หัวข้อ: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: (( สองคุง )) ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:04:27 AM :VOV: สวัสดีครับ ผมได้ข้อมูลตัวนี้มาครับ ก็เลยอยากพี่ๆ ได้อ่านเล่นๆกันครับ :VOV:
;D ;Dจอห์น บอยด์...OODA loop และ F-16 ชื่อข้างต้นดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันหากผู้อ่านไม่เคยสนใจเรื่องราวของนักบินขับไล่ กระบวนการตัดสินใจใช้อาวุธและเครื่องบินขับไล่มาก่อน แต่แท้จริงแล้วมันเกี่ยวกัน ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากที่เดียวกันด้วยคือท้องฟ้าเหนือเวียตนามเหนือ เรื่องเริ่มขึ้นในวันหนึ่งของเดือนเมษายนปี 1965 ขณะเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯคือF-105 ธันเดอร์ชีฟ4 เครื่อง กำลังปฏิบัติภารกิจทำลายสะพานธานห์หัว จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ถูกขนานนามว่าขากรรไกรมังกร ระหว่างกำลังเข้าสู่ที่หมายนั้นพลันเครื่องบิน MiG-17ของเวียตนามเหนือจำนวนหนึ่งได้พุ่งเข้ามากลางวง ไม่ได้แค่สร้างความประหลาดใจแต่ยังยิงเครื่องบินอเมริกันตกไปสองเครื่องรวด เครื่องที่สามเสียหายหนักและพยายามหนี นักบินในF-105เครื่องที่สี่พยายามช่วยเพื่อนแต่กลับพบว่ามีมิกอีกเครื่องมาจี้ท้าย! (F - 105 ครับ) (http://www.uppic.net/tf/f10508.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=30c2bc0730d1ff9104c7248ae1c5036f) (http://www.uppic.net/tf/fightercf105.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=bcb2c9eb5626fd81ac5240dfd34649df) F-105 เป็นเครื่องบินหนึ่งในรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพอากาศขณะนั้น อยู่ในCentury Series หรือเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบในทศวรรษ 1950 ส่วนMiG-17 คือเครื่องบินขับไล่ใหม่ของค่ายโซเวียตที่มาทดแทน MiG-15 เดิมตั้งแต่ครั้งสงครามเกาหลี มันขับง่ายกว่า MiG-15 แต่ยังช้ากว่าเจ้าธัดของสหรัฐฯที่ทำความเร็วได้ 1,300 ไมล์/ช.ม. เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์เครื่องบินอเมริกันเร็วกว่าหลุดลุ่ย ( MIG - 17 ครับ ) (http://www.uppic.net/tm/0mig17.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=a3ed172216e8feb0a76691d118ea82c4) แต่สถานการณ์ในตอนนี้ความเร็วช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าจะเร่งหนีธัดต้องเปิดสันดาปท้าย เร็วจริงแต่เปลืองน้ำมันจนอาจกลับไม่ถึงบ้าน ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือเข้าคลุกวงในกับMiGแบบยอมแลก นักบินอเมริกันพยายามหลบด้วยท่าทางการบินตามแต่จะนึกออก แต่MiGก็เลี้ยวได้แคบกว่าทุกที มันเลี้ยวดักทางได้ทุกท่วงท่าชนิดที่นักบินอเมริกันไม่มีทางสะบัดหลุด กลับมาอยู่ในตำแหน่งยิงเบื้องหลังได้ทุกครั้งชนิดเป้าหมายหมดทางสู้ พอหมดหนทางเข้านักบิน F-105 ก็นึกถึงคำบรรยายของเรืออากาศเอกคนหนึ่งผู้เคยมาเยือนFighter Weapon Schoolหรือโครงการฝึกนักบินขับไล่ขั้นสูง ณ ฐานทัพอากาศเนลลิส เนวาดา นายเรืออากาศเอกผู้นั้นเคยบรรยายถึงกลยุทธการป้องกันตัวเองยามเข้าต่อตีระยะประชิดกับข้าศึก เป็นยุทธวิธีที่น่าจะเหมาะกับนักบิน F-105 ด้วยเมื่อคับขัน คือการดึงคันบังคับเข้าหาตัวอย่างแรงและโยกหลบซ้าย เหยียบกระเดื่องบังคับแพนหางตั้งเบนซ้ายแล้วกลับลำเครื่องฉับพลัน (การบังคับทิศทางของเครื่องบินเบื้องต้นครับ) (http://www.uppic.net/ir/roll_2.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=b36d9e7679804c22e1eaaeecff25c733) (http://www.uppic.net/ir/roll_3.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=bd593db10a643ca14e70b25a54a8b334) (http://www.uppic.net/tp/pitch_1.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=fc0b69c5ea679131a508b31b98e41af1) (http://www.uppic.net/iz/zfyaw.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=1a85ab25b98929a97884c919fc3c871c) เริ่มแรกการทำเช่นนี้ดูจะช่วยอะไรไม่ได้ ใครๆก็รู้ว่า F-105 นั้นใหญ่อุ้ยอ้าย เอี้ยวตัวไปทางไหนแต่ละครั้งข้าศึกรู้ทางหมด MiGที่เล็กกว่าย่อมกลับลำได้เร็วกว่า แต่นักบินอเมริกันไม่มีอะไรจะเสีย ได้ลองยังดีกว่ายอมถูกยิงร่วง เขาทำตามคำของครู ดึงคันบังคับเข้าหาตัวแล้วหักซ้าย เหยียบกระเดื่อง เครื่องบินหมุนแล้วลดความเร็วลงได้เหลือเชื่อจนMiGพุ่งแซงหน้า นักบินF-105แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น แทนที่จะเหนี่ยวไกลั่นกระสุนเมื่อเป้าพุ่งผ่านศูนย์ปืนเขากลับงงเป็นไก่ตาแตก จะเหนี่ยวไกยิงก็ช้าเกิน และการทำลายเครื่องบินข้าศึกก็ไม่ใช่ภารกิจหลัก คิดได้จึงตีวงหักหนีกลับบ้านไปแทนการไล่อัดMiGจนน้ำมันหมด เรืออากาศเอกคนดังกล่าวคือจอห์น บอยด์ หรือสุดยอดนักบินขับไล่ผู้มีฉายาบอยด์ 40วิ จากการชนะพนันระหว่างฝึกรบกลางอากาศ บอยด์จะเริ่มด้วยการปล่อยให้เพื่อนมาไล่จี้ท้ายหาตำแหน่งยิง แล้วภายใน 40 วินาทีเขาก็จะกลับทิศทางมาเป็นฝ่ายสังหารจ่อท้ายเครื่องของเพื่อนได้สำเร็จ บอยด์วางเงินเดิมพัน 40 ดอลลาร์เริ่มแรกเสมอ แต่เขาไม่เคยเสียมันไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว (http://www.uppic.net/tc/8709d.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=1f3ea820b10de15f99a810d4caea0e91) ประสบการณ์ของบอยด์ทำให้เขาถูกแต่งตั้งมาเป็นครูการบินใน Fighter Weapon School และจากความช่างคิดเช่นกันที่ทำเขาให้สรุปการดำเนินกลยุทธขั้นพื้นฐานขึ้น เพื่อให้นักบินพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งดีที่สุดในการทำลายเป้าหมาย แนวความคิดทั้งหมดของบอยด์ปรากฏในหนังสือ Aerial Attack Study ซึ่งกลายเป็นบทเรียนยุทธวิธีเบื้องต้นสำหรับการรบทางอากาศทั้งในสหรัฐฯและต่างประเทศ ด้วยนิสัยห่ามและชอบท้าทายกรอบความคิดแบบเดิมทำให้บอยด์คิดอะไรแปลกๆได้เสมอ แนวความคิดที่เขาตั้งข้อสงสัยคือเรื่องความเร็วที่พวกนักออกแบบเครื่องบินรบสมัยนั้นพากันคลั่งไคล้ ความเร็วคือสิ่งที่เครื่องบินรบอเมริกันต้องทำให้ได้ในทศวรรษ 1950 เครื่องบินที่ผลิตออกมาในช่วงนี้จึงเน้นความเร็วเป็นหลักด้วยความคิดว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่ประสบการณ์จริงบอกบอยด์ไปคนละเรื่อง เจออะไรไม่เข้าท่าบ่อยครั้งเข้าเขาจึงเก็บข้อมูลไว้ ก่อนจะพบว่าเครื่องบินที่ถูกตราหน้าว่าห่วยอย่าง MiG-15และMiG-17 ที่ทั้งช้าทั้งสั้นม่อต้อและเหมือนพ้นสมัย กลับยิงเครื่องบินอเมริกันที่เร็วกว่าตกเป็นว่าเล่น ปัญหาที่บอยด์ขบแตกคือถึงจะเก่าและช้ากว่า แต่เจ้าMiGพวกนั้นคล่องตัวกว่าเครื่องบินอเมริกันที่เร็วและดูเหมือนดีกว่า (MIG - 15) (MIG - 17 ) (http://www.uppic.net/tm/mig1514a.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=86567481c95ce63515ee78f54c724021) (http://upload.siamha.com/images/45862SilverMig17.jpg) (http://upload.siamha.com/v.php?id=45862SilverMig17.jpg) MiGเปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็วกว่า เทียบกันโค้งต่อโค้งเห็นได้ชัดว่าวงเลี้ยวแคบกว่า นักบินอเมริกันจะหลบหรือสาดโค้งยังไงก็สะบัดไม่หลุดพาตัวเองเข้าไปอยู่ในศูนย์ปืนข้าศึกทุกที สถิติเป็นตัวยืนยันว่าบอยด์ถูก เขาชี้เปรี้ยงว่าระหว่างพันตูกันกลางหาวนั้นเน้นเร็วอย่างเดียวก็สูญเปล่า ยิ่งมีข้อมูลเครื่องบินโซเวียตเพิ่มขึ้นบอยด์ยิ่งมั่นใจว่าทฤษฎีของตนถูก ลำพังความเร็วย่อมไม่มีทางได้เปรียบความคล่องตัว เมื่อนำข้อมูลทางวิศวกรรมและประสบการณ์ของนักบินสองค่ายมาเทียบกัน ผลสรุปก็ยิ่งน่าตกใจ หากปล่อยให้ยังดวลกันอย่างนี้ต่อไปรับรองได้ว่าเครื่องบินอเมริกันถูกสอยร่วงไม่เหลือ คำถามของบอยด์ต่อกองทัพอากาศ คือกองทัพอากาศเอาแต่ออกแบบเครื่องบินที่แพ้ข้าศึกวันยังค่ำได้ยังไง? หรือหากจะถามแบบบอยด์ก็คือนักบินขับไล่ของเราโดนไอ้พวกป่าเถื่อนนั่นยิงตกได้ไงวะ? นอกจากเร็วเกินแล้วเครื่องบินในCentury Series ยังใหญ่ ควันขาวเห็นแต่ไกล นักบินมองเห็นไม่รอบตัว คนถูกยิงที่สะพานธานห์หัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าMiGพุ่งมาจากไหน เห็นได้ชัดว่านักบินMiGมองเห็นเครื่องบินอเมริกันก่อน ปรับตัว ตัดสินใจและใช้อาวุธได้ก่อน จึงมีโอกาสชนะมากกว่า ข้อมูลที่รวบรวมได้ผนวกประสบการณ์ส่วนตัวทำให้บอยด์สรุปกระบวนการตัดสินใจเข้าต่อตีเป็นอักษรสี่ตัวคือ OODA(Observe สังเกต,Orient ปรับตัว,Decide ตัดสินใจ และ Act ใช้อาวุธ) กระบวนการตัดสินใจเป็นวงรอบซ้ำไปมานี้ถูกรวมเรียกง่ายๆว่าOODA loop นักบินผู้ดำเนินกระบวนการอูดานี้ได้เร็วกว่าข้าศึกย่อมชนะ จุดใหญ่ใจความคือผู้ประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่าคือผู้ชนะ (http://www.uppic.net/ti/4lead.gif) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=55d106ff2c9eb035023ba402ee2b36ac) สมมุติว่าเครื่องบินของฝ่ายเราบินเลี้ยวได้แคบกว่าข้าศึก 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะได้เปรียบอย่างไรก็ตามมันจะไม่มีประโยชน์ถ้ายังไม่ได้ทิ้งโค้ง แต่ถ้าข้าศึกหักเลี้ยวได้เร็วกว่าเราซึ่งกำลังคิดและหาทางใช้อาวุธ ลงมือยิงก่อน ความได้เปรียบของเราก็ไร้ค่า จากตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้เห็นก่อน ปรับตัวได้ก่อน ตัดสินใจและใช้อาวุธได้เร็วกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ ใครก็ตามที่เข้าสู่วงรอบอูดาได้ก่อนและเสร็จสิ้นเร็วกว่า จะทำลายเป้าหมายได้ก่อน (http://www.uppic.net/ti/image005.gif) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=a6cf8d1052b8eeddeea53cf0df2cae81) ความหัวแข็ง ยึดมั่นในความคิดและไม่ยอมใครของบอยด์ทำให้อยู่ยากในกองทัพ หลังจากรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็นนายพลเขาจึงลาออกในปี 1975 พร้อมแนวความคิดการสร้างเครื่องบินเพื่อช่วยให้นักบินจบกระบวนการอูดาได้เร็ว ทั้งที่เป็นพลเรือนแล้วแต่ยังทำงานให้กระทรวงกลาโหม ทฤษฎีของบอยด์ก่อให้เกิดเครื่องบินขับไล่แบบใหม่คือ F-15 ที่เน้นความคล่องตัวระหว่างคลุกวงใน แต่ถูกพัฒนาออกไปอีกหลังจากหลุดพ้นกองทัพ F-16 คือเครื่องบินขับไล่ประสบความสำเร็จสูงทั้งด้านการตลาดและสมรรถนะจากหัวคิดของบอยด์ สิ่งที่ดีอยู่อยู่แล้วใน F-15 ได้ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นใน F-16 มันคล่องตัวกว่าและทัศนวิสัยของนักบินก็ดีกว่า ด้วยฝาครอบห้องนักบินกระจกชิ้นเดียวไร้รอยต่อเหนือลำตัว ที่นั่งยกสูงและเอน เป็นเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่ที่ย้อนยุคไปใช้แนวความคิดเดิมของเครื่องบินรุ่นเก่าอย่าง F-84ธันเดอร์เจ็ต และ F-86 เซเบอร์เพื่อออกแบบห้องนักบินและฝาครอบทรงกลม เอื้ออำนวยต่อการเข้าสู่วงรอบอูดาของนักบินให้เร็วที่สุด ( F - 15 ) (http://www.uppic.net/tf/f15kload.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=b5db53dd15d258e2c68057b664d6e929) (http://www.uppic.net/tf/f15takeoff.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=9e7e0d1c83eb6e0c85c185925e4891bc) ( f - 16 ) (http://www.uppic.net/tf/f16036.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=c7b83bf60da991b82e3f55a73fecfe3f) (http://www.uppic.net/tf/f1620loaded.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=8843439d43faed8ccd310b51434968fb) ความสามารถของ F -16 คลิกที่นี่ครับ http://www.youtube.com/watch?v=7r1TF9MoFbk&feature=related นอกจากคล่องตัวและทัศนวิสัยยอดเยี่ยม มันต้องเบาและไม่แพงจนกองทัพอากาศสามารถซื้อไว้ใช้ได้ทีละมากๆ บอยด์เชื่อว่าสงครามเวหาในอนาคตต้องการเครื่องบินความคล่องตัวสูงเยี่ยงนี้ เพราะเป็นสงครามที่วัดผลแพ้ชนะกันด้วยข้อมูลข่าวสาร ใครมีข้อมูลมากและดีกว่า จบกระบวนการอูดาได้เร็วกว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากหมดภารกิจในกระทรวงกลาโหมปี 1988 บอยด์ย้ายไปใช้ชีวิตในฟลอริดา OODA loopของเขามีประโยชน์มากกว่าแค่ใช้สอนนักบิน ดัดแปลงให้ดีมันใช้ได้ด้วยกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน นักบาสเก็ตบอลที่จบกระบวนการอูดาได้เร็วกว่าฝ่ายตรงข้ามจะดักทางเคลื่อนไหวตัดลูกได้ถูก กองกำลังภาคพื้นดินที่ดำเนินกระบวนการอูดาเร็วกว่าจะยึดที่หมายได้ก่อนและสูญเสียน้อย แม้ในเชิงการค้าถ้าธุรกิจใดรู้เขา(Observe),รู้เรา(Orient),ตัดสินใจ(Decide) และดำเนินกลยุทธการตลาด(Act)ได้เร็วกว่า ก็ย่อมทำกำไรได้มากกว่าและกันคู่แข่งออกจากตลาดได้ มีคนรู้น้อยเหลือเกินว่าบางแนวความคิดในการทำธุรกิจ แท้จริงมีต้นตอจากแค่นักบินอเมริกันคนหนึ่งพยายามหาทางยิง MiGข้าศึกให้ร่วงเท่านั้น! บทความ ของคุณสรศักดิ์ สุบงกช ภาพประกอบ โดย สอง.... อ้างอิงจาก http://www.thaiairsoftgun.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=27&PHPSESSID=159bebe0b4c26daea6483d2c9dfe5b7a หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:10:42 AM ขอบคุณครับ ::014::
เยี่ยมครับ ::002:: ::002:: หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: kiat999 ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:13:07 AM :VOV: สวัสดีครับ ผมได้ข้อมูลตัวนี้มาครับ ก็เลยอยากพี่ๆ ได้อ่านกันครับ :VOV: ;D ;Dจอห์น บอยด์...OODA loop และ F-16 ชื่อข้างต้นดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกันหากผู้อ่านไม่เคยสนใจเรื่องราวของนักบินขับไล่ กระบวนการตัดสินใจใช้อาวุธและเครื่องบินขับไล่มาก่อน แต่แท้จริงแล้วมันเกี่ยวกัน ทั้งหมดมีจุดเริ่มต้นมาจากที่เดียวกันด้วยคือท้องฟ้าเหนือเวียตนามเหนือ เรื่องเริ่มขึ้นในวันหนึ่งของเดือนเมษายนปี 1965 ขณะเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯคือF-105 ธันเดอร์ชีฟ4 เครื่อง กำลังปฏิบัติภารกิจทำลายสะพานธานห์หัว จุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ถูกขนานนามว่าขากรรไกรมังกร ระหว่างกำลังเข้าสู่ที่หมายนั้นพลันเครื่องบิน MiG-17ของเวียตนามเหนือจำนวนหนึ่งได้พุ่งเข้ามากลางวง ไม่ได้แค่สร้างความประหลาดใจแต่ยังยิงเครื่องบินอเมริกันตกไปสองเครื่องรวด เครื่องที่สามเสียหายหนักและพยายามหนี นักบินในF-105เครื่องที่สี่พยายามช่วยเพื่อนแต่กลับพบว่ามีมิกอีกเครื่องมาจี้ท้าย! (http://www.uppic.net/tf/f10508.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=30c2bc0730d1ff9104c7248ae1c5036f) (http://www.uppic.net/tf/fightercf105.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=bcb2c9eb5626fd81ac5240dfd34649df) F-105 เป็นเครื่องบินหนึ่งในรุ่นใหม่ล่าสุดของกองทัพอากาศขณะนั้น อยู่ในCentury Series หรือเครื่องบินขับไล่รุ่นที่ 2 ที่ออกแบบในทศวรรษ 1950 ส่วนMiG-17 คือเครื่องบินขับไล่ใหม่ของค่ายโซเวียตที่มาทดแทน MiG-15 เดิมตั้งแต่ครั้งสงครามเกาหลี มันขับง่ายกว่า MiG-15 แต่ยังช้ากว่าเจ้าธัดของสหรัฐฯที่ทำความเร็วได้ 1,300 ไมล์/ช.ม. เทียบกันปอนด์ต่อปอนด์เครื่องบินอเมริกันเร็วกว่าหลุดลุ่ย (http://www.uppic.net/tm/0mig17.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=a3ed172216e8feb0a76691d118ea82c4) แต่สถานการณ์ในตอนนี้ความเร็วช่วยอะไรไม่ได้ ถ้าจะเร่งหนีธัดต้องเปิดสันดาปท้าย เร็วจริงแต่เปลืองน้ำมันจนอาจกลับไม่ถึงบ้าน ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่คือเข้าคลุกวงในกับMiGแบบยอมแลก นักบินอเมริกันพยายามหลบด้วยท่าทางการบินตามแต่จะนึกออก แต่MiGก็เลี้ยวได้แคบกว่าทุกที มันเลี้ยวดักทางได้ทุกท่วงท่าชนิดที่นักบินอเมริกันไม่มีทางสะบัดหลุด กลับมาอยู่ในตำแหน่งยิงเบื้องหลังได้ทุกครั้งชนิดเป้าหมายหมดทางสู้ พอหมดหนทางเข้านักบิน F-105 ก็นึกถึงคำบรรยายของเรืออากาศเอกคนหนึ่งผู้เคยมาเยือนFighter Weapon Schoolหรือโครงการฝึกนักบินขับไล่ขั้นสูง ณ ฐานทัพอากาศเนลลิส เนวาดา นายเรืออากาศเอกผู้นั้นเคยบรรยายถึงกลยุทธการป้องกันตัวเองยามเข้าต่อตีระยะประชิดกับข้าศึก เป็นยุทธวิธีที่น่าจะเหมาะกับนักบิน F-105 ด้วยเมื่อคับขัน คือการดึงคันบังคับเข้าหาตัวอย่างแรงและโยกหลบซ้าย เหยียบกระเดื่องบังคับแพนหางตั้งเบนซ้ายแล้วกลับลำเครื่องฉับพลัน (http://www.uppic.net/ir/roll_2.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=b36d9e7679804c22e1eaaeecff25c733) (http://www.uppic.net/ir/roll_3.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=bd593db10a643ca14e70b25a54a8b334) (http://www.uppic.net/tp/pitch_1.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=fc0b69c5ea679131a508b31b98e41af1) (http://www.uppic.net/iz/zfyaw.jpeg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=1a85ab25b98929a97884c919fc3c871c) เริ่มแรกการทำเช่นนี้ดูจะช่วยอะไรไม่ได้ ใครๆก็รู้ว่า F-105 นั้นใหญ่อุ้ยอ้าย เอี้ยวตัวไปทางไหนแต่ละครั้งข้าศึกรู้ทางหมด MiGที่เล็กกว่าย่อมกลับลำได้เร็วกว่า แต่นักบินอเมริกันไม่มีอะไรจะเสีย ได้ลองยังดีกว่ายอมถูกยิงร่วง เขาทำตามคำของครู ดึงคันบังคับเข้าหาตัวแล้วหักซ้าย เหยียบกระเดื่อง เครื่องบินหมุนแล้วลดความเร็วลงได้เหลือเชื่อจนMiGพุ่งแซงหน้า นักบินF-105แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็น แทนที่จะเหนี่ยวไกลั่นกระสุนเมื่อเป้าพุ่งผ่านศูนย์ปืนเขากลับงงเป็นไก่ตาแตก จะเหนี่ยวไกยิงก็ช้าเกิน และการทำลายเครื่องบินข้าศึกก็ไม่ใช่ภารกิจหลัก คิดได้จึงตีวงหักหนีกลับบ้านไปแทนการไล่อัดMiGจนน้ำมันหมด เรืออากาศเอกคนดังกล่าวคือจอห์น บอยด์ หรือสุดยอดนักบินขับไล่ผู้มีฉายาบอยด์ 40วิ จากการชนะพนันระหว่างฝึกรบกลางอากาศ บอยด์จะเริ่มด้วยการปล่อยให้เพื่อนมาไล่จี้ท้ายหาตำแหน่งยิง แล้วภายใน 40 วินาทีเขาก็จะกลับทิศทางมาเป็นฝ่ายสังหารจ่อท้ายเครื่องของเพื่อนได้สำเร็จ บอยด์วางเงินเดิมพัน 40 ดอลลาร์เริ่มแรกเสมอ แต่เขาไม่เคยเสียมันไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว (http://www.uppic.net/tc/8709d.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=1f3ea820b10de15f99a810d4caea0e91) ประสบการณ์ของบอยด์ทำให้เขาถูกแต่งตั้งมาเป็นครูการบินใน Fighter Weapon School และจากความช่างคิดเช่นกันที่ทำเขาให้สรุปการดำเนินกลยุทธขั้นพื้นฐานขึ้น เพื่อให้นักบินพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งดีที่สุดในการทำลายเป้าหมาย แนวความคิดทั้งหมดของบอยด์ปรากฏในหนังสือ Aerial Attack Study ซึ่งกลายเป็นบทเรียนยุทธวิธีเบื้องต้นสำหรับการรบทางอากาศทั้งในสหรัฐฯและต่างประเทศ ด้วยนิสัยห่ามและชอบท้าทายกรอบความคิดแบบเดิมทำให้บอยด์คิดอะไรแปลกๆได้เสมอ แนวความคิดที่เขาตั้งข้อสงสัยคือเรื่องความเร็วที่พวกนักออกแบบเครื่องบินรบสมัยนั้นพากันคลั่งไคล้ ความเร็วคือสิ่งที่เครื่องบินรบอเมริกันต้องทำให้ได้ในทศวรรษ 1950 เครื่องบินที่ผลิตออกมาในช่วงนี้จึงเน้นความเร็วเป็นหลักด้วยความคิดว่ายิ่งเร็วยิ่งดี แต่ประสบการณ์จริงบอกบอยด์ไปคนละเรื่อง เจออะไรไม่เข้าท่าบ่อยครั้งเข้าเขาจึงเก็บข้อมูลไว้ ก่อนจะพบว่าเครื่องบินที่ถูกตราหน้าว่าห่วยอย่าง MiG-15และMiG-17 ที่ทั้งช้าทั้งสั้นม่อต้อและเหมือนพ้นสมัย กลับยิงเครื่องบินอเมริกันที่เร็วกว่าตกเป็นว่าเล่น ปัญหาที่บอยด์ขบแตกคือถึงจะเก่าและช้ากว่า แต่เจ้าMiGพวกนั้นคล่องตัวกว่าเครื่องบินอเมริกันที่เร็วและดูเหมือนดีกว่า (http://www.uppic.net/tm/mig1514a.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=86567481c95ce63515ee78f54c724021) MiGเปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็วกว่า เทียบกันโค้งต่อโค้งเห็นได้ชัดว่าวงเลี้ยวแคบกว่า นักบินอเมริกันจะหลบหรือสาดโค้งยังไงก็สะบัดไม่หลุดพาตัวเองเข้าไปอยู่ในศูนย์ปืนข้าศึกทุกที สถิติเป็นตัวยืนยันว่าบอยด์ถูก เขาชี้เปรี้ยงว่าระหว่างพันตูกันกลางหาวนั้นเน้นเร็วอย่างเดียวก็สูญเปล่า ยิ่งมีข้อมูลเครื่องบินโซเวียตเพิ่มขึ้นบอยด์ยิ่งมั่นใจว่าทฤษฎีของตนถูก ลำพังความเร็วย่อมไม่มีทางได้เปรียบความคล่องตัว เมื่อนำข้อมูลทางวิศวกรรมและประสบการณ์ของนักบินสองค่ายมาเทียบกัน ผลสรุปก็ยิ่งน่าตกใจ หากปล่อยให้ยังดวลกันอย่างนี้ต่อไปรับรองได้ว่าเครื่องบินอเมริกันถูกสอยร่วงไม่เหลือ คำถามของบอยด์ต่อกองทัพอากาศ คือกองทัพอากาศเอาแต่ออกแบบเครื่องบินที่แพ้ข้าศึกวันยังค่ำได้ยังไง? หรือหากจะถามแบบบอยด์ก็คือนักบินขับไล่ของเราโดนไอ้พวกป่าเถื่อนนั่นยิงตกได้ไงวะ? นอกจากเร็วเกินแล้วเครื่องบินในCentury Series ยังใหญ่ ควันขาวเห็นแต่ไกล นักบินมองเห็นไม่รอบตัว คนถูกยิงที่สะพานธานห์หัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าMiGพุ่งมาจากไหน เห็นได้ชัดว่านักบินMiGมองเห็นเครื่องบินอเมริกันก่อน ปรับตัว ตัดสินใจและใช้อาวุธได้ก่อน จึงมีโอกาสชนะมากกว่า ข้อมูลที่รวบรวมได้ผนวกประสบการณ์ส่วนตัวทำให้บอยด์สรุปกระบวนการตัดสินใจเข้าต่อตีเป็นอักษรสี่ตัวคือ OODA(Observe สังเกต,Orient ปรับตัว,Decide ตัดสินใจ และ Act ใช้อาวุธ) กระบวนการตัดสินใจเป็นวงรอบซ้ำไปมานี้ถูกรวมเรียกง่ายๆว่าOODA loop นักบินผู้ดำเนินกระบวนการอูดานี้ได้เร็วกว่าข้าศึกย่อมชนะ จุดใหญ่ใจความคือผู้ประมวลผลข้อมูลได้ดีกว่าคือผู้ชนะ (http://www.uppic.net/ti/4lead.gif) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=55d106ff2c9eb035023ba402ee2b36ac) สมมุติว่าเครื่องบินของฝ่ายเราบินเลี้ยวได้แคบกว่าข้าศึก 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะได้เปรียบอย่างไรก็ตามมันจะไม่มีประโยชน์ถ้ายังไม่ได้ทิ้งโค้ง แต่ถ้าข้าศึกหักเลี้ยวได้เร็วกว่าเราซึ่งกำลังคิดและหาทางใช้อาวุธ ลงมือยิงก่อน ความได้เปรียบของเราก็ไร้ค่า จากตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้เห็นก่อน ปรับตัวได้ก่อน ตัดสินใจและใช้อาวุธได้เร็วกว่าย่อมเป็นฝ่ายชนะ ใครก็ตามที่เข้าสู่วงรอบอูดาได้ก่อนและเสร็จสิ้นเร็วกว่า จะทำลายเป้าหมายได้ก่อน (http://www.uppic.net/ti/image005.gif) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=a6cf8d1052b8eeddeea53cf0df2cae81) ความหัวแข็ง ยึดมั่นในความคิดและไม่ยอมใครของบอยด์ทำให้อยู่ยากในกองทัพ หลังจากรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเป็นนายพลเขาจึงลาออกในปี 1975 พร้อมแนวความคิดการสร้างเครื่องบินเพื่อช่วยให้นักบินจบกระบวนการอูดาได้เร็ว ทั้งที่เป็นพลเรือนแล้วแต่ยังทำงานให้กระทรวงกลาโหม ทฤษฎีของบอยด์ก่อให้เกิดเครื่องบินขับไล่แบบใหม่คือ F-15 ที่เน้นความคล่องตัวระหว่างคลุกวงใน แต่ถูกพัฒนาออกไปอีกหลังจากหลุดพ้นกองทัพ F-16 คือเครื่องบินขับไล่ประสบความสำเร็จสูงทั้งด้านการตลาดและสมรรถนะจากหัวคิดของบอยด์ สิ่งที่ดีอยู่อยู่แล้วใน F-15 ได้ถูกปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นใน F-16 มันคล่องตัวกว่าและทัศนวิสัยของนักบินก็ดีกว่า ด้วยฝาครอบห้องนักบินกระจกชิ้นเดียวไร้รอยต่อเหนือลำตัว ที่นั่งยกสูงและเอน เป็นเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่ที่ย้อนยุคไปใช้แนวความคิดเดิมของเครื่องบินรุ่นเก่าอย่าง F-84ธันเดอร์เจ็ต และ F-86 เซเบอร์เพื่อออกแบบห้องนักบินและฝาครอบทรงกลม เอื้ออำนวยต่อการเข้าสู่วงรอบอูดาของนักบินให้เร็วที่สุด (http://www.uppic.net/tf/f15kload.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=b5db53dd15d258e2c68057b664d6e929) (http://www.uppic.net/tf/f15takeoff.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=9e7e0d1c83eb6e0c85c185925e4891bc) (http://www.uppic.net/tf/f16036.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=c7b83bf60da991b82e3f55a73fecfe3f) (http://www.uppic.net/tf/f1620loaded.jpg) (http://www.uppic.net/showpic.php?picid=8843439d43faed8ccd310b51434968fb) นอกจากคล่องตัวและทัศนวิสัยยอดเยี่ยม มันต้องเบาและไม่แพงจนกองทัพอากาศสามารถซื้อไว้ใช้ได้ทีละมากๆ บอยด์เชื่อว่าสงครามเวหาในอนาคตต้องการเครื่องบินความคล่องตัวสูงเยี่ยงนี้ เพราะเป็นสงครามที่วัดผลแพ้ชนะกันด้วยข้อมูลข่าวสาร ใครมีข้อมูลมากและดีกว่า จบกระบวนการอูดาได้เร็วกว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ หลังจากหมดภารกิจในกระทรวงกลาโหมปี 1988 บอยด์ย้ายไปใช้ชีวิตในฟลอริดา OODA loopของเขามีประโยชน์มากกว่าแค่ใช้สอนนักบิน ดัดแปลงให้ดีมันใช้ได้ด้วยกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน นักบาสเก็ตบอลที่จบกระบวนการอูดาได้เร็วกว่าฝ่ายตรงข้ามจะดักทางเคลื่อนไหวตัดลูกได้ถูก กองกำลังภาคพื้นดินที่ดำเนินกระบวนการอูดาเร็วกว่าจะยึดที่หมายได้ก่อนและสูญเสียน้อย แม้ในเชิงการค้าถ้าธุรกิจใดรู้เขา(Observe),รู้เรา(Orient),ตัดสินใจ(Decide) และดำเนินกลยุทธการตลาด(Act)ได้เร็วกว่า ก็ย่อมทำกำไรได้มากกว่าและกันคู่แข่งออกจากตลาดได้ มีคนรู้น้อยเหลือเกินว่าบางแนวความคิดในการทำธุรกิจ แท้จริงมีต้นตอจากแค่นักบินอเมริกันคนหนึ่งพยายามหาทางยิง MiGข้าศึกให้ร่วงเท่านั้น! บทความ ของคุณสรศักดิ์ สุบงกช ภาพประกอบ โดย สอง.... อ้างอิงจาก http://www.thaiairsoftgun.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=27&PHPSESSID=159bebe0b4c26daea6483d2c9dfe5b7a ความสามารถของ F -16 http://www.youtube.com/watch?v=7r1TF9MoFbk&feature=related หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: ART ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:25:21 AM ข้อมูลมีประโยชน์ ครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: (( สองคุง )) ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:29:35 AM ;D ;Dสวัสดี คุณ Kiat999 ครับ รบกวนช่วยกรุณา อธิบายหน่อยครับว่า กีอป ข้อมูลของผมลงมาทำไมครับ ไม่เห็นแสดงความคิดเห็นเลยครับ หรือว่าเป็นกระทู้แรก เลยยังใช้งานไม่คล่องเท่าไหร่ครับ ส่ง PM มาสอบถามวิธีปฏิบัติในเว็บได้นะครับ แบบว่ามันดูแล้วซ้ำๆ กับข้างบนอยู่ครับ พี่ๆคนอื่นๆเข้ามาดูแล้วจะ งง นะครับ....ขอบคุณครับ :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: pscn ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:42:46 AM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: ไม่ค่อยแม่น รักในหลวง ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:50:01 AM หนึ่งแต้ม ::002::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: ไม่ค่อยแม่น รักในหลวง ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:51:59 AM เอ แต่อันนี้มันน่าจะอยู่หลังแนวยิงหรือเปล่าครับคุณสอง
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: (( สองคุง )) ที่ ธันวาคม 26, 2007, 10:09:49 AM เอ แต่อันนี้มันน่าจะอยู่หลังแนวยิงหรือเปล่าครับคุณสอง ;D ;Dลงผิดที่ครับพี่... แต่ไม่รู้จะย้ายไปยังไง เดี๋ยว RO คงดำเนินการย้ายให้มั้งครับ รบกวนเขาอีกแล้ว :VOV: :VOV: ::014:: สวัสดีครับพี่...ไม่ค่อยแม่น หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: ไม่ค่อยแม่น รักในหลวง ที่ ธันวาคม 26, 2007, 10:12:29 AM สวัสดีจ้ะ ;D
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: ตั้มเม้ง...ScopegunS.com ที่ ธันวาคม 26, 2007, 10:38:03 AM ชอบครับ เหินฟ้า ขอบคุณมากครับ
ผมชอบ F-86 เซเบอร์ มากอ่ะ ตรงหัวมันเท่ห์ดี หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: thewan ที่ ธันวาคม 26, 2007, 11:32:15 AM ชอบมากครับ สงสัยนำมาปรับกับการใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันตัวก็น่าจะได้เหมือนกัน OODA loop หรือกระบวนการอูดา นี่ ::002::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: nuy_rc 3D Extreme ที่ ธันวาคม 26, 2007, 12:12:38 PM เป็นข้อมูลที่อ่านแล้วได้สาระดีมากครับ หวนกลับมาคิดถึงตัวเองว่าการใช้อาวุธปืนที่มีอยู่นั้น เราเองสามารถเค้นเอาประสิทธิภาพของอาวุธมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: chanin ที่ ธันวาคม 26, 2007, 12:30:01 PM สนุกดีครับ ขอบคุณมาก :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: (( สองคุง )) ที่ ธันวาคม 26, 2007, 08:58:02 PM ::014::ขอบคุณครับพี่ๆทุกคน ที่ชอบเรื่องแหวกแนวอย่างนี้ครับ :VOV: :VOV: ผมมีอีกเรื่องครับ สนุกพอๆกัน แต่เคยลงไปแล้วก่อนที่เว็บจะหยุดยาวหน่ะครับ เรื่อง วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การกำเนิดชุดพราง แต่ว่า มาเปิดวันนี้ไม่เห็นครับ (แถมแต้ม ลบ ไปอีกตั้ง 3 แต้มแหน่ะ :~)) พี่ๆพอรู้บ้างไหมครับ จะลงใหม่ก็กลัวจะซ้ำของเก่าครับ เลือกปุ่มค้นหาพิเศษก็ไม่เจอครับ :~) :~) ผมจะทำยังไงต่อไปดีครับ ขอความเห้นพี่ๆด้วยครับ :VOV: :VOV:
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: peedta - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 26, 2007, 09:25:32 PM ::002:: ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องราวดีดี ที่นำมาเสนอครับ ::002::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: รัตตรา ที่ ธันวาคม 26, 2007, 10:18:48 PM ชอบ F16 ครับ ขอบคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ ธันวาคม 26, 2007, 10:41:32 PM ผมอ่านเจอบทความนี้ในหนังสือมติชนสุดสัปดาห์อาทิตย์ที่แล้วครับ...
แต่ไม่มีภาพประกอบดีๆเท่านี้ครับ... หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: Sutt ที่ ธันวาคม 26, 2007, 11:43:34 PM เป็นข้อมูลที่อ่านแล้วได้สาระดีมากครับ หวนกลับมาคิดถึงตัวเองว่าการใช้อาวุธปืนที่มีอยู่นั้น เราเองสามารถเค้นเอาประสิทธิภาพของอาวุธมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด ขอบคุณครับ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ...ไรเฟิล.... ลูกซอง....สั้นออโต้.....สั้นลูกโม่...เฝ้าบ้านได้คนละแบบ ตามควมเหมาะสม ความคล่องตัว....อำนาจยิง....ระยะ..ความเร็ว....แม่นยำ....ฯลฯ... :)หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: Narin CZ ที่ ธันวาคม 27, 2007, 12:01:30 AM ขอบคุณครับ.....
และขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับวงการอาวุธของรัสเซียด้วยครับ... ;D รัสเซียขู่ตอบโต้โล่ขีปนาวุธสหรัฐ มอสโก-รัสเซียประกาศกร้าว พร้อมใช้มาตรการตอบโต้ทุกรูปแบบ หากสหรัฐเดินหน้าแผนติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธในยุโรป ขณะที่ยอดขายอาวุธแดนหมีขาวสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันอังคาร (25 ธ.ค.) ว่า รัสเซียได้ขู่ว่าจะใช้มาตรการทุกรูปแบบเพื่อตอบโต้โครงการโล่ขีปนาวุธของสหรัฐในยุโรป โดยนายมิกฮาอิล คามีนิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนหมีขาว แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า หากมีการติดตั้งเรดาร์ขึ้นในสาธารณรัฐเช็กและระบบสกัดกั้นขีปนาวุธที่โปแลนด์ เรื่องนี้จะกลายเป็นปฏิบัติการทางทหารอย่างหนึ่งที่อาจบั่นทอนศักยภาพด้านการป้องปรามทางนิวเคลียร์ของรัสเซียได้ ดังนั้น รัสเซียจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อสร้างสมดุลทางอำนาจกับสหรัฐ ที่ผ่านมา สหรัฐอ้างมาโดยตลอดว่า การติดตั้งขีปนาวุธดักจับขีปนาวุธ 10 ลูกในโปแลนด์ และการสร้างฐานเรดาร์ที่เช็กภายในปี 2555 มีความจำเป็นเพื่อต้านทานการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากประเทศอันธพาลอย่างเช่น อิหร่าน และเกาหลีเหนือ แต่ในแถลงการณ์ฉบับนี้รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้อ้างคำให้สัมภาษณ์ของ นายคาเรล ชาวร์เซนเบิร์ก รัฐมนตรีต่างประเทศของสาธารณรัฐเช็ก ที่ว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่สหรัฐจะเฝ้าสังเกตความเป็นไปในดินแดนรัสเซีย ซึ่งทางการมอสโกมองว่า คำพูดนี้สะท้อนถึงเป้าหมายที่แท้จริงของสหรัฐ เพราะเท่ากับว่า ภัยคุกคามนิวเคลียร์จากอิหร่านที่ใช้อ้างมาตลอดนั้น ไม่มีมูลความจริง วันเดียวกัน สำนักข่าวเรีย โนโวสติ รายงานอ้างถ้อยแถลงของ นายเซอร์ไก อิวานอฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซีย ว่า การส่งออกอาวุธของแดนหมีขาวประจำปีนี้มีมูลค่าสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 240,000 ล้านบาท) โดยนับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา การส่งออกอาวุธของรัสเซียได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยมูลค่า 6,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ก่อนจะมาทำสถิติใหม่ในปีนี้ นายอิวานอฟ กล่าวว่า ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่า รัสเซียครองสถานะที่โดดเด่นในหมู่ผู้ส่งออกอาวุธระดับโลก ขณะที่ข้อมูลจาก นายมิกฮาอิล ดมิทรีเยฟ ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือทางเทคนิคของกองทัพรัฐบาลกลาง ระบุว่า อาวุธของรัสเซียที่ขายดีที่สุดในปีนี้ คือ เครื่องบินรบซูคอย เครื่องบินมิก รวมถึงเฮลิคอปเตอร์เอ็มไอ และรถถังที-90 ซี นายดมิทรีเยฟ ยังกล่าวด้วยว่า บรรดาบริษัทที่ผลิตขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานเอส-300 และเปโครานั้น ได้รับคำสั่งซื้อไปจนถึงปี 2555 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาวุธเหล่านี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ รัสเซียส่งอาวุธไปขายยังประเทศต่างๆ ราว 80 ประเทศ รวมถึงจีน อินเดีย แอลจีเรีย เวเนซุเอลา อิหร่าน มาเลเซีย และเซอร์เบีย หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ +++ เริ่มหัวข้อโดย: kay09 ที่ ธันวาคม 27, 2007, 07:29:00 AM ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: peace@ ที่ ธันวาคม 28, 2007, 01:57:58 PM ยอดเยี่ยม ::002:: ::002::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: HogHeaven ที่ มกราคม 06, 2008, 06:38:24 PM ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: CAESAR ที่ มกราคม 06, 2008, 07:49:52 PM ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน ::014:: เป็นเพราะความคิดที่แตกต่างไม่เหมือนใครและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆของท่านจอห์น บอย นะครับ ที่ทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเกิดสิ่งดีๆและทฤษฎีต่างๆที่สามารถนำมาปรับใช้กับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตประจำวันได้ ส่วนตัวผมชอบ F5eครับ ได้อาหารสมองแบบนี้ +1ครับ ::002::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มกราคม 06, 2008, 08:08:20 PM ...ขอบคุณครับ เคยอ่านเจอเหมือนกัน ดูไปแล้วคล้ายกับวงจรคุณภาพ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ของ Deming ;)
(http://www.paeger-consulting.de/assets/images/pdca-kroll.gif) ...ผมว่าอีกแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจและนำมาใช้ประกอบกับ OODA ได้เป็นอย่างดีคือ Color Code ของ Col. Jeff Cooper ครับ :) หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: ยอดดอย ที่ มกราคม 06, 2008, 11:17:17 PM ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มกราคม 07, 2008, 02:44:38 PM อูด้า เห็นก่อน ชักปืนก่อน ตั้งท่าก่อน ยิงก่อน สาระล้ำค่าประดุจดั่งเพชรทอง ขอคารวะหนึ่งจอก(1คะแนน)
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: ...อภิสิทธิ์ ... ที่ มกราคม 20, 2009, 09:07:14 PM กระทู้ดีๆแบบนี้ขออนุญาติยกอีกทีครับ ในการต่อสู้มือเก่าที่ฝีมือยิงปืนเป็นเทพแต่ถ้ามือใหม่จบกระบวนการอูด้าก่อนก็ต้องสังเวยชีวิตให้มือใหม่ไป บวกหนึ่งอีกครั้งครับ
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: ~ Sitthipong - รักในหลวง ~ ที่ มกราคม 20, 2009, 10:40:54 PM อ่านแล้วสนุก+ได้ความรู้ ::014::
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: หินเหล็กไฟ ที่ มกราคม 20, 2009, 11:30:01 PM ได้สาระดีมากครับหมวดสองว่างๆเราขับไปเล่นภาคไต้ดีใหม ;D ;D
หัวข้อ: Re: +++ แนวความคิด เทคนิคเครื่องบินต่อสู้ และปรับสู่ชีวิตประจำวันครับ+++ เริ่มหัวข้อโดย: (( สองคุง )) ที่ มกราคม 20, 2009, 11:34:46 PM ;D เฮ้อๆ กระทู้เก่า ตั้งแต่ ปีที่แล้วครับ อ้าย สห.ตุ๊.. ::008::
|