เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 13, 2007, 09:32:54 PM



หัวข้อ: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 13, 2007, 09:32:54 PM
ดูจากนโยบายค่ายพรรคใหญ่ 2 พรรคแล้วบอกได้คำเดียวว่าน่าเป็นห่วงอนาคตลูกหลานไทยเป็นอย่างมากว่าในอนาคตจะยังมีประเทศไทยหรือไม่ เพราะเน้นการลดแลกแจกแถมอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงการพัฒนาโดยรวมของประเทศ
เริ่มจากค่ายแรก เจ้าของนโยบายประชานิยม ที่สมัยครองอำนาจรัฐทั้งแจกทั้งโกงจนโดนไล่ลงเวทีมาแล้ว
ค่ายที่สองก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ หัวหน้าพรรคดีกรีการศึกษาสูง แต่คิดได้แค่ เรียนฟรีจนจบการศึกษา และลดราคาก๊าซหุงต้มมีรูปหัวหน้าพรรคติดอยู่หราอยู่ด้วยพร้อมโฆษณาชวนเชื่อนี้
เรื่องเรียนฟรีนี่ผมเห็นด้วย เพราะทุกวันนี้นักเรียนนักศึกษาก็จ่ายเทอมแค่ประมาณ10% ของค่าใช้จ่ายจริง ไล่ตั้งแต่เงินเดือนครูอาจารย์ อุปกรณ์การเรียนการสอน ที่เหลือเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐ ไหนๆ จ่ายให้90% แล้วก็จ่ายให้ครบ100% ไปเลยจะเป็นอะไรไป แต่สิ่งที่ควรยกเลิกเลยก็คือ เงินกู้เพื่อการศึกษา เพราะว่า ก่อนจะมีโครงการนี้นักเรียนนักศึกษายากจน(ที่จนจริง)ก็จะได้ที่พักฟรีในหอพักมหาวิทยาลัย(มีการดูแลเรื่องการเข้าออกในเวลากลางคืน) ได้ทุนค่าอาหารต่างๆจากมหาวิทยาลัยอยู่แล้วยื่นเรื่องขอทุนได้ไม่ยากเย็นแต่มีข้อแม้ว่าต้องเรียนดีเรียนผ่านถึงจะได้ทุนซึ่งเด็กที่ตั้งใจเรียนจริงๆก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใดในการผ่านเกณฑ์ แต่กองทุนกู้ยืนเพื่อการศึกษาของค่ายประชานิยมนั้น ให้กู้ดะกู้ไม่เลือก เลยมีอัตราประสิทธิภาพต่อจำนวนเงินต่ำมาก เด็กบางคนกู้ไปแล้วไม่ตั้งใจเรียน การได้ทุนไม่มีการควบคุม เด็กเอามาเช่าอพาทเมนต์ มั่วสุมเสพยา(เอาตามอย่างลูกชายอดีตนายกฯ) เที่ยวกลางคืน มีเพศสัมพันธ์จนบางรายตั้งท้องหรือติดโรคติดต่อต้องหมดอนาคตก็มี ที่สำคัญเป็นการปลูกจิตสำนึกที่ไม่ดีในการเป็นหนี้ เด็กบางคนที่เอาตัวรอดเรียนจบมาได้ก็มีหนี้เป็นแสนตั้งแต่เรียนจบ(ที่เรียนไม่จบก็แทงหนี้สูญ) กลายเป็นดินพอกหางหมูไม่จบไม่สิ้น เอาเงินจำนวนนี้มาสร้างหอพักและให้ค่าอาหารเด็กที่ตั้งใจเรียนดีกว่า  แต่ถ้ารัฐบาลจากการเลือกตั้งไหน ยกเลิกโครงการนี้คงมีการประท้วงขับไล่จากพวกเห็นแก่ความสุขเล็กๆน้อยๆเฉพาะหน้าแน่นอนครับ
ส่วนเรื่องลดค่าก๊าซหุงต้ม นี่ปัจจุบันนี้ราคาก๊าซ lpg ก็ได้รับการอุดหนุนในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเกือบครึ่งอยู่แล้ว ขืนลดลงไปอีกก็จะเกิดการบิดเบือนด้านต้นทุนการผลิต ทำให้ประชาชนแห่กันมาใช้ก๊าซ lpg ทั้งในการขนส่งและการผลิต สุดท้ายอุดหนุนไม่ไหวก็จะลอยตัว เหมือนกรณีน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันนี้แพงกว่าเบนซินไปแล้วครับ  คิดได้แค่นี้ ไม่ต้องจบการศึกษาสูงๆ หรอกเอาตัวอ้วนๆ ดำๆ ที่วิ่งในท้องนามาเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นักการเมืองเปรียบเหมือนสินค้า ประชาชนคือตลาด ที่นักการเมืองแข่งกันแจกเพราะประชาชนไทยส่วนใหญ่ชอบงอมืองอเท้า รอของแจกของฟรี ถ้ามีนักการเมืองคนไหนหาเสียงว่า ผมจะทำให้ทุกคนมีอาชีพที่ดี จะฝึกฝนพวกคุณอย่างหนักให้ เพื่อที่จะผลิดสินค้า และ เพราะปลูกพืชผล ที่มีคุณภาพขายได้ราคาในตลาดโลก ผู้สมัครคนนั้นคงไม่ได้รับเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะคนไทยชอบทำงานเบาๆ ได้ของฟรีเยอะๆ คนไทยจะชอบ สส. ที่เอาเหล้าเบียร์ ไปช่วย งานบวชงานแต่งงานศพ มากกว่า แบบนี้อีกหน่อยถ้าแก้รัฐธรรมมนูญได้อีกรอบ น่าจะเลือกตัวแทนประชาสงเคราะห์ประจำจังหวัดจะเหมาะสมกว่าครับ
เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ เราก็พอจะเห็นอนาคตรางๆว่า เป็นอย่างไร ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศไทยมีความเจริญเป็นอันดับ2 รองจากญี่ปุ่น เราสร้างเครื่องบินรบได้เอง หลังจากนั้น เราค่อยๆ โดน เกาหลีประเทศที่ย่อยยับจากสงครามแซง ตามมาด้วย ไต้หวัน สิงค์โปร์ จีน มาเลย์ ในอนาคตอีกไม่เกิน 15-20 ปี เราจะเห็นเวียดนามประเทศเปิดใหม่ เจริญในระดับเดียวกับเราและค่อยๆแซงเราไปในที่สุดครับ
การเมืองหลังเลือกตั้ง ผมไม่หวังอะไรมาก แค่พวกนักการเมืองไม่ตีกันเองจนประเทศถดถอย หรือ คดโกงจนเสี่ยงที่จะเสียอธิปไตย หรือเอาสมบัติชาติมาขาย  ผมก็พอจะทำใจได้แล้วครับ
ส่วนเรื่องใครจะได้เป็นรัฐบาลนั้นคงแย่มากน้อยไม่ต่างกันเท่าไหร่เพราะตัวตั้งมาจากปัจจัยเดียวกันคือประชาชนต้องการซื้อเสียง และนักการเมืองต้องการถอนทุนหาผลประโยชน์ หลังเลือกตั้ง50 เรามาดูกันว่า ประเทศไทยจะได้ ตัวแทนคุณภาพของประชาชนชั้นเลิศ หรือตัวแทนห่วยๆของพลเมืองเฮงซวย อีก 10 วันได้รู้กันแน่นอนครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 13, 2007, 09:57:16 PM
  ผู้เขียน หัวข้อ: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50  (อ่าน 14 ครั้ง) 
nars, papae~ และ 0 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้   

สวัสดีครับคุณ papae หายไปนานไม่ได้คุยกันเลยนะครับ พอผมเขียนเรื่องการเมืองปุ๊บมีโอกาสได้ทักทายกันปั๊บเลยดีใจที่ได้เจอใจตรงกันคิดถึงการเมืองแย่ๆพร้อมกันเลยครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 13, 2007, 10:51:55 PM
ข้อเท็จจริงที่ปรากฎทางการเมืองในปัจจุบัน..และสำหรับการเลือกตั้ง.. ที่จะมาถึง
สำหรับมุมมองของผม ..  แค่ผ่อนคลายสำหรับ ความหวังแบบ ปลอม ปลอม. .

และต้องดูปัจจัยกระตุ้นหลังการเลือกตั้งแล้วอีกครั้ง ..
ว่า Action จะหันไปหากลุ่มที่กุมอำนาจรัฐ ณ.เวลานี้ จะแรงขนาดไหน.

เพราะการรัฐประหาร เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙  ไม่ได้ทำให้ต้นตอของปัญหาถูกขุดรากตัดตอ
แต่เป็นการสร้างรอยแยก และรอยแค้นลึก หนทางมีแต่ต่างจะต้องใช้อำนาจรัฐ..
รอใช้อำนาจ..  จัดการกับคู่กรณีเท่านั้น..

และไม่ว่าพรรคใดจะรวมกับพรรคใดก็ตาม.. ที่จะเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาล 
ก็จะไม่มีทางจะได้กุมอำนาจรัฐได้อย่างแท้จริง. . เพราะทหารจะไม่อยู่ใต้อาณัติของนักการเมืองอีกต่อไป
จะต้องถูกอำนาจแฝง คอยคานอยู่..  สำคัญตรงที่อำนาจแฝงนั้นจะ
ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากเพียงใด..  และจะไม่มีทางยอมวางอำนาจ
ตราบเท่าที่ หัวตอของอำนาจเก่า ยังอยู่.. . 
หนทาง ทางการเมืองข้างหน้า .. คงเลี่ยงการปฎิวัติ-รัฐประหาร ค่อนข้างยาก ยิ่ง .  :)







หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ตูรุส ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:10:20 PM
การเมืองไทยก็ยังคงเป็นการเมืองแบบเดิมๆ ที่เล่นพรรค เล่นพวก หวังผลประโยชน์ส่วนตน

มากกว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ อะไรต่ออะไรมันเริ่มปูดให้เห็นอยู่อย่างต่อเนื่อง

องค์กรอิสระ ที่คอยตรวจสอบ มีอำนาจ ในการตรวจสอบ และลงโทษ จะเหมาะสมกว่า

เป็นการคานอำนาจได้อีกทางหนึ่ง และต้องเป็นอิสระอย่างแท้จริงเท่านั้น


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 13, 2007, 11:49:24 PM
เมื่อได้โจทย์แล้วตั้งสมการได้ ได้สมการดังนี้
1.กลุ่มอำนาจเก่าทักกี้ต้องรักษาขุมทรัพย์ที่ประเมินกันคร่าวๆได้ว่ามี ราวๆ 5แสนล้าน ลองไปไล่ดูผู้ถือหุ้นใหญ่ไฟแนนซ์ต่างๆ ดูได้ เช่นขณะนี้นายวิชัย ทองแตงนอมินีทักกี้เป็นประธานกรรมการบริหารอยู่หลายไฟแนนซ์มากนอมีนีและพอร์ทหุ้นในสิงค์โปร์ที่ถือหุ้น ธนาคารและบริษัทฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกหลายแห่ง ดังนั้นขุมทรัพย์ 5 แสนล้านไม่เกินเลยความจริงแต่อย่างใด 73000 ล้าน temasec แค่น้ำจิ้มครับ ตอนนี้ลูกชายขี้ยาตัวดีคุยฟุ้งไปทั่วแล้วว่าพ่อใส่เป็นหมื่นล้านได้เป็นรัฐบาลแน่ๆเตรียมตั้งรัฐบาลแล้ว คาดว่ามีเงินทุนซื้อเสียงประมาณ 2-3 หมื่นล้าน
2.พรรคการเมืองเก่าแก่ มีนายทุนตระกูลมหาเศรษฐีเมืองไทยหลายตระกูลร่วมลงขัน ตระกูลไหนบ้างไปดูนามสกุลผู้สมัคร ส.ส. กทม.กันดูและสปอนเซอร์ทุกพรรคตลอดการค่ายน้ำเมา คาดว่ามีเงินลงขันรวมๆกันประมาณ 5-7 พันล้านบาท
3.พรรคที่มีหัวหน้าพรรคทำธุรกิจปิโตรเคมี หัวหน้าพรรคแม้จะเป็นเศรษฐีแสนล้านแต่ตระหนี่ถี่เหนียวมาก ไปกินข้าวกับ รัฐมนตรี รัฐมนตรียังต้องซ่อนไวน์แพงๆไว้เพราะกลัวตางกนี่แย่งดื่มหมด แม้จะมีเดิมพันเป็นทวงคืนธุรกิจแสนล้าน แต่เจ้าตัวคงอ่านเกมส์ขาดว่ามีสิทธิแบ่งเค้นได้เล็กน้อย ควักกระเป๋าไม่เกิน 2พันล้าน
4.พรรคหลงจู๊ ยังไงก็ครองพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ชัยนาทสิงบุรี อุทัยธานี นครสวรรค์ ค่อนข้างแน่โดยแทบไม่ต้องลงทุนอะไร เพราะจังหวัดเหล่านี้มีถนนดีๆ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ด้วยบุญบารมีหลงจู๊สมัยเรืองอำนาจ(จริงๆแล้วน่าจะเอาจังหวัดเหล่านี้เป็นจังหวัดพัฒนาตัวอย่างให้จังหวัดอื่นๆทำบ้างไม่เกิน20ปี ประเทศไทยจะมีระบบชลประทานและถนนชั้นดีทุกจังหวัด) ได้แค่นี้ก็มีอำนาจต่อรองในระดับที่เจ้าตัวพอใจแล้วจะควักทำไมให้เปลืองเงินตัวเองเท่านั้น มีทุนที่ได้จากสปอนเซอร์รายที่จ่ายทุกพรรค รวมกับเงินส่วนตัวไม่เกิน 1 พันล้าน
5.ขุนศึกค่ายแตกจากกลุ่มอำนาจเก่าลุ่มวังตะคอง เงินส่วนตัวกับสปอนเซอร์อีกเล็กน้อย ไม่เกิน500 ล้าน
6.ค่ายวังพยานาค ไม่เกิน500 ล้าน
ตั้งสมการได้แล้ว หัก จำนวน สส. ภาคใต้ และ กทม.และปริมณฑลออก ซึ่งพรรคเก่าแก่จะกวาดได้ค่อนข้างมาก และพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาของหลงจู๊ออกไป โดย คนจากพื้นที่เหล่านี้ถ้าใครจ่ายตังค์คงรับแต่ไม่เลือกแล้วด่าซ้ำออกไป หารด้วยจำนวนเงินที่กล่าวมา ค่อนข้างแน่ว่ากลุ่มอำนาจเก่าจะได้ที่นั่งมากที่สุดแต่ไม่ถึงครึ่ง พรรคที่เหลือรวมตัวกันตั้งรัฐบาล เรื่องโดนซื้อตัวด้วยเงินมหาศาลจากนายเก่าเป็นไปไม่ได้เพราะ ระหว่างได้อำนาจรัฐ พร้อมทั้งหากินได้จากอำนาจอยู่ยาวๆ  กับ  ได้เงิน แล้วโดนปืนจี้ ขี้ปา ยึดเงินเลือกอย่างไหนเดาได้ไม่ยากครับ

พอแก้สมการได้ดังนี้ ก็ต้องทำใจเรื่องอนาคตในประเทศเหมือนพี่ ro@d ว่าเอาไว้ครับว่ามีแต่จะยุ่งกับยุ่งแล้วก็ล้าหลังไปเรื่อยๆ ประเทศไทยมีภัยธรรมชาติน้อยมากเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ในน้ำมีปลาในนามีข้าวแต่แผ่นดินของเรามีคนไทยแบบเราๆนี่แหละอยู่แล้วก็ทะเลาะกันเอง ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเราเสียเอกราชเพราะคนไทยทะเลาะกันเองตลอด และจะเรืองอำนาจในเวลาที่ มีผู้นำที่เข็มแข็งเด็ดขาด มีอาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลเช่นสมัย สมเด็จพระนเรศวร เรื่อยลงมาจนถึง สมัยสมเด็จพระนารายณ์(ตีหงสาวดีและล้อมตองอูได้เป็นครั้งที่2)และเริ่มอ่อนแอสมัยพระเพทราชาเรื่อยลงมาจนถึงขุนหลวงหาวัดและในที่สุดเสียกรุงในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์เพราะทะเลาะแย่งอำนาจกันเองทั้งนั้น มารุ่งเรืองอีกทีสมัยพระเจ้าตากสินและมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่สุดในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พิสูจน์ให้เห็นว่าชนชาติไทยไม่เหมาะกับประชาธิปไตยเราเหมาะกับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช หรือเผด็จการทหารมากกว่า ประเทศเราพัฒนาและแก่งแย่งอำนาจรัฐโดยนักการเมืองมาตลอดหลังจากได้รธน.2475 มีเวลาได้หยุดทะเลาะกันและก้าวไปได้บ้างในสมัยจอมพลสฤษธิ์ และ พลเอกเปรมเท่านั้น (แม้ใครจะบอกว่าท่านไม่ได้ทำอะไรแต่ขอให้รู้ไว้เถอะว่าท่านทำสิ่งที่ยากที่สุดในโลก คือการทำให้นักการเมืองสัญชาติไทย ไม่ทะเลาะกันอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เป็นสิ่งที่ยากยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้งเสียอีก) เรารู้แต่ว่าปชต.คืออิสระเสรี แต่เราแยกไม่ออกว่าอะไรคือหน้าที่พลเมืองกับสิทธิเสรีภาพ ถ้าเมื่อไหร่มีอำนาจมากกว่าคนกลุ่มเดียวคนเดียวก็จะตีกันทะเลาะกันไม่เลิกครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: iceman - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:05:16 AM
        .........หันซ้ายหันขวาก็มีแต่หน้าเดิม ๆ บางคนหลุดข้อครหา....ทุจริต..คอรัปชั่น.....มาอย่างฉิวเฉียดเพราะกระบวนการตรวจสอบใร้คุณภาพ  ก็ยังเดินเชิดหน้าชูคอยิ้มโชว์หนังหนา ๆ กับแผลเป็นจาง ๆ บนแผ่นหลัง ใด้อย่างภูมิใจ
........คิดแล้วเศร้าใจจริง ๆ กับอนาคตของชาติที่ใด้นักการเมืองไร้คุณภาพ และไม่มีสามัญสำนึกที่ดีคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเเละพวกพ้องเป็นหลัก


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:46:46 AM
       .........หันซ้ายหันขวาก็มีแต่หน้าเดิม ๆ บางคนหลุดข้อครหา....ทุจริต..คอรัปชั่น.....มาอย่างฉิวเฉียดเพราะกระบวนการตรวจสอบใร้คุณภาพ  ก็ยังเดินเชิดหน้าชูคอยิ้มโชว์หนังหนา ๆ กับแผลเป็นจาง ๆ บนแผ่นหลัง ใด้อย่างภูมิใจ
........คิดแล้วเศร้าใจจริง ๆ กับอนาคตของชาติที่ใด้นักการเมืองไร้คุณภาพ และไม่มีสามัญสำนึกที่ดีคิดแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเเละพวกพ้องเป็นหลัก
ต้องโทษคนไทยด้วยครับ สินค้าต้องถูกใจตลาดครับ เริ่มต้นก็ต้องลงทุนสูงๆตามด้วยการถอนทุนตามมา ถ้านักการเมืองไม่ทำตัวแบบนี้ก็ไม่ได้รับเลือกตั้งครับ :D


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:04:58 AM
สังคมไทยสมัยนี้มักนิยมชมชอบ คนเก่ง มากกว่า คนดี

ผมยอมรับว่าผมมีความคิดที่ใจแคบมากๆ  ::004::

คือผม งดออกเสียง(ในบัตร)ทุกครั้ง ที่มีการเลืกตั้งไม่ว่าจะระดับไหน

ยกเว้นครั้งเดียวที่ผมคิดผิด ลงให้กับจอมสร้างภาพที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่าเขาเป็นคนดี :~)

ด้วยความเคารพครับ ::014::



หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: iceman - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:09:46 AM
       อยากจะโทษคนไทย..บางส่วน..เหมือนกันครับที่ไม่รู้จักปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชนและคนรุ่นหลังเพื่อที่จะมีสามัญสำนึกที่ดีในอนาคต .......คนบางกลุ่มกับสร้างทายาทเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์เลว ๆ และพื้นฐานชั่ว ๆ เอาใว้ให้คนรุ่นหลังเพื่อเดินตามทางของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความผิด  ชอบ  ชั่ว  ดี
    


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 07:21:08 AM
...อ่านแล้วได้แต่ถอนใจ..โดยส่วนตัวผมคิดว่าเมืองไทยยังมีคนดีๆอีกเยอะ.ที่ยังไม่ได้ลงมาทำการเมืองไห้ดีขึ้น...


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 08:32:27 AM
มองไปทางไหน ก็ มีแต่ตัวเลือกเดิมๆ ครับ เซ็ง
ที่ล้าหลังชาวบ้านชาวช่อง ผมคิดว่า ประเทศเรามีความสมบูรณ์มากเกินไป คนเลยไม่ค่อยมีความกระตือรือล้น เหนือนอย่าง ประเทศที่ขาดแคลน ครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: tra-รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 08:44:37 AM
รัฐบาล....คงอยู่ได้ 2 ปี.....ปรับ ค.ร.ม....5 หน.....แล้วก็ยุบสภา.....มั้งครับ......


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: papae~ ที่ ธันวาคม 14, 2007, 09:05:22 AM
  ผู้เขียน หัวข้อ: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50  (อ่าน 14 ครั้ง) 
nars, papae~ และ 0 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้   

สวัสดีครับคุณ papae หายไปนานไม่ได้คุยกันเลยนะครับ พอผมเขียนเรื่องการเมืองปุ๊บมีโอกาสได้ทักทายกันปั๊บเลยดีใจที่ได้เจอใจตรงกันคิดถึงการเมืองแย่ๆพร้อมกันเลยครับ

สวัสดีเช่นกันครับ

เพิ่งเห็นเมื่อสักครู่ว่าคุณ nars มาทักทายตั้งแต่เมื่อคืน
ไม่ได้หายไปไหนครับ เข้ามาอ่านเวปนี้เกือบทุกวัน วันละหลายครั้งครับ แต่ขอนั่งอ่านเงียบๆ
ดูข่าวการเมืองช่วงนี้แล้วเพลินดีครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ ธันวาคม 14, 2007, 09:11:36 AM
ข้อเท็จจริงที่ปรากฎทางการเมืองในปัจจุบัน..และสำหรับการเลือกตั้ง.. ที่จะมาถึง
สำหรับมุมมองของผม ..  แค่ผ่อนคลายสำหรับ ความหวังแบบ ปลอม ปลอม. .

และต้องดูปัจจัยกระตุ้นหลังการเลือกตั้งแล้วอีกครั้ง ..
ว่า Action จะหันไปหากลุ่มที่กุมอำนาจรัฐ ณ.เวลานี้ จะแรงขนาดไหน.

เพราะการรัฐประหาร เมื่อ ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙  ไม่ได้ทำให้ต้นตอของปัญหาถูกขุดรากตัดตอ
แต่เป็นการสร้างรอยแยก และรอยแค้นลึก หนทางมีแต่ต่างจะต้องใช้อำนาจรัฐ..
รอใช้อำนาจ..  จัดการกับคู่กรณีเท่านั้น..

และไม่ว่าพรรคใดจะรวมกับพรรคใดก็ตาม.. ที่จะเป็นฝ่ายตั้งรัฐบาล 
ก็จะไม่มีทางจะได้กุมอำนาจรัฐได้อย่างแท้จริง. . เพราะทหารจะไม่อยู่ใต้อาณัติของนักการเมืองอีกต่อไป
จะต้องถูกอำนาจแฝง คอยคานอยู่..  สำคัญตรงที่อำนาจแฝงนั้นจะ
ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติมากเพียงใด..  และจะไม่มีทางยอมวางอำนาจ
ตราบเท่าที่ หัวตอของอำนาจเก่า ยังอยู่.. . 
หนทาง ทางการเมืองข้างหน้า .. คงเลี่ยงการปฎิวัติ-รัฐประหาร ค่อนข้างยาก ยิ่ง .  :)


ผมชอบความเห็นคุณ Road ครับ โดนใจมากๆ



หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 14, 2007, 09:12:06 AM

      ถึงวันนี้ยังมองไม่เห็นอนาคตที่มาจากพวกนักการเมืองหน้าเดิมๆพวกนี้

      มีแต่ผิดหวังมาตลอด ถึงรัฐบาลชั่วคราวนี้ก็เถอะ



หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ ธันวาคม 14, 2007, 09:32:00 AM
 :) ประชาธิปไตยไม่ได้สร้างขึ้นได้วันเดียว สิทธิ เสรีภาพ ไม่ได้มาด้วยการร้องขอ และประวัติศาสตร์การเมืองของประชาชน จึงต้องเดินคู่ขนานไปกับเหตุการณ์และวิถีทางต่อสู้ของประชาชน ตลอดเวลา .....

 :) ผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ประชาธิปไตย ที่จะค่อยๆหล่อหลอมให้ได้สิ่งที่ดีในอนาคต ไม่ใช่ในยุคเรา ก็ยุคลูกหลาน เลือกใครก็ได้แต่อย่าเลือกคนใช้เงิน

 :) ไปใช้สิทธิ์กันเยอะๆนะครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: andaman ที่ ธันวาคม 14, 2007, 10:10:27 AM
วังวน วงเวียน  เหมือนลิงโดดลงไปเล่นน้ำในบ่อโคลนกลางป่า


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ ธันวาคม 14, 2007, 10:14:42 AM
ประชาชนจะเป็นผู้เลือกเองครับ ถ้าเลือกโดยการได้รับเงินอนาคตก็มืดมนแน่ครับ วันที่ 23 ไปเลือกตั้งให้เยอะๆๆนะครับจะได้ตัดสินอนาคตด้วยตนเองว่าจะดีเลวอย่างไร


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ตูมตาม - รักในหลวง - ที่ ธันวาคม 14, 2007, 10:47:41 AM
ประเทศไทย....ไม่ใช่ของผมคนเดียวครับ............ ::014::.......ช่วยๆกันหน่อยครับพี่น้อง..... ::014::









หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:12:48 AM
ขอแทรก.. ครับ
ตะกี้ ฟัง คำแถลงของหัวหน้าพรรค อยู่ดีมีสุข. มีนโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืน ว่า

"บุคคลใดพกปืน และกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ
จะเสนอโทษให้ประหารชีวิตทุกรายเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง"

ฝากไว้ให้โห่ไล่ มันให้ไปไกล ไกล อีก ๑ ราย ครับ.  :)


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:14:17 AM
   ตะกี๊นั่งดูทีวีช่อง 3  ...... พรรคอยุ่ดีมีสุข ออกมาแถลงนโยบาย ...... ฟัง ก็ขำดี  ...... บอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล  จะนิรโทษกรรมให้ เหล่าบรรดามือปืนรับจ้าง และขอให้ออกมามอบตัว  และหากทำผิดอีกจะประหารชีวิต ...... สว่นพวกที่พกปืนไปในเมืองหรือที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ..... จะเพิ่มโทษให้ประหารชีวิต  ........ อิอิอิิ คิดไปได้  ...... อิอิอิอิ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: RUGER ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:14:42 AM
ขอแทรก.. ครับ
ตะกี้ ฟัง คำแถลงของหัวหน้าพรรค อยู่ดีมีสุข. มีนโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืน ว่า

"บุคคลใดพกปืน และกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ
จะเสนอโทษให้ประหารชีวิตทุกรายเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง"

ฝากไว้ให้โห่ไล่ มันให้ไปไกล ไกล อีก ๑ ราย ครับ.  :)

   555555 พี่โร๊ดฟังเหมือนผมเลย  ....... อิอิอิ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: โป้ง*กันบอย - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:18:18 AM
   ตะกี๊นั่งดูทีวีช่อง 3  ...... พรรคอยุ่ดีมีสุข ออกมาแถลงนโยบาย ...... ฟัง ก็ขำดี  ...... บอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล  จะนิรโทษกรรมให้ เหล่าบรรดามือปืนรับจ้าง และขอให้ออกมามอบตัว  และหากทำผิดอีกจะประหารชีวิต ...... สว่นพวกที่พกปืนไปในเมืองหรือที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ..... จะเพิ่มโทษให้ประหารชีวิต  ........ อิอิอิิ คิดไปได้  ...... อิอิอิอิ

คิดได้ยังไงเนอะ............... ::009:: ::009:: ::009::


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 14, 2007, 11:23:47 AM
อยากได้คนดี มีคุณธรรม  ภาวะผู้นำสูง มาปกครอง
แต่ที่สำคัญ  ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องยอมรับด้วย นี่สิสำคัญ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ ธันวาคม 14, 2007, 12:32:33 PM
เหมือนกับพรรคแจกเงินทุกบ้าน ใครมีหนี้รัฐปลดหนี้ให้หมด...............

ถามจริงๆเถอะ  ว่าเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้เขา.............

เฮ้อ.................


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: A B A C U S รั ก ใ น ห ล ว ง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:05:23 PM
 :D~ :OO ;D ::011:: ::012:: ::013:: ::014::


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: van-เรารักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:25:26 PM
   ตะกี๊นั่งดูทีวีช่อง 3  ...... พรรคอยุ่ดีมีสุข ออกมาแถลงนโยบาย ...... ฟัง ก็ขำดี  ...... บอกว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล  จะนิรโทษกรรมให้ เหล่าบรรดามือปืนรับจ้าง และขอให้ออกมามอบตัว  และหากทำผิดอีกจะประหารชีวิต ...... สว่นพวกที่พกปืนไปในเมืองหรือที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ..... จะเพิ่มโทษให้ประหารชีวิต  ........ อิอิอิิ คิดไปได้  ...... อิอิอิอิ


สงสัยจะอดได้คะแนนจากที่นี่


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: SOAP47 รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:29:25 PM
ขอแทรก.. ครับ
ตะกี้ ฟัง คำแถลงของหัวหน้าพรรค อยู่ดีมีสุข. มีนโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืน ว่า

"บุคคลใดพกปืน และกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ
จะเสนอโทษให้ประหารชีวิตทุกรายเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง"

ฝากไว้ให้โห่ไล่ มันให้ไปไกล ไกล อีก ๑ ราย ครับ


เคยได้ยิน ทาง TITV ครับ นั่งฟังไปก็หมั่นไส้ไปครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:39:44 PM
...เลือกตั้งคราวนี้..บอกตามตรง...รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน..
...มีความรู้สึกว่า กำลังเดินเข้าสู่ .."หลุมดำ" ...แบบเลี่ยงไม่ได้....


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:49:54 PM
ประเทศไทยมีพรมแดนทางบกยาวมากและติดกับหลายชาติ ไม่ได้เป็นประเทศเกาะแก่ง เหมือนอังกฤษ สิงโปร์ ออสเตรเลีย จะได้เน้นการป้องกันประเทศทางทะเลอย่างเดียว ลองสังเกตุชาติที่อยู่บนcontinental ที่พัฒนาแล้วทั้งหลายเช่น usa หรือยุโรปเขาอนุญาติให้ประชาชนครอบครองอาวุธเป็นการฝึกทักษะป้องกันประเทศ ใครคิดเลียนแบบชาติที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะแก่งโดยไม่ดูปัจจัยแวดล้อมอย่านี้เรียกได้ว่า เป็นตัวอ้วนๆดำๆ วิ่งในท้องนาครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ ธันวาคม 14, 2007, 01:58:35 PM
ขอแทรก.. ครับ
ตะกี้ ฟัง คำแถลงของหัวหน้าพรรค อยู่ดีมีสุข. มีนโยบายเกี่ยวกับอาวุธปืน ว่า

"บุคคลใดพกปืน และกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ
จะเสนอโทษให้ประหารชีวิตทุกรายเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง"

ฝากไว้ให้โห่ไล่ มันให้ไปไกล ไกล อีก ๑ ราย ครับ


เคยได้ยิน ทาง TITV ครับ นั่งฟังไปก็หมั่นไส้ไปครับ
พรรคนี้ร้ายกว่ายึดปืนของรัฐบาลเก่าอีกนะครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 14, 2007, 02:07:31 PM
ประเทศไทยมีพรมแดนทางบกยาวมากและติดกับหลายชาติ ไม่ได้เป็นประเทศเกาะแก่ง เหมือนอังกฤษ สิงโปร์ ออสเตรเลีย จะได้เน้นการป้องกันประเทศทางทะเลอย่างเดียว ลองสังเกตุชาติที่อยู่บนcontinental ที่พัฒนาแล้วทั้งหลายเช่น usa หรือยุโรปเขาอนุญาติให้ประชาชนครอบครองอาวุธเป็นการฝึกทักษะป้องกันประเทศ ใครคิดเลียนแบบชาติที่มีภูมิประเทศเป็นเกาะแก่งโดยไม่ดูปัจจัยแวดล้อมอย่านี้เรียกได้ว่า เป็นตัวอ้วนๆดำๆ วิ่งในท้องนาครับ

 ;D ;D  ;D    ::002::
นอกจากโจรภัยแล้ว ภัยจากแรงงานต่างด้าว
ที่ต่างวัฒนธรรม ที่ไม่คิดว่าที่นี่คือแผ่นดินแม่ และไร้หลักแหล่งแน่นอน..
จำนวนหลายแสนคน..โอกาสที่คนเหล่านี้
จะก่ออาชญากรรม รุนแรงขึ้นมา หรือไปเป็นมือเท้า.โจร
มันกระจาย ลงพื้นที่ทั่วไปหมด ..
เห็นหัวหน้าพรรค อยู่ดีมีสุข .แถลงนโยบายแล้ว.. กรรม. เลย  ::001::


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ ธันวาคม 14, 2007, 02:29:40 PM
         ช่วยกันไปเลือกตั้งนะครับ ช่วยกันประชาสัมพันธ์สิ่งที่ดี ช่วยกันตั้งตารออีกสองปีกว่าจะสงบ  แล้วก็ช่วยกันเลือกตั้งอีกครั้งต่อไปหลังฝุ่นตลบจางหาย

         ตราบใดที่ประชาชนไม่คิดถึงนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ประเทศเราก็ยังเป็นแบบนี้ตลอดไป ขอเพียงเดินรอยตามพระองค์ท่านที่ทรงพระ

ราชดำรัสไว้ ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2550 ให้คนไทยสามัคคีกันไว้ เพื่อประเทศชาติจะได้เจริญรุ่งเรือง  ครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 16, 2007, 03:09:57 PM
      อยากจะโทษคนไทย..บางส่วน..เหมือนกันครับที่ไม่รู้จักปลูกฝังคุณธรรมและจริยธรรมให้กับเยาวชนและคนรุ่นหลังเพื่อที่จะมีสามัญสำนึกที่ดีในอนาคต .......คนบางกลุ่มกับสร้างทายาทเพื่อสืบทอดเจตนารมณ์เลว ๆ และพื้นฐานชั่ว ๆ เอาใว้ให้คนรุ่นหลังเพื่อเดินตามทางของตัวเองโดยไม่คำนึงถึงความผิด  ชอบ  ชั่ว  ดี
    
สงสัยพวกเราจะเป็นคนกลุ่มน้อยของประเทศไทยต้องทำใจครับ :D
สมัยก่อนเวลาดูข่าวต่างประเทศ เห็นฟิลิปปินส์ อาร์เจนตินา บราซิล ล้มละลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ประชาชนไม่ค่อยทำการทำงานเอาแต่สนุกไปวันๆ แล้วรู้สึกสมเพช เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าประเทศเจ้าอาณานิคมดั้งเดิม อย่างสเปนนั้น เป็นชาติในแถบเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีลักษณะนิสัย นอนกลางวัน กลางคืนดื่มกิน แล้ววัฒนธรรมนี้อยู่ในชนชาติที่รับผิดชอบก็ยังพอทำเนา เมายังไงตื่นมาก็ยังไปทำงานตอนพักเที่ยงค่อยนอนกลางวันสักงีบ แต่ประเทศอาณานิคมเหล่านี้กลายเป็นเละเทะผู้คนไม่ทำงานทำการไป แต่เมืองไทยไม่เคยเป็นอาณานิคมใคร เดี๋ยวนี้ทำไมรู้สึกไม่แตกต่างจาก บราซิล อาร์เจนตินา ฟิลิปปินส์เท่าไหร่ ถ้าเศรษฐกิจล้มอีกทีคงเป็นที่น่าสมเพชในสายตาชาวโลกไม่น้อยกว่า ชาติข้างต้นครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ ธันวาคม 16, 2007, 06:36:40 PM
คนดีๆก็ไม่ค่อยดัง คนดีๆไม่ค่อยมีเงินมาก คนดีๆมักเล่นการเมืองไม่เก่ง และไม่ค่อยได้รับความใว้วางใจ
หลายๆคนแถวบ้านนอกคอกนาเริ่มบออกว่างง ไม่รู้จะเลือกยังไง  บ้างก็ว่าเงินไม่มาก็ไม่สนใจ แต่เขาก็มีหนึ่งเสียงเหมือนกัน ???


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 16, 2007, 07:04:10 PM
คนดีๆก็ไม่ค่อยดัง คนดีๆไม่ค่อยมีเงินมาก คนดีๆมักเล่นการเมืองไม่เก่ง และไม่ค่อยได้รับความใว้วางใจ
หลายๆคนแถวบ้านนอกคอกนาเริ่มบออกว่างง ไม่รู้จะเลือกยังไง  บ้างก็ว่าเงินไม่มาก็ไม่สนใจ แต่เขาก็มีหนึ่งเสียงเหมือนกัน ???

สงสัยอีกหน่อยใครที่จะมีสิทธิเลือกตั้งได้ต้องผ่านการสอบมาตรฐานทางจริยธรรม หรือไม่ก็ปล่อยให้ประเทศไทยล้าหลังชาวบ้านเขาไปเรื่อยๆครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 18, 2007, 07:49:16 PM
ผมเคยเขียนถึงแนวคิดทางการเมืองของ อริสโตเติล นักปราชญ์ กรีกผู้ยิ่งใหญ่ไว้ในคอลัมน์นี้มาครั้งหนึ่งแล้ว อริสโตเติล มองประชาธิปไตยในประเทศที่ “คนส่วนใหญ่” เป็น “คนยากจน” ในทางลบ และเชื่อว่าไม่มีทางที่จะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง เพราะคนจนส่วนใหญ่จะตกเป็นเหยื่อการหาเสียงของนักการเมือง ที่จะเอานโยบาย “ประชานิยม” เข้าล่อเพื่อแลกกับคะแนน
ไม่น่าเชื่อนะครับ วิธีการนี้เป็นวิธีการที่นักการเมืองใช้กันมากว่า 3 พันปีแล้ว วันนี้ก็ยังเป็นวิธีการยอดฮิตที่ใช้กันในพรรคการเมืองของไทยทุกพรรค

อริสโตเติล บอกว่า ประชาธิปไตยที่ดี ต้องเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่มี “คนส่วนใหญ่” เป็น “ชนชั้นกลาง” ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ “มีความรู้” และ “พอมีฐานะ” พูดง่ายๆก็คือ เป็นกลุ่มคนที่รู้เท่าทันนักการเมือง มีการศึกษาสูงพอ และมีฐานะการเงินพอเพียงที่จะไม่ขายสิทธิขายเสียง

ผมเห็นด้วยกับอริสโตเติล ความคิดของจอมปราชญ์เมื่อสามพันกว่าปีก่อน วันนี้ก็ยังเป็นจริง ยิ่งมองสภาพสังคมไทยและการเมืองไทยในวันนี้ แนวคิดของจอมปราชญ์กรีก ก็ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น

โอกาสที่ประชาธิปไตยเมืองไทยจะพัฒนาไปถึงขั้นที่เป็น “ประชาธิปไตยที่แท้จริง” ในอนาคต ผมยังไม่รู้จะต้องใช้เวลาอีกกี่ทศวรรษ

สภาพประชาธิปไตยของเมืองไทยในวันนี้ ผมมองแล้วก็ไม่ต่างไปจาก “บัวใต้น้ำ” ต้องตกเป็นเหยื่อของกุ้งหอยปูปลาล้มลุก คลุกคลานมาตลอด ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นเหนือน้ำสักที เพราะ “คนไทยส่วนใหญ่” ที่นักการเมืองเขาบอกว่า “เป็นเจ้าของประชาธิปไตย” ยัง “ยากจน” และ “ขาดการศึกษา” และไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงตกเป็นเหยื่อของนักการเมืองมาตลอด

ประชาธิปไตยจะพัฒนาก้าวหน้าไปได้ จะต้องสร้าง “ชนชั้นกลาง” ขึ้นมาให้มากๆ มิฉะนั้น เราก็คงต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดไป

คนบ้านนอกเลือกรัฐบาล คนกรุงเทพฯล้มรัฐบาล

ก็เพราะประชาธิปไตยของเรายังเป็น “บัวใต้น้ำ” ที่ขึ้นไม่พ้นน้ำสักที

คุณอุดร ตันติสุนทร เขียนไว้ในหนังสือ พระราชอำนาจจากพระโอษฐ์ในหลวงฯ ของ คุณปราโมทย์ นาครทรรพ บอกว่า

ประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2475 ตอนเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งแรก เราให้ราษฎรทุกหมู่บ้านเลือกตัวแทนหมู่บ้าน และตัวแทนหมู่บ้านเลือกตั้งตัวแทนตำบล และตัวแทนตำบลเลือก ส.ส. (ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.ทางอ้อม)

ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2000 นายแอล กอร์ ได้คะแนน เสียงจากประชาชนโดยตรง (ป๊อปปูล่าร์โหวต) 51,003,928 คะแนน ชนะ นายจอร์จ บุช ซึ่งได้ 50,460,110 คะแนนอยู่ 543,718 คะแนน แต่ไม่ได้เป็นประธานาธิบดี เพราะไปแพ้บุชในอิเล็กโทรอล คอลเลจ 271 คะแนนต่อ 266 คะแนน แสดงว่าการเลือกตั้งอิเล็กโทรอล คอลเลจ สำคัญกว่าการเลือกตั้งโดยตรง

การใช้ “อิเล็กโทรอล คอลเลจ” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯมาจาก “ความไม่วางใจในคุณภาพของประชาชนทั่วไป” ว่าจะมีวิจารณญาณพอจึงให้คนธรรมสามัญไปเลือก คนที่จะไปเลือกประธานาธิบดีอีกทีหนึ่ง

สหรัฐฯใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อมนี้มาตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญเมื่อ 200 กว่าปีก่อน วันนี้ก็ยังใช้วิธีนี้ ทั้งที่ประชาชนส่วนใหญ่มีการศึกษาสูงขึ้นมากแล้ว

เทียบกับคนไทยส่วนใหญ่ในชนบทและต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ วันๆจะหาเช้ากินค่ำให้อิ่มท้องก็ยังลำบาก คนอีกมากในชนบทที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ระบบสื่อสารโทรคมนาคมไปไม่ถึง ไม่รู้ข่าวสารของบ้านเมืองเลย แต่เรากลับมอบให้คนเหล่านี้เป็นผู้เลือกผู้บริหารประเทศทั้งหมด

แถมให้อำนาจสูงกว่าคนสหรัฐฯถึง 4 เท่า คือ 1 เสียงเลือก ส.ส.เขตได้ 3 คน เลือก ส.ส.แบบสัดส่วนได้อีก 1 คน

แล้วเราจะไปคาดหวังอะไรกับอนาคตและประชาธิปไตยของไทยแลนด์.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=72061


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: จินตา <Jinta> ที่ ธันวาคม 18, 2007, 08:05:30 PM
อีกไม่กี่วันแล้ว... แต่ยังนึกไม่ออกว่าจะไปเลือกคนหรือพรรคไหนดีเลยครับ... แต่ไปใช้สิทธิ์ลงคะแนนแน่นอนครับ...


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ ธันวาคม 27, 2007, 10:29:46 AM
คนซื้อเสียงก็คนเก่า  คนเลือกก็คนเก่า  ขนาดกฎหมายเข้มข้นกว่าเดิม แต่ผลก็เหมียลเดิม ซื้อขายเหมียนเดิม
ต่อไปถ้าหากอยากเห็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เราต้องกำหนดคนลงไปใช้สิทธ์ และห้ามบางคนใช้สิทธ์ ;D


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 28, 2007, 08:31:42 PM
บึมพลีชีพถล่ม ฆ่าสยอง'ภุตโต' 20ศพเละเกลื่อน [28 ธ.ค. 50 - 04:06]
 
หลังมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายท้าทายความตายชนิด “เส้นยาแดงผ่าแปด” มาหลายครั้งหลายหน ในที่สุด นางเบนาซีร์ ภุตโต แกนนำฝ่ายค้านของปากีสถาน ที่ต้องลี้ภัยการเมืองระเห็จไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 8 ปี ก็หนีไม่พ้นมฤตยูที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตมาตลอด ถูกคนร้ายใช้ระเบิดพลีชีพสังหารดับดิ้น หลังเสร็จสิ้นการปราศรัยเพียงไม่กี่นาที 

คดีการเมืองนองเลือดสะท้านโลกครั้งนี้ เปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ว่า เกิดเหตุระเบิดพลีชีพในเมืองราวัลพินดี ประเทศปากีสถาน ขณะนางเบนาซีร์ ภุตโต ผู้นำฝ่ายค้านเพิ่งเสร็จสิ้นการชุมนุม ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เห็นมือระเบิดพลีชีพ ยิงกระสุนปืนเข้าใส่นางภุตโต ขณะกำลังออกมาจากการชุมนุมที่สวนสาธารณะของเมืองดังกล่าว จากนั้นคนร้ายได้กดระเบิดพลีชีพตนเอง เบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดแน่ชัด เกี่ยวกับรายงานข่าว ซึ่งระบุเพียงว่า มีผู้เสียชีวิตจากระเบิดพลีชีพ 20 ศพ จากนั้นไม่นานจึงค่อยมีข่าวทยอยออกมา ว่า นางภุตโตเสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว เมื่อเวลา 18.16 น. ตามเวลาท้องถิ่น หลังถูกนำส่งโรงพยาบาล โดยสถานีโทรทัศน์อารี-วัน รายงานว่า เธอถูกยิงเข้าที่ศีรษะอย่างน้อย 1 นัด และต่อมาได้รับการยืนยันจากกระทรวงมหาดไทยของปากีสถานถึงการเสียชีวิตของนางภุตโต

 http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=73291

จะกล้ากลับมาหรือเปล่า ?
 


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 28, 2007, 09:18:21 PM
ไม่เห็นมีสื่อเจ้าไหน รายงานประวัตินางบุตโต ในส่วน มรดกเลือดกรณีพิพาทมรดกพรรคการเมือง ระหว่างนางบุตโตกะพี่ชายอีกสองคน  จบลงด้วยตำรวจยิงพี่ชายทั้งสองตายในบ้าน  คาดเดากันว่าเป็นการจัดฉาก



หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 28, 2007, 10:35:26 PM
น่าเห็นใจครอบครัว บุตโต ที่เป็นเหยื่อทางการเมือง.  ::014::

แต่ในบ้านเรา อยากจะเห็นใจ.ที่บางคนอาจจะไปไม่ถึงดวงดาว.
และ จะต้องแพ้ภัยตนเอง และวิบากกรรม แต่อดีต.. เหมือนเอาทรายที่ไว้ก่อเจดีย์ ไปถมที่ทางตน
เห็นครรลอง. อยู่ตรงหน้าแล้วเชียว.. 
แต่คำตอบอาจไม่ต้องการเหตุผลนัก ว่า.. คนคำนวณ ไม่เท่าฟ้าลิขิต.  :)


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ ธันวาคม 28, 2007, 10:43:20 PM
ไม่เห็นมีสื่อเจ้าไหน รายงานประวัตินางบุตโต ในส่วน มรดกเลือดกรณีพิพาทมรดกพรรคการเมือง ระหว่างนางบุตโตกะพี่ชายอีกสองคน  จบลงด้วยตำรวจยิงพี่ชายทั้งสองตายในบ้าน  คาดเดากันว่าเป็นการจัดฉาก


การเมืองปากีโหดมากครับพี่โทน พ่อบุตโตก็โดนพลเอกเซีย ปฏิวัติแล้วประหารชีวิต เทียบกับปฏิวัติแบบไทยๆ มีดอกไม้เสียบรถถังแล้วชิลด์ๆ มากครับ สาเหตุความขัดแย้งในครอบครัวเกิดจากมางดานางบุตโตสนับสนุนลูกชายอีกคน ก็เลยเป็นความแค้นในตระกูลครับ สาเหตุที่การเมืองปากีสถานเล่นกันแรงตั้งแต่จับนายชารีพยัดเครื่องบินส่งออกนอกประเทศ รวมทั้งเหตุการณ์ระเบิดล่าสุดเนื่องจาก ประเทศเขาไม่เหลือที่ให้ถอย ปัญหาระหว่างประเทศเยอะมากทั้งอินเดียคู้แค้นประจำชาติ กลุ่มตาลีบันและกลุ่มต่อต้านอื่นๆ หากปล่อยให้มีการเลือกตั้ง หมายความว่ามีโอกาศที่จะกลายเป็นประเทศมุสลิมหัวรุนแรงมีสูง เมื่อนั้นนอกจากอินเดียแล้ว มหามิตรอเมริกันก็จะหันหอกเข้าใส่อีกรายครับ กรณีนี้สหรัฐฯจะหลับตาข้างนึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเรื่องประชาธิปไตย สนับสนุน พลเอกมูชาราฟต่อไปครับ ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดจริงๆ ส่วนประเทศไทยถ้าไม่ใช้ความเด็ดขาดก็วุ่นวายต่อไปจนอีกสัก15 ปีข้างหน้าเราจะเห็นประเทศเวียดนามมีความเจริญและขนาดเศรษฐกิจพอๆกับเราโดยไม่จำเป็นที่เวียดนามจะต้องเป็นประชาธิปไตย!


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 28, 2007, 11:03:47 PM
ที่จริงผมเองไม่ชอบตั้งแต่แนวคิด ของโมฮัมเหม็ด อาลีชีน่า  ตั้งแต่แยกตัวเป็นเอกราชแล้ว   เขาเน้นการวิธีการก่อจราจลเป็นหลัก


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มกราคม 04, 2008, 01:30:38 PM

ขวบปีที่ผ่านไป แม้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะทำให้คนไทยทุกข์จนไร้สุข... แต่ยังไม่ทุกข์หนักเท่าปัญหาปากท้อง ข้าวของแพงเพราะฤทธิ์ราคาพลังงานพ่นพิษ

และความทุกข์นี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะจบเมื่อไร...ตราบใดที่ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานยังไม่นิ่ง ยังวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่อย่างนี้

ชีวิตคนไทยไม่ว่าวันนี้ พรุ่งนี้ กระทั่งปีหน้าโน้น ก็ยังคงหาความสุข ไม่ได้ เพราะราคาน้ำมัน ราคาพลังงาน ได้กลายเป็นดัชนีสำคัญในการวัดความสุขของคนไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เนื่องจากชีวิตคนไทยผูกติดกับพลังงานมากล้น จนแทบไม่น่าเชื่อว่า...จนๆอย่างนี้ จะใช้พลังงานเกินตัว ยิ่งกว่าสามล้อถูกหวยซะอีก

จะเชื่อและสมน้ำหน้าตัวเองหรือไม่ว่า คนไทยใช้เงินซื้อพลังงานมากกว่ารายได้ที่ตัวเองหามาได้

ปี 2548 รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โชว์ตัวเลขผลการสำรวจข้อมูลว่า คนไทยมีรายได้เฉลี่ย 109,700 บาท ต่อคน ต่อปี  
แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเลขที่คนไทยไม่ค่อยสนใจ รายงานสถิติการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย ที่รวบรวมโดยกระทรวงพลังงาน ระบุว่า คนไทยใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเป็นมูลค่าทั้งหมด 1.27 ล้านล้านบาท...

เฉลี่ยแล้วใช้กันคนละ 203,735 บาทต่อปี

ใช้พลังงานมากเกินกว่ารายได้เกือบ 2 เท่าตัว
ปี 2550 ที่ผ่านมา ตัวเลขมีให้เห็นแค่ครึ่งปีแรก คนไทยใช้พลังงานขั้นสุดท้าย 118,824 บาทต่อคน...ตัวเลขทั้งปีมีจะออกมาคงไม่ต่ำกว่า 230,000 บาทต่อคนต่อปี

ในขณะที่ 10 ปีที่ผ่านมา...เมื่อปี 2541 คนไทยใช้พลังงานขั้นสุดท้าย เป็นมูลค่าเฉลี่ย 89,235 บาทต่อคนต่อปีเท่านั้น

ตัวเลขการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเป็นมูลค่าที่นำมาโชว์ หลายคนอาจจะมองว่าเว่อร์ไม่น่าเชื่อ...ปี 2541 น้ำมันราคาถูกย่อมต้องใช้น้อย...ปี 2550 น้ำมันแพงคนไทยย่อมต้องจ่ายแพงขึ้นเป็นธรรมดาไม่เห็นจะแปลกตรงไหน

แต่เมื่อนำสถิติการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายเป็นปริมาณมาวิเคราะห์

ผลลัพธ์ที่ได้ คนไทยใช้พลังงานเว่อร์เกินตัว...อย่างหมดข้อสงสัยในรสนิยมชมชอบความฟุ่มเฟือย

ราวกับว่าเงินที่หามาได้ เป็นแบงก์กงเต๊กยังไงยังงั้น

ปี 2541 ในยุคที่น้ำมันดีเซลมีราคาอยู่ที่ลิตรละ 9.14-12.96 บาท คนไทยใช้พลังงานขั้นสุดท้าย 45,617 กิโลตัน...หารด้วยจำนวนประชากรทั้งประเทศในตอนนั้น เฉลี่ยแล้วใช้กันคนละ 0.7 ตัน

มาปี 2549 ราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปอยู่ที่ลิตรละ 22.69-28.34 บาท...คนไทยใช้พลังงานขั้นสุดท้าย 63,046 กิโลตัน...เฉลี่ยแล้วใช้กันคนละ 1 ตันนิดๆ

ปี 2550 ราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้นไปอีก แพงหูฉี่ สถิติครึ่งปี ใช้กันคนละครึ่งตัน...ทั้งปีคงหนีไม่พ้น 1 ตันอย่างไม่ต้องสงสัย

ราคาพลังงานยิ่งแพง ถลุงใช้กันมากกว่าตอนราคาถูกซะอีก

และในขณะที่ราคาพลังงานแพงขึ้นเป็นประวัติการณ์ แต่เป็นเรื่องแปลกของประเทศไทย ที่การใช้พลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียนแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ไม่สมดุลกับวิกฤติราคาพลังงานที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย

ช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ (2531-2540) ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น 34% การใช้พลังงานขั้นสุดท้ายที่เป็นพลังงานหมุนเวียนมีสัดส่วนอยู่ที่ 17%

10 ปีหลัง (2541-2550) ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย พุ่งจากบาร์เรลละ 13.21 เหรียญสหรัฐฯ ขึ้นมาเป็น 71.11 เหรียญสหรัฐฯ

ราคาน้ำมันดิบแพงขึ้น 438%...การใช้พลังงานพลังงานหมุนเวียนของไทย สัดส่วนยังเท่าเดิม

การใช้พลังงานขั้นสุดท้ายของไทยในปัจจุบัน น้ำมันสำเร็จรูปยังคงมีสัดส่วนการใช้มากเป็นอันดับหนึ่ง มีสัดส่วนการใช้อยู่ที่ 50.3%

ไฟฟ้า 17.6%...ก๊าซธรรมชาติ 5.5%...ถ่านหินและลิกไนต์ 9.2%

สถิตินี้ชี้ให้เห็นว่าทุกลมหายใจเข้าออกของคนไทย ครึ่งหนึ่งยังต้องพึ่งพาน้ำมัน...อีก 1 ใน 5 พึ่งพาไฟฟ้า

ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายความสุขของคนไทย อย่างยากจะแยกออกจากกันได้... ถ้าคนไทยยังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้พลังงานเหมือนที่แล้วๆมา

“เรื่องรอวันน้ำมันถูกลงมาเหลือลิตรละ 20 บาท คงไม่มีอีกแล้ว”

นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผอ.สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ยืนยันอย่างมั่นใจ

ณ วันนี้ ฝันเป็นจริงที่พอจะทำให้คนไทยมีความสุขขึ้นมาได้บ้าง นั่นก็คือต้องลดการพึ่งพาพลังงานจากต่างประเทศให้ได้มากที่สุด และต้องหาพลังงานทดแทนที่เราสามารถทำขึ้นมาใช้ได้เองอย่างจริงจังเสียที

ทดแทนน้ำมันเบนซิน ที่ผ่านมามีแก๊สโซฮอล์ สูตร E10 ผสมเอทานอล 10% ช่วยได้แค่บรรเทานิดหน่อย...ปีนี้จะเริ่มใช้สูตร E20 ถูกกว่า E10 ลิตรละ 1 บาท

และอีกประมาณ 5 ปี ผอ.สนพ.บอกว่า จะมีแก๊สโซฮอล์สูตร E85 ผสมเอทานอล 85% ออกมาใช้

ฉะนั้น คนที่คิดจะซื้อรถ คงต้องมองถึงอนาคตว่ารถที่จะซื้อใช้น้ำมันสูตรใหม่ได้หรือเปล่าด้วย

น้ำมันดีเซล ณ ตอนนี้ ถึงจะมีไบโอดีเซล ที่ถูกกว่าดีเซลลิตรละ 1 บาท จะให้ถูกกว่านี้คงต้องรออีก 4-5 ปี

เนื่องจากพลังงานทดแทนสูตร B100 ใช้น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์อย่างเดียว ยังมีราคาอยู่ที่ลิตรละ 35 บาท ยังแพงกว่าดีเซล...เพราะผลผลิตน้ำมันปาล์มยังมีไม่พอ รอให้การขยายพื้นที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันได้ผลผลิตมากกว่านี้ ถึงจะเป็นไปได้จริง

ส่วนไบโอดีเซลที่ผลิตจากน้ำมันพืชใช้ได้ ยังมีปัญหาในเรื่องปฏิบัติ ที่คนไทยบางส่วนยังมีนิสัยไม่โปร่งใส มักจะเอาน้ำมันพืชใช้ได้ไปปลอมปนผสมน้ำมาขาย เลยทำให้การควบคุมคุณภาพการผลิตทำได้ค่อนข้างลำบาก

ความฝันอีกด้านหวังพึ่งก๊าซธรรมชาติ หรือ NGV ที่เห็นว่าราคาถูกลิตรละ 8.50 บาท ราคานี้เป็นแค่ราคาอุ้มโปรโมชั่นชวนเชิญให้ใช้ ราคาจริงตอนนี้ต้องอยู่ที่ประมาณ 14.50 บาท

และต่อไปในอนาคตจะอยู่ที่ 50% ราคาน้ำมันดีเซล

แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ราคาที่ถาวร ราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายในวันนี้ เป็นราคาของไทยจากอ่าวไทย ที่นายวีระพลบอกว่า ราคายังถูกกว่าความเป็นจริง เพราะสูตรคิดราคาก๊าซธรรมชาติของไทย อิงราคาตลาดโลกแค่ 30%

ต่อไปก๊าซในอ่าวไทยลดน้อยถอยลง และเราต้องสั่งเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น ราคาจะอิงตลาดโลกมากขึ้น...ตามกฎซื้อมาแพง ย่อมต้องขายแพง

ที่สำคัญที่บอกกันว่า...ก๊าซในบ้านเราจะหมดอีกประมาณ 15-20 ปีนั้น

เทียบกับปริมาณการใช้ในปัจจุบัน ต่อไปคนไทยใช้ก๊าซมากขึ้น สร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น...ตัวเลขก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่จะใช้ได้น้อยลง

และนำเข้าจากต่างประเทศมากขึ้น...ราคาจะแพงเร็วขึ้น

อนาคตยาวไกลดูเหมือนจะพึ่งได้ไม่มากนัก... ยิ่งถ้าต้องนำเข้ามาในรูปก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ด้วยแล้ว ราคาจะน้องๆ ดีเซลเท่านั้นเอง

ไฟฟ้า ลมหายใจความสุขก็เช่นกัน วันนี้ เราพึ่งพาก๊าซธรรมชาติเป็นหลักมากถึง 66% ต้นทุนเชื้อผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติของไทยราคาไทยอยู่ที่หน่วยละ 1.50 บาท

แต่ถ้าก๊าซไทยหมด ใช้ก๊าซนำเข้าราคาตลาดโลก ต้นทุนตกหน่วยละ 3 บาท

ฉะนั้นจะไม่เอาถ่านหิน...ไม่เอานิวเคลียร์ที่ต้นทุนเชื้อเพลิงน้อยกว่าหน่วยละ 50 สต.

อนาคตก็เตรียมรับชะตากรรมไร้สุขกันต่อไป...เดี๋ยวก็ชินไปเอง.

http://www.thairath.co.th/news.php?section=hotnews02&content=73712

ตัวเลขหารเฉลี่ยอัตราการใช้น้ำมันน่าจะผิดพลาด 1.27/60 ล้าน จะอยู่ที่ประมาณ20,000 บาท ถึงจะไม่ใช่ 200,000 ก็ยังแพงอยู่ดี อัตราการใช้อยู่ที่20% ของรายได้ ที่สำคัญ เรานำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติวันละประมาณ 1 ล้านบาร์เรล ในขณะที่โอเปกผลิตได้วันละประมาณ30 ล้านบาร์เรล คิดเป็น3 % ของกำลังการผลิตของโอเปก ใช้สูงพลังงานสูงติดอันดับโลก มากกว่าหลายๆชาติในยุโรปด้วยซ้ำ นั่นแปลว่านโยบายเราเกี่ยวกับพลังงานไม่ว่าการเน้นการใช้รถยนต์ เพื่อสร้างภาพปลอมๆว่าเราเป็นประเทศอุตสาหกรรมมียอดผลิตรถยนต์ กว่า1 ล้านคันต่อปี แต่ส่วนใหญ่ที่ผลิตได้ใช้ในประเทศในขณะที่ประเทศอุตสาหกรรมจริงๆเขาส่งออกเป็นส่วนใหญ่(หรือส่งออกมากกว่ามูลค่าวัตถุดิบและเครื่องจักรที่นำเข้า)ครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มกราคม 04, 2008, 02:54:26 PM
ผมมีข้อเขียนอาจารย์คึกฤทธิ์ จาก "สยามรัฐหน้า 5"  มาให้ลองอ่านครับ

           
"ปัญหาชีวิตเหล่านี้ แม่บ้านชัยภูมิรู้กันดี
    ทุกคน
            จึงไม่ต้องไปเสียเวลาสัมนากันให้มาก
    ขึ้น
            วันดีคืนดีก็รวบรวมเงินกันเช่ารถมา
    กรุงเทพฯ แล้วก็ไปหาหมอให้คุมกำเนิดให้
            ผลที่ต้องการก็เกิดขึ้นทันที
    ไม่ต้องรอให้รัฐบาลเอาการชะลอ
            การเกิดเป็นนโยบาย
    ไม่ต้องไปรอเงินงบประมาณจาก
     รัฐบาล

            เมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิต และ
    ผลประโยชน์ของตนโดยตรง ตนก็ต้องแก้
    ปัญหาและรักษาผลประโยชน์นั้นเอาเอง
            การกระทำของแม่บ้านชัยภูมิคราวนี้
    จึงเป็นตัวอย่างอันดีที่แสดงให้เห็นว่าประชาชน
    ชาวไทยนั้น มีความรู้มีความรับผิดชอบ มี
    ปัญญาที่จะแก้ปัญหาของตนเองได้เป็นอย่าง
    ดี
            ไม่ต้องพึ่งเทวดาอารักษ์
             หรือรัฐบาล ซึ่งก็เหลวและเลื่อนลอย
    เช่นเดียวกับเทวดาอารักษ์
            ไม่ใช่ราษฎรซึ่งเห็นรัฐบาลเป็นพ่อแม่
    คอยกราบไหว้รัฐบาลและขอให้รัฐบาลอาบน้ำ
    ป้อนข้าวให้ไปไม่มีที่สิ้นสุด
            แต่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งพึ่งตนเองได้
            เมื่อรัฐบาลไม่ช่วยหรือยังล่าช้าช่วยไม่ทัน
    ก็ช่วยตัวเองได้
            คนไทยทั้งปวงควรดูตัวอย่างแม่บ้าน
    ชัยภูมินี้ให้ดี
            และช่วยตัวเองเพื่อนประโยชน์ของเราเอง
    โดยไม่ต้องคอยพึ่งรัฐบาลในกรณีที่รัฐบาล
    ล้มเหลว
            เมื่อปรากฎว่าของกินแพง ทำไมเราไม่
    จัดสหกรณ์ผู้บริโภคของเราขึ้นเองตามตรอก
    ตามซอยต่างๆที่พอจะรวบรวมขึ้นได้
            เมื่อโจรผู้ร้ายชุกชุม รัฐบาลปราบรามไม่
    ไหว ทำไมเราไม่จัดหน่วยปราบผู้ร้ายของเรา
    ขึ้นเอง  เพื่อตีกับโจรให้มันแหลกกันไปข้าง
    หนึ่ง
            เมื่อราคาข้าวเปลือกมันถูกกินไป ทำไม
    เราไม่นัดกันขึ้นราคาข้าวเปลือกทั้งประเทศ
            เมื่อค่าจ้างต่ำเกินไป  ทำไมเราไม่นัด
    หยุดงานทั้งประเทศเพื่อเรียค่าจ้างเพิ่มทั่ว
    ประเทศ
            เริ่มต้นที่เรื่องผลประโยชน์ของ
    ตัวเราเองก่อน ดังเช่นที่แม่บ้านชัยภูมิห้าสิบกว่า
    คนนี้
            ต่อไปถ้ารัฐบาลเหลวแหลก เราก็
    ไล่รัฐบาลออกได้ ในฐานะที่เราเป็ฯเจ้าของ
    ประเทศ
            อย่าไปยุ่งกับนักการเมืองหรือผู้แทน
    ท่านเลย
            ไม่มีใครจะแทนตัวเราได้ดีกว่าตัวเอง"



       
              
ป.ล. 1. ที่มาที่ไปคือ กลุ่มแม่บ้านลูกดกจากชัยภูมิเหมารถเข้า กทม เพื่อทำหมันพร้อมกันที่ รพ.จุฬาฯ  ไม่ทราบวันเวลาแน่ชัด
        2. ผมคัดเนื้อบางส่วนหาจาก คอลัมน์ คึกฤทธิ์วินิจฉัย โดย ทองแถม นาถจำนง
            หนังสือสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ปีที่ 55 ฉบับที่ 13  วันศุกร์ที่ 21- วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2550 
        3. เจตนาจัดย่อหน้าตามคอลัมน์หนังสือเดิมครับ 
        4. ข้อเขียนของ อ.คึกฤทธิ์ที่อ้างถึง และที่ เนื้อหาที่ อ.ทองแถม จับมาเขียนได้ถูกจังหวะเวลาดี


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มกราคม 07, 2008, 03:03:48 AM
กระบองอริยะ

คำว่าอริยะ คุ้นหูคนไทยเช่นคำว่า อริยสัจ อริยมรรค อริยบุคคล เป็นคำเดียวกับ ชื่อประเทศ อิหร่าน หรือไอเร ประเทศเอกราชในเกาะไอร์แลนด์ใต้

ก่อนพุทธกาล 1,500 ปี ชนเผ่าอริยะอาศัยอยู่ในดินแดนที่เป็นประเทศโปแลนด์ สหภาพโซเวียตกลาง ล้ำเข้ามาจนถึงเอเชียกลาง ดินแดนเหล่านี้เป็นที่ราบเหมาะแก่การเลี้ยงสัตว์

ก่อนพุทธกาล 1,000-500 ปี อริยะเผ่าใหญ่ชื่อเผ่าภรต อพยพเข้าชมพูทวีป เริ่มตั้งรกรากอยู่ในดินแดนปัจจุบัน เรียกว่าแคว้นปัญจาป ระหว่างแม่น้ำยมนาและแม่น้ำศุติทรี

ผู้นำอริยะมาจากการเลือกตั้ง แต่จะเลือกด้วยวิธีใดไม่ชัด ฤคเวทกล่าวว่า หัวหน้าตระกูลอริยะที่เรียกว่าวิศแห่งรัฐ...เป็นผู้เลือก

อาถรรพเวทกล่าวว่า นอกจากตระกูลต่างๆแล้ว ครามณีคือนายบ้าน ก็มีสิทธิเลือก

นอกจากคนสองพวกนี้ ยังมี “ราชกฤต” แปลตรงๆว่า ผู้ทำพระราชา ทำหน้าที่เลือก

อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ ปราโมช สันนิษฐานไว้ในหนังสือ... ธรรมแห่งอริยะ ว่า ราชกฤตน่าจะเป็นพวกพราหมณ์ปุโรหิต และพราหมณ์อรรถวัน พราหมณ์สองพวกนี้มีหน้าที่ทำพิธีราชาภิเษก อยู่แล้ว

หัวหน้าตระกูลและครามณี มีหน้าที่ส่งกำลังทหาร จึงเป็นที่มาของอำนาจท่านผู้นำ

การเลือกตั้งผู้นำอริยะ ไม่ได้ถือทฤษฎีการปกครองเป็นใหญ่

แต่ถือเอา...ผล คือความสงบเรียบร้อยแห่งบ้านเมือง... เป็นใหญ่
ผู้นำอริยะที่ถูกเลือกแล้ว จะต้องฟังมติและความคิดเห็นจาก... สองสถาบันการปกครอง

สถาบันสมิติ และสถาบันสภา

สมิติ สภาล่าง เข้าทำนองสภาผู้แทนของไทยสมัยนี้ คือเป็นสภาของชาวบ้าน อาจารย์หม่อมเขียนว่า มีไว้ให้คนที่อยากดัง ได้แสดงความเห็น

ส่วนสภา...คล้ายวุฒิสภาปัจจุบัน ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีอำนาจมีอิทธิพลในสังคม และทำหน้าที่เหมือนศาลยุติธรรมด้วย

ระเบียบประเพณีของอริยะ เรียกว่า ราชนิติ และทัณฑนิติ

ราชนิติ กฎหมายของผู้นำ พอเป็นที่เข้าใจ แต่ทัณฑนิติ อาจารย์ หม่อมคึกฤทธิ์อธิบายว่า เมื่อเลือกผู้นำทำหน้าที่จอมทัพ ทำศึกสงครามแล้ว ชนทั้งปวงก็ต้องเสียสละรายได้บำรุงกองทัพ

คำพังเพยว่า เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าทหาร บ้านเมืองที่ว่างสงครามนานๆ ชาวบ้านเริ่มไม่เห็นประโยชน์ที่จะมีทหาร ทำท่าจะไม่ยอมจ่ายภาษีเลี้ยงดูทหาร

ผู้นำมีหน้าที่ใช้ทหาร ถือกระบองออกไปบังคับเอาภาษีจากชาวบ้าน

คำทัณฑ...เดิมแปลว่า คทา หรือกระบอง คำว่าทัณฑนิติ กฎหมายที่ต้องลงกระบอง เริ่มใช้กันตั้งแต่สมัยนั้น

ไม่น่าเชื่อว่า กฎหมายอริยะ...เมื่อสองสามพันปีที่แล้ว

ยังใช้สืบเนื่องกันถึงวันนี้ นายกรัฐมนตรีเมืองไทย...มียศจอมพล เป็นจอมพล แล้วจึงมีสิทธิถือคทา หรือกระบอง

เมืองไทยตอนนี้ บางจังหวัดมีคนชุมนุมต่อต้าน พวกราชกฤต หรือ กกต. หาว่าแจกใบแดงไม่เป็นธรรม บางกระทรวงย้ายปลัดเข้าทำเนียบ ปลัดก็ไม่ยอม ออกใบปลิวโจมตีรัฐมนตรี

งานนี้ เป็นงานท้าทายคนมีกระบอง...แต่จนบัดนี้ ยังไม่มีข่าวท่านผู้นำสั่งไล่ทุบไล่ถองใครให้รู้สำนึกเลยสักคน.


http://www.thairath.co.th/news.php?section=politics02&content=74239
น่าสมเพชบ้านเมืองที่คนมีมีกระะบอง กลับใช้กระบองไม่เป็น คนถือกระบองมีหน้าที่สร้างความสงบเรียบร้อยแต่กลับลืมหน้าที่สนใจแต่ว่าจะผิดหรือไม่จะถูกหรือเปล่า ทุกวันนี้สังเกตุดูได้ ข้าราชการส่วนใหญ่สนใจแต่ว่า "  ถูกหรือผิด  " มากกว่าคำว่าประสบผลสำเร็จ เพราะระดับรัฐมนตรีเป็นแบบนี้กันหมด (ส่วนใหญ่เป็นปลัดกระทรวงที่เกษียณอายุได้ดีมาจากระบบถูกผิดมากกว่า ยึดหลักการคิดว่า ประสบผลสำเร็จ หรือ ล้มเหลว ไม่มีใครดีพร้อมไปเสียหมด  แต่ขอให้มีความดีมากกว่าความไม่ดีประสบผลสำเร็จในองค์รวม ซึ่งในชีวิตจริงจะเห็นได้ว่าการสร้างบ้านเสร็จสักหลังเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่ทำให้ต้นหญ้าตาย) แต่ลืมคิดว่าบ้านเมืองและผลประโยชน์ของบ้านเมืองมาก่อน บ้างเมืองที่เขาเจริญกันได้เขาสนใจแต่ว่าอะไรคือประโยชน์ของบ้านเมืองเท่านั้น  เหตุการณ์ที่เทียนอันเหมิน เติ้งเสี่ยวผิงสั่งคือตัวอย่างของความเด็ดขาดนำมาซึ่งความเจริญของประเทศ วันนี้จีนภายใต้การปกครองแบบคอมมิวนิสต์มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลกมีเงินทุนสำรองเป็นอันดับ1 ของโลกแซงญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าวันนั้นเติ้งเสี่ยวผิงตัดสินใจพลาดป่านนี้จีนคงเป็นแบบเดียวกับ อดีตสหภาพโซเวียต บ้านแตกสาแหรกขาด แยกย่อยออกเป็นหลายสิบประเทศครับ


หัวข้อ: Re: อนาคตประเทศไทย หลังเลือกตั้ง50
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มกราคม 12, 2008, 12:13:10 AM
เมื่อเด็กไทยรั้งท้ายโลก [12 ม.ค. 51 - 18:28]
วันเสาร์สบายๆวันนี้เป็น “วันเด็กแห่งชาติ” คำขวัญวันเด็กจากนายกฯ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ปีนี้คือ “สามัคคี มีวินัย ใฝ่ความรู้ เชิดชูคุณธรรม” ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ครับ ก็ให้เป็นพิธีกรรม แต่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาฯไม่ได้สนใจว่าเด็กจะปฏิบัติ ตามคำขวัญหรือไม่ กระทรวงศึกษาฯจะนำคำขวัญนี้ไปยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ ในสถานศึกษาหรือไม่

แบบไทยๆคือ เข้าหูซ้ายออกหูขวา เหมือนกระดาษเปื้อนหมึกที่ไม่มีคุณค่าอะไร

รัฐบาลทุกรัฐบาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะ “กระทรวงศึกษาฯ” ผมอยากบอกไว้ตรงนี้ เลยว่า ทุกคนละทิ้งเด็ก ละทิ้งการศึกษาของเด็ก ทั้งๆที่ทุกคนก็มีลูกหลาน เป็นเด็กในบ้าน แต่กลับทำร้ายลูกหลานตัวเอง โดยไม่พัฒนาการศึกษาของเด็กไทย ให้ก้าวหน้าอย่างจริงจัง ทั้งๆที่เป็นหน้าที่

สองวันก่อน คุณจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาฯ ออกมาให้ข้อมูลฉลองวันเด็กถึง “คุณภาพเด็กไทยวันนี้” จากการจัดอันดับของ “สถาบันนานาชาติเพื่อการพัฒนาการ จัดการ” หรือ IMD ว่า
เด็กไทยมีความรู้ความสามารถอยู่ในอันดับที่ 46 เมื่อเทียบกับ 55 ประเทศทั่วโลกที่วัดผลวัดกันเรื่อง “คุณภาพการศึกษา” ด้าน “คณิตศาสตร์” และ “วิทยาศาสตร์” ในปี 2550 กับเด็กที่มีอายุ 15 ปี พบว่า เวลาเรียน 2 วิชานี้ของเด็กไทย มีน้อยกว่าประเทศอื่น และขาดแคลนครูที่มีความรู้ความสามารถในการสอน

นักเรียนไทยยัง “เขียนคำสะกดและใช้คำผิดมากที่สุด” เมื่อเทียบกับนักเรียน ประเทศอื่น นักเรียนไทยไม่สามารถแยกระหว่าง “ภาษาพูด” กับ “ภาษาเขียน” ออกจากกัน และยัง “เรียงประโยคไม่เป็น” ที่แย่ที่สุดก็คือ “เรียบเรียงความคิด ตัวเองเป็นภาษาเขียนไม่ได้” การศึกษาของเด็กไทยด้อยถึงขนาดนี้
ท่านปลัดกระทรวงศึกษาฯ สรุปในตอนท้ายข่าวว่า ปัญหาการศึกษาที่เกิดขึ้นกับเด็กไทยเหล่านี้ มีสาเหตุมาจากการคิดอ่านของเยาวชนเอง 4 ประการ คือ

1. เยาวชนคิดผิด คือ คิดแบบเอาเปรียบ คิดเรียนลัด คิดเก็งกำไร

2. คิดไม่เป็น คือ ตามผู้อื่น เลียนแบบ เชื่อเพราะผู้พูดเป็นผู้ใหญ่

3. ไม่คิด คือ ติดนิสัยพึ่งพาผู้อื่น เชื่อตัวบุคคล เชื่อนักวิชาการ เชื่อหนังสือพิมพ์ โดยไม่ไตร่ตรอง

4. คิดแล้วไม่ทำ คือ ประชุมเสร็จก็เลิกรา ปล่อยให้คนที่รับผิดชอบไปทำคนเดียว ไม่ช่วยระดมในรูปกลุ่ม

ผมอยากเรียนถาม คุณจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาฯ ไว้ตรงนี้ว่า แล้วที่เด็กนักเรียนไทยไร้ความสามารถย่ำแย่อย่างที่ท่านปลัดว่า มันเป็น “ความผิดของเด็ก” หรือ “ความผิดของกระทรวงศึกษาฯ” เพราะผมฟังดูที่ท่าน ปลัดพูดมา ท่านโยนความผิดให้เด็ก ทั้งๆที่เป็นความผิดของกระทรวงศึกษาฯ และครูเต็มประตู

ปีนี้ไม่ใช่ปีแรกที่การศึกษาไทยถูกจัดอยู่ในอันดับอย่างนี้ แต่อยู่ในอันดับอย่างนี้มาหลายปีแล้ว กระทรวงศึกษาฯก็ไม่มีการปรับปรุงพัฒนาสักที วันนี้กลับมาโทษเด็ก

ล่าสุด มีความคิดเพี้ยนๆจะให้มี “คะแนนทำความดี” เพื่อเป็น คะแนนในการสอบเข้า มหาวิทยาลัย ผมรู้สึกว่ามันจะไปกันใหญ่ ยิ่งมาดู “คุณภาพครู” ในสายตาของประชาชนที่ ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ แห่งสวนดุสิตโพลไปสำรวจมาแล้วก็ยิ่งน่าห่วง

ผลการสำรวจ ดร.สุขุม เฉลยว่า จุดด้อยของครูไทยในสายตาประชาชนคือ ครูมีความฟุ้งเฟ้อ ใช้จ่ายเกินตัว มีจิตสำนึกน้อยลง ขาดคุณธรรม (เรื่องนี้สำคัญที่สุด) เอาใจใส่เด็กน้อยลง แล้วจะให้ครูมาบันทึกความดีเด็ก เป็นคะแนน อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตคงนึกออก

ผมว่า นายกรัฐมนตรีควรจะเลิกให้คำขวัญเด็ก แบบขอไปทีได้แล้ว แต่ควรจะหันมา เน้นนโยบายพัฒนาเด็กแทน ทำให้ได้ “ปีละ 1 ข้อ” โดยถือเอา “วันเด็ก” นี่แหละเป็น “วันประกาศสัตยาบัน” ของนายกรัฐมนตรีต่อเด็ก

ถ้านายกฯทำไม่ได้ จะได้อายเด็กมัน เวลาเด็กด่าจะได้ด่าถูกคนด้วย

เรื่องภาษานี่ยอมรับเลยครับ ว่าตัวผมเองและคนในรุ่นเดียวกับผมที่อายุประมาณ30ก็ใช้ภาษาไทยกันไม่ค่อยจะถูกอยู่แล้ว เพราะว่าเรื่องนี้ระบบการศึกษาของเราถูกบังคับโดยระบบเอนทรานซ์และผลสอบเพื่อมุ่งเข้ามหาวิทยาลัยเน้นที่ใบปริญญาที่เป็นกระดาษแผ่นเดียวมากกว่าเป็นคนที่มีคุณภาพ การศึกษาในยุครุ่นผมลงมาจึงเป็นการศึกษาที่ต้องการแค่ถูกหรือผิด(กากบาทตัวเลือก4ข้อ) ซึ่งโรงเรียนทุกโรงเรียนก็ต้องยึดตามนี้เพื่อที่จะให้เด็กเข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆได้ ขอเล่าประสบการณ์จริงเลยแล้วกันผมเรียนจบวิศวะ พระจอมเกล้าพระนครเหนือ แล้วระหว่างนั้นก็ลงเรียนที่รามคำแหงคณะบริหาธุรกิจควบกันไปด้วย ผมสอบวิชาที่เป็นตัวเลือก a,b,c,d, สอบเพียงครั้งเดียวที่รามฯก็ผ่านหมดทุกวิชา เก็บหน่วยกิตได้เกือบร้อยหน่วยกิตในเวลาแค่ปีกว่าๆแต่ผมสอบวิชาเขียนบรรยายไม่ผ่านเลยแม้แต่วิชาเดียว มีอยู่วิชาหนึ่งสอบตกแล้วลงเรียนใหม่ทั้งหมด4 รอบไม่ผ่านครั้งสุดท้ายผมอ่านเฉลย(วิธีเรียนของเด็กรุ่นผมจะเรียนลัดหากต้องกานสอบผ่านก็ทำโดยเน้นการอ่านเฉลยเก็งแนวข้อสอบ)ย้อนหลังปรากฏว่าเป็นโจทย์เดียวกับที่สอบครั้งที่4 แต่ก็ยังไม่ผ่านอีกก็เลยจำใจต้องเลิกเรียน ส่วนวิศวะที่เรียนจบมาได้เพราะมันเป็น 1+1 เป็น2,3x6= 18 เลยเอาตัวรอดมาได้ครับ :D ก็ยังสงสัยอยู่รุ่นหลังๆมาการศึกษาไทยคงจะแย่กว่ารุ่นผมเยอะ เพราะเด็กรุ่นผมยังสนใจกันว่าต้องจบการศึกษาสาขาวิชาดีๆ สถาบันดีๆ แต่เด็กรุ่นใหม่สนใจกันที่ใครแต่งตัวดีกว่าขับรถแพงกว่าซะเป็นส่วนมากครับ
 
 http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=74846