หัวข้อ: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:40:02 PM อยากทราบว่า " ไขมันกับโฆเลสเตอรอลต่างกันอย่างไร? " หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: jommy ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:48:12 PM คอเรสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่งน่ะครับ คือไขมันมีหลายชนิด เป็นสิบๆชนิดเลย คอเรสเตอรอลก็เป็นหนึ่งในนั้นแค่นั้นเองครับ
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:48:46 PM ไขมัน (Lipids) หมายถึง
สารอินทรีย์กลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ละลายน้ำ ปรากฏอยู่ในรูปของแข็งและของเหลวที่ได้จากพืชและสัตว์ ประเภทของไขมัน (แบ่งตามโครงสร้างทางเคมี) 1. กรดไขมันอิสระ (Free fatty acids) 2. คอเลสเตอรอล (Cholesterol) 3. ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) 4. ฟอสโฟลิปิด (Phospholipid) กรดไขมัน (Fatty Acids) กรดไขมันอาจแบ่งได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ 1. กรดไขมันอิ่มตัว (Saturated fatty acids) หมายถึง กรดไขมันที่คาร์บอนทุกตัวในโมเลกุลไม่สามารถจับกับไฮโดรเจนเพิ่มได้ และไม่สามารถจะจับกับสารใด ๆ ได้อีก ไขมันอิ่มตัวมักได้มาจากสัตว์ ซึ่งมีลักษณะแข็งตัวได้แม้ในอุณหภูมิปกติ เช่น เนยแข็ง น้ำมันหมู ช็อคโกแลต เป็นต้น โดยพวกนี้จะมีไขมันที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดจับตัว 2. กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fatty acids) หมายถึง กรดไขมันที่คาร์บอนในโมเลกุลสามารถเกาะกับไฮโดรเจนเพิ่มขึ้นได้ กรดไขมันไม่อิ่มตัวแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ 2.1 กรดไขมันไม่อิ่มตัวตำแหน่งเดียว ไขมันชนิดนี้แทบไม่มีบทบาทอะไรกับปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา เป็นต้น 2.2 กรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง กรดไขมันชนิดนี้สำคัญต่อร่างกายมาก ช่วยในการทำงานของอวัยวะสำคัญในร่างกาย มีลักษณะเหลวแม้ในอุณหภูมิต่ำ ส่วนใหญ่ได้จากพืชและสัตว์น้ำบางชนิด เช่น น้ำมันทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันข้าวโพด คอเลสเตอรอล (Cholesterol) ไขมันชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อใช้ในการสร้างฮอร์โมน วิตามินอี และกรดน้ำดี ซึ่งช่วยย่อยอาหาร ถ้าร่างกายมีคอเลสเตอรอลสูงเกินกว่าปกติ (มากกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร) ก็จะก่อให้เกิดผลเสียจากการที่คอเลสเตอรอลไปพอกตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจวาย เป็นต้น เราจะพบคอเลสเตอรอลเฉพาะในสัตว์ และพบมากในอาหารที่มาจากเครื่องในสัตว์รวมทั้งไข่แดง ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ไขมันและน้ำมันที่ได้จากพืชและสัตว์มีสารประกอบส่วนใหญ่เป็นไตรกลีเซอไรด์ นอกจากนี้ ไตรกลีเซอไรด์ยังเกิดขึ้นได้จากกระบวนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรท เช่น น้ำตาล ดังนั้น หากรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรทในปริมาณที่มากเกินไป จะมีผลทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้นได้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ค่าปกติของไตรกลีเซอไรด์ควรอยู่ระหว่าง 70-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ฟอสโฟลิปิด (Phospholipid) เป็นไขมันที่มีคุณสมบัติละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: หลวงริน - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:52:52 PM จะตอบซะหน่อยพิมพ์ช้า
ให้ท่าน 51 เค้าได้หน้าไปคนเดียวก็แล้วกัน ::002:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: 51 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:54:03 PM คิดอะไรไม่ออก บอกน้องห้า-หนึ่ง....ครับ คริ คริ
จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น... หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: yod - รักในหลวง ครับ ที่ ธันวาคม 15, 2007, 02:56:25 PM ชนิดของไขมัน
ไขมันอิ่มตัว (Saturated fat) สังเกตง่าย ๆ คือ ไขมันที่มีแนวโน้มแข็งตัวหรือเป็นไขเมื่ออุณหภูมิเย็นลง เช่น เนยต่าง ๆ มาร์การีน ไขมันสัตว์ น้ำมันพืชบางชนิด น้ำมันปาล์ม ฯลฯ มีประโยชน์ในการใช้เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย แต่ถ้ารับประทานมากจะทำให้ไขมันในเลือดสูงได้ ดังนั้นจึงต้องจำกัดการรับประทานไม่ควรเกิน 10% ของพลังงาน หรือน้อยกว่า 22 กรัม ต่อวัน หรือ 1½ ช้อนโต๊ะ สำหรับผู้ที่ต้องการพลังงาน 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ไขมันไม่อิ่มตัว (Unsaturated fat) มี 2 จำพวก คือ 1. ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (PUFA) 2. ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (MUFA) หรือ กรดโอเลอิก ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน คนทั่วไปรู้จักดี มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโอเมก้า 3 (กรดไลโนเลนิก) และ กลุ่มโอเมก้า 6 (กรดไลโนเลอิก) ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มจัดเป็นกรดไขมันจำเป็นสำหรับร่างกาย การรับประทานไขมันกลุ่มนี้ มีประโยชน์จะช่วยลด โคเลสเตอรอลได้ แต่การรับประทานมากเกินกว่า 10% อาจจะลดไขมันที่ดี คือ HDL ซึ่งเป็นตัวลดโคเลสเตอรอล ในเลือด ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว หรือ MUFA เป็นสารอาหารที่แพทย์ นักกำหนดอาหารนักโภชนาการ แนะนำให้รับประทานเพราะสามารถช่วยลดโคเลสเตอรอล และไตรกลีเซอร์ไรด์ นอกจากนี้ยังช่วยให้น้ำเลือดไม่หนืดข้น ซึ่งให้ผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และยังพบว่ายังมีส่วนช่วยเพิ่ม HDL ช่วยในการลดโคเลสเตอรอลในเลือด ขนาดที่แนะนำให้รับประทาน คือสามารถให้ได้ถึง 20% ของพลังงาน แหล่งที่มี MUFA สูง คือ น้ำมันดอกทานตะวันชนิดเฉพาะที่มีกรด โอเลอิกสูง ไม่ใช่น้ำมันดอกทานตะวันที่มีขายทั่วไป อย่างใดก็ตาม จำนวนไขมันทั้งหมดที่เรารับประทานก็ไม่ควรเกิน 30% ของพลังงานที่ได้รับจากอาหารในแต่ละวัน เลสเตอรอล คืออะไร โคเลสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่ง ซึ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในการสร้างฮอร์โมนและเซล กระแสเลือดจะนำโคเลสเตอรอลไปสู่ส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ร่างกายได้โคเลสเตอรอลมาจากไหน ร่างกายสามารถผลิต โคเลสเตอรอลขึ้นเองได้ที่ตับและได้รับเพิ่มจากการกินอาหารบางชนิดที่มีโคเลสเตอรอล อาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน ไข่แดง กุ้ง ปู ปลาหมึก หอย สมองหมู ตับ ไต และน้ำมันหมู เป็นต้น ทำไมโคเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินปกติ จึงอันตราย โคเลสเตอรอลที่มีอยู่ในกระแสเลือดนั้น ถ้ามีระดับสูงเกินกว่าปกติ(มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร) โคเลสเตอรอลจะไปเกาะตามผนังเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดตีบแคบลง เลือดจึงไหลไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ อาจเป็นสาเหตุของโรคหัวใจขาดเลือด หัวใจอาจหยุดเต้นอย่างเฉียบพลันได้ เราจะทราบได้อย่างไรว่า ระดับโคเลสเตอรอล ในเลือดสูงเกินกว่าปกติหรือไม่ แพทย์เท่านั้นที่จะสามารถบอกำด้อย่างถูกต้องว่าท่านมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินปกติหรือไม่ โดยการตรวจเลือดเพียงเล็กน้อย ง่าย ๆ และ ไม่เจ็บ ท่านอาจมีโอกาสมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินปกติได้มากถ้าท่านมีน้ำหนักเกินปกติ ความดันโลหิตสูง เป็นโรคเบาหวาน สูบบุหรี่ ชอบทานอาหารมัน มีประวัติญาติพี่น้องเคยเป็นโรคหัวใจหรือท่านออกกำลังกายน้อยหรือไม่เพียงพอ ท่านควรจะปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจหาระดับโคเลสเตอรอลในเลือดเสียแต่วันนี้ ถ้าระดับโคเลสเตอรอลสูงเกินปกติ เราจะลดระดับโคเลสเตอรอลได้อย่างไร ท่านสามารถลดระดับโคเลสเตอรอลได้ โดยการลดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีโคเลสเตอรอลต่ำ เช่น เนื้อปลา ไข่ขาว นมพร่องไขมัน ผักสด ผลไม้ เป็นต้น นอกจากนั้นท่านควรจะลดการปรุงอาหารโดยการใช้น้ำมันทอดโดยเปลี่ยนไป ต้ม นึ่ง หรือย่างแทน หรือถ้าทอด ก็ควรใช้น้ำมันพืชที่ทำจากถั่วเหลือง ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลแพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจให้ท่าน ควบคู่ไปกับการลดสาเหตุที่ทำให้โคเลสเตอรอลสูง (http://img216.imageshack.us/img216/807/25189128yq6.gif) (http://img218.imageshack.us/img218/909/chairfr2.gif) หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ ธันวาคม 15, 2007, 03:00:42 PM ไขมันในอาหารคือการที่สารอาหารชนิดนี้เป็นแหล่งของกรดไขมันจำเป็นเช่น linoeic acid และ linolenic acid ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโต การรักษาสมดุลของผิวหนัง ควบคุมการเผาผลาญคอเลสเทอรอล และยังเป็นสารตั้งต้นในการผลิต postagladin ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของร่างกาย ไขมันยังมีหน้าที่ในการลำเลียงและการดูดซึมของวิตามินชนิดที่ละลายในไขมันได้แก่ A, D, E และ K รวมทั้ง carotenoids ด้วย ในบางกรณีไขมันจากอาหารยังเป็นวิตามินเองด้วย เช่น น้ำมันถั่วเหลืองเป็นแหล่งสำคัญของ วิตามิน E
ร่างกายมนุษย์สะสมไขมันไว้ภายในเซลล์ไขมัน (adipose cell) แต่ก็สามารถพบไขมันบางส่วนในเลือดและเซลล์อื่นๆได้ด้วย การสะสมไขมันในร่างกายมิใช่เพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายเท่านั้น แต่ยังช่วยรองรับและป้องกันอวัยวะภายในต่างๆอีกด้วย นอกเหนือไปจากหน้าที่ที่มีต่อร่างกายแล้ว ไขมันยังมีส่วนสำคัญในด้านเนื้อสัมผัส, กลิ่นรส, ความชุ่มเนื้อ, และรสชาติของอาหารอีกด้วย และเนื่องจากร่างกายของเราย่อยไขมันได้ช้ากว่าสารอาหารชนิดอื่น เช่น คาร์โบไฮเดรต. ไขมันเป็นเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอิ่ม หลังจากที่ได้รับอาหารเข้าในประมาณที่เพียงพอแล้ว โดยหลักการ ไขมันมิได้ถูกแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ แต่อย่างใด เพราะไขมันก็ประกอบขึ้นด้วยธาตุสามชนิดเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรต ได้แก่ คาร์บอน, ไฮโดรเจน, และออกซิเจน อย่างไรก็ตาม ไขมันจะมีสัดส่วนของคาร์บอนและไฮโดรเจนมาก และมีออกซิเจนน้อย ซึ่งทำให้ไขมันมีพลังงานต่อมวลมากถึง 9 แคลอรีต่อกรัม ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตให้พลังงานเพียง 4 แคลอรีต่อกรัม โคเลสเตอรอล(cholesterol) เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายใช้สร้างเป็นเยื่อบุเซลล์ สร้างเป็นฉนวนหุ้มเส้นประสาท สร้างฮอร์โมนต่างๆ ที่สำคัญคือฮอร์โมนเพศ นอกจากนี้ ยังใช้สร้างเกลือน้ำดี ซึ่งช่วยในการย่อยอาหาร ร่างกายได้รับโคเลสเตอรอลจาก 2 ทางคือ 1.จากอาหารที่มาจากสัตว์ ทั้งนี้อาหารที่มาจากพืชไม่มีโคเลสเตอรอล อาหารที่มีโคลอสเตอรอลมากได้แก่ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง และสัตว์ที่มีกระดอง เป็นต้น 2. ร่างกายสร้างขึ้นเองที่ตับ เมื่อตับได้รับโคเลสเตอรอลจากอาหารมาก การสังเคราะห์โคเลสเตอรอลในตับจะลดลง ในทางกลับกันถ้าลดปริมาณโคเลสเตอรอลในอาหาร ตับจะสร้างโคเลสเตอรอลขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะเป็นโคเลสเตอรอลที่ตับสร้างขึ้นเองหรือได้จากอาหาร ตับจะส่งโคเลสเตอรอลไปสู่เนื้อเยื่ออื่นๆของร่างกาย โดยส่งรวมกับกรดไขมันและไลโพโปรตีนที่มีความหนาแน่นต่ำมากเรียก วีแอลดีแอล(VLDL) ซึ่งสร้างจากตับ เมื่อวีแอลดีแอลส่งกรดไขมันไปให้เนื้อเยื่อไขมันแล้ว ตัวมันเองจะมีความหนาแน่นมากขึ้นกลายเป็นไลโพโปรตีนที่มีความหนาแน่นต่ำเรียกว่า แอลดีแอล(LDL) ซึ่งมีโคเลสเตอรอลเกาะอยู่ เนื้อเยื่ออื่นๆของร่างกายจะรับโคเลสเตอรอลไปได้ต้องมีตัวรับแอลดีแอล(LDL receptor) จากนั้นแอลดีแอลจะถูกพาเข้าเซลล์ แล้วถูกย่อยสลาย เซลล์จะนำโคเลสเตอรอลไปใช้สร้างหรือซ่อมแซมเยื่อเซลล์ของเนื้อเยื่อนั้น เอสดีแอล(HDL) ทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับแอลดีแอล คือ ขนส่งโคเลสเตอรอลที่มากเกินพอในเซลล์กลับไปยังตับ โคเลสเตอรอล : สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด ในปัจจุบันโรคหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุของการตายอันดับต้นๆของคนไทย ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันสูง และการสูบบุหรี่ ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยที่ท่านสามารถควบคุมได้ โดยทั่วไปเมื่อคนเราอายุมากขึ้น ผนังของหลอดเลือดแดงจะแข็งตัวขึ้นทำให้ขาดความยืดหยุ่น ถ้ามีแผ่นคราบไขมันซึ่งส่วนใหญ่เป็นโคเลสเตอรอลมาเกาะติดที่ผนังด้านในจะทำให้หลอดเลือดแดงตีบแคบลง เกิดภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง(atherosclerosis) เมื่อเป็นมากขึ้น เลือดจะไหลผ่านไม่ดี เกิดเป็นก้อนอุดตันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด(coronary heart discase) จากการศึกษาในประชากรทั่วโลกพบว่า ผู้ใหญ่ที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินกว่า 260 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะมีอุบัติการณ์ของโรคหัวใจขาดเลือดสูงกว่าคนที่มีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดน้อยกว่า 220 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ประมาณ 3-5 เท่า การที่มีระดับโคเลสเตอรอลรวม(total cholesterol) ในเลือดสูง ส่วนใหญ่เกิดจากการมีระดับแอลดีแอลโคเลสเตอรอลสูง(LDL-C) การมีระดับแอลดีแอลโคเลสเตอรอลมากกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเกิดภาวะหลอดเลือดแข็ง เราจึงถือว่า แอลดีแอลโคเลสเตอรอลเป็นโคเลสเตอรอลเหลว ส่วนเอชดีแอลโคเลสเตอรอลเป็นโคเลสเตอรอลดี เพราะทำหน้าที่ขนถ่ายโคเลสเตอรอลจากผนังหลอดเลือดแดงที่แอลดีแอลไปปล่อยไว้กลับคืนสู่ตับ ซึ่งตับจะเผาผลาญโคเลสเตอรอลเป็นน้ำดีแล้วขับออกจากร่างกายทางอุจจาระ เรายังพบว่า คนที่มีปริมาณระดับเอชดีแอลโคเลสเตอรอล(HDL-C)น้อยกว่า 35 มก./ดล. จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมากกว่าคนที่มีเอชดีแอลโคเลสเตอรอลสูง ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด จะมีอาการเจ็บป่วย 3 แบบ ได้แก่ 1. มีอาการหัวใจวายเสียชีวิตปัจจุบันทันด่วน 2. มีอาการของโรคหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ(anginapectoris) คือมีอาการเจ็บหน้าอกแบบบีบรัดแน่นหน้าอก และปวดร้าวขึ้นคอ ขากรรไกร หรือไหล่ ซึ่งจะหายไปเองในช่วงเวลาสั้นๆ(มักไม่เกิน 5 นาที) 3. ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย(myocardiai infarction) ผู้ป่วยจะเจ็บกลางหน้าอกรุนแรง เจ็บร้าวลามไปถึงแขน คอและไหล่ มักเจ็บติดต่อนานเป็นชั่วโมงๆขึ้นไปร่วมกับอาการอ่อนเปลี้ย หอบเหนื่อย ป้องกันโคเลสเตอรอลสูง ดังนั้น เรามีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดปริมาณโคเลสเตอรอลสูงในเลือดได้อย่างไร เพราะสุดท้ายแล้ว อาหารคือตัวเรา(you are what you eat) 1. กินโคเลสเตอรอลไม่เกินวันละ 300 มิลลิกรัม ทำได้โดยลดหรือเลิกกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะเครื่องในสัตว์ สมองหมู หนังสัตว์ เช่น หนังไก่ หนังเป็ด หนังหมู ไข่แดง(ไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล) ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม เป็นต้น เลือกกินเฉพาะเนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมพร่องไขมัน 2. ใช้น้ำมันพืชปรุงอาหาร 3. ไม่ควรกินอาหารทอดเป็นประจำ เช่นกล้วยแขก ปลาท่องโก๋ ไก่ทอด รวมทั้งแกงกะทิด้วย ปล.ขอบคุณข้อมูลจาก www.healthsquare.org ด้วยค่ะ ::002:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 15, 2007, 03:22:08 PM เคยอ่านเจอครับน้ำมันพืชควรเป็นน้ำมันถั่วเหลือง หรือจากดอกทานตะวันเพราะ น้ำมันปาล์มมีไตรกรีเซอไรล์
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: submachine -รักในหลวง- ที่ ธันวาคม 15, 2007, 03:43:31 PM จะตอบซะหน่อยพิมพ์ช้า ให้ท่าน 51 เค้าได้หน้าไปคนเดียวก็แล้วกัน ::002:: พี่ต้อยรึ จะสู้ท่าน51 รายนั้น เค้ามีพยาบาลส่วนตั๊ว...ส่วนตัว.... หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:08:55 PM ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ผมตรวจสุขภาพครั้งล่าสุด คลอเรสเตอรอลอยู่ที่ 230 / แพทย์บอกยังไม่ต้องใช้ยา แนะนำให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอและควบคุมอาหารดีๆครับ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: VENDY ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:29:26 PM ไม่ต้องตอบแล้ว ;D ไขมันมีทั้งที่เป็นดีและไม่ดีค่ะ ตรวจสุขภาพประจำก็จะดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 04:39:20 PM พี่ปูคงทราบละเอียดแล้วครับ...
เทียบง่ายๆ... ไขมัน เป็นชื่อกลุ่ม เหมือน คาร์โบไฮเดรต... ฆอเลสเทอรอล เป็น ไขมัน ชนิดหนึ่ง เหมือน แป้งที่เป็น คาร์โบไฮเดรต ชนิดหนึ่งครับ...:D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 15, 2007, 05:03:48 PM ไม่ต้องตอบแล้ว ;D ไขมันมีทั้งที่เป็นดีและไม่ดีค่ะ ตรวจสุขภาพประจำก็จะดีค่ะ ก็ไม่ยอมกลับบ้านไปตรวจนานแล้วนี่ ...... อ้างแต่งานยุ่ง พี่ปูคงทราบละเอียดแล้วครับ... เทียบง่ายๆ... ไขมัน เป็นชื่อกลุ่ม เหมือน คาร์โบไฮเดรต... ฆอเลสเทอรอล เป็น ไขมัน ชนิดหนึ่ง เหมือน แป้งที่เป็น คาร์โบไฮเดรต ชนิดหนึ่งครับ...:D ขอบคุณครับคุณพ่อน้องแตงกวา ขอถามคุณพ่อน้องข้าวหอมอีกอย่างครับว่า ไขมันแบบโฆเลสเตอรอลทำไมถึงมีโทษมหันต์หนักหนา เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคที่อันตรายถึงชีวิต และการกำจัดรักษาทำไมถึงยากเย็นนักครับ ..... การออกกำลังกายเข้าใจว่าช่วยได้เพียงเล็กน้อย ต้องอาศัยการรักษาด้วยการให้ยาเป็นหลัก ถูกต้องหรือไม่ครับน้าหมอ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 15, 2007, 05:17:10 PM ไขมันมันมีอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวครับ มีพวกอิ่มตัวมากๆเลือดก็ข้นหนืด แนะนำให้ทานแป้งและไขมันสัตว์ให้น้อยสุดครับ เพราะที่สะสมมาจนปูนนี้มันก็เยอะแล้ว หมอสาวๆชอบบอกให้งดของมันๆ(ตีความเองนะครับ) ผมจะใช้วิธีทานผักในตอนเช้าและเที่ยง
มื้อเย็นก็ตามสะดวก อย่างน้อยสุดผักมันก็ช่วยดูดซึมไขมันต่างๆไว้ และขับออกทางอุจจาระทางคนทานถ่านไม้ป่นเพื่อดูดซับไขมันก็มีและมียา XENICAL ของ ROCHE ทานพร้อมอาหารพวกไขมันๆจะไม่ถูกดูดซึม และขับถ่ายออกไปพร้อมอุจจาระ ผมก็ใช้ยานี้แหละเวลาเจอมื้อหนักๆมันๆ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ ธันวาคม 15, 2007, 07:46:17 PM ไตไม่ดีก็ทำให้โคเลสเตอรอลสูงได้เช่นกันครับ ส่วนการรักษาโรคพวกนี้ผมว่าเราต้องดูแลตัวเองคือ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ ทานอาหารที่ไม่มีไขมันมากเกินไป ฯลฯ ก็จะเป็นภูมิคุ้มกันให้เราดีที่สุดและแก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด ส่วนการทานยามันปลายเหตุแล้วครับ พูด(พิมพ์)เหมือนเก่งแต่ผมก็ทำไม่ได้๑๐๐% ก็เลยออกกำลังบ้างไม่ประจำ กินยาบ้างบางวัน ;D ;D
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ ธันวาคม 15, 2007, 07:55:20 PM ออกกำลังกายทุกวัน...สุขสันต์แข็งแรงครับลุงปู ::002::
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2007, 12:26:55 AM ไม่ต้องตอบแล้ว ;D ไขมันมีทั้งที่เป็นดีและไม่ดีค่ะ ตรวจสุขภาพประจำก็จะดีค่ะ ก็ไม่ยอมกลับบ้านไปตรวจนานแล้วนี่ ...... อ้างแต่งานยุ่ง พี่ปูคงทราบละเอียดแล้วครับ... เทียบง่ายๆ... ไขมัน เป็นชื่อกลุ่ม เหมือน คาร์โบไฮเดรต... ฆอเลสเทอรอล เป็น ไขมัน ชนิดหนึ่ง เหมือน แป้งที่เป็น คาร์โบไฮเดรต ชนิดหนึ่งครับ...:D ขอบคุณครับคุณพ่อน้องแตงกวา ขอถามคุณพ่อน้องข้าวหอมอีกอย่างครับว่า ไขมันแบบโฆเลสเตอรอลทำไมถึงมีโทษมหันต์หนักหนา เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคที่อันตรายถึงชีวิต และการกำจัดรักษาทำไมถึงยากเย็นนักครับ ..... การออกกำลังกายเข้าใจว่าช่วยได้เพียงเล็กน้อย ต้องอาศัยการรักษาด้วยการให้ยาเป็นหลัก ถูกต้องหรือไม่ครับน้าหมอ ก็ไม่เชิงว่าโฆเลสเทอรอลมันเลวร้ายปานนั้นครับพี่... ร่างกายเราต้องการและจำเป็นต้องใช้ไขมันในรูปโฆเลสเทอรอลอย่างมาก... โดยใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเยื่อบุเซลล์ สร้างเป็นเส้นประสาท สร้างฮอร์โมนต่างๆ และน้ำดี... แต่การที่โฆเลสเทอรอลสูงจจนเกินไปจะไปจับตัวในหลอดเลือด เปรียบเหมือนตะกรันในท่อน้ำ สมัยก่อนเราเชื่อว่ามันค่อยๆทำให้ตีบลงๆ จนเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราพบมามักเป็นการแตกหลุดของ plaque ที่หลุดลอยออกมาแล้วไปอุดมากกว่าครับ... การคววบคุมระดับโฆเลสเทอรอลในร่างกายนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากครับ... ผมมีความเห็นส่วนตัวว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าครับ ถ้าหากเราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมอาหาร ระดับโฆเลสเทอรอลในเลือดก็ไม่ใช่ว่าจะคุมไม่ได้... แต่ทีนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าร่างกายมนุษย์นั้นไม่ได้จีรังยังยืน สิ่งที่เราทำเมื่อสิบปีก่อนแล้วได้ผลดี ปัจจุบันนี้อาจไม่ได้ผลเท่าเดิม เช่น สิบปีก่อนผมไม่ออกกำลังเลยกินไม่เคยควบคุม ระดับโฆเรสเทอรอลไม่เคยเกิน 150 แต่ปัจจุบันหากต้องการระดับนั้นผมต้องออกกำลังกายวันละ 15-20 นาทีเกือบทุกวัน กินอาหารแค่พอประมาณ อีกสิบปีข้างหน้าผมอาจจะต้องออกกำลังทุกวันๆละ 30-45 นาที แถมกินไข่ได้ไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์หากจะรักษาระดับโฆเลสเทอรอลในเลือดไว้ให้เท่าเดิม(โดยไม่ใช้ยา) ทั้งนี้เป็นเพราะกระบวนการการเผาผลาญอาหารของผมเสื่อมลง ตับทำงานได้ลดลง ความต้องการสร้างเส้นประสาทและฮอร์โมนต่างๆลดลงครับ.... ไม่แน่ใจว่าตอบคำถามของพี่ปูได้ชัดเจนหรือเปล่า... แต่ที่ต้องการจะบอกจริงๆคือ เราไม่ได้ใช้ยาเป็นหลักนะครับ กรณีที่ต้องใช้ยาคือในกลุ่มที่ป่วยแล้ว คือมีระดับไขมันโฆเลสเทอรอลสูงเกินค่าเหมาะสมของอายุไปแล้วครับ และใช้วิธีอื่นไม่ได้ผลหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ มีประวัติของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดครับ... ขอให้พี่ปูและเพื่อนๆทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลยานะครับ... ;D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 16, 2007, 05:39:12 AM ขอบพระคุณคุณพ่อน้องแตงกวา และ เพื่อนสมาชิกทุกท่านครับ (http://imagehost.compgamer.com/uploads/a4461940d0.gif) (http://imagehost.compgamer.com)
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 08:07:12 AM ไม่ต้องตอบแล้ว ;D ไขมันมีทั้งที่เป็นดีและไม่ดีค่ะ ตรวจสุขภาพประจำก็จะดีค่ะ ก็ไม่ยอมกลับบ้านไปตรวจนานแล้วนี่ ...... อ้างแต่งานยุ่ง พี่ปูคงทราบละเอียดแล้วครับ... เทียบง่ายๆ... ไขมัน เป็นชื่อกลุ่ม เหมือน คาร์โบไฮเดรต... ฆอเลสเทอรอล เป็น ไขมัน ชนิดหนึ่ง เหมือน แป้งที่เป็น คาร์โบไฮเดรต ชนิดหนึ่งครับ...:D ขอบคุณครับคุณพ่อน้องแตงกวา ขอถามคุณพ่อน้องข้าวหอมอีกอย่างครับว่า ไขมันแบบโฆเลสเตอรอลทำไมถึงมีโทษมหันต์หนักหนา เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคที่อันตรายถึงชีวิต และการกำจัดรักษาทำไมถึงยากเย็นนักครับ ..... การออกกำลังกายเข้าใจว่าช่วยได้เพียงเล็กน้อย ต้องอาศัยการรักษาด้วยการให้ยาเป็นหลัก ถูกต้องหรือไม่ครับน้าหมอ ก็ไม่เชิงว่าโฆเลสเทอรอลมันเลวร้ายปานนั้นครับพี่... ร่างกายเราต้องการและจำเป็นต้องใช้ไขมันในรูปโฆเลสเทอรอลอย่างมาก... โดยใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างเยื่อบุเซลล์ สร้างเป็นเส้นประสาท สร้างฮอร์โมนต่างๆ และน้ำดี... แต่การที่โฆเลสเทอรอลสูงจจนเกินไปจะไปจับตัวในหลอดเลือด เปรียบเหมือนตะกรันในท่อน้ำ สมัยก่อนเราเชื่อว่ามันค่อยๆทำให้ตีบลงๆ จนเลือดไปเลี้ยงส่วนปลายไม่ได้ แต่ปัจจุบันเราพบมามักเป็นการแตกหลุดของ plaque ที่หลุดลอยออกมาแล้วไปอุดมากกว่าครับ... การคววบคุมระดับโฆเลสเทอรอลในร่างกายนั้นจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยากครับ... ผมมีความเห็นส่วนตัวว่ามันอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าครับ ถ้าหากเราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ควบคุมอาหาร ระดับโฆเลสเทอรอลในเลือดก็ไม่ใช่ว่าจะคุมไม่ได้... แต่ทีนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าร่างกายมนุษย์นั้นไม่ได้จีรังยังยืน สิ่งที่เราทำเมื่อสิบปีก่อนแล้วได้ผลดี ปัจจุบันนี้อาจไม่ได้ผลเท่าเดิม เช่น สิบปีก่อนผมไม่ออกกำลังเลยกินไม่เคยควบคุม ระดับโฆเรสเทอรอลไม่เคยเกิน 150 แต่ปัจจุบันหากต้องการระดับนั้นผมต้องออกกำลังกายวันละ 15-20 นาทีเกือบทุกวัน กินอาหารแค่พอประมาณ อีกสิบปีข้างหน้าผมอาจจะต้องออกกำลังทุกวันๆละ 30-45 นาที แถมกินไข่ได้ไม่เกิน 3 ฟองต่อสัปดาห์หากจะรักษาระดับโฆเลสเทอรอลในเลือดไว้ให้เท่าเดิม(โดยไม่ใช้ยา) ทั้งนี้เป็นเพราะกระบวนการการเผาผลาญอาหารของผมเสื่อมลง ตับทำงานได้ลดลง ความต้องการสร้างเส้นประสาทและฮอร์โมนต่างๆลดลงครับ.... ไม่แน่ใจว่าตอบคำถามของพี่ปูได้ชัดเจนหรือเปล่า... แต่ที่ต้องการจะบอกจริงๆคือ เราไม่ได้ใช้ยาเป็นหลักนะครับ กรณีที่ต้องใช้ยาคือในกลุ่มที่ป่วยแล้ว คือมีระดับไขมันโฆเลสเทอรอลสูงเกินค่าเหมาะสมของอายุไปแล้วครับ และใช้วิธีอื่นไม่ได้ผลหรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน สูบบุหรี่ มีประวัติของโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดครับ... ขอให้พี่ปูและเพื่อนๆทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงห่างไกลยานะครับ... ;D รบกวนสอบถามครับ ว่าออกกำลังกายเป็นประจำนี่ ควรเป็นอย่างน้อยสัปดาห์ละกี่วันครับ ถึงเรียกว่าออกกำลังกายประจำสม่ำเสมอได้ หรือว่าต้องประจำทุกวัน แล้วออกกำลังกายครั้งหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดควรอยู่ที่นานกี่นาทีครับ ::014:: ของผมคลอเรสเตอรอลตรวจเมื่อไม่กี่เดือนมานี้อยู่ที่ 230 ถือเป็นระดับไหนแล้วครับ และจะมีทางลดลงได้มากน้อยหรือไม่เพียงใดครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 16, 2007, 08:14:45 AM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 16, 2007, 06:58:41 PM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน ขอบคุณครับพี่ PU 45 ::014:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 16, 2007, 08:53:41 PM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เสริมพี่ปูนิดนึงครับ... การออแกกำลังกายให้ได้ผลควรได้อัตราการเต้นหัวใจประมาณ 70-80 % ของ maximum heart rate ครับ... โดยใช้ 220 - อายุ(ปี) = maximum heart rate... สมมุติว่าผมอายุ 40 ปีก็ควรออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 126-144 ครั้งต่อนาที... ต่อเนื่องกันนานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อครั้ง ไม่รวมช่วงวอร์มอัพและคูลดาวน์... สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอย่างที่พี่ปูบอกครับ...:D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: RroamD ที่ ธันวาคม 16, 2007, 09:13:48 PM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เสริมพี่ปูนิดนึงครับ... การออแกกำลังกายให้ได้ผลควรได้อัตราการเต้นหัวใจประมาณ 70-80 % ของ maximum heart rate ครับ... โดยใช้ 220 - อายุ(ปี) = maximum heart rate... สมมุติว่าผมอายุ 40 ปีก็ควรออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 126-144 ครั้งต่อนาที... ต่อเนื่องกันนานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อครั้ง ไม่รวมช่วงวอร์มอัพและคูลดาวน์... สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอย่างที่พี่ปูบอกครับ...:D สวัสดีครับพี่หมอ ผมคงลำบากกว่าพี่ๆ ท่านอื่นเรื่องการออกกำลังกายอย่างแน่นอนเพราะผ่าตัดและทำระบบทวารเทียมที่หน้าท้อง คงต้องรบกวนขอคำแนะนำเป็นพิเศษด้วยครับ ด้วยความเคารพครับ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 17, 2007, 11:29:42 AM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เสริมพี่ปูนิดนึงครับ... การออแกกำลังกายให้ได้ผลควรได้อัตราการเต้นหัวใจประมาณ 70-80 % ของ maximum heart rate ครับ... โดยใช้ 220 - อายุ(ปี) = maximum heart rate... สมมุติว่าผมอายุ 40 ปีก็ควรออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 126-144 ครั้งต่อนาที... ต่อเนื่องกันนานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อครั้ง ไม่รวมช่วงวอร์มอัพและคูลดาวน์... สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอย่างที่พี่ปูบอกครับ...:D ขอบคุณครับ ::014:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: MP 436 ที่ ธันวาคม 17, 2007, 11:31:11 AM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เสริมพี่ปูนิดนึงครับ... การออแกกำลังกายให้ได้ผลควรได้อัตราการเต้นหัวใจประมาณ 70-80 % ของ maximum heart rate ครับ... โดยใช้ 220 - อายุ(ปี) = maximum heart rate... สมมุติว่าผมอายุ 40 ปีก็ควรออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 126-144 ครั้งต่อนาที... ต่อเนื่องกันนานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อครั้ง ไม่รวมช่วงวอร์มอัพและคูลดาวน์... สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอย่างที่พี่ปูบอกครับ...:D สวัสดีครับพี่หมอ ผมคงลำบากกว่าพี่ๆ ท่านอื่นเรื่องการออกกำลังกายอย่างแน่นอนเพราะผ่าตัดและทำระบบทวารเทียมที่หน้าท้อง คงต้องรบกวนขอคำแนะนำเป็นพิเศษด้วยครับ ด้วยความเคารพครับ เป็นกำลังใจให้ครับพี่ ::014:: หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 17, 2007, 12:48:39 PM เมื่อเช้าที่ผ่านมา นายก อบต.ที่ผมอยู่ เดินออกกำลังกายอยู่ดีๆก็ฟุบไป มีคนนำส่งรพ.ประจำตำบล หลังปฐมพยาบาลก็ได้มีการส่งต่อไปยัง รพ.กรุงเทพภูเก็ต ปรากฎว่าไม่รอด เมื่อ ๒ ปีก่อนโดนยิงกระสุนทะลุปอด ไปช่วงส่งท้ายปีเก่า รักษาตัวอยู่หลายเดือน อายุก็ราวๆห้าสิบกลางๆ ค่อนข้างอ้วน ..... ชีวิตไม่เที่ยงแท้หนอ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 18, 2007, 03:00:53 PM วันนี้ไปเจาะเลือดตรวจหลายตัวครับ การทำงานของไต --------- ปกติ ไตรกลีเซอไรด์ ------------- ปกติ ยูริค เอซิด ------------------ ปกติ โฆเลสเตอรอล ------------- XXX ผิดปกติ วัดได้ 245 ความดันโลหิต ------------- ปกติ ความดันทุรัง --------------- XXX ผิดปกติ วัดได้จากอาการของแพทย์ ซักจนหมอไม่คุยด้วย อิ อิ ******************************************************************************* หมอบอกว่าไขมันในเลือดปกติควรอยู่ที่ประมาณ 150 (ไม่ทราบหน่วยวัด ถามแล้วหมอไม่ตอบ) ของผมหมอแนะนำให้ควบคุมอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เพราะไขมันที่เป็นอันตรายมาจากเนื้อทุกประเภท แม้เห็นว่าปิ้ง/ย่างจนแห้งแล้วก็ยังมีไขมันอยู่ ห้ามเด็ดขาดก็พวกเครื่องในสัตว์ทุกชนิด นมสดจากสัตว์ อาหารทะเลทุกชนิด ยกเว้นปลา ............ พ่อน้องแตงกวา พอมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมอีกไหมครับ อีกสองเดือนไปเช็คกันใหม่อยากให้ทุกตัวเป็นปกติ ........ ขอบคุณคุณพ่อน้องข้าวหอมด้วยครับ ท่านอื่นๆละครับ สุขภาพเป็นอย่างไรกันบ้าง เอามาเล่าสู่กันฟัง แนะนำอะไรดีๆให้กันมั่ง หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ ธันวาคม 18, 2007, 03:09:29 PM ...การออกกำลังต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ ฝรั่งบอกว่า "Listen to your body" การหักโหมแบบไม่ฟังเสียงร้องอุทธรณ์ของร่างกายตนเอง ให้ผลร้ายเกินกว่าที่คิดครับ ::003::
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ ธันวาคม 18, 2007, 03:20:10 PM ;D..พึ่งเคยได้ยิน..มีวัดความดันทุรังด้วย.พี่ปูเรา... ::005::
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 18, 2007, 04:09:29 PM ...การออกกำลังต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ ฝรั่งบอกว่า "Listen to your body" การหักโหมแบบไม่ฟังเสียงร้องอุทธรณ์ของร่างกายตนเอง ให้ผลร้ายเกินกว่าที่คิดครับ ::003:: ขอบคุณครับพี่แก้ว ผมดูตัวอย่าง นายก อบต. แกออกกำลังกายเสร็จไปสั่งกาแฟทาน จู่ๆก็แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก นำส่ง รพ. ปฐมพยาบาลแล้วส่งต่อไปยัง รพ.กรุงเทพภูเก็ต สุดท้ายก็ไม่เสียที่นั่น ตอนนี้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล อยู่ที่บ้าน ไม่ทราบว่าเครียดอะไรมากหรือเปล่า กิจการทางบ้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ฐานะดี เจ้าตัวเพิ่งลง เล่นการเมืองท้องถิ่นสมัยแรก เมื่อสองปีก่อน โดนยิงทะลุปอดไปทีด้วยอีโบ๊ะ แต่ก็รอดมาได้ ครั้งนี้มาตายง่ายๆ ;D..พึ่งเคยได้ยิน..มีวัดความดันทุรังด้วย.พี่ปูเรา... ::005:: น้าพงษ์ก็มีอยู่ในตัวไม่น้อยนี่ ....... ไม่กล้าลองวัดละสิ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 19, 2007, 12:41:45 AM วันนี้ไปเจาะเลือดตรวจหลายตัวครับ การทำงานของไต --------- ปกติ ไตรกลีเซอไรด์ ------------- ปกติ ยูริค เอซิด ------------------ ปกติ โฆเลสเตอรอล ------------- XXX ผิดปกติ วัดได้ 245 ความดันโลหิต ------------- ปกติ ความดันทุรัง --------------- XXX ผิดปกติ วัดได้จากอาการของแพทย์ ซักจนหมอไม่คุยด้วย อิ อิ ******************************************************************************* หมอบอกว่าไขมันในเลือดปกติควรอยู่ที่ประมาณ 150 (ไม่ทราบหน่วยวัด ถามแล้วหมอไม่ตอบ) ของผมหมอแนะนำให้ควบคุมอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เพราะไขมันที่เป็นอันตรายมาจากเนื้อทุกประเภท แม้เห็นว่าปิ้ง/ย่างจนแห้งแล้วก็ยังมีไขมันอยู่ ห้ามเด็ดขาดก็พวกเครื่องในสัตว์ทุกชนิด นมสดจากสัตว์ อาหารทะเลทุกชนิด ยกเว้นปลา ............ พ่อน้องแตงกวา พอมีอะไรแนะนำเพิ่มเติมอีกไหมครับ อีกสองเดือนไปเช็คกันใหม่อยากให้ทุกตัวเป็นปกติ ........ ขอบคุณคุณพ่อน้องข้าวหอมด้วยครับ ท่านอื่นๆละครับ สุขภาพเป็นอย่างไรกันบ้าง เอามาเล่าสู่กันฟัง แนะนำอะไรดีๆให้กันมั่ง เรียนพี่ปูครับ... หน่วยของโฆเรสเทอรอลที่เราใช้ๆกันมีสองหน่วยครับ mg/dl หรือ mmol/litre ครับ... วัดได้ 245 โดยค่าปกติไม่ควรเกิน 150 น่าจะเป็น mg/dl ครับ เพราะหน่วย mmol/litre ค่ามักเป็นแค่หลักสิบต้นๆครับ... แนะนำเพิ่มเติม คงแนะนำไม่ถูกหรอกครับพี่ เพราะผมไม่ทราบอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ อาการของพี่ในปัจจุบันและในอดีต นี่ยังไม่รวมถึงประวัติครอบครัว(และจำนวนภรรยา)อีกต่างหาก...::005:: ผมไม่แน่ใจว่าหมอของพี่เริ่มให้ยาหรือยัง ถ้าหากยังก็คงแปลว่ายังไม่ต้องรีบ แต่ควรเริ่มออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักตัวครับ... ว่างๆพี่ พีเอ็มข้อมูลมาให้ผมเลยจะง่ายกว่าครับ...:D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 19, 2007, 12:55:10 AM เท่าที่ทราบมานะครับ เคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่อง 30 นาทีขึ้นไป จะเดิน วิ่ง หรือ อื่นๆ ตามสภาพร่างกายรับได้ไม่หักโหม สัปดาห์หนึ่งไม่น้อยกว่า 3 วันครับ การออกกำลังกายหนักเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เช่นกัน เสริมพี่ปูนิดนึงครับ... การออแกกำลังกายให้ได้ผลควรได้อัตราการเต้นหัวใจประมาณ 70-80 % ของ maximum heart rate ครับ... โดยใช้ 220 - อายุ(ปี) = maximum heart rate... สมมุติว่าผมอายุ 40 ปีก็ควรออกกำลังกายให้ได้ประมาณ 126-144 ครั้งต่อนาที... ต่อเนื่องกันนานไม่ต่ำกว่า 15 นาทีต่อครั้ง ไม่รวมช่วงวอร์มอัพและคูลดาวน์... สัปดาห์ละ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอย่างที่พี่ปูบอกครับ...:D สวัสดีครับพี่หมอ ผมคงลำบากกว่าพี่ๆ ท่านอื่นเรื่องการออกกำลังกายอย่างแน่นอนเพราะผ่าตัดและทำระบบทวารเทียมที่หน้าท้อง คงต้องรบกวนขอคำแนะนำเป็นพิเศษด้วยครับ ด้วยความเคารพครับ ท่านพี่ RroamD เข้าใจผิดแล้วครับ... หลังจากพี่หายเจ็บแผลผ่าตัดแล้ว พี่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ใกล้เคียงคนปกติทั่วไปครับ... ผมประมาณว่า 90% ของการออกกำลังกายนั้นพี่สามารถทำได้ครับ ที่ไม่เหมาะจริงๆก็อย่างพวก วิ่งวิบาก แข่งขันไตรกีฬา เทควันโด้ มวยปล้ำ มวยไทย อะไรพวกนี้ครับ... อย่างเช่น การวิ่งจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค ตีปิงปอง( ::005:: ) ตีแบดมินตัน ลีลาศ ไต่เขา ฯลฯ ที่พี่สามารถทำได้ครับ... ที่สำคัญ พี่ยิงปืนได้แน่นอนครับ จะปืนสั้น ปืนยาว ปืนลูกซอง รับรองไม่ลงแดงแน่ครับ...อิ..อิ..:D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ ธันวาคม 19, 2007, 12:59:06 AM เข้ามาให้กำลังใจลุงปูฮับ ใจเย็นๆครับ รอมีหลานหลายๆคนก่อน :VOV: :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 07:04:44 PM เรียนพี่ปูครับ... หน่วยของโฆเรสเทอรอลที่เราใช้ๆกันมีสองหน่วยครับ mg/dl หรือ mmol/litre ครับ... วัดได้ 245 โดยค่าปกติไม่ควรเกิน 150 น่าจะเป็น mg/dl ครับ เพราะหน่วย mmol/litre ค่ามักเป็นแค่หลักสิบต้นๆครับ... แนะนำเพิ่มเติม คงแนะนำไม่ถูกหรอกครับพี่ เพราะผมไม่ทราบอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ อาการของพี่ในปัจจุบันและในอดีต นี่ยังไม่รวมถึงประวัติครอบครัว(และจำนวนภรรยา)อีกต่างหาก...::005:: ผมไม่แน่ใจว่าหมอของพี่เริ่มให้ยาหรือยัง ถ้าหากยังก็คงแปลว่ายังไม่ต้องรีบ แต่ควรเริ่มออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักตัวครับ... ว่างๆพี่ พีเอ็มข้อมูลมาให้ผมเลยจะง่ายกว่าครับ...:D ขอบคุณหมอรุทมากครับ ....... PM ข้อมูลให้แล้ว ..... เอ้อ ..... ภรรยามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือครับ มีคนเดียวจิงจิ๊ง หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 07:17:12 PM เพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ..... ยาที่ใช้ประจำวัน หลังอาหารเช้ามื้อเดียวครับ 1. TENORMIN 50 MG TAB (PRENOLOL) # 60 TAB 1 เม็ด 2. ANAPRIL 5 MG TAB zINVORIL # 60 TAB 1 เม็ด 3. URICAD 300 MG TAB # 60 TAB 1 เม็ด ส่วนยาควบคุม Cholesterol บอกแพทย์ว่า ขอลองอีก 2 เดือนด้วยวิธีธรรมชาติคือ คุมอาหารและออกกำลังกาย แล้วค่อยมาดูอีกทีว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด ...... ไม่อยากทานยามากเกินไปครับ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: lek ที่ ธันวาคม 21, 2007, 08:07:38 PM เพิ่มเติมอีกหน่อยครับ ..... ยาที่ใช้ประจำวัน หลังอาหารเช้ามื้อเดียวครับ 1. TENORMIN 50 MG TAB (PRENOLOL) # 60 TAB 1 เม็ด 2. ANAPRIL 5 MG TAB zINVORIL # 60 TAB 1 เม็ด 3. URICAD 300 MG TAB # 60 TAB 1 เม็ด ส่วนยาควบคุม Cholesterol บอกแพทย์ว่า ขอลองอีก 2 เดือนด้วยวิธีธรรมชาติคือ คุมอาหารและออกกำลังกาย แล้วค่อยมาดูอีกทีว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด ...... ไม่อยากทานยามากเกินไปครับ แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 09:01:25 PM ตอนเด็กๆเห็นใขมันผมเขี่ยทิ้ง ตอนโตๆแล้วอะไรไม่มันทำใมมันไม่ค่อยอร่อย เนื้อก็ต้องติดมันจึงแซ่บ ;D ;D
หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 10:13:14 PM น้าปูลองทานพวกแป้งกับของที่มีไขมันน้อยลง ทานผักมากขึ้น1สัปดาห์ลองไปตรวจใหม่ ถ้าดีขึ้นก็มี2ทางคือ1.เลือกทานอย่างที่ว่ามา 2.ฉลองโต๊ะจีน ผมเน้นอาหารญวนครับแต่มันหิวเร็ว เพราะโรงงานมีประสิทธิภาพสูง เมื่อก่อนไม่เคยสนใจขอให้อร่อยก็แล้วกัน ขอบคุณครับน้าเล็ก ....... จริงๆแล้วผมยังรับประทานเหมือนปกติทุกอย่าง เพียงแต่ลดปริมาณและความถี่ลง รอดูผลอีก 2 เดือนข้างหน้าครับว่าจะเป็นเช่นไร ถ้าไม่ลด หรือเพิ่มขึ้น คงต้องอาศัยยาหมอช่วยอีกแรง ตอนเด็กๆเห็นใขมันผมเขี่ยทิ้ง ตอนโตๆแล้วอะไรไม่มันทำใมมันไม่ค่อยอร่อย เนื้อก็ต้องติดมันจึงแซ่บ ;D ;D นั่นสิครับน้าตุ๊ ...... ยิ่งข้าวขาหมูนี่ยิ่งชอบ ..... อิ อิ นะ นะ หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 10:32:24 PM ลุงปูต้องทำใจแล้วหละครับ ;D
หาผักย่อยง่ายๆมาลวกจิ้มน้ำพริกปลาดีใหม ถ้าเป็นผักตามธรรมชาติยิ่งดี ;D หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ ธันวาคม 21, 2007, 10:40:41 PM เริ่มแล้วครับ ..... เรื่องอาหารมาอันดับแรก ตามด้วยการออกกำลังกาย .... หวังใจว่าถูกทางแล้ว หัวข้อ: Re: ขอความรู้เรื่องสุขภาพครับ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 21, 2007, 10:59:04 PM เรียนพี่ปูครับ... หน่วยของโฆเรสเทอรอลที่เราใช้ๆกันมีสองหน่วยครับ mg/dl หรือ mmol/litre ครับ... วัดได้ 245 โดยค่าปกติไม่ควรเกิน 150 น่าจะเป็น mg/dl ครับ เพราะหน่วย mmol/litre ค่ามักเป็นแค่หลักสิบต้นๆครับ... แนะนำเพิ่มเติม คงแนะนำไม่ถูกหรอกครับพี่ เพราะผมไม่ทราบอายุ น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ยาที่ใช้ประจำ อาการของพี่ในปัจจุบันและในอดีต นี่ยังไม่รวมถึงประวัติครอบครัว(และจำนวนภรรยา)อีกต่างหาก...::005:: ผมไม่แน่ใจว่าหมอของพี่เริ่มให้ยาหรือยัง ถ้าหากยังก็คงแปลว่ายังไม่ต้องรีบ แต่ควรเริ่มออกกำลังกายและควบคุมน้ำหนักตัวครับ... ว่างๆพี่ พีเอ็มข้อมูลมาให้ผมเลยจะง่ายกว่าครับ...:D ขอบคุณหมอรุทมากครับ ....... PM ข้อมูลให้แล้ว ..... เอ้อ ..... ภรรยามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือครับ มีคนเดียวจิงจิ๊ง จำนวนภรรยาเป็นเรื่องสำคัญครับ... เพราะมันจะแปรผกผันกับอายุครับ... ถ้าหากมีมาก ไม่ต้องไปคุมไขมันหรอกครับ... กุมอย่างอื่นปลอดภัยกว่าครับ...อิ..อิ..::005:: |