้นเอา....ขึ้นเอา :-\ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: NOOM 19 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 08:18:48 AM ร้านที่มีตู้ปลาตู้ใหญ่ๆ....เอ...อาเจษพอจำได้ไหมครับว่าในตู้มีปลากี่ตัว ตัวผู้กี่ตัว ตัวเมียกี่ตัว สีอะไรบ้าง ครีบสั้น ยาวแค่ไหน.. ;D :o ผมคงไม่ทราบหรอกครับว่าร้านอะไร เพราะเดี๋ยวนี้ร้านไทยเยอะมาก คนจากแอลเอย้ายเข้ามาเยอะ แต่ทำไมน้าบุญไม่ย้ายมาซะที กะจะให้มาโหลดลูกปืนให้ ตอนนี้ลูกปืนขึ้นราคายังกับทอง ขึ้นเอา....ขึ้นเอา :-\ ราคากระสุนที่อเมริกาก็ขึ้นเหมือนบ้านเรา......ดังนั้นพี่ๆที่อยู่เมืองไทยก็ไม่ต้องคิดมาก.........มั้ง... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นายกระจง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:21:49 AM ด้วยความเคารพครับ
ไม่มีใครถาม ผมถามดีกว่า ค่าโดยสารจากบางกอกไปอเมริกาเท่าไหร่ครับ จะได้เริ่มสะสมเงินครับ หรือต้องรอให้บริษัทส่งไปครับ อยากดูร้านขายชอปเปอร์ออเรนจ์เคาน์ตี้ชอปเปอร์ ร้านขายปืน โรงงานแจ๊คแดเนี่ยล นอกเหนือจากสถานที่สำคัญต่างๆนะครับ ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:24:29 AM มาโม้ต่อครับ
พวกผมไปถึง Bryce Canyon ก็เย็นแล้วเลยยังไม่ได้เข้าไป หาที่พักก่อน พอดีเห็น Holiday Inn ก็เลยแวะพัก แต่คราวนี้ ไม่ได้ทำอาหาร เพราะ ไม่ได้ซื้อของ สดเตรียมใว้ พอเช้าก็กินที่ ร้านอาหารของโรงแรมเลย ออกจากโรงแรม ก็เข้าไป Bryce Canyon แต่ได้แต่ดู เพราะ ไปหน้าหนาว เค้าปิดไม่ให้เดินลงไป ถ่ายรูป ที่ Bryce Canyon สวยกว่า Grand Canyon ครับ อาจเป็นเพราะ ผมคุ้นตากับ ภาพแกรนด? แคนย่อน ที่เห็นมาจนชินตาแล้ว ก็เป็นได้ แต่ที่ Bryce Canyon เป็นภูเขาที่ถูก ธารน้ำแข็ง และ แม่น้ำ กัดเซาะ ทำให้เห็น ส่วนที่เหลือ เป็นลักษณะ ภูเขา เป็นแท่ง ๆ สีส้ม สลับขาว ส่วน แกรนด์ แคนย่อน เป็น หุบเขาที่ถูก แม่น้ำโคโลราโด้ กัดเซาะ จึงเห็นเป็นหุบเขา ที่กว้างใหญ่ สุดลูกหูลูกตา (http://img155.imageshack.us/img155/9150/brycecanyondo8.th.jpg) (http://img155.imageshack.us/my.php?image=brycecanyondo8.jpg) พอถ่ายรูป ซื้อของที่ระลึก แล้วก็ลง ขับรถทั้งวัน ตามเส้นทาง ไฮเวย์ 89 ขึ้นเหนือ ช่วงนี้ ต้องเปิดแผนที่บ่อย เพราะ ที่เที่ยวแต่ละที่ ไกลกันมาก และ เส้นทาง น่าหวาดเสียวมากด้วย ปกติ ถ้าเจอเหว ก็จะเจออีกด้านเป็นภูเขา เพราะ ถนนจะตัดเลียบถูเขาไป แต่ ที่นี่ มีเหว 2 ด้าน ซ้ายขาวเลยครับ ถ้าพลาด ตกเหวสถานเดียว ผมที่ง่วงนอนมาตลอด เลยหายง่วงเลย อ้อ ผมแวะเข้าไปดู หินที่โดนลมกัดกร่อน จนเป็น รูปโค้ง แต่จำชื่อไม่ได้ ( อิอิ แก่แล้ว) พอไปถึง I+70 ก็มุ่งหน้าไป โคโลราโด้กันเลย แต่พอถึงเมือง ใกล้ ๆ เขตรัฐ ก็ค่ำ เลยแวะซื้อของสดก่อนมาทำกินกันในห้องพักโรงแรม เพราะ พวกที่ไป ไม่ชอบ อาหารฝรั่ง ผมเลยต้องทำหน้าที่ พ่อครัว กินเสร็จ ก็นอนเลย พอรุ่งเช้าก็ขับรถต่อ ตอนอยู่ รัฐ ยูธ่า (Utah) ไม่ค่อยเห็นต้นไม้ สักเท่าไหร่ ดินก็เป็นสีแดง พอขับไปสักพัก ก็เห็น ทางเข้าอุโมงขนาดใหญ่ แต่เปิดให้เข้าได้ 1 ช่องทาง และ ออกอีก 1 ช่องทาง รถทุกคันต้องต่อคิวกันเข้าอุโมงนี้ครับ แต่พอออกมา วิวทิวทัศน์ เปลี่ยนไปอย่างกับอยู่คนละโลกเลย เพราะ อีกฝั่งของ อุโมง เป็น ภูเขา ที่มี ต้นสนขึ้นอยู่เต็ม แถมมีหิมะปกคลุมอยู่ด้วย ถนน เป็น ถนน 2 ระดับ เกาะไหล่เขา (เพราะ เขาชันมาก เลย ต้องทำถนน 2 ระดับ ถ้าทำระดับเดียวกัน เปลืองกว่า) มองไปด้านขวา เห็น แม่น้ำ อีกฝั่ง เป็นเขาเหมือนกัน และ เห็นรถไฟวิ่งอยู่ด้วย เป็นภาพที่สวยมาก แต่มีผมเห็นคนเดียว เพราะ ในรถ หลับหมด พอขับไปสักพัก ก็เจอกับ ภายุหิมะ พวกเราอุดอู้อยู่ในรถ ไปไหนไม่ได้ ต้องค่อย ๆ คลานไป พอพ้นพายุ มองออกไปข้างทางก็เจอกับ สกี รีสอร์ท ทำให้พวกเรา เปลี่ยนใจ แทนที่จะตรงไปหาเพื่อน ที่เรียน ที่นี่ (ใจง่าย) เลย แวะพักอีกสัก 1 คืน (ผมจำชื่อเมืองไม่ได้แล้ว) ก่อนเข้าที่พัก เราได้ไปเช่า รองเท้า สกี กัน ทุกคน แล้ว ก็ต้องแปลกใจกับ ราคาห้องพักที่นี่ด้วย ว่า 79 เหรียญ แต่ได้ห้อง สูทขนาดใหญ่ มี 3 ห้องนอน มีเครื่องครัว ครบ ทำอาหารกันได้โดยไม่ต้องไปถอดถ่านเครื่องเตือนภัย พอถึงเช้า พวกเราก็ไปเรียน สกี โดยที่นี่ มีสอนสกีด้วย ตอนที่เราไป เป็นจังหวะที่หิมะเพิ่งตก เลยทำให้หิมะไม่แข็งตัว เรียก เพาเดอร์ ไม่ลื่นมา เล่นสกีได้สนุก แล้ว ยังไม่ถึง ฤดูท่องเที่ยวด้วย ทำให้คนยังไม่มาก เล่นสกีที่นี่ สนุกมากครับ ต่างคนต่างล้มลุกคลุกคลานกันเป็นแถว เสร็จแล้วก็นั่งกระเช้าชึ้นไปบนเขา แล้ว สกี ลงเขามา ผม อยากจะต่ออีกรอบ แต่เพื่อน ๆ ไม่เอาด้วย เลย ต้องกลับ พอมาถึง เดนเว่อ (Denver) ก็เย็นแล้ว เลยหาอาหารทานกัน เห็นร้านอาหาร แม็กซิกัน ที่นี่ เลยเข้าไปทาน ผมสั่งพวก Fajita อ่าน (ฟาฮีต้า ไม่ไช่ ฟาจีต้า) หรือพวก ย่าง เพราะ เป็นอะไรที่ทานได้ แต่เพื่อนผม ไม่เคยทานอาหารแม็กซิกันเลย สั่งมาแล้วทานกันไม่ได้สักคน ผมเลย เหมา แทบอ้วก คืนนั้นเราพักกันในเดนเวอร์ อีกคืน พอรุ่งเช้า ก็ขับรถโดยใช้เส้นทาง สาย I-25 ลงมาผ่าน Colorado Springs มายังเมือง Pue Blo พอถึง เพื่อน ด่า ใหญ่ เพราะ น่าจะถึงตั้งแต่ 2 วันก่อน (เพราะ สกี แท้ ๆ) เย็นวันนั้น ผมก็ทำ ข้าวมันไก่ กินกัน ต้องหุ้งข้าวถึง 2 หม้อเลย ตอนแรก พวกเรากะจะไปต่อ เมื่อขับลงมาทางใต้ ตามสาย I-25 จนเข้าเขต รัฐ นิวแม็กซิโก แต่ตกค่ำก่อนถึง Albuquerque (ออกเสียง อัล บู กอร์ กี้) เป็นเมืองเล็ก ๆ เราก็แวะพักอีกคืน พอรุ่งเช้า พวกเราต่างเหนือย ผมเลย บอกว่า กลับกันมั๊ยหล่ะ ถ้ากลับ คืนนี้ก่อนถึง เที่ยงคืน เราถึง San Diego แน่ แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะ เราเดินทางมาหลายวัน พอบอกว่า คืนนี้กลับถึงจุดเริ่มต้น เลยไม่มีใครเชื่อ แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่า กลับ พวกเราก็กลับ โดยใช้เส้นทาง I-25 ลงใต้ ไปเมือง อัลบูกอร์กี้ แล้วใช้เส้นทาง I-40 ที่ผมคุ้นเคย ไปทางตะวันตกจนถึง แฟล๊ก สเตฟฟ์ ( Flagstaff) แล้วเปลี่ยนลงใต้โดยใช้เส้นทาง I-17 ลงไปยัง ฟีนิกส์ ก่อนเข้า ฟีนิกส์ เพื่อนผมยังมีแรง ช๊อปปิ้ง ซื้อของกันที่ Outet ข้างทาง จากนั้นเราก็เปลี่ยนมาใช้ I-10 เข้า แคลิฟลอเนีย ตรงนี้เอง เพื่อนผม ขับ แล้วโดนใบสั่ง แต่ เค้าไม่จ่าย เพราะ จะกลับเมืองไทย อยู่แล้ว แล้วเราก็ถึง ซานดิเอโก้ ก่อนเที่ยงคืน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:26:11 AM ด้วยความเคารพครับ ไม่มีใครถาม ผมถามดีกว่า ค่าโดยสารจากบางกอกไปอเมริกาเท่าไหร่ครับ จะได้เริ่มสะสมเงินครับ หรือต้องรอให้บริษัทส่งไปครับ อยากดูร้านขายชอปเปอร์ออเรนจ์เคาน์ตี้ชอปเปอร์ ร้านขายปืน โรงงานแจ๊คแดเนี่ยล นอกเหนือจากสถานที่สำคัญต่างๆนะครับ ขอบคุณครับ ท่านกระจง ไปถามที่ ห้อง กบก็ได้ ครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:57:49 AM คุณ686ครับ ระบบGPS Navigatorที่อเมริกาเชื่อได้แค่ไหนครับ
(ที่กรุงเทพใช้ดีมากอยู่บนทางด่วนพวกให้เลี้ยวยูเทอร์นไปเลย) ผมชั่งใจอยู่ว่าอยากจะพาครอบครัวเที่ยวอเมริกาโดยขับรถเอง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:01:06 PM สนับสนุนภาพถ่ายครับ
คนจรจัดในซานฟราน นอนหลับอย่างสบาย (http://img138.imageshack.us/img138/8096/imgp0773rl3.jpg) เมืองท่องเที่ยวสะอาดสวยงามจริงๆ (http://img176.imageshack.us/img176/4783/imgp0792hf1.jpg) ใครจำได้บ้างครับว่ารูปนี้ที่ไหน (http://img245.imageshack.us/img245/6051/imgp0766ap3.jpg) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:04:18 PM คุณ686ครับ ระบบGPS Navigatorที่อเมริกาเชื่อได้แค่ไหนครับ ลูกสาวและหลานสาวผมใช้อยู่ครับ ไม่หลงแน่นอน เดี๋ยวนี้รถเช่าก็มีติดให่เรียบร้อยแล้วครับ(ที่กรุงเทพใช้ดีมากอยู่บนทางด่วนพวกให้เลี้ยวยูเทอร์นไปเลย) ผมชั่งใจอยู่ว่าอยากจะพาครอบครัวเที่ยวอเมริกาโดยขับรถเอง มาทางนี้อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันบ้างนะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:16:11 PM คุณ686ครับ ระบบGPS Navigatorที่อเมริกาเชื่อได้แค่ไหนครับ ลูกสาวและหลานสาวผมใช้อยู่ครับ ไม่หลงแน่นอน เดี๋ยวนี้รถเช่าก็มีติดให่เรียบร้อยแล้วครับ(ที่กรุงเทพใช้ดีมากอยู่บนทางด่วนพวกให้เลี้ยวยูเทอร์นไปเลย) ผมชั่งใจอยู่ว่าอยากจะพาครอบครัวเที่ยวอเมริกาโดยขับรถเอง มาทางนี้อย่าลืมแวะมาเยี่ยมกันบ้างนะครับ ขอบคุณล่วงหน้าไว้เลยครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:22:09 PM คุณ686ครับ ระบบGPS Navigatorที่อเมริกาเชื่อได้แค่ไหนครับ (ที่กรุงเทพใช้ดีมากอยู่บนทางด่วนพวกให้เลี้ยวยูเทอร์นไปเลย) ผมชั่งใจอยู่ว่าอยากจะพาครอบครัวเที่ยวอเมริกาโดยขับรถเอง ผม กลับจาก อเมริกา ตอนที่ GPS ยังเป็น จอ ขาวดำอยู่เลยครับ ผมคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ ต้องไปถาม คุณ USP40 ครับ ให้คำตอบที่แน่นอนกว่า แล้ก็ ตอนผมเที่ยว ปลายปี 39 GPS ยังไม่แพร่หลายครับ เพราะ แพงมาก ตัวละเกือบ พันเหรียญ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 14, 2007, 04:26:41 PM คุณ686ครับ ระบบGPS Navigatorที่อเมริกาเชื่อได้แค่ไหนครับ (ที่กรุงเทพใช้ดีมากอยู่บนทางด่วนพวกให้เลี้ยวยูเทอร์นไปเลย) ผมชั่งใจอยู่ว่าอยากจะพาครอบครัวเที่ยวอเมริกาโดยขับรถเอง ผม กลับจาก อเมริกา ตอนที่ GPS ยังเป็น จอ ขาวดำอยู่เลยครับ ผมคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ ต้องไปถาม คุณ USP40 ครับ ให้คำตอบที่แน่นอนกว่า แล้ก็ ตอนผมเที่ยว ปลายปี 39 GPS ยังไม่แพร่หลายครับ เพราะ แพงมาก ตัวละเกือบ พันเหรียญ ซื้อครั้งล่าสุดตอนกลับไปเมกาเดือนกรกฎาคมครับ ที่ Circuit City - Los Angeles/Thaitown ราคาประมาณ $180 ถือว่าใช้ได้ครับ ดีกว่าของที่ติดรถเช่าราคาเกือบพันเหรียญอีกครับ ตรงนี้เอง เพื่อนผม ขับ แล้วโดนใบสั่ง แต่ เค้าไม่จ่าย เพราะ จะกลับเมืองไทย อยู่แล้ว เป็นห่วงครับ ฝากเตือนเพื่อนพี่ด้วยนะครับ ถ้ากลับไปเมกาอีกครั้ง น่าเป็นห่วง รุ่นน้องผมเข้าคุกไปเรียบร้อยหนึ่งคืนเพราะไม่จ่ายใบสั่งข้อหาขับรถเร็ว ครับ พี่บุญครับ ภาพของพี่มีจุดดำๆ ตรงมุมบนขวาของภาพ เป็นเพราะอะไรครับ เหมือนกล้องของผมสมัยอยู่เมกา ผมใช้ Nikon D70 อยู่ก็เป็นครับตอนอยู่เมกาช่วงต้นปีถึงปลายปี 2006 แต่พอกลับมาเมืองไทย จุดดำๆนี้หายไปอย่างสิ้นเชิงครับ ใครสามารถไขข้อข้องใจได้บ้างครับ ขอบคุณครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 14, 2007, 05:13:37 PM เป็นฝุ่นที่ติดอยู่ที่CCD sensorครับ ตอนนี้ขจัดออกหมดเรียบร้อยแล้วครับ โดยเปิดเอาเลนส์ออก
แล้วกดหน้ากล้องค้างใว้ที่B กระจกก็จะยกขึ้น ก้จะมองเห็นแผ่นCCDผมใช้ที่เป่าฝุ่นสำหรับเป่าเลนส์กล้องถ่ายรูป เป่าลงไป แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ กล้องรุ่นใหม่ๆจะมีระบบขจัดฝุ่นติดตั้งมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป่าเองแบบของผม วิธีขจัดฝุ่นที่ผมทำคุณENOLA GAY เป็นผู้แนะนำครับ พึ่งทำเมื่อวันนี้เอง ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 14, 2007, 05:23:18 PM เป็นฝุ่นที่ติดอยู่ที่CCD sensorครับ ตอนนี้ขจัดออกหมดเรียบร้อยแล้วครับ โดยเปิดเอาเลนส์ออก แล้วกดหน้ากล้องค้างใว้ที่B กระจกก็จะยกขึ้น ก้จะมองเห็นแผ่นCCDผมใช้ที่เป่าฝุ่นสำหรับเป่าเลนส์กล้องถ่ายรูป เป่าลงไป แค่นี้ก็เรียบร้อยครับ กล้องรุ่นใหม่ๆจะมีระบบขจัดฝุ่นติดตั้งมาให้เรียบร้อย ไม่ต้องเป่าเองแบบของผม วิธีขจัดฝุ่นที่ผมทำคุณENOLA GAY เป็นผู้แนะนำครับ พึ่งทำเมื่อวันนี้เอง ;D ขอบคุณครับพี่บุญ ของผมเป็นแล้วหายเองครับ คือตอนอยู่ที่โน่นยังเป็นอยู่ครับเป็นตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนก่อนจะกลับ จำได้เพราะว่าก่อนกลับต้นเดือนธันวาคมไปเล่นสกีที่โคโลราโด เย็นจัด -20F ถ่ายได้มั่งไม่ได้มั่ง ก็ยังมีจุดอยู่ แต่พอย้ายกลับมาไปเที่ยวเชียงใหม่งานพืชสวนโลกเดือนธันวาคมช่วงคริสตมาส จุดดำๆที่ว่าหายไปเองครับ สงสัยกลัวเมืองไทย ตอนนี้ก็หนึ่งปีผ่านไป ก็ยังไม่มีกลับมา ขอบคุณต่อไปยังพี่ Enola Gay ด้วยครับ สำหรับการซื้อปืนเมืองไทย ก็ไม่ยากเย็นอะไรครับ วันนี้เพิ่งไปรับ Glock 19 มาหนึ่งกระบอก ใช้เวลา ๑๕ นาที ที่ร้าน ม เป็นกระบอกสุดท้ายในล็อตนี้ที่จองไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม แต่ก่อนหน้า ใช้เวลา ๒๕ นาที ที่วังไชยา ขอ ป๓ พร้อมกัน ๒ กระบอก รอจนลืม ๑๐๐ วันถึงได้เข้าไปเอา ป๓ และ ปืน แต่จริงๆ ป๓ พร้อมให้รับตั้งแต่วันที่ ๓๕ หลังจากยื่นเอกสารแล้วครับ จ่ายค่า ป๓ ไป ๖ บาท ค่าไปรษณียบัตร ๒ บาท ค่า ป๔ อีก ๕๐๐ บาท ครับ ค่าขอ ป๓ จากแฟนผมอีกบานตะไท เมืองไทยต่างกับอเมริกา เรื่อง เอกสาร และ เวลา และ ราคา เท่านั้นครับ ถ้าคุณมีคุณสมบัติครบและไม่มีประวัติอาชญากร สำหรับ กรุงเทพ นะครับ แต่ต่างจังหวัดไม่ทราบ หลายมาตรฐานครับ อ้อ อีกเรื่องหนึ่งคือ ที่เมืองไทย เราซื้อ Semi-Automatic Center Fire Rifle ประเภท AR15, M14 ไม่ได้ คงต้องเป็นแบบลูกเลื่อนป้อนลูกกระสุนทีละนัดเท่านั้น แต่ปืนบางกระบอกที่เมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น กลับมีขายในบ้านเราครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นปืนอะไรบ้าง หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 06:00:55 PM แต่ปืนบางกระบอกที่เมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น กลับมีขายในบ้านเราครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นปืนอะไรบ้าง
ปืนลูกซอง ที่มีลำกล้อง สั้นกว่า 16นิ้วครับ ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง สั้น กลุ่มจะบานมาก เลยทำให้ต้องมีการควบคุมที่รัดกุมกว่า ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง ยาวกว่า 16 นิ้ว หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 14, 2007, 07:06:50 PM แต่ปืนบางกระบอกที่เมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น กลับมีขายในบ้านเราครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นปืนอะไรบ้าง ปืนลูกซอง ที่มีลำกล้อง สั้นกว่า 16นิ้วครับ ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง สั้น กลุ่มจะบานมาก เลยทำให้ต้องมีการควบคุมที่รัดกุมกว่า ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง ยาวกว่า 16 นิ้ว ขอบคุณครับ แล้ว Remington Rifle ผมจำรุ่นไม่ได้ ที่เคยลงในหนังสือ อวป รู้สึกว่าที่ท่านผู้การสุพินท์ นำมาทดสอบ เห็นว่าเป็นรุ่น Police อะไรทำนองนี้ ท่านผู้การเองก็กล่าวว่าในเมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น ไม่แน่ใจนะครับ แค่คลับคล้ายคลับคลาครับ ไม่ทราบว่าเป็นรุ่นอะไร ปืนลูกกรดอย่าง 10/22 หรือปืนยาวอื่นที่มีลำกล้องสั้นกว่า 16 นิ้ว ก็ต้องมี Tax Stamp เป็นใบอนุญาตพิเศษด้วยเหมือนกันนะครับ ค่าธรรมเนียมไม่ทราบครับ ต้องรอผู้รู้ครับ แต่บ้านเรา 10/22 สั้นกันแค่ 4-5 นิ้วก็เห็นมีครับ ไม่ต้องขออนุญาตพิเศษ อาจจะผิดเรื่องการดัดแปลงสภาพ แต่ไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไร ตรงนี้ครับ ที่บ้านเรา ง่าย กว่า อเมริกา ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Stevie G - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 07:20:18 PM อ่านกระทู้นี้เหมือนได้ไปด้วยตนเองเลยครับ เพิ่งมาติดตามแต่ยอมรับว่าได้ความรู้เยอะมาก อ่านสนุกด้วยครับ...
[/quote] ขออนุญาตถามเพื่อต่อยอดนะครับ...... แล้วประเทศทางฝั่งยุโรปละครับยากง่ายอย่างไร.... ผมมีเพื่อนชาว สวิส หลายคน....เห็นเล่าให้ฟังว่า เกณฑ์ทหารเสร็จพอปลดประจำการ แบกปืนกลับบ้านคนละกระบอกได้เลย.... :<< ผมเองสังเกตุตามรถไฟในสวิส เห็นทหารในเครื่องแบบ...สะพายปืนกันหน้าตาเฉย ไม่เห็นมีชาวบ้านตื่นเต้น... ;D ด้วยความเคารพ.... ในส่วนคำถามข้อนี้ ขอตอบตามที่พอจะรู้นะครับ ถ้าผิดพลาดคงมีพี่ๆมาเสริมให้ ภายหลัง ที่คุณเห็นทหารเกณฑ์หิ้วขึ้นรถไฟอ่ะ จะเป็นรุ่น Sig SG550 ซึ่งเป็นปกติที่ให้ทหารเกณฑ์นำกลับไปเก็บรักษาได้ในช่วงวันหยุด และ ทางกองทัพจะให้ กระสุนมา 50 นัดบรรจุในกล่อง อะลูมิเนียม (แต่ห้ามเปิดใช้เด็ดขาด ถ้าเปิดใช้มีติดตะรางแน่) เพื่อที่ว่าในยามเกิดสงครามกำลังพลที่กลับบ้านในช่วงวันหยุดสามารถใช้งานได้อย่างฉับพลัน อะไรประมาณนั้น (ถ้าผิดพลาดพี่ๆช่วยเสริมเลยนะครับ) ส่วนใหญ่ จะซื้อกระสุนพาณิชย์แล้วนำไปฝึกซ้อมที่สนามยิงปืนกันเอง เพราะใน 1 ปี กองทัพจะมีการทดสอบการยิง ที่ระยะ 300 เมตร และหลายๆคนไม่อยากดูแย่ในการทดสอบ แต่เงื่อนไขที่ให้ทหารเกณฑ์นำปืนกลับบ้านได้นั้น อาจจะถูกยกเลิกในปี 2008 เพราะเมื่อ 3 อาทิตย์ที่แล้วนี้มีทหารเกณฑ์เอาปืนของกองทัพมายิงเด็กผู้หญิง อายุ 16 ปี ::004:: และบวกกับประเด็นที่ในสภาได้กลัวว่าเด็กที่เป็นทหารเกณฑ์จะรับความกดดันไม่ไหวแล้วใช้อาวุธฆ่าตัวตาย กลับมาที่คำถาม - ปืนที่ทหารสะพายกลับบ้าน ห้ามใส่กระสุนโดยเด็ดขาด (รุ่นใหม่จะใช้ซองกระสุนแบบใส see-through) ซึ่งตามสถานีรถไฟ รวมถึง รถราง จะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบอยู่ - กรณีปลดประจำการ ทหารเกณฑ์สามารถซื้ออาวุธที่ตนเองใช้กลับไปครอบครองได้โดย Sig SG 550 จะต้องจ่ายให้กองทัพ CHF =100.- (ราคาปืนพาณิชย์ อยู่ที่ CHF= 3,200.-) และ Sig P220 จะต้องจ่ายให้กองทัพ CHF = 30.- (ราคาปืนพาณิชย์ อยู่ที่ CHF= 1,250.-) ต่างกันราวฟ้ากับเหว ::005:: ::005:: กรณีของ SG 550 ทางกองทัพจะทำการปลดระบบฟูลออโต ของคุณแล้วจำหน่าย ส่วนใหญ่ปืนกระบอกแรกของวัยรุ่นสวิสฯ จึงเป็น P220 เพราะสามารถซื้อได้ในราคาถูกหลังปลดประจำการ ::002:: ปล.กองทัพสวิสฯ ชายอายุ 18 ปีทุกคนจะต้องเป็นทหารเกณฑ์ในกองทัพ ซึ่งมีข้อยกเว้น บางกรณี แต่ก็มีข้อผ่อนผันกรณีทุพพลภาพ หรือกำลังศึกษา (ข้อหลังนี้ให้ถึงแค่ 22 ปี เท่านั้น) แต่กรณีอื่นเช่นมีปัญหาด้านสุขภาพหรืออื่นใดที่ไม่สามารถเป็นทหารได้จะโดนตัดไปเป็นกำลังสำรองในชั้น civilian protection และต้องจ่ายภาษีให้กองทัพ 4% ของเงินเดือนทุกๆเดือนจนอายุครบ 30 ปี ::012:: ::012:: คร่าวๆก่อนนะครับ ถ้าถามเรื่องสิทธิการซื้อปืนละยาวเลย :~) :~) อ้อ เกือบลืมถ้าใครบอกว่าเป็นทหารเรือของสวิสฯและยังประจำการอยู่ ก็ตอบเค้าว่า "....อืม....." นะครับ :D :D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 08:08:09 PM แต่ปืนบางกระบอกที่เมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น กลับมีขายในบ้านเราครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นปืนอะไรบ้าง ปืนลูกซอง ที่มีลำกล้อง สั้นกว่า 16นิ้วครับ ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง สั้น กลุ่มจะบานมาก เลยทำให้ต้องมีการควบคุมที่รัดกุมกว่า ปืนลูกซอง ที่ลำกล้อง ยาวกว่า 16 นิ้ว ขอบคุณครับ แล้ว Remington Rifle ผมจำรุ่นไม่ได้ ที่เคยลงในหนังสือ อวป รู้สึกว่าที่ท่านผู้การสุพินท์ นำมาทดสอบ เห็นว่าเป็นรุ่น Police อะไรทำนองนี้ ท่านผู้การเองก็กล่าวว่าในเมกาขายให้ประชาชนไม่ได้ อนุญาตให้เฉพาะ Law Enforcement Officer เท่านั้น ไม่แน่ใจนะครับ แค่คลับคล้ายคลับคลาครับ ไม่ทราบว่าเป็นรุ่นอะไร ปืนลูกกรดอย่าง 10/22 หรือปืนยาวอื่นที่มีลำกล้องสั้นกว่า 16 นิ้ว ก็ต้องมี Tax Stamp เป็นใบอนุญาตพิเศษด้วยเหมือนกันนะครับ ค่าธรรมเนียมไม่ทราบครับ ต้องรอผู้รู้ครับ แต่บ้านเรา 10/22 สั้นกันแค่ 4-5 นิ้วก็เห็นมีครับ ไม่ต้องขออนุญาตพิเศษ อาจจะผิดเรื่องการดัดแปลงสภาพ แต่ไม่ค่อยมีปัญหากันเท่าไร ตรงนี้ครับ ที่บ้านเรา ง่าย กว่า อเมริกา ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 14, 2007, 10:36:55 PM ::002::อ่านสนุก ...ได้ความรู้..น่าติดตาม.
::014::ขอบคุณทุกท่านครับ.... หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 10:55:09 PM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ
ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:27:09 PM กฏหมาย ลูกซองห้ามลำกล้องสั้นกว่า 18" ครับ ปืนยาวชนวนริม ชนวนกลางห้ามสั้นกว่า 16"
อยู่มาหลายปีผมเจอ Ice strom , Blzzard , Hurricane( หางๆ) , ไฟป่า , แผ่นดินไหว ( สมัยอยู่ Cailfornia เจอเกือบทุกปี) แต่ยังไม่เคยเจอ Tornado คุณ 686 กับ ท่านสมชาย ตอนที่อยู่ Oklahoma เคยเจอเหรอป่าวครับ ตอนที่ผมย้ายจาก California มา South Carolina ผมให้เมียกับลูกชาย ตอนนั้นเพิ่ง 6 เดือนเอง บินมาก่อน ผมขับรถบรรทุก Ryder Truck และลากรถ Toyota 4x4 มาข้างหลัง หมาอีกสองตัวอยู่ใน cap ข้างหน้า ออกจาก San Bernardino บ่ายวันอาทิตย์ จอดค้างคืนในรถที่ New Mexico ใน rest area ประมาณตี 1 เป็นที่หยุดพักที่สกปรกที่สุดที่เคยเจอมา ตื่น 6 โมงเช้าขับต่อ เข้าเขต Oklahoma ประมาณเที่ยงคืน ขับไปก็ฟังวิทยุไป พอข้ามเข้า Oklahoma วิทยุบอกว่าให้ระวัง bad thunder strom และระวัง Tornado ไอ้ผมก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ก็ยังนึกว่า แล้วตูจะทำยังไงล่ะเนี่ย แต่ก็ขับไปเรื่อยจนง่วงจัดก็จอดนอน เช้าขับต่อ ไปถึง South carolina ตีสามวันอังคาร แถบแย่ขับคนเดียว ก่อนออกจาก San Bernardino แหม่มหุงข้าวเหนียวให้ กะทำเนื้อเค็ม ไข่ต้ม เอาใส่ Cooler สองใบ ใบนึงของร้อน อีกใบใส่น้ำดื่ม กินไปตลอดทาง แวะเติมน้ำมันก็ปล่อย หมาลงไปทำธุระของมัน ให้ข้าวให้น้ำมันกิน จำได้ว่าค่าน้ำมันที่เติมรถบรรทุกตอนนั้น รวมหมด $360 ขับข้ามประเทศจาก ตะวันตกสุด มาตะวันออกสุด 2000 กว่าไมล์ Interstate 40 ( ทางหลวง) มาตลอด ตอนที่มาถึง North Carolina ตอนห้าทุ่มได้และฝนตก และขับอยู่บนเขา ก่อนข้ามเข้า South Carolina บอกตรงๆว่าผมกลัวมากเพราะบองก็ไม่เห็น ทางก็ไม่เคยขับมาก่อน แถมมีรถพ่วงมาด้วย คืนนั้นไม่ง่วงเลย ตาตื่นอยู่ตลอด เวลาขับรถทางไกล ตอนกลางคืนพวกรถ 18 wheelers จะเยอะ แต่ถ้าเราแซงขึ้นหน้าไป พ้นแล้วจะกลับเข้าเลนเดิม พวกคนขับรถ 18 wheelers เขาจะกระพริบไฟบอกให้ว่า แซงพ้นแล้วกลับเข้ามาได้ มันเป็นมารยาทอย่างนึงครับ คนที่แซงพ้นไปแล้วจะ กระพริบไฟท้ายให้เป็นการขอบคุณ อีกอย่างคือถ้าขับรถอยู่ดีๆ รถที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกระพริบไฟสูงให้ ก็จงชลอความเร็วลง เพราะจะเป็นการเตือนให้ว่า มีตำรวจทางหลวงรออยู่นะ หรือ มีอุบัติเหตุข้างหน้า ให้ชลอความเร็วลงและระวัง การกระพริบไฟสูงให้ทีทั้งประโยชน์และโทษ เพราะผิดกฏมหายตำรวจจับได้ โดยเฉพาะถ้ากระพริบเตือนกันว่า ตำรวจกำลังตรวจจับความเร็วหรือตั้งด่านอยู่ อีกอย่างคือนานมาแล้วที่ California พวกแก๊งค์จะใช้เป็นการ ต้อนรับน้องใหม่เข้าแก๊งค์ของพวกมัน โดยมันจะขับรถไปเรื่อยมีอาวุธปืนไปด้วย มันจะกระพริบไฟใส่รถฝั่งตรงข้ามถ้าใครกระพริบตอบ มันยิงใส่รถทันที นี่คือการต้อนรับน้องใหม่ของมัน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 01:10:46 AM Ice Strom, Blzzard ผมเคยเจอ หลายครั้งครับ ทั้ง ตอนไปเที่ยว ขับผ่าน โคโลราโด้ กับตอน ไปหา พี่ ที่แคลิฟลอเนีย ต้อง ผ่าน เท็กซัส และ นิวแม็กซิโก เจอแบบ เต็ม ๆ ครับ ถนนมีน้ำแข็งเกาะ ขาวไปหมด ต้องมีรถเกรดหิมะนำหน้า แล้ว โรยเกลือ ผมขับได้ไม่เกิน 25 ไมล์ต่อชั่วโมง ขับไป เสียวไป เพราะ เร่งเครื่องไม่ได้ ถ้าเร่งแล้วรถจะพาลหมุนเอา ต้องค่อย ๆ ออกตัว และค่อย ๆ เบรค เพราะ ถ้าเบรค รถมันไม่ยอมหยุด ล้อจะล๊อก ถลาไปข้างหน้า ต้องกดปล่อยเบรค
แผ่นดินไหว ผมเจอตอนอยู่ที่แคลิฟลอเนียครับ ตอนเรียน ภาษา นอนอยู่รู้สึกตัวโยกไปมา ส่วน ไฟป่า ผมเจอตอนอยู่ แคลิฟลอเนียเหมือนกัน ส่วน ทอนาโด เจอแบบ เห็น ลิบ ๆ ไม่ได้โดนกับตัวเองครับ เจอตอนขับรถผ่าน แต่มีบ้านของ คนไทย ที่ โอกลา นี่โดนครับ โดนไปครึ่งหลังครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 15, 2007, 01:29:23 AM แผ่นดินไหว ผมเจอบ่อยสุด ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ใหญ่สุดจำไม่ได้ว่าปีไหน บ้านผมพังไปทั้งหลัง
ตึกแถวๆบ้าน จากสามชั้นเหลือแค่ชั้นเดียว ตอนนั้นเริ่มไหวประมาณตี5++ผมเตรียมตัวจะไปทำงานพอดี หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 15, 2007, 03:47:01 AM ผมเคยเจอ Ice Storm ใน Louisiana ช่วงวันหยุด Thanksgiving ปี 1998 เพราะร้านอาหารที่ทำงานอยู่ปิดวันหยุด เลยขับรถเล่นจาก Arlington/Dallas, Texas ไปยัง Casino ที่Shreveport, Louisiana แต่ไม่ได้เล่นอะไรมากมาย เล่นก็ไม่ค่อยเป็น เพราะทำงานหาเงินเรียน ยังไม่กล้าไปเล่นอะไร มีงบประมาณ $10 สำหรับหยอดตู้สลอตแมชชีน เท่านั้นเองครับผลคือเสียหมดงบประมาณ
กิ่งไม้ทุกกิ่งและสายไฟฟ้ามีน้ำแข็งเกาะหนาเกือบหนึ่งนิ้ว ส่วนสะพานที่ขับผ่าน มีน้ำแข็งอยู่บนผิวสะพานหนาประมาณ 4 นิ้ว เวลาขับผ่านเกร็งมากเลยครับ เพราะเป็นปีแรกที่ไป ไม่เคยเจอมาก่อน คลานไปช้าๆ ไม่เกิน 10 ไมล์ต่อชั่วโมง ห้ามเตะเบรค ห้ามหมุนพวงมาลัย ได้แต่เชนเกียร์อย่างช้าๆ เท่านั้น ส่วน Snow Storm เจอตอนไปเล่นสกีที่โคโลราโดครับ แรงมากๆ ลมพัดมาเป็นเส้นขนานกับพื้นเลยทีเดียว ถนนไฮเวย์ถูกปิดค้างอยู่บนถนนหลายชั่วโมง เสียเวลาเล่นสกีเลยครับ :~) :~) :~) พอไปถึงที่เล่นสกีวันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าต้องเปิดช้าไปหลายชั่วโมงเพราะต้องเคลียหิมะที่หนาเกินออกไปอีก โห วัยรุ่นเซ็งเลยครับ สำหรับ พายุทอร์นาโด เคยเฉียดใกล้ๆ ก็ตอนทำงานร้านอาหารญี่ปุ่นใน Arlington, Texas ครับ มีสองลูกเป็นแนวผ่านเหนือและใต้ของร้าน ห่างออกไปประมาณแค่ ครึ่งไมล์ ครับ ดูทีวีพยากรณ์อากาศกันตัวสั่น วิธีที่จะหลบได้ตอนนั้นก็วางแผนก็วิ่งเข้าตู้เย็นขนาด 3x4 เมตร (ที่เรียกกันว่า Walk In Cooler/Freezer) ที่อยู่ในร้านครับ แผ่นดินไหว ผมเจอบ่อยสุด ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ใหญ่สุดจำไม่ได้ว่าปีไหน บ้านผมพังไปทั้งหลัง ตึกแถวๆบ้าน จากสามชั้นเหลือแค่ชั้นเดียว ตอนนั้นเริ่มไหวประมาณตี5++ผมเตรียมตัวจะไปทำงานพอดี เสียใจด้วยครับพี่ แต่ดีใจด้วยที่ผ่านช่วงวิกฤตมาได้ด้วยดีครับ คุณพระคุ้มครอง ::014:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:10:23 AM แผ่นดินไหว ผมเจอบ่อยสุด ทั้งเล็กทั้งใหญ่ ใหญ่สุดจำไม่ได้ว่าปีไหน บ้านผมพังไปทั้งหลัง น่าจะเป็นปี 92 นะครับ ผมย้ายหลังแผ่นดินไหวครั้งนั้น ตึกแถวๆบ้าน จากสามชั้นเหลือแค่ชั้นเดียว ตอนนั้นเริ่มไหวประมาณตี5++ผมเตรียมตัวจะไปทำงานพอดี หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:21:03 AM big easy ( New Orlean ) ตอนนี้ไม่แนะนำให้ ใครไปเที่ยว อันครายครับ จี้ปล้นกันทุกวัน
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:24:40 AM สถานที่เล่นสกีในแคริฟอเนียมีหลายที่ คนในแอลเอส่วนใหญ่ก็จะไปกันที่big bear
ผมเองเล่นไม่เป็น แต่ลูกสาวเล่นเป็นเกือบทุกอย่าง (http://img510.imageshack.us/img510/7632/img0311ry0.jpg) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: SigPro-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 05:28:55 AM ว่างๆเดี๋ยวผมจะไปแคลิฟอร์เนียให้น้องเขาสอนเล่นสกีให้....จะได้ไหมครับ เพราะทุกวันนี้ทำได้แค่เอาฝาถังขยะมาเล่นหิมะแทนไสลด์เดอร์ ;D
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ธำรง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 05:58:32 AM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 07:50:29 AM Big bear ก็ต้องผ่านบ้านที่เคยอยู่ ทางขึ้น Big bear ก็ถนน waterman (หรือไปทาง Redland ก็ได้)ขึ้นเขามองขึ้นไป จะเห็นรูปหัวลูกศรคว่ำ Arrowhead Mountain
ขึ้นไปจะถึง Crestline ก่อน แยกออกทางขวา ก่อนแต่งงานเคยเช่า cabin 2ห้องนอนอยู่ 1 ปี หน้าร้อนอากาศดี แต่หน้าหนาวต้องมานั่งกวาดหิมะตอนเช้าๆ เลย Crestline ขึ้นไปก็มี Lake Arrowhead น่าเที่ยวครับ สวยมาก เลยขึ้นไปก็ Big bear รูปข้างล่างเป็น Arrowhead mountain บ้านที่ผมเคยอยู่ห่างจากตรงนั้น 5 ไมล์ ตามตำนานของชาวอินเดียนบอกว่า ลูกศรจากสรวงสวรรค์ เผาภูเขาให้เป็นรูปลูกศร เพี่อชี้ทางให้ชาวอินเดียนไปที่ตรงนั้น เพราะในรูปจะเห็นตึกอยู่ที่นั่นจะมี spring water ผุดขึ้นมาจากดิน ถือว่าเป็นน้ำศักดฺ์สิทธิ์รักษาโรคได้ ตึกที่เห็นเคยเป็นโรงแรมชั้นดี ครับ ว้าคุยไปคุยมาชักคิดถึง San Bernardino ซะแล้ว อิอิ (http://www.nestle-watersna.com/NR/rdonlyres/0AD03E19-2E34-418D-8B2D-94AEF06EE4CD/1001/arrowhead_mountain.jpg) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 07:52:01 AM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 10:04:50 AM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 08:22:10 PM อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ ต้อง ถูกหวยที่ อเมริกา ด้วยครับ หวยเมืองไทย ได้ไม่พอช๊อป อุปกรณ์ ปืน ที่โน่นครับ อิอิ ::011:: ::011:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 09:13:09 PM อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ ต้อง ถูกหวยที่ อเมริกา ด้วยครับ หวยเมืองไทย ได้ไม่พอช๊อป อุปกรณ์ ปืน ที่โน่นครับ อิอิ ::011:: ::011:: ::008:: ::008:: จริงด้วยครับ... แล้วไม่เคยซื้อ จะถูกมั๊ยเนี่ย ::005:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 09:47:52 PM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:18:51 PM big easy ( New Orlean ) ตอนนี้ไม่แนะนำให้ ใครไปเที่ยว อันครายครับ จี้ปล้นกันทุกวัน Big Easy ( New Orlean ) ผมเคยไปตอนก่อน ที่ แคทเธอรีน่า จะถล่ม ผมไปกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันที่โอกลาโฮม่า ขับรถไปกัน 2 คัน ไม่ได้เช่ารถไปเที่ยว เหมือนกับ ทริปที่ไป แกรนแคนย่อน New Orlean เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากครับ มี เรือ กลไฟ ที่มี คาสิโน อยู่บนเรือ ไปกินอาหาร สไตล์ นิวออรีนแท้ ๆ อย่าง กัมโบ กับโบ ที่เห็นในหนัง แต่พอกินแล้ว งงเลย เพราะ รสชาติเหมือนกับ แกงกะหรี่ กุ้ง ที่กินที่เมืองไทยเลย แต่เพื่อนผม ชอบ กุ้ง ใน ร้านอาหารที่นี่ มาก ผมจำชื่อไม่ได้ เค้าเรียก คลอ ฟิช อะไรประมาณนี้ แหล่ะครับ เป็น กุ้ง เปลือกแข็ง เนื้อแข็ง กินได้แต่ เนื้อ ไม่มีมันกุ้งเหมือนกุ้งเมืองไทย เมืองนี้ มีคนดำอยู่มากครับ บ้านเมืองส่วนใหญ่ ก็เป็น บ้านสไตล์ ยุโรป ยุคอาณานิคม เป็นเอกลักษณ์ มาก นิวออรีน เคยเป็น อาณานิคม ของ ฝรั่งเศษ เลยเอาชื้อ เมือง ออรีน (Orlean) มาเติมคำว่า New ใว้ข้างหน้า เหมือนกับ นิว ยอร์ค (New York) ที่เอาชื่อมาจาก เมือง York ของ อังกฤษ (เมื่อก่อน ชื่อ นิว อัมเตอร์ดัม ( Amsterdam)เพราะ เมืองนี้ เคยเป็นอาณานิคม ของ ชาวดัช หรือ เนเธอแลนด์ มาก่อน) อเมริกา ได้ นิวออรีน มาจาก ฝรั่งเศษ สมัย นโปเลียน ที่ขายเอาเงินไปรบกับ ประเทศ อังกฤษ ในยุโรป แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า ขายกันเท่าไหร่ ??? แต่ผม จำไม่ได้แล้วว่า ทำไม นิวยอร์ค ถึงได้ชื่อว่า Big Apple ?? รู้สึกว่า ยิ่งเล่า ยิ่ง โง่ ยังไงไม่รู้สิ มีอะไรที่ จำไม่ได้เยอะไปหมด เมื่อก่อน จำได้หมด ข้อมูลรกสมองพวกนี้ ::004:: ::004:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:40:30 PM โธ่ผมอยู่ที่นี่ทุกวันยังจำไม่ได้เลยครับ
อาหาร Cajun ผมชอบมาก แหม่มทำอร่อย อาหาร Cajun ที่ขึ้นชื่อก็ อีทูเฟ่ กัมโบ้ จัมบาลาย่า ตัวกุ้งที่ใช้เรียกว่า คลอแดด หรือ คลอฟิช รสชาติไม่เหมือนกุ้ง จะคาวกว่าและมันกว่า เนื้อแข็ง กัมโบ้ต้องกินหน้าหนาวครับ ใส่ คายาน เพ็พเป้อร์เยอะๆ อูยยยยยย ชาว New Orlean จะเรียกชื่อเมืองเค้า Norlean เป็นสำเนียงแบบนั้น พวก Cajun จะมีภาษพูดของเค้าเองด้วยครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:42:19 PM Big Apple http://en.wikipedia.org/wiki/Big_Apple (http://en.wikipedia.org/wiki/Big_Apple)
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:45:18 PM Big Apple เป็นชื่อที่นักดนตรี Jazz (สมัยก่อนโน้น) ผิวดำเขาเรียกกัน ทำไม? ไม่ทราบ ต้องถาม Google
Big Easy เริ่มเมื่อไรไม่ทราบ ใครมาถามผมก็บอกไม่ได้ ไม่รู้จักครับ รู้จักแต่ Crescent City Crayfish ออกเสียงว่า Crawfish คงเป็นภาษาฝรั่งเศส หัวโต กินเสร็จ ขยะที่เหลือมากกว่าตอนเริ่มกิน เขาขายห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:45:38 PM Crawfish ดูเหมือนตัว Lobster ที่ต้มแล้ว ;D
(http://farm1.static.flickr.com/162/433339334_03393eb9ed.jpg?v=0) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:52:10 PM ในรูปอย่างที่ป๋าบอกครับ ตั้งวงนั่งกิน Crawfish โดยปูโต๊ะด้วยหนังสือพิมพ์ เปลือกวางทิ้งบนหนังสือพิมพ์ เสร็จก่อนรวบไปทิ้ง
ที่ Walmart ใกล้ๆบ้าน มีขายต้มให้แล้วผสม cajun seasoning ให้ด้วยกินได้เลย แต่ เป็นตัว Crawfish ที่เข้ามาจากเมืองจีนหรือเมืองไทยครับ ::007:: ::007:: ::007:: ::008:: ::008:: (http://farm1.static.flickr.com/44/109883609_b9630a0b04.jpg?v=0) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:53:41 PM Crawfish ดูเหมือนตัว Lobster ที่ต้มแล้ว ;D (http://farm1.static.flickr.com/162/433339334_03393eb9ed.jpg?v=0) โอ๊ย เห็นภาพ แล้ว หิวเลยครับ :D~ :D~ :D~ ไอ้เจ้านี่ น่ะ เวลา กิน ยาก เนื้อก็นิดเดียว แต่ เนื้อ แข็ง เคี๊ยวมันครับ :D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 11:55:24 PM Crawfish ดูเหมือนตัว Lobster ที่ต้มแล้ว ;D (http://farm1.static.flickr.com/162/433339334_03393eb9ed.jpg?v=0) โอ๊ย เห็นภาพ แล้ว หิวเลยครับ :D~ :D~ :D~ ไอ้เจ้านี่ น่ะ เวลา กิน ยาก เนื้อก็นิดเดียว แต่ เนื้อ แข็ง เคี๊ยวมันครับ :D~ :D~ :D~ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:03:03 AM คุณ 686 จำ Parris lake ได้ไหมครับใกล้ๆ Helmet น่ะครับ เมื่อก่อนเป็นที่นิยมของคนเอเชียไปเที่ยวค้างคืน
ที่นั้นมี Crawfish ครับ แต่เกือบสูญพันธุ์เพราะคนไทย 55555 ต้มจิ้มน้ำปลาพริก แก้มเหล้า หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:04:34 AM Jerry Miculek เป็น Cajun ครับ (คนที่ร้าน Clark's Custom Guns บอกผม) ผมโทรศัพท์ไปถามว่าเขาออกเสียงชื่ออย่างไร (สงสัยจะเป็นนาย Jumbo) ผมคาดว่าเป็น Czech คนทีเมือง West ใน Texas (ใกล้ๆ Leroy และ Waco) เป็น Czech ทั้งเมือง นามสกุลลงท้ายด้วย _ek มีขนมอร่อยชื่อ Colojidz ผมสะกดผิดแน่ๆ
อาหาร Cajun ผมก็ชอบครับ เคยกิน Jambalaya ใน New Orleans ครั้งหนึ่ง และที่ Morgan City ครั้งหนึ่ง คราวนี้หลายอย่าง ภรรยาไม่ชอบ คิดว่าเขาทำเหมืองหรืออะไรสักอย่างที่นี่ มีร้านหลายแห่งติดลูกกรงเหล็ก ไม่ทราบว่ากลัวโจรหรือกลัวตำรวจ Louisiana เป็นรัฐที่มีการ Corruption อย่างใหญ่หลวง Morgan City อยู่บน Highway 90 และโค้งเข้า Texas ที่ Van Horn หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:11:38 AM New Orleans ตอนนี้แย่เลยครับป๋า ตำรวจคุ้มไม่อยู่แล้วครับ
งาน Mardi gras ( มาดี้กรอ) จ้างให้ผมก็ไม่ไปขนาดธรรมดาก็แย่แล้ว ช่วงนี้คงหนักกว่าเก่า ก่อนโดนพายุถล่ม ผมกะทีน่า ก็ว่าจะไปเที่ยว คงต้องรอให้กลับเข้าสภาพเดิมก่อนล่ะครับ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:40:17 AM ที่ Long Island ใน New York มีหอยแมลงภู่ อยู่บนพื้นทราย ตัวอ้วน ไม่มีใครจับกิน คนไทยคนฟิลิปปินส์เห็นเข้า เอามากิน ภรรยาเอาต้มแล้วกินไม่ได้ มีทราย ได้ความว่าต้องแช่น้ำหนึ่งคืน (คงต้องน้ำทะเลด้วยกระมังครับ) มันจะคายทรายออกมา
ผมว่ามันสกปรก เพราะอยู่กับพื้น ของเรามันจับไม้โป๊ะอยู่ในน้ำ สอาด ไปเก็บ Cherries ที่ Palmdale, California ฟิลิปปินส์เห็น Gopher Snake หวดด้วยไม้แน่นิ่งไป เจ้าของสวนโกรธมาก เพราะมันจับกินตัว Gopherให้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 03:28:15 AM คุณ 686 จำ Parris lake ได้ไหมครับใกล้ๆ Helmet น่ะครับ เมื่อก่อนเป็นที่นิยมของคนเอเชียไปเที่ยวค้างคืน ที่นั้นมี Crawfish ครับ แต่เกือบสูญพันธุ์เพราะคนไทย 55555 ต้มจิ้มน้ำปลาพริก แก้มเหล้า พี่ชาย ผมอยู่ Hemet ครับ แต่ ผม ไม่เคยไป Parris lake ครับ แต่ตอนนี้ มี Diamond Valley Lake เป็นทะเลสาป ที่มนุษย์ สร้างขึ้น ใหญ่ที่สุดในโลก โดยผันน้ำมาจาก แม่น้ำ โคโลราโด้ ทะเลสาป Diamond Valley Lake อยู่ทางใต้ของ Hemet ไปนิดเดียว ครับ อยู่ข้าง ๆ ไฮเวย์ 79 ตอนผมไป อเมริกา เค้ากำลังสร้าง เขื่อนอยู่เลย สร้างเสร็จก่อนผมกลับครับ Diamond Valley Lake-- Southern Californias newest and largest reservoir-- is a vital link in the regional system thats brought water to Southern California for the past 60 years. The lake nearly doubled the areas surface water storage capacity and provided additional water supplies for drought, peak summer and emergency needs. หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 16, 2007, 03:53:28 AM ผมอยู่แคริฟอเนียยังไม่เคยไปเลย คงต้องหาโอกาสไปดูซะหน่อย เดี๋ยวเสียชื่อหมด
แบบว่าใกล้เกลือกินด่าง ;D จริงๆผมอยู่ที่นี่ก้ไม่ค่อยได้ไปไหน มีเพื่อนมาถึงได้พากันไปเที่ยว ติดนิสัยรักบ้าน หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: นาจา™รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2007, 06:33:45 AM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ 5555รอจิ๊กอีกสักปี ไม่เอามาลงปืนหมด คงได้ไปครับ อิอิ ::008:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 11:58:23 AM คุณ 686 จำ Parris lake ได้ไหมครับใกล้ๆ Helmet น่ะครับ เมื่อก่อนเป็นที่นิยมของคนเอเชียไปเที่ยวค้างคืน ที่นั้นมี Crawfish ครับ แต่เกือบสูญพันธุ์เพราะคนไทย 55555 ต้มจิ้มน้ำปลาพริก แก้มเหล้า พี่ชาย ผมอยู่ Hemet ครับ แต่ ผม ไม่เคยไป Parris lake ครับ แต่ตอนนี้ มี Diamond Valley Lake เป็นทะเลสาป ที่มนุษย์ สร้างขึ้น ใหญ่ที่สุดในโลก โดยผันน้ำมาจาก แม่น้ำ โคโลราโด้ ทะเลสาป Diamond Valley Lake อยู่ทางใต้ของ Hemet ไปนิดเดียว ครับ อยู่ข้าง ๆ ไฮเวย์ 79 ตอนผมไป อเมริกา เค้ากำลังสร้าง เขื่อนอยู่เลย สร้างเสร็จก่อนผมกลับครับ Diamond Valley Lake-- Southern Californias newest and largest reservoir-- is a vital link in the regional system thats brought water to Southern California for the past 60 years. The lake nearly doubled the areas surface water storage capacity and provided additional water supplies for drought, peak summer and emergency needs. หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:08:13 PM GPS ใช้แบบคร่าวๆไม่มีหลง แต่ก็มีที่ไม่ได้อัพดท ก็มีปัญหาครับ ของ Tom tom จะ อัพเดทตลอดเวลา และละเอียดครับ ถ้าไม่ใช้ GPS ก็ใช้เว็ปนี้ครับ เป็นเว็ปบอกทางให้ พิมพ์ออกมาเป็นแผนที่ได้เลย จะบอกให้ว่าเลี้ยวที่ไหน อีกไกลไหม ไปถนนไหนอะไรแบบนั้นครับ www.mapquest.com พี่ธำรงมาเที่ยวบอกด้วยนะครับ ขอบคุณคุณเจษครับ ::014:: จะหาโอกาสเที่ยวบ้างครับ ปกติมีแต่งาน..เจอแต่สนามบิน-โรงแรม-ห้องประชุม อ่านที่เล่า..ดูที่รูปแล้วอิจฉา :) อยากเหมือนกันรอถูกหวยก่อน ::008:: :D~ 5555รอจิ๊กอีกสักปี ไม่เอามาลงปืนหมด คงได้ไปครับ อิอิ ::008:: หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:42:39 PM Diamond Valley Lake ที่ว่า ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้หมายถึง ปริมาณน้ำ หรือ สันเขื่อนครับ แต่เป็น ทะเลสาปที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งหมดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะ บริเวณนี้ เป็น หุบเขา กลางทะเลทราย ไม่มีแหล่งน้ำเลย ต้อง ขุดอุโมง ไปผันน้ำจาก แม่น้ำโคโลราโด้ มาเติมในทะเลสาป ทั้ง ๆ ที่ แม่น้ำสายนี้ ไม่มีส่วนใดผ่าน รัฐ แคลิฟลอเนียเลย
ในอดีต แม่น้ำโคโลราโด้ ไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโก แต่ปัจจุบัน แม่น้ำสายนี้ ไม่มีน้ำไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโกเลยแม้แต่หยดเดียว ถูก ชาว อเมริกัน กับ แม็กซิกัน ช่วยกันใช้ จนแม่น้ำแห้ง ก่อนลงอ่าว แม็กซิโก สาเหตุที่สำคัญ มาจาก เขื่อน ฮูเวอร์ แดม และ Diamond Valley Lake นี่ด้วย ที่กักน้ำส่วนใหญ่ ใว้ในดินแดน สหรัฐ รวมถึง การทำการ เกษตร แบบ อุตสาหกรรม ใน สหรัฐ ที่ใช้น้ำมากกว่าในอดีตด้วย หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 16, 2007, 02:59:53 PM Diamond Valley Lake ที่ว่า ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้หมายถึง ปริมาณน้ำ หรือ สันเขื่อนครับ แต่เป็น ทะเลสาปที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งหมดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะ บริเวณนี้ เป็น หุบเขา กลางทะเลทราย ไม่มีแหล่งน้ำเลย ต้อง ขุดอุโมง ไปผันน้ำจาก แม่น้ำโคโลราโด้ มาเติมในทะเลสาป ทั้ง ๆ ที่ แม่น้ำสายนี้ ไม่มีส่วนใดผ่าน รัฐ แคลิฟลอเนียเลย คล้ายๆแม่น้ำจอร์แดนเลยครับพี่ แม่น้ำจอร์แดนไหล่ผ่านอิสราเอลแค่6% เซ็นต์ของความยาวทั้งหมดแต่ยิวใช้น้ำในแม่น้ำจอร์แดน70% ผันน้ำส่งผ่านท่อส่งน้ำไปเพาะปลูกพืชในทะเลทรายทางตอนใต้ของประเทศ กรณีแม่น้ำจอร์แดนนี่รบกันหลายรอบแล้วครับ ในอดีต แม่น้ำโคโลราโด้ ไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโก แต่ปัจจุบัน แม่น้ำสายนี้ ไม่มีน้ำไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโกเลยแม้แต่หยดเดียว ถูก ชาว อเมริกัน กับ แม็กซิกัน ช่วยกันใช้ จนแม่น้ำแห้ง ก่อนลงอ่าว แม็กซิโก สาเหตุที่สำคัญ มาจาก เขื่อน ฮูเวอร์ แดม และ Diamond Valley Lake นี่ด้วย ที่กักน้ำส่วนใหญ่ ใว้ในดินแดน สหรัฐ รวมถึง การทำการ เกษตร แบบ อุตสาหกรรม ใน สหรัฐ ที่ใช้น้ำมากกว่าในอดีตด้วย หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 05:02:57 PM อียิปต์ ตอนนี้ มีโครงการ คล้าย ๆ กันครับ โดนกำลัง เจาะภูเขาวางท่อส่งน้ำ ที่ผันน้ำจากเขื่อน อัสวาน ไป ยังทะเลทรายที่แห้งแล้ง เพื่อทำการเพาะปลูก คาดว่า จะทำให้ พื้นที่เพาะปลูก ของ อียิปต์ เพิ่มขึ้น อีกกว่า เท่าตัว เมื่อ โครงการนี้สำเร็จ แต่เป็น โครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่า สร้างเขื่อน อัสวานเสียอีก
เขื่อน ฮูเวอร์ เคยครองตำแหน่งเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มานาน จนตอนนี้ เขื่อน สามผา ในจีน แซงหน้าไปทุกอย่าง แต่ก็มีปัญหามากกว่า เขื่อน ฮูเวอร์ ด้วย ทั้ง เรื่อง ผลกระทบ ต่อ ประชาชนที่อาศัยอยู่เหนือเขื่อน ที่กระทบกว่า 1 ล้านคน รวมถึงโบราณสถานหลายแห่ง ที่อยู่ข้างลำน้ำ แต่ที่น่าห่วงคือ ตะกอนที่มากับน้ำ จะทำให้ก้นอ่าง ตื้นเขิน ตอนนี้ จีน ก็มีโครงการณ์ ที่จะสร้างเขื่อนเพิ่มอีก หลายสิบแห่ง ทั่งประเทศ แต่โครงการที่น่าสนใจคือ โครงการที่จะผันน้ำจาก เขื่อน 3 ผา ไปยังดินแดนแห้งแล้ง ทางทิศ ตะวันตกของ จีน เมื่อเกิดน้ำหลาก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: USP40 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 08:11:24 PM Diamond Valley Lake ที่ว่า ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้หมายถึง ปริมาณน้ำ หรือ สันเขื่อนครับ แต่เป็น ทะเลสาปที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ ทั้งหมดที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะ บริเวณนี้ เป็น หุบเขา กลางทะเลทราย ไม่มีแหล่งน้ำเลย ต้อง ขุดอุโมง ไปผันน้ำจาก แม่น้ำโคโลราโด้ มาเติมในทะเลสาป ทั้ง ๆ ที่ แม่น้ำสายนี้ ไม่มีส่วนใดผ่าน รัฐ แคลิฟลอเนียเลย นั่นแหละครับ Diamond Valley lake เป็น Largest man made lake in Southern California แต่ Owen falls Uganda เป็น World largest man made lake ครับ แถวบ้านก็มีชื่อ Hartwell lake ข้างใต้เป็นเมืองทั้งเมืองที่ย้ายคนออกแล้ว ทำเชื่อนครับในอดีต แม่น้ำโคโลราโด้ ไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโก แต่ปัจจุบัน แม่น้ำสายนี้ ไม่มีน้ำไหลลงสู่ อ่าวแม็กซิโกเลยแม้แต่หยดเดียว ถูก ชาว อเมริกัน กับ แม็กซิกัน ช่วยกันใช้ จนแม่น้ำแห้ง ก่อนลงอ่าว แม็กซิโก สาเหตุที่สำคัญ มาจาก เขื่อน ฮูเวอร์ แดม และ Diamond Valley Lake นี่ด้วย ที่กักน้ำส่วนใหญ่ ใว้ในดินแดน สหรัฐ รวมถึง การทำการ เกษตร แบบ อุตสาหกรรม ใน สหรัฐ ที่ใช้น้ำมากกว่าในอดีตด้วย http://www.infoplease.com/askeds/largest-man-made-lake.html (http://www.infoplease.com/askeds/largest-man-made-lake.html) http://www.oldtemecula.com/lakes/reservoir.html (http://www.oldtemecula.com/lakes/reservoir.html) อ้างถึง With the lake 2/3s full and 140 feet deep in places that seems like a long wait to allow for shore fishing and perhaps some limited boat fishing access. The huge reservoir, which is located near Hemet, was created by building long dams at the mouths of two valleys that drain off the north end of Black Mountain. The dams block off the Diamond and Domenigoni valleys to create the largest reservoir in Southern California, one that will hold 800,000 acre feet of water when full. It is currently filled with about 570,000 acre feet. หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 09:36:14 PM อิอิ ข้อมูลผม ไม่อัพเดท อิอิ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 16, 2007, 10:58:47 PM อียิปต์ ตอนนี้ มีโครงการ คล้าย ๆ กันครับ โดนกำลัง เจาะภูเขาวางท่อส่งน้ำ ที่ผันน้ำจากเขื่อน อัสวาน ไป ยังทะเลทรายที่แห้งแล้ง เพื่อทำการเพาะปลูก คาดว่า จะทำให้ พื้นที่เพาะปลูก ของ อียิปต์ เพิ่มขึ้น อีกกว่า เท่าตัว เมื่อ โครงการนี้สำเร็จ แต่เป็น โครงการที่ใช้เงินลงทุนสูงกว่า สร้างเขื่อน อัสวานเสียอีก โปรเจคนี้มีมาตั้งแต่สมัยนาสเซอร์แล้วครับถ้าทำสำเร็จอียิปต์จะมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรขนาดใหญ่ถึง2 แห่ง ครอบคลุมทั้งอียิปต์บน อียิปต์ล่าง(คนอียิปต์เรียกต้อนใต้ของประเทศว่าอียิปต์ล่างตามทิศทางการไหลของแม่น้ำไนล์)ครับ ผมเคยดูสารคดีใน ubc แต่ไม่มีเงินทำครับเขื่อน ฮูเวอร์ เคยครองตำแหน่งเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลก มานาน จนตอนนี้ เขื่อน สามผา ในจีน แซงหน้าไปทุกอย่าง แต่ก็มีปัญหามากกว่า เขื่อน ฮูเวอร์ ด้วย ทั้ง เรื่อง ผลกระทบ ต่อ ประชาชนที่อาศัยอยู่เหนือเขื่อน ที่กระทบกว่า 1 ล้านคน รวมถึงโบราณสถานหลายแห่ง ที่อยู่ข้างลำน้ำ แต่ที่น่าห่วงคือ ตะกอนที่มากับน้ำ จะทำให้ก้นอ่าง ตื้นเขิน ตอนนี้ จีน ก็มีโครงการณ์ ที่จะสร้างเขื่อนเพิ่มอีก หลายสิบแห่ง ทั่งประเทศ แต่โครงการที่น่าสนใจคือ โครงการที่จะผันน้ำจาก เขื่อน 3 ผา ไปยังดินแดนแห้งแล้ง ทางทิศ ตะวันตกของ จีน เมื่อเกิดน้ำหลาก หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 11:35:56 PM นอกจาก ผันน้ำจากเขื่อน อัสวา ไปยังทะเลทรายแล้ว อียิปต์ ยังมีโครงการ ขุดคคลอง ซูเอส เป็นคลอง ขนานกับคลองเดิม เพื่อให้การเดินเรือในคลอง ซูเอส เป็นแบบ ไปทาง มาอีกทาง เพราะ ปัจจุบันต้องมีการ สลับสับหลีก ทางเดินเรือ เพราะ คลอง ซูเอส ขุดให้เรือผ่านได้เพียงลำเดียว แต่ในบางช่วง จะเป็นทะเลสาบ หรือ ช่อง สับหลีก ทำให้เรือ สวนกันได้
โครงการใหญ่ ๆ ของโลกที่จะทำ หรือ ไม่ ก็คือ คอคอดกระ นี่แหล่ะ ที่จะทำหรือไม่ เพราะ ตอนนี้ ช่องแคบ มะละกา เริ่มแออัด และ ทำให้เรือเดินทะเลเสียเวลาอ้อม ช่องแคบ มะละกา หากผ่านไทย จะประหยัดเวลาไปได้หลายวัน คิดเป็นเงินค่าน้ำมัน มากโขอยู่ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 'por ที่ ธันวาคม 17, 2007, 12:50:03 AM นอกจาก ผันน้ำจากเขื่อน อัสวา ไปยังทะเลทรายแล้ว อียิปต์ ยังมีโครงการ ขุดคคลอง ซูเอส เป็นคลอง ขนานกับคลองเดิม เพื่อให้การเดินเรือในคลอง ซูเอส เป็นแบบ ไปทาง มาอีกทาง เพราะ ปัจจุบันต้องมีการ สลับสับหลีก ทางเดินเรือ เพราะ คลอง ซูเอส ขุดให้เรือผ่านได้เพียงลำเดียว แต่ในบางช่วง จะเป็นทะเลสาบ หรือ ช่อง สับหลีก ทำให้เรือ สวนกันได้ โครงการใหญ่ ๆ ของโลกที่จะทำ หรือ ไม่ ก็คือ คอคอดกระ นี่แหล่ะ ที่จะทำหรือไม่ เพราะ ตอนนี้ ช่องแคบ มะละกา เริ่มแออัด และ ทำให้เรือเดินทะเลเสียเวลาอ้อม ช่องแคบ มะละกา หากผ่านไทย จะประหยัดเวลาไปได้หลายวัน คิดเป็นเงินค่าน้ำมัน มากโขอยู่ แล้วทำไมเมืองไทยไม่ขุดคอคอดกระเสียทีละครับ ::004:: ::004:: ::004:: รายได้เข้าประเทศมหาศาล หรือว่า กลัวเรื่องความมั่นคง กลัวว่าจะหาทางมุบมิบงบประมาณไม่ได้ หรือว่า ประเทศที่เป็นเกาะปลายแหลมมลายูมาจ่ายเงินใต้โต้ะให้รัฐบาลไทยเพื่อไม่ให้สร้างเนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีเรือผ่านประเทศตนเองแล้วจะเสียรายได้ เหมือนที่มีข่าวว่าประเทศที่มีบ่อนคาสิโนในทั้งใกล้และไกลบ้านเรามาจ่ายเงินสินบนให้ใครบางคนมาเคลื่อนไหวไม่ให้สร้างคาสิโนในบ้านเราโดยหาว่าผิดศีลธรรม ซึ่งคนที่อ้างว่ามีศีลธรรมก็รับเงินเขามาเหมือนกันแหละ :<< :<< :<< หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 17, 2007, 01:00:34 AM นอกจาก ผันน้ำจากเขื่อน อัสวา ไปยังทะเลทรายแล้ว อียิปต์ ยังมีโครงการ ขุดคคลอง ซูเอส เป็นคลอง ขนานกับคลองเดิม เพื่อให้การเดินเรือในคลอง ซูเอส เป็นแบบ ไปทาง มาอีกทาง เพราะ ปัจจุบันต้องมีการ สลับสับหลีก ทางเดินเรือ เพราะ คลอง ซูเอส ขุดให้เรือผ่านได้เพียงลำเดียว แต่ในบางช่วง จะเป็นทะเลสาบ หรือ ช่อง สับหลีก ทำให้เรือ สวนกันได้ โครงการใหญ่ ๆ ของโลกที่จะทำ หรือ ไม่ ก็คือ คอคอดกระ นี่แหล่ะ ที่จะทำหรือไม่ เพราะ ตอนนี้ ช่องแคบ มะละกา เริ่มแออัด และ ทำให้เรือเดินทะเลเสียเวลาอ้อม ช่องแคบ มะละกา หากผ่านไทย จะประหยัดเวลาไปได้หลายวัน คิดเป็นเงินค่าน้ำมัน มากโขอยู่ แล้วทำไมเมืองไทยไม่ขุดคอคอดกระเสียทีละครับ ::004:: ::004:: ::004:: รายได้เข้าประเทศมหาศาล หรือว่า กลัวเรื่องความมั่นคง กลัวว่าจะหาทางมุบมิบงบประมาณไม่ได้ หรือว่า ประเทศที่เป็นเกาะปลายแหลมมลายูมาจ่ายเงินใต้โต้ะให้รัฐบาลไทยเพื่อไม่ให้สร้างเนื่องจากกลัวว่าจะไม่มีเรือผ่านประเทศตนเองแล้วจะเสียรายได้ เหมือนที่มีข่าวว่าประเทศที่มีบ่อนคาสิโนในทั้งใกล้และไกลบ้านเรามาจ่ายเงินสินบนให้ใครบางคนมาเคลื่อนไหวไม่ให้สร้างคาสิโนในบ้านเราโดยหาว่าผิดศีลธรรม ซึ่งคนที่อ้างว่ามีศีลธรรมก็รับเงินเขามาเหมือนกันแหละ :<< :<< :<< หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 17, 2007, 01:38:37 AM เรื่อง คอคอดกระ เป็น เรื่อง ละเอียดอ่อน ครับ มันเกี่ยวกับ การเมือง มากกว่า เรื่องอื่น ครับ
เรื่อง เงินทุน แค่รัฐบาล ประกาศว่า จะทำ รับรองได้ว่า จะมีบริษัท ข้ามชาติ ไม่ต่ำกว่า 5 - 6 บริษัท เข้ามาเสนอตัว เพราะ โครงการนี้ เป็นโครงการที่ ทำทีเดียว กินไปทั้ง ชาติ เรื่อง เทคนิค ยิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่ เพราะ ขนาด คลอง ซูเอส ที่มีภูเขา และ หินแข็ง ยังทำได้เลย เรื่อง การแบ่งแยกดินแดน ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะ เหมือนกับ มีแม่น้ำขวางเอง เรื่อง แรงงาน ยิ่งไม่น่าห่วง เพราะ ประเทศไทย มีแรงงานฝีมือมาก แต่เรื่อง การเมือง ผมยังไม่เห็นเลยว่า รัฐบาล ไหนจะทำ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Sundance ที่ ธันวาคม 17, 2007, 01:39:04 AM ผมอยู่แคลิฟอเนียยังไม่เคยไปเลย คงต้องหาโอกาสไปดูซะหน่อย เดี๋ยวเสียชื่อหมด แบบว่าใกล้เกลือกินด่าง ;D จริงๆผมอยู่ที่นี่ก้ไม่ค่อยได้ไปไหน มีเพื่อนมาถึงได้พากันไปเที่ยว ติดนิสัยรักบ้าน ผมก็เหมือนคุณ Boon เราอยู่ที่นี่ จะไปเมื่อไรก็ได้ (จริงแล้วต้องทำงานครับและไม่มีเงินเหลือให้เที่ยว) วันพฤหัสที่เงินเดือนออก ผมไปทำงาน มีแค่เศษเหรียญในกระเป๋า ภรรยาจูงลูกไปรับที่ Subway แล้วเข้า Supermarket ซื้อ Groceries การใช้ Subway ทำให้ไม่อยากไปไหนอีกใน weekends ภรรยาอยู่บ้านมา 5 วัน ก็อยากออก ผมไม่มีรถยนต์ เคยถูกขะโมยไป 2 คัน weekends ส่วนใหญ่ใช้ในการดูหนังสือเรียน บางทีออกจากประตู Apartment แค่เอาขยะไปทิ้ง เริ่ม semester ใหม่ กลับจากโรงเรียน ภรรยาจะทอด steak ให้ทาน ไม่คบหาสมาคมกับใคร อยู่ Los Angeles มีความสุขมากกว่า New York City จะไปไหนก็ขับรถไป เคยไป Tijuana ครั้งหนึ่ง Las Vegas ครั้งหนึ่ง เท่านั้นเองครับ มีบ้าน แล้วฟ้าผ่า โดนออกจากงาน เรียกว่าโดนโละทิ้งกันทั้งบริษัท ทุกเมืองที่มีสาขา หลังจากนั้นเขาเอาออกอีก 2 ระลอก ผมหางานประกันภัยทำไม่ได้ ไปเป็นเสมียนบัญชี สบายมากครับ งานระดับล่าง ไม่มีอะไรรกสมอง กลับบ้านหัวว่างโล่ง weekends ก็เป็น weekends จริงๆ ไม่มีความกังวลอะไรเลย ซื้อปืนก็เพราะนาย Richard Ramirez Serial Killer แล้วก็ถึงเวลาต้องกลับกรุงเทพอย่างไม่รู้ตัว ได้ offerงานครับ แต่กลับมาแล้วผู้ offer ไม่ยอมพูดด้วย เคยได้ยิน เขาบอกลาภทางไกล อย่าไปเลยไหมครับ อยู่กรุงเทพ 4 เดือน บุญวาสนาทำให้ผมได้งานเป็น General Manager ของบริษัทนายหน้าประกันภัย ทำอยู่ 2 ปี 8 เดือน บุญเก่าทำให้ผมไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ผมอายุ 54 ก็ 18 ปีมาแล้วครับ สุขภาพไม่ดี หลายโรค กลางคืนกำลังนอน มีคนมาเยี่ยมบ่อย เป็นประจำละครับ ไม่ทราบว่าของจริง หรือ Hallucination เพราะฤทธิ์ยา เป็นฝรั่งส่วนใหญ่ ตอนนี้กำลังรอครับ ไปเมื่อไรก็ได้ ไม่มีห่วงแล้ว หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 17, 2007, 10:51:01 AM โห...
ไม่ได้เข้ามาแป๊บเดียว กระทู้นี้มาไกลครับ... เย้ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: naisomchai ที่ ธันวาคม 17, 2007, 11:05:10 AM เรียนคุณสมชาย (ฮา) อีกทริปวิ่งผ่าทะเลทรายเนวาด้าตรงดิ่งไป CA คงจะเป็น US 50 ... The Loneliest Road in America ... เส้นทางนี้ตลอดทางแทบไม่เห็นใครเลย ผมมาจาก Reno เข้าเส้นทางที่ Fernley ไปหา Utah วิ่งได้ไม่นานก็โดนหาว่าบ้า โกรธมากจนเสียสติ นอนที่ Ely ระหว่างทาง "มิสกรีน" หรือ "ดูมิสกรีน" นึกไม่ออก อยู่ที่ไหนครับ ดูเหมือนจะเคยเล่าให้คุณสมชายฟังว่า เคยถูกรถที่สวนมาวิ่งตรงเข้าใส่ ตอนใต้ของ Utah ในเขต Indian Reservation (ผมกำลังจะไป Four Corners) ถนนแบบสวนกัน ผมคิดว่าเขาหลับ ผมเห็นเขานานพอสมควร ดูรูปการณ์แล้ว เขาชนแน่ แม้ผมจะจอดก็ตาม ผมน่าจะบีบแตร หรือเปิดไฟใส่ ก็ไม่ได้ทำ จวนตัว ผมออกซ้าย ใจไม่ดีเลย เพราะผิดเต็มประตู เขาก็ตรงเข้ามาและลงข้างทางไปเลยครับ ดินอ่อน ลงไปแล้วล้อจมดิน หยุดเลย ผมอยากหยุดลงไปช่วย ภรรยาไม่ยอม กลัวโดนแย่งรถ บอกว่าถ้าเขาฆ่าเรา ก็คงอีก 2 อาทิตย์กว่าจะพบศพ ถ้าภรรยาคุณสมชายได้คุยกับภรรยาผมคงสนุก เราสองคนได้นั่งหัวเราะ ฟังเขาคุย เรียนคุณลุงครับ... มิสกรีน... นายสมชายหมายถึงเทพีเสรีภาพครับ คือทั้งตัวเธอเขียวปี๋จากสนิมทองแดงกระมังครับ... นายสมชายเรียกชื่อนี้ติดปากเพราะเคยได้ยินเด็กฝรั่งคนนึงเรียกครับ... หากให้คุณป้าคุยกับเมียนายสมชาย นายสมชายคงไม่กล้าหัวเราะครับ... แฮ่ๆ... ถนนที่วิ่งตรงดิ่งเข้าไปเมืองลาสเวกัสครับ... นายสมชายจำไม่ได้ว่าเป็น I หมายเลขอะไร แต่จำได้ว่าเป็นเลขคู่... วิ่งตรงดิ่งแบบยิงปืนใหญ่ใส่เมืองลาสเวกัสแต่ไกล ลูกปืนไม่ออกซ้าย ไม่ออกขวา ถ้ายิงไม่ถึงเมือง... ลูกปืนก็จะตกลงใส่ถนนครับ คือตรงดิ่งเหมือนเอาเชือกมาขึงเชียว ขับตรงๆ เหมือนรถยนต์ไม่ต้องมีพวงมาลัยก็ขับถึงเมืองครับ... จำได้ว่านายสมชายเหยียบแช่ที่ 75 ไมล์ไหลต่อกับคันอื่นเป็นแพตั้งแต่น้ำมันเต็มถังจนเกือบหมดถังครับ... ก่อนเข้าลาสเวกัสเห็นไฟโร่สว่างจับท้องฟ้าแต่ไกล ถนนลงเนินวิ่งเข้าหากลางแอ่งเป็นเมืองลาสเวกัส... ตอนนั้นนึกถึงเมืองไทยกำลังประหยัดไฟฟ้าแล้วรู้สึกพิลึกครับ... ฮา หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ออด ที่ ธันวาคม 17, 2007, 04:09:53 PM เข้ามากระทู้นี้เหมือนได้ไปเที่ยวอเมริกาเลย ดีครับ
หากมีโอกาสจะเก็บเงินไปเที่ยวดูบ้านดูเมืองเขาสักหน่อย ไม่รู้ว่าจะมีวาสนาได้ไปไหมนะ...ฮ่า ๆ ๆ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 17, 2007, 05:24:04 PM ผมอยู่แคลิฟอเนียยังไม่เคยไปเลย คงต้องหาโอกาสไปดูซะหน่อย เดี๋ยวเสียชื่อหมด แบบว่าใกล้เกลือกินด่าง ;D จริงๆผมอยู่ที่นี่ก้ไม่ค่อยได้ไปไหน มีเพื่อนมาถึงได้พากันไปเที่ยว ติดนิสัยรักบ้าน ผมก็เหมือนคุณ Boon เราอยู่ที่นี่ จะไปเมื่อไรก็ได้ (จริงแล้วต้องทำงานครับและไม่มีเงินเหลือให้เที่ยว) วันพฤหัสที่เงินเดือนออก ผมไปทำงาน มีแค่เศษเหรียญในกระเป๋า ภรรยาจูงลูกไปรับที่ Subway แล้วเข้า Supermarket ซื้อ Groceries การใช้ Subway ทำให้ไม่อยากไปไหนอีกใน weekends ภรรยาอยู่บ้านมา 5 วัน ก็อยากออก ผมไม่มีรถยนต์ เคยถูกขะโมยไป 2 คัน weekends ส่วนใหญ่ใช้ในการดูหนังสือเรียน บางทีออกจากประตู Apartment แค่เอาขยะไปทิ้ง เริ่ม semester ใหม่ กลับจากโรงเรียน ภรรยาจะทอด steak ให้ทาน ไม่คบหาสมาคมกับใคร อยู่ Los Angeles มีความสุขมากกว่า New York City จะไปไหนก็ขับรถไป เคยไป Tijuana ครั้งหนึ่ง Las Vegas ครั้งหนึ่ง เท่านั้นเองครับ มีบ้าน แล้วฟ้าผ่า โดนออกจากงาน เรียกว่าโดนโละทิ้งกันทั้งบริษัท ทุกเมืองที่มีสาขา หลังจากนั้นเขาเอาออกอีก 2 ระลอก ผมหางานประกันภัยทำไม่ได้ ไปเป็นเสมียนบัญชี สบายมากครับ งานระดับล่าง ไม่มีอะไรรกสมอง กลับบ้านหัวว่างโล่ง weekends ก็เป็น weekends จริงๆ ไม่มีความกังวลอะไรเลย ซื้อปืนก็เพราะนาย Richard Ramirez Serial Killer แล้วก็ถึงเวลาต้องกลับกรุงเทพอย่างไม่รู้ตัว ได้ offerงานครับ แต่กลับมาแล้วผู้ offer ไม่ยอมพูดด้วย เคยได้ยิน เขาบอกลาภทางไกล อย่าไปเลยไหมครับ อยู่กรุงเทพ 4 เดือน บุญวาสนาทำให้ผมได้งานเป็น General Manager ของบริษัทนายหน้าประกันภัย ทำอยู่ 2 ปี 8 เดือน บุญเก่าทำให้ผมไม่ต้องทำงานอีกแล้ว ผมอายุ 54 ก็ 18 ปีมาแล้วครับ สุขภาพไม่ดี หลายโรค กลางคืนกำลังนอน มีคนมาเยี่ยมบ่อย เป็นประจำละครับ ไม่ทราบว่าของจริง หรือ Hallucination เพราะฤทธิ์ยา เป็นฝรั่งส่วนใหญ่ ตอนนี้กำลังรอครับ ไปเมื่อไรก็ได้ ไม่มีห่วงแล้ว ว่างๆจะได้คุยให้พวกผมฟังอีกบ่อยๆ อยู่บ้านเราก็ดีนะครับผมชอบมาก เวลาต้องไปไกลๆนานๆก็อยากรีบกลับครับจนเดี๋ยวนี้ไปแค่เดือนนึงก็อยากกลับบ้านแล้ว :-) หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 17, 2007, 06:09:04 PM อ่านชีวิต ของ ป๋า Sundance แล้ว ผมว่า ชีวิตผม ที่อเมริกา สบาย และ มีสีสันกว่าเยอะเลย ได้เที่ยว, ผจญภัย, หวาดเสียว, ท่องเที่ยว, เฮฮา, สมหวัง, ผิดหวัง, ว้าเหว่, เหงา เศร้า, รัก, อกหัก ครบทุกอย่าง มีอย่างเดียว คือ ยังไม่มีแฟนที่โน่น อิอิ
ลาสเวกัส ผมไป 2 ครั้งครับ แต่ไม่ได้นอน ในตัว เวกัส เอง เพราะ ค่าโรงแรม แพงกว่า ข้างนอก ก่อนเข้า ลาสเวกัส ถ้าไปจาก แคลิฟลอเนีย ใช้เส้นทาง I-15 ที่นายสมชาย ว่า "วิ่งตรงดิ่งแบบยิงปืนใหญ่" ราว ๆ 15 ไมล์ มีคาสิโน Gold Strike ข้างทาง ครั้งแรก ผมเข้าไปพัก ค่าห้องแค่ 27 เหรียญ ต่อห้อง 2 เตียง เป็นเตียง ควีนไซด์ ห้องอย่างดี อาหารของ โรงแรมก็ดีด้วย บุฟเฟ่ 6เหรียญ แต่ถ้าเข้าไปในเมือง คิดต่อคน 27 เหรียญ แต่ตอนนี้เท่าไหร่ไม่ทราบแล้วครับ * เส้นทาง เข้า ลาสเวกัส เป็น เลขคี่หมดครับ ไม่ว่าจะเป็น I-15 (215) ไฮเวย์ 93 กับ 95 ครั้งแรก ผมไปกับ เพื่อนพี่ชาย ไปจาก แคลิฟลอเนีย ใช้เส้นทาง I-215 ขึ้นเหนือ ผ่าน San Bernardino แล้วถนนเส้นนี้ ก็ไปชนกับ I-15 แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น I-15 (ถนน ในอเมริกา สำหรับผู้ที่มาใหม่ ๆ อาจงงได้ว่า ทำไม ถนนสายเดียวกัน แต่บางช่วง มีชื่อต่างกัน แต่มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ) ช่วง ซานเบิน จะเป็นช่วงที่มีภูเขา ที่มีทิวทัศ แปลกตา เพราะ เป็นภูเขาหิน ที่ไม่มีต้นไม้ขึ้น ถ้ามาในช่วงหน้าหนาว จะเห็น หิมะปกคลุมอยู่บนยอดเขา แต่พอลงเขาเท่านั้น ถนนจะกลายเป็น สิ่งที่หน้าเบื่อที่สุด เพราะ ตรง ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ขับไป ง่วงไป เพราะ 2 ข้างทาง มีแต่ ฟ้า กับถนน ครึ่งทาง ระหว่า ไป ลาสเวกัส จะผ่าน เทือกเขา ที่ไม่สูงนัก นี่แหล่ะ ถึงจะเจอถนนที่ไม่ตรง ลาสเวกัส เป็น เมืองของ สหภาพแรงงาน ครับ คนที่ทำงานที่นี่ ต้องเป็น สมาชิก สหภาพแรงงาน เพราะ เมืองนี้ เกิดจากเงินของ สหภาพแรงงาน ที่มีอย่างเหลือเฟือ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐ มีเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มีการขยายการผลิตสินค้า และ จ้างงานขนานใหญ่ ทำให้สหภาพแรงงาน มีขนาดใหญ่ไปด้วย เพราะ สหภาพได้เงินจากจากสมาชิก เป็น ค่าบำรุง เมื่อมีเงิน มากขึ้น จึงคิดหาทางลงทุนใน ธุรกิจที่ได้ผลตอบแทนสูง จึงนำเงินมาปล่อยให้กู้สร้าง คาสิโน แล้ว พนักงานส่วนใหญ่ที่ทำงานในเมืองนี้ ก็เป็น สมาชิกสหภาพด้วย ที่ทราบเพราะ ได้คุยกับพนักงานเสริฟ ที่เป็นคนไทย ทำงานอยู่ที่นี่ครับ สหภาพแรงงานของ สหรัฐอเมริกา เป็นสหภาพที่มีพลังเข้มแข็งมาก ทั้งกำลังคน และ กำลังเงิน หากพนักงานที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน มีปัญหากับนายจ้างแล้ว นายจ้าง ไม่ยอมตามที่ พนักงานเหล่านั้นต้องการหล่ะก็ นายจ้างเตรียมตัวปิดกิจการได้เลย เพราะ ทางสหภาพ จะสนับสนุนพนักงานทั้งเงิน ทั้ง ทนาย เพื่อเจรจาหรือ ฟ้องร้อง ศาลเพื่อให้ได้อย่างที่ลูกจ้างต้องการ หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ ธันวาคม 17, 2007, 07:35:59 PM ผมมีโอกาสไปเที่ยวลาสเวกัสหลายครั้ง หลายคนบอกว่าที่นั่นฮวงจุ้ยดี คือเหมือนก้นบ่อ ก้นเหว
ถ้าขับรถไปเมื่อเข้าใกล้ลาสเวกัส จะเห็นว่าที่ตั้งบ่อนอยู่ต่ำลงไปมากๆ เพื่อนบอกว่าที่นี้ ตอนมาก็แบกถุงเงินกันมาเต็มหลัง แต่พอลงไปถึงกันเหว แล้วก็ไม่สามารถแบกเงินกลับขึ้นมาได้เพราะมันหนัก ต้องทิ้งเงินเอาใว้ที่นั่น ;D หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: 686 ที่ ธันวาคม 17, 2007, 09:38:57 PM ผม ไปลาสเวกัส 2 ครั้ง เสียเงินไปกับการพนัน ไม่ถึง 10 เหรียญ ครับ อิอิ แต่เสียค่า กิน กับ ค่าเที่ยว ค่า ของที่ระลึก ไปราว ๆ 2 ร้อยเหรียญครับ ::008:: ::008::
อาหาร บุฟเฟ่ ที่ Gold Strike ลาสเวกัส อาหารกลางวัน กับ อาหารเย็น ไม่เหมือนกัน แล้ว ราคาก็ต่างกันครับ ผมเข้าไปกิน ตอน 3.30 น. แต่เค้าเสริฟ อาหารเย็น ตอน 4.00น. พอเข้าไป จ่าย 6 เหรียญ แต่ได้กินอาหารที่ปกติดต้องจ่าย 12 เหรียญ ครับ ฟลุ๊ก แบบไม่ตั้งใจ โรงแรมใน ลาสเวกัส ต่างพยามดึงดูดลูกค้าเข้ามาเล่น การพนัน ใน คาสิโน ของตน โดยพยามออกแบบตึก อาคาร หรือแม้แต่การตกแต่งภายนอก ให้สะดุดตา และ เดินทางเข้ามาเล่น การพนันได้ง่าย โดย เฉพาะ มีการแสดง โชว ฟรี อย่าง โรงแรม Pirate ทีมีการแสดงโชว์ โจรสลัดให้กับผู้คนทั่วไป ฟรี ๆ Vocano ก็เหมือนกัน มีการแสดงแสง สี เสียง ของการระเบิด ของ ถูเขาไฟ หน้าโรงแรม บางโรงแรม อาศัยแหล่ง ช๊อปปิ้ง อย่าง ซีซ่า ที่มีอาคารออกแบบคล้ายกับ สภาปัตยกรรม ของ โรมัน โดยภายในเป็นร้านค้าราคาถูก โดยมีแบรนด์ ดัง ๆ มาเปิดร้านขายที่นี่ แต่อาคารที่เด่นที่สุดคือ อาคาร ทรง ปิรามิด สีดำ ที่เป็นเอกลักษณ์ ของ ลาสเวกัสไปแล้ว สำหรับคนที่ชอบดู โชว์ ก็มีที่ MGM ที่โชว์ เสือขาว หรือ โชว์ ที่ Stardust ก็สวย น่าดูมากครับ สิ่งที่ทุก คาสิโนไม่มี เหมือนกันคือ นาฬิกา กับหน้าต่าง เพราะ ทุกคาสิโน ไม่ต้องการให้คนที่มาเล่น รู้ว่าตอนนี้เวลาเท่าไหร่ จะทำให้ผู้ที่มาเล่นการพนัน เล่นนากกว่าที่ผู้นั้นต้องการ สิ่งที่ทุก คาสิโน มี เหมือนกัน คือ กล้องวงจรปิด กับ เครื่องเล่นการพนันตู้ (Slot Machiene) ที่มีเกือบทุกแห่ง โดยบางแห่ง มีหน้าห้อง สุขา เลย คนที่คิดจะไป ลาสเวกัส ควรดูช่วงเวลาที่จะไปด้วยครับ เพราะ หน้าร้อน ที่นี่ ร้อนมาก ร้อนกว่าเมืองไทยด้วย ร้อนจนไม่กล้าออกไปเดินกลางแดด ต้องอยู่ในอาคาร ส่วน หน้าหนาว ก็หนาวเหน็บ แต่ไม่มีหิมะตก ตอนกลางวันก็สบาย ไม่เย็น แต่ ตกเย็น อุณหภูมิ จะลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้ามาลาสเวกัส แล้ว อย่าลืม ไปเที่ยว เขื่อน ฮูเวอร์ (Hoover Dam) ด้วยครับ ไม่ไกลจาก ลาสเวกัส โดย ไปทาง ไฮเวย์ 93 ประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง จาก ชานเมือง ลาสเวกัส หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: ทิดเป้า ที่ ธันวาคม 18, 2007, 05:58:45 PM อ่านอีกที...เรื่องราวดีๆทั้งนั้นครับ
หัวข้อ: Re: ซื้อปืนในอเมริกาง่ายจริงหรือ? เริ่มหัวข้อโดย: Southlander ที่ สิงหาคม 06, 2008, 11:17:56 PM Very good.....up ::002:: ::002:: ::002:: ::002::
|