หัวข้อ: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ (ยกมาให้อ่านอีกครับ) เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:52:15 PM :) ถูกนินทาว่าร้าย
คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ 1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอดพ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจว่า การถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และ ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย 2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผา ถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และ คำนินทาแม้ฉันนั้น 3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทา ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่า คนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียด หรือชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้ 4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทา คนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริงแต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดช่วยค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง 5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคม สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือเน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเรา เวลาเห็นใครทำดี ก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตน สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดวิเคราะห์ได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้วกัน มันเป็นเช่นนั้นเอง ในอนาคตไม่แน่ หากมีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก แนวดิ่ง ให้เป็น แนวราบ คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นสังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า สังคมเสื่อมถอยเพราะคนดีท้อแท้ หรือ ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย จะได้เลิกใช้กันเสียที ....................................................... คัดลอกมาจาก http://www.tummaprateip.iirt.net/ หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: ม่อนซัง ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:53:12 PM ::014:: ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: I_DUE ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:56:46 PM อย่างเดียวเลย คือต้องมีสติให้มาก ไม่ให้อารมณ์ใดๆมาทำลายสติที่มีไปได้ แค่นี้ก็ไม่ทุกข์แล้ว
ขอบคุณค่ะพี่วัฒน์ ::014:: หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Charoon รักในหลวงครับ ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:57:26 PM อันนินทากาเล เหมือนเทน้ำเทท่า
ไม่ชอกช้ำ เหมือนเอามีดมากรีดหิน พระพุทธปฏิมา ยังราคิน ไหนมนุษย์เดินดินจะพ้นคนนินทา (http://i242.photobucket.com/albums/ff298/akapong999/dookdik/linepattern/line/005.gif) หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:58:00 PM :) นินทาว่าร้าย
เพราะอิจฉาริษยาเป็นเหตุ นินทาและสรรเสริญ อันเป็นกระแสแห่งกรรม แห่งโลกธรรม ที่สำคัญอย่างยิ่ง เป็นเหตุแห่งทุกข์โทษภัยนานาประการ แก่จิตใจที่ขาดสติ ขาดปัญญา เมื่อผจญกับกระแสเสียงสรรเสริญก็ตาม กระแสเสียงนินทาก็ตาม ไม่มีสติ ไม่มีปัญญาปิดกั้น ปล่อยให้เข้าไปทำร้ายจิตใจ หนักหนาเพียงไรก็ได้ เพียงไม่หนักหนานักก็มี กระแสเสียงนินทาน่าจะหนักหนารุนแรงกว่ากระแสแห่งการยกย่องสรรเสริญ ดังที่เห็นอยู่ก็เช่นนี้ คือโบราณท่านว่าไว้ว่าจะถึงสมัยหนึ่ง ที่คนดีจะต้องเดินตรอก ขี้ครอกจะได้เดินถนน กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม ผู้ใหญ่ในสมัยโบราณ ท่านอธิบายให้ลูกหลานเข้าใจความหมายของคำที่ว่านี้คือ คนดีจะถูกเหยียบย่ำ จนไม่อาจเผยอหน้าให้ใครเห็นได้ คนชั่วร้ายจะได้รับการยกย่อง จนแทบจะล่องลอยฟ้า ผู้ใหญ่สมัยก่อนที่ท่านเป็นผู้ดี เป็นคนดี ท่านสอนลูกสอนหลาน ให้มีเหตุผลในการพูดในการฟัง นั่นก็คืออย่าไม่มีเหตุผล ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา ในการพูด ในการฟัง ใครพูดอะไร ใครบอกอะไร ได้ยินก็เชื่อ ก็ฟังก็พูดต่อ ท่านว่านี้เป็นเหตุสำคัญให้ถึงสมัยผู้ดีต้องเดินตรอก น่าจะหมายความว่าผู้ดีหรือคนดี ถูกประณามหยามเหยียด จนอับอายขายหน้า ไม่อาจให้เห็นหน้าค่าตาได้ พิจารณาให้เห็นเหตุผล น่าจะเห็นได้ว่าเสียงนินทามีความสำคัญไม่น้อย ทำให้คนดีกลายเป็นคนไม่ดี หรือคนถูกกลายเป็นคนผิดไปได้มากมายยิ่งขึ้น ในทุกวันนี้ จนเป็นเหตุให้มีคำกล่าวว่า กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม หรือผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน นั่นเอง ได้ยินใครพูดถึงใครอย่างไร ถ้าเป็นผู้ได้ยิน ที่ไม่เคยพบเคยผ่านเรื่องราวที่ฟังเสียงบอกเสียงเล่าด้วยตนเอง ไม่รู้จักผู้ที่ถูกกล่าวถึง ไม่เคยรู้เคยเห็นด้วยตนเอง ในการพูดการทำของแต่ละคน เขาจะเป็นคนดีคนชั่วหรือเป็นคนถูกคนผิดอย่างไร แม้ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ฟัง จากปากเขา เป็นภาพเป็นเสียงจากคนอื่นทั้งสิ้น แม้คนอื่นนั้นเราพอรู้จักอยู่ แต่ก็จงมั่นคงในสติปัญญาของตน จงรอบคอบให้อย่างยิ่ง ในการเชื่อ ผู้รอบคอบในการเชื่อ ก็คือรอบคอบในการฟัง เมื่อเป็นผู้รอบคอบในการเชื่อ ก็ย่อมเป็นผู้รอบคอบในการพูดด้วยเป็นธรรมดา การนินทาว่าร้ายที่เต็มไปทุกแห่งทั่วโลกก็ว่าได้ มิได้เกิดแต่เหตุใดอื่น แต่เกิดจากความเชื่อและนอกจากความเชื่อ ก็คือความอิจฉาริษยา ที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย จะกล่าวว่าการนินทาว่าร้าย เป็นเหตุให้โลกฉิบหาย ก็น่าจะไม่ผิด น่าจะเหมือนกันกับที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย เพราะการนินทาว่าร้ายจะไม่เกิด แม้ไม่มีความริษยาเป็นเหตุ เมื่อได้ฟังการนินทาว่าร้าย ก็ไม่ควรลืมพระพุทธภาษิตที่ว่า ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย ได้ยินเสียงนินทาว่าร้าย ไม่ว่าจะจากผู้ใดก็ตาม ให้นึกถึงพพระพุทธภาษิตทันทีที่ว่า ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย อย่ายอมเข้าร่วมในการนินทาว่าร้าย หรือในความริษยา แม้เพียงด้วยการเชื่อ โดยมิได้บอกกล่าวเล่าขานต่อไปก็ตาม แต่ถ้าเชื่อตามเสียงนินทาว่าร้ายและเป็นการเชื่อด้วยจริงใจ เชื่ออย่างปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่าของคนอื่น ซึ่งอาจจะป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ น่าไว้ใจ มีความจริงใจ มีความหวังดี ในการนำเรื่องมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง จงรอบคอบให้อย่างยิ่งในการฟัง ไม่ว่าผู้พูดผู้เล่าจะเป็นใครก็ตาม นึกไว้อย่างหนึ่งว่า การนินทาว่าร้าย ถ้าจริงก็เสียหายแก่ผู้พูดผู้ฟังพอสมควร แต่ถ้าไม่จริง ไม่เพียงแต่ผู้พูดเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฟังผู้เชื่อก็จะเสียหายมาก ที่มา : แสงส่องใจ (๒๔) ๓ ตุลาคม ๒๕๔๙ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมกาสังฆปริณายก หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: ชัยบึงกาฬ รักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:58:09 PM คิดมาก..เป็นทุกข์ครับ....ขอบคุณพี่วัฒน์ครับ
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Audy452 ♥ รักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2008, 08:59:44 PM ตถาตา.........ตถาตา.........เป็นเช่นนั้นเอง
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: SaSa ที่ มิถุนายน 05, 2008, 09:23:37 PM นินทา กาเล...... ขอบคุณครับ.
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: ครูแอม-ทีมซึมเศร้าฯ ที่ มิถุนายน 05, 2008, 09:24:39 PM :D คำนินทา พูดมาก็ผ่านไปค่ะ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ;D
แต่ถ้าเอาไปใส่ร้าย และป้ายสี เพื่อให้เกิดความเสียหายในหน้าที่การงาน อันนี้ต้องแก้แค้น ... อิอิ :~) หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: อั๋น ที่ มิถุนายน 05, 2008, 09:41:51 PM อยากให้ใครบางคนมาอ่านบ้างจังเลยครับ พีวัฒน์.. ::014::
ขอขอบคุณครับ ;) หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: ต่อครับ ที่ มิถุนายน 05, 2008, 11:05:42 PM ขอบคุณมากๆครับ
;D หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: rute - รักในหลวง ที่ มิถุนายน 05, 2008, 11:54:48 PM ::014::
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Narin CZ ที่ มิถุนายน 06, 2008, 12:16:20 AM :D คำนินทา พูดมาก็ผ่านไปค่ะ ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ;D ::002:: ::002::เห็นด้วยครับ แต่ผมไม่แก้แค้นนะครับแต่จะแก้ไข...แต่ถ้าเอาไปใส่ร้าย และป้ายสี เพื่อให้เกิดความเสียหายในหน้าที่การงาน อันนี้ต้องแก้แค้น ... อิอิ :~) หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Ramsjai ที่ มิถุนายน 06, 2008, 01:36:25 AM คิดว่าเป็นแค่ลมเหม็นๆที่ออกจากปากเน่าๆ
เมื่อผ่านมาแล้วก็จะผ่านไป คนที่ทุกข์ที่สุด ก็คือคนที่ชอบนินทาคนอื่น หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: น้าพงษ์...รักในหลวง ที่ มิถุนายน 06, 2008, 07:57:24 AM ...ขอบคุณครับ.... ::002::
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: bigbang ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:17:45 AM ขอบคุณครับ ไม่มีใครเคยไม่โดนนินทา แม้แต่พระพุทธเจ้า
มารไม่มี บารมีไม่เกิดครับ หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: BSW ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:22:23 AM ข่มกลั้น และยึดเอาจิตเป็นประธาน พุทโธอยู่ที่ใจ .....สาธุ สาธุ สาธุ ::014:: :VOV: ::014::
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: BSW ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:27:04 AM ผมชื่นชอบลายเซ็นต์ของเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่ง ได้จดบันทึกในไดอารี่ และนำมาอ่านทบทวนอยู่เสมอๆ สมาชิกท่านนั้นเขียนเอาไว้ว่า
"สเจรูปํ อุปาทิยติ น ภูมิยํ สุขํ คเวเสนโต" ถ้าโทษคน ไม่โทษใจตน จะเป็นคนหาแผ่นดินอยู่เป็นสุขมิได้ :VOV: :VOV: :VOV: หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:29:40 AM เมื่อวาน ภารโรง โรงเรียนผมถูกชาวบ้านเตะปาก เพราะพูดไม่สวย ;D
แต่ก่อนผมใจเย็นครับ ตั้งแต่อายุ 40กว่าๆมา ไม่เย็นแล้ว ใครด่าผมด่ามั่ง นินทามา ก็ตามไปถาม เสือกเรื่องไร ผิดนักก็เตะปากกัน..จริงๆ >:( หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: ฮิวโก้ ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:35:35 AM นินทาได้นินทาไป...ตัวเราเองครับที่รู้ดีว่าเราเป็นอย่างไร..ไม่ตอบโต้....คิดแบบนี้แล้วสบายใจครับ ..สาธุ ::014::
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: PU45™ ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:36:04 AM หวัดดีคร๊าบน้าแหง ...... เค้าป่าวนา ....... แหงะ แหงะ หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Narin CZ ที่ มิถุนายน 06, 2008, 08:43:23 AM เมื่อวาน ภารโรง โรงเรียนผมถูกชาวบ้านเตะปาก เพราะพูดไม่สวย ;D แล้วถ้าภรรยาสุดที่รักด่าล่ะอาจารย์ อิ อิ ;Dแต่ก่อนผมใจเย็นครับ ตั้งแต่อายุ 40กว่าๆมา ไม่เย็นแล้ว ใครด่าผมด่ามั่ง นินทามา ก็ตามไปถาม เสือกเรื่องไร ผิดนักก็เตะปากกัน..จริงๆ >:( หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ เริ่มหัวข้อโดย: Hang ที่ มิถุนายน 06, 2008, 04:15:15 PM เมื่อวาน ภารโรง โรงเรียนผมถูกชาวบ้านเตะปาก เพราะพูดไม่สวย ;D แล้วถ้าภรรยาสุดที่รักด่าล่ะอาจารย์ อิ อิ ;Dแต่ก่อนผมใจเย็นครับ ตั้งแต่อายุ 40กว่าๆมา ไม่เย็นแล้ว ใครด่าผมด่ามั่ง นินทามา ก็ตามไปถาม เสือกเรื่องไร ผิดนักก็เตะปากกัน..จริงๆ >:( ผัว...โถดโท มึงด่าไผ เมีย..ด่ามึงนั่นล่ะบักขี้เหล้า ผัว... แล้วไป คั่นด่ามึง ถ่ามึงด่ากู มึงสิเจ็บคิง..อิอิ หวัดดีคร๊าบน้าแหง ...... เค้าป่าวนา ....... แหงะ แหงะ หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ (ยกมาให้อ่านอีกครับ) เริ่มหัวข้อโดย: วัฒน์ ที่ สิงหาคม 02, 2008, 05:30:26 PM :) ขออนุญาตยกมาให้อ่านกันครับ
หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ (ยกมาให้อ่านอีกครับ) เริ่มหัวข้อโดย: to101 ที่ สิงหาคม 02, 2008, 07:17:21 PM ในอนาคตไม่แน่ หากมีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก แนวดิ่ง ให้เป็น แนวราบ คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นสังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า สังคมเสื่อมถอยเพราะคนดีท้อแท้ หรือ ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย จะได้เลิกใช้กันเสียที
ผมเห็นด้วยครับ ผมว่าคนไทยเรามีของดีแต่ไม่รู้จักนำมาใช้ ::004:: หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ (ยกมาให้อ่านอีกครับ) เริ่มหัวข้อโดย: ก๊วยเจ๋ง ที่ สิงหาคม 02, 2008, 07:49:51 PM ลองพิจารณาหาสาเหตุก่อนครับ
1. เขานินทาเราเรื่องอะไร ให้ร้ายเราเรื่องอะไร 2. เรื่องที่เขานินทาว่าร้าย มีมูลความจริงหรือไม่ หรือมีมูลเหตุมาจากเรื่องอะไร 3. เราทำอะไรไม่ดีตามที่เขานินทาหรือไม่ หรือพฤติกรรมที่เราแสดงออก มีอะไรที่ทำให้เขาเข้าใจผิดหรือไม่ 3. คนที่เขาไปนินทาว่าร้ายให้ฟัง รู้จักเรามากแค่ไหน มีความสัมพันธ์ เกี่ยวข้องระดับไหน และสำคัญต่อเรามากน้อยแค่ไหน .. เรื่องนินทาว่าร้าย ไม่ว่ายุคไหน สมัยไหน ก็หนีไม่พ้นครับ .. พระพุทธเจ้าท่านยังตรัสว่า .. นตฺถิ โลเก อนินฺ ทิโต .. ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก ถ้าเรื่องที่เขานินทาว่าร้าย ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ไม่มีมูลความจริง บางครั้ง การนิ่งเฉยก็เป็นหนทางแก้ปัญหาที่ดี แต่ถ้าเป็นเรื่องร้ายแรง ก็ต้องแสดงหลักฐานให้ผู้อื่นเห็นว่าไม่เป็นความจริง แต่ถ้าเรื่องราวเหล่านั้น มีมูลความจริง หรือมีมูลเหตุมาจากการกระทำของเรา เราก็ต้องแก้พฤติกรรมนั้นครับ หลายๆ ครั้ง .. วิธีการแก้ปัญหาเหล่านี้ ก็คือการผูกมิตรกับเพื่อนบ้าน ผูกมิตรกับคนอื่น ให้รู้ ให้เห็นว่า แท้จริงเราเป็นอย่างไร .. ถ้าหากมีคนที่ไม่ประสงค์ดี มานินทาว่าร้ายเราให้ฟัง .. คนฟัง ที่เป็นมิตรกับเรา ก็ต้องไม่เชื่อ และคิดก่อนเลยว่า เราพฤติกรรมเช่นนั้นแน่ๆ .. และกล้าที่จะมาพูดคุยกับเราถึงเรื่องที่มีคนนินทา ว่าร้ายนั้น และค้นหาความจริงครับ พระเครื่องที่ช่วยในด้านนี้ .. อาจจะเป็นพระเครื่องทางสายเมตตา แต่ที่สำคัญก็คือ ต้องสวดมนต์ แผ่เมตตาให้คนอื่นเยอะๆ ครับ .. รวมถึงเจ้ากรรมนายเวรด้วย .. เพราะไม่รู้ว่าเคยไปทำอะไรมาบ้าง .. แล้วก็ ลองบริกรรมคาถาเมตตา ให้ติดอยู่ในใจตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วก็แผ่จิตเมตตาออกมาบ่อยๆ .. คาถาตามนี้ครับ .. เมตตัญจะ สัพพะโล กัสมิง มานะ สัมภาวะ เย อัปปะริมานัง .. นึกขึ้นได้เมื่อไหร่ ก็ท่องไว้ในใจ .. แล้วก็ทำจิตให้เป็นเมตตา แผ่ให้คนอื่น แผ่ใหัสัตว์อื่น .. น่าจะช่วยบรรเทาได้ครับ หัวข้อ: Re: ถูกนินทาว่าร้าย...คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์ (ยกมาให้อ่านอีกครับ) เริ่มหัวข้อโดย: Choro - รักในหลวง ที่ สิงหาคม 02, 2008, 08:00:12 PM ขอบคุณครับ ::014::
|