เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน

 ::014::
สวัสดีครับ
ที่ตั้งกระทู้ถามนี้  ครอบคลุมทั้งในชีวิตประจำวัน ในเวปนี้ หรือในเวปซื้อขายใด ๆ ก็แล้วแต่ครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในสภาพสังคมขณะนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้ออะไรซักอย่าง สองอย่าง  คุณคิดอะไร  คิดอย่างไร
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
 ::013::

โฆษณาเกินจริง ผมมองในเเง่ ตลกขบขันไปครับ
เป็นแฟนตาซีไปเลย

ไปซีเรียสมากมาย มันก็ไม่ได้ลดลง

ก่อนตัดสินใจซื้อ ดูความจำเป็นที่ต้องใช้เลยครับ ยุคนี้

จำเป็นก็ซื้อ จะใช้ก็ซื้อ ชอบก็ซื้อ  ;D ;D ;D สรุปแล้วแต่อารมณ์

คิดว่าโม้แหลกครับ เช่น  

- ครีมทาหน้าขาว แฟนกลับมาหา
- ของกินหลอดเด็กบำรุงกาย กินแล้วสาววิ่งไล่ตาม

เวลาจะซื้อก็คิดถึง

- ถ้าเป็นของใช้ต่อเนื่อง เช่น รถ รองเท้า ก็คิดว่าถ้าชิ้นนี้หมดอายุไปแล้วจะซื้อชิ้นใหม่เหมือนๆ เดิมได้หรือเปล่าด้วยครับ แต่ถ้าเป็นของคงทนอยู่นานอย่างปืนก็แล้วแต่ตังค์ตอนนั้น อิ อิ

อย่าไปคิดมาก
คนขาย เค้าก็ขายฝัน คนไม่รู้ ก็เพ้อตาม
ถ้าไม่จูงใจ ก็ขายไม่ได้
ตัวอย่างง่าย ๆ คือ พวก ไวท์เทนนิ่ง ทั้งหลายแหละ
คนดำ จะไปขาว ได้อย่างไร
ถึงจะขาว มันก็ขาวปรอท  ตอนใช้ งี้ เช้ง
เลิกใช้ หน้าดำ ฝ้าตามมา
หรือพวกซักผ้าขาว  แช่ปั๊บ คราบหลุดหมด
พวกโรลออน  AXE   นี่ เห็นกันจะจะ
ว่า เสนอขายอะไร    ทาแล้ว หญิงตรึม  อะไรแบบนี้
หรือ น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น    เห็นแล้ว กลุ้ม..........

บางอย่าง มันเห็นกันชัด ๆ   แต่ไม่มีใครทำอะไร
สคบ.. ในฐานะต้นเรื่อง ก็ไม่เห็นจะจัดการ
หรือต้องมีการร้องเรียนก่อน   ตัว สคบ.เอง ไปดำเนินการไม่ได้
มันผิดขั้นตอน.......

เฮ้อ..........

ตอนนี้ ชอบแบบไหนครับพี่
อวบๆ หรือเพรียวๆ

เห็นด้วยอย่างแรงครับ

ในเมื่อคนเรายังคงมีความต้องการที่ไม่สิ้นสุด

" คนขาย เค้าก็ขายฝัน คนไม่รู้ ก็เพ้อตาม ถ้าไม่จูงใจ ก็ขายไม่ได้ "

มีรถกะบะ4ยี่ห้อ โดนปรับรายละ50,000 ฐานโฆษณาประหยัดน้ำมันเกินจริง เมื่อ2-3วันก่อน ยกเว้นยี่ห้ออีผุผุครับ  :D

ที่น่ากลัวคือโฆษณายาประหลาดๆผ่านวิทยุ AM.มีคนบ้านนอกหลายๆคนเสียชีวิตเพราะขาดโอกาสการเข้ารับการรักษา
จากแพทย์เพราะเชื่อในสรรพคุณยาที่โฆษณาผ่านวิทยุAM. คนแก่หลายๆคนให้เหตุผลกับผมว่าเชื่อวิทยุเพราะวิทยุ
เป็นของหลวงยิ่งเดี๋ยวนี้มีวิทยุชุมชนยิ่งเละ

จริงเหรอพี่เบิ้ม งั้นไม่ซื้อแล้ว ::005:: ::005::

อีผุผุประหยัดจริงๆครับคุณเบิ้ม..........เพราะจอดอยู่อยู่กับบ้าน

ไปรถแก๊ส..........อิอิ ประหยัดกว่า3เท่าตัว.....อิอิ

 โฆษณาเกินจริงนี่ไม่มีปัญหาครับเพราะรู้อยู่แล้วว่าเกินจริง

แต่โฆษณาประเภทก้ำกึ่งนี่ต้องดูดีๆครับ

ส่วนเวลาผมเลือกซื้อของผมจะดู
1. คนขายสวยไหม
2. สวยแล้วโสดไหม

แค่นี้แหละครับ................อะล้อเล่ง  ::007::

จ๊ากกก คอนเวปเดียวกับผมแย่งกันตายเลย สวยแล้วบึ้มๆไหม

              เอาไว้หรอกเด็ก นึกเสียว่าเป็นการ์ตูน ผ่านมาก็ผ่านไป อย่าไปหลงเชื่อเข้านาครับเดี๋ยวเสียผู้ใหญ่ ::005:: ::005:: ::005:: ::005::


            แล้วใครจะซื้อเนี่ย   อี ผุ ผุ... ::005:: ::005:: ::005:: ::005::

อย่าลืมนะครับท่านพี่ๆ........สิ่งสำคัญ ผู้หญิงหรือผู้ชาย........ 8)

ของบางอย่างคนเราก็ชอบซื้อโดยขาดสตินะครับ โดยเฉพาะตอนออกไปเมานอกบ้าน  ช่วงนั้นจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล  :D

ง่าน้าเบิ้ม...เวลาเมาๆ........อย่ามามีอารมณ์กับโผมมมมนะ...ขนลุก....ปรืย :OO...........อิอิ ::005::

ผมอ่ะไม่เท่าไหร่ครับ  ลุงปูลูกพี่ผมนี่สิ พี่โป้งระวังตัวละกันครับ   ::008:: ::005::

จ๊ากกกกก........... :OO

 ;D ;D ;D........... ::005::

บางทีก็เป็นห่วงคนใกล้ชิด ที่รับรู้จากทีวีอย่างเดียว  อย่างแม่ผม  บางทีแกมาถามผม ไม่ว่าจะโฆษณากินแล้ว สวยผอมสุขภาพดี หรือข่าว ดารา จดหมายแจ้งว่าคุณโชคดีได้รางวัล  ผมก็ต้องแจงให้แกฟังประจำ  ตอนนี้ก็เหลือแต่การเมืองแหละครับ  ที่ทำให้ผมกังวลกับแก

ส่วนตัวผม  ถ้าจะซื้อของแพงๆก็ทำการบ้านก่อน  แต่พวกของกินของใช้ธรรมดา ก็ซื้อตามอารมณ์  ไม่คาดหวังอะไร  โฆษณาไม่มีผล  ดูเอาขำๆเพลินๆ

สัจจะธรรมของโฆษณา คือ "การบอกความจริง แต่ไม่บอกทั้งหมด" ง่าย ๆ ครับ โฆษณาว่าประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ได้บอกความจริงอีกข้อว่าเสียงเครื่องจะดัง

ในการทำโฆษณา เชื่อหรือไม่เชื่อครับว่า วงการนี้เป็นวงการแห่งการเก็บความลับ และล้วงความลับ  ประมาณงานบางอย่างนี่ระดับท๊อปซีเครด เลยทีเดียว  เรื่องตลกคือ เคยมีเหตุการสินค้ายี่ห้อหนึงกำลังจะออกเคมเปนโฆษณา เอเจซี่ไปจ้างโปรดักชั่นเฮ้า แต่ด้วยความเผลอเรอคนทำงานดันลืมล๊อกห้อง พรรคพวกเลยเข้าไปเปิดคอมเล่น เจองาน ประจวบกับหมอนี่ทำงานให้สินค้าอีกยี่ห้อซึ่งเป็นคู่แข่ง งานนี้พังกันเป็นล้าน ๆ

การโฆษณา การชกใต้เข็มขัดถือเป็นเรื่องยอมรับกันได้ สิ้นค้าบางตัวใช้วิธีชกใต้เข็มขัดทำให้คู่แข่งไม่สามารถโฆษณาอย่างที่ตนเองทำได้

คุณจะได้เห็นเพื่อทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ในการทำโฆษณา แต่นอกเวลางานเขากินเหล้าด้วยกัน

โฆษณาเป็น 1 ในแผนการตลาด ซึ่งประกอบไปด้วย 4 P คือโปรดัก ไพรซ์ เพลส และโปรโมชั่น ต่อให้คุณทำโฆษณาดีแค่ไหน ถ้า P ที่เหลือมันห่วย หรือมีแผนการตลาดแย่ ๆ มันก็จบ

โฆษณาที่ประสบความสำเร็จคือโฆษณาที่ขายสินค้าได้ หรือสามารถทำตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งไว้ โฆษณาที่เลวคือโฆษณาที่ได้รางวัล แต่ไม่สามารถขายสินค้าหรือทำตามวัตถุประสงค์ของลูกค้าได้ โฆษณาที่ดีที่สุดคือโฆษณาที่ขายสินค้าได้หรือทำตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และได้รางวัล

เบียร์ช้างประสบความสำเร็จได้ด้วยแผนการตลาด ไม่ได้ประสบความสำเร็จได้ด้วยโฆษณา
ปล.จำได้เล่า ๆ นะครับ เรียนจบมาวิชาคือครูเกือบหมดแล้ว :~)

 ::010::ตาสน...อ่านข้อความของตัวเองให้ถี่ถ้วน..พยัญชนะ...อักขระ...แล้วแก้ไขด่วน ::005::

บกพร่องโดยสุจริต ..............   ::006::

::005:: PM ไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะเข้ามาอ่านเมื่อไรครับ...::005::

 :OOอะเจี๊ยกกกกกกกกกกก :OO...................................โดนคนเขาเร่งเลยรีบพิมพ์ไปนิดครับ พลาด  ๆ อย่างแรงงงง :~)
เพิ่งมาเห็นข้อความของพี่หมอเมื่อเช้า :~)

....โฆษณา..ชือ่ก็บอกอยู่แล้วครับว่า...โฆษณา ;D

เป็นเกียรติครับพี่ณัฐ
วันหลังเราไปซื้อของโฆษณาเกินจริงกันครับ
.......อะพูดจริง !

ได้น้ำได้เนื้อครับ .... นี่นะ คืนครูเกือบหมด ผมว่าไม่น่าใช่
สำริตผลในทางอ้อมครับ

เหรอจ๊ะ ::008::

รำคาญความรู้สึกเป็นบางครั้งครับ

...มองดีๆ  โลกทุนนิยม บริโภคนิยมก็เป็นอย่างนี้ 
เร่งบริโภค
เร่งผลิต
เร่งกระตุ้น
เร่งกิเลส
เร่งกระแส
เร่งขาย
เร่งการครอบงำ
เร่งการหลอกลวง
เร่งการเอาเปรียบ
เร่งการกดขี่
เร่งการหมดสิ้นของทรัพยากรธรรมชาติ
เร่ง ฯลฯ

...เพื่อให้สิ่งที่เรียกหรูๆ ว่า "วงจรเศรษฐกิจ" อยู่ได้ ???

...จะเป็นเหยื่อหรือไม่  มีโอกาสเลือกหรือไม่  ตอบตัวเองครับ

มองในแง่สนุกสนาน ตลกขบขันเช่นกันครับ  ไมซีเรียสอะไร เพราะเป็นแค่โฆษณา
เราจะเชื่อหรือไม่ ก็มาตัดสินใจเองภายหลัง  ::007:: ;D :D
เพราะที่เห็นส่วนใหญ่ โฆษณาก็จะออกเว่อร์ๆ อยู่แล้ว  :DD

ถึงต้องใช้วิจารณญานในการชม เด็กๆควรมีผู้ปกครองให้การแนะนำด้วยค่ะ  :D

แล้วโฆษณาแบบนี้ล่ะครับ

(http://nongza.exteen.com/images/ads/ad06.jpg)

โค สะ นา ลิโพผสมเหล้าขาวก็ฮาดีครับ ;D

ยุคโน้น
อะไร อะไร ก็ดูจะเกินจริงไปเสียหมด
อีกตัวอย่างครับ ยาแก้ปวด ทันใจ .... กินปุ๊บ หายปั๊บ ครับ

ชอบโคด-สะ-นา สมัยก่อน ดูตรงไปตรงมาดี

ในฐานะที่จบนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณา และเคยประกอบอาชีพเป็นครีเอทีฟด้วย จึงขออนุญาตร่วมแสดงความคิดเห็นค่ะ

โฆษณา ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า ยังไงก็ขายของ เพราะฉะนั้น การทำหนังโฆษณา หรือสื่อต่าง ๆ ที่ท่าน ๆ เห็น ทำไมถึงต้องเกินจริงด้วย

ในปัจจุบันบ้านเรามีสินค้าเป็นพัน ๆ ชิ้น สินค้าที่เป็นประเภทเดียวกัน ก็มีไม่น้อย เพราะฉะนั้น คงไม่มีใครจำได้หมดว่าสินค้าประเภทนี้มีทั้งหมดกี่ยี่ห้อ จึงจำเป็นต้องมีการโฆษณา ซึ่งครีเอทีฟก็จะพยายามทำให้ผู้บริโภคจดจำตราสินค้าให้ได้ ส่วนจะซื้อหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้บริโภค เพราะปัจจัยการเลือกซื้อสินค้ายังต้องประกอบด้วยเงื่อนไขอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น โปรโมชั่นบ้างละ การภักดีต่อตราสินค้าบ้างละ ราคาบ้างละ ภาพพจน์ของสินค้าบ้างละ เป็นต้น ไม่จำเป็นว่าหนังโฆษณาที่ทำออกมาหวือหวาจะทำให้สินค้าขายดีตามไปด้วย (จะใช้เงินเยอะหรือน้อย ใช้ดารามาช่วย ทุกอย่างก็ย่อมขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้าด้วยว่าจะให้เงินมาเท่าไหร่)

ครีเอทีฟ ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำโฆษณาออกมาเพื่อหลอกลวงผู้บริโภคแน่นอน
โฆษณาชวนเชื่อ ไม่ใช่ การโกหก เพียงแต่เราไม่พูดความจริงหมดเท่านั้น !!!! (ไม่งั้น ของก็คงจะขายไม่ได้น่ะสิ)
เพราะฉะนั้น ก่อนจะซื้อสินค้าควรทำความเข้าใจและตรวจสอบถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ยิ่งสินค้าที่มีราคาสูง ยิ่งต้องใช้วิจารณญาณของตนให้มาก ๆ นะคะ เพื่อจะได้คุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป

ยินดีที่ได้เจอพวกจบสาขาเดียวกันครับ ผมนิเทศ มกท. เอกโฆษณา ตอนจะจบดันเจอพิษต้มยำกุ้ง เลยดึงเกมส์เรียนต่ออีกปี เพื่อให้ผ่านช่วงพิษเศรษฐกิจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำงานในสิ่งที่ตนเองเรียนมา ครับ ;D
ปล.ขอเสริมซักนิดครับ อธิบายง่าย ๆ คือถ้าเอาเราไปหย่อนกลางฝูงชน แล้วจะต้องพยามทำให้ใครซักคนสะดุดตา(ชายหรือหญิง)จำเราให้ได้ เราต้องเด่น และตะโกนเสียงดัง แต่เขาจะเลือกเราหรือเปล่า นั้นเป็นสิ่งที่เขาจะพิจารณาจากความพึงพอใจ ใช้มั้ยครับ............................และคนจบนิเทศเลยมีเวรมีกรรมที่จะไม่ยอมเชื่ออะไรที่พี่ ๆ น้อง ๆ ของเราพยามทำออกมาให้เราดู ให้ฟัง หรือนำเสนอ  เว้นแต่จะได้ทดลองและพิจารณาด้วยตนเอง :D

เคยมี โฆษณา เครื่องดื่มน้ำอัดลม ที่สโลแกนเขาว่า  "ใหญ่จนไม่สามารถให้เห็นทั้งขวดได้ทางทีวี" เราก็นึกในใจมันจะใหญ่แค่ใหนว๊ะ สนามฟุตบอลศุภฯใหย๋ยังงั้นเขายังถ่ายให้เห็นหมด ::013::

หัวใจโฆษณา ต้องทำให้เด่นสะดุดตาตรึงใจครับ

ผมว่าบอกความจริงทั้งหมดก็ขายได้ครับ ที่ว่าให้ข้อมูลไม่ครบนี่ไม่ใช่ความหมายที่เท่เลยนะครับ ต่างอะไรกับการบริโภคของอย่างหนึ่ง ได้ผลดีบางอย่าง แต่ไม่บอกว่มีผลกระทบเสียหายอะไรบ้าง?

ผมว่าสิ่งที่วงการโฆษณาเมืองไทยควรทำคือการเปรียบเทียบสินค้าระหว่างยี่ห้ออย่างตรงไปตรงมา มิติ การประหยัดพลังงาน สารอาหาร ฯลฯ 

แทนการให้ข้อมูลไม่ครบ (ซึ่งบางคนอย่างคุณก็กลับคิดไปว่าถ้าให้ข้อมูลครบแล้วขายของไม่ได้) หรือทำตลกปัญญาอ่อน อย่างโซฮอลมันผิด คนจำได้แต่รู้เรื่องอะไรจริงๆ เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง?

การโฆษณา ขายสินค้า ไม่ได้มีความหมายแค่ความคุ้มของเงินที่แลกของมา การใช้ของต่างๆ มีผลกระทบที่้ต้องรู้ ต้องเลือกผลกระทบในการใช้ด้วย

ผมอยากจะบอกว่า "การใช้ปืนป้องกันตัวในบ้านนั้นต้องให้พร้อมใช้บรรจุกระสุนวางไว้ในที่ต่างๆ ที่หยิบสะดวก เวลาฉุกเฉินจะได้ไม่เสียเวลาไปเปิดตู้หา หยิบกระสุนบรรจุ"

(เอ้อ ถ้าวางเกะกะคนเห็นง่ายย่องมาขโมย หรือเด็กหยิบไปเล่น ทำลั่นยิงตัวเอง ก็เป็นเรื่องของคุณ "ใช้วิจารณญาณของตนให้มาก ๆ" ผมแค่ "ไม่พูดความจริงหมด" เท่านั้น)


ปล. ความเห็นของคนจบรัฐศาสตร์ /สังคมวิทยา ประกอบอาชีพรับราชการบังคับใช้กฎหมาย

ขออนุญาตตอบพี่เป็นประเด็นประเด็นไปนะครับ
1.ผมว่าบอกความจริงทั้งหมดก็ขายได้ครับ ที่ว่าให้ข้อมูลไม่ครบนี่ไม่ใช่ความหมายที่เท่เลยนะครับ ต่างอะไรกับการบริโภคของอย่างหนึ่ง ได้ผลดีบางอย่าง แต่ไม่บอกว่มีผลกระทบเสียหายอะไรบ้าง
อย่างที่ผมและคุณmeojustice ได้พูดไว้ สัจจะธรรมของการโฆษณาคือการบอกเล่าความจริง แต่ไม่ใช้ความจริงทั้งหมด คนทำโฆษณาจะต้องหาจุดเด่นของสินค้าว่าคืออะไร แล้วจึงนำจุดเด่นนั้นมาวางเป็นแนวคิดหลัก เพื่อสื่อให้กับผู้ชมจดจำ อาทิสบู่ยี่ห้องหนึ่งจุดเด่นที่แตกต่างออกจากยี่ห้ออื่นคือ มีมอยเจอไรเซอร์ผสม อยู่ 1ใน 4 จึงนำมาสู่แนวคิดหลักในการทำโฆษณาว่า มีมอยเจอไรเซอร์ 1ใน 4 ทำให้ผิวนุ่ม แต่ในขณะเดียวกันสบู่ยี่ห้อนี้มีจุดอ่อนคือเหลวง่าย  คำถามคือถ้าผมนำเอาจุดอ่อนมาทำเป็นแนวคิดหลักด้วย(บอกทั้งว่ามีมอยเจอไรเซอร์1/4 แต่เหลวง่าย) มีหวังเละ ครับ ที่แน่ ๆ เจ้าของสินค้าเขาไม่มีทางยอมให้โฆษณาแบบนี้ออกสู่ท้องตลาดแน่นอน โฆษณาจะออกสู่สายตาผู้บริโภคได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของสินค้าว่า จะซื้องานโฆษณาชิ้นนั้นจากเอเจนซี่หรือไม่
2ผมว่าสิ่งที่วงการโฆษณาเมืองไทยควรทำคือการเปรียบเทียบสินค้าระหว่างยี่ห้ออย่างตรงไปตรงมา มิติ การประหยัดพลังงาน สารอาหาร ฯลฯ 
อยากทำครับ แต่ทำไม่ได้ ไม่งั้นมีรายการฟ้องรองกันสนุกเลย แต่ในขณะเดียวกันก็มีหนังสือเฉพาะที่เปรียบเทียบข้อมูลสินค้า หรือฉลากซึ่งแสดงถึงปริมาณอัตราส่วนของ โปรตีน แคลลอรี่ ฯลฯ (แค่โฆษณาล้อสิ้นค้ากันนี่ก็เป็นเรื่องแล้วครับในเมืองไทย)
         ข้อมูลเพิ่มเติมคือ ในกรณีของสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภค บริโภค จะต้องผ่านคณะกรรมการจากระทรวงหนึ่ง(สธ.ถ้าจำไม่ผิด)พิจารณาว่าเป็นการโฆษณาเกินจริงหรือไม่  แต่ผมไม่ทราบเหมื่อนกันว่าปัจจุบันยังต้องผ่านอยู่หรือไม่
         บางครั้งสินค้าคู่แข่งก็จะร้องเรียนโฆษณาที่ดูเกินจริง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าของเขา
         ทฤษฎีของการทำโฆษณา คือทำให้เกิดท๊อปออฟไมล(สะกดถูกมั้ยหว่า) แปลไทยคือการคิดถึงสินค้าที่ตนทำโฆษณาเป็นอันดับแรก ง่าย  ๆ คือผมถามว่าสบู่ ยี่ห้อใดที่เรานึกถึงนั้นคืออันดับ 1 ซึ่งเป็นสุดยอดปราถน่าของนักโฆษณา
        เครื่องดืมชูกำลัง ที่ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวดโปรดสังเกตุคำเตือนบนฉลากก่อนดื่มทุกครั้ง หรือโฆษณาอื่น ๆ ที่มีกฎหมายบังคับให้ทำ ประเด็นคือหากคณะกรรมการไม่อนุญาตให้ผ่าน ก็ไม่สามารถออกมาให้เราดูได้ บางครั้งคนทำโฆษณาอยากทำอย่างหนึ่ง เจ้าของสินค้าต้องการอีกแบบหนึ่ง ก็ต้องตามใจเจ้าของสินค้า ถ้าโฆษณาไม่ผ่านก็ต้องปรับแก้ตามที่กฎหมายกำหนด
      โฆษณาเป็นศิลปะที่มีธุระกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนผสมจึงไม่แน่นอนว่าอะไรเท่าไหร่ สิ่งหนึ่งที่เด็กนิเทศทุก ๆ คนจะถูกสอนคือ "ปากกาในมือคุณ ฆ่าคนก็ได้ ช่วยคนก็ได้ คุณต้องใช้วิจารณญาณในการใช้อย่างมีคุณธรรมและระมัดระวัง" นี่คือหลักของจริยธรรมของสื่อสารมวลชน หากใครซักคนทำเรื่องไม่ดีไม่งามซักครั้ง วงการนี้มันแคบครับ ใครคนนั้นก็จะไม่มีที่ยืนอยู่อีกต่อไป....................................เฮ้อนาน ๆ ถึงได้มีโอกาศเถียงพี่ซักที อิอิ ::014:: :D
ปล.โฆษณาของพวกขายตรง กับพวกทีวีขายตรง ชวนเชื่อหนักกว่านี้อีกครับ เจอพวกนี้ที่ไร ผมสนุกทุกที มาชวนเชื่อใครไม่ชวนดันมาชวนเชื่อกับเด็กโฆษณา ไม่อาปากค้างก็เก็บของแทบไม่ทันแทบทุกรายไป แต่ถ้าสินค้าเขาดีจริง ผมก็ซื้อครับ :D

ขอบคุณครับคุณสนที่ช่วยชี้แจง อิ อิ

ชอบแบบตลกๆครับ จะเกินไปขนาดไหนก็ไม่เป็นไร
เพราะถึงเวลาซื้อจะหารายละเอียดก่อน หรือไม่ก็อ่าน ฉลาก ก่อนซื้อครับ

มีคุณ zeus มาช่วยตอบอีกแรง ค่อยใจชื้นหน่อยค่ะ  (มีพวกแล้ววว :~)

งานโฆษณาเป็นการนำศาสตร์และศิลป์มารวมกัน นอกจากจะทำให้ผู้บริโภคจดจำสินค้าได้แล้ว ก็ควรจะต้องทำให้สินค้าขายได้ด้วย และหนังโฆษณาส่วนใหญ่ของไทยในเวลานี้ มักจะเป็นเรื่องที่ตลก ๆ ก็เพราะว่า คนไทยชอบสไตล์นี้ ดูแล้วไม่เครียด ที่สำคัญ ช่วยให้จดจำตราสินค้าได้ดีด้วยค่ะ

โฆษณาทีวีอังกฤษฮามากครับ ขอเล่าซ้ำอีกบางเรื่อง ;D

1. โคโลญหอมเย็น (ล้อเลียนตำนานกรีกอิคารุสที่บินหนีออกจากเขาวงกตกับพ่อ แต่บินสูงไปขี้ผึ้งที่ติดปีละลาย ตกทะเลยตาย) เปิดฉากมามีหญิงกรีกโบราณคิดปีขนนกอยู่บนหน้าผาเกาะครีต มีวิหารกรีกโบราณ "ใครจะรู้ว่าอิคารุสก็มีน้องสาว แต่น้องสาวเขาใช้โคโลญหอมเย็นของเรา" เพี้ยว นาวสาวบินลงจากหน้าผา พั๊บ พั๊บ... ... ปีกไม่ละลาย... ยี่ห้อโคโลญ โผล่มาให้คนดู ฉากสุดท้ายนางเอกแลนด์ดิ้ง พรืด ลงที่หน้าผา ชายทะเลที่   ...เมลเบิร์น

2. รถนิสสัน ไพรมีร่า สามี ภรรยา ตื่นขึ้นมาทำหน้าชื่นมื่น "กู๊ดมอร์นิ่ง มิสซิสโจนส์"   "กุ๊ดมอร์นิ่ง มิสเตอร์โจนส์" แต่งตัวชุดทำงานออกจากบ้านเลขที่ 21 ขึ้นรถวิเศษขับไปในชนบทสวยงามมีความสุข โอ้ รถนี้เยี่ยมจริงหนอ เลี้ยวแฟบ เข้าบ้านเลขที่ ...21 เดินเข้าประตูหน้าบ้านอีกข้าง เป็นห้องทำงาน "อือม์ กุ๊ดมอร์นิ่งมิสซิสโจนส์"  "เยส กู๊ดมอร์นิ่ง มิสเตอร์โจนส์"

3. เบียร์คาลลิ่ง คนเดินเข้าผับอันสุดเซ็ง ผู้คนหน้าตาฝืด ทีวีก็ไม่มีใครดู สั่งเบียรืคาลลิ่งมา 1 ไปท์ จิบปั๊ป โอ้ แสงสวรรค์เข้าครอบคลุมผู้คนชื่นมื่น แฮปปี้ เดิน แม้แต่รากการทีวีก็กลายเป็นสวรรค์ (ของคนอังกฤษ) เป็นแมทช์ฟุตบอล “โอ้ว อิงแลนด์ ไฟว์ เจอมัน นีล”….