เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

ลองดูครับตามข่าวจาก คม ชัด ลึก  :OO :OO :OO

http://www.komchadluek.net/2007/12/scoop/p001_181119.php?news_id=181119 (http://www.komchadluek.net/2007/12/scoop/p001_181119.php?news_id=181119)

ซ้อมยิงปืนติดกล้อง 2 เดือน "กำนันสไนเปอร์" ดับประธาน อบต.
13 ธันวาคม 2550 19:32 น.
 
ความแค้นที่สั่งสมมานานเกือบ 3 ปี เดินมาถึงจุดจบ กำนันกำแพงแสน นครปฐม ใช้.22 ติดลำกล้อง ส่องขมับดับประธาน อบต.คู่อริ ตามยุทธวิธีของ "สไนเปอร์" ที่ซุ่มซ้อมยิงอยู่นานเกือบ 2 เดือน ก่อนลงมือ

นานเกือบ 2 เดือนแล้ว ที่ "ธัชพล ธนรัชชานนท์" หรือ กำนันเนิน วัย 47 ปี ซุ่มซ้อมยิงปืนลูกกรด.22 ที่หาซื้อมาในราคา 8,000 บาท เพื่อให้ชินกับกล้องขยายติดตัวปืน จนเกิดความชำนาญและคุ้นมือ ก่อนจะตัดสินใจเด็ดขาดเอานาทีสุดท้ายเมื่อเที่ยงคืนเศษของวันที่ 12 ธันวาคม 2550

 เป้าหมายของเขาครั้งนี้ ไม่ใช่เป้ากระดาษ หรือนกหนู อย่างที่แล้วๆ มา แต่เป็น "วิชญ์ แก้วกังวาล" ประธานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม !!!

 ...ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน กำนันเนิน กำนันแห่งตำบลห้วยหมอนทอง มีเรื่องขัดแย้งกับวิชญ์ ที่มีฐานะเป็นญาติห่างๆ จนยากจะประสานรอยร้าวให้กลับมาเหมือนเดิมได้ ทั้งสองมีความระแวงต่อกัน ขณะเดียวกันก็เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น กระทั่งความบาดหมางที่ดำรงและดูเหมือนจะทวีความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ล่วงผ่านมาถึงจุดแตกหักเมื่อต้นปี 2550

 กำนันเนินแว่วข่าวหนึ่ง ที่เชื่อได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามมีความพยายามจะเอาชีวิตเขา ถึงขนาดลงมือว่าจ้างมือปืนเมืองเพชรตามเก็บ การเจรจากับมือปืนผ่านพ้นไปจนถึงขั้นตอนการตามดูเป้าหมาย แต่แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม มือปืนเมืองเพชรกลับใจในวินาทีสุดท้าย ก่อนจะกระซิบบอกความนัยเหล่านี้ให้น้องเขยกำนันเนิน คนเมืองเพชรเช่นกันได้รับรู้

 ข่าวนี้ถึงหูกำนันเนินในทันที นับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ระวังตัวแจ ทว่ากว่ากำนันเนินจะมาถึงจุดระเบิดก็ปล่อยเวลาให้ล่วงผ่านมานานหลายเดือน จนกระทั่ง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ตัดสินใจให้ "ภัทราวุธ แก้วหนองโพธิ์" หลานชายวัย 31 ปี ไปหาซื้อปืนลูกกรด.22 พร้อมกล้องขยายติดตัวปืนมาเก็บไว้ ระหว่างนี้ยามว่างก็จะนำออกมาซ้อมมือให้เกิดความชำนาญ หลังจากนั้นก็เป็นเวลาแห่งการรอคอย !?!

 กำนันเนินผู้เก็บความแค้นสั่งสมมายาวนานเกือบ 3 ปี เดินมาถึงปลายทางแห่งการรอคอยเมื่อกลางดึกวันที่ 12 ธันวาคม 2550 เขาพบประธาน อบต.วิชญ์ นั่งเล่นไพ่อยู่ในงานศพของลูกบ้านคนหนึ่ง ที่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 12 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม

 กำนันเนินชักชวน "ชวน โยธา" น้องชายวัย 39 ปี และภัทราวุธ หลานชาย ออกจากงานศพขึ้นรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ชฉ 3772 กรุงเทพมหานคร ออกจากงานศพ แล้วเลือกชัยภูมิที่สามารถมองเห็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน ประกอบกับอำนาจขยายของกล้องติดปืนช่วยให้เห็นเป้าหมายได้ง่ายขึ้น และเพื่อความแม่นยำมากยิ่งขึ้น จึงใช้ไหล่ของภัทราวุธเป็นที่ประทับเล็ง

 ภายในเต็นท์ผ้าใบที่ขึงกันน้ำค้างหน้าหนาวคราคร่ำไปด้วยเครือญาติผู้ตายและเพื่อนบ้าน ทุกคนใจจดจ่ออยู่กับเกมเสี่ยงโชคตรงหน้าเช่นเดียวกับประธานวิชญ์ จู่ๆ สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อประธานวิชญ์ล้มฟุบลงกับโต๊ะ เลือดไหลออกมาจนศีรษะชุ่มโชก สร้างความตกตะลึงและแตกตื่นแก่ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่วิญญาณของประธาน อบต.ถูกพรากออกจากร่าง อาจจะเรียกได้ว่านับตั้งแต่คมกระสุนขนาด.22 เจาะเข้าขมับขวาทะลุขมับซ้ายในวินาทีนั้นแล้ว

 ภายหลังลงมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามก็หลบหนีไป ฝ่ายตำรวจนำโดย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ธเนศ สุนทรสุข รอง ผบก.ศสส.ภ.7 พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ ผกก.ศสส.ภ.7 และ พ.ต.อ.ฐานันดร นาคขำพันธ์ ผกก.สภ.กำแพงแสน สั่งชุดสืบสวนออกติดตามตัวผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยมาสอบปากคำ ซึ่งชื่อของกำนันเนินผู้มีความบาดหมางกับผู้ตาย ชวนน้องชายในฐานะผู้สมัคร ส.อบต.สมัยหน้า และภัทราวุธหลานชายกำนันเนิน ปรากฏอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัยในอันดับต้นๆ

 ไม่นานตำรวจก็ได้ตัวกำนันเนินมาสอบปากคำ แม้แรกๆ จะบ่ายเบี่ยงให้การปฏิเสธ แต่แล้วเมื่อผ่านไปนานกว่า 10 ชั่วโมง ความเหนื่อยล้าอิดโรยเข้าครอบงำ สุดท้ายกำนันเนินก็เปิดปากรับสารภาพ

 "อย่าไปโทษใครเลย ผมเป็นคนลงมือยิงนายวิชญ์เอง เพราะนายวิชญ์เคยว่าจ้างมือปืนมายิงผม ผมรู้สึกกดดันมาเกือบ 3 ปีแล้ว" กำนันเนินโพล่งออกมาระหว่างการสอบสวนที่ยาวนาน

 การใช้ความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหาเสมอไป ไม่เช่นนั้นสังคมไทยก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและซากศพ !

"สไนเปอร์"

 พ.ต.อ.ไพฑูรย์ มณีอินทร์ ผกก.2 บก.ตปพ.เล่าถึงต้นกำเนินของสไนเปอร์ (SNIPER) หรือที่เรียกว่า "พลซุ่มยิง" ลักษณะเหมือนกับที่กำนันเนินใช้จัดการกับประธานวิชญ์ว่า เริ่มเกิดขึ้นจากนักล่าสัตว์ปีกแถบทวีปยุโรป หลังจากนั้นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ระเบิดขึ้น ทหารนาซีได้นำวิธีการของนักล่าสัตว์ไปใช้ในสงคราม โดยใช้วิธีการดักยิงศัตรูแบบไม่ให้รู้ตัว หรือเรียกว่าการลอบสังหารจากระยะไกล

 ต่อมาเมื่อผ่านพ้นสงครามโลกครั้งนั้น สหรัฐอเมริกาได้นำเทคนิคการซุ่มยิงไปดัดแปลงให้ทันต่อวิวัฒนาการทางทหาร โดยนำไปใช้ในหน่วยมารีน (หน่วยจู่โจมของทหารเรือ) ตลอดจนพัฒนาให้มีการฝึกฝนอบรมเป็นโรงเรียนพลซุ่มยิง ซึ่งผู้ที่จะเข้ารับการฝึกฝนได้จะต้องผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มงวด ทั้งด้านสภาพร่างกายและอารมณ์

 "สไนเปอร์ หรือพลซุ่มยิง ถือเป็นกำลังสำคัญในการรบหรือจู่โจมจากระยะไกล เพราะพลซุ่มยิงจะต้องศึกษาและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกระสุน ทิศทาง แสง และทิศทางลม พูดง่ายๆ ก็คือ หากปล่อยกระสุนออกไปแล้วโอกาสที่เป้าหมายจะรอดชีวิตนั้นน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย"
 

คนเขียนข่าวเขียนได้อย่างหนังสือเลยครับ

ด้วยคาวมเคารพครับ

        มีผู้ร่วมในเหตุการณ์สังหารหลายคน ทำไมต้องซัดทอดไปถึงหลานด้วย

        แค่ฝึกวางตำแหน่งกระสุนได้ดังใจ ... ขนาดไหนก็สั่งได้ (คงคิดตรงกัน)

ข่าวนี้สอนให้รู้อย่าดูถูกปืนขนาด .22 ครับ หากโดนในตำแหน่งมีสิทธินอนวัดได้เหมื่อนกัน ;D
ปล.สรุปนี่ยิงที่ระยะกี่เมตรครับ อ่านข่าวจาก นสพ.ฉบับหนึ่งบอก 10 กว่าเมตร.. ???

ผมว่าถ้า 10 กว่าเมตรไม่ต้องซุ่มยิงหรอกครับ เดินเข้าไปเหนี่ยวเลยง่ายกว่าอิๆๆ

กระสุนไม่ต้องโตเสมอไปตำแหน่งนั้นสำคัญที่สุด   เสียใจด้วยครับ

นี่แหละครับ ยิงแบบนี้แหละที่ผมก็กลัวๆเหมือนกัน  ไม่มีโอกาสแม้กระทั่งจะได้รู้ตัวหรือตั้งตัวเลย  ไม่เห็นคนยิงเลยด้วยซ้ำ :OO
เป็นการเอาปืนไปใช้ในทางที่ผิดวิธี  ควรที่จะได้รับโทษสถานหนักอย่างสาสม  น่ากลัวครับ ::003::

คิดเหมือนกันเลย เขียนไดเร้าใจจริงๆ ;D

ขออนุญาตครับ

ข่าวนี้ อ่านแล้ว แปร่ง ๆ ยังไงก็ไม่ทราบครับ เหมือนแก้ฝันหลังหวยออกยังไงก็ไม่รู้

ด้วยความเคารพครับ

เลอะเทอะ เขียนยังกับนิยาย คนเขียนข่าว เล่า ยังกับตัวเอง ไปยืนดูเค้ายิง ยังไงยังงั้น ถามจริง เป้นนักข่าว หรือ นักเขียนนิยายเนี่ย การเขียนข่าว ควรเสนอ ข้อเท็จจริง ตรงไปตรงมา ไม่ใช่มาใสสีตีไข่ซะเอง อ่านแล้วผมว่าไม่สร้างสรรค์ เลย แถมเอา เรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับไสนเปอร์ ผมว่า มันคนละเรื่องเลย ผมว่าเปลี่ยนอาชีพ ไปเขียนนิยายขายจะดีกว่ามั๊ง

ผมอ่านไปมาเหมือนนวนิยายเลย

คนเขียนข่าวเขียนเหมือนตัวเองไปอยู่ในเหตุการด้วย

เขียนซะ....เห็นภาพในเหตุการณ์เลย....

คำว่า SNIPER มาจากเกมส์ล่าสัตว์ของทหาร

อังกฤษล่านกที่มีความปราดเปรียวมาก นกนั้นมีชื่อว่า SNIPE ในยุคแรกๆมีทหารที่ไม่ยอมรับพลซุ่มยิง  เพราะยุคนั้นเขารบแบบ เข้าแถวเรียงหน้ากระดานยืนยิงใส่กันซึ่งๆหน้า  ::012::

...สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่มี "ทหารนาซี" หรอกครับ

.22

 ::002:: ::002:: :~) :~)

กร๊ากกกกกก กั๊ก ๆ ๆ  ::007::......................เข้าเป้าเลยครับพี่แก้ว

อ่านแล้วลืมนึกไปว่า กำลังอ่านข่าว....เกือบเคลิ้ม เหมือนอ่านนิยายเลย....เขียนแบบนี้ไม่ดีเลย...เดี๋ยวคนอื่น เขาก็เห็นนักนิยมปืน เป็นพวกเก็บความแค้น แล้วใช้ปืนตัดสินปัญหา อีก...

อืม....22.....

ผู้กำกับปล่อยคุณโต้งหมดเล้าเลย

นก snipe บ้านเราก็มีคับเรียกนกปากซ่อม ปักษ์ใต้เรียกนกสัก เพราะมันชอบแทง(v.สัก=แทง)ปากยาว ๆ ลงไปในโคลนเพื่อหาสัตว์เล็ก ๆ กิน ตัวโตขนาดนกเขา ตัวลาย ๆ หางสั้นกุด ปากค่อนข้างยาว อาศัยอยู่ตามท้องนาและชายเลน ผมเกือบจะเหยียบเอาหลายครั้งคือมันแอบอยู่ใต้กอข้าวที่เรากำลังเกี่ยว ไม่ยอมหนี พอจวนจะเหยียบนั่นแหละถึงได้บิน เวลาบินขึ้นแล้วมันจะบินซิกแซก ซ้ายขวา ซ้ายขวา 3-4 ครั้งก่อนจะไปตรง ๆ ฝรั่งถือเป็น gamebird ชนิดหนึ่ง เพราะยิงยากท้าทายก็ตรงที่จับทางไม่ถูกตอนมันเลี้ยวฉกาจไปมานี่แหละคับ แต่ฝรั่งยิงด้วยลูกซอง ยังไง ๆ ก็ไม่ใกล้เคียงกับการซุ่มยิงเลย  ผมก็เลยยังงงกับที่มาของคำว่า sniper เหมือนเดิม 
ในนวนิยายล่องไพร ตอน รอ.เรืองยิงเสือที่กระโจนเข้าใส่แล้วกล่าวว่า "ผมได้มาจากการยิง snipe "(ได้วิธียิงอย่างฉับพลันมาจากเกมส์ล่านกสัก) ยังจะพอจินตนาการออกมากกว่าคับ  

เอามีดแทงยังไหวครับ 10เมตรเอง ::005::

ล้างแค้นกันอีกแล้วครับ....แค้นอะไรกันนักกันหนา

หลังจากผู้มีอำนาจอ่านข่าวนี้จบแล้วก็มีประกาศออกมาว่า....


ห้ามจำหน่ายปืนยาว .๒๒ เนื่องจากเป็นปืนซุ่มยิง ;D

ห้ามซื้อขายกล้องติดปืน เนื่องจากเป็นส่วนควบอันตรายร้ายแรง ;D





หวังว่าคงไม่มีการบ้าจี้ตามข่าวนะครับผู้มีอำนาจทั้งหลาย :D

ถ้าเป็นจริงคงแย่แน่ผม เพิ่งเอามาเสียด้วย .22  :o

  เห็นด้วยครับ ฮิตเลอร์เพิ่งมามีอำนาจภายหลังและปลุกกระแสชาตินิยมสุดกู่ทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒

นานๆมีข่าวแบบนี้ทีนึงนะครับ ส่วนมากถล่มกันตอนนั่งรถ  ::012:: ::012::

สงสัยสองฝ่ายนี้ระวังตัวกันมาก มือปืนไม่กล้ารับงาน  ::003::

แต่ฉันจะตายก่อนเพราะตาลายกะลายเซ็นต์เธออีกแล้ว

อย่าให้หัวหน้าพรรค..........ที่บอกถ้าว่าได้จัดตั้งรัฐบวม

จะเพิ่มโทษคนพกปืนเป็นประหารชีวิต...เห็นเข้าเชียว :DD

เดี๋ยวบ้าจี้เพิ่มโทษเป็นประหารเจ็ดชั่วโคตร ..........แล้วจะยิ่งกร๊ากๆๆๆๆๆ........ ::007:: ::007:: ::007::

"บุคคลใดพกปืน และกระสุนปืนไปในที่สาธารณะ
จะเสนอโทษให้ประหารชีวิตทุกรายเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง"

อิอิ

ดีไม่ให้ประหารด้วยเครื่องประหารแบบเปาปุ้นจิ้น ไม่งั้นก็ ได้เปิดมีด..........ประหารกันแล้ว

คนเขียนข่าวให้รายละเอียดได้อย่างกับเหนี่ยวไกด้วยตัวเองแน่ะครับ...::005::

เอา .22 ไปออก ป.4 พอดีเลย  :D

แต่วิญญาณของประธาน อบต.ถูกพรากออกจากร่าง อาจจะเรียกได้ว่านับตั้งแต่คมกระสุนขนาด.22 เจาะเข้าขมับขวาทะลุขมับซ้ายในวินาทีนั้นแล้ว

.22 ยิงได้ขนาดนี้จริงหรือครับ   ::003::

นั่นสิครับ ผมว่าลูกธรรมดาคงไม่น่าขนาดนั้น น่าจะพวก stinger นะครับ

เอาเป็นว่า มีใครสักคน ยิงอีกคนตายด้วยปืนยาวติดกล้อง
ส่วนปืนราคาแปดพัน มีทะเบียนหรือไม่ สมควรมีในเนื้อข่าว ก็ไม่มี


Huay.

เขามองโลกด้านเดียวแน่ๆครับคุณกันบอย  ที่เขาคิดแบบนี้  :DD

อ่านข่าวแล้วไม่รู้พวก.............เลวๆพวกหัวคะ............นงหัวคะแนนเสียวหัว........กันบ้างใหม....ดีนะแบบน..... :OO. ::003:: ::007:: ::007:: ::007::