เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

สนทนาภาษาปืน => หลังแนวยิง => ข้อความที่เริ่มโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:15:40 AM



หัวข้อ: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: ๏แก้วเดียวจุก๏รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:15:40 AM
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000031147

ตามลิ้งนี้ครับ อ่านบทความของทั้งสองคนแล้ว น่าคิดครับ คนหนึ่งพยายามแสดงความฉลาดแบบโง่ๆ โดยการดูถูกคนส่วนใหญ่
คนหนึ่งโต้ตอบแบบคนมีปัญญา
 รายละเอียดดังนี้ครับ
ปลื้ม - ม.ล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล เปิดตัวตนและภูมิปัญญา ว่า คับแคบ-กว้างขวาง ตื้นเขิน-ลึกซึ้ง เพียงไร เหยียดคนกรุงเทพฯ “ไม่ฉลาด” ที่เลือก รสนา โตสิตระกูล เป็น ส.ว.เปรียบ กทม.เป็นเมืองฝ่ายซ้าย เหมือนเกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย หญิงเหล็กโต้กลับ หูตาคับแคบ ยกคำหม่อมอุ๋ย สอน “อย่าเดินตามก้นฝรั่ง”
       
       ข้อเขียนจากคอลัมน์ Anchorman โดย ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล หน้า 11 หนังสือพิมพ์ บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ 13 มีนาคม 2551 เรื่อง Rosana Tositrakul , are you kidding me ?
       
       ผมเคยเชื่อว่า กรุงเทพฯ เป็นจังหวัดที่มีอัตราส่วนของผู้ที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่มีการศึกษาและความรับรู้ทางการเมือง ต่อ ผู้ที่ไม่สนใจเรื่องการเมืองสูงที่สุดในประเทศ แต่อัตราส่วนนี้ อาจไม่สูงเสียแล้ว หากดูจากผลเลือกตั้งวุฒิสมาชิกที่ผ่านมา
       
       นอกเหนือจากเป็นเมืองที่เชื่อกันว่า มีผู้ลงคะแนนที่ “ฉลาด” ในเรื่องการเมืองอยู่เป็นจำนวนมาก กรุงเทพฯอาจไม่ต่างไปจาก เวเนซุเอลา เกาหลีเหนือ คิวบา โบลิเวีย และประเทศที่เป็น “ซ้าย” ในโลกนี้เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่ว่า รสนา โตสิตระกูล นักเคลื่อนไหวทางสังคม และผู้อ้างว่า เป็นตัวแทนของผู้บริโภค ได้ชัยชนะด้วยคะแนนเสียง 743,397 คะแนน หรือ 49.78% ของผู้มีสิทธิออกเสียง ในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกครั้งแรก ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้
       
       การที่ กรุงเทพฯ เลือกวุฒิสมาชิกได้เพียงคนเดียว ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความสำคัญกว่าการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ เพราะผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง จะได้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของคนกรุงเทพฯในสภาสูงที่ทรงอิทธิพล
       
       ทำไม ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงเป็นเรื่องน่าเศร้า
       
       อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นตัวแทนของชนชั้น นักลงทุน และค่านิยมเศรษฐกิจเสรี ขณะที่ นิติพงษ์ ห่อนาค เป็นตัวแทนของชุมชนศิลปะและการบันเทิง เช่นเดียวกับ มานิต วิทยาเต็ม ในฐานะอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นตัวแทนของข้าราชการที่มีประสบการณ์ ในฝ่ายกฎหมาย และยังมีอีกหลายๆ คน ที่มีประสบการณ์และความสำเร็จที่โดดเด่น
       
       แทนที่จะได้คนเหล่านี้เป็นตัวแทน เรากลับได้ใครบางคน ซึ่งเชื่อได้ว่า จะขัดขวางกฎหมายที่สนับสนุนการลงทุน และธุรกิจ สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในกระบวนการเปลี่ยนแปลงสถาบัน คอยจ้องจับผิด คนที่มีเหตุผลที่เพียงแต่ทำงานหาเลี้ยงชีพ คนที่เป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจจริง ที่พยายามสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศนี้
       
       รสนา คือ คนที่สร้างความตกต่ำให้กับบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หนึ่งในบริษัทคนไทยที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นความภาคภูมิใจของชุมชนนักลงทุนในประเทศนี้ บทบาทของเธอในการทำให้แผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ กฟผ.ต้องเป็นโมฆะ ก็ชี้ชัดว่า เธอยืนอยู่ตรงไหน บนเส้นทางการพัฒนาและเศรษฐกิจ
       
       นอกไปจากพฤติกรรมที่ไม่อาจให้อภัยได้ 2 เรื่องนี้แล้ว ยังมีอีกหลายๆ เรื่อง การแสดงบทบาทผู้นำ ขบวนการผู้บริโภค ในนามขององค์กรต่างๆ ที่ผู้บริโภคไม่เคยมีโอกาสเข้าไปร่วมกำหนดนโยบายขององค์กรเหล่านี้ ทำให้ รสนา มีชื่อเสียงขึ้นมาว่า เป็นผู้เสียสละเวลาส่วนตัวเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว คะแนนนิยมที่เธอได้ มาจากการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน และการทำให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่อ้างว่า เป็นความเสียหายของผู้บริโภค เป็นภาระของศาล
       
       ไม่มีอะไรน่ารังเกียจไปกว่านี้อีกแล้ว ... อย่าฟ้องผม ผมรู้ว่า นั่นเป็นสิ่งที่คุณคิดจะทำอยู่
       
       ย้อนไปดูผลเลือกตั้ง ส.ว.ก่อนการรัฐประหาร รสนา ชนะด้วยคะแนน 118,332 เสียง เป็นที่ 4 รองจาก นิติภูมิ นวรัตน์ สมัคร สุนทรเวช และ กล้าณรงค์ จันทิก ดูจากผลการเลือกตั้งเหล่านี้ ยิ่งทำให้ผมต้องกลับมาใคร่ครวญ ถึงแนวโน้มที่สังคมไทยจะก้าวไปทาง “ซ้าย” มากขึ้น
       
       รสนา ไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่เข้าใจคุณค่าของตลาดเสรี และลัทธิทุนนิยม เธอไม่ควรเป็นตัวแทนของนครที่พยายามจะเป็นศูนย์กลางการลงทุนของเอเชีย ถ้าจะมีที่ไหนที่คู่ควรให้เธอเป็นตัวแทน ผมนึกถึง เปียงยาง คาราคัส หรือ ฮาวานา ที่ซึ่งเธอจะได้เข้าพวกกับสาวกราอูล หรือแม้กระทั่ง Sucre หรือ Lapaz (เมืองหลวงของโบลิเวีย) ซึ่งเธอจะได้สวมชุดพื้นเมืองเต้นรำกับ Evo Morales (ประธานาธิบดีโบลิเวีย)
       
       อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความหวังกับคนกรุงเทพฯ ว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผู้มีสิทธิลงคะแนน ที่ “ฉลาด” และพลังเงียบที่เข้าไม่ถึงข้อมูลข่าวสาร จะเลือกคนที่สนับสนุนความเติบโต และความก้าวหน้า มากกว่า คนที่นิยมความตกต่ำ และความชะงักงัน
       
       ผมยังหวังว่า คนกรุงเทพฯจะเลือกผู้ที่มีความเข้าใจว่า การเป็นเอ็นจีโอปีกซ้ายที่ใช้วิธีกระจายรายได้ ด้วยการโค่นเสาหลักของระบบทุนนิยม ไม่มีวันที่จะนำผลประโยชน์ที่แท้จริงมาสู้ผู้บริโภคได้ การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า คนกรุงเทพฯต้องปรับวิธีคิดในเรื่องการเลือกตั้งอีกมาก
       
       ************************

ข้อเขียนจาก คอลัมน์ Guest column โดย รสนา โตสิตระกูล หน้า 11 บางกอกโพสต์ วันที่ 13 มีนาคม 2551 M.L.Nattakorn Devakula, who's kidding whom ?
       
       คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ สนับสนุนระบอบประชาธิปไตย เสรีนิยม และระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี พวกเขารักความเป็นธรรม และเกลียดคอร์รัปชัน การผูกขาดที่ไม่ยุติธรรม และการตลบตะแลง ปลิ้นปล้อน สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเปลี่ยน และไม่ได้ทำให้เขาเป็น “ฝ่ายซ้าย” อย่างที่คุณกล่าวหา คนที่มองว่า นิสัยเช่นนี้เป็นพวกฝ่ายซ้าย ก็มีแต่พวกขวาสุดโต่งเท่านั้น คนกรุงเทพฯรู้ดีว่า ดิฉันไม่ได้ต่อต้าน ระบบตลาดเสรีที่เป็นธรรม สิ่งที่พวกเขาและดิฉันรับไม่ได้ คือ ความไร้ธรรมาภิบาลในการบริหาร และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ไม่โปร่งใส
       
       กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท
       
       ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง ก่อนที่จะมีการขายหุ้น คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ และจะตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานขึ้นมาควบคุม เพื่อดูแลผู้บริโภค มติ ครม.นี้ มีอยู่ในหนังสือชี้ชวน การเสนอขายหุ้น ปตท.อีก 1 ปีต่อมา รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ นักลงทุนที่มีใจเป็นธรรม จะเห็นด้วยว่า นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง
       
       ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม ให้วินิจฉัยตามสิทธิตามกฎหมาย และความชอบธรรม ในฐานะพลเมืองผู้เสียภาษีและสำนึกในหน้าที่ของตนเอง ดิฉันขอถามคุณว่า ความพยายามเรียกร้องเอาทรัพย์สินสาธารณะคืนมานั้น เป็นการบ่อนทำลายพื้นฐานของเศรษฐกิจ หรือว่า เป็นการสร้างเสริม หลักธรรมาภิบาล หลักแห่งกฎหมาย และความมีเสถียรภาพในระยะยาว กันแน่
       
       เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพี (ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ) เท่านั้น
       
       คุณพ่อของคุณ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ได้พูดถึง ข้อบกพร่องของการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยไม่ระมัดระวัง เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2549 ว่า “ตลาดเสรีที่ปราศจากความพอเพียง จะไปไม่รอด คนบางคนเดินตามทฤษฎีตะวันตก และมองว่า ความคิดเรื่องความพอเพียง เป็นอุปสรรคต่อความเติบโตของเศรษฐกิจ-ซึ่งไม่จริง-ในทางตรงกันข้าม ปรัชญาความพอเพียง สร้างสมดุลของการเติบโต ทำให้การเติบโตยั่งยืน และเป็นหลักประกันความผาสุกของประชาชน และปกป้องสิ่งแวดล้อม”
       
       สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างไปจากจุดยืนในเรื่องเศรษฐกิจของดิฉัน พูดให้ชัด ก็คือ ดิฉันเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการ ธปท.อีกท่านหนึ่ง ซึ่งหวังที่จะเห็นระบบทุนนิยมเสรี ทำงานควบคู่ไปกับความพยายามอย่างจริงจัง ในการกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน
       
       ความคิดแบบนี้หรือ ที่เรียกว่า คิดแบบ เปียงยาง หรือ ฮาวานา ที่คุณโจมตีดิฉัน ประเทศอื่นๆต่างก็มีระบบเศรษฐกิจในแบบของตน ซึ่งดิฉันยอมรับว่า ไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้ แต่เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม เราควรเปิดใจกว้าง เพื่อนำไปสู่การเคารพในความแตกต่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ซึ่งอาจจะชักนำพวกเขาให้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่ใช้อยู่ให้ดีขึ้น เหมือนกับประเทศของเราที่ได้พัฒนาระบบเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับค่านิยมทางสังคมและวัฒนธรรมของเรา
       
       มันไม่สำคัญหรอกที่จุดยืนทางการเมืองและเศรษฐกิจของดิฉัน จะเหมือนกับประเทศอื่นหรือไม่ ดิฉันเชื่อว่า มันเป็นจุดยืนเดียวกับคนกรุงเทพฯที่ลงคะแนนให้ดิฉัน
       
       คุณเป็นคนหนุ่มที่มีการศึกษาดี ถ้าคุณจะลองมองสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่นบ้าง คุณอาจจะรู้จักกรุงเทพฯได้ดีขึ้น และมันจะช่วยเยียวยาอาการอกหักทางการเมืองได้บ้าง
       
       นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณดูหมิ่นดิฉันผ่านคอลัมน์นี้ แน่นอนว่า ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรปการณ์ และ สมเด็จกรมพระยา เทวะวงศ์ วโรทัย อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เป็นแนวหน้าของชนชั้นนำแห่งสังคมไทย ในการปลดแอกสยามจากสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่เจ้าอาณานิคมตะวันตกใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมเศรษฐกิจ และระบบศาลไทย ตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ทำให้ดิฉันอดกลั้นที่จะไม่ทำสิ่งใดๆ อันจะทำความเสียหายต่อตระกูลที่โดดเด่น ซึ่งได้ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นอย่างมาก
       
       ดิฉันอยากแนะนำคุณว่า ก่อนจะแสดงความคิดเห็นใดๆ ควรคิดให้ถี่ถ้วนและปรึกษาหารือกับคนอื่นให้มากกว่านี้ โดยเฉพะอย่างยิ่ง ถ้าคุณจะแสดงการดูหมิ่นดูแคลนต่อคำพิพากษาของศาลปกครอง ต่อการลงคะแนนของเพื่อนชาวกรุงเทพฯของคุณ และต่อประชาชนของประเทศอื่นๆ
       
       ส่วนตัวดิฉันเองนั้น หลังจากทำงานสาธารณะมา 30 ปี ดิฉันมีจุดยืนที่มั่นคงในสังคม และมีความอดทนพอที่จะค้นหาสาระในข้อเขียนของคุณให้เจอ

อยากฟังความคิดเห็นของพี่ๆ เพื่อนๆ ในนี้ครับผม


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: สุพินท์ - รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:57:05 AM
Hard learning ของคุณปลื้ม


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มีนาคม 15, 2008, 02:06:33 AM
เรื่องเด็กหลงตัวเองคิดได้แค่นั้นสังเกตุได้ว่าคนที่สำเร็จการศึกษาจากอังกฤษอเมริกามักถูกปลูกฝังความคิดตลาดเสรีนิยมจนลืมว่าแผ่นดินที่เราเหยียบอยู่มันหนาแน่นพอที่จะรับมรสุมเศรษฐกิจได้หรือไม่? ต้นตระกูลเจ้าของบทความ กรมหลวงนครสวรรค์ฯตอนที่มีการปฏิวัติ 2475 เคยถามคำถาม พระภมรมนตรี(ต้นตระกูลภมรมนตรี) ว่า   "   แกรู้จักคนไทยดีแค่ไหน?   "     ฉันทำนายเอาไว้เลยว่าพวกแกจะผลัดกันบั่นคอกันเอง(สุดท้ายดร.ปรีดี,จอมพลป.,พระยาพหลฯก็ผลัดกันปฏิวัติรัฐประหารจริงๆจากวันนั้นจนวันนี้คนไทยที่ได้รัฐธรรมนูญมา76ปีแล้วก็ยังไม่รู้จักสิทธิตัวเองตามระบอบประชาธิปไตย คนไทยรู้แต่ว่าเลือกสส.แล้วจะได้ความช่วยเหลือสส.โดยไม่คำนึงถึงว่านักการเมืองเหล่านั้นทำอย่างไรกับประเทศไทยบ้าง) ไม่น่าเอามาใส่ใจสักเท่าไหร่ แต่ที่ผมสงสัยคือ ผู้สมัครสว.ที่เป็น ngo เอาเงินที่ไหนมาติดป้ายถี่ยิบทั่วกรุงเทพฯ คงจะหลักร้อยล้านทีเดียวคำถามคือ ถ้าเป็นเงิน ngo ต่างชาติแล้ว สว.คนนี้ต้องซ้ายหันขวาหันตามต่างชาติหรือเปล่า นายทุนไทยสั่งคนไทยด้วยกันเองยังไม่เจ็บช้ำน้ำใจเท่าฝรั่งสั่งคนไทย ตัวอย่างก็เห็นๆกันแล้วกรณีเขื่อนแก่งเสือเต้นซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริ แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากบริเวณ สุโขทัย แพร่ น่านจนมีคนตายไปหลายร้อยหลายพันศพแล้ว พื้นที่ทางการเกษตรเสียหายนับหมื่นล้านบาท รวมทั้งจะช่วยป้องกันน้ำท่วมบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่แม่น้ำยมไหลมารวมกันได้อีก ซึ่งฝรั่งมันสนแต่พื้นที่ป่าที่จะถูกน้ำท่วมซึ่งจะบรรเทาปัญหาgreen house effect (ตอนนี้แดดบริเวณซีกโลเหนือและใต้แรงมากจนอัตราการเป็นมะเร็งผิวหนังเพิ่มสูงมากน้ำแข็งขั้วโลกละลายจนน้ำทะเลเพิ่มขึ้น10%)แต่เวลาน้ำท่วมแล้วมีคนไทยตายฝรั่งมันไม่ได้มาตายด้วยนี่ครับ ด้วยแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้านดีเขาก็มีกรณีฟ้องชนะแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แต่ด้านเสียแม้จะยังไม่เคยมีเราระวังกันไว้บ้างก็ดีเหมือนกันไม่มีฝรั่งที่ไหนเอาเงินมาให้ฟรีๆหรอกครับ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: boon(เสือไบ) ที่ มีนาคม 15, 2008, 02:12:54 AM
ไม่รู้จักคุณรสนา อ่านแล้วชอบเธอครับ ;D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 15, 2008, 02:53:36 AM
อยู่ที่วิธีคิด   
แต่ดูแล้วเหมือน  เด็กเรียนเศรษฐศาสตร์ปี 1  ;D ผสมกะความรู้สึกงองแงแบบเด็กที่ไม่ได้ของเล่น


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 15, 2008, 02:54:13 AM
ผมมองว่าต้องมองภาพรวม  ถูกทั้งสองคน ทุนนิยมจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ การหวงแหนทรัพย์สินที่เคยเคยเป็นของรัฐก็ต้องดูแล  จะไปสุดโต่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ 

ถ้าเราไม่เปิดเสรีบางอย่าง แต่เรามุ่งหวังจะส่งออก จะดึงนักลงทุนต่างชาติ จะดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เราปิดกั้นการลงทุนของต่างชาติ มันก็เป็นการเอาเปรียบเพื่อน

ส่วนจะให้รัฐวิสาหกิจดำรงอยู่แบบเดิม ก็ใช่ว่าจะดี การบริหารคล้ายๆระบบราชการ ก็ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร  มีหลายแห่งที่ขาดทุนซ้ำซาก การบริการแย่ๆ ก็เห็นๆกันอยู่

ผมมองว่าต้องกระจายความเจริญ,โอกาส,งาน ออกสู่ทุกภาค ทุกหนแห่ง สร้างคนไทยให้เก่ง ให้รู้จักทำมาหากิน และเราต้องอยู่กับทุนนิยมอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทำอะไรสุดโต่งไม่ได้หรอกครับ  ขนาดลูกพี่คอมมิวนิสต์อย่างจีนก็เป็นตัวอย่างได้  ยังเปิดเต็มที่  ไม่สนใจใคร ข้าเอาเงิน เอาเทคโนโลยี มาพัฒนาประเทศตัวเองเป็นเป้าหมายหลัก

เรามัวแต่ขัดขากันเอง เพื่ออะไร..? 



หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่ มีนาคม 15, 2008, 05:31:19 AM
กกต. อนุมัติงบหาเสียง ส.ว. ในเขต กทม. ไม่เกินรายละ 12 ล้านบาทครับ

..............................

มาเปลี่ยนอารมณ์ ดูโปสเตอร์หนังใหม่ของคุณปลื้มดีกว่าครับ.....

 (http://www.imagehosting.com/out.php/i1630535_A636246926.jpg) (http://www.imagehosting.com)


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: visith ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:00:48 AM
...บังเอิญอยู่ในกลุ่ม"ฉลาดน้อย" ของคุณปลื้ม..ด้วยซิ..
...เป็นความอึดอัดใจเหมือนกัน มี 3 ตัวเลือกในใจ..
...สุดท้ายเลือกคุณรสนา เพราะคิดว่าเธอติดดิน และน่าจะช่วยปกป้องผลประโยขน์ของประเทศชาติได้บ้าง..

...คิดได้แค่นี้ จริง ๆ ...


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: coda ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:06:41 AM
...ดีแล้วครับ  จะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขา  8)


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:09:08 AM
กกต. อนุมัติงบหาเสียง ส.ว. ในเขต กทม. ไม่เกินรายละ 12 ล้านบาทครับ

..............................

มาเปลี่ยนอารมณ์ ดูโปสเตอร์หนังใหม่ของคุณปลื้มดีกว่าครับ.....

 (http://www.imagehosting.com/out.php/i1630535_A636246926.jpg) (http://www.imagehosting.com)



เป็นคนต่างจังหวัด  เลยไม่ค่อยรู้เรื่องข้อมูลของ สว.กรุงเทพ ครับ


แต่สำหรับโปสเตอร์หนังนั้น   คาดว่ารางวัลตุ๊กตาทองดารานักแสดงชายตีบทแตกคงจะไม่แคล้วคลาดแน่นอน.....


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: มะขิ่น ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:10:28 AM
ผมเป็นคนหนึ่งที่เลือกคุณรสนา เป็น สว.กรุงเทพฯ.................

ผมไม่คิดมากหรือไปไกลมากมาย ................ คิดแค่ ในสภาต้องมีคนแบบนี้บ้าง


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Ro@d - รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:23:22 AM
ผมก็อีกคน  ๑ ใน ๗๕๐,๐๐๐ กว่าคน ที่เลือกคุณรสนา หมายเลข ๕  เป็น สว.กทม.

กาลเวลาพิสูจน์คน ..  อาจมองไม่เห็นชัด ก็เพราะมีกลุ่มคน เจตนาบิดเบือน
ทั้งเจตนาป้อนบางข้อเท็จจริง  เพื่อประกอบข้ออ้างนั้น เจือเข้าไป..
ปกติเรื่องอย่างนี้ ถ้าหูไม่เบาเกินไปนัก จะแยกแยะได้ เอง..  ::002::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:50:00 AM
ฮ่าๆๆ ผมไม่(เอา)ปลื้ม ด้วยคน.....

คนแบบคุณรสนา โตสิตระกูล นี่แหละที่น่ากราบ





หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: menkmenk รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:51:21 AM
ผมไม่ได้เลือกคุณรสนา เพราะไม่ได้อยู่กรุงเทพ  แต่ถ้าอยู่ ก็คงเป็น 1 ใน 7แสนกว่าๆ
อะไรที่มันจะเลยเถิดไปก็ต้องมีคนแบบนี้ไว้คอยกระตุกบ้าง


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: big single ที่ มีนาคม 15, 2008, 10:46:35 AM
ให้ไปใช้สิทธิ์..ก็ไปแล้ว..ให้ไปเลือกก็ไปให้แล้ว..
ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของพวกคุณ...ทำกันให้ดีก็แล้วกัน.......เฮ้อ.....ส่วนตัวผมปลงแล้วหล่ะครับ
::013::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 15, 2008, 12:34:25 PM




รั ก ทุ ก ค น   . . . . . . .    เ ล ย              ;D





หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: rockguns ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:28:37 PM
                เอ้อ..นักประชาสัมพันธ์ตัวเอง  รอเวลาหน่อยนะ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: แมวบ้า(น) ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:35:56 PM
ผมรู้แต่ว่าผมไม่ปลื้มมาตั้งแต่ต้นแล้วครับ  ::005:: ::010::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ มีนาคม 15, 2008, 01:42:47 PM
อยู่ที่วิธีคิด   
แต่ดูแล้วเหมือน  เด็กเรียนเศรษฐศาสตร์ปี 1  ;D ผสมกะความรู้สึกงองแงแบบเด็กที่ไม่ได้ของเล่น

 ;D



หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 15, 2008, 02:10:58 PM



อีกมุมมอง    ...........       :)




บทความ โสภณ พรโชคชัย  :  ถามต่อคำชี้แจงของ   ‘รสนา โตสิตระกูล’
http://www.prachatai.com/05web/th/home/11491



โสภณ พรโชคชัย
14 มีนาคม 2551


เช้านี้ผมได้อ่านการตอบโต้ของคุณรสนา โตสิตระกูล (สมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้ง) ต่อคำวิจารณ์ของ ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล (คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์) เห็นว่า ข้อมูลที่คุณรสนา ชี้แจง ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักในการตอบโต้ อาจมีความคลาดเคลื่อน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ จึงขออนุญาตแสดงความเห็น เผื่อจะได้มองให้กว้างดังเจตนารมณ์ของคุณรสนาเอง


1. ที่ว่า กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท ข้อมูลนี้อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกโกรธทันทีว่าทำไมรัฐบาลจึงแย่ขนาดนี้ แต่หากคิดให้ดี ๆ จะเป็นไปได้หรือที่รัฐบาลจะโง่หรือกล้าทำร้ายชาติได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริงหรือ คุณทำให้คนเข้าใจว่าคุณรักชาติมากกว่าทักษิณ ชวน ชวลิต และอีกหลายท่านที่รับผิดชอบการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอดหรือ


2. ที่ว่า “ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง . . . คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ . . . รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ . . . นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง” คุณฟ้องศาลให้ยกเลิกการแปรรูปของ ปตท. แต่เดชะบุญ ศาลไม่ได้พิพากษาตามคำฟ้อง แต่สั่งให้แบ่งแยกสมบัติให้ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มีใครต้องคำพิพากษาว่า “ขโมย” เลย

3. ที่ว่า “ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม” แต่คุณก็ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แจกใบปลิว เคยให้สัมภาษณ์ส่งเสริมการเดินขบวน ประชุมกับแกนนำเดินขบวน และขบวนการที่ร่วมกันเรียกร้องก็ได้ก่อม็อบจนเหตุการณ์บานปลายก็มี


4. ที่ว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพีเท่านั้น” คุณอ้างอิงบุคคลเพียงคนเดียวมาโต้แย้งได้อย่างไร คุณจะว่าอย่างไรถ้าผมกลับเชื่อว่านักการธนาคารที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อาจเห็นต่างจากคุณ


5. คุณไม่ควรยกเอาคำพูดบางคำของคุณพ่อของ ม.ล.ณัฐกรณ์ หรือของ ดร.ป๋วย มาอ้างอิงการกระทำของคุณ เพราะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ แต่แสดงให้สังคมเห็นว่า คุณใช้กลเม็ดอ้างอิงบุคคลสำคัญเพื่อเข้าข้างตัวเอง


6. คุณกล่าวถึง “การกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน” นี่คงเป็นเรื่องพ้นสมัยไปแล้ว ประชาชนไทยที่ยากจนจริง ๆ มีเพียง 10% เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจนมาตั้ง 20 ปีแล้ว คุณคงอ้างอิงผิดเวลาไป 50 ปี หรือยังมีมโนภาพแบบ 50 ปีก่อนที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจน


7. ที่ว่า “เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม” หรือ “ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ . . . ” ข้อนี้แสดงตัวตนของคุณในหลายแง่มุม เช่น การเป็นคนมีมธุรสวาจา ฉลาดที่รู้จักยกตนและเอาคืน และเป็นปุถุชนที่มีโทสะที่อยู่เบื้องลึกโดยไม่ละวางให้อภัย


การที่คุณได้รับเลือกตั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้มีสิทธิออกเสียงในกรุงเทพมหานครเห็นด้วยกับคุณ สมัครก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการที่มีคะแนนสูงสุด นิติภูมิก็เคยได้รับเลือกเป็น สว. ด้วยคะแนนสูงสุด แสดงว่าการสร้างภาพมีประสิทธิผลสูงมากในการได้คะแนน ถ้านิติภูมิที่ภาพลักษณ์ไม่ถูกทำลายและลงสมัคร สว. ได้ คุณก็คงไม่ได้รับเลือก


โดยสรุปแล้ว ผมเห็นว่าดีครับที่มีการวิวาทะระหว่างคุณกับ มล. ณัฐกรณ์ ไม่ใช่ดีในประเด็นการทะเลาะกัน หรือไม่ใช่ดีที่ได้เห็นการห้ำหั่นอย่างมีศิลปะที่มีเปลือกนอกเป็นสุภาพชน แต่ดีในการที่ประชาชนจะได้เห็นและมีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้เกิด “สังคมอุดมปัญญา” และไม่มืดบอด ด้วยการตรวจสอบตรรกะและแนวคิดโดยไม่ติดกับการสร้างภาพหรือการพูดความจริงเพียงบางส่วน





อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :

หมัดต่อหมัด   ปลื้ม VS รสนา  ........  วิวาทะว่าด้วย ส.ว. คนกรุงเทพฯ ทำแทนคนกรุงเทพฯ ไม่ได้

http://www.prachatai.com/05web/th/home/11491







หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: วุฒิ คนเล+รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 03:51:54 PM
wed ประชาไทย...คุ้นๆครับ... ::005:: ::005::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 15, 2008, 03:57:12 PM
จากมุมมองการให้บริการรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่แปรรูปแล้ว รู้สึกว่าการให้บริการ การทำงานดีขึ้นมากนะครับ ดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ มีระบบระเบียบดี

ส่วนเรื่องในองค์กรรัฐวิสาหกิจที่แปรรูปแล้ว ต้องรอให้พี่ๆหลายท่านในที่นี้ ที่ทำงานอยู่มาช่วยตอบ ว่าการบริหารจัดการภายในดีขึ้นหรือเปล่า  :D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ มีนาคม 15, 2008, 04:08:45 PM
ดูคุณปลื้ม หน้าเหมือน สายันต์ลูกน้องเด๋อจัง


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 04:28:49 PM
ผมไม่ชอบคุณปลื้ม...

ไม่ใช้นิสสันทีดา ไม่ใช้ยาสีฟันซอลท์...

แต่ไม่ได้เลือกคุณรสนาเป็นสว. ...

ผมเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยประชาชนเป็นผู้ออกเสียงเลือกตั้ง...

ผลการเลือกอาจไม่ถูกใจผม แต่ก็ต้องยอมรับมติของคนส่วนมากครับ...:D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มีนาคม 15, 2008, 05:06:14 PM
1. ที่ว่า กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท ข้อมูลนี้อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกโกรธทันทีว่าทำไมรัฐบาลจึงแย่ขนาดนี้ แต่หากคิดให้ดี ๆ จะเป็นไปได้หรือที่รัฐบาลจะโง่หรือกล้าทำร้ายชาติได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริงหรือ คุณทำให้คนเข้าใจว่าคุณรักชาติมากกว่าทักษิณ ชวน ชวลิต และอีกหลายท่านที่รับผิดชอบการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอดหรือ


2. ที่ว่า “ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง . . . คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ . . . รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ . . . นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง” คุณฟ้องศาลให้ยกเลิกการแปรรูปของ ปตท. แต่เดชะบุญ ศาลไม่ได้พิพากษาตามคำฟ้อง แต่สั่งให้แบ่งแยกสมบัติให้ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มีใครต้องคำพิพากษาว่า “ขโมย” เลย

3. ที่ว่า “ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม” แต่คุณก็ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แจกใบปลิว เคยให้สัมภาษณ์ส่งเสริมการเดินขบวน ประชุมกับแกนนำเดินขบวน และขบวนการที่ร่วมกันเรียกร้องก็ได้ก่อม็อบจนเหตุการณ์บานปลายก็มี


4. ที่ว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพีเท่านั้น” คุณอ้างอิงบุคคลเพียงคนเดียวมาโต้แย้งได้อย่างไร คุณจะว่าอย่างไรถ้าผมกลับเชื่อว่านักการธนาคารที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อาจเห็นต่างจากคุณ


5. คุณไม่ควรยกเอาคำพูดบางคำของคุณพ่อของ ม.ล.ณัฐกรณ์ หรือของ ดร.ป๋วย มาอ้างอิงการกระทำของคุณ เพราะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ แต่แสดงให้สังคมเห็นว่า คุณใช้กลเม็ดอ้างอิงบุคคลสำคัญเพื่อเข้าข้างตัวเอง


6. คุณกล่าวถึง “การกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน” นี่คงเป็นเรื่องพ้นสมัยไปแล้ว ประชาชนไทยที่ยากจนจริง ๆ มีเพียง 10% เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจนมาตั้ง 20 ปีแล้ว คุณคงอ้างอิงผิดเวลาไป 50 ปี หรือยังมีมโนภาพแบบ 50 ปีก่อนที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจน


7. ที่ว่า “เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม” หรือ “ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ . . . ” ข้อนี้แสดงตัวตนของคุณในหลายแง่มุม เช่น การเป็นคนมีมธุรสวาจา ฉลาดที่รู้จักยกตนและเอาคืน และเป็นปุถุชนที่มีโทสะที่อยู่เบื้องลึกโดยไม่ละวางให้อภัย


การที่คุณได้รับเลือกตั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้มีสิทธิออกเสียงในกรุงเทพมหานครเห็นด้วยกับคุณ สมัครก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการที่มีคะแนนสูงสุด นิติภูมิก็เคยได้รับเลือกเป็น สว. ด้วยคะแนนสูงสุด แสดงว่าการสร้างภาพมีประสิทธิผลสูงมากในการได้คะแนน ถ้านิติภูมิที่ภาพลักษณ์ไม่ถูกทำลายและลงสมัคร สว. ได้ คุณก็คงไม่ได้รับเลือก

สวัสดีครับพี่ nakin ที่รักนิ่งเสียพันตำลึงทองครับ  :Dการแปรรูปนั้นกับประเทศที่ไม่เข้มแข็งพอผลสุดท้ายเป็นอย่างไรตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วในประเทศอาเจนตินาและกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ที่เศรษฐกิจล้มแล้วล้มอีกยืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้สักที
ยิ่งอ่านข้อความพี่ nakin ผมยิ่งรู้สึกว่าการกระทำของคุณรสนาแม้จะน่าสงสัยถึงแหล่งที่มาเงินทุนแต่เท่าที่ผ่านมาแผ่นดินไทยก็ได้ผลประโยชน์จากngoกลุ่มนี้ไม่ใช่หรือครับ  :D
ขำที่สุดก็ข้อ 6 ตรงที่คนไทย มีคนยากจนเพียง10% เท่านั้น ทุกวันนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ที่ทำนาข้าวแถบที่ราบลุ่มภาคกลางก็น้ำท่วมทุกปี ถ้ารอดน้ำท่วมน้ำแล้ง มาได้ ราคา ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ก็ราคาตกแล้วตกอีก(สาเหตุที่ผลผลิตราคาตกต่ำเพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่ คนของบริษัทซื้อผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่นั่งอยู่ในคณะกรรมการต่างๆเช่นกนอ. พรรคการเมืองแกนนำรัฐบาลก็ได้เงินลงขันเลือกตั้งจากกลุ่มธุรกิจการเกษตร บริษัทเพรสซิเด้นท์ที่โกงโครงการรับจำนำข้าวก็ไม่เห็นต้องรับโทษอะไรเงียบๆหายๆกันไป แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะคนเหล่านี้อยากโง่รับเงินไม่กี่ร้อยบาทแล้วหลับหูหลับตากาเบอร์สส.ห่วยๆ กรรมทันตาเห็นในชาตินี้ก็เลยต้องจนซ้ำซาก)แค่ค่าแรงเก็บเกี่ยวก็เกินราคาผลผลิตที่ขายได้แล้ว ยกตัวอย่างอ้อยราคาหน้าโรงงานน้ำตาล600 บาทก็จริงแต่เป็นราคาที่โรงงานซื้อจากนายทุนปลูกอ้อยรายใหญ่ๆเท่านั้น เกษตรกรรายเล็กรายน้อยขายได้แค่สี่ร้อยกว่าบาทแต่เมื่อเดือนก่อนผมขับรถผ่านแถวอ.บ่อพลอยกาญจนบุรีติดป้ารับซื้อแค่ตันละสี่ร้อยกว่าบาท ค่าแรงเก็บเกี่ยวก็ตันละสองร้อยกว่าบาท ค่ารถขนอ้อย วันหนึ่งขนได้เที่ยวเดียวเพราะต้องไปรอคิวหน้าโรงน้ำตาล ค่าขนส่งตกตันละเกือบสองร้อยบาท ค่าปุ๋ยค่ายา แค่สูบน้ำก็เกินขาดทุนแล้วครับ นี่แค่พูดถึงเกษตรกรที่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีที่ทำกิน เป็นแค่กรรมกร ตัดอ้อย ขุดมัน หักฝักข้าวโพด เขาจ้างกันวันละ 150 บาท ปีหนึ่งมีงานทำคิดเป็นวันไม่ถึง150 วัน ก็แค่15000 บาท เดือนละ1250บาท พอกินพอเลี้ยงลูกเมียค่าหนังสือลูกมั้ย อย่างนี้ยังนับว่าคนยากจนมีแค่10% จริงหรือไม่ลองคิดกันดูครับ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: watchrapong(รักในหลวง) ที่ มีนาคม 15, 2008, 05:56:34 PM

   ผมเลือกคุณ รสนา (บางเขน)
   แฟนผมเลือกคุณ รสนา (ลาดพร้าว)
            คุณ ปลื่ม หาว่าคน กทม.ฉลาดน้อย :-\


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: SingCring ที่ มีนาคม 15, 2008, 07:46:44 PM
ผมเป็นคนหนึ่งที่เลือกคุณรสนา เป็น สว.กรุงเทพฯ.................

ผมไม่คิดมากหรือไปไกลมากมาย ................ คิดแค่ ในสภาต้องมีคนแบบนี้บ้าง

ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพ แต่คิดอย่างนั้นเช่นกันครับ พี่มะขิ่น


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: foxbat.....รักในหลวง ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:07:25 PM
รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนกับไม่ผูกขาดมัดมือชกบังคับให้ประชาชนใช้ทำไม  เขาถึงไม่สนใจที่จะแปรรูป   ยากไปมั้ยครับกับคำถามนี้ ::001::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 15, 2008, 08:13:39 PM
รัฐวิสาหกิจที่ขาดทุนกับไม่ผูกขาดมัดมือชกบังคับให้ประชาชนใช้ทำไม  เขาถึงไม่สนใจที่จะแปรรูป   ยากไปมั้ยครับกับคำถามนี้ ::001::


อย่างการรถไฟรึเปล่าครับ ใครจะกล้าไปแตะต้อง พันธมิตรเค้าคุมอยู่นี่ครับ  :D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: โทน73 -รักในหลวง- ที่ มีนาคม 15, 2008, 09:08:37 PM
...ดีแล้วครับ  จะได้รู้จักตัวตนจริงๆ ของเขา  8)

แสดงออกแบบนี้ต่อเนื่องมานานแล้วครับ  ตั้งแต่ให้ความเห็นเชียร์บุชผู้ลูก บุกอิรัค


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Iron ที่ มีนาคม 15, 2008, 10:39:05 PM



อีกมุมมอง    ...........       :)




บทความ โสภณ พรโชคชัย  :  ถามต่อคำชี้แจงของ   ‘รสนา โตสิตระกูล’
http://www.prachatai.com/05web/th/home/11491



โสภณ พรโชคชัย
14 มีนาคม 2551


เช้านี้ผมได้อ่านการตอบโต้ของคุณรสนา โตสิตระกูล (สมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้ง) ต่อคำวิจารณ์ของ ม.ล.ณัฐกรณ์ เทวกุล (คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์) เห็นว่า ข้อมูลที่คุณรสนา ชี้แจง ซึ่งถือเป็นประเด็นหลักในการตอบโต้ อาจมีความคลาดเคลื่อน อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ จึงขออนุญาตแสดงความเห็น เผื่อจะได้มองให้กว้างดังเจตนารมณ์ของคุณรสนาเอง


1. ที่ว่า กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท ข้อมูลนี้อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกโกรธทันทีว่าทำไมรัฐบาลจึงแย่ขนาดนี้ แต่หากคิดให้ดี ๆ จะเป็นไปได้หรือที่รัฐบาลจะโง่หรือกล้าทำร้ายชาติได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริงหรือ คุณทำให้คนเข้าใจว่าคุณรักชาติมากกว่าทักษิณ ชวน ชวลิต และอีกหลายท่านที่รับผิดชอบการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอดหรือ


2. ที่ว่า “ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง . . . คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ . . . รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ . . . นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง” คุณฟ้องศาลให้ยกเลิกการแปรรูปของ ปตท. แต่เดชะบุญ ศาลไม่ได้พิพากษาตามคำฟ้อง แต่สั่งให้แบ่งแยกสมบัติให้ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มีใครต้องคำพิพากษาว่า “ขโมย” เลย

3. ที่ว่า “ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม” แต่คุณก็ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แจกใบปลิว เคยให้สัมภาษณ์ส่งเสริมการเดินขบวน ประชุมกับแกนนำเดินขบวน และขบวนการที่ร่วมกันเรียกร้องก็ได้ก่อม็อบจนเหตุการณ์บานปลายก็มี


4. ที่ว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพีเท่านั้น” คุณอ้างอิงบุคคลเพียงคนเดียวมาโต้แย้งได้อย่างไร คุณจะว่าอย่างไรถ้าผมกลับเชื่อว่านักการธนาคารที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อาจเห็นต่างจากคุณ


5. คุณไม่ควรยกเอาคำพูดบางคำของคุณพ่อของ ม.ล.ณัฐกรณ์ หรือของ ดร.ป๋วย มาอ้างอิงการกระทำของคุณ เพราะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ แต่แสดงให้สังคมเห็นว่า คุณใช้กลเม็ดอ้างอิงบุคคลสำคัญเพื่อเข้าข้างตัวเอง


6. คุณกล่าวถึง “การกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน” นี่คงเป็นเรื่องพ้นสมัยไปแล้ว ประชาชนไทยที่ยากจนจริง ๆ มีเพียง 10% เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจนมาตั้ง 20 ปีแล้ว คุณคงอ้างอิงผิดเวลาไป 50 ปี หรือยังมีมโนภาพแบบ 50 ปีก่อนที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจน


7. ที่ว่า “เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม” หรือ “ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ . . . ” ข้อนี้แสดงตัวตนของคุณในหลายแง่มุม เช่น การเป็นคนมีมธุรสวาจา ฉลาดที่รู้จักยกตนและเอาคืน และเป็นปุถุชนที่มีโทสะที่อยู่เบื้องลึกโดยไม่ละวางให้อภัย


การที่คุณได้รับเลือกตั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้มีสิทธิออกเสียงในกรุงเทพมหานครเห็นด้วยกับคุณ สมัครก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการที่มีคะแนนสูงสุด นิติภูมิก็เคยได้รับเลือกเป็น สว. ด้วยคะแนนสูงสุด แสดงว่าการสร้างภาพมีประสิทธิผลสูงมากในการได้คะแนน ถ้านิติภูมิที่ภาพลักษณ์ไม่ถูกทำลายและลงสมัคร สว. ได้ คุณก็คงไม่ได้รับเลือก


โดยสรุปแล้ว ผมเห็นว่าดีครับที่มีการวิวาทะระหว่างคุณกับ มล. ณัฐกรณ์ ไม่ใช่ดีในประเด็นการทะเลาะกัน หรือไม่ใช่ดีที่ได้เห็นการห้ำหั่นอย่างมีศิลปะที่มีเปลือกนอกเป็นสุภาพชน แต่ดีในการที่ประชาชนจะได้เห็นและมีข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ เพื่อร่วมกันส่งเสริมให้เกิด “สังคมอุดมปัญญา” และไม่มืดบอด ด้วยการตรวจสอบตรรกะและแนวคิดโดยไม่ติดกับการสร้างภาพหรือการพูดความจริงเพียงบางส่วน





อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง :

หมัดต่อหมัด   ปลื้ม VS รสนา  ........  วิวาทะว่าด้วย ส.ว. คนกรุงเทพฯ ทำแทนคนกรุงเทพฯ ไม่ได้

http://www.prachatai.com/05web/th/home/11491




รัฐบาลแม้วไม่โง่หรอกครับ  แต่ชั่ว แค่นั้นเอง  ;D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 15, 2008, 10:50:38 PM
บทความหนึ่งเรื่องของ มล. ปลื้ม ในนิตยสาร เขาแสดงความเห็นตรงๆ ว่า "...เมืองไทยเดินทางผิดเพราะมัวแต่ปราบคอรัปชั่น  ...ประเทศกำลังพัฒนาก็ต้องมีคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา  ...ความสำเร็จในการสร้างวัตถุสำคัญที่สุด ถ้ามัวแต่จะปราบคอรัปชั่นก็ทำอะเรไม่ได้"

ว่าแต่ว่า ได้ยินแต่คนบอกว่าเห็นพรีเซนเตอร์รถนิสสันทิด้าแล้วหมั่นไส้ไม่อยากใช้รถ ไม่เคยได้ยินตรงกันข้ามเลยครับ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: สตางค์ ที่ มีนาคม 15, 2008, 10:53:09 PM
ผมอยากดูหนังที่คุณปลื้มแสดงนะ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 15, 2008, 10:55:23 PM
อือม์ ปลายปีที่แล้วได้ข่าวว่า มล ปลื้ม บริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์ ๑ หรือ ๒ แสนบาท

ตอนนั้นผมนึกว่าคงจะมามีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง..

จึงสงสัยคือว่าพรรคฯ เขามองคนนี้อย่างไร ครับ?


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 15, 2008, 11:12:54 PM
เลือกตั้ง สว. ครั้งก่อน ผมตั้งใจว่าไม่เลือกคุณรสนาแน่ๆ ครับ ::001:: แล้วก็ไม่เลือกจริงๆ ::006::

เพราะ กทม มี สวได้หลายคน มั่นใจว่าคุณรสนาได้อยู่แล้ว ::007::

แครั้นี้เลือกคนเดียว เลยขอมีส่วนร่วมเลือกมาหน่อย อิ อิ ::002::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: J_D ที่ มีนาคม 16, 2008, 12:49:36 AM
ประชาธิปไตย  คือ

ผมอาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณพูด  แต่ผมจะสู้ตายเพื่อสิทธิที่คุณจะได้พูด  คำพูดของใครจำไม่ได้เห็นมันโดนใจดี


ประเทศไทย  คือ

ไม่เห็นด้วยเอ็งไม่ต้องพูด   ลับหลังเป็นด่าเจอหน้าเป็นตี 

งานนี้สีสันเล็กๆครับ  หลังจากนี้ผมว่ามีบู้อีกเยอะทั้ง ฝ่ายซ้าย  ฝ่ายขวา  ฝ่ายกลาง  ฝ่ายโกง  ฝ่ายไหล


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 16, 2008, 01:25:00 AM
1. ที่ว่า กฟผ.มีสินทรัพย์มูลค่าสุทธิสูงถึง 3.8 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลพยายามขายทรัพย์สินเหล่านี้ผ่านการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยมูลค่าเพียง 20,000 ล้านบาท ข้อมูลนี้อาจทำให้ผู้อ่านรู้สึกโกรธทันทีว่าทำไมรัฐบาลจึงแย่ขนาดนี้ แต่หากคิดให้ดี ๆ จะเป็นไปได้หรือที่รัฐบาลจะโง่หรือกล้าทำร้ายชาติได้ถึงเพียงนี้ นี่เป็นข้อกล่าวหาที่มีมูลความจริงหรือ คุณทำให้คนเข้าใจว่าคุณรักชาติมากกว่าทักษิณ ชวน ชวลิต และอีกหลายท่านที่รับผิดชอบการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมาโดยตลอดหรือ


2. ที่ว่า “ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์อย่างรีบเร่ง . . . คณะรัฐมนตรีมีมติว่า ท่อส่งก๊าซ ยังคงเป็นสมบัติของรัฐ . . . รัฐบาลทักษิณ ยกเลิกมติ ครม.นี้ ทำให้ ปตท.ได้ครอบครองทรัพย์สมบัติของชาติ . . . นี่คือ การขโมยในรูปแบบหนึ่ง” คุณฟ้องศาลให้ยกเลิกการแปรรูปของ ปตท. แต่เดชะบุญ ศาลไม่ได้พิพากษาตามคำฟ้อง แต่สั่งให้แบ่งแยกสมบัติให้ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มีใครต้องคำพิพากษาว่า “ขโมย” เลย

3. ที่ว่า “ในการต่อสู้คดีคอร์รัปชันทางนโยบาย ดิฉันไม่เคยใช้การประท้วงบนท้องถนน มีแต่พึ่งพาศาลยุติธรรม” แต่คุณก็ขึ้นเวทีพันธมิตรฯ แจกใบปลิว เคยให้สัมภาษณ์ส่งเสริมการเดินขบวน ประชุมกับแกนนำเดินขบวน และขบวนการที่ร่วมกันเรียกร้องก็ได้ก่อม็อบจนเหตุการณ์บานปลายก็มี


4. ที่ว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ นักการธนาคารที่มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง ได้กล่าวว่า ประเทศไทยไม่ได้มีแค่ตลาดหุ้น และอนาคตของชาติไม่ได้ขึ้นอยู่แต่กับ จีดีพีเท่านั้น” คุณอ้างอิงบุคคลเพียงคนเดียวมาโต้แย้งได้อย่างไร คุณจะว่าอย่างไรถ้าผมกลับเชื่อว่านักการธนาคารที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่อาจเห็นต่างจากคุณ


5. คุณไม่ควรยกเอาคำพูดบางคำของคุณพ่อของ ม.ล.ณัฐกรณ์ หรือของ ดร.ป๋วย มาอ้างอิงการกระทำของคุณ เพราะเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระ แต่แสดงให้สังคมเห็นว่า คุณใช้กลเม็ดอ้างอิงบุคคลสำคัญเพื่อเข้าข้างตัวเอง


6. คุณกล่าวถึง “การกระจายความมั่งคั่งให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า 70% ที่เป็นคนยากจน” นี่คงเป็นเรื่องพ้นสมัยไปแล้ว ประชาชนไทยที่ยากจนจริง ๆ มีเพียง 10% เท่านั้น อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจนมาตั้ง 20 ปีแล้ว คุณคงอ้างอิงผิดเวลาไป 50 ปี หรือยังมีมโนภาพแบบ 50 ปีก่อนที่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ยากจน


7. ที่ว่า “เราไม่ควรพูดถึงประเทศอื่นในทางดูถูกเหยียดหยาม” หรือ “ดิฉันมีสิทธิที่จะปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง โดยการฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท แต่ดิฉันเป็นคนไทยที่ได้รับการอบรมสั่งสอนด้วยคำสอนของขงจื๊อ ดิฉันระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษของคุณ . . . ” ข้อนี้แสดงตัวตนของคุณในหลายแง่มุม เช่น การเป็นคนมีมธุรสวาจา ฉลาดที่รู้จักยกตนและเอาคืน และเป็นปุถุชนที่มีโทสะที่อยู่เบื้องลึกโดยไม่ละวางให้อภัย


การที่คุณได้รับเลือกตั้งนั้น ไม่ได้หมายความว่าผู้มีสิทธิออกเสียงในกรุงเทพมหานครเห็นด้วยกับคุณ สมัครก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าราชการที่มีคะแนนสูงสุด นิติภูมิก็เคยได้รับเลือกเป็น สว. ด้วยคะแนนสูงสุด แสดงว่าการสร้างภาพมีประสิทธิผลสูงมากในการได้คะแนน ถ้านิติภูมิที่ภาพลักษณ์ไม่ถูกทำลายและลงสมัคร สว. ได้ คุณก็คงไม่ได้รับเลือก



สวัสดีครับพี่ nakin ที่รักนิ่งเสียพันตำลึงทองครับ  :Dการแปรรูปนั้นกับประเทศที่ไม่เข้มแข็งพอผลสุดท้ายเป็นอย่างไรตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วในประเทศอาเจนตินาและกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ที่เศรษฐกิจล้มแล้วล้มอีกยืนหยัดด้วยตัวเองไม่ได้สักที
ยิ่งอ่านข้อความพี่ nakin ผมยิ่งรู้สึกว่าการกระทำของคุณรสนาแม้จะน่าสงสัยถึงแหล่งที่มาเงินทุนแต่เท่าที่ผ่านมาแผ่นดินไทยก็ได้ผลประโยชน์จากngoกลุ่มนี้ไม่ใช่หรือครับ  :D
ขำที่สุดก็ข้อ 6 ตรงที่คนไทย มีคนยากจนเพียง10% เท่านั้น ทุกวันนี้เกษตรกรส่วนใหญ่ที่ทำนาข้าวแถบที่ราบลุ่มภาคกลางก็น้ำท่วมทุกปี ถ้ารอดน้ำท่วมน้ำแล้ง มาได้ ราคา ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ก็ราคาตกแล้วตกอีก(สาเหตุที่ผลผลิตราคาตกต่ำเพราะอะไรก็รู้ๆกันอยู่ คนของบริษัทซื้อผลผลิตทางการเกษตรรายใหญ่นั่งอยู่ในคณะกรรมการต่างๆเช่นกนอ. พรรคการเมืองแกนนำรัฐบาลก็ได้เงินลงขันเลือกตั้งจากกลุ่มธุรกิจการเกษตร บริษัทเพรสซิเด้นท์ที่โกงโครงการรับจำนำข้าวก็ไม่เห็นต้องรับโทษอะไรเงียบๆหายๆกันไป แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะคนเหล่านี้อยากโง่รับเงินไม่กี่ร้อยบาทแล้วหลับหูหลับตากาเบอร์สส.ห่วยๆ กรรมทันตาเห็นในชาตินี้ก็เลยต้องจนซ้ำซาก)แค่ค่าแรงเก็บเกี่ยวก็เกินราคาผลผลิตที่ขายได้แล้ว ยกตัวอย่างอ้อยราคาหน้าโรงงานน้ำตาล600 บาทก็จริงแต่เป็นราคาที่โรงงานซื้อจากนายทุนปลูกอ้อยรายใหญ่ๆเท่านั้น เกษตรกรรายเล็กรายน้อยขายได้แค่สี่ร้อยกว่าบาทแต่เมื่อเดือนก่อนผมขับรถผ่านแถวอ.บ่อพลอยกาญจนบุรีติดป้ารับซื้อแค่ตันละสี่ร้อยกว่าบาท ค่าแรงเก็บเกี่ยวก็ตันละสองร้อยกว่าบาท ค่ารถขนอ้อย วันหนึ่งขนได้เที่ยวเดียวเพราะต้องไปรอคิวหน้าโรงน้ำตาล ค่าขนส่งตกตันละเกือบสองร้อยบาท ค่าปุ๋ยค่ายา แค่สูบน้ำก็เกินขาดทุนแล้วครับ นี่แค่พูดถึงเกษตรกรที่มีที่ทำกินเป็นของตัวเอง แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีที่ทำกิน เป็นแค่กรรมกร ตัดอ้อย ขุดมัน หักฝักข้าวโพด เขาจ้างกันวันละ 150 บาท ปีหนึ่งมีงานทำคิดเป็นวันไม่ถึง150 วัน ก็แค่15000 บาท เดือนละ1250บาท พอกินพอเลี้ยงลูกเมียค่าหนังสือลูกมั้ย อย่างนี้ยังนับว่าคนยากจนมีแค่10% จริงหรือไม่ลองคิดกันดูครับ





คุณ   nars    ที่รัก    ........      :D      (  ผมทราบแล้วครับ    ว่า    คุณ  nars    รักผมมาก  )




ก่อนอื่น    คงต้องเรียนให้คุณ    nars    ทราบก่อนว่า    .......    ข้อความข้างบน    ทั้ง    7    ข้อ    ........    ไม่ใช่ของผม     (  ลองอ่านดูอีกที    ......    สิครับ  )

และ    ข้อความเหล่านั้น    เป็น    อีกความรู้สึกหนึ่ง    ที่ผู้เขียนมีต่อ    นาง รสนา    และ    นาย ปลื้ม    .......    โดยที่    จุดมุ่งหมายของผู้เขียน    เขา    ก็ได้บอกเอาไว้แล้ว   




ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ    ของ    อาร์เจนติน่า    ในปัจจุบัน    ............   

คุณ  nars    น่าจะรอบรู้กว่าผม    มากมายนัก    และ    คงจะมี    ข้อมูล / ข้อเท็จจริง    ที่    updated     กว่าผม    ......   น่าจะนำมาเผยแพร่    นะครับ      ;D




และท้ายสุด    ..........    ผมเห็นด้วย    กับ    คุณ  nars    เป็นอย่างยิ่งครับ    ว่า     ..........     นิ่งเสียพันตำลึงทองครับ       ::002::







ปล   :    ผมก็รัก    คุณ  nars     .......................    ครับ       :)








หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 16, 2008, 01:45:00 AM


อืมม์    .........    อีกอย่างหนึ่ง      ผมเกือบลืมบอกไปว่า    .......




ผมไปเลือก    นาง รสนา    โตสิตระกูล    ........    เพื่อให้เป็น     สว.      ครับ


แต่    ........    ไม่ได้เลือกเพราะ    มุมมองของ    นางรสนา    ที่มีต่อการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ     หรอกนะครับ     


เพราะรู้ว่า    .................    เป็นแค่    วิธีการหาเสียง    ของแก    .........    เท่านั้นเอง        ::007::


แต่     ........     ผมเลือกแก     ด้วยเหตุผลใด      ........     ผมขออนุญาต    ไม่พูดถึง    .................     เพราะ     เป็นสิทธิ์    และ    เป็นเรื่องส่วนตัว    ........      :)








หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: babor ที่ มีนาคม 16, 2008, 07:01:36 AM

ว่าแต่ว่า ได้ยินแต่คนบอกว่าเห็นพรีเซนเตอร์รถนิสสันทิด้าแล้วหมั่นไส้ไม่อยากใช้รถ ไม่เคยได้ยินตรงกันข้ามเลยครับ



พรรคพวกจะซื้อรถรุ่นนี้ใช้เหมือนกันครับ  แต่พอเห็นพรีเซนเตอร์แล้ว  หันไปใช้ยี่ห้ออื่นทันที...


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 16, 2008, 11:24:33 AM

ว่าแต่ว่า ได้ยินแต่คนบอกว่าเห็นพรีเซนเตอร์รถนิสสันทิด้าแล้วหมั่นไส้ไม่อยากใช้รถ ไม่เคยได้ยินตรงกันข้ามเลยครับ



พรรคพวกจะซื้อรถรุ่นนี้ใช้เหมือนกันครับ  แต่พอเห็นพรีเซนเตอร์แล้ว  หันไปใช้ยี่ห้ออื่นทันที...

น่าน อีก ๑ ตัวจริง เสียงลูกค้าจริงครับ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ มีนาคม 16, 2008, 11:46:19 AM

ว่าแต่ว่า ได้ยินแต่คนบอกว่าเห็นพรีเซนเตอร์รถนิสสันทิด้าแล้วหมั่นไส้ไม่อยากใช้รถ ไม่เคยได้ยินตรงกันข้ามเลยครับ



พรรคพวกจะซื้อรถรุ่นนี้ใช้เหมือนกันครับ  แต่พอเห็นพรีเซนเตอร์แล้ว  หันไปใช้ยี่ห้ออื่นทันที...

ในภาพยนตร์ที่เค้าแสดง ก็จะเห็นว่ารถของหน่วยที่เค้าสังกัด(ในภาพยนตร์นะคะ) ก็ใช้รถยี่ห้อนี้ทั้งนั้น  ::005::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: nars รักในหลวงและแผ่นดินไทย ที่ มีนาคม 17, 2008, 02:19:03 AM
ก่อนอื่น    คงต้องเรียนให้คุณ    nars    ทราบก่อนว่า    .......    ข้อความข้างบน    ทั้ง    7    ข้อ    ........    ไม่ใช่ของผม     (  ลองอ่านดูอีกที    ......    สิครับ  )
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ    ของ    อาร์เจนติน่า    ในปัจจุบัน    ............   

คุณ  nars    น่าจะรอบรู้กว่าผม    มากมายนัก    และ    คงจะมี    ข้อมูล / ข้อเท็จจริง    ที่    updated     กว่าผม    ......   น่าจะนำมาเผยแพร่    นะครับ       

ทราบครับว่าไม่ใช่ของพี่ nakin ที่รัก แต่ผมเข้าใจว่าพี่จะ เอาข้อความนี้มาแก้ตัวให้ใครบางคนที่ต้องระเหเร่ร่อนอีกครั้งเพราะพยายามจะเอาสมบัติชาติมาขายซะอีกครับ  :D
เรื่องอาร์เจนติน่านั้น ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากมายเท่าไหร่ทราบแต่ว่า เมื่อก่อนอาร์เจนตินามีทรัพยากรสมบูรณ์มาก ทั้งปิโตเลียม ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่(ในสงครามโลกครั้งที่2 อาร์เจนตินาเป็นแหล่งผลิตเนื้อสัตว์สำคัญที่ส่งให้พันธมิตร)แต่เริ่มตกต่ำในสมัย นายฮวน เปรอง เป็นปธน. ซึ่งนายฮวนเป็นสามีของevita peron ตำนานของเพลง don't cry for me agentina ในขณะที่เธอป่วยเป็นมะเร็ง สาเหตุแห่งความล่มสลายของอาร์เจนติน่า นั้น เริ่มมาจาก นายฮวนเอานโยบายลดแลกแจกแถมคล้ายกับนโยบายพรรคการเมืองดังแถบประเทศสารขัณฑ์ในขณะนี้ มาใช้หาเสียง ทำให้คนอาร์เจนตินา งอมืองอเท้ารอแต่ความช่วยเหลือจากภาครัฐไม่พยายามยืนบนลำแข้งตัวเอง (ก็คล้ายๆชาวชนบทในประเทศสารขัณฑ์เวลานี้อีกนั้นแหละ) อีกทั้งยังมีห้าง super store จากฝรั่งเศส กระจายไปทั่วอาร์เจนตินา ซึ่งห้างเหล่านี้ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในท้องถิ่น ซึ่งก็คล้ายประเทศสารขัณฑ์อีกนั้นแหละ ที่มีแต่ห้างโลตัส คาร์ฟู ตั้งอยู่กลางย่านชุมชนสำคัญ ทำให้ตลาดสดขนาดกลางในแต่ละท้องถิ่นที่ห้างเหล่านี้ตั้งต้องปินตัว ที่อยู่ได้ก็มีแต่ตลาดใหญ่ๆที่มีเอกลักษณ์เช่น ตลาดอตก. ตลาด เยาราช นอกนั้นไม่ปิดก็ยอดขายลดฮวบ จนแทบไม่เหลือตลาดประจำชุมชน ร้านของชำ ร้านเครื่องไฟฟ้า ปกติจะมีท้องถิ่นละอย่างน้อย1 ร้าน แต่ร้านของชำจะมีหลายร้านหน่อยก็ต้องปิดตัวในเขตที่ห้างเหล่านี้ตั้งห้าง(ซึ่งแต่ละร้านแต่ละตลาดทำให้เกิดการจ้างงานการหมุนเวียนของเงินในท้องถิ่นเป็นจำนวนมหาศาล    "   สมัยก่อนเราจะได้เห็นลูกเจ้าของร้านไฟฟ้า ลูกเจ้าของร้านของชำได้เล่าเรียนสูงๆ พี่ๆเพื่อนๆคนไหน มีประสบการณ์ตรงนี้ช่วยเล่าให้ฟังด้วยครับ   "     แต่เราจะไม่เคยเห็น ลูกของพนักงานห้างโลตัสได้เรียนสูงๆซักคนเพราะเงินเดือนที่ห้างเหล่านี้จ่ายมันน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพพอแค่มีกินมีอยู่ไปวันๆเท่านั้น) ผมความจำไม่ค่อยดี จำได้เลาๆ ว่าตอนนั้นมีอดีต นายกฯ คนหนึ่ง(ถ้าใครจำได้ช่วยบอกด้วยครับว่าชื่ออะไรจะได้ให้ยมบาลลงบัญชีหนังหมาเอาไว้ ผมเคยไปฝรั่งเศสประเทศแม่ของคาร์ฟู เขายังต้องตั้งห้างนอกเขตชุมชนเหมือนกับที่ห้างแมคโครในยุคแรกๆตั้งได้แต่ที่ชานเมืองและต้องซื้อสินค้ายกแพ็คใหญ่ๆ ซึ่งรัฐบาลไทยในยุคนั้นคำนึงแต่เงินใต้โต๊ะโดยไม่คำนึงถึงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศแม้แต่น้อย)พาประธาน เทสโก้จากอังกฤษไปเปิดสาขาโลตัสแห่งหนึ่งแล้วประกาศว่าจะสนับในการขยายสาขาของโลตัส หลังจากนั้น ห้าง super store เหล่านี้ก็กระจายขยายเต็มประเทศไทย (สาเหตุที่เงินไม่หมุนเวียนก็เพราะว่า ห้างเหล่านี้ ส่งเงินรายได้กลับส่วนกลางทั้งหมดแล้วส่งไปบริษัทแม่ที่ต่างประเทศอีกที รวมทั้งต่อรองขอเครดิตจาก supplier ไม่ต่ำกว่า90 วัน ทำให้เงินหายออกไปจากระบบ ผิดจากร้านค้าปลีกและแผงขายสินค้าในตลาด ที่เงินที่แม่ค้าได้จากเราแม่ค้าก็นำไปจับจ่ายใช้สอยทำให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจ) เขียนเรื่องsuper store ยาวไปหน่อย แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า คนอาร์เจนติน่าก็ได้ crying จริงๆ จากนโยบายของสามีนาง evita peronเมื่อเศรษฐกิจล้มเกิดจลาจลปล้นสินค้า เพราะค่าเงินเปโซเป็นเศษกระดาษไม่มีค่าพอที่จะซื้อสินค้า เลยต้องปล้นร้านค้าเอา รัฐวิสาหกิจทั้งหลาย ทางหลวงก็แปรรูป ให้ต่างชาติถือหุ้น ทั้งบริษัทปิโตเลียม ทางหลวงก็มีด่านเก็บเงินเป็นชั้นๆ รวมทั้งค่าไฟฟ้าค่าประปาหลังจากแปรรูป ผู้ถือหุ้นต่างชาติก็ขึ้นราคามหาโหด จนชาวอาร์เจนตินาอยู่กันไม่ได้ต้องก่อจลาจลพี่ๆเพื่อนๆ พอจะคิดปะติดปะต่อได้แล้วหรือยังว่าหากเรายังขืนเดินหน้า แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ส่งเสริมนโยบายประชานิยมให้ประชาชนเหลวแหลกใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อต่อไปประเทศไทยจะเป็นอย่างไรครับ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 17, 2008, 03:02:43 AM


ทราบครับว่าไม่ใช่ของพี่ nakin ที่รัก     แต่ผมเข้าใจว่า    พี่จะเอาข้อความนี้มาแก้ตัวให้ใครบางคนที่ต้องระเหเร่ร่อนอีกครั้งเพราะพยายามจะเอาสมบัติชาติมาขายซะอีกครับ    :D





สวัสดียามดึก    คุณ  nars      ............       :)



อืมม์    .........    คุณ  nars    เข้าใจผิด    และ    คิดมากเกินไป    หรือเปล่าครับ  ?

อย่างไรก็ตาม    ผมก็คงไม่ขัด    คุณ  nars    หรอกนะครับ    .....................................      ;D  ;D






ปล    :     ขอบคุณครับ    สำหรับเรื่อง    อาร์เจนติน่า    ............    และ    ผมจะไปศึกษาเพิ่มเติม    จากแหล่งอื่น  ๆ    อีกนะครับ

เพราะว่า    .........    ผมต้องการรู้ให้ลึก    รู้ให้จริง    และ    ครบถ้วน    ................    มากขึ้นครับ



Good  night    ......    Sleep    tight     นะครับ    ..........    คุณ  nars    ที่รัก         :VOV:






หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 17, 2008, 10:34:40 AM
ผมไม่ได้อยู่กรุงเทพ  แต่วันที่ผมขึ้นมากรุงเทพอีกครั้ง    ป้ายหาเสียง  รสนา  โตสิตตระกูล  เบอร์ 5  (ซึ่ง คุณ รสนาได้ทำหน้าที่ประหยัดไฟได้ดีกว่าแอร์เบอร์ 5 ซะอีก )  โดนใจสุดๆ
คนเราสามารถเรียนได้ไม่รู้จบ  ต่อไปอาจจะต้องไปต่อ ดับเบิลด๊อกเทอร์ที่ดาวอังคาร   แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคิดไม่เป็น
สงสัยบังเอิญไปเกิดเป็นลูกคนมีกะตังค์ บังเอิญไอคิวดี  ได้ไปเรียนเมืองนอก   บังเอิญก้นฝรั่งมันบังทัศนะวิสัย


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: chew - รักในหลวง ที่ มีนาคม 17, 2008, 10:43:16 AM
ผมเคยคิดว่าคุณปลื้มเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะมีอนาคตในเมืองไทยเพราะความสามารถสูงในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นสมัยที่ทำภาคภาษาอังกฤษหลายๆปีก่อน

มาเริ่มเสียความรู้สึกที่เขาไม่กล้าวิจารณ์การตัดสินใจแทรกแซงเงินบาทของหม่อมอุ๋ย ทั้งๆที่มันชัดแจ้งว่ามีคนได้ผมประโยชน์จากค่าเงิน Off-Shore ถูกกว่าเงินในเมืองไทยกว่า 3 บาทต่อดอลล่าร์เป็นเวลาหลายๆเดือน  แต่ก็ยังคิดว่าเขาอาจจะเกรงใจพ่อเขาเอง

เอาล่ะไม่ว่ากัน

แต่บทความนี้แสดงความรู้สึกนึกคิดชัดของชนชั้นปกครองที่มีการถือสิทธิ์( Entitlement) สูงมากๆ โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเสียหายอยู่ คนไทยเป็นเกษตรกร 75 % นะครับ เห็นราคาผลิตผลทางการเกษตรก็คงบอกได้ว่าเขาไม่รวยแค่ไหน แต่ทำไมสนใจว่าประเทศ(ภาพรวมเท่านั้น) ต้องรวยขึ้นทั้งๆที่ในตลาดหุ้นมีคนแค่ 2แสนกว่าคนได้ผลประโยชน์อยู่

สาธารณูปโภคซึ่งลงทุนมาจากเงินภาษีของประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในมือของเอกชนที่ไม่ได้จ่ายเงินทดแทนอย่างถูกต้องครับ
ดูปตท ก็พอ  เราจ่ายค่านำมันสูงกว่ามาเลเซียเท่าไหร่ จะบอกว่าเขามีบ่อนน้ำมันเอง ทราบมั้ยครับว่าเราก็มี ดู Google search ดูก็จะทราบครับ  แต่เราต้องจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ่นปตท จากกำไรปีนึงเป็นหลายๆหมื่นล้าน(ดูปตท website) นะครับ ถ้าอันนี้เกิดขึ้นกับการไฟฟ้าซึ่งทุกบ้านที่ไฟเข้าถึงต้องใช้ ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงผลลัพท์ครับ  
5 ปีก่อน คนจนๆอย่างผมขึ้นรถเมล์ที่ 3.50  บ ตอนนี้ 8.50 บ  กำลังจะเป็น 10 บ แล้ว  ท่านคิดว่าถ้าทั้งนำ ไฟ และ นำมันเป็นของเอกชนที่ได้มาจากการฉวยโอกาส  พวกผมจะทำยังไงครับ
ต้องรอให้ผมปล้นท่านๆกิน ขโมยของท่านตอนท่านจอดรถตามห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมหรูๆ ท่านถึงจะเข้าใจหรือครับ
ขนาดผมเองมีทางเลือกค่อนข้างมากกว่าชาวนาวไร่หลายๆท่าน   ผมยังรู้สึกนะครับ
บังเอิญผมก็ติดตามงานของคุณรสนา มาหลายปีเช่นกัน คุณรสนา อาจจะพูดไม่เก่งต่อหน้า TV หรือในที่ชุมนุมใหญ่ๆ
แต่ความเข้าใจในเรื่องต่างๆทางสังคมโดยเฉพาะ ผมที่กระทบกับชนชั้นที่ถูกปกครอง ไม่ด้อยกว่ารัฐมนโทที่เคยหิ้วเงินไทยไปให้ฝรั่งแรกช่วงต้มยำกุ้งเด็ดขาด บังเอิญไอ้รัฐมนโทคนนี้มันเป็นเพื่อนพี่ผมเอง ผมไม่ได้ฟังคนอื่นพูดมาครับผม  :)

ถ้าเมื่อไหร่คุณรสนาลงผู้ว่ากทม ผมก็จะเลือกครับเพราะผมไม่คิดว่าเงินซื้อผู้หญิงคนนี้ได้
บังเอิญผมสมองเล็ก กระโหลกหนา และเดินเอียงซ้ายครับ

ด้วยความนับถือ

  


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 17, 2008, 11:13:27 AM


ทราบครับว่าไม่ใช่ของพี่ nakin ที่รัก     แต่ผมเข้าใจว่า    พี่จะเอาข้อความนี้มาแก้ตัวให้ใครบางคนที่ต้องระเหเร่ร่อนอีกครั้งเพราะพยายามจะเอาสมบัติชาติมาขายซะอีกครับ    :D





สวัสดียามดึก    คุณ  nars      ............       :)



อืมม์    .........    คุณ  nars    เข้าใจผิด    และ    คิดมากเกินไป    หรือเปล่าครับ  ?

อย่างไรก็ตาม    ผมก็คงไม่ขัด    คุณ  nars    หรอกนะครับ    .....................................      ;D  ;D






ปล    :     ขอบคุณครับ    สำหรับเรื่อง    อาร์เจนติน่า    ............    และ    ผมจะไปศึกษาเพิ่มเติม    จากแหล่งอื่น  ๆ    อีกนะครับ

เพราะว่า    .........    ผมต้องการรู้ให้ลึก    รู้ให้จริง    และ    ครบถ้วน    ................    มากขึ้นครับ



Good  night    ......    Sleep    tight     นะครับ    ..........    คุณ  nars    ที่รัก         :VOV:





;D
สบายใจครับ  เห็น พี่น้อง  อวป. รักกัน ผมดีใจหมดแม็กเลย เอ้า
 ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D+ ;D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: STECON ที่ มีนาคม 17, 2008, 11:41:17 AM
ผมเคยคิดว่าคุณปลื้มเป็นคนรุ่นใหม่ที่น่าจะมีอนาคตในเมืองไทยเพราะความสามารถสูงในการวิเคราะห์ตลาดหุ้นสมัยที่ทำภาคภาษาอังกฤษหลายๆปีก่อน

มาเริ่มเสียความรู้สึกที่เขาไม่กล้าวิจารณ์การตัดสินใจแทรกแซงเงินบาทของหม่อมอุ๋ย ทั้งๆที่มันชัดแจ้งว่ามีคนได้ผมประโยชน์จากค่าเงิน Off-Shore ถูกกว่าเงินในเมืองไทยกว่า 3 บาทต่อดอลล่าร์เป็นเวลาหลายๆเดือน  แต่ก็ยังคิดว่าเขาอาจจะเกรงใจพ่อเขาเอง

เอาล่ะไม่ว่ากัน

แต่บทความนี้แสดงความรู้สึกนึกคิดชัดของชนชั้นปกครองที่มีการถือสิทธิ์( Entitlement) สูงมากๆ โดยไม่คำนึงถึงเลยว่าคนส่วนใหญ่ของประเทศเสียหายอยู่ คนไทยเป็นเกษตรกร 75 % นะครับ เห็นราคาผลิตผลทางการเกษตรก็คงบอกได้ว่าเขาไม่รวยแค่ไหน แต่ทำไมสนใจว่าประเทศ(ภาพรวมเท่านั้น) ต้องรวยขึ้นทั้งๆที่ในตลาดหุ้นมีคนแค่ 2แสนกว่าคนได้ผลประโยชน์อยู่

สาธารณูปโภคซึ่งลงทุนมาจากเงินภาษีของประชาชนเป็นสิ่งที่ไม่ควรอยู่ในมือของเอกชนที่ไม่ได้จ่ายเงินทดแทนอย่างถูกต้องครับ
ดูปตท ก็พอ  เราจ่ายค่านำมันสูงกว่ามาเลเซียเท่าไหร่ จะบอกว่าเขามีบ่อนน้ำมันเอง ทราบมั้ยครับว่าเราก็มี ดู Google search ดูก็จะทราบครับ  แต่เราต้องจ่ายเงินให้กับผู้ถือหุ่นปตท จากกำไรปีนึงเป็นหลายๆหมื่นล้าน(ดูปตท website) นะครับ ถ้าอันนี้เกิดขึ้นกับการไฟฟ้าซึ่งทุกบ้านที่ไฟเข้าถึงต้องใช้ ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงผลลัพท์ครับ  
5 ปีก่อน คนจนๆอย่างผมขึ้นรถเมล์ที่ 3.50  บ ตอนนี้ 8.50 บ  กำลังจะเป็น 10 บ แล้ว  ท่านคิดว่าถ้าทั้งนำ ไฟ และ นำมันเป็นของเอกชนที่ได้มาจากการฉวยโอกาส  พวกผมจะทำยังไงครับ
ต้องรอให้ผมปล้นท่านๆกิน ขโมยของท่านตอนท่านจอดรถตามห้างสรรพสินค้าหรือโรงแรมหรูๆ ท่านถึงจะเข้าใจหรือครับ
ขนาดผมเองมีทางเลือกค่อนข้างมากกว่าชาวนาวไร่หลายๆท่าน   ผมยังรู้สึกนะครับ
บังเอิญผมก็ติดตามงานของคุณรสนา มาหลายปีเช่นกัน คุณรสนา อาจจะพูดไม่เก่งต่อหน้า TV หรือในที่ชุมนุมใหญ่ๆ
แต่ความเข้าใจในเรื่องต่างๆทางสังคมโดยเฉพาะ ผมที่กระทบกับชนชั้นที่ถูกปกครอง ไม่ด้วยกว่ารัฐมนโทที่เคยหิ้วเงินไทยไปให้ฝรั่งแรกช่วงต้มยำกุ้งเด็ดขาด บังเอิญไอ้รัฐมนโทคนนี้มันเป็นเพื่อนพี่ผมเอง ผมไม่ได้ฟังคนอื่นพูดมาครับผม  :)

ถ้าเมื่อไหร่คุณรสนาลงผู้ว่ากทม ผมก็จะเลือกครับเพราะผมไม่คิดว่าเงินซื้อผู้หญิงคนนี้ได้
บังเอิญผมสมองเล็ก กระโหลกหนา และเดินเอียงซ้ายครับ

ด้วยความนับถือ

  

เยี่ยมมาก ขอปรบมือให้


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 17, 2008, 01:55:32 PM
ปตท. บ่นออดๆว่า ขาดทุนน้ำมัน 1000 ล้านบาท
แต่ข้างล่างนี้คือผลประกอบการของปตท.
ปี 50   กำไรรวม          97000 ล้านบาท                     กำไรต่อหุ้น  34.82  บาท/หุ้น
ปี 49 กำไรรวม             95000 ล้านบาท                    กำไรต่อหุ้น  34.14 บาท/หุ้น
ปีนี้มะม่วงกำลังสุก   ผมจะเอาในสวนมาขายสักคันรถ  ขายให้น้องสาวกิโลละ 100  แล้วให้มันขายหน้าร้าน กิโลละ 40 บาท แล้วให้มันเขียนป้ายว่า  ซื้อมา โลละร้อย  ขายโลละ 40 บาท  ขาดทุน ตั้ง 60 บาท  ให้คนทั้งตลาดบูชาว่าร้านนี้ช่างใจบุญขาดทุนแล้วยังขายได้ขายดี


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 17, 2008, 04:41:42 PM
ผมไม่ค่อยเข้าใจ NGO ที่คอยเผยแพร่ความคิดว่า ปตท. เป็นเอกชนแล้ว น้ำมันแพงขึ้นทุกวัน ???

และผมก็ไม่เข้าใจคนที่มีความคิดคล้อยตามด้วย ... (ไม่ได้ตำหนิใครนาครับ ;) )

สมมตินาทีนี้ ปตท. ไม่ได้เป็นเอกชน ท่านว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ปตท. มันจะกี่บาทครับ .... .....

ผมฟันธงให้เลยว่า ก็เท่านี้ล่ะ ..... ..... นี่ปั๊มของยี่ห้ออื่น ขึ้นราคาหนีกันไปหมดแล้ว ... แม้แต่บางจาก ซึ่งก็เป็นปั๊มคนไทยเพื่อคนไทยเหมือนกัน (จำได้ว่า)ล่าสุดก็ปรับราคาดีเซลหนี ปตท. ไปแล้ว .....

ท่านว่า ปตท.ขาดทุนน้ำมัน ทำไมยังมีกำไร ... เพราะเขามีธุรกิจหลายอย่าง เขาถือหุ้นในโรงงานปิโตรเคมี ถือหุ้นในโรงกลั่น และล่าสุดเพิ่งเข้าไปครอบงำกิจการของ TPI ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น IRPC ..... TPI เดิมเป็นของท่านประชัย เลี่ยว... แต่ไม่รู้บริหารอย่างไร เป็นหนี้มาก จนต้องมีการฟื้นฟู เป็นมหากาพย์ยาวนาน ก่อนมาลงที่ ปตท. รับใช้หนี้ให้ แล้วได้หุ้นมาแทน (ได้บริษัทมาบริหารด้วย)

ปตท. ถ้าไม่ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ คงไม่มีเงินลงทุนได้กว้างขวางขนาดนี้ ....

ถึง ปตท. จะขายให้เอกชนไปบางส่วน แต่ก็มีส่วนของรัฐมากเกือบ ๖๐% และก็ยังทำตัวสนองนโยบายรัฐอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม ....

สำหรับกรณีโต้คารมกัน ผมมองว่าท่าน สว. กทม. ก็โต้ตอบได้ดี เป็นการโต้ตอบแบบผู้มีความรู้ (ซึ่งมักอ้างงานของคนอื่น เพื่อเข้าข้างตัวเอง) ....

สำหรับบทความของคุณปลื้ม ผมไม่ปลื้ม .... ถึงผมจะไม่ใช่คนที่ลงคะแนนให้ท่าน สว. ก็ตาม ....

;D ;D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: เบิ้ม ที่ มีนาคม 17, 2008, 05:06:03 PM
ผมไม่ค่อยเข้าใจ NGO ที่คอยเผยแพร่ความคิดว่า ปตท. เป็นเอกชนแล้ว น้ำมันแพงขึ้นทุกวัน ???

และผมก็ไม่เข้าใจคนที่มีความคิดคล้อยตามด้วย ... (ไม่ได้ตำหนิใครนาครับ ;) )

สมมตินาทีนี้ ปตท. ไม่ได้เป็นเอกชน ท่านว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ปตท. มันจะกี่บาทครับ .... .....

ผมฟันธงให้เลยว่า ก็เท่านี้ล่ะ ..... ..... นี่ปั๊มของยี่ห้ออื่น ขึ้นราคาหนีกันไปหมดแล้ว ... แม้แต่บางจาก ซึ่งก็เป็นปั๊มคนไทยเพื่อคนไทยเหมือนกัน (จำได้ว่า)ล่าสุดก็ปรับราคาดีเซลหนี ปตท. ไปแล้ว .....

ท่านว่า ปตท.ขาดทุนน้ำมัน ทำไมยังมีกำไร ... เพราะเขามีธุรกิจหลายอย่าง เขาถือหุ้นในโรงงานปิโตรเคมี ถือหุ้นในโรงกลั่น และล่าสุดเพิ่งเข้าไปครอบงำกิจการของ TPI ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น IRPC ..... TPI เดิมเป็นของท่านประชัย เลี่ยว... แต่ไม่รู้บริหารอย่างไร เป็นหนี้มาก จนต้องมีการฟื้นฟู เป็นมหากาพย์ยาวนาน ก่อนมาลงที่ ปตท. รับใช้หนี้ให้ แล้วได้หุ้นมาแทน (ได้บริษัทมาบริหารด้วย)

ปตท. ถ้าไม่ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ คงไม่มีเงินลงทุนได้กว้างขวางขนาดนี้ ....

ถึง ปตท. จะขายให้เอกชนไปบางส่วน แต่ก็มีส่วนของรัฐมากเกือบ ๖๐% และก็ยังทำตัวสนองนโยบายรัฐอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม ....

สำหรับกรณีโต้คารมกัน ผมมองว่าท่าน สว. กทม. ก็โต้ตอบได้ดี เป็นการโต้ตอบแบบผู้มีความรู้ (ซึ่งมักอ้างงานของคนอื่น เพื่อเข้าข้างตัวเอง) ....

สำหรับบทความของคุณปลื้ม ผมไม่ปลื้ม .... ถึงผมจะไม่ใช่คนที่ลงคะแนนให้ท่าน สว. ก็ตาม ....

;D ;D


เห็นด้วยครับพี่jakrit  ;D

พอได้ยินมาบ้างว่าปตท.ขยายการลงทุนออกไปตปท.หลายประเทศ ถ้ายังไม่แปรรูป ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ให้รัฐก็บริหารเอง ค้ำประกันเงินกู้ให้เองแบบเดิม คงไม่ไหวซึ่งเป็น

ภาระหนักและบริษัทก็ไม่สามารถเติบโตได้  ถ้าอยู่แบบเดิมก็จะไม่สามารถสู้กับระบบการค้าเสรีของโลกได้ เราอาจจะแพ้บริษัทต่างชาติ ที่ทุนหนากว่า ถามว่าเราไม่ให้ต่างชาติเข้า

มาลงทุนได้หรือเปล่า คำตอบคือไม่ได้  การค้าเสรี เราปฎิเสธไม่ได้ รายได้หลักของประเทศเราคือการส่งออก การท่องเที่ยว เราต้องค้าขายกับต่างชาติ  เราปฎิเสธทุนนิยมไม่ได้แน่

นอน  อย่างปตท.ทุกวันนี้รัฐก็ถือหุ้นใหญ่  อย่ากลัวจนเกินไปครับ  ถ้าปตท.ไม่แข็งแกร่ง ป่านนี้เราคงโดนบริษัทน้ำมันต่างชาติบี้แหลกไปแล้ว 


ปล.ผมว่าพวกNGO บางกลุ่มก็แปลกๆนะครับ เห็นมันค้านทุกอย่าง สร้างเขื่อนก็ค้าน สร้างโรงไฟฟ้าก็ค้าน บ่อก๊าซที่เราแบ่งกับมาเลฯใช้ ก็ค้านไม่ให้สร้าง จนมาเลฯสูบไปใช้ก่อนเราหลายปีแล้ว สบายอารมณ์ไป เวรกรรม...  ::010::



หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 18, 2008, 09:19:28 AM
ผมไม่ค่อยเข้าใจ NGO ที่คอยเผยแพร่ความคิดว่า ปตท. เป็นเอกชนแล้ว น้ำมันแพงขึ้นทุกวัน ???

และผมก็ไม่เข้าใจคนที่มีความคิดคล้อยตามด้วย ... (ไม่ได้ตำหนิใครนาครับ ;) )

สมมตินาทีนี้ ปตท. ไม่ได้เป็นเอกชน ท่านว่าราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ปตท. มันจะกี่บาทครับ .... .....

ผมฟันธงให้เลยว่า ก็เท่านี้ล่ะ ..... ..... นี่ปั๊มของยี่ห้ออื่น ขึ้นราคาหนีกันไปหมดแล้ว ... แม้แต่บางจาก ซึ่งก็เป็นปั๊มคนไทยเพื่อคนไทยเหมือนกัน (จำได้ว่า)ล่าสุดก็ปรับราคาดีเซลหนี ปตท. ไปแล้ว .....

ท่านว่า ปตท.ขาดทุนน้ำมัน ทำไมยังมีกำไร ... เพราะเขามีธุรกิจหลายอย่าง เขาถือหุ้นในโรงงานปิโตรเคมี ถือหุ้นในโรงกลั่น และล่าสุดเพิ่งเข้าไปครอบงำกิจการของ TPI ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น IRPC ..... TPI เดิมเป็นของท่านประชัย เลี่ยว... แต่ไม่รู้บริหารอย่างไร เป็นหนี้มาก จนต้องมีการฟื้นฟู เป็นมหากาพย์ยาวนาน ก่อนมาลงที่ ปตท. รับใช้หนี้ให้ แล้วได้หุ้นมาแทน (ได้บริษัทมาบริหารด้วย)

ปตท. ถ้าไม่ออกจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ คงไม่มีเงินลงทุนได้กว้างขวางขนาดนี้ ....

ถึง ปตท. จะขายให้เอกชนไปบางส่วน แต่ก็มีส่วนของรัฐมากเกือบ ๖๐% และก็ยังทำตัวสนองนโยบายรัฐอย่างรวดเร็วเหมือนเดิม ....

สำหรับกรณีโต้คารมกัน ผมมองว่าท่าน สว. กทม. ก็โต้ตอบได้ดี เป็นการโต้ตอบแบบผู้มีความรู้ (ซึ่งมักอ้างงานของคนอื่น เพื่อเข้าข้างตัวเอง) ....

สำหรับบทความของคุณปลื้ม ผมไม่ปลื้ม .... ถึงผมจะไม่ใช่คนที่ลงคะแนนให้ท่าน สว. ก็ตาม ....

;D ;D


เห็นด้วยครับพี่jakrit  ;D

พอได้ยินมาบ้างว่าปตท.ขยายการลงทุนออกไปตปท.หลายประเทศ ถ้ายังไม่แปรรูป ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ให้รัฐก็บริหารเอง ค้ำประกันเงินกู้ให้เองแบบเดิม คงไม่ไหวซึ่งเป็น

ภาระหนักและบริษัทก็ไม่สามารถเติบโตได้  ถ้าอยู่แบบเดิมก็จะไม่สามารถสู้กับระบบการค้าเสรีของโลกได้ เราอาจจะแพ้บริษัทต่างชาติ ที่ทุนหนากว่า ถามว่าเราไม่ให้ต่างชาติเข้า

มาลงทุนได้หรือเปล่า คำตอบคือไม่ได้  การค้าเสรี เราปฎิเสธไม่ได้ รายได้หลักของประเทศเราคือการส่งออก การท่องเที่ยว เราต้องค้าขายกับต่างชาติ  เราปฎิเสธทุนนิยมไม่ได้แน่

นอน  อย่างปตท.ทุกวันนี้รัฐก็ถือหุ้นใหญ่  อย่ากลัวจนเกินไปครับ  ถ้าปตท.ไม่แข็งแกร่ง ป่านนี้เราคงโดนบริษัทน้ำมันต่างชาติบี้แหลกไปแล้ว 


ปล.ผมว่าพวกNGO บางกลุ่มก็แปลกๆนะครับ เห็นมันค้านทุกอย่าง สร้างเขื่อนก็ค้าน สร้างโรงไฟฟ้าก็ค้าน บ่อก๊าซที่เราแบ่งกับมาเลฯใช้ ก็ค้านไม่ให้สร้าง จนมาเลฯสูบไปใช้ก่อนเราหลายปีแล้ว สบายอารมณ์ไป เวรกรรม...  ::010::



มองกระแสเงินสดให้ตลอดสิครับว่า  น้ำมันที่แพงเท่ากันไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของรัฐ  สุดท้ายตังค์มันเข้ากระเป๋าใครแตกต่างกันอย่างไร  ถ้าคิดเพียงแค่เราเป็นลูกค้าปตท.  ผมว่ายกให้ทักษิณไปทั้งหมดก็ยังได้ เพราะราคาน้ำมันก็คงเท่าๆกับปั๊มอื่น :D


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Don Quixote ที่ มีนาคม 18, 2008, 10:27:13 AM
มองกระแสเงินสดให้ตลอดสิครับว่า  น้ำมันที่แพงเท่ากันไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของรัฐ  สุดท้ายตังค์มันเข้ากระเป๋าใครแตกต่างกันอย่างไร  ถ้าคิดเพียงแค่เราเป็นลูกค้าปตท.  ผมว่ายกให้ทักษิณไปทั้งหมดก็ยังได้ เพราะราคาน้ำมันก็คงเท่าๆกับปั๊มอื่น 
 
***

บางคนก็อยากตอบอย่างนี้อยู่แล้วครับพี่
 
 


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 18, 2008, 01:50:41 PM
มองกระแสเงินสดให้ตลอดสิครับว่า  น้ำมันที่แพงเท่ากันไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของรัฐ  สุดท้ายตังค์มันเข้ากระเป๋าใครแตกต่างกันอย่างไร  ถ้าคิดเพียงแค่เราเป็นลูกค้าปตท.  ผมว่ายกให้ทักษิณไปทั้งหมดก็ยังได้ เพราะราคาน้ำมันก็คงเท่าๆกับปั๊มอื่น :D

ไม่เห็นต้องเอ่ยชื่อทักกี้เลย .... เพราะดูรายนามผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บ. ปตท. กว่า 80% ก็ยังไม่มีใครในตระกูลนี้ หรือตระกูลใกล้เคียงเลย ....

รัฐวิสาหกิจคือกิจการที่รัฐถือหุ้นตั้งแต่ 51% ขึ้นไป .... ในตอนเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ผมก็ไม่ค่อยสนใจว่า รัฐบาลไทยมีหุ้นอยู่เท่าไร บริษัทน้ำมันข้ามชาติมีหุ้นอยู่เท่าไร เจ้าหนี้เงินกู้มีหุ้นอยู่เท่าไร และกองทุนข้ามชาติมีหุ้นอยู่เท่าไร ... ทำให้ไม่รู้ว่า ก่อนที่จะแปรรูปมาเป็นบริษัทจำกัด ปตท. เป็นมาอย่างไร

สมัยก่อนยังไม่นิยมพูดถึงความโปร่งใส หรือหลักบริหารแบบธรรมาภิบาล คนส่วนใหญ่มักอยากเข้าไปทำงานในรัฐวิสาหกิจ เพราะคิดว่าทำงานสบายเหมือนข้าราชการ แต่เงินเดือนเอกชน .... (ทำไฟฟ้าใช้ไฟฟรี ทำน้ำมันเติมน้ำมันฟรี ทำชลประทาน ทำรถไฟ มีอาณาจักรส่วนตัว รร.สำหรับลูกหลาน โรงพยาบาล แม้แต่สนามกอล์ฟ ที่ให้สิทธิ์พวกกันก่อน แถมลูกเรียนจบยังได้รับพิจารณาเข้าทำงานได้อีก .... เหล่านี้ก็มาจากภาษีของท่านทั้งนั้น ??? )

ท่านว่ากิจการเหล่านี้ นำเงินลงทุนที่มาจากภาษีอากรของท่านไปใช้อย่างคุ้มคุณค่าหรือไม่ ...

เงินสดที่เข้าบริษัท ปตท. ตอนนี้ กับสมัยเมื่อเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ตอนไหนตรวจสอบได้ง่ายมากน้อยกว่ากัน ....

พูดมากไปก็เท่านั้นครับ คน ปตท.เองยังขึ้เกียจอธิบายเลย เพราะไม่ว่าจะพลิกไปทางไหน ท่าน ๆ ก็อ้างชื่อทักกี้ไว้ก่อน อ้างกำไร ที่นำตัวเลขมาจากยอดขายบ้าง ....

เพื่อนสมาชิกที่อ่านบ่อย ๆ จะพบว่าผมแก้ตัวแทน ปตท. บ่อยมาก ๆ .... ขออนุญาตบอกให้ชัด ๆ เลยว่า ผมเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทนี้ครับ  :)


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: NPD ที่ มีนาคม 18, 2008, 02:06:34 PM
 ขอบคุณ ท่าน jakrit  ที่เสนอ มุมมอง อีกหนึ่งครับ  :D
 


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Nakin ที่ มีนาคม 18, 2008, 02:23:16 PM



ข้อมูลเพิ่มเติม    .........     ;)


ขอบคุณครับ         :)




หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 18, 2008, 04:21:49 PM
มองกระแสเงินสดให้ตลอดสิครับว่า  น้ำมันที่แพงเท่ากันไม่ว่าจะเป็นของเอกชนหรือของรัฐ  สุดท้ายตังค์มันเข้ากระเป๋าใครแตกต่างกันอย่างไร  ถ้าคิดเพียงแค่เราเป็นลูกค้าปตท.  ผมว่ายกให้ทักษิณไปทั้งหมดก็ยังได้ เพราะราคาน้ำมันก็คงเท่าๆกับปั๊มอื่น :D

ไม่เห็นต้องเอ่ยชื่อทักกี้เลย .... เพราะดูรายนามผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บ. ปตท. กว่า 80% ก็ยังไม่มีใครในตระกูลนี้ หรือตระกูลใกล้เคียงเลย ....

รัฐวิสาหกิจคือกิจการที่รัฐถือหุ้นตั้งแต่ 51% ขึ้นไป .... ในตอนเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ผมก็ไม่ค่อยสนใจว่า รัฐบาลไทยมีหุ้นอยู่เท่าไร บริษัทน้ำมันข้ามชาติมีหุ้นอยู่เท่าไร เจ้าหนี้เงินกู้มีหุ้นอยู่เท่าไร และกองทุนข้ามชาติมีหุ้นอยู่เท่าไร ... ทำให้ไม่รู้ว่า ก่อนที่จะแปรรูปมาเป็นบริษัทจำกัด ปตท. เป็นมาอย่างไร

สมัยก่อนยังไม่นิยมพูดถึงความโปร่งใส หรือหลักบริหารแบบธรรมาภิบาล คนส่วนใหญ่มักอยากเข้าไปทำงานในรัฐวิสาหกิจ เพราะคิดว่าทำงานสบายเหมือนข้าราชการ แต่เงินเดือนเอกชน .... (ทำไฟฟ้าใช้ไฟฟรี ทำน้ำมันเติมน้ำมันฟรี ทำชลประทาน ทำรถไฟ มีอาณาจักรส่วนตัว รร.สำหรับลูกหลาน โรงพยาบาล แม้แต่สนามกอล์ฟ ที่ให้สิทธิ์พวกกันก่อน แถมลูกเรียนจบยังได้รับพิจารณาเข้าทำงานได้อีก .... เหล่านี้ก็มาจากภาษีของท่านทั้งนั้น ??? )

ท่านว่ากิจการเหล่านี้ นำเงินลงทุนที่มาจากภาษีอากรของท่านไปใช้อย่างคุ้มคุณค่าหรือไม่ ...

เงินสดที่เข้าบริษัท ปตท. ตอนนี้ กับสมัยเมื่อเป็นการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ตอนไหนตรวจสอบได้ง่ายมากน้อยกว่ากัน ....

พูดมากไปก็เท่านั้นครับ คน ปตท.เองยังขึ้เกียจอธิบายเลย เพราะไม่ว่าจะพลิกไปทางไหน ท่าน ๆ ก็อ้างชื่อทักกี้ไว้ก่อน อ้างกำไร ที่นำตัวเลขมาจากยอดขายบ้าง ....

เพื่อนสมาชิกที่อ่านบ่อย ๆ จะพบว่าผมแก้ตัวแทน ปตท. บ่อยมาก ๆ .... ขออนุญาตบอกให้ชัด ๆ เลยว่า ผมเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทนี้ครับ  :)
:)
1.การบริหารงานไม่ดี  ต้องโทษคนบริหาร คนปฏิบัติงาน  ต้องแก้ไขให้ตรงจุด
ไม่ใช่บริหารไม่ดี ก็อ้างว่าเป็นเพราะเป็นหน่วยงานราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ   เลยเถิดไปถึงขั้นเตะโด่งให้เป็นของเอกชน(อาจจะมีรัฐถือหุ้นอยู่ด้วยเป็นยันกันผี)
ถ้าภาษาไทยง่ายๆ ก็เรียกว่าเตะหมูเข้าปากสุนัข
ไอ้ผมก็สงสัย   ว่าคนบริหารราชการที่เป็นคนเตะ  กับสุนัขตัวที่งาบไป มันมีสายสัมพันธ์กันยังไงหนอ
2. เรื่องถือหุ้น โดยไม่ปรากฏชื่อ  อ่านข้อความของ คุณ จักรกฤษณ์   ผมอยากให้คนในตลาดหุ้นซื่อเหมือนคุณทุกคนนะครับ
3.  ลืมอ่านบรรทัดสุดท้ายของคุณ  ก็ถูกของคุณ คุณย่อมปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เศษหุ้นที่เขาหยิบยื่นให้รายย่อยจองตอน IPO มันบังสายตาคนเราจากผลประโยชน์ส่วนรวมได้มากขนาดนี้เลยหรือครับ :)


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: BEAMSOUND ที่ มีนาคม 18, 2008, 04:29:21 PM

 3.  ลืมอ่านบรรทัดสุดท้ายของคุณ  ก็ถูกของคุณ คุณย่อมปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แต่เศษหุ้นที่เขาหยิบยื่นให้รายย่อยจองตอน IPO มันบังสายตาคนเราจากผลประโยชน์ส่วนรวมได้มากขนาดนี้เลยหรือครับ :)
[/quote]    ::002::::014:: ::014::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: foxbat.....รักในหลวง ที่ มีนาคม 19, 2008, 06:14:50 AM
เจ็บใจตรงไอ้หุ้นสำหรับ"ผู้มีอุปการคุณ"นี่แหล่ะ  มันแบ่งกันจนพอใจแล้วถึงขายให้ประชาชน ::006::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: unclenart ที่ มีนาคม 20, 2008, 09:12:58 AM
ด้วยความบังเอิญ
ผมไม่ได้ลงคะแนน สว.กทม. คราวนี้ แต่ถ้าได้ลง
ผมก็คงคิดได้แค่ คุณรจนานี่แหละ


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 20, 2008, 09:38:42 AM
ผมบอกเรื่องความเกี่ยวพันเพราะเห็นว่ามันเป็นข้อมูลให้ท่าน ๆ ทราบถึงความคิดอีกแนวหนึ่งของผมเท่านั้น ... ไม่ได้หวังจะไปแก้ต่างให้กับบริษํทที่ผมมีความเป็นเจ้าของแค่ 0.0... ไปอีกสิบตัว ..1% แต่อย่างใด

ที่จะบอกอีกอย่าง ... ผมไม่ได้หุ้นเหล่านี้มาจากตลาดแรก (ที่ออก IPO) ... ผมได้มาจากตลาดรอง (ตลาดหุ้น) ....

ผมมองว่ามันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเท่านั้น (เหมือนกับที่ท่าน ๆ เก็บเงินมาเปิดร้านค้าเองนั้นล่ะ) .... วันใดบริษัทนี้มันไม่สามารถตอบสนองการทำกำไรตามที่ผมต้องการได้แล้ว ผมก็ขายเอาเงินคืนเท่านั้น (ในตลาดรอง) ....

;D

เรื่องการถือหุ้นไม่ปรากฏชื่อ ... ท่าน ๆ ก็ทำได้ครับ .... เช่น
๑. ท่านซื้อกองทุนวายุภักดิ์
๒. ท่านเป็นสมาชิก กบข. (ข้าราชการทั้งหลาย)
๓. ท่านซื้อกองทุนรวมหุ้น (บางทีกองทุนอาจไม่ได้ซื้อ ปตท. ก็ได้)
.... ท่านใดมีวิธีิื่อื่นอีก ก็กรุณาให้ความรู้ผมด้วยครับ ....

;D

เอ ... กระทู้มันชักจะกลายพันธ์เสียแล้ว  ::007:: ::007:: ::007:: เป็นอย่างนี้ทุกทีสิผม  ::007:: ::007:: ::007::


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: terry ที่ มีนาคม 20, 2008, 10:37:36 AM
นายปลื้ม เคยให้สัมภาษณ์ ทางรายการทีวีรายการหนึ่ง เมื่อพิธีกรถามว่าชอบอ่านข่าว ภาษาไทยหรืออังกฤษมากกว่ากัน
ด.ช. ปลื้ม ตอบโดยไม่ลังเล ว่า อังกฤษ เพราะอ่านมั่วๆ ไปได้

ส่วนเรื่องบทความนั้น ก็สามารถบ่งบอกถึงความรักชาติ และความรู้ของ ด.ช. ปลื้มได้เป็นอย่างดี


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: Chayanin-We love the king ที่ มีนาคม 20, 2008, 12:12:00 PM
 :)
ผมบอกเรื่องความเกี่ยวพันเพราะเห็นว่ามันเป็นข้อมูลให้ท่าน ๆ ทราบถึงความคิดอีกแนวหนึ่งของผมเท่านั้น ... ไม่ได้หวังจะไปแก้ต่างให้กับบริษํทที่ผมมีความเป็นเจ้าของแค่ 0.0... ไปอีกสิบตัว ..1% แต่อย่างใด

ที่จะบอกอีกอย่าง ... ผมไม่ได้หุ้นเหล่านี้มาจากตลาดแรก (ที่ออก IPO) ... ผมได้มาจากตลาดรอง (ตลาดหุ้น) ....

ผมมองว่ามันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเท่านั้น (เหมือนกับที่ท่าน ๆ เก็บเงินมาเปิดร้านค้าเองนั้นล่ะ) .... วันใดบริษัทนี้มันไม่สามารถตอบสนองการทำกำไรตามที่ผมต้องการได้แล้ว ผมก็ขายเอาเงินคืนเท่านั้น (ในตลาดรอง) ....

;D

เรื่องการถือหุ้นไม่ปรากฏชื่อ ... ท่าน ๆ ก็ทำได้ครับ .... เช่น
๑. ท่านซื้อกองทุนวายุภักดิ์
๒. ท่านเป็นสมาชิก กบข. (ข้าราชการทั้งหลาย)
๓. ท่านซื้อกองทุนรวมหุ้น (บางทีกองทุนอาจไม่ได้ซื้อ ปตท. ก็ได้)
.... ท่านใดมีวิธีิื่อื่นอีก ก็กรุณาให้ความรู้ผมด้วยครับ ....

;D

เอ ... กระทู้มันชักจะกลายพันธ์เสียแล้ว  ::007:: ::007:: ::007:: เป็นอย่างนี้ทุกทีสิผม  ::007:: ::007:: ::007::
เรื่อง IPO ผมแค่โยนหินถามไปเท่านั้นเองครับ  เพราะผมไม่รู้ว่าซื้อราคาไหน  แต่ความเป็นเจ้าของนั้นเหมือนกัน  เพราะการซื้อจากตลาดรองซื้อเสร็จก็เป็นเจ้าของหุ้นทันที่
การซื้อหุ้นโดยไม่ปรากฏชื่อ ในตัวอย่างที่คุณจักกฤษณ์ ระบุมานั้นผมว่ายังไม่เข้าประเด็น  เพราะคนที่เปิดบัญชีชื่อตัวเองก็เช่นกัน  เวลาไป bid  หรือ offer  ก็แสดงแค่  ราคา  และจำนวน หุ้น  ไม่ได้แสดงว่าใครซื้อหรือขาย  รู้กันเฉพาะมาร์เก็ตติ้ง+โบรก+ศูนย์รับฝาก +ตัวหุ้น กับ นักลงทุน การส่งมอบหุ้น  ชำระราคา  ผ่าน แบงค์  สืบกันได้
   การซื้อหุ้นโดยไม่ปรากฏชื่อในความหมายที่หมายถึงกัน พูดตรงๆ ก็คือ นอมินี   นอมินี  มีทั้งที่เป็นบุคคลธรรมดา  และที่เป็นสถาบันการเงิน  คุณลองล็อกอินเข้าเว็บไซท์ที่คุณเปิดบัญชีอยู่  แล้วดูรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในหุ้นหลายๆตัว  รวมถึง PTT จะมีนอมินีถือหุ้นแทนคนบางคนอยู่ อันนั้นเป็นนอมินีโดยสถาบันการเงิน   แต่นอมินีที่เป็นบุคคลธรรมดาก็มี  แต่เวลาถือหุ้นแทนใครเขาไม่มีคำว่านอมินีต่อท้ายนามสกุล  เลยเป็นสิ่งที่น่ากลัวกว่า  การจ่ายผลประโยชน์แก่กันระหว่างตัวการกับนอมินี ก็ไม่ทำผ่านระบบที่ตรวจสอบได้
อะไรที่ตรวจสอบไม่ได้นั้น  ถือว่าเป็นมะเร็งร้าย สำหรับระบอบธรรมมาภิบาลครับ
**********
อันนี้เป็น ความเห็นเพิ่มเติม โดยสุมมุติว่า  คุณ จักกฤษณ์ เป็นเพียงผู้ถือหุ้น PTT เท่านั้น
การที่ PTT เอาบริษัทลูกที่เดิมตัวเองถือ 100% ไปแบ่งขายในกระดาน  ในฐานะที่คุณเป็นผู้ถือหุ้น PTT บริษัทเดียวโดยไม่ได้ตามไปซื้อหุ้นบริษัทลูก  เพื่อรักษาสัดส่วนความเป็นเจ้าของในเนื้อธุรกิจ  นานไปคุณก็จะเป็นเจ้าของเนื้อธุรกิจของ PTT น้อยลง
มันก็เหมือนกับที่ผมเป็นผู้ถือหุ้น  ประเทศไทย ในสัดส่วน1/70ล้าน  พอประเทศไทยโดยรัฐบาลของคนที่คุณรู้ว่าใคร เอา PTT ไปขายในตลาดหลักทรัพย์  ความเป็นเจ้าของใน PTT ของผมก็น้อยลงไปด้วย   ถ้า คุณ จักกฤษณ์ ไม่ใช่คนใน ทรท.  คุณก็เป็นแค่ตัวกำบังของทุนการเมืองเท่านั้นเอง   เหมือนเวลาที่นายทุน+ นักการเมืองท้องถิ่น  จะไปฮุบที่ป่าสาธารณะ  ก็จะเอาชาวบ้านไปจับจองที่ดินเป็นรั่วรอบๆ  ตัวเองอยู่ตรงกลาง 
ผมมีรายได้ หลายทางจาก PTT ปีนึงเป็นเงินที่คิดว่าไม่น้อยกว่าคุณได้รับ(ปันผล+ส่วนแบ่งกำไร+Capital gain)  แต่ผมก็เห็นด้วยถ้าปตท. จะกลับไปเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้ง  เพราะผมไม่ได้เกิดจากกระบอกไม่ไผ่  แต่มีญาติพี่น้อง  หากนับญาติกันจริงๆก็คนไทยเกิน 40 ล้านน่าจะเป็นญาติผม หรือดองกัน   ผมสงสารพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะสำเหนียกว่าตัวเองน่าสงสารหรือไม่ก็ตาม :)


หัวข้อ: Re: ท่านคิดอย่างไรกับบทความของชายปลื้ม และ คุณรสนา
เริ่มหัวข้อโดย: jakrit97 - รักในหลวง - ที่ มีนาคม 20, 2008, 05:29:40 PM
ขอบคุณครับ  ::014::

 ::008::