เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

คือทำไมเวลาเราสอบใบขับขี่รถยังมี ทั้งสอบข้อเขียน และก็ปฏิบัติ แล้วถึงได้ใบขับขี่มาได้  ถ้าปืนทำเหมืนกันจะดีมั้ยครับ ผมว่าน่าจะดีนะครับ เสียเวลาหน่อยสอบข้อเขียนก่อน แล้วก็สอบปฏิบัติ  คนที่มีปืนอย่างน้อยจะได้มีพื้นฐานด้านความปลอดภัยกันทุกคนอะครับ ดูทุกวันนี้สิบางคนมีปืนแต่ใช้ไม่เป็นเลยก็มี มีตังซื้อ แต่ไม่รู้กฏแห่งความปลอดภัย ผมว่าดีนะครับ ว่ามะคิดเล่นเล่นอย่าด่ากันนะ :VOV: :VOV:

ครับ เป็นความคิดที่ดีครับ ผมเคยคุยเรื่องนี้ไว้นานแล้ว แต่ก็มองได้ 2 มุมนะครับ

1.อาจเป็นความลำบากเพิ่มขึ้นของผู้ที่ต้องการใช้อาวุธปืน
2.อาจเป็นช่องทางในการตั้งเงื่อนไขในการออกใบอนุญาตให้มากขึ้นไปอีก

เอาเป็นว่า เราช่วยกันประชาสัมพันธ์ทั้งในแง่ สิทธิ์และหน้าที่ที่ต้องทำเมื่อต้องการมี อวป. ไว้ในครอบครอง และ เรื่องการฝึกใช้ อวป. ในสนามต่างๆ เพิ่อให้เกิดความคุ้นเคย ก่อนที่จะมี อวป. ของตนเอง จะง่ายกว่าการตั้งเงื่อนไขเพิ่มนะครับ  ;D

ถามดี   ตอบดี   ท่านละ 1 แต้มครับ :D

อืมม์....ผมไม่เคยนึกมาก่อนเลยแฮะ ;D ;D ;D

ขออนุญาตครับ

ปรกติ ผมมักจะติติงการตั้งกระทู้ของสมาชิกใหม่ ๆ แต่รายนี้ ขอชมเชยครับ

กล้าที่จะคิดแตกต่าง ส่วนความเป็นจริง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ด้วยความเคารพครับ

ถ้าใครสอบข้อเขียนผ่าน...นายทะเบียนจะอนุญาตออกป.๓ ให้ทุกคน..
ก็น่าจะดีนะครับ.......... :D

ตั้งคำถามได้ดีครับ..... ::002::

แล้วเพิ่มการต่อใบอนุญาต...แบบเดียวกับใบขับขี่รถด้วย....นะ.... ::011::

เป็นความคิดที่ดีครับ จะขออนุญาติปืนต้องไปอบรมการใช้ปืนก่อนและมาสอบข้อเขียนก่อนแล้วมาสอบภาคปฎิบัติถ้าผ่านก็จะได้ใบ ป.3 ขอชมเชยการกล้าคิดที่แตกต่างของ จขกท. +1 ครับ ;D

ใช่ ๆ  

เพราะคนเรา วุฒิภาวะ ไม่เท่ากันทั้งชีวิต  ตอนขอ เป็นข้าราชการ ซี ๔ เมียหนึ่ง ลูก ๒ รถคัน บ้านหลัง

ผ่านไป ๑๕ ปี ไปได้แค่ ซี ๕ เมียหนี ลูกติดยา รถขาย บ้านถูกยึด เป็นหนี้สินพ้น กบข. แถมขี้เหล้า...

สภาพที่ว่า ต้องยึดเอาปืนคืน มาประมูลให้คนที่มีวุฒิภาวะ ได้เท่าไหร่ หัก ๒๐% เข้าหลวง ที่เหลือ คืนเจ้าของเดิม

ว่าไปโน่น ในความเป็นจริง ยังไงก็ไม่น่าจะได้

              สอบข้อเขียนด้วยก็ดี ครับ

              สอบปฎิบัติก็ใบผ่านการอบรมการใช้อาวุธปืนจากสนามไงครับ เฉพาะของทางราชการ ซึ่งมีบทบังคับอยู่แล้ว แต่ให้เคร่งครัดอีกนิดนึงครับ

เห็นด้วยกับการสอบข้อเขียนครับ ถ้าจะให้ดีควรสอบกฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนด้วย.

เห็นด้วยครับ
แต่ถ้าใช้ระบบสอบเหมือนใบขับขี่ก็จะต้องมีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะสอบให้เป็นมาตรฐาน
เดี้ยวกันทั้งประเทศ ถ้าไม่มีกดมีระเบียบที่แน่นอนแย่แน่ครับ :VOV:

ถ้าให้คิดเล่น ๆ นะ ..... ผมขอคิดว่า คำว่า "ดุลยพินิจของนายทะเบียน" หล่นหายไปจากกฏหมาย ..... และการจำกัดโควต้าปืน ก็หล่นหายไปจากความคิดของผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องด้วย :D ;D ;D

จขกท. คนนี้ สร้างสรรค์ แฮะ  ::002::

...อ่า  ปกติดุลพินิจกับรายได้มักเป็นของคู่กันครับ  เอ๊ะ ผมพูดอะไรออกไป  ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องปืนนะครับ  ::005::

ผมนึกว่าผ่านไป ๑๕ ปี เมียเพิ่มตามซี.... ::003:: .....ลูก ไม่ต้องเพิ่ม...นะ.... ::008::

1.ในหลักการแล้วเห็นด้วยกับคุณกุหลาบไฟคือ"ถ้าใครสอบข้อเขียนผ่าน...นายทะเบียนจะอนุญาตออกป.๓ ให้ทุกคน..ก็น่าจะดีนะครับ.........." 

2.ผมขอเพิ่มเติมว่าควรทำเหมือนใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพวิศวกรรม  ที่มี 3 ระดับ  คือ  ภาคี  สามัญ  และวุฒิ   ตัวอย่างเช่น  การแบ่งขอสอบออกเป็น 2 ระดับ   ใครสอบได้ระดับ 1 ก็สามารถได้รับใบ ป.3  แต่ถ้าใครสอบได้ระดับ 2 ก็สามารถได้ใบพกพา ป.12 (ผมขอมากไปหรือเปล่านี่)

3.ผมยังมีเรื่องที่กังวลอยู่ว่า   คนที่ได้ใบขับขี่และขับรถอยู่ในท้องถนนทุกวันนี้ที่มีจำนวนเป็นแสนเป็นล้านคน     จะมีสักกี่เปอร์เซ็นต์ที่ขับรถอย่างถูกต้องจริงๆ    ทั้งๆที่มีมาตรการต้องสอบผ่านก่อนได้รับใบขับขี่  แล้วขอเสนอของท่าน จขกท.นี่ฝ่ายปกครองเขาจะยอมไหม  เพราะจะทำให้เขาสูญเสียความสำคัญไป

คนตรวจออกใบได้ตังอีกแล้ว ;D ;D ;D

มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

ใครที่จะมีปืนก็ควรสอบข้อเขียน+ปฎิบัติ อยู่แล้ว

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ น่าจะมีการสอบเรียนรู้การใช้ปืนอย่างเป็นทางการครับ

ลึกๆก็หวันวิตกไม่ได้ว่าคงไม่พ้นการใช้เส้นสายเพื่อให้ได้มาเหมือนใบขับขี่รถครับ

ก่อนอื่น ผมขออนุญาต + ๑ ให้ท่าน จขกท. ก่อน ในความคิดของผมเอง เป็นคำถามสร้างสรรค์เช่นเดียวกันครับผม


ผมว่า ที่เน้นสีแดง ในปัจจุบัน ก็มีไม่น้อยที่ มีการสอบใบขับขี่โดยใช้เส้นสาย เช่น เท่าที่เคยทราบ จักรยานยนต์ ๒๐๐ - ๕๐๐ รถยนต์ ๕๐๐ - ๑๐๐๐

ผมคิด ว่า มันจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการตั้งเงื่อนไข จริง ๆ นั่นแหละ ครับ

ด้วยความเคารพครับ
 ::008:: ::008:: ::008::

  ::002:: ::002:: ::002::

... เข้าท่าครับ ...

... แต่ผมว่า ... ขอแค่ ... ให้ผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืน / ข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ... และขึ้นทะเบียนประวัติไว้ ... ก็น่าจะเพียงพอครับ ...   

... เพราะยังไงแล้ว ... เรื่องของดุลยพินิจ ... มันจะยังคงมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม ... อีกต่อไป ...

... ท่าน จฃกท. ... ต้องพิจารณาถึงอีก 1 ข้อ ... คือ ... คุณลักษณะส่วนตัวของผู้ขออนุญาต ... คือ ... ผมหมายถึง ... พฤติกรรม ... ความประพฤติ ... การประกอบสัมมาอาชีพในสังคม(สุจริตชนหรือปล่าว) ... ซึ่งมันตรวจสอบด้วยข้อเขียน ... การผ่านการฝึกอบรม ... หรือ ... แม้แต่ตรวจสอบประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือ ... ก็ไม่สามารถกระจ่างได้ ... (ก็ด้วยเหตุนี้แหละ ... จึงต้องมีการแก้เกี้ยว ... โดยให้มีผู้รับรองความประพฤติ) 

... มันอาจจะ ... ย้อนกลับมา ... เป็นปัญหาให้ผู้ขออนุญาต ... ต้องลำบากกว่าเก่า ... และ ... เปิดช่องทางเอื้อผลประโยชน์ที่มิชอบได้มากกว่าเดิม ... เผลอ ๆ อาจจะต้องได้ใช้โทรศัพท์นาฬิกากันเลยครับ ...  ;D ;D ;D

ความคิดนี้ก็เข้าท่าเช่นกันค่ะ ::002::

ทีแรก เห็นชื่อหัวข้อกระทู้ คิดเล่นๆ   พูดด้วยความสัตย์จริงเลยครับว่า
ทีแรกเห็น ไร้สาระจริงๆ หัวข้อนี้  เอาเหอะ เปิดมาดูเสียหน่อย ง่วงจะตายอยู่แล้ว กะว่าจะปิดเครื่องแล้วแหละ
.......แต่พออ่านเข้าให้ ถึงกับตะลึง อึ้ง...ไปชั่วขณะ  เนื้อหา ช่างแตกต่างจากหัวเรื่อง
อย่างนี้ มันไม่ใช่คิดเล่นๆ แล้วครับ ...........ถือเป็นการค้นพบอะไรใหม่ๆ เลยจริง
เส้นผมบังภูเขา ยังเปรียบกับกระทู้นี้ ไม่ได้เลยครับ ถือว่า มีสาระที่สุด

เต่า บางเขน ตัวน้อยๆ ของยก ทั้ง สี่ขา พร้อมชูคอ ยกหาง เห็นด้วยอีก 1 เสียงขอรับ
ด้วยความจริงใจ ......

   เรื่องแบบนี้เราคุยกัน  ตั้งกระทู้กัน มาในเวบ ตั้งหลายสิบเที่ยวแล้ว แต่ไม่มีผู้มีอำนาจท่านใดสนใจ  เพราะมันเสียผลประโยชน์............. ;D ;D


....... ;D ;D  ผมนะ อยากให้สอบ มาตั้งนานแล้ว............  แต่ถ้าสอบผ่านแล้ว ต้องออก ป3. ให้แบบไม่มีเงื่อนไข นะ..   ::005:: ::005:: ::005::

ถ้าเกิดทำได้จริงเงินๆทองๆคงได้สะพัดใต้โต๊ะกันน่าดู  .....นี่คิดเล่นๆๆนะ ;D ;D ;D

เรื่องนี้แคริฟอเนียมีมานานแล้วครับ แต่บ้านเราคงไกลเกินฝัน
เพราะถ้ามีเจ้าหน้าที่คงขาดรายได้หลายบาท
(http://img519.imageshack.us/img519/8909/p1010019fy4.jpg)

สรุปว่า เหมือนใบขับขี่จริงๆ ด้วย .....คิดเล่นๆ เหมือนกัน

เคยเห็นในระเบียบการขอมีอาวุธปืนนั้นระบุว่าต้องผ่านการอบรมพื้นฐานการใช้อาวุธปืนเบื้องต้น โดยแสดงหลักฐานเช่นใบรับรองการใช้อาวุธปืน เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัติแล้วเจ้าหน้าที่ไม่เคยขอดูหรือตรวจสอบเลยครับ
และเห็นด้วยและควรมีการสอบภาคปฏิบัติเบื้องต้นของการใช้อาวุธปืน แต่ไม่ต้องถึงขั้นการยิงทดสอบเพราะขั้นตอนมันยุ่งยาก หากสามารถทำกันได้จริงอย่างน้อยก็สร้างความเชื่อถือให้กับเจ้าหน้าที่ออกใบอนุญาต แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้องออกใบอนุญาตให้กับทุกคนที่สอบผ่าน เพราะมันคงต้องดูกันในหลายประเด็น โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติทางคดีอาญาเป็นต้น
และขอเสริมอีกว่า ในปัจจุบันนี้เพียงแค่การเป็นสมาชิกชมรมกีฬายิงปืน แล้วขอใบรับรองเพื่อขอปืนขนาด .45 หรือ .357 นั้น ในทางปฏิบัติแล้วบ้านเรายังทำกันง่ายเกินไป อย่างน้อยควรที่จะมีการอบรมการใช้ปืนให้ถูกต้องบ้าง
ข้อที่ควรเปลี่ยนแปลง คือ การให้ข้าราชการรับรองความประพฤติควรที่จะยกเลิก และเปลี่ยนมาเป็นบุคคลที่ไม่ใช่ญาติรับรองความประพฤติอย่างน้อยสามคน จะดีกว่า เนื่องจากในทางปฏิบัติแล้วหลายๆคนที่อยากมีปืนไม่รู้จักข้าราชการ จึงเป็นช่องทางของการฉ้อราษฎรฯ
ทั้งนี้หน่วยงานราชการควรเปิดกว้าง สรรหาผู้ชำนาญด้านอาวุธปืนมาให้การอบรมเจ้าหน้าที่ ทั้งการตรวจสอบปืน การสอบขั้นพื้นฐานของคนที่จะใช้ปืน ซึ่งทางราชการสามารถจ้างผู้ชำนาญด้านนี้มาช่วยทำการตรวจสอบก็จะดี และถือว่าเป็นการจ้างงานให้เกิดขึ้น เพราะถ้าทำได้จะต้องทำในทุกอำเภอ ไม่ใช่ทำกันเฉพาะในส่วนกลางเท่านั้น ซึ่งต่อไปจะได้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และตัวปืนจะได้เข้ามาสู่ระบบได้ถูกต้องมากที่สุด

สรุป.....ยังฝันอยู่ครับ ยังไม่ตื่นนอน

...เป็นแนวคิดที่ดีครับ..
...ทำได้อย่างที่ว่า พร้อมกับยกเลิก โควต้าอาวุธปืน..
...ต่อไปผู้ที่จะซื้อปืนต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด สามารถซื้อปืนได้เลยโดยไม่ต้องรอ "ดุลยพินิจ" นายทะเบียน..

...น่าจะเสนอท่านนายกฯ ผ่าน มท.1 ดูนะครับ..น่าจะช่วยแก้ปัญหาปืนแพงได้...



...ก็บอกแล้วไง..คิดเล่น ๆ ...;D

ไม่ค่อยเห็นด้วยครับ การอนุญาตให้มีปืน กับการอนุญาตให้มีใบขับขี่ไม่เหมือนกัน ใบขับขี่เป็นเพียงหลักฐานว่าคุณสามารถขับรถยนต์ได้ แต่ใบอนุญาตมีปืนเขาออกให้เพื่อควบคุมหรือจำกัดการครอบครองอาวุธปืน ให้มีได้แต่ต้องมีความเหมาะสมและด้วยจำนวนที่พอเหมาะ ไม่งั้นพอสอบผ่านแล้วพวกขอมีปืนทีเดียว 10 กระบอก มันก็เกินความจำเป็นครับ แล้วอีกอย่าง ปืนนี่ มันใช้สำหรับยิงอย่างเดียว แต่รถยนต์มันสามารถเอาไปใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้มากกว่า ทางราชการก็เลยไม่เข้มงวดมากเหมือนการมีปืน

ปัจจุบันนี้ คนที่มีปืนหลายๆกระบอกนั้น ส่วนใหญ่แล้วมีไว้เพื่อการกีฬาและสันทนาการกันมากกว่าที่จะพกไปพกมาให้หนักเอว หนักเป้ หรือมีไว้เพื่อการสะสม ซึ่งบางครั้งนานๆจะเอาออกไปยิงทีเพื่อให้ระบบมันทำงานถูกต้อง มันต้องมองกันหลายๆมุมครับ มองมุมเดียวเดี๋ยวจะถูกหาว่าส่งเสริมให้คนพกปืนเหมือนกับสมัยบุกเบิกอเมริกา หรืออีกมุมก็พกปืนคือคนเลว อย่างนี้เป็นต้นครับ
ปืนและศาสตราวุธทั้งหลายที่ผลิตขึ้นในโลกนี้ ผมไม่เถียงว่ามันถูกผลิตเป็นเครื่องมือประหัตประหารเข้นฆ่าชีวิตคนหรือสัตว์หรอกครับ และมันก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้เรามีเอกราชมีแผ่นดินอยู่ด้วยมิใช่หรือครับ
ปืน มันจะดีหรือเลว มันอยู่ที่บุคคลนำเอาไปใช้ต่างหากครับ ถึงแม้ว่าจะทำลายปืนให้หมดโลก มนุษย์ก็ยังต้องหาอุปกรณ์อื่นๆมาเป็นเครื่องมือป้องกันตัวเองหรือเพื่อล่าอยู่ดีครับ
อย่างกระทู้ที่กำลังร้อนในเวปเราหรือเวปอื่นๆ กรณีที่ตำรวจเอาปืนไปยิงทหารจนเสียชีวิตนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่สถาบันฯ มันไม่ได้อยู่ที่ใครใหญ่ แต่มันอยู่ที่วุฒิภาวะของบุคคลคนนั้นที่จะใช้ปืนอย่างไร ซึ่งผลของมันก็ออกมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้หรอกครับ นอกจากเสียว่าจะรับมันตรงไหนอย่างไรเท่านั้น

ขอคิดเล่นด้วยคนได้ไหมครับ

     นอกจากจะให้มีการต่อใบ(อะไรสักอย่าง...เช่นใบอนุญาต ฯลฯ)

             ให้มีการตรวจสอบความประพฤติ(ไม่เรียกคุมนะครับ) เป็นระยะๆด้วยครับ  

    ไม่ใช่ว่ามีความประพฤติเรียบร้อยแค่ตอนขอฯ แต่มีปืนแล้วความประพฤติเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี

              ตัดแต้มเหมือนใบขับขี่ดีมั้ยคร้าบ...โดนครบร้อยแต้ม.....ยึดปืนโลด.....หรือแค่ยึดใบอนุญาต(สัก30 ปี)......................คิดเล่นๆนะอย่าเครียดครับ  ::008::

พิจารณา "มาตรฐาน และความเสมอภาค" การอนุญาตเรื่องอาวุธปืนต่างๆ แล้ว ถ้ามีระเบียบมากกว่านี้ ประชาชนที่พยายามเป็นพลเมืองดีจะเดือดร้อนวุ่นวายมากกว่านี้ และล่อแหลมต่อการคอรัปชั่นมากกว่านี้

แค่ที่เป็นอยู่นี้ ณ วันนี้ ก็หลุดโลก เอ๊ย หลุดกฎหมายกันมากเกินไปแล้วครับ

1. ขอ .45 ไม่ได้ เป็นอาวุธสงคราม
2. มีปืนได้ สั้น 1 ยาว 1
3. อำเภอนี้ออก ป.3 เดือนละใบ

ฯลฯ

อืม คิดได้ดีและน่าจะสมควรทำแบบที่ท่านว่าครับ